Sunday, 8 June 2025
ชลน่านศรีแก้ว

'วิทยุชุมชน' ร้อง 'เพื่อไทย' แก้ กม.จัดสรรคลื่นความถี่ หลัง 'กสทช.' ออกกฎประมูลคลื่นฯ เอื้อทุนใหญ่ชัดเจน

เพื่อไทยรับข้อเรียกร้องวิทยุชุมชนเกือบ 4,000 สถานี ‘ชลน่าน’ ชี้หากแก้ไข กม.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่ฯ เข้าสภาไม่ทันปีนี้ เพื่อไทยพร้อมนำไปสานต่อ ‘สุทิน’ จวกเปิดประมูลวิทยุชุมชน ยิ่งสร้างความเหลื่อมล้ำ

นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ​​​นายสุทิน คลังแสง​​​ ส.ส.มหาสารคาม รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย นายคมเดช ไชยศิวามงคล ส.ส.กาฬสินธุ์ ประธานคณะทำงานวิทยุชุมชนพรรคเพื่อไทย นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองเลขานุการคณะกรรมการยุทธศาสตร์และทิศทางการเมือง พรรคเพื่อไทย ร่วมแถลงข่าวรับข้อเรียกร้องจากเครือข่ายวิทยุชุมชน รวม 3,967 สถานี ขอให้พรรคเพื่อไทยแก้กฎหมายยกเลิกการประมูลคลื่นความถี่วิทยุภาคประชาชนทั่วประเทศ ซึ่งสำนักงานกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ออกประกาศเมื่อเดือนมิถุนายน 2564 ในการเปลี่ยนผ่านการทดลองประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง (วิทยุชุมชน) ไปสู่ระบบการอนุญาตแบบประมูล โดยให้ออกอากาศถึงวันที่ 3 เมษายน 2565 ยกเลิกสถานะจาก ‘ผู้ประกอบการวิทยุชุมชน’ มาเป็น ‘ผู้ทดลองออกอากาศ’ และขอให้ใช้คลื่นความถี่ระบบเอฟ.เอ็ม กำลังส่งต่ำ (50 วัตต์) จากเดิมที่ใช้กำลังส่ง 500 วัตต์ 

นายวรพจน์ ลัภโต ผู้แทนองค์กรภาคีเครือข่ายผู้ประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียงภาคประชาชน แห่งประเทศไทย กล่าวว่า ตนถือว่าเป็นสื่ออีกแขนงหนึ่ง และเป็นประชาชนในท้องถิ่น มีทุนทรัพย์น้อย  หากต้องดำเนินการตามประกาศของ กสทช.คงไม่มีโอกาสชนะการประมูลคลื่นวิทยุชุมชนอยู่แล้ว  ระบบการประมูล ทำให้ผู้ประกอบการรายเล็กไม่มีโอกาสที่จะชนะการประมูล เพราะตามหลักการของการผู้ประมูล ผู้ที่ให้ราคาสูงจะเป็นผู้ชนะ ดังนั้นถือเป็นระบบที่เอื้อนายทุนรายใหญ่ จึงได้ขอให้พรรคเพื่อไทยยกร่างแก้ไขกฎหมาย และร่างแก้ไของค์กรจัดสรรคลื่นความถี่ ผลักดันเข้าสู่การกระบวนการทางสภาแล้ว พร้อมเรียกร้องให้พรรคเพื่อไทย ดำเนินการตามข้อเสนอ 4 ข้อดังนี้

1. ขอให้พรรคเพื่อไทย กำหนดให้การมีอยู่ของวิทยุชุมชนโดยผู้ประกอบการรายเล็กเป็นหนึ่งในนโยบายของพรรค เพื่อให้ให้ได้ทำหน้าที่สื่อสารมวลชนระดับท้องถิ่นต่อไป

2. ขอให้พรรคเพื่อไทยผลักดันการแก้ไขกฎหมายประมูลคลื่นความถี่วิทยุชุมชนซึ่งไม่มีความเป็นธรรมกับผู้ประกอบการรายเล็ก

