Sunday, 8 June 2025
คนไทย

'สนธิ' แฉแหลก!! แพลตฟอร์มปั้นไอดอลดูดทรัพย์คนไทยผู้ไม่มีจะกิน ล่อหลอกให้ส่งเปย์สติ๊กเกอร์ 'หัวใจครึ่งพัน-เรือยอร์ช 4 หมื่น'

(18 ก.ย. 67) จากช่องยูทูบ 'sondhitalk' โดยนายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์เครือผู้จัดการ ได้เปิดฉากแฉขบวนการดูดทรัพย์แฟนคลับไทยผ่านโซเชียลแพลตฟอร์ม ว่า...

คอนเทนต์ครีเอเตอร์กลายเป็นอีกหนึ่งอาชีพที่ยอดนิยม เพราะสามารถสร้างทั้งชื่อเสียง-รายได้ และยังเป็นใบเบิกทางสู่การทําธุรกิจได้อีกด้วย และบางคนที่ดังมาก ๆ ก็ยังก้าวไปอีกขั้น ด้วยการเป็นขั้นอินฟลูเอนเซอร์ไลฟ์สดในระดับชั่วโมงหนึ่งได้เงินเป็นหลักล้านกันเลยทีเดียว

คุณสนธิ เผยอีกว่า ปัจจุบันคนไทยมีอัตราการเข้าสู่อินเทอร์เน็ตประมาณ 90% หรือทุกครัวเรือนมีมือถือมีอินเทอร์เน็ตใช้กันหมด แล้วกว่า 50 ล้านคนเข้าถึงช่องทางโซเชียลมีเดียกันหมด หรือคิดเป็นค่าเฉลี่ย 71.5% ของประชากรทั้งประเทศ เรียกว่าติดอันดับ 1 ใน 10 ของโลกได้เลย

ภาพดังกล่าว ทำให้ประเทศไทย (คนไทย) กลายเป็น 'ดินแดนสวรรค์' ที่ทำให้ต่างชาติบางคนสามารถสร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำ เปลี่ยนชีวิตคนที่ปกติอยู่ประเทศตัวเองแล้วเป็นคนธรรมดา ๆ ให้กลายมาเป็นอินฟลูเอนเซอร์รายได้มหาศาลที่ไทยได้ทันที ภายใต้ความเอ็นดูของคนไทย ที่หลายคนมักจะรู้สึกปลื้มใจถ้ามีคนต่างชาติหัดพูดภาษาไทยและทํากิจกรรมเงอะ ๆ งะ ๆ ซึ่งน่ารําคาญ แต่ยังถูกมองว่าน่ารัก

นอกจากนี้ ด้วยความที่คนไทยเป็นคนขี้สงสาร เหมือนกรณี 'แน็ก-ชาลี' มันก็เลยเกิดคอนเทนต์ครีเอเตอร์อย่าง 'กามิน' เข้ามากอบโกย ซึ่งเดี๋ยวผมจะอธิบายต่อว่า 'กามิน' ก็คือหนึ่งในตัวละครของ 'ขบวนการ' ที่เข้ามาสูบเงินสูบทองของคนไทยยังไงบ้างในวันศุกร์นี้ (20)

คุณสนธิ เผยต่ออีกว่า อันที่จริง กามิน เป็นแค่เพียงตัวละครเล็ก ๆ เท่านั้น เพราะขบวนการดูดทรัพย์คนไทยนั้น ถูกเตรียมการผ่านคนแบบกามินไว้อีกเป็นจํานวนมากที่จะเข้ามาในเมืองไทย ซึ่งเรื่องนี้ถือเป็นเรื่องที่ใหญ่โตมากระดับชาติ มันไม่ใช่ประเด็นเล็ก ๆ จากดรามาระหว่างดาราคู่จิ้นหนุ่มไทยกับสาวเกาหลีอีกแล้ว

