Monday, 9 June 2025
กระทรวงแรงงาน

ไม่ให้ตั้งตัว!! ‘เสี่ยเฮ้ง’ แถลงกวาดล้างต่างชาติแย่งอาชีพคนไทย สุ่มตรวจทั่วประเทศกว่า 2 แสนราย พบกระทำผิดอื้อ!!

(13 มี.ค.66) นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า จากกรณีพบคนต่างชาติเร่ขายสินค้า ตามแหล่งท่องเที่ยวและย่านการค้าซึ่งเป็นที่นิยมทั้งในกลุ่มชาวไทยและนักท่องเที่ยวต่างชาติ จนกระทบต่อบรรดาผู้ประกอบการในพื้นที่ นั้น พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ทราบเรื่องแล้วรู้สึกห่วงใยพ่อค้าแม่ค้าคนไทยจะถูกแรงงานต่างชาติแย่งอาชีพครไทย แย่งรายได้อย่างมาก จึงสั่งการให้กระทรวงแรงงานกวาดล้างแรงงานต่างชาติที่แย่งอาชีพคนไทย รวมถึงแรงงานต่างชาติที่ทำงานผิดกฎหมาย ไม่มีใบอนุญาตทำงาน โดยบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มข้น ซึ่งตนในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานรับข้อสั่งการแล้วไม่เคยนิ่งนอนใจ ใช้มาตรการลงพื้นที่สุ่มตรวจโดยไม่แจ้งล่วงหน้าในทุกจังหวัด 

“จากผลการดำเนินการปีงบประมาณ 2566 (วันที่ 1 ตุลาคม 2565 - 12 มีนาคม 2566) มีการเข้าตรวจสอบสถานประกอบการที่จ้างแรงงานต่างชาติทั่วประเทศแล้ว จำนวน 18,966 แห่ง ดำเนินคดี 685 แห่ง และตรวจสอบคนต่างชาติ จำนวน 240,918 คน แยกเป็นสัญชาติเมียนมา 177,134 คน กัมพูชา 40,750 คน ลาว 12,311 คน เวียดนาม 140 คน และสัญชาติอื่น ๆ 10,583 คน มีการดำเนินคดีทั้งสิ้น 1,550 คน แยกเป็นสัญชาติเมียนมา 846 คน กัมพูชา 245 คน ลาว 269 คน เวียดนาม 65 คน และสัญชาติอื่น ๆ 125 คน ซึ่งพบเป็นการแย่งอาชีพคนไทย ทั้งสิ้น 883 คน แยกเป็นสัญชาติเมียนมา 392 คน กัมพูชา 195 คน ลาว 139 คน เวียดนาม 55 คน อินเดีย 68 คน และสัญชาติอื่น ๆ 34 คน โดยอาชีพที่พบคนต่างชาติแย่งอาชีพมากที่สุด ได้แก่ งานเร่ขายสินค้า งานตัดผม งานขับขี่ยานพาหนะ และงานนวด ตามลำดับ” รมว.แรงงาน กล่าว

ด้านนายไพโรจน์ โชติกเสถียร อธิบดีกรมการจัดหางาน กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ชุดเฉพาะกิจตรวจสอบ ปราบปราม จับกุม และดำเนินคดี คนต่างด้าวทำงานผิดกฎหมายฯ ของกรมการจัดหางาน และสำนักงานจัดหางานจังหวัดทั่วประเทศ รับข้อสั่งการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน บูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ปูพรมตรวจสอบทั่วประเทศ โดยเฉพาะในเมืองท่องเที่ยวหลัก ทั้งกรุงเทพมหานคร ภูเก็ต สมุย พัทยา เชียงใหม่ ที่เป็นแหล่งประกอบอาชีพของคนไทย และย่านการค้าแหล่งเศรษฐกิจสำคัญที่พบเห็นแรงงานต่างชาติทำงานจำนวนมาก อย่างในพื้นที่กรุงเทพมหานคร อาทิ เยาวราช ห้วยขวาง ปากคลองตลาด และจังหวัดปริมณฑล อาทิ สมุทรสาคร นครปฐม สระบุรี ปทุมธานี ซึ่งหากตรวจสอบพบมีความผิดจะดำเนินคดีตามพระราชกำหนดการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. 2560 และที่แก้ไขเพิ่มเติม โดยไม่มีข้อยกเว้น 

‘รมว.เฮ้ง’ ชวนคนหางานผ่านเว็บไซต์ ‘ไทยมีงานทำ’ รวบรวมอาชีพ-ตำแหน่งงานครบวงจรกว่า 250,000 อัตรา!!