3. ขอให้พรรคเพื่อไทยเป็นเจ้าภาพจัดตั้งสมาคมวิทยุกระจายเสียงเพื่อประชาชน เพื่อให้เกิดความอิสระต่อการประกอบกิจการ และยังคงไว้ซึ่งการสื่อสารมวลชนระดับท้องถิ่น

4. ขอให้พรรคเพื่อไทยแต่งตั้งคณะทำงานศึกษากฎหมายด้านอาหารและยา ซึ่งมีความเกี่ยวพันกับการออกอากาศของวิทยุชุมชน

ทั้งนี้ กสทช. ยังได้ประกาศมายังผู้ประกอบการวิทยุชุมชนว่าจะมีการเรียกคืนคลื่นวิทยุชุมชนก่อนกำหนดเดิม 6 เดือน จากเดิมจะหมดลงในปี 2567 ด้วย ซึ่งถือเป็นความเดือดร้อนของผู้ประกอบการเป็นอย่างมาก 

'ชลน่าน' แจงนโยบายค่าแรง 600 บาท ชี้ เป็นวิสัยทัศน์ + ภาพฝัน ที่ตั้งเป้าภายในปี 70

(8 ธ.ค. 65) นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีนายสนธิญา สวัสดี อดีตที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร ยื่นหนังสือต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เพื่อขอให้ตรวจสอบนโยบายหาเสียงของพรรคเพื่อไทยว่า ไม่กังวล สิ่งที่ประกาศเป็นวิสัยทัศน์ คือภาพที่เราฝันให้เป็นจริงที่ตั้งเป้าเอาไว้ภายในปี 2570 ว่า คนไทยและประเทศไทยจะเป็นอย่างไร เช่น คนที่ทำงาน ควรที่จะได้รับค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาทต่อวัน คนเรียนจบปริญญาตรีควรได้เงินเดือน 25,000 บาท

เมื่อเป็นวิสัยทัศน์และมีกระบวนการการจัดทำนโยบายต่าง ๆ เสร็จแล้ว หากจะประกาศเป็นนโยบายที่จะใช้รณรงค์หาเสียง ก็ต้องแจ้งไปที่กกต. เพื่อให้ทราบถึงแหล่งเงิน ผลกระทบที่จะเกิดขึ้นตามที่กฎหมายกำหนด

‘เพื่อไทย’ เดินหน้าแก้รัฐธรรมนูญ มาตรา 159 พร้อมยกเลิกมาตรา 272 ตัดสิทธิ์ ส.ว. เลือกนายกฯ

(16 ธ.ค. 65) เวลา 10.00 น. ที่รัฐสภา นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) พร้อมคณะ ยื่นหนังสือถึงนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ผ่านนพ.สุกิจ อัถโถปกรณ์ ที่ปรึกษาประธานสภาผู้แทนราษฎร เพื่อเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญเพิ่มเติมมาตรา 159 และการยกเลิกมาตรา 272 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย 

โดยนพ.ชลน่าน กล่าวว่า สิ่งที่พรรคเพื่อไทย มีเจตจำนง และมุ่งมั่นมาตลอดคือการแก้ไขรัฐธรรมนูญปี 60 โดยเฉพาะมาตราที่เห็นว่าเป็นปัญหาที่สุดในการบังคับใช้ และกระทบต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข คือมาตรา 272 ที่รัฐธรรมนูญฉบับนี้บัญญัติไว้ชั่วคราวว่า ให้ส.ว.250 คน สามารถเลือกนายกรัฐมนตรีได้ โดยเราพยายามยื่นแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญมาตลอดแต่ไม่สำเร็จ เนื่องจากกติกาการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่เขียนไว้ มีส่วนทำให้ไม่สามารถแก้ไขเพิ่มเติมได้ คือ การต้องอาศัยเสียงไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของสมาชิกรัฐสภา และต้องมี ส.ว. เห็นชอบด้วยในวาระรับหลักการไม่น้อยกว่า 1 ใน 3 ของสมาชิกที่มีอยู่ ด้วยกลไกเหล่านี้ทำให้เรายื่นร่างแก้ไขแล้วไม่สำเร็จ ซึ่งในสมัยประชุมที่ผ่านมาเราก็ยื่นแต่ก็ถูกตีตกไปในขั้นรับหลักการ แต่เราก็ไม่ย่อท้อ เพราะตามข้อบังคับแล้วในสมัยประชุมที่เปิดมาเราสามารถยื่นแก้ไขเพิ่มเติมในมาตราที่สภาไม่รับหลักการได้