คุณสนธิ แฉต่อว่า เกี่ยวกับเรื่องนี้ ผมไปสืบค้นข้อมูลมา และค้นพบว่าช่องทางโซเชียลมีเดียและติ๊กต็อกในปัจจุบันนั้นเป็นช่องทางในการดูดเงินจากแฟนคลับได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมาก ผ่านฟีเจอร์ที่มีชื่อว่า 'PK' (การแข่ง PK ใน TikTok ย่อมาจาก 'Player Kill' เป็นฟีเจอร์ไลฟ์สดบนติ๊กต๊อกที่ผู้ใช้สองคนสามารถแข่งขันกันเพื่อรับของรางวัลหรือเพื่อความสนุกสนาน โดยผู้ชมจะเป็นผู้ตัดสินว่าใครคือผู้ชนะ)

PK หรือ Player Kill เป็นแพลตฟอร์มสร้างปฏิสัมพันธ์ เพื่อเปิดเอนเกจเมนต์ให้มีการแข่งขันกัน โดยผู้ไลฟ์จะแข่งกันสร้างฐานผู้ชม และเพื่อรับของขวัญจากผู้ชม จากนั้นชัยชนะจะถูกตัดสินผู้ไลฟ์คนไหนได้รับการเปย์ให้มากที่สุด

นี่เป็นเรื่องตลกแล้ว!! เพราะรู้ไหมว่าไอ้พวกที่เปย์ให้พวกคนแบบกามินหรือกลุ่มขบวนการที่ว่านี้นั้น ส่วนใหญ่ไม่ใช่คนมีเงินมีทอง เป็นคนที่มีเงินต้นเดือนไม่ชนปลายเดือน หรือว่ามีเงินอยู่เล็กน้อย แต่แทนที่จะเอาเงินไปทําประโยชน์ให้กับครอบครัวตัวเอง หรือไปทําบุญทําทาน กลับเอาเงินมาเปย์ให้คนเหล่านี้

บางคนที่เปย์ยังวิ่งเต้นทํางานพาร์ตไทม์ บางคนเป็นนักศึกษาแพทย์ไม่มีเงินจ่ายค่าเทอมเกือบแสน 87,000 บาทบ้าง 81,000 บาทบ้าง ก็เข้าไปบ้าในฟีเจอร์ PK นี้

สำหรับหลักการของ PK ที่คุณสนธิ กล่าว คือ จะมีการส่งสติ๊กเกอร์ให้ผู้ไลฟ์ที่ชื่นชอบ ซึ่งสติ๊กเกอร์เหล่านี้ต้องใช้เงินจริงแลกมา ถ้ายังพอจําได้ก็คือเงินแบบกรณีของกามินที่เอาส่วนแบ่งค่าสติ๊กเกอร์ไปให้ 'แน็ก-ชาลี' 500,000 บาท และแน็กก็เอาไปทำบุญต่อนั่นเอง 

คุณสนธิ เผยด้วยว่า ตรงนี้เป็นรูปแบบกระบวนการจากเครือข่ายเกาหลีที่ปั้นทุกอย่างขึ้นมาทั้งสิ้น

ช่วงท้าย คุณสนธิ ยังเผยอีกว่า ตนรู้สึกแค้นใจที่มีคนหรือแฟนคลับไปตามสนับสนุนขบวนการเหล่านี้ ทั้ง ๆ ที่ตัวเองก็ยังมีปัญหาด้านการเงิน ด้วยการส่งสติ๊กเกอร์กันตั้งแต่หลัก 10 บาทไปถึงแสนบาท อย่างเช่นส่ง 'บวก' ให้ 99 คอยน์ ก็ต้องแลกด้วยเงินไทย 207 บาท ส่งหัวใจให้ 199 คอยน์ เป็นเงิน 417 บาท คือ แค่กดสติ๊กเกอร์คุณต้องเสียเงินไปขนาดนี้ บางคนส่งสติกเกอร์เรือยอร์ช 20,000 คอยน์ เท่ากับเงินไทย 42,000 บาท และอื่น ๆ ที่มีอัตราแลกเปลี่ยนสูงขึ้นไปอีก มันบ้าไปแล้ว...

