Tuesday, 10 June 2025
WORLD

'คุกนรกกวนตานาโม' สิทธิมนุษยชนที่โลกเลือกลืม ฉาก 'ทรมาน-ย่ำยี' ผู้ก่อการร้าย ที่ 'กัน' ยัดเยียดให้

อเมริกาชอบอ้างเรื่องสิทธิมนุษยชนจนน้ำลายฟูมปากอยู่บ่อยๆ แถมยังสร้างภาพให้ชาวโลกเข้าใจว่าประเทศนี้พิทักษ์หลักสิทธิมนุษยชนสุดชีวิต เลยมักเต้นแท็ปไปรอบโลก โบกธงสิทธิมนุษยชนอยู่ไปมา พลางชี้นิ้วกล่าวหาชาวโลก ซึ่งส่วนมากเป็นประเทศโลกที่ 3 ว่า 'ละเมิดสิทธิมนุษยชน'

จากนั้นก็หาเหตุในการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจและแซงซั่นด้วยมาตรการต่างๆ นานา โดยยืมมือสหประชาชาติหรือ 'อียู' จัดการ แต่คงลืมไปแล้วว่า ไอ้คุกนรก 'กวนตานาโม' ของตนนั้น แสนเลวทรามต่ำช้าขนาดไหน?

ย้อนหลังไปถึงปี ค.ศ.1903 ตั้งแต่ยุคประธานาธิบดี ธีโอดอร์ รูสเวสต์ ทำสัญญาเช่าพื้นที่อ่าวกวนตานาโมจากรัฐบาลคิวบา ช่วงแรกเอาไว้ใช้เป็นท่าเติมเชื้อเพลิงเฉยๆ ต่อมาขยายสัญญาด้วยการระบุว่า “สัญญาเช่านี้จะสิ้นสุดด้วยการยินยอมจากทั้งสองฝ่ายหรือเมื่อลุงแซมละทิ้งอ่าวนี้ไปเอง” นั่นหมายถึงอเมริกายังคงมีกรรมสิทธิ์เหนือกวนตานาโมไปชั่วฟ้าดินสลายตราบที่ต้องการ  

หลังเกิดเหตุ 9/11 ในนิวยอร์ก ที่นี่กลายเป็นคุกขังนักโทษหลายร้อยคนจาก 35 ประเทศที่อเมริกากล่าวหาว่า 'ก่อการร้าย' 

ส่วนเหตุผลที่ว่าทำไม ถึงเอานักโทษก่อการร้าย ซึ่งส่วนมากเป็นมุสลิมมาไว้ที่นี่ เพราะคุกแห่งนี้ไม่ไกลจากอเมริกา นั่งเรือแค่สองชั่วโมงจากเมืองแจ็กสันวิลล์ รัฐฟลอริดาก็ถึงแล้ว     

แต่ที่สำคัญ คือ กวนตานาโม ไม่ใช่แผ่นดินอเมริกา!!

ดังนั้นอเมริกาจะทำทารุณกรรมอย่างไรก็ได้กับนักโทษ แถมอ้างได้ว่าการดำเนินการใดๆ ภายในคุก ไม่สามารถฟ้องร้องในศาล โดยอ้างอิงจากคำพิพากษาของศาลสูงสุดของสหรัฐฯ เมื่อปี ค.ศ. 1950 ซึ่งระบุว่า...

"ศัตรูต่างด้าวซึ่งไม่มีถิ่นพำนักในสหรัฐฯ ไม่สามารถจะเรียกร้องให้ศาลของเราพิจารณาคดีให้ในช่วงสงครามได้"

หลังเหตุการณ์ 9/11 ผู้ต้องสงสัยก่อการร้ายชุดแรกจำนวน 20 คนถูกพาข้ามน้ำข้ามทะเลมาขังที่นี่ ทุกคนถูกซ้อม สวมกุญแจมือ และคลุมศีรษะปิดหน้าตาอยู่ในกรงขังแคบๆ เหมือนกรงหมา

การละเมิดสิทธิมนุษยชนของนักโทษเหล่านั้นดำเนินไปอย่างต่อเนื่องและปิดเงียบ เพราะผู้คุมสามารถทำอะไรกับนักโทษได้ตามใจชอบ เจ้าหน้าที่อเมริกาบนฐานทัพกวนตานาโม่ออกแบบนโยบายจัดการกับนักโทษตามอำเภอใจ การสอบปากคำรวมถึงการทรมานอย่างวิปริตคือเรื่องปกติของที่นี่ พวกผู้คุมสามารถทรมานนักโทษด้วยวิธีโหดร้ายอย่างไรก็ได้