‘หมอชลน่าน’ ชู 2 เสาหลักสร้าง ศก.ดิจิทัล ตั้งเป้าปี 2570 สร้างคนดิจิทัล 2 ล้านคน

(22 ธ.ค. 65) นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน หัวหน้าพรรคเพื่อไทย และผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร แสดงวิสัยทัศน์ในงานสัมมนา ‘NEXT STEP THAILAND 2023 ทิศทางแห่งอนาคต’ จัดโดยสปริงนิวส์ เนชั่นทีวี และโพสต์ทูเดย์ โดยในโอกาสนี้นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย นางสาวลิณธิภรณ์ วริณวัชรโรจน์ รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย นายชนินทร์ รุ่งธนเกียรติ รองโฆษกพรรคเพื่อไทย นางสาวตรีชฎา ศรีธาดา รองโฆษกพรรคเพื่อไทย นางสาวชญาภา สินธุไพร รองโฆษกพรรคเพื่อไทย เข้าร่วมงานสัมมนาด้วย

นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว กล่าวว่า ภายในปี 2570 พรรคเพื่อไทยตั้งเป้าหมายให้ประเทศไทยต้องเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจดิจิทัลในภูมิภาค คนไทยต้องรู้เท่าทัน รู้การเปลี่ยนแปลง และก้าวไปได้ทันกับเศรษฐกิจดิจิทัล เพราะเศรษฐกิจดิจิทัล มีทั้งโอกาสและอันตรายซ่อนอยู่ คือ เค้กชิ้นใหญ่ที่ทุกฝ่ายอยากไขว่คว้ามาแบ่งกัน ปัญหาคือประเทศไทยไม่มีคนผลิตเค้ก พรรคเพื่อไทยจึงต้องตอก 2 เสาหลัก เพื่อวางอนาคตด้านเศรษฐกิจดิจิทัล ได้แก่

1. โครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัล ซึ่งคือเครื่องผลิตเค้ก พรรคเพื่อไทยไม่ได้หยุดอยู่ที่อินเทอร์เน็ตฟรีทุกหมู่บ้าน หรือแท็ปเล็ตฟรีทุกครอบครัว แต่พรรคเพื่อไทยต้องการวางโครงสร้างระบบการเงินของประเทศด้วย Central Bank Digital Currency (CBDC) ให้คนไทยทุกคนมีกระเป๋าสตางค์ดิจิทัล มี digital ID ของตนเอง ทลายกำแพงการชำระเงินข้ามพรมแดนด้วย Blockchain สัญชาติไทย รวมทั้งการตรวจสอบการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ

พรรคเพื่อไทยประกาศเปิดเขตธุรกิจใหม่ 4 แห่ง เชียงใหม่ กรุงเทพ ขอนแก่น หาดใหญ่ เพื่อสร้างกฎหมายธุรกิจใหม่ ดึงดูดการลงทุนต่างชาติด้านดิจิทัล และธุรกิจในโลกยุคใหม่ เขตธุรกิจใหม่นี้จะสร้างและเชื่อมเอสเอ็มอีที่มีตลาดในมือ กับ สตาร์ตอัปที่มีไอเดียและเทคโนโลยี และยังดึงดูดแรงงานทักษะสูงจากต่างชาติเข้าทำงานระยะยาวในไทย

‘ชวน’ นัดถกวิป 3 ฝ่าย เคาะวันอภิปราย ด้าน 'ชลน่าน' ขอฝ่ายค้านได้เวลากว่า 22 ชม.

