Monday, 9 June 2025
WORLD

สยอง!! หนุ่มโปแลนด์ยัด ‘ปลาไหล’ เข้ารูทวาร หวังช่วยแก้ท้องผูก แต่กระเพาะทะลุ-อักเสบ

ปลาเป็นอาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ แต่ผู้ป่วยรายหนึ่งกลับมาถึงแผนกฉุกเฉินด้วยปัญหาที่น่าอับอาย เหตุเกิดเพราะการใช้ปลาผิดวิธี

สำนักข่าวโปแลนด์ รายงาน ผู้ป่วยมาที่แผนกฉุกเฉินของโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง โดยบ่นว่าตนเองมีอาการปวดท้อง ดังนั้นแพทย์จึงเริ่มตรวจและพบว่าชายคนนั้นเป็นโรคเยื่อบุช่องท้องอักเสบ ในระหว่างการรักษา จู่ ๆ ผู้ป่วยก็ตัดสินใจว่าต้องพูดความจริง แพทย์ต่างช็อกเมื่อได้ยินสิ่งที่นำไปสู่ปัญหาของชายคนนี้

ปรากฏว่า ผู้ป่วยมีปัญหาท้องผูก ดังนั้น เขาจึงตัดสินใจนำปลาไหลตัวเบิ้มที่มีชีวิตยัดเข้าไปในทวารหนักของเขา เพราะเขาเชื่อในการเยียวยาพื้นบ้านโดยใช้ปลาไหลเข้าไปในทวารหนักเพื่อรักษา ซึ่งปลาไหลทำทุกวิถีทางเพื่อออกจากร่างกายของชายคนนั้น

เป็นผลให้เกิดกระเพาะอาหารทะลุ แถมทำให้เกิดการติดเชื้อ มีรอยแดง และเยื่อบุช่องท้องอักเสบ แพทย์ต่างรีบทำการผ่าตัดทันที โดยหนึ่งในเอกซเรย์จะเห็นได้ว่า ก้างปลาของปลาไหลพันกันเป็นวงกลมและติดอยู่ในลำไส้ใหญ่ของชายคนนั้น ส่วนอีกภาพ แพทย์กำลังผ่าตัดดึงปลาไหลขนาดใหญ่ออกมา

เซเลนสกี้ วอน สหรัฐฯ ส่งทหารหนุ่มสาวมาช่วยรบ หลังยูเครนขาดนักรบ ถึงขั้นเกณฑ์คนพิการเข้ากองทัพ

สถานการณ์สงครามรัสเซีย-ยูเครน ปี 2 ยังคงตึงเครียดที่ต่างฝ่าย ต่างไม่มีใครหยุดยิง แถมปัดโอกาสในการหันหน้าเข้าสู่วงเจรจา จึงเชื่อว่าในใจลึก ๆ ของชาวโลกจำนวนไม่น้อยเริ่มรู้สึกท้อแล้วกับความขัดแย้งนี้ คือถ้าอยากจะรบกันไปเรื่อย ๆ ก็อย่าให้เดือดร้อนคนอื่นมากก็แล้วกัน 

ชาวโลกประเทศอื่นที่ไม่เกี่ยวข้อง อาจจะคิดแบบนี้ได้ แต่กับชาวอเมริกันที่จ่ายภาษีทุกวัน แล้วต้องมาเห็นรัฐบาลเซ็นเช็คเหมือนเทน้ำ เพื่อส่งไปสนับสนุนกองทัพยูเครนคงทำใจให้ปล่อยวางในเรื่องนี้ได้ยากหน่อย 

แต่วันนี้ โวโลดิมีร์ เซเลนสกี้ มีคำตอบให้ชาวอเมริกัน เมื่อสื่ออเมริกันขอสัมภาษณ์ผู้นำยูเครนในวันครบรอบ 1 ปี เหตุการณ์สงครามรัสเซีย-ยูเครน ซึ่งเขาได้พูดถึงการสนับสนุนของรัฐบาลอเมริกันในสงครามครั้งนี้ว่า สิ่งที่ชาวอเมริกันเริ่มตั้งคำถามเกี่ยวกับจำนวนเงิน และความคุ้มค่าที่รัฐบาลสหรัฐจะได้จากการส่งทรัพยากรมหาศาลมาช่วยยูเครน เป็นเรื่องที่อันตรายมากๆ (คือจ่ายแล้วอย่าไปคิด) 

เพราะอะไรนะหรือ? เพราะถ้ายูเครนแพ้ นั่นหมายถึงรัสเซียจะได้ครองดินแดนทางฝั่งบอลติก ซึ่งเป็นภัยอย่างยิ่งกับ NATO และจะทำให้สหรัฐสูญเสียความเป็นมหาอำนาจ  และสิ่งที่สหรัฐจะต้องทำอีก คือ ต้องส่งบุตรหลานของพวกท่านลงสนามรบ เหมือนอย่างที่เราได้สละลูกหลานของเราพลีชีพในสมรภูมิไปแล้ว ให้สมกับที่สหรัฐบอกว่าจะยืนเคียงข้างเราเพื่อชัยชนะ มันอาจจะโหดร้าย และพวกเขาอาจต้องตาย แต่สงครามมันก็เป็นอย่างนี้แหล่ะ 

และนี่เป็นครั้งแรก ที่เซเลนสกี้เอ่ยปากขออย่างอื่นที่ไม่ใช่อาวุธในการทำสงคราม แต่ไอ้ 'อย่างอื่น' นี่มันยากยิ่งกว่าส่งเงินทุน ส่งอาวุธไปให้มากมายนัก ที่ชาวอเมริกันฟังแล้วถึงกับเอามือทาบอก ที่ได้ยินว่า เซเลนสกี้ขอให้ส่งหนุ่มสาวอเมริกันไปรบในประเทศอื่นอีกแล้วหรือ ที่ยูเครนมีทหารไม่พอหรือไง?

