Monday, 21 April 2025
ค้ามนุษย์

สหประชาชาติยกระดับต่อต้านอาชญากรรมคอลเซ็นเตอร์และการค้ามนุษย์ ให้ 'พล.ต.อ.ธัชชัยฯ' เป็นหัวหน้าหน่วยเฉพาะกิจ

สำนักงานว่าด้วยยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ (United Nations Office on Drugs and Crime : UNODC) เป็นองค์กรที่กำกับดำเนินการตามอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการต่อต้านอาชญากรรมข้ามชาติที่จัดตั้งในลักษณะองค์กร (United Nations Convention against Transnational Crime : UNTOC) ซึ่งรวมถึงการต่อต้านการค้ามนุษย์และลักลอบขนผู้โยกย้ายถิ่นฐาน โดยให้การสนับสนุนรัฐบาลของประเทศสมาชิก จำนวน 193 ประเทศ จาก 195 ประเทศทั่วโลก ทั้งในทางด้านการให้คำปรึกษา การเสริมสร้างศักยภาพ รวมถึงความร่วมมือในการประสานงานระหว่างประเทศเพื่อให้ประเทศสมาชิกสามารถที่จะต่อสู้กับปัญหาการค้ามนุษย์และการลักลอบขนผู้โยกย้ายถิ่นฐานที่เกิดขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพและเป็นไปตามหลักสิทธิมนุษยชน

ตั้งแต่ปี พ.ศ.2563 ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เผชิญกับปัญหาการค้ามนุษย์เพื่อการบังคับให้กระทำความผิดทางอาญา ที่มีความเชื่อมโยงกับการหลอกลวงทางออนไลน์และการฉ้อโกงทางการเงินเพิ่มขึ้นอย่างมาก การค้ามนุษย์รูปแบบนี้ส่งผลกระทบต่อผู้คนในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เอเชียตะวันออก รวมไปถึงผู้เสียหายจากการฉ้อโกงในทวีปแอฟริกา เอเชียกลาง อเมริกา และยุโรป ผู้คนจำนวนมากถูกล่อลวงให้ไปทำงานในศูนย์คอลเซ็นเตอร์ในประเทศเมียนมา ลาว หรือกัมพูชา ซึ่งมีที่ตั้งอยู่ในเขตเศรษฐกิจพิเศษใกล้กับคาสิโนหรืออาคารที่มีระบบรักษาความปลอดภัยสูง 

UNODC ตระหนักถึงความรุนแรงและความเร่งด่วนในการแก้ไขปัญหาดังกล่าว จึงมีนโยบายยกระดับการต่อต้านอาชญากรรมคอลเซ็นเตอร์และการค้ามนุษย์ในภูมิภาคเอเชีย โดยการจัดตั้ง หน่วยเฉพาะกิจต่อต้านอาชญากรรมคอลเซ็นเตอร์และการค้ามนุษย์ (Specialized Cyber Scam and Trafficking in Persons for Forced Criminality Taskforce และได้เชิญ พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และศูนย์ต่อต้านการค้ามนุษย์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (จตช./ผอ.ศปอส.ตร./ผอ.ศพคม.ตร.) ดำรงตำแหน่งหัวหน้าหน่วยเฉพาะกิจนี้ ซึ่งเมื่อวันที่ 27 มกราคม 2568 ได้มีการจัดการประชุมเพื่อหารือเกี่ยวกับทิศทางในการดำเนินงานของหน่วยเฉพาะกิจนี้

ดร.มาซุด คาริมิปูร์ (Masood Karimipour) ผู้แทนภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และแปซิฟิกของ UNODC กล่าวว่า ทาง UNODC ซึ่งเป็นองค์กรรัฐบาลระหว่างประเทศ มีความมั่นใจอย่างยิ่งว่า พล.ต.อ.ธัชชัยฯ จะนำความเชี่ยวชาญและความเป็นผู้นำ มาบัญชาการและกำหนดทิศทางการปฏิบัติงานของหน่วยเฉพาะกิจต่อต้านอาชญากรรมคอลเซ็นเตอร์และการค้ามนุษย์ ให้สามารถแก้ไขปัญหาอาชญากรรมคอลเซ็นเตอร์และการค้ามนุษย์ในภูมิภาคนี้ได้อย่างยั่งยืนและมีประสิทธิภาพ โดยการร่วมกันจัดตั้งหน่วยเฉพาะกิจนี้เป็นการแสดงเจตนารมณ์ของรัฐบาลไทยในการแก้ไขปัญหาดังกล่าวอย่างจริงจัง