'ชวน' นัดถกวิป 3 ฝ่าย เตรียมเคาะวันอภิปรายมาตรา 152 ชี้ กม.รัฐบาลไม่ควรค้างแม้เรื่องเดียว ด้าน 'ชลน่าน' คาด เวทีซักฟอกอาจเป็นช่วงสัปดาห์ที่ 3-4 ของเดือน หวังได้เวลามากกว่า 22 ชม.

(4 ม.ค. 66) นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงการวางกรอบการประชุมสภาผู้แทนราษฎรในช่วงเวลาที่เหลืออยู่ ว่า วันนี้เวลา 14.00 น. จะหารือกับวิปทั้ง 3 ฝ่าย ประเด็นแรกคือเรื่องญัตติการอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติตามรัฐธรรมนูญมาตรา 152 โดยจะเป็นการถามฝ่ายผู้เสนอว่าจะใช้ช่วงเวลาใด ซึ่งเท่าที่คุยกับนพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน หัวหน้าพรรคเพื่อไทย และผู้นำฝ่ายค้าน เบื้องต้นอยากได้ช่วงปลายเดือนม.ค. แต่เนื่องจากจะเชิญตัวแทนของรัฐบาลมาด้วย หากทั้ง 2 ฝ่ายได้ตกลงกัน ก็จะได้กำหนดเวลาแน่นอนส่วนเรื่องอื่นตั้งใจว่าจะพูดเรื่องกฎหมายที่ค้าง เพราะเนื่องจากร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.)กัญชา กัญชง พ.ศ. … อาจจะต้องใช้เวลา รวมถึงร่าง พ.ร.บ.คู่ชีวิต และร่าง พ.ร.บ.สมรสเท่าเทียม ต้องให้เสร็จก่อนจึงจะสามารถพิจารณากฎหมายฉบับอื่นได้ โดยจะเป็นการหารือว่าหากจะให้มีการประชุมในวันศุกร์ใด วันศุกร์หนึ่งจะพร้อมหรือไม่ เพราะเท่าที่ดูช่วงปลายสมัยก็จะยากหน่อย

นายชวน กล่าวว่า อีกเรื่องเป็นเรื่องที่กรรมาธิการพิจารณาเสร็จแล้ว โดยจะเป็นการหารือว่าเมื่อบรรจุวาระเข้าไปแล้ว แต่ละฝ่ายจะสามารถตกลงกันได้หรือไม่ว่าจะใช้เวลาเท่าไหร่ ซึ่งหากสามารถตกลงกันได้ก็จะทำให้เรื่องที่กรรมาธิการพิจารณาเสร็จแล้วผ่านไปได้ เพราะตนคิดว่าเป็นผลงานที่แต่ละฝ่ายทำมา บางคณะอาจใช้เวลา 1 ปี หรือบางคณะอาจใช้เวลา 2 ปี จึงไม่ควรที่จะค้างเพราะจะทำให้เสียของ จึงอาจะให้ผ่าน ส่วนกฎหมายหากไม่ทันก็เป็นเรื่องที่แล้วแต่รัฐบาล เพราะกฎหมายที่สำคัญก็เป็นของรัฐบาล

‘หมอชลน่าน’ แนะจับตารัฐบาลชิงยุบสภาฯ ชี้!! มีการถือกฤษ์ดูดวง หวังกลับมาสืบทอดอำนาจ

‘ชลน่าน’ แนะจับตา 3 ช่วงรบ.ถือฤกษ์ชิงยุบสภาฯ หวังกลับมาสืบทอดอำนาจ เชื่อ ปชช.จะพิพากษาในคูหาเลือกตั้ง อัดรัฐเพิ่มวงเงินบัตรสวัสดิการชิงความได้เปรียบ ย้ำไม่ประกาศจับพรรคไหนก่อนเลือกตั้ง ชี้เสียมารยาท