นี่คือความบ้าของผู้ชมที่มีสติ ตอนที่คุณเปย์ให้คนพวกนี้ร่ำรวย เขาก็ไม่ได้มาสนใจคุณ เขาและคุณใจฟูวันนี้ วันพรุ่งนี้เขาก็ลืมคุณ และเมื่อไม่อยากให้ลืม คุณก็ต้องเปย์ต่อ สุดท้ายเขารวยขึ้น ๆ ส่วนคุณจนลง ๆ

คุณสนธิ เสริมด้วยว่า เมื่อผมสืบประวัติและย้อนดูพฤติกรรมต่าง ๆ แล้ว กามิน ก็เป็นแค่หนึ่งในกระบวนการเกาหลีที่ขนคนมาหลอกเงินคนไทยและเมืองไทย เพราะเขามองว่าคนไทยหลอกง่ายเหมือนกันหมด

นักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าญี่ปุ่น 8 เดือนแรกปี 67 ทะลุ 24 ล้าน เติบโต 58% คนไทยติดท็อป 10 ไปเยือนกว่า 7 แสนคน แต่ยอดยังไม่แซงก่อนช่วงโควิด

(23 ก.ย. 67) รายงานองค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวแห่งประเทศญี่ปุ่น (JNTO) ระบุว่า สถิตินักท่องเที่ยวไทยเดินทางเข้าประเทศญี่ปุ่น ช่วง 8 เดือนแรก (ม.ค.-ส.ค.) ของปี 2567 พบว่ามีจำนวนกว่า 706,500 คน เพิ่มขึ้น 21.7% เทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2566 แต่ยังติดลบ 12.4% หรือคิดเป็นการฟื้นตัวแล้ว 87.6% เทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2562

เฉพาะเดือน ส.ค. ซึ่งตรงกับโลว์ซีซันฤดูร้อนของญี่ปุ่น มีจำนวนนักท่องเที่ยวไทยเดินทางเข้า 34,700 คน เพิ่มขึ้น 4.6% เทียบกับจำนวน 33,166 คนของเดือน ส.ค.ปีที่แล้ว อย่างไรก็ตามยังติดลบ 30% หรือคิดเป็นการฟื้นตัว 70% เมื่อเทียบกับจำนวน 49,589 คนของเดือน ส.ค. 2562

ภาพรวมจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าญี่ปุ่น 8 เดือนแรกยังคงเติบโตแรงต่อเนื่อง ด้วยจำนวนกว่า 24,007,900 คน เพิ่มขึ้น 58% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว และเติบโต 8.4% แซงช่วงเดียวกันของปีก่อนโควิดระบาดอีกด้วย

สำหรับตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติ 10 อันดับแรกที่เดินทางเข้าญี่ปุ่นสูงสุด ได้แก่...

1. เกาหลี 5,811,900 คน

2. จีน 4,595,200 คน

3. ไต้หวัน 4,115,200 คน

4. ฮ่องกง 1,801,800 คน

5. สหรัฐ 1,768,100 คน

6. ไทย 706,500 คน

7. ออสเตรเลีย 551,600 คน

8. ฟิลิปปินส์ 496,300 คน

9. เวียดนาม 434,000 คน

10. แคนาดา 367,400 คน

เหลือเชื่อ!! 'คนไทย' ประสบอุทกภัย-ร่ำไห้บนความยากแค้น แต่ผู้แทนฯ ของกลุ่ม 14 ล้านคน ร้องตะโกนให้ช่วยดูแลคนพม่า

คนเราถ้าติดกระดุมเม็ดแรกผิด ที่เหลือนอกจากจะไม่มีทางถูก ก็อาจจะยิ่งผิดลงลึกมากขึ้นเรื่อย ๆ ไม่ต่างจากนักการเมืองบางพรรคที่เข้ามาเพื่ออหวัง 'ล้มล้างการปกครอง' และ 'ทำลายสถาบันเบื้องสูง' เป็นเป้าหลัก ก็ย่อมจะเดินหน้าทำทุกวิถีทางที่จะกัดเซาะ เพื่อลดทอนความน่าเชื่อถือของสถาบัน ก็จะง่ายสำหรับประเทศฝั่งตะวันตกที่ตนเอง 'แอบสมคบคิด' เข้าแทรกแซง 

หลาย ๆ วิธีที่ผ่านมา ไม่ว่าจะปลุกปั่นเด็กไร้สมอง ให้ออกหน้ากระทำผิดมาตรา 112 เพื่อตนเอง จนต้องติดคุกกันระนาว 