กระทรวงแรงงาน ชวนคนหางานใช้บริการเว็บไซต์ ‘ไทยมีงานทำ.doe.go.th’ และแอปฯ ‘ไทยมีงานทำ’ ให้บริการฟรี!! ไม่มีค่าใช้จ่าย รวมตำแหน่งงานภาครัฐ เอกชน และตำแหน่งงานจากบริษัทจัดหางานเพื่อผู้หางาน

(16 มี.ค. 66) นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า กระทรวงแรงงาน เตรียมตำแหน่งงานว่าง จำนวน 255,885 อัตรา รองรับผู้ว่างงาน ผู้จบการศึกษาใหม่ ผู้สูงอายุ กลุ่มผู้เปราะบาง และทุกคนที่ต้องการมีงานทำ โดยพร้อมให้บริการประชาชนผ่านระบบออนไลน์ บนแพลตฟอร์ม ‘ไทยมีงานทำ’ ซึ่งให้บริการทั้ง Web Application และ Mobile Application ประชาชนสามารถหางาน เข้าถึงตำแหน่งงานที่สนใจเหมาะสมกับตนเอง และสมัครหลักสูตรฝึกอบรมเพื่อพัฒนาทักษะและเพิ่มโอกาสการมีงานทำ

ซึ่งปัจจุบันมีตำแหน่งงาน (Active ในระบบ) จากทั่วประเทศ จำนวน 255,885 อัตรา โดยตำแหน่งงาน 5 อันดับแรกที่มีความต้องการมากที่สุด ได้แก่

1.) แรงงานด้านการประกอบ
2.) แรงงานบรรจุผลิตภัณฑ์
3.) พนักงานขายของหน้าร้านและสาธิตสินค้า
4.) พนักงานขายโฆษณาและตัวแทนนายหน้าขาย
5.) ตัวแทนฝ่ายขายด้านเทคนิคและการค้า

“รัฐบาลโดยการนำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้ความสำคัญกับปัญหาการว่างงานอย่างยิ่ง เพราะเป็นปัญหาเริ่มต้นที่กระทบต่อการดำเนินชีวิต การใช้จ่ายในชีวิตประจำวันของภาคครัวเรือน ตลอดจนเศรษฐกิจในระดับประเทศเป็นลูกโซ่ จึงได้กำชับกระทรวงแรงงานสำรวจและเตรียมตำแหน่งงานไว้เพื่อรองรับคนไทยทุกคนที่ต้องการมีงานทำ” นายสุชาติ รมว.แรงงาน กล่าว

ด้านนายไพโรจน์ โชติกเสถียร อธิบดีกรมการจัดหางาน กล่าวว่า แพลตฟอร์ม ‘ไทยมีงานทำ’ เป็นเว็บไซต์สำหรับคนหางานที่รวบรวมตำแหน่งงานภาครัฐ เชื่อมโยงข้อมูลจากสำนักงาน ก.พ. ซึ่งมีตำแหน่งงานจากหน่วยงานราชการกว่า 300 หน่วยงาน ภาคเอกชน จากนายจ้าง สถานประกอบการที่เข้ามาใช้บริการแพลตฟอร์ม ‘ไทยมีงานทำ’ และได้แจ้งตำแหน่งงานว่างไว้ และตำแหน่งงานจากบริษัทจัดหางานชั้นนำที่เป็นพันธมิตร ความร่วมมือด้านการส่งเสริมการมีงานทำกับกรมการจัดหางาน อาทิ บริษัท จัดหางาน จ๊อบบีเคเค ดอท คอม จำกัด บริษัท จัดหางานจ็อบท็อปกัน จำกัด บริษัท จัดหางาน อเด็คโก้ (ประเทศไทย) จำกัด โดยคนหางานสามารถค้นหาข้อมูลตำแหน่งงานที่เหมาะสมกับตัวเอง