ดร.รีเบ็คก้า มิลเลอร์ (Rebecca Miller) ผู้ประสานงานภูมิภาคของ UNODC ด้านการค้ามนุษย์และการลักลอบขนผู้โยกย้ายถิ่นฐาน กล่าวว่า UNODC มีความยินดีและความพร้อมที่จะให้การสนับสนุนหน่วยเฉพาะกิจและสำนักงานตำรวจแห่งชาติในทุกมิติที่เกี่ยวข้อง รวมถึงการพัฒนากลไกการประสานงานระหว่างประเทศ การฝึกอบรมเจ้าหน้าที่ให้มีความสามารถในการรับมือกับรูปแบบของอาชญากรรมที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา และการร่วมกันสร้างความตระหนักให้กับสังคมเกี่ยวกับอาชญากรรมคอลเซ็นเตอร์และการค้ามนุษย์

พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จตช./ผอ.ศปอส.ตร./ผอ.ศตคม.ตร. กล่าวว่า รู้สึกเป็นเกียรติและภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่งที่ได้รับเชิญจาก UNODC ซึ่งเป็นองค์กรระดับโลก ให้ดำรงตำแหน่งหัวหน้าหน่วยเฉพาะกิจนี้ เชื่อมั่นว่าการขับเคลื่อนหน่วยเฉพาะกิจนี้จะนำไปสู่สังคมโลกและภูมิภาคเอเชียที่ปลอดภัยจากอาชญากรรมคอลเซ็นเตอร์และการค้ามนุษย์ โดยจะดำเนินการผ่าน 3 เสาหลัก ได้แก่ 1.การช่วยเหลือผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ 2.การคุ้มครองผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ และ 3.การสืบสวนสอบสวนและดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดในคดีอาชญากรรมคอลเซ็นเตอร์และการค้ามนุษย์ หน่วยเฉพาะกิจนี้จะเป็นการประกอบกำลังของหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องในประเทศไทย โดยจะนำศักยภาพและทรัพยากรของแต่ละหน่วยงานมาบูรณาการร่วมกันในการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมคอลเซ็นเตอร์และการค้ามนุษย์จากต้นเหตุ นอกจากนี้ จะมีการใช้กลไกของ UNODC ในการเชื่อมหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายในประเทศต่างๆ ทั่วโลก ให้เข้ามาร่วมแลกเปลี่ยนข้อมูลและเปิดปฏิบัติการระหว่างประเทศทลายเครือข่ายอาชญากรรมคอลเซ็นเตอร์และการค้ามนุษย์ และการนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาใช้ในการสืบสวน รวมถึงการพัฒนาองค์ความรู้และเครือข่ายเพื่อยกระดับขีดความสามารถของเจ้าหน้าที่ในการปราบปรามอาชญากรรมดังกล่าว เป้าหมายสูงสุดของหน่วยเฉพาะกิจนี้ คือการขจัดองค์กรอาชญากรรมคอลเซ็นเตอร์และการค้ามนุษย์ให้หมดสิ้นภายในปีนี้ เพื่อสร้างความปลอดภัยให้กับประชาคมโลกและประเทศไทย ซึ่งจะส่งผลดีโดยตรงต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน นักท่องเที่ยว และเศรษฐกิจของไทย รวมถึงยกระดับการจัดอันดับของประเทศไทยในรายงานสถานการณ์การค้ามนุษย์ (TIP Report) ประจำปี พ.ศ. 2568

จเรตำรวจแห่งชาติประชุมร่วม UNODC เดินหน้าหน่วยเฉพาะกิจต่อต้านอาชญากรรมคอลเซ็นเตอร์และการค้ามนุษย์ ระดับนานาชาติ