แต่ถึงเซเลนสกี้จะไม่พูดออกมาตรง ๆ แต่ดูทรงแล้วมันก็น่าจะเป็นอย่างนั้น

ซึ่งตั้งแต่กองทัพรัสเซียบุกยูเครน ทางรัฐบาลยูเครนได้ประกาศกฎอัยการศึกในสถานการณ์สงคราม ที่จะเรียกระดมพลทหารกองเกิน กองหนุน และอาสาสมัครจากทั่วประเทศมาลงกองทัพ หรือแม้แต่รับสมัครนักรบต่างชาติ บีบให้ฝ่ายรัสเซียต้องประกาศเกณฑ์ทหารเข้ากรมครั้งใหญ่เพิ่มเช่นเดียวกัน 

จนกระทั่งช่วงปลายปี 2022 กองบัญชาการภาคพื้นดินของยูเครนได้ออกมาให้สัมภาษณ์ว่า ทางรัฐบาลจะยังไม่เรียกระดมพลระลอกใหม่ในเร็ว ๆ นี้ จนกว่าจะมีการประกาศกฤษฎีกาฉบับใหม่ หลังวันที่ 24 กุมภาพันธ์ ปีหน้า (2023) แต่ผู้ที่ชำนาญการรบพิเศษ หน่วยต่อต้านการก่อการร้าย ยังคงเรียกให้เข้ากองทัพอยู่เรื่อย ๆ

นั่นเป็นคำพูดของฝ่ายกองทัพยูเครนเมื่อปีที่แล้ว แต่ทว่าตั้งแต่ต้นปี ชาวยูเครนที่กลุ่มที่หลุดเงื่อนไขเกณฑ์ทหาร อย่างกลุ่มคนพิการกลับได้รับจดหมายเรียกเข้ากรม เพื่อไปประจำในสนามรบที่ห่างไกล ที่ไม่ใช่บ้านเกิดของพวกเขาด้วยซ้ำ 

สำนักข่าว The Economist ได้ลงเรื่องราวของนายรัสลาน คูเบย์ ชายชาวยูเครนที่สูญเสียมือทั้ง 2 ข้างตั้งแต่ยังเด็ก ทำให้เขาถูกจัดอยู่ในกลุ่มคนพิการที่ได้รับการยกเว้นการเกณฑ์ทหาร กลับได้รับหมายเรียกให้เข้าประจำกองทัพในเมือง Drohobych แถมยังระบุชัดว่าร่างกายของเขาเหมาะสมที่จะเข้าประจำการ  

ซึ่งไม่ใช่เคสเดียว เพราะมีกลุ่มคนพิการในยูเครนที่ได้รับหมายเรียกลักษณะเดียวกันจำนวนมาก ที่บ่งชี้ว่ากองทัพยูเครนกำลังยกระดับการเกณฑ์พลเพิ่มขึ้นตั้งแต่ต้นปีแล้ว และมีหน่วยลงทะเบียนย่อย ซ่อนอยู่ตามเมืองต่าง ๆ แสดงให้เห็นว่ารัฐบาลยูเครนกำลังเรียกระดมพลครั้งใหญ่อยู่ เพียงแค่ไม่ประกาศออกมาตรง ๆ อย่างเป็นทางการเหมือนกับทางรัสเซียเท่านั้นเอง 

คุมกำเนิดสายย่อ!! TikTok ออกกฏใหม่ ขัดใจเด็กติดโซเชียล คุมเด็กต่ำกว่า 18 เล่นได้วันละชั่วโมง

แก้ปัญหาติดโซเชียล! ‘ติ๊กต็อก’จ่อตั้งค่าเริ่มต้นจำกัดเวลาบัญชีเด็กต่ำกว่า 18 เล่นได้ 60 นาทีต่อวัน

(2 มี.ค. 66) สำนักข่าวอัลจาซีราของกาตาร์ เสนอข่าว TikTok sets new default time limits for under-18s ระบุว่า “ติ๊กต็อก (TikTok)” หนึ่งในแอพพลิเคชันสื่อสังคมออนไลน์ยอดนิยม เตรียมติดตั้งระบบจำกัดเวลาเริ่มต้น (default time) 60 นาทีต่อวันสำหรับทุกบัญชีที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี และกำลังพัฒนาเครื่องมือเพื่อให้ผู้ปกครองป้องกันไม่ให้บุตรหลานดูเนื้อหาที่มีคำหรือแฮชแท็กบางคำเนื่องจากบริษัทต้องการสร้างภาพลักษณ์ต่อสาธารณะ 

การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวเกิดขึ้นท่ามกลางความกังวลที่เพิ่มขึ้นของรัฐบาลต่างๆ ทั่วโลกเกี่ยวกับความปลอดภัยของแอพฯ และความสามารถในการปรับเปลี่ยนอัลกอริทึมเพื่อผลักดันโพสต์บางรายการ ดังล่าสุดเมื่อวันที่ 1 มี.ค. 2566 มีการอัปเดตขีดจำกัดหน้าจอ สะท้อนถึงกฎการเล่นเกมที่กำหนดให้กับเยาวชนในจีน ซึ่งเป็นประเทศที่ ไบท์แดนซ์ (ByteDance) บริษัทแม่ของ TikTok ก่อตั้งขึ้นก่อนที่จะย้ายไปสิงคโปร์ในภายหลัง 