‘เสี่ยเฮ้ง’ เตือนแรงงานไทยหางานต่างประเทศ ระวังถูกล้วงข้อมูลส่วนตัว ผ่านการลงทะเบียนออนไลน์

(21 มี.ค.66) นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า จากกรณีปรากฏเป็นข่าวทางสื่อต่าง ๆ ว่ามีแพลตฟอร์มเปิดให้บริการจัดหางานออนไลน์ของประเทศซาอุดีอาระเบีย ในหลายตำแหน่ง ได้แก่ แม่บ้าน ผู้ดูแลเด็ก ผู้ดูแลคนสูงอายุ ผู้ดูแลสวน พ่อครัว แม่ครัว และคนขับรถ เป็นต้น โดยอ้างว่าสามารถสมัครได้ง่ายและไม่มีค่าใช้จ่ายในการลงทะเบียน เพียงทำการฝากประวัติออนไลน์ผ่านแพลตฟอร์มไม่กี่ขั้นตอน ก็สามารถสัมภาษณ์กับนายจ้างด้วยวิธีการวีดีโอคอลกับนายจ้างได้ ตนในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน จึงเร่งสั่งการกรมการจัดหางานตรวจสอบข้อมูล เพราะห่วงแรงงานไทยจะถูกหลอกลวง ซึ่งจากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่าแพลตฟอร์มดังกล่าวไม่ได้เป็นบริษัทที่ได้รับอนุญาตให้จัดส่งคนหางานไปทำงานที่ประเทศซาอุดีอาระเบียจากกรมการจัดหางาน 

ดังนั้นการฝากประวัติส่วนตัวลงในแพลตฟอร์มอาจจะเป็นการถูกหลอกเก็บข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อนำไปใช้ในทางที่มิชอบได้ จึงฝากถึงคนไทยที่ต้องการไปทำงานในต่างประเทศไม่ว่าประเทศใด ต้องรู้ว่าการโฆษณาจัดหางานเพื่อพาคนไปทำงานต่างประเทศ สามารถทำได้เฉพาะผู้ได้รับอนุญาตจากกรมการจัดหางานเท่านั้น หากตรวจสอบที่มาแล้วมิใช่ ถือว่าท่านมีโอกาสถูกหลอกลวง

‘สุชาติ’ เผย ส่งแรงงานไทยทำงาน ‘ภาคเกษตร’ ที่อิสราเอล ผ่านโครงการ TIC พร้อมหารือ ขยายตลาดภาคอุตสาหกรรมในอนาคต

นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า ในปี 2566 กระทรวงแรงงานมีโควตาจัดส่งแรงงานไทยไปทำงานภาคเกษตรรัฐอิสราเอล จำนวน 6,500 คน โดยตั้งแต่วันที่ 10 มกราคม - 20 มีนาคม 2566 จัดส่งแรงงานไทยไปทำงานฯ จำนวนทั้งสิ้น 1,513 คน แบ่งเป็นเพศชาย จำนวน 1,480 คน เพศหญิง จำนวน 33 คน 

ล่าสุดในวันนี้จะมีแรงงานไทย จำนวน 225 คน เดินทางไปทำงานภายใต้โครงการ “ความร่วมมือไทย - อิสราเอล เพื่อการจัดหางาน (Thailand-Israel Cooperation on the Placement of Workers: TIC)  ด้วยเครื่องบินโดยสารเที่ยวบินที่ EY084 ของสายการบินแอล อัล อิสราเอล แอร์ไลน์ ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดยแรงงานทั้งหมดได้ผ่านการอบรมคนหางานก่อนการเดินทางไปทำงานในต่างประเทศแล้ว 

