10 กรกฎาคม พ.ศ. 2528 บอมบ์เรือเรนโบว์ วอร์ริเออร์ ของ ‘กรีนพีซ’ ฝีมือผู้ก่อการร้ายชาวฝรั่งเศส
คงมีแต่ผู้ติดตามตัวจริงเท่านั้นที่จะนึกถึงเหตุโศกนาฎกรรมครั้งนี้ได้ว่ามัน เกิดขึ้นกับ "เรือเรนโบว์ วอร์ริเออร์" (The Rainbow Warrior) แต่คนไทยวงนอก จะจดจำได้ว่าครั้งหนึ่ง "เรือของกรีนพีซ" เคยถูกบอมบ์จนยับเยินมาแล้ว
เหตุเศร้านี้เกิดขึ้นเมื่อวันนี้ของเมื่อ 37 ปีก่อน ตรงวับวันที่ 10 กรกฎาคม 2528 เรือลำนี้ถูกสายลับก่อการร้ายชาวฝรั่งเศสวางระเบิดยับจนจมดิ่งมหาสมุทร ที่น่าเศร้าคือมีผู้สูญหายหรือเสียชีวิตอีกด้วย
แน่นอน คนไทยทั่วไปอาจคุ้นเคยแต่ว่า องค์กรกรีนพีซนั้นทำเรื่องสิ่งแวดล้อม โลกสวยในทุ่งลาเวนเดอร์และผืนมหาสมุทร หากแท้จริงแล้ว องคาพยพขององค์กรนี้ยิ่งใหญ่และแข็งแกร่งกว้างขวางกว่าที่คิด
เฉกเช่นกับเรื่องราวของ “เรนโบว์ วอร์ริเออร์” อันเป็นเรือลำแรกในกองเรือ ที่ออกแบบและสร้างขึ้นเพื่อภารกิจของกรีนพีซโดยเฉพาะ
เว็บไซต์ www.greenpeace.org/thailand เล่าไว้ว่า เรนโบว์ วอร์ริเออร์” ไม่เพียงแต่เป็นเรือที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมที่สุดลำหนึ่งแล้ว เรือลำนี้ยังเป็นดั่งความฝันของเหล่านักรณรงค์ที่ยังคงต่อสู้เพื่ออนาคตสีเขียวและสันติภาพ
เรนโบว์ วอร์ริเออร์ เดิมมีชื่อว่า “เซอร์ วิลเลียม ฮาร์ดีย์” เรืออวนลากสำหรับงานวิจัยด้านการประมงของกระทรวงเกษตร ประมง และ อาหารของสหราชอาณาจักร สร้างขึ้นเมื่อปี 2498 เป็นเรือเครื่องยนต์ดีเซลไฟฟ้าลำแรกที่สร้างขึ้นในสหราชอาณาจักรด้วย
ภายหลัง กรีนพีซต้องการนำมาใช้ จึงระดมทุนเพื่อซื้อเรือลำนี้มา แต่มันไม่ง่ายเลย เพราะหลายเดือนกรีนพีซก็ยังไม่มีเงินพอ
จนที่สุดกองทุนสัตว์ป่าโลก สำนักงานเนเธอร์แลนด์ จึงให้ความช่วยเหลือทางการเงิน เพื่อช่วยรณรงค์ปกป้องวาฬ กรีนพีซจึงได้กรรมสิทธิ์เรือลำแรกในยุโรป