ในปี 2564 ทางการจีนได้ออกกฎใหม่ที่จำกัดระยะเวลาที่ผู้เยาว์สามารถเล่นเกมออนไลน์ได้เพียง 1 ชั่วโมงต่อวัน และเฉพาะในวันศุกร์ วันหยุดสุดสัปดาห์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ ซึ่งเป็นความพยายามที่จะควบคุมการเสพติดอินเตอร์เน็ต ขณะที่ในสหรัฐอเมริกา ข้อมูลของ Pew Research Center พบ  2 ใน 3 ของวัยรุ่นอเมริกันใช้ TikTok ท่ามกลางสภาพที่ครอบครัวต่างประสบปัญหากับการจำกัดเวลาที่บุตรหลานใช้แอพฯ ดังกล่าวแชร์วิดีโอ

วิกฤติหอพัก!! ‘ออสเตรเลีย’ ช็อก!! ที่พักนักศึกษาขาดแคลน หลังคลื่นบัณฑิตจีนแห่กลับมากว่า 4 หมื่นราย

กลายเป็นความโกลาหลทั่วออสเตรเลียในขณะนี้ เมื่อนักศึกษาจีนมากกว่า 4 หมื่นคน หลั่งไหลคืนสู่เหย้า รับช่วงเวลาเปิดภาคการศึกษาแรกของปี 2023 ในมหาวิทยาลัยของออสเตรเลียอย่างปัจจุบันทันด่วน จนหอพักนักศึกษาต่างชาติไม่สามารถรองรับได้ แม้แต่บ้านเช่า / อะพาร์ตเมนต์ ในบริเวณใกล้เคียง ก็ถูกจองเต็มหมด ส่งผลให้ราคาค่าเช่าที่พักในออสเตรเลียถูกดันพุ่งสูงถึง 5 เท่าในเวลาชั่วข้ามคืน 

จาง นักศึกษาจีนวัย 25 ปี จากมณฑลชางตง ซึ่งได้ลงทะเบียนเรียนระดับปริญญาโท ด้านการตลาดที่ The University of New South Wales เป็นหนึ่งในนักศึกษาจีนที่กำลังเจอปัญหาวิกฤติที่พักขาดแคลนในออสเตรเลีย เล่าว่า แม้ทุกคนจะเข้าใจดีว่าหาที่พักดีๆ ในราคาเหมาะสมในเมืองซิดนีย์ ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ครั้งนี้เป็นวิกฤติใหญ่ที่สุดที่เธอเคยเจอมา

เพื่อนของเธอหลายคนต้องยอมจ่ายค่าเช่า เพื่อได้พื้นที่นอนแค่ในห้องนั่งเล่น หรือ ระเบียงหน้าบ้าน ส่วนเธอใช้เวลาหาบ้านเช่ามานับเดือนก็ยังหาไม่ได้ จนอาจจะต้องไปนอนใต้สะพาน หรือ หน้าสถานกงสุลจีนในซิดนีย์

ด้าน Sydney University มหาวิทยาลัยชั้นนำอีกแห่งของออสเตรเลียมีหอพักสำหรับนักศึกษาต่างชาติรองรับอยู่ 2,400 ห้อง และ บริษัทเอกชนในเครืออีก 700 ห้อง ทุกห้องถูกจองเต็มหมด และยังมีนักศึกษาต่างชาติอีกจำนวนมากที่ยังหาที่พักไม่ได้ จนอาจจะต้องเลื่อนการเรียนไปจนถึงปีหน้า 

บริษัทจัดหาบ้านเช่าในออสเตรเลียแห่งหนึ่งเล่าว่า มีนักศึกษาจีน พร้อมผู้ปกครองจำนวนมากเข้ามาติดต่อหาห้องเช่าด้วยความตื่นตระหนก บางคนยอมจ่ายค่าห้องพักเล็กๆ ในราคาที่สูงกว่าปกติถึง 5 เท่า เพียงแค่ขอให้มีที่อยู่

สำหรับสาเหตุที่มีนักศึกษาจีนหลั่งไหลไปลงเรียนต่อที่ออสเตรเลียอย่างฉับพลัน จนที่พักขาดแคลน ไม่ได้เกิดจากการที่รัฐบาลจีนปลดล็อกมาตรการ Covid-19 ด้วยการเปิดประเทศแต่เพียงอย่างเดียว แต่เกิดจากการที่รัฐบาลจีนจะไม่รับรองใบปริญญาให้กับนักศึกษาจีน ที่ลงทะเบียนเรียนกับสถาบันการศึกษาต่างประเทศแบบออนไลน์ ทำให้นักศึกษาจีนจำเป็นต้องเปลี่ยนโหมด กลับไปลงทะเบียนแบบนั่งเรียนในแคมปัส เพื่อได้ใบปริญญาแบบภาคปกติ 

'อีลอน มัสก์' กลับมารวยสุดในโลกอีกครั้ง หลังหุ้นเทสลาทะยาน 100% ในปีนี้

(2 มี.ค. 66) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ดัชนีมหาเศรษฐีพันล้านของบลูมเบิร์ก ที่จัดอันดับให้ 'อีลอน มัสก์' ซีอีโอของเทสลาและทวิตเตอร์ ตำแหน่งบุคคลที่่ร่ำรวยที่สุดของโลก โดยมีทรัพย์สินสุทธิ 187,100 ล้านดอลลาร์ (มากกว่า 6 ล้าน 5 แสนล้านบาท) หลังจากหุ้นเทสลาของเขาทะยานไม่หยุดนับตั้งแต่เดือนม.ค. อยู่ที่ 207.63 ดอลลาร์ (7,200 บาท) เมื่อวันจันทร์ เพิ่มขึ้น 100% หลังเคยร่วงลงไปแตะระดับต่ำสุดที่ 108.10 ดอลลาร์ (3,700 บาท) เมื่อวันที่ 3 ม.ค. 2566