แผนล้มสถาบันแบบใด ถ้าไม่ได้ผล ก็จะสุมหัวกันหาวิธีอื่น โดยไม่สนว่าความเป็นอยู่ของพี่น้องคนไทยจะลำบากยากแค้นแค่ไหน ขณะที่สถานการณ์เศรษฐกิจกำลังตกต่ำสุดขีด ก็ยังมีอุทกภัยทำให้ประชาชนคนไทยต้องไร้ที่อยู่อาศัยจำนวนมาก แต่คนพรรคนี้ก็ยังออกอาวุธ 'กระทบสถาบัน' อย่างไม่ลดละ พยายามด้อยค่าแม้แต่ 'ความเอื้ออาทร' ที่สถาบันและเหล่าทหารมีให้กับประชาชนคนไทย ไม่เคยมีความคิดที่สร้างสรรค์ที่หวังให้สังคมไทยดีขึ้นแม้แต่น้อย 

นอกจากยอมเป็น 'เด็กเช็ดรองเท้า' ให้กับตะวันตก ก็ยังแอบดีลกับคนพม่าที่มี 'หัวใจสามกีบ' ให้เดินเกมปลุกระดมช่วยเหลือความคิดเลว ๆ ของตนเอง เราจึงได้เห็นภาพแรงงานพม่าก่อม็อบ ชูป้ายที่มีข้อความว่าให้ 'ยกเลิก 112' ถือเป็นอีกหนึ่งการ 'สมคบคิด' ระหว่างแรงงานพม่าที่มาอาศัยแผ่นดินไทยทำมาหากิน กับพรรคการเมืองไทยที่สร้างแต่เรื่องน่ารังเกียจได้ไม่เว้นวัน 

ต่อให้ไม่มีอุทกภัย หรือเศรษฐกิจเลวร้ายเช่นขณะนี้ คนไทยจำนวนมากก็ยังไม่เข้าที่ ยังคงปากกัดตีนถีบ เป็นหนี้เป็นสิน ไร้งานทำ หน้าที่ของนักการเมืองไทยแม้แค่อยู่เฉย ๆ ไม่คิด ไม่ช่วยหาทางออกก็ดูแย่มากแล้ว แต่นี่กลับออกตัวพูดดัง ๆ ว่า 'ต้องช่วยคนพม่า' ให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น 

ตั้งแต่มีพรรคการเมืองพรรคนี้มากินเงินเดือนจากภาษีของประชาชน ยังมองไม่เห็นแนวความคิดที่จะทำให้สังคมไทยดีขึ้นได้แบบยั่งยืนเลย นอกจากไร้ความสามารถ หัวจิตหัวใจยังไร้ความปรารถนาดีต่อเพื่อนคนไทยด้วยกัน 

เลว เนรคุณคนไทย สมองกลวงโบ๋ เบาปัญญา ไม่รู้จะใช้คำไหนเรียกแทนคนเหล่านี้ดี 

หรือคงต้องใช้ทั้งหมดรวมกัน 

สตม. เร่งตรวจสอบคนไทย 2 ราย บนเครื่องบิน “เซจู แอร์” หลังประสบอุบัติเหตุที่เกาหลีใต้

จากกรณี เครื่องบิน เซจู แอร์ ที่บินออกจากไทยเมื่อวันที่ 29 ธ.ค.67 เวลา 01.30 ตามเวลาประเทศไทย ประสบอุบัติเหตุขณะลงจอดที่เกาหลีใต้ ผู้โดยสาร 175 ราย เผยเสียชีวิตแล้ว 28 ราย ขณะนี้ยังพิสูจน์ไม่ได้ว่าเป็นใครบ้าง 

ล่าสุด วันนี้ (29 ธ.ค.67) เวลา 10.30 น. พ.ต.อ.คธาธร คำเที่ยง รอง ผบก.ตม.3 โฆษกสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เปิดเผยว่า พล.ต.ท.ภาณุมาศ บุญญลักษม์ ผบช.สตม. ได้สั่งการให้เร่งตรวจสอบ และประสานงานอย่างใกล้ชิดกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายเกาหลีใต้ ทราบว่า สาเหตุที่เกิดจากระบบในการลงจอดขัดข้อง เป็นเหตุให้เครื่องบินกระแทกกับรันเวย์ แล้วลื่นไถลไปประสบอุบัติเหตุ แล้วเกิดระเบิดที่ตัวเครื่องขึ้น เบื้องต้นมีผู้เสียชีวิตแล้ว 28 คน