ได้เรือมาอย่างสวยงามแล้ว กรีนพีซจัดแจงเปลี่ยนชื่อเรือเอาฤกษ์เอาชัย ได้ชื่อมาว่า “เรนโบว์ วอร์ริเออร์” ตามคำทำนายของนักรบอินเดียนแดง ชนเผ่าครีในอเมริกาเหนือ ที่เชื่อว่า “เมื่อโลกป่วยและกำลังดับสูญ ผู้คนจะลุกขึ้นสู้ประหนึ่งนักรบแห่งสายรุ้ง…”
วันที่ 29 เมษายน 2521 เรนโบว์วอร์ริเออร์ ได้ทำงานเที่ยวแรกในชีวิต ออกจากท่าเรือในลอนดอน มีลูกเรือ 24 คน จาก 10 ประเทศ
ดังที่เกริ่นไว้ พวกมีภารกิจสำคัญ คือการขัดขวางการล่าวาฬเพื่อการค้าที่ไอซ์แลนด์ ชาวกรีนพีซแห่งเรนโบว์วอร์ริเอร์ ราวกับนักรบที่ไร้อาวุธ แต่พวกเขาก็ท้าลุยกับปัญหาต่างๆ จนพิสูจน์ให้เห็นว่า เป็นเรือที่ทรงคุณค่าในการเดินทะเลอย่างแท้จริง
3 ปีต่อมา อาสาสมัครกรีนพีซเปลี่ยนเครื่องยนต์ดีเซลไฟฟ้าขนาด 45 ตัน และติดตั้งเครื่องยนต์ดีทรอยท์ เข้าไปแทน จนถึงปี 2528 มีการติดตั้งใบเรือเพื่อความพร้อมสำหรับการเดินทางไปมหาสมุทรแปซิฟิก
ที่นั่นมีชาวเกาะรองเกลัป 320 คน ที่ได้รับผลกระทบจากการปนเปื้อนรังสี และได้เรียกร้องความช่วยเหลือจากเรือเรนโบว์วอร์ริเออร์ให้ช่วยอพยพผู้คน เพื่อไปตั้งถิ่นฐานใหม่ที่เกาะเมจาโต
รังสีนี้ มาจากการทดลองนิวเคลียร์ของสหรัฐฯ ในช่วงทศวรรษที่ 1950 หลายคนเป็นมะเร็ง ลูคิเมียและพิการแต่กำเนิด
ใครจะคาดคิดว่า ในวันที่สวยงามของเดือนกรกฎาคมปีนั้น (2528) เรือเรนโบว์ วอร์ริเออร์ ซึ่งทอดสมอไหวเอนตามลมคลื่นเบาๆ ในผืนน้ำที่เมืองโอคแลนด์ ประเทศนิวซีแลนด์ เพื่อเตรียมความพร้อมออกปฏิบัติการต่อต้านการทดลองนิวเคลียร์ของรัฐบาลฝรั่งเศศที่หมู่เกาะปะการังโมรูรัว
เวลาเกือบเที่ยงคืน ขณะที่ทุกๆ คน กำลังจะเข้านอน หากแต่ยังมีลูกเรือสองสามนาย หนึ่งในนั้นคือ เฟอร์นานโด เปเรรา ช่างภาพประจำเรือชาวโปรตุเกส พวกเขานั่งคุยและดื่มเบียร์อยู่บนเรือลำนี้
อยู่ๆ ก็มีแสงสว่างวาบขึ้น ตามด้วยเสียงกระจกแตก และเสียงโครมที่ลงกระแทกผืนน้ำเข้าอย่างจัง หะแรก ทุกคนคิดว่าเรืออาจถูกเรือโยงชน แต่มารู้ว่าไม่ใช่เมื่อได้เกิดระเบิดลูกที่สอง!