‘เสี่ยเฮ้ง’ ชี้แจง กรณีสาวโรงงานถูกโฟล์คลิฟท์ชนบาดเจ็บ เผย ส่งหน่วยงานเข้าความช่วยเหลือ-เยียวยาเบื้องต้นแล้ว

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานหายห่วง กรณีลูกจ้างสาวถูกโฟล์คลิฟท์ชนได้รับบาดเจ็บ หลังส่งกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน และสำนักงานประกันสังคมลงพื้นที่ให้ความช่วยเหลือ พบได้รับการรักษา ได้รับค่าจ้างและไม่ได้ถูกเลิกจ้างตามข่าว

(23 มี.ค. 66) นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยกรณีมีสื่อนำเสนอข่าว ลูกจ้างโพสต์ผ่านสื่อออนไลน์ ว่าได้รับบาดเจ็บจากการทำงาน นายจ้างไม่ดูแล และถูกเลิกจ้างนั้น ผมได้ส่งเจ้าหน้าที่กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน และสำนักงานประกันสังคมลงพื้นที่สอบถามข้อเท็จจริงจากนายจ้างและลูกจ้าง

“เบื้องต้นได้รับรายงานว่า อุบัติเหตุดังกล่าวเกิดขึ้นในโรงงานย่านสามพราน จังหวัดนครปฐม เมื่อวันที่ 19 มีนาคมที่ผ่านมา ขณะที่ลูกจ้างหญิงผู้โพสต์ ซึ่งทำงานเป็นพนักงานฝ่ายผลิตกำลังเดินอยู่บริเวณถนนระหว่างอาคารผลิตกับอาคารคลังสินค้า ถูกรถโฟล์คลิฟท์ชนจนได้รับบาดเจ็บ นายจ้างได้ส่งตัวลูกจ้างเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลบ้านแพ้ว แพทย์ได้ทำการรักษาและให้หยุดรักษาตัวเป็นเวลา 45 วัน โดยนายจ้างเป็นผู้จ่ายค่าจ้างให้ และนายจ้างยืนยันว่าไม่ได้เลิกจ้าง เจ้าหน้าที่ได้ไปเยี่ยมลูกจ้างที่บ้านพัก ซึ่งพักรักษาตัวอยู่ ทราบว่านายจ้างพร้อมให้ลูกจ้างกลับเข้าทำงานเมื่อหายดีแล้ว แต่ลูกจ้างยังไม่ตัดสินใจ เจ้าหน้าที่สำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดนครปฐม และสำนักงานประกันสังคมจังหวัดนครปฐม สาขาสามพราน ได้ชี้แจงให้ลูกจ้างทราบถึงสิทธิประโยชน์พึงได้รับตามกฎหมาย อย่างไรก็ตามผมได้กำชับให้ทั้งสองหน่วยงานเฝ้าระวังติดตามสถานการณ์กรณีนี้อย่างใกล้ชิด” นายสุชาติ กล่าว

ผู้ช่วยรัฐมนตรีแรงงาน มอบรางวัลองค์กรสร้างชาติดีเด่นแก่สถานประกอบการต้นแบบ มุ่งดูแลสุขภาพพนักงาน ยกระดับคุณภาพชีวิตที่ดี

วันที่ 1 เมษายน 2566 นายสุรชัย ชัยตระกูลทอง ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงแรงงาน เป็นประธานในพิธีมอบรางวัล "องค์กรสุขสภาพเพื่อการสร้างชาติ โดยมี นายสัตวแพทย์ วีรพล เหมรัตนากรณ์ ประธานกรรมการบริหารคณะทำงานองค์กรสร้างชาติ รุ่นที่ 1 กล่าวรายงานวัตถุประสงค์การจัดงาน ศ.ดร.เกรียงศักดิ์ เจริญวงศ์ศักดิ์ ประธานสถาบันการสร้างชาติ พร้อมด้วย นางสาวอรัญญา สกุลโกศล กรรมการรุ่นที่ 1 ผู้นำการประกอบการ WeIlness เพื่อการสร้างชาติ ผู้บริหารระดับสูงกระทรวงแรงงาน ผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและองค์กรผู้รับรางวัล ร่วมให้การต้อนรับ ณ ห้องประชุม Grand Ballroom คริสตัล ดีไซน์ เซ็นเตอร์ (CDC) ถนนประดิษฐ์มนูธรรม กรุงเทพฯ