โฆษก สตม. กล่าวว่า เครื่องบิน เซจู แอร์ ลำนี้ บรรทุกผู้โดยสารทั้งหมด 175 คน เป็นชาวเกาหลีใต้ 173 คน โดยมีคนไทย จำนวน 2 คน และยังมีลูกเรืออีก 6 คน รวมเป็น 181 คน เบื้องต้นกำลังเร่งตรวจสอบว่าผู้เสียชีวิตทั้ง 28 คนเป็นใครบ้าง ทั้งนี้ ผบช.สตม.ได้สั่งการให้เร่งประสานข้อมูล โดยหากทราบข้อมูลแล้วจะรีบรายงานให้ทราบในทันที 

กต.แจงช่วยเหลือ 4 ลูกเรือไทยในเมียนมา ประสานเต็มที่ ทั้งทางการเมือง-ทางด้านกงสุล

ตามที่มีรายงานข่าวเกี่ยวกับการดำเนินการของกระทรวงการต่างประเทศกรณีลูกเรือประมงไทย 4 คน ที่ถูกจับกุมโดยทางการเมียนมา นั้น

เมื่อวันที่ (5 ก.พ. 68) นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ได้ชี้แจงบทบาทของกระทรวงต่างประเทศในเรื่องนี้ 2 ด้าน ดังนี้

1. การดำเนินการทางการเมือง กระทรวงการต่างประเทศได้ดำเนินการอย่างเต็มที่มาโดยตลอด โดยได้เข้าพบผู้แทนฝ่ายเมียนมาในหลายระดับเพื่อผลักดันให้ทางการเมียนมาปล่อยตัวลูกเรือทั้ง 4 คนโดยเร็ว และได้นำส่งหนังสือของญาติที่ขอให้ปล่อยตัวลูกเรือให้กับทางการเมียนมา และติดตามในหลายโอกาส บนพื้นฐานของการเป็นประเทศเพื่อนบ้านที่มีความสัมพันธ์อันดีระหว่างกัน รวมถึงเป็นผู้ประสานงานอำนวยความสะดวกการเข้าเยี่ยมลูกเรือของคณะกรรมาธิการทหาร สภาผู้แทนราษฎร ซึ่งทางการเมียนมาได้อนุมัติคำขอของไทย

2. การดำเนินการด้านกงสุล นับตั้งแต่ลูกเรือไทยถูกจับกุมเมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน 2567 กระทรวงการต่างประเทศได้ประสานงานกับทางการเมียนมาอย่างต่อเนื่องเพื่อให้ความช่วยเหลือลูกเรือไทย รวมทั้งได้ติดต่อญาติของลูกเรืออย่างสม่ำเสมอ โดยผู้แทนกรมการกงสุลประจำจังหวัดสุราษฎร์ธานีได้เดินทางไปพบปะและอำนวยความสะดวกให้แก่ญาติของลูกเรือที่จังหวัดระนอง และผู้แทนญาติลูกเรือได้เดินทางมาพบผู้แทนกรมการกงสุลที่กรุงเทพฯ เพื่อรับฟังคำแนะนำในเรื่องนี้ นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงย่างกุ้ง พร้อมญาติลูกเรือ ได้เข้าเยี่ยมลูกเรือที่จังหวัดเกาะสอง ภาคตะนาวศรี ตลอดจนได้ประสานงานฝ่ายเมียนมาให้มีการเข้าเยี่ยมของญาติลูกเรือเป็นระยะ

ขอให้มั่นใจว่า การคุ้มครองและดูแลผลประโยชน์และสวัสดิภาพของคนไทยเป็นหัวใจหลักของนโยบายต่างประเทศ โดยกรณีนี้มีความละเอียดอ่อนในภาพรวมความสัมพันธ์ของสองประเทศ ดังนั้น จึงต้องอาศัยความอดทนและแนบเนียนตามแนวปฏิบัติทางการทูต โดยกระทรวงฯ จะดำเนินการอย่างเต็มที่ต่อไป


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top