ลูกเรือที่อยู่บนดาดฟ้าเรือ พากันหนีตายจ้าละหวั่น ที่กระโดดหลบในที่ปลอดภัยบนท่าเรือได้ก็ทำ ที่กระโดลงน้ำได้ก็ทำ เปลวไฟจากระเบิดทำให้เสากระโดงเรือที่เป็นเหล็กบิดงอไปต่อหน้าต่อตา
แต่ที่น่าเศร้าคือ เฟอร์นานโด เปเรรา ผู้ที่ทำหน้าที่ถ่ายภาพการทดลองนิวเคลียร์ของฝรั่งเศส เพื่อนำไปเผยแพร่ให้คนทั่วโลกได้ประจักษ์ ได้หายไปในคืนนั้นเอง ว่ากันว่าร่างของเขาถูกน้ำพัดและจมหายไปกับแรงของระเบิด ทั้งๆ เขาเพิ่งฉลองวันเกิด 35 ปี ไปไม่นาน
ดังที่ทราบกัน การระเบิดครั้งนี้เป็นฝีมือของ สายลับของฝรั่งเศส ที่ทำเพื่อขัดขวางแผนการรณรงค์ของเรือ โดยวางระเบิดหุ้มพลาสติกไว้สองลูก ลูกหนึ่งซ่อนไว้ในใบพัด อีกลูกหนึ่งอยู่นอกกำแพงห้องเครื่อง
หลังเกิดเหตุ ทีแรกรัฐบาลฝรั่งเศสปฏิเสธความเกี่ยวข้องกับปฏิบัติการนี้ แต่สุดท้ายก็หนีความจริงพ้น ทำให้ โลรองต์ ฟาบัวส์ นายกรัฐมนตรีในสมัยนั้น ต้องออกโทรทัศน์ แถลงยอมรับว่า “สายลับ DGSE ได้ปฏิบัติการจมเรือเรนโบว์ วอร์ริเออร์ ทั้งนี้ เป็นปฏิบัติการตามคำสั่ง”
สายลับในการนี้ มีสองคนที่ถูกจับรับโทษ คือ โดมินิเก พริเยอร์ และ อแลงน์ มาฟาร์ต ซึ่งครั้งนั้นอยู่ในสถานะของนักท่องเที่ยวชาวสวิส โทษของเขา คือ มีการเจรจาในกรอบของสหประชาชาติ จนออกมาว่าให้ทั้งสองคนย้ายไปต้องโทษที่หมู่เกาะ Hao ซึ่งเป็นฐานทัพทหารของฝรั่งเศสในเฟรนช์โปลินิเซีย แต่ทั้งสองไดัรับการปล่อยตัวในช่วงไม่ถึงสองปีหลังจากนั้น
แต่ คริสติน กาบอง สายลับอีกหนึ่งคนที่แทรกซึมเข้าไปในสำนักงานของกรีนพีซนิวซีแลนด์ก่อนมีการวางระเบิดที่เรือ เธอหลบหนีก่อนจะถูกจับได้ในอิสราเอลและไม่มีใครเห็นเธออีกเลย
ส่วนฌอง-มิเชล แบร์เตโล หนึ่งในนักประดาน้ำสองคนที่เชื่อว่า เป็นผู้วางระเบิด ก็ไม่มีใครพบเห็น คนที่เกี่ยวพันกับเหตุการณ์ในคืนนั้นที่ท่าเรือโอคแลนด์ ล้วนหายตัวไปพร้อมๆกัน
หลังถูกวางระเบิดเรือแล้ว เรือเรนโบว์วอร์ริเออร์ถูกลากไปทางเหนือจากโอคแลนด์ เมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2530 ข่าวรายงานว่าประชาชนพากันโศกเศร้าเสียใจกับเรือำลนี้ ไม่ต่างไปจากกากสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รัก
เรนโบว์ได้เกษียณก่อนวัย และมีที่พักแห่งสุดท้ายอยู่ที่อ่าวมาเทารี ในหมู่เกาะคาวัลลิของนิวซีแลนด์ แต่มันก็ยังมีงานทำ โดยมันได้กลายเป็นบ้านหลังใหม่ให้กับระบบนิเวศใต้ทะเล โดยกลายเป็นที่ขยายพันธุ์ปะการัง และ สัตว์ทะเลอื่นๆ รวมทั้งเป็นแหล่งท่องเที่ยวของนักดำน้ำอีกด้วย
ว่ากันว่า ความคิดนี้มาจากสมาคมใต้น้ำของนิวซีแลนด์ เพื่อให้เรือได้ทำหน้าที่สุดท้ายในการปกป้องสิ่งแวดล้อมทางทะเล นิยมของนักดำน้ำ
อย่างไรก็ดี เจ้าเรือยังมีลูกหลานไปทำหน้นที่แทน เพราะในปี 2532 เรือเรนโบว์วอร์ริเออร์ 2 ได้สบายปีกกางใบออกล่องทะเลกว้าง
กระทั่งปี 2554 กรีนพีซต่อเรือเรนโบว์ วอร์ริเออร์ ขึ้นมาใหม่เพื่อวัตถุประสงค์ในการรณรงค์เพื่อสิ่งแวดล้อม และยังคงทำหน้าที่มาจนทุกวันนี้
ที่มา : https://www.komchadluek.net/today-in-history/378856
https://www.greenpeace.org/thailand/about/ships/rainbow-warrior/the-bombing/