หลังราคาหุ้นเทสลาที่พุ่งขึ้นทำให้อีลอน มัสก์ มีทรัพย์สินแซงหน้า เบอร์นาร์ด อาร์โนลด์ ซีอีโอ ของ LVMH เจ้าของแบรนด์ลักชัวรี 'หลุยส์ วิตตอง' ที่มีทรัพย์สิน 182,000 ล้านดอลลาร์ ที่เพิ่งแย่งตำแหน่งมหาเศรษฐีอันดับ 1 จากมัสก์เมื่อเดือนธ.ค.ปีที่แล้ว ในช่วงที่หุ้นเทสลาร่วงหนัก ส่วนอันดับ 3 คือ เจฟฟ์ เบซอส ผู้ก่อตั้งอาณาจักรอี-คอมเมิร์ซ แอมะซอน และอันดับ 4 คือ บิล เกตส์ ผู้ก่อตั้งไมโครซอฟต์

ชำแหละโลกมืดใน ‘เมียนมา’ แด่สายหวังรวยลัด เมื่อในความเป็นจริง อาจไม่ได้สวยงามดังหวัง

มีข่าวมานานแล้วเรื่องการประกาศหาคนไทยมาทำงานในเมียนมา โดยงานที่บอกนี่ไม่ใช่งานอย่างที่เราๆ ท่านๆ เข้าใจกันนะ เพราะหากเป็นงานที่สุจริต จะต้องผ่านกระบวนการคัดสรรและจ้างงานอย่างเป็นระบบภายใต้กฎหมายไทยหรือเมียนมา ซึ่งตัวบริษัทก็จะมีชื่อและสามารถตรวจสอบธุรกิจ ธุรกรรมได้ 

แต่หลายๆ งานในเมียนมาไม่ได้เป็นอย่างที่คิด หลายงานต้องการจ้างคนไทยเพื่อไปทำงานบริการ หรืองานดูแลระบบที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจผิดกฎหมาย ซึ่งงานเหล่านี้จะไม่มีการออก Work Permit หรือแม้กระทั่งออก Business Visa ให้ (หลายคนที่มาทำงานเหล่านี้อาจจะรู้และยอมรับเงื่อนไขต่างๆ ได้)

แน่นอนว่างานเหล่านี้ มักจะมีรายได้ดี แต่ความจริงหลังม่านไม่ได้สวยงามอย่างที่คิด…

มีรายงานจากสถานทูตไทยในเมียนมาอยู่หลายครั้ง รวมถึงช่องทางโซเชียลเน็ตเวิร์กของคนไทยในเมียนมาต่างๆ ที่มีการขอความช่วยเหลือญาติพี่น้องรวมถึงคนรักที่เข้ามาทำงานในเมียนมา ซึ่งงานส่วนใหญ่จะเป็นงานขายบริการรวมถึงงานดูแลระบบคาสิโนเป็นต้น  

หลายคนอาจจะยังไม่ทราบว่า แม้ในช่วงเวลาที่เหตุการณ์บ้านเมืองในเมียนมาปกติ รัฐบาลกลางเมียนมาก็ไม่มีอำนาจกระทำการใดๆ ในเขตปกครองพิเศษหรือเขตปกครองตนเอง เช่น ในเมืองมูเซ เล้าก์ก่าย เมืองลา หรือ เมืองป๊อก ที่เป็นเขตอิทธิพลของว้ากับโกกั้ง หรือในเขตอิทธิพลของจีนในแถบเมียวดี หรือแม้กระทั่งทำงานในคาสิโนแถวท่าขี้เหล็กก็ตาม

‘มาเลเซีย’ อ้างร้านอาหารในไทยใส่กัญชาให้ นทท.เสพติด เตือน ‘พลเมือง-นักท่องเที่ยว’ รอบคอบในการเลือกซื้อ

หน่วยงานต่อต้านยาเสพติดของมาเลเซีย แนะนำพลเมืองที่ชื่นชอบเดินทางมาเที่ยวประเทศไทยให้ระมัดระวังมากยิ่งขึ้นในการซื้ออาหารรับประทาน อ้างว่าร้านอาหารในไทยใช้กัญชาเป็นส่วนผสมในการปรุงอาหาร เพื่อให้นักท่องเที่ยวเสพติดอาหารดังกล่าว

รายงานของเว็บไซต์เวิลด์ออฟบัซ ของมาเลเซีย ระบุว่า นับตั้งแต่ไทยได้กลายเป็นประเทศแรกๆ ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่เห็นชอบให้การใช้กัญชาเป็นเรื่องถูกกฎหมาย บรรดานักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลก ซึ่งในนั้นรวมถึงมาเลเซีย ต่างไหลบ่าไปเยือนประเทศไทย หลังจากมีรายงานว่าร้านค้าและร้านอาหารมากมายในไทยเริ่มขายผลิตภัณฑ์และอาหารต่างๆ ที่มีส่วนผสมของกัญชา 