นายสุรชัย กล่าวว่า กระทรวงแรงงาน ได้ให้ความสำคัญในเรื่องของสุขภาพและสุขภาวะของลูกจ้าง ที่ทำงานในสถานประกอบกิจการเป็นอย่างมาก โดยเมื่อวันที่ 10 มีนาคม 2566 ได้ร่วมกับสถาบันการสร้างชาติ ลงนามบันทึกความร่วมมือเพื่อสนับสนุนโครงการ Wellness CNB นอกจากนี้ กระทรวงแรงงาน ได้ให้สำนักงานประกันสังคม จัดทำโครงการดูแลสุขภาพผู้ประกันตนเชิงรุกในสถานประกอบการ เพื่อค้นหาความเสี่ยงโรคหลอดเลือดและหัวใจ นำร่องพร้อมกันในพื้นที่ 7 จังหวัด ได้แก่ นนทบุรี สมุทรปราการ ระยอง พระนครศรีอยุธยา สมุทรสาคร ปทุมธานี และชลบุรี อีกทั้ง กระทรวงแรงงาน โดยกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน ยังได้ปรับปรุงกฎหมายเรื่องลูกจ้างซึ่งเป็นหญิงมีครรภ์ให้ได้รับการดูแล คุ้มครองสิทธิและสวัสดิการต่างๆ ตลอดจนการบังคับใช้กฎหมายเรื่องความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงานในสถานประกอบกิจการอย่างจริงจัง เพื่อมุ่งหวังให้ลูกจ้างมีสุขภาพและสุขภาวะที่ดี และมีความปลอดภัยในการทำงาน

นายสุรชัย กล่าวต่อว่า การจัดงานพิธีมอบรางวัลในครั้งนี้ จัดขึ้นโดยสถาบันการสร้างชาติ ร่วมกับ คณะนักศึกษา ผู้บริหารหลักสูตรผู้นำการประกอบการ Wellness เพื่อการสร้างชาติ (นสช. Wellness) ได้ริเริ่มโครงการ “การพัฒนาสุขสภาพขององค์กร เพื่อการสร้างชาติ (Wellness Corporate Nation-Building หรือ Wellness CNB)”เป็นการมอบรางวัลครั้งแรกของประเทศไทย เพื่อสนับสนุนและพัฒนาสุขสภาพ ของพนักงานในภาคธุรกิจอย่างเป็นองค์รวม บูรณาการทั้งปัจจัยภายในบุคคล และปัจจัยภายนอกอย่างครบทุกมิติ ซึ่งจะช่วยลดการเจ็บป่วย เพิ่มประสิทธิภาพประสิทธิผลในการทำงาน เกิดความคิดทัศนคติที่ดีต่อการทำงาน เสริมสร้างสัมพันธ์อันดีในที่ทำงาน ซึ่งจะนำไปสู่การเพิ่มผลิตภาพในการทำงานเกิดประโยชน์ทั้งต่อตัวองค์กรเอง และการพัฒนาเศรษฐกิจสังคมของประเทศ 

รองปลัดฯ แรงงาน เปิดโครงการพัฒนาศักยภาพแกนนำเครือข่ายประกันสังคม จ.นครสวรรค์

วันที่ 20 เมษายน 2566 เวลา 09.00 น. นายประทีป ทรงลำยอง รองปลัดกระทรวงแรงงาน เป็นประธานเปิดโครงการพัฒนาศักยภาพแกนนำเครือข่ายประกันสังคม ประจำปี 2566 โดยมี นายนันทชัย ปัญญาสุรฤทธิ์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงแรงงาน และหัวหน้าส่วนราชการในสังกัดกระทรวงแรงงานจังหวัดนครสวรรค์ เข้าร่วมพิธีเปิดในครั้งนี้ด้วย ณ ห้องประชุมมหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์

