ยุบพรรคก้าวไกล-ถอดถอนเศรษฐา 'อุ๊งอิ๊งค์ แพทองธาร' ผงาดนายกฯ

ปี 2567 ถือเป็นปีที่การเมืองไทยเผชิญการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญจากสองคดีใหญ่ที่สร้างแรงสั่นสะเทือนต่อการเมืองทั้งระบบ ได้แก่ การยุบพรรคก้าวไกล และการถอดถอนเศรษฐา ทวีสิน ส่งผลให้ประเทศไทยได้ นายกรัฐมนตรีคนที่ 31 แพทองธาร ชินวัตร

คดีที่ 1 ยุบพรรคก้าวไกล การยุบพรรคก้าวไกลเริ่มต้นจากการที่พรรคเสนอ นโยบายแก้ไขกฎหมายมาตรา 112 ระหว่างการหาเสียงเลือกตั้งปี 2566 ซึ่งถูกยื่นคำร้องว่าเข้าข่ายล้มล้างการปกครอง ศาลรัฐธรรมนูญได้พิจารณาและตัดสินในวันที่ 31 มกราคม 2567 ว่าพรรคก้าวไกลมีการกระทำที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ  

เหตุการณ์สำคัญ: 12 มีนาคม 2567 กกต. มีมติส่งคำร้องยุบพรรคก้าวไกลต่อศาลรัฐธรรมนูญ  7 สิงหาคม 2567 ศาลรัฐธรรมนูญตัดสินยุบพรรคก้าวไกล และตัดสิทธิ์กรรมการบริหารพรรค 10 ปี  

หลังคำตัดสิน อดีตสมาชิกพรรคก้าวไกลจำนวน 143 คนได้ย้ายไปสังกัดพรรคใหม่ชื่อ **พรรคประชาชน** โดยมี ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ เป็นหัวหน้าพรรค พร้อมประกาศเป้าหมายการเปลี่ยนแปลงผ่านการเลือกตั้งในปี 2570  

คดีที่ 2 ถอดถอนเศรษฐา ทวีสิน เศรษฐา ทวีสิน เผชิญคดีที่เกี่ยวข้องกับการแต่งตั้งพิชิต ชื่นบาน เป็นรัฐมนตรี แม้นายพิชิตจะมีประวัติคดีอาญาในข้อหาละเมิดอำนาจศาลจากกรณีติดสินบนระหว่างพิจารณาคดีที่ดินรัชดาฯ  

เหตุการณ์สำคัญ เมษายน 2567 มีการยื่นคำร้องต่อ ป.ป.ช. ให้สอบสวนเศรษฐา  พฤษภาคม 2567 พิชิตลาออกจากตำแหน่งเพื่อลดกระแสวิพากษ์วิจารณ์   สิงหาคม 2567ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งถอดถอนเศรษฐาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี  

สองคดีนี้ไม่เพียงส่งผลต่อพรรคการเมืองและผู้นำ แต่ยังเปลี่ยนโฉมการเมืองไทยโดยสิ้นเชิง การถอดถอนเศรษฐาทำให้ 'แพทองธาร ชินวัตร' ได้รับเลือกเป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่