(14 ก.พ.68) เวลา 10.00 น. พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ /ผู้อำนวยการศูนย์ต่อต้านการค้ามนุษย์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และผู้อำนวยการศูนย์ป้องกันปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (จตช./ผอ.ศตคม.ตร./ผอ.ศปอส.ตร.) ในฐานะหัวหน้าหน่วยเฉพาะกิจต่อต้านอาชญากรรมคอลเซ็นเตอร์และการค้ามนุษย์ (Specialized Cyber Scam and Trafficking in Persons for Forced Criminality Taskforce) เป็นประธานการประชุมหารือระหว่างสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และสำนักงานว่าด้วยยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ (United Nations Office on Drugs and Crime : UNODC) โดยมี พล.ต.ต.พงษ์สยาม มีขันทอง รอง ผบช.ทท. , พล.ต.ต.รุ่งโรจน์ ฐากูรปุณยสิริ รอง ผบช.ตชด. , พล.ต.ต.ทรงกลด เกริกกฤตยา ผบก.ปคม. , พล.ต.ต.ภานพ วรธนัชชากุล ผบก.สส.สตม. และ พ.ต.อ.ณรงค์ เทศวิบูลย์ รอง ผบก.ปคม. พร้อมด้วยผู้แทน UNODC ได้แก่ Mr. Benedikt Hofmann UNODC Deputy Regional Representative /Acting Regional Representative for Southeast Asia and the Pacific , Dr. Rebecca Miller, Regional Coordinator,  Human Trafficking & Migrant Smuggling Programme, UNODC , Dr. Sylwia Gawronska, Advisor, Human Trafficking & Migrant Smuggling, UNODC และคณะ เพื่อหารือความคืบหน้าการจัดตั้งหน่วยเฉพาะกิจต่อต้านอาชญากรรมคอลเซ็นเตอร์และการค้ามนุษย์ (Specialized Cyber Scam and Trafficking in Persons for Forced Criminality Taskforce) ณ ห้องประชุม ศูนย์ต่อต้านการค้ามนุษย์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ

พล.ต.อ.ธัชชัยฯ กล่าวว่า ในการประชุมครั้งนี้เพื่อหารือความคืบหน้าการตั้งคณะทำงาน การประสานความร่วมมือระหว่างหน่วยงานต่างๆ ของไทย ในหน่วยเฉพาะกิจดังกล่าว และความร่วมมือของ UNODC ที่จะมาสนับสนุนการปฏิบัติ พร้อมกันนี้ได้มีการพูดคุยถึงสถานการณ์การปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ หลังทางการไทยกดดันอย่างหนัก โดยเฉพาะมาตรการตัดไฟ-อินเตอร์เน็ต-น้ำมัน ไปฝั่งเมียวดี ประเทศเมียนมา ทำให้มีการทยอยส่งคนกลับมาทางฝั่งชายแดน อ.แม่สอด และ อ.พบพระ จ.ตาก คาดว่าเร็วๆ นี้ จะมีการส่งทยอยส่งคนสัญชาติต่างๆ กลับมาอีกจำนวนมาก ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ของไทยได้มีมาตรการในการรองรับ โดยการคัดแยกเหยื่อค้ามนุษย์เพื่อเข้าสู่กระบวนการคุ้มครองตามกลไกการส่งต่อระดับชาติ (National Referral Mechanism - NRM) และประสานสถานทูตแต่ละประเทศเพื่อรับตัวกลับประเทศต้นทางต่อไป

ในส่วนการคัดกรองคนต่างด้าวที่เข้ามาในประเทศไทย โดยใช้ 7 มาตรการเข้มของ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พบว่าได้ผลเป็นอย่างยิ่ง ทำให้สามารถป้องกันการถูกหลอกลวงไปยังพื้นที่ อ.แม่สอด จ.ตาก ซึ่งจนถึงขณะนี้ยืนยันได้ว่าไม่พบการถูกหลอกลวงจากประเทศไทยอย่างแน่นอน

นอกจากนี้ พล.ต.อ.ธัชชัยฯ ยืนยันว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติมีความมุ่งมั่นในการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ให้หมดไปโดยเร็ว ซึ่งต้องอาศัยความร่วมมือจากหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ทั้งหน่วยบังคับใช้กฎหมาย และหน่วยสนับสนุน ทั้งในประเทศและนานาประเทศ เพื่อร่วมกันแก้ไขปัญหานี้ให้สัมฤทธิ์ผลโดยเร็ว เป็นการป้องกันคนทั่วโลกจากอาชญากรรมร้ายเหล่านี้


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top