(16 ม.ค. 66) ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นพ.ชลน่าน หัวหน้าพรรค กล่าวถึงความคืบหน้าในการเตรียมญัตติอภิปรายทั่วไปโดยไม่ลงมติตามรัฐธรรมนูญมาตรา 152 ว่า คณะรัฐมนตรี (ครม.) ตอบกลับว่ามีความพร้อมอภิปรายตั้งแต่วันที่ 15 ก.พ.เป็นต้นไป ซึ่งพรรคร่วมฝ่ายค้านและผู้เสนอญัตติได้ปรึกษาหารือเสนอไปว่า มันเป็นเวลาที่เนิ่นนานเกินกว่าเหตุที่จำเป็น ขณะที่นายชวน หลีกภัย ประธานสภาฯ ก็เห็นด้วยว่าอภิปรายควรไม่เกิน 1 เดือนเมื่อเสนอญัตติไปแล้ว ยืนยันว่าเราจะอภิปรายครอบคลุมทุกเนื้อหา และเป็นประเด็นที่เกิดขึ้นในสังคม อาทิ ยาเสพติด ทุนจีนสีเทา การแต่งตั้งโยกย้าย ทั้งนี้ นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม ฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน จะดูแลดูเนื้อหาสาระการอภิปราย เราตั้งเป้าได้เวลาไม่ต่ำกว่า 22 ชั่วโมง ซึ่งมากกว่าครั้งที่ผ่านมา 

นพ.ชลน่าน กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยให้ความสำคัญเพราะเป็นการอภิปรายครั้งสุดท้าย เพื่อให้ประชาชนลงมติในคูหาเลือกตั้ง เราจะถอดหน้ากากคนดีแล้วให้เห็นว่าคนดีที่แท้จริงคิดอะไร ส่วนบุคคลที่จะอภิปรายในนามพรรคต้องถูกคัดเลือก ไม่ได้ในนามสมัครใจ เสมือนเวทีปราศรัยใหญ่ แต่เป็นเวทีในสภาฯ และบุคคลที่คัดเลือกจะอภิปรายประเด็นที่เป็นประโยชน์ในการเสนอปัญหาให้ครม.

เมื่อถามกลัวรัฐบาลชิงยุบสภาฯ ก่อนหรือไม่ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า เป็นประเด็นที่วิตกพอสมควร เพราะช่วงที่กำหนดวันอภิปรายทิ้งเวลาเนิ่นนานเกรงว่าจะหนีอภิปราย และมีกระแสข่าวว่ารัฐบาลจะยุบสภาฯ ก่อน 15 ก.พ. จริงหรือไม่ต้องติดตาม โดยเฉพาะหลังวันที่ 6 ก.พ. หากส.ส.ยังคงทำหน้าที่ต่อ โอกาสยุบสภาฯมีสูง ซึ่งได้ข่าวมาว่ามีการดูฤกษ์งามยามดีในการยุบสภา เพื่อให้ได้กลับมามีโอกาสสืบทอดอำนาจ คือวันที่ 14 ก.พ. 24 ก.พ.และ 7 มี.ค. ทั้งนี้ หากตรงไปตามข่าวยุบสภาก่อนวันที่ 15 ก.พ. ก็คือวันที่ 14 ก.พ.ซึ่งเป็นวันแห่งความรัก อาจจะกลายเป็นวันแห่งความเกลียดได้ และต่อให้ถือฤกษ์ยามเพียงใด แต่ฤกษ์งามยามดีของประชาชน ก็คือวันเข้าคูหากาบัตรเลือกตั้ง ซึ่งจะเป็นวันพิพากษาพวกท่าน

‘เพื่อไทย’ รับหนังสือจากเครือข่ายภาคประชาชน เสนอ นศ.เรียนพร้อมฝึกงาน ลดรายจ่ายผู้ปกครอง