โดยทางสำนักข่าว Kosmo หนังสือพิมพ์แท็บลอยด์ของมาเลเซีย ได้อ้างความเห็นของสำนักงานต่อต้านยาเสพติดแห่งชาติในรัฐเปอร์ลิส เผยว่า มีอาหารต่างๆ เช่น ต้มยำกุ้ง และซุปต่าง ๆ ในไทยผสมใบกัญชา ในฐานะวัตถุดิบปรุงแต่งรสชาติอาหาร ซึ่งเป็นความพยายามที่จะทำให้นักท่องเที่ยวเสพติดอาหารจานดังกล่าว

ไครูล อันวาร์ อาห์เมด ผู้อำนวยการสำนักงานต่อต้านยาเสพติดแห่งชาติในรัฐเปอร์ลิส กล่าวว่า สำหรับชาวมาเลเซียที่ชื่นชอบเดินทางไปประเทศไทย ขอให้ระมัดระวังมากขึ้นตอนที่ซื้ออาหาร เนื่องจากมีอาหารต่างๆ มากมายที่อาจผสมกัญชา

อดเปรี้ยวไว้กินหวาน!! สาวเก็บไอโฟนรุ่นแรก สภาพใหม่กล่องยังไม่แกะ ผ่านไป 16 ปี นำมาประมูลได้กว่า 2.2 ล้านบาท

สาวเก็บไอโฟนตอนออกรุ่นแรกไว้อย่างดีในกล่อง ประมูลขายได้กว่า 2.2 ล้าน!!

เว็บไซต์ nrp.org รายงานว่า คาเรน กรีน หญิงสาวที่เพิ่งได้งานใหม่เมื่อปี ค.ศ.2007 เพื่อนๆ จึงซื้อไอโฟน ซึ่งตอนนั้นเป็นสมาร์ทโฟนแบรนด์ใหม่ที่เพิ่งเปิดตัวรุ่นแรก  ให้แก่เธอเป็นของขวัญ

และในขณะที่คนทั่วไปต่างเห่อกับไอโฟนรุ่นแรกของโลก แต่สำหรับกรีนแล้ว เธอกลับไม่ได้แกะมันออกมาใช้ เพราะเธอเพิ่งจะเปลี่ยนโทรศัพท์ไปเมื่อไม่นานนี้ อีกทั้งเธอไม่ต้องการที่จะเปลี่ยนจากค่ายมือถือ เนื่องจากถ้าใช้ไอโฟน จะต้องเปลี่ยนไปใช้เครือข่ายของเอทีแอนด์ที

กาลครั้งหนึ่ง เมื่อ 'อเมริกัน' เคลมสูตร 'น้ำมันงู' กูคิดเอง แต่โป๊ะแตก เพราะแอบลอกเลียนสินค้าจีน

ใครๆ ก็รู้จักอับดุลที่มาพร้อมการเร่ขายยา 

แม้รุ่นใหม่อาจจะไม่เคยเห็น แต่ถ้าถามคนรุ่นอายุสี่สิบกว่าขึ้นไป รับรองว่ารู้จัก 'อับดุล' แน่นอน   

อับดุลที่ว่านี้ไม่ใช่แขกที่ไหน แต่เป็นปาหี่ขายยาขายเลขเด็ด ไม่ว่าอับดุลจะเร่ขายยาที่ไหน ต้องมีผ้าห่มผืนหนึ่งคลุมร่างร่างชายไทยไม่ทราบชื่อ มีสั่นบ้างกระตุกบ้างพอให้ตื่นใจ แล้วชายอีกคนคอยร้องถามว่า 'อับดุลเอ๊ย' ซึ่งอับดุลก็ช่างแสนรู้ไปเสียทุกเรื่อง จากนั้นเป็นการขายเลขเด็ดบ้าง ขายยาครอบจักรวาลที่รักษาหายทุกโรคบ้างตามแต่พี่อับดุลจะขาย 

เชื่อไหมว่าอเมริกาก็มี 'อับดุล' การต้มตุ๋นหลอกขายยาเร่แบบนี้ กลายเป็นสำนวนอเมริกาว่า 'Snake Oil'  เป็นคำสแลงไว้เรียกพวกต้มตุ๋นหลอกขายของสินค้า สรุปแล้วมีความหมายในเชิงลบนั่นเอง คงเทียบสำนวนบ้านเราได้ประมาณ 'สิบแปดมงกุฎ' ทำนองนี้

เรื่องการหลอกขายน้ำมันงูนี้ คือเรื่องโกหกพกลมระดับประเทศในยุคปี ค.ศ.1860 เลยทีเดียว ยุคนั้นคือยุคตื่นทอง มีการพบทองคำที่เมืองโคโลม่า โดยรัฐแคลิฟอร์เนียในปี ค.ศ.1848 ผู้คนจากทั่วสารทิศนับแสนๆ คนหลั่งไหลเข้าไปฝั่งตะวันตก ด้วยความหวังที่จะเป็นเศรษฐีใหม่หมาดจากการขุดและค้าทองคำ

รัฐบาลเลยคิดสร้างทางรถไฟข้ามทวีป จากฝั่งตะวันออกมายังฝั่งตะวันตกเป็นระยะทาง 1,800 ไมล์ การสร้างทางรถไฟนั้นต้องใช้แรงงานคนเป็นจำนวนมาก ช่วงแรกมีการว่าจ้างกรรมกรอเมริกันและยุโรปมาสร้างทางรถไฟสายประวัติศาสตร์นี้ แต่ต่อมาพวกกรรมการฝรั่งประท้วงเพื่อเรียกร้องค่าจ้างเพิ่ม บริษัทที่รับเหมาการสร้างรางรถไฟเลยตัดปัญหากรรมกรฝรั่งช่างประท้วง ด้วยการนำเข้ากรรมกรจีนมาจากมณฑลกวางตุ้ง  