ทั้งนี้ โครงการพัฒนาศักยภาพแกนนำเครือข่ายประกันสังคม มีวัตถุประสงค์เพื่อยกระดับบทบาทหน้าที่ของแกนนำเครือข่ายประกันสังคม ในฐานะตัวแทนขับเคลื่อนการขยายความคุ้มครองประกันสังคมสู่แรงงานนอกระบบในระดับพื้นที่ เพิ่มศักยภาพและเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการประกันสังคมมาตรา 40 สิทธิประโยชน์ที่พึงได้รับตามกฎหมาย เทคนิคการทำงานเทคโนโลยีที่จำเป็นในการปฏิบัติงานประกันสังคมมาตรา 40 ให้กับแกนนำเครือข่ายประกันสังคม เพื่อสามารถนำไปขยายความคุ้มครองประกันสังคมสู่แรงงานนอกระบบในระดับพื้นที่ได้ รวมทั้งแลกเปลี่ยนประสบการณ์ในการขับเคลื่อนการขยายความคุ้มครอง

ก.แรงงาน จัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสวันฉัตรมงคล 4 พฤษภาคม 2566

วันที่ 3 พฤษภาคม 2566 เวลา 08.30 น. นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน มอบหมายให้ นายบุญชอบ สุทธมนัสวงษ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน เป็นประธานในพิธีถวายเครื่องราชสักการะ ถวายพระพรชัยมงคล และถวายสัตย์ปฏิญาณในกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสวันฉัตรมงคล 4 พฤษภาคม 2566 โดยมี ผู้บริหารระดับสูงกระทรวงแรงงาน ข้าราชการ และเจ้าหน้าที่กระทรวงแรงงาน เข้าร่วมพิธีโดยพร้อมเพรียงกัน ณ ห้องประชุมกระทรวงแรงงาน ชั้น 5 อาคารกระทรวงแรงงาน

ผู้ตรวจราชการ ก.แรงงาน เปิดประชุมเชิงปฏิบัติการ ยกระดับความร่วมมือในภูมิภาค ตั้งเป้ามุ่งขจัดการใช้แรงงานเด็กในรูปแบบที่เลวร้ายให้หมดไปในปี 2568

วันที่ 15 พฤษภาคม 2566 นายบุญชอบ สุทธมนัสวงษ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน มอบหมายให้ นายสมาสภ์ ปัทมะสุคนธ์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงแรงงาน เป็นประธานกล่าวเปิดการประชุมเชิงปฏิบัติการระดับภูมิภาคเพื่อนำแนวทางอาเซียนในการขจัดการใช้แรงงานเด็กในรูปแบบที่เลวร้ายให้หมดไปในปี ค.ศ.2025 ไปปฏิบัติ โดยมี นาย Benedicto Ernesto R. Bitonio, Jr. ประธาน SLOM และปลัดกระทรวงด้านแรงงานสัมพันธ์ นโยบาย และการต่างประเทศ กระทรวงแรงงานและการจ้างงาน สาธารณรัฐฟิลิปปินส์ พร้อมทั้ง ประธานคณะทำงานเจ้าหน้าที่อาวุโสแรงงานอาเซียน และผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ สำนักเลขาธิการอาเซียน คณะกรรมาธิการอาเซียนว่าด้วยการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิสตรีและสิทธิเด็ก องค์การแรงงานระหว่างประเทศ องค์การอาหารและการเกษตรแห่งสหประชาชาติ เข้าร่วมด้วย ณ โรงแรมโนโวเทลกรุงเทพ ถนนเพลินจิต แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร

นายสมาสภ์ กล่าวว่า ในปัจจุบันการใช้แรงงานเด็กยังคงเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยองค์การแรงงานระหว่างประเทศรายงานว่าแรงงานเด็กที่อายุระหว่าง 5 - 17 ปี มีจำนวนประมาณ 160 ล้านคน ทั่วโลก ซึ่งในกลุ่มนี้มีจำนวนประมาณ 48.7 ล้านคน อยู่ในภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก ซึ่งทุกภาคส่วนได้ร่วมกันเห็นชอบในการแก้ไขปัญหาดังกล่าวมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ ประเทศสมาชิกอาเซียนได้ดำเนินการตามแนวทางอาเซียนในการขจัดการใช้แรงงานเด็กในรูปแบบที่เลวร้ายให้หมดไปในปี พ.ศ. 2568 ไปปฏิบัติ 
เพื่อเป็นการแสดงเจตนารมณ์ร่วมกันในการขจัดการใช้แรงงานเด็กในรูปแบบที่เลวร้ายให้หมดไปในส่วนของประเทศไทย ในปี พ.ศ.2565 จากรายงานกระทรวงแรงงาน พบว่า ได้มีการจ้างลูกจ้างซึ่งเป็นเด็กตามมาตรา 45 แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 รวมทั้งสิ้น 71,301 คน สำหรับการประชุมเชิงปฏิบัติการฯ ในครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อหารือความคืบหน้าในการดำเนินการตามแผนงานของอาเซียนและการบูรณาการร่วมกันเกี่ยวกับตัวชี้วัดด้านศักยภาพของแรงงานเด็ก เพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งในการขจัดการใช้แรงงานเด็กในรูปแบบที่เลวร้ายในระดับภูมิภาค 

นายสมาสภ์ กล่าวต่อว่า กระทรวงแรงงานในฐานะหน่วยงานหลักด้านการคุ้มครองแรงงาน ได้ดำเนินการขจัดการใช้แรงงานเด็กในรูปแบบที่เลวร้ายที่สุด โดยให้ความร่วมมือกับประชาคมโลกในการขจัดการใช้แรงงานเด็กในรูปแบบที่เลวร้ายให้หมดสิ้นไป ด้วยการให้สัตยาบันอนุสัญญาระหว่างประเทศเกี่ยวกับเด็กที่สำคัญหลายฉบับ รวมถึงร่วมขับเคลื่อนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) ตามแผนการขับเคลื่อนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน สำหรับประเทศไทย โดยเฉพาะเป้าหมายที่ 8.7 ที่ดำเนินการโดยทันทีและมีประสิทธิภาพเพื่อขจัดแรงงานบังคับ ยุติความเป็นทาสสมัยใหม่และการค้ามนุษย์ รวมถึงยับยั้งและกำจัดการใช้แรงงานเด็กในรูปแบบที่เลวร้ายที่สุด ในด้านโครงสร้างกรอบกฎหมายและการบังคับใช้กฎหมายเกี่ยวกับการใช้แรงงานเด็ก ประเทศไทยมีกฎหมายและระเบียบที่ห้ามการใช้แรงงานเด็กในรูปแบบที่เลวร้ายที่สุดอย่างเพียงพอ อย่างน้อย 55 ฉบับ และมีการดำเนินงานที่สำคัญในปี พ.ศ. 2565 ได้แก่ การออกพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติม ประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 29) พ.ศ. 2565 การออกกฎกระทรวง แผนปฏิบัติการ ประกาศ ตลอดจนการดำเนินการแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้อง โดยกระทรวงแรงงานได้มีการบูรณาการออกตรวจแรงงานอย่างเป็นระบบ และมีการประสานส่งต่อกับหน่วยงานต่าง ๆ ที่มีบทบาทและกลไกในการบังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการใช้แรงงานเด็กที่แตกต่างกัน อาทิ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เป็นต้น 

ก.แรงงาน เปิดตัวโครงการส่งเสริมอาชีพ ปั้นแรงงานสู่ผู้ประกอบการร้านสตรีทฟู๊ด สร้างงาน เพิ่มรายได้ กระตุ้นเศรษฐกิจ