(24 ม.ค. 66) ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรค พร้อมด้วย น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ โฆษกพรรค นายศรัณย์ ทิมสุวรรณ ส.ส.เลย และผู้ประสงค์ลงสมัครรับการเลือกตั้ง ส.ส. กทม. ประกอบด้วย น.ส.เพ็ญพิสุทธิ์ จินตโสภณ เขตยานนาวา-บางคอแหลม นายศิลปวิชญ์ น้อยสมมิตร เขตธนบุรี และนายขจรศักดิ์ ประดิษฐาน เขตห้วยขวาง-วังทองหลาง รับมอบหนังสือจากเครือข่ายภาคประชาชน สำนักความคิด (ประเทศไทย) เครือข่ายลมใหม่ นำโดยนายพิษณุวัฒน์ สิงห์ชัย ประธานเครือข่าย เสนอนโยบายด้านอาชีพเพื่อสร้างโอกาสให้คนรุ่นใหม่ 

นายพิษณุวัฒน์ กล่าวว่า ภายหลังที่พรรคพท.ได้เปิดนโยบายเรื่องค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาทต่อวัน และเงินตอบแทนปริญญาตรีขั้นต่ำ 25,000 บาทต่อเดือน ทางกลุ่มภาคประชาชนที่ประกอบด้วยนักเรียน นักศึกษาสายอาชีพ เล็งเห็นว่าพรรคเพื่อไทยน่าจะเป็นพรรคที่ทำตามนโยบายได้จริง จึงได้รวบรวมคิดเป็นนโยบายมานำเสนอ ตั้งแต่นโยบายสายอาชีพมีรายได้ คือการส่งเสริมให้บริษัทเอกชนรับนักศึกษาระดับ ปวช. และ ปวส.เข้าฝึกงานจริงตามสายอาชีพ ให้เรียนไปทำงานไปมีรายได้ตั้งแต่ 6,000 บาทขึ้นไป การสนับสนุนสวัสดิการคนวัยเริ่มงาน ด้วยการอุดหนุนค่าอินเทอร์เน็ต รถเมล์ฟรี นอกจากนี้กลุ่มนักเรียน นักศึกษาหรือแม้แต่ผู้สูงอายุ ควรได้โอกาสเข้าอบรมฝึกฝนทักษะใหม่ ๆ ฟรีในสถาบันการศึกษาต่าง ๆ อีกด้วย

‘ชลน่าน’ เย้ย ‘ประยุทธ์’ ทำงาน 8 ปีไม่มีผลงาน ซัด!! อ้างทำหมดทุกอย่าง แต่ผลลัพธ์เท่ากับล้มเหลว

(16 ก.พ. 66) นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทยให้สัมภาษณ์ถึงภาพรวมการอภิปรายในวันที่ 15 ก.พ.ว่า ฝ่ายค้านทำหน้าที่ได้อย่างดียิ่งในการนำเสนอข้อเท็จจริงสอบถามไปยังคณะรัฐมนตรี (ครม.) ส่วนที่นายกฯ จะตอบว่า สิ่งที่ฝ่ายพูดไม่ใช่ปัญหา ไม่ใช่ข้อเท็จจริงก็ต้องบอกกับสภาเอง และหลายเรื่องที่เราอภิปรายสามารถนำไปใช้ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจได้ แต่ครั้งนี้เป็นการอิปรายทั่วไปรัฐมนตรีก็ต้องไปดูว่าเป็นจริงตามที่เราพูดหรือไม่

เมื่อถามว่า ที่ระบุว่าบางประเด็นสามารถอภิปรายไม่ไว้ใจได้นั้น จะมีการนำไปยื่นให้องค์กรอิสระตรวจสอบหรือไม่ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ประเด็นที่นำมาพูดและมีหลักฐานชัด สามารถดำเนินการต่อเนื่องได้ เป็นแนวทางที่เราหารือไว้แล้ว ซึ่งมีหลายเรื่อง เช่นเรื่อง น.ส.จิราพร สินธุไพร ส.ส.ร้อยเอ็ด พรรคเพื่อไทยอภิปรายถึง การฮั้วการประกอบธุรกิจโดยมิชอบมีการเอื้อประโยชน์ แม้รัฐมนตรีไม่เกี่ยวเนื่องโดยตรงแต่มีเรื่องจริยธรรมอยู่

เรื่องนี้ต้องประกบ ‘ชลน่าน’ ประกบ ‘อิ๊งค์’ อธิบายเรื่องงบประมาณ บรรยากาศเหมือนยุคยิ่งลักษณ์ตอบปมจีทูจี