กรรมกรสร้างทางรถไฟร้อยละเก้าสิบเป็นแรงงานกรรมกรจีน ในปี ค.ศ. 1852 มีกรรมกรชาวจีนถึง 25,000 คน แม้จะมีน้ำอดน้ำทนขนาดไหน แต่ถ้าทำงานหามรุ่งหามค่ำขนาดนั้น ย่อมปวดเมื่อยเนื้อตัวเป็นธรรมดา ทีนี้อาเฮียจะอย่างไรล่ะ เมียก็ไม่ได้พามาด้วย บรรดาอาเฮียอาตี๋เลยต้องพึ่งพาน้ำมันงูที่เอามาจากเมืองจีน ไอ้น้ำมันงูแสนวิเศษนี่แหละที่กรรมกรจีนนวดถูตัวทุกคืน ซึ่งมีสรรพคุณคลายเส้นจากการทำงานหนัก   พอตื่นเช้ามา อาเฮียก็ร้องฮ้อ เจี๊ยะข้าวต้มกับน้ำชา แล้วลุยงานหนักต่อได้ทันที

เจ้าน้ำมันงูที่เหล่าอาเฮียพกมาจากเมืองจีน คือยาโบราณที่คนจีนรู้จักดี สกัดจากงูน้ำประเภทหนึ่งที่เรียกว่า 'งูสายรุ้ง' บรรเทาอาการปวดยอกกล้ามเนื้อดีมาก ทีนี้พอคนอเมริกันเห็นสรรพคุณสุดยอดของน้ำมันงูสายรุ้งจากเมืองจีนก็เกิดไอเดีย 'ก็อป' ขึ้นมาทันที

จะว่าไปแล้วก็เหมือนตลกร้าย ในปัจจุบัน ปี ค.ศ.2023 อเมริกาชี้หน้าจีนว่าก็อปสินค้าโน่นนี่ของอเมริกา แต่ในปี ค.ศ.1860 ลุงแซมหน้ามึนก็อปสินค้าของจีน แล้วสินค้าที่มะริกันก็อปจีนก็ไม่ใช่อะไรที่ไหน มันคือเจ้าน้ำมันงูที่ว่านี่เอง  

สัญญาณอันตราย!! ‘ญี่ปุ่น’ ทุบสถิติ ยอดประชากรเกิดต่ำสุดในรอบ 40 ปี ‘นายกฯ’ ชี้ เป็นวิกฤต สั่งเร่งแก้ไข-เพิ่มงบหนุน 2 เท่า

(1 มี.ค. 66) สำนักข่าวซีเอ็นเอ็นรายงาน เมื่อวันที่ 1 มีนาคม 2566 ว่า จำนวนการแจ้งเกิดในญี่ปุ่นลดตัวลงอีกครั้ง และทำลายสถิติต่ำที่สุดอย่างต่อเนื่องเมื่อปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นปัญหามานานหลายสิบปี สถิติการเกิดในประเทศล่าสุดที่น่ากังวลนี้ สะท้อนให้เห็นความล้มเหลวของเจ้าหน้าที่ญี่ปุ่นในการกระตุ้นการเกิดใหม่ของประชากร แม้จะมีความพยายามอย่างหนักก็ตาม

จากสถิติการเกิดที่เผยแพร่โดยกระทรวงสาธารณสุขญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2566 ญี่ปุ่นมีจำนวนเด็กทารกเกิดใหม่จำนวน 799,728 คนเมื่อปี 2022 ซึ่งเป็นครั้งแรกที่จำนวนการเกิดของประเทศอยู่ต่ำกว่า 800,000 คน โดยยอดดังกล่าวลดลงเกือบครึ่งหนึ่งในช่วง 40 ปีที่ผ่านมา ในอดีตญี่ปุ่นเคยมีสถิติการเกิดมากกว่า 1.5 ล้านคนในปี 1982

นอกจากนี้ ญี่ปุ่นยังได้รายงานจำนวนผู้เสียชีวิตของปีที่ผ่านมาอยู่ที่กว่า 1.58 ล้านราย ซึ่งทุบสถิติสูงที่สุดในช่วงเวลาหลังเกิดสงคราม

ทั้งนี้ ญี่ปุ่นมีอัตราการตายสูงกว่ายอดการเกิดใหม่ของประชาชนมาเป็นเวลากว่าหนึ่งทศวรรษ ซึ่งเป็นปัญหาที่หนักอึ้งต่อผู้นำประเทศที่มีเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับสามของโลก

ประชากรของญี่ปุ่นลดลงอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ยุคเศรษฐกิจของประเทศเฟื่องฟูในช่วงยุค 80 และในปี 2021 ญี่ปุ่นมีประชากรอยู่ที่ 125.5 ล้านคน อ้างอิงข้อมูลตัวเลขล่าสุดของรัฐบาล โดยอัตราการเกิดของญี่ปุ่น ซึ่งอยู่ที่ 1.3 นั้น ต่ำกว่าความคาดหวังของอัตราการเกิดใหม่ของประชากรที่ 2.1 อย่างมาก โดยการบรรลุเป้าหมายดังกล่าว จำเป็นอย่างยิ่งในการรักษาจำนวนประชากรให้มีคงที่ ในกรณีที่ไม่มีการย้ายถิ่นฐานของชาวต่างชาติเข้ามาในประเทศ

อีกทั้ง ญี่ปุ่นยังเป็นหนึ่งในประเทศที่ประชากรมีอายุขัยมากที่สุดในโลก โดยในปี 2020 ข้อมูลของรัฐบาลระบุว่า สามารถพบคนญี่ปุ่นที่มีอายุ 100 ปีขึ้นไป ได้ในอัตราส่วนเกือบ 1 ใน 1,500 คน