วันที่ 18 พฤษภาคม 2566 นายบุญชอบ สุทธมนัสวงษ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน เป็นประธานกล่าวเปิดงานกิจกรรมเปิดตัวโครงการพัฒนาส่งเสริมอาชีพผู้ประกอบการร้านสตรีทฟู้ด (Street Food) กระทรวงแรงงาน
โดยมี นายประทีป ทรงลำยอง รองปลัดกระทรวงแรงงาน นางสาวกรจิรัฏฐ์ พงจันทร์ศธร ผู้ช่วยปลัดกระทรวงแรงงาน พร้อมด้วยผู้บริหารระดับสูงกระทรวงแรงงาน และบุคลากรหน่วยงานในสังกัดกระทรวงแรงงาน เข้าร่วมในครั้งนี้ด้วย ณ ห้องวายุภักษ์ 3 - 4 ชั้น 4 อาคารวายุภักษ์ โรงแรมเซ็นทรา บายเซ็นทารา ศูนย์ราชการ และคอนเวนชันเซ็นเตอร์ ถนนแจ้งวัฒนะ เขตหลักสี่ กรุงเทพมหานคร 

นายบุญชอบ กล่าวว่า ปัจจุบันอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มในช่วง 5 ปีที่ผ่านมามีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วจากปัจจัยของเทคโนโลยีและพฤติกรรมผู้บริโภค ประกอบกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด -19 คลี่คลายลง ทำให้ภาคธุรกิจสตาร์ทอัพและเอสเอ็มอีด้านอาหารและเครื่องดื่มเร่งปรับตัวนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาให้บริการ รวมทั้งเชื่อมโยงธุรกิจร้านสตรีทฟู้ดเพื่อให้เข้าถึงผู้บริโภคได้ง่ายขึ้น จากข้อมูลของยูโรมอนิเตอร์ พบว่า ในปี 2564 ประเทศไทยมีผู้ประกอบการร้านสตรีทฟู้ด (Street Food) อยู่มากกว่า 560,000 ราย และมีมูลค่ากว่า 3.4 แสนล้านบาท มีอัตราการเติบโตประมาณร้อยละ 5 ต่อปี ซึ่งสะท้อนถึงความนิยมในร้านอาหารสตรีทฟู้ดของประเทศไทยเป็นอย่างดีทั้งในประเทศและต่างประเทศ ที่สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเข้ามาในประเทศ เกิดเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจปีละกว่า 2.21 ล้านล้านบาท รัฐบาลจึงได้เร่งผลักดันให้สตรีทฟู้ดของไทยเกิดการขยายตัวเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ รวมทั้งสร้างอาชีพ สร้างรายได้ให้แก่ประชาชน 

นายบุญชอบ กล่าวต่อว่า การเปิดตัวโครงการพัฒนาส่งเสริมอาชีพผู้ประกอบการร้านสตรีทฟู้ดในวันนี้
กระทรวงแรงงาน โดยสำนักงานปลัดกระทรวงแรงงานจัดขึ้นเพื่อช่วยเหลือผู้ว่างงานให้มีโอกาสเข้าสู่อาชีพรวมถึงผู้ประกอบการร้านสตรีทฟู้ดเดิมให้มียอดขายเพิ่มขึ้น สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี (พ.ศ. 2561 - 2580) ด้านการสร้างโอกาสและความเสมอภาคทางสังคม ภายใต้ 4 กิจกรรม ประกอบด้วย การเปิดตัวโครงการในกรุงเทพมหานครในวันนี้ กิจกรรมจัดฝึกอบรมให้แก่ผู้สนใจประกอบอาชีพสตรีทฟู้ดรายใหม่ 300 รุ่น เป้าหมายจำนวน 15,000 คน เพื่อสร้างโอกาสในการเข้าสู่เส้นทางอาชีพร้านสตรีทฟู้ด และจัดฝึกอบรมให้แก่ผู้ประกอบอาชีพสตรีทฟู้ดรายเดิม 300 รุ่น เป้าหมายจำนวน 15,000 คน กิจกรรมแสดงร้านค้าสตรีทฟู้ด จำนวน 5 ครั้ง 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top