'ปลอดประสพ' แนะแนวทางแก้ปัญหา 'ขยะ-กากอุตสาหกรรม' ลั่น!! ถ้าได้เป็น รบ. พร้อมเดินสายกำจัดขยะรอบ กทม.
(1 เม.ย.66) ปลอดประสพ สุรัสวดี ประธานคณะทำงานด้านสิ่งแวดล้อม พรรคเพื่อไทย กล่าวบนเวทีทางออกปัญหามลพิษขยะอุตสาหกรรม ทางสถานีโทรทัศน์ Thai PBS เมื่อวันที่ 31 มีนาคม ที่ผ่านมา ถึงปัญหาขยะและกากขยะจากโรงงานอุตสาหกรรมในภาคตะวันออก โดยมุ่งใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัดในการควบคุม ใช้เทคโนโลยีในการติดตามตรวจสอบการจัดเก็บขยะกากอุตสาหกรรม และเน้นย้ำว่าส่วนมากการกำจัดขยะเหล่านี้อยู่ภายใต้อิทธิพลของบ้านใหญ่รอบๆ กรุงเทพมหานครทั้งนั้น เพราะเกี่ยวพันการเมืองจึงแก้ไขไม่ได้ ถ้าพรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาลจะขอจองเดือนแรกเดินสายกำจัดขยะรอบกรุงเทพมหานครให้หมดสิ้น
ปลอดประสพ สุรัสวดี กล่าวว่า โรงงานอุตสาหกรรมในภาคตะวันออกมีมากกว่า 70,000 โรงงาน ซึ่งผลิตขยะอุตสาหกรรมทุกวัน แต่เรามีโรงบำบัดหรือกำจัดแค่ 2,000 โรงเท่านั้น ซึ่งไม่เพียงพอ จึงเกิดปัญหาตามข่าวคือแอบเอาขยะไปทิ้ง เอาน้ำเสียสารมีพิษไปปล่อยกระจัดกระจายไปหมด แต่ก่อนเรายังมีกฎหมายผังเมืองคอยควบคุมขอบเขตการจัดตั้งโรงงานแต่เพราะมีคำสั่งของ คสช. ไปยกเลิกจึงทำให้กลุ่มโรงงานกระจัดกระจายออกไป ดังนั้น ต้องไปแก้คำสั่ง คสช. เป็นเบื้องแรก
นโยบายพรรคเพื่อไทย ยืนบนหลักชีวิตและความปลอดภัยของประชาชนต้องมาก่อนสิ่งอื่น ดังนั้นอุตสาหกรรมต้องปรับตัวเปลี่ยนแปลงให้เป็น เซอร์คูลาร์อีโคโนมี (Circular Economy) หรือเศรษฐกิจหมุนเวียน หลักการของเศรษฐกิจหมุนเวียนคือการมุ่งใช้ทรัพยากรให้เกิดคุณค่าสูงสุด ลดปริมาณขยะให้เหลือน้อยที่สุด และสามารถบริหารจัดขยะ รีไซเคิลขยะนำกลับมาใช้ให้ได้มากที่สุด ต้องสามารถตรวจสอบขยะอันตรายย้อนหลังได้ว่าแหล่งที่มาจากไหน เคลื่อนย้ายไปเก็บพักกำจัดไว้ที่ใด และใครคือผู้รับผิดชอบ
วิธีแก้ไขปัญหาขยะหรือกากอุตสาหกรรม ประการแรก ต้องบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัดตรวจสอบได้ จัดระบบขยะและการกำจัดกากอุตสาหกรรมให้ชัดเจนว่ามีขยะอยู่ที่อยู่ตรงไหน มีมลพิษจุดใดเกิดขึ้น และเมื่อเกิดปัญหา ต้องมีแผนปฏิบัติการเข้าช่วยเหลือเยียวยาได้ทันที ซึ่งการเยียวยาอย่างเร่งด่วนจะเกี่ยวข้องกับการจัดตั้งกองทุนช่วยเหลือเยียวยา ซึ่งกองทุนนี้ควรเป็นกองทุนที่รัฐ ผู้ผลิตเจ้าของโรงงาน และผู้จัดจำหน่าย ต้องช่วยกันลงขันตั้งกองทุนเพื่อใช้เยียวยาแก้ไขสถานการณ์หากเกิดปัญหาเฉพาะหน้า ซึ่งไม่ต้องไปรองบกลางของรัฐบาล เพราะเคยมีตัวอย่างว่า ถ้าจะใช้งบกลางต้องไปฟ้องร้องเป็นคดีรอศาลตัดสินก่อน แบบนี้ชักช้าเกิน กว่าจะมีคำพิพากษาก็สายเกินไป
“เรื่องมลพิษ มีหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งกรมควบคุมมลพิษ จะไปตรวจโรงงานก็ทำเองไม่ได้ เวลาจะทำอะไรก็ต้องชวนกรมควบคุมโรงงานไปด้วย พอกรมโรงงานไปดูพบว่าทำผิด อย่างเก่งก็แค่ตักเตือน แล้วค่อยไปฟ้องร้อง ต้องรอประชาชนตายไปก่อนแล้วค่อยไปทำ อย่างนี้ไม่ได้ และกองขยะใหญ่ๆ ที่ก่อมลพิษทั่วประเทศไทยอยู่ภายใต้อิทธิพลบ้านใหญ่ทั้งนั้น เกี่ยวพันทั้งเรื่องของการเมือง เราต้องกำจัดอิทธิพลขยะๆ แบบนี้ ซึ่งส่วนใหญ่อยู่รอบกรุงเทพฯ หากเพื่อไทยเป็นรัฐบาลขอจองเลย หนึ่งเดือนแรกเดินสายตรวจแน่นอน เตรียมใจรอได้” ประธานคณะทำงานด้านสิ่งแวดล้อม กล่าว