ฝันร้ายของนักท่องเที่ยว!! โรงแรมญี่ปุ่น ออกมายอมรับทำความสะอาด 6 เดือน/ครั้ง หลังพบมีแบคทีเรียเกินมาตรฐานถึง 3,700 เท่า ในบ่อน้ำพุร้อน

โรงแรมหรูแห่งหนึ่งในญี่ปุ่นออกมาขออภัยวานนี้ (28 ก.พ.) หลังถูกตรวจพบว่าบ่อน้ำพุร้อน “ออนเซ็น” มีค่าแบคทีเรียเกินมาตรฐานถึง 3,700 เท่า พร้อมยอมรับว่าที่ผ่านมาให้พนักงานเปลี่ยนน้ำในบ่อ “ทุกๆ 6 เดือน”

มาโกโตะ ยามาดะ ประธานบริษัทซึ่งเป็นเจ้าของโรงแรม ไดมารุ เบสโซ (Daimaru Besso) ในจังหวัดฟุกุโอกะ กล่าวขออภัยที่โรงแรมของเขาละเลยเรื่องสุขอนามัย โดยไม่ได้เปลี่ยนน้ำทุกๆ สัปดาห์ตามที่กฎหมายกำหนด และไม่ได้ใส่คลอรีนลงในน้ำอย่างเพียงพอ

ยามาดะ ระบุว่าตนเอง

ไม่ชอบกลิ่นคลอรีน และยอมรับว่ามันเป็นเหตุผลที่ค่อนข้าง “เห็นแก่ตัว”

“เราผิดเองที่ไม่ได้คำนึงถึงสุขภาพของลูกค้า” เขากล่าว

โรงแรมแห่งนี้เริ่มละเลยการเปลี่ยนน้ำในออนเซ็นมาตั้งแต่เดือน ธ.ค. ปี 2019 และระหว่างที่โควิด-19 แพร่ระบาดในช่วง 3 ปีที่ผ่านมาก็ยิ่งขาดการดูแลเอาใจใส่ เนื่องจากจำนวนแขกที่เข้าพักลดลงมาก

สายมูต้องลอง ตามรอย ‘รัฐพะโค’ ในเมียนมา ขอพรตามคิด ลิขิตดังใจ

เชื่อได้ว่าใครที่ได้มีโอกาสบินมาเที่ยวเมียนมา มักจะไม่พลาดที่จะแวะเวียนมายัง ‘ย่างกุ้ง’ แต่ในความเป็นจริงแล้ว เอย่า อยากบอกว่ามีอีกหมุดหมายหนึ่งที่ไม่อยากให้พลาด นั่นก็คือ ‘เมืองพะโค’ หรือ ‘เมืองหงสาวดี’ นั่นเอง 

นั่นก็เพราะในหงสาวดีมีจุดหมายหลักๆ 3 ที่ ซึ่งใครมาก็ต้องไป ได้แก่...พระราชวังบุเรงนอง / เจดีย์พระธาตุมุเตา และวัดพระนอนตาหวานชเวตาเลียว แต่ไม่หมดเท่านี้ในรัฐพะโค ยังอุดมไปด้วยสถานที่ที่น่าสนใจมากมายทั้งในเมืองพะโคเองและนอกเมืองพะโค ซึ่งวันนี้เอย่าขอปรับอารมณ์พาผู้อ่านมาทัวร์ชมหมุดหมายที่น่าสนใจ เผื่อใครสนใจจะตามรอย ก็มิว่ากัน…

เริ่มที่ ‘ศาลโบโบจี’ (Shwe Nyaung Bin) ตั้งอยู่บริเวณไฮเวย์มุ่งสู่เมืองพะโค เลยสุสานทหารสงครามโลกมาไม่ไกลนัก โดยศาลนี้ผู้คนชาวพม่ามีความเชื่อว่า ถ้าหากออกรถใหม่ต้องขับรถมาไหว้ขอพรที่นี่เพื่อเป็นสิริมงคลและความปลอดภัยในการขับขี่

ต่อมากับ ‘วัดกองมูดอว์’ (Kaung Mhu Daw Pagoda) ในเมืองตองอู วัดนี้เป็นวัดที่พระเจ้าบุเรงนอง ทรงสร้างขึ้นด้วยความเชื่อว่าถ้าสักการะแล้วจะได้ชัยชนะทุกครั้ง ในวัดมีรูปปั้นบุเรงนองสักการะพระธาตุอยู่ รอบฐานจะมีลานทรายเล็กๆ อยู่ โดยเชื่อว่าถ้าอธิษฐาน แล้วเดินวนในทราย3รอบ คำอธิษฐานจะเป็นผลสำเร็จ (เหล่านักธุรกิจชาวพม่าที่มาสักการะที่นี่จะนิยมเก็บทรายไว้ติดตัวเพื่อความเป็นมงคลในด้านชัยชนะ หากใครทำธุรกิจระหว่างประเทศแนะให้มาสักการะจะเป็นสิริมงคลอย่างยิ่ง)

‘UK’ อ่วม!! เงินเฟ้อ-สินค้าแพงเป็นประวัติการณ์ สวนทาง ปชช.ต้องอดมื้อกินมื้อ เพื่อลดค่าใช้จ่าย

ดูเหมือนว่าวิกฤติเงินเฟ้อจะดันราคาอาหารในสหราชอาณาจักรพุ่งสูงเป็นประวัติการณ์ ในขณะที่ประชาชนยังคงต้องทนทุกข์ทรมานกับวิกฤตค่าครองชีพ 