(8 มี.ค.66) น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ประธานคณะที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรม พรรคเพื่อไทย และหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ถึงกรณี เมื่อวันที่ 7 มี.ค.ที่ผ่านมา คณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติการใช้งบประมาณเป็นวงเงินกว่า 6.8 หมื่นล้านบาท ว่า งบประมาณที่มีผลผูกพัน ทุกงบที่มีอยู่ก็ต้องจัดการ ซึ่งเรามีผู้ที่มีความรู้ความสามารถอยู่แล้ว เราก็ต้องประชุมร่วมกันทั้งหมด เพื่อใช้ภาษีของประชาชนให้คุ้มค่ามากที่สุด

ด้าน นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวเสริมว่า เรื่องงบประมาณต้องแบ่งเป็น 2 ส่วน คือ
1.) งบประมาณผูกพัน ที่ทำให้ก่อหนี้
2.) เป็นงบประมาณผูกพันตามข้อกฎหมาย ซึ่งในส่วนนี้รัฐบาลที่จะเข้ามารับช่วงต่อ ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลไหนก็ต้องดำเนินการตามนั้น

‘ชลน่าน’ ไม่กังวล ‘เสี่ยหนู’ กินข้าวกระชับมิตร ‘บิ๊กป้อม’ ย้ำชัด เป้าหมาย พท.คือจัดตั้ง รบ. ลั่น!! ไม่จับมือสองพรรคนี้

(16 มี.ค. 66) นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวกรณีที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) พร้อมด้วยนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ เลขาธิการพรรค ภท. และนายชาดา ไทยเศรษฐ์ ส.ส.อุทัยธานี รองหัวหน้าพรรค ภท. เข้าพบและร่วมรับประทานอาหารกลางวันกับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ที่มูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อ 5 จังหวัด จะเป็นการคุยกัน เพื่อจับมือจัดตั้งรัฐบาลในการเลือกตั้งครั้งที่กำลังจะมาถึงหรือไม่ว่า ก็ชวนให้คิดได้ เนื่องจากเขาเคยทำงานร่วมกันมา เป็นพรรคร่วมรัฐบาลเดียวกัน ก็อาจจะมีการร่วมมือกันเพื่อร่วมรัฐบาลเดียวกันหลังเลือกตั้ง เพราะเขาเองก็คงประเมินสถานการณ์มาอยู่แล้ว ว่าเขาน่าจะได้รับคะแนนเสียงมาเท่าไหร่ หากจะมีการจัดตั้งรัฐบาลร่วมกันเขาจะต้องทำอย่างไร

เมื่อถามว่า กังวลหรือไม่ที่อาจจะมีการคิดจับมือกันก่อนที่จะมีการเลือกตั้ง นพ.ชลน่าน กล่าวว่า เราไม่กังวล ยิ่งเขาประกาศตัวชัดเจนเท่าไหร่ ก็ยิ่งเป็นผลดีในการที่จะตัดสินใจของพี่น้องประชาชน หากสองพรรคนี้เขาประกาศว่าหลังเลือกตั้งจะมาจับมือกัน ประชาชนจะเห็นด้วยหรือไม่นั้น เขาก็จะไปใช้สิทธิ์ในการเลือกตั้ง

เมื่อถามว่า หากพรรค พท.ได้เสียงไม่ถึงเป้าหมายที่ตั้งไว้ และพรรค พปชร.จับมือกับพรรค ภท. พรรค พท.จะจับมือกับสองพรรคนี้ด้วยหรือไม่ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า เรามุ่งมั่นที่จะทำให้ถึงเป้าหมายให้ได้ คือ 310 เสียง การที่เราตั้งเป้าหมายเช่นนั้น เพราะเราไม่ต้องการจับมือกับพรรคที่เป็นแนวร่วมในการยึดอำนาจ พรรคที่สนับสนุนเผด็จการมา เราต้องอาศัยเสียงประชาชนช่วย ฉะนั้น เราจึงต้องทำตรงนั้นให้ถึง


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top