จากผลสำรวจที่เผยแพร่ในวันอังคาร (28 ก.พ.) ราคาอาการพุ่งสูงขึ้น 17.1% ในช่วง 4 สัปดาห์จนถึงวันที่ 19 กุมภาพันธ์ เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน จากข้อมูลของคันทาร์ (Kantar) บริษัทที่ปรึกษาด้านการวิเคราะห์ข้อมูลและแบรนด์ มีสำนักงานใหญ่ในกรุงลอนดอน หลังติดตามราคาสินค้ามากกว่า 75,000 รายการ

ตัวเลขดังกล่าวถือเป็นการเพิ่มขึ้นสูงสุดตามการบันทึกของคันทาร์ ซึ่งเริ่มทำการสำรวจในปี 2008

"บรรดานักช็อปปิงทั้งหลายกำลังเผชิญกับราคาที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่องมาสักพักแล้ว มันกำลังส่งผลกระทบใหญ่หลวงต่อชีวิตผู้คน" เฟรเซอร์ แม็คเควิตต์ หัวหน้าฝ่ายเจาะลึกด้านค้าปลีกและการบริโภคของคันทาร์ระบุ

ผลการสำรวจของคันทาร์ยังพบว่าเงินเฟ้อราคาของชำ เป็นประเด็นการเงินหนักหนาที่สุดอันดับ 2 ของชาวสหราชอาณาจักร รองจากราคาพลังงานที่พุ่งสูง

ครั้งที่ทำการสำรวจข้อมูลผู้บริโรคเกือบ 10,000 คนในเดือนมกราคม คันทาร์ พบว่ามีถึงราว 1 ใน 4 ของครัวเรือนทั้งหลายที่ประสบปัญหาทางการเงิน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน ซึ่งตอนนี้มี 1 ใน 5 ของครัวเรือนที่ประสบปัญหาทางการเงิน

'ตัวเลขล่าสุดนี้น่ากังวลอย่างยิ่ง' โรซิโอ คอนชา ผู้อำนวยการด้านนโยบายขององค์กร Which กลุ่มกดดันเพื่อผู้บริโภค 'บางครัวเรือนถึงขั้นเว้นมื้ออาหารเพื่อประทังชีวิต'

หุ้นของโอคาโด ดิ่งลง 12.2% ในวันอังคาร (28 ก.พ.) หลังกลุ่มซูเปอร์มาร์เกตออนไลน์สัญชาติสหราชอาณาจักรแห่งนี้บอกว่าราคาที่พุ่งสูงกระทบยอดขาย ผลคือทำให้ตัวเลขขาดทุนสุทธิเมื่อปีที่แล้วเพิ่มเป็นเท่าตัว นอกจากนี้ ทางกลุ่มเผยว่าพวกเขาได้รับผลกระทบจากต้นทุนที่สูงขึ้นของตนเองเช่นกัน

‘กัมพูชา’ ยัน!! ไม่มีเรียกเก็บค่าลิขสิทธิ์ การถ่ายทอดสด ‘ซีเกมส์ 2023’ จากไทย

(1 มี.ค. 66) จากกรณี กัมพูชา เจ้าภาพการแข่งขันซีเกมส์ 2023 เรียกเก็บค่าลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสด 28 ล้านบาท ล่าสุด เลขาธิการคณะกรรมการจัดซีเกมส์ กัมพูชาออกมาระบุว่า ข่าวดังกล่าวไม่เป็นความจริง สื่อไทยเข้าใจผิด

โดยสำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า นาย วัธ จำเริญ เลขาธิการคณะกรรมการจัดซีเกมส์ (CAMSOC) กล่าวว่า ค่าลิขสิทธิ์การถ่ายทอดการแข่งขันซีเกมส์ 2023 จำนวน 28 ล้านบาท ที่สื่อไทยรายงานนั้นไม่เป็นความจริง เนื่องจากทางหน่วยงานของ CAMSOC และทางการไทย ยังอยู่ระหว่างการเจรจา

‘ทำเนียบขาว’ สั่ง จนท.รัฐ ลบแอป ‘TikTok’ ขีดเส้นตายภายใน 30 วัน หวั่นโดนล้วงข้อมูล

สำนักงานการบริหารและงบประมาณ (OMB) ของทำเนียบขาวออกคำสั่งให้หน่วยงานของรัฐบาลกลางดำเนินการลบแอปพลิเคชันติ๊กต๊อกออกจากอุปกรณ์ทุกชนิดของรัฐบาลภายใน 30 วัน หลังสหรัฐ อเมริกา ยกระดับการตรวจสอบติ๊กต๊อกของบริษัทไบต์แดนซ์จากจีน ด้วยข้อวิตกด้านความมั่นคง

ทั้งนี้ OMB ระบุว่า การออกแนวทางปฏิบัติดังกล่าวในวันจันทร์ (27 ก.พ.) เป็น 'ขั้นตอนสำคัญในการแก้ปัญหาความเสี่ยงที่ติ๊กต๊อกมีต่อข้อมูลที่อ่อนไหวของรัฐบาล' โดยหน่วยงานบางส่วน เช่น กระทรวงกลาโหม กระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ กระทรวงการต่างประเทศ และทำเนียบขาวได้สั่งห้ามใช้ติ๊กต๊อกอยู่ก่อนแล้ว ขณะที่การออกแนวทางดังกล่าวนั้นมีวัตถุประสงค์เพื่อให้หน่วยงานรัฐบาลที่เหลือปฏิบัติตามภายใน 30 วัน


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top