การทรมานอย่างหนึ่งที่นักโทษทุกคนต้องเจอ คือการเทน้ำใส่ใบหน้าของผู้ต้องขังที่เรียกว่า Waterboarding หรือ การทำให้สำลักน้ำ 

นอกจากนี้ยังถูกซ้อมและถูกย่ำยีทางศาสนา มีรายงานข่าวแฉออกมาเรื่อยๆ ว่า นักโทษเหล่านี้ถูกทารุณอย่างโหดร้าย หลายคนทนไม่ไหวจนต้องฆ่าตัวตายไป

ในเดือนมิถุนายน ปี ค.ศ. 2006 นักโทษในคุกกวนตานาโม 3 รายเสียชีวิตอยู่ในห้องขัง สภาพศพถูกรัดคอ   แม้ว่ากระทรวงกลาโหมจะชี้แจงว่าเป็นการฆ่าตัวตาย แต่หน่วยสืบสวนอาชญากรรมกองทัพเรือพบหลักฐานที่บ่งบอกว่านักโทษไม่ได้เสียชีวิตจากการฆ่าตัวตาย เพราะนักโทษทั้งหมดถูกมัดมือไพล่หลัง หากแต่การเสียชีวิตมาจากการสอบสวนที่รุนแรง รวมถึงการซ้อมอย่างหนักจนขาดอากาศจนสิ้นใจในที่สุด

'อเมริกา’ กระอัก!! คนเดินเหมือนศพ เหตุพี้ยาเสพติดหนัก หลังโควิด 'เครียด-ตกงาน-เงินเฟ้อพุ่ง' ซ้ำเติมชีวิตตกต่ำ

กลายเป็นเรื่องระทึกในสหรัฐอเมริกาไปแล้ว หลังประชาชนในหลายพื้นที่ทั่วสหรัฐฯ เริ่มกลายร่างเป็นฝูงซอมบี้

เรื่องนี้ไม่ใช่แผ่นโปรโมตหนังไซไฟสไตล์ Resident Evil หากแต่เป็นเรื่องจริง โดย นายไวชญาณ์ ศิริบูลย์ ที่ปรึกษาด้านการเงินและธุรกิจ ได้เล่าพร้อมแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับประเทศสหรัฐอเมริกา ประเทศมหาอำนาจของโลกไว้ว่า...

‘เมืองเกซอนซิตี’ เปิดให้บริการรับวัคซีน ‘ป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า’ ฟรี เนื่องในเดือนแห่งความตระหนักต่อโรคพิษสุนัขบ้าระดับชาติ

(21 มี.ค. 66) สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า บรรยากาศเจ้าของสัตว์เลี้ยงนำสุนัขและแมวจำนวนมากไปรับวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ในเมืองเกซอนซิตีของฟิลิปปินส์ เมื่อวันจันทร์ (20 มี.ค.) ที่ผ่านมา
.
นอกจากนั้นยังมีการให้บริการเกี่ยวกับสัตว์เลี้ยงอื่นๆ แบบไม่เสียค่าใช้จ่าย อาทิ การรักษาถ่ายพยาธิ และการฝังไมโครชิป โดยทางเมืองได้ทุ่มเทความพยายามเพื่อปรับปรุงสุขภาพและการจัดการสัตว์เลี้ยง เนื่องในโอกาสเดือนแห่งความตระหนักต่อโรคพิษสุนัขบ้าระดับชาติในฟิลิปปินส์

'สาวเกาหลีใต้' แอบปลอมใบเกิดเพื่อเข้าโรงเรียนมัธยม โหยหาชีวิตในรั้ว หลังชีวิตนอกรั้วไม่รื่นรมย์อย่างที่ฝัน

โลกโซเชียลสหรัฐฯ ฮือฮา เมื่อพบสาวใหญ่วัย 29 ปีสัญชาติเกาหลีใต้ ปลอมตัวเป็นเด็กสาววัยรุ่น เพื่อสมัครเข้าเรียนในโรงเรียนมัธยมแห่งหนึ่งในรัฐนิว เจอร์ซีย์ แถมยังได้นั่งเรียนในชั้นเรียนจริง แลกเปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์กับเพื่อนร่วมชั้น และยังได้นัดคุยกับอาจารย์แนะแนว ปรึกษาปัญหาชีวิตกันนานเกือบสัปดาห์กว่าทางโรงเรียนจะจับได้ว่าเธอใช้ใบเกิดปลอมเพื่อสมัครเข้ามาเป็นนักเรียนมัธยม

ชิน ฮเย-จอง สาวชาวเกาหลีใต้ สาวใหญ่ หัวใจมัธยม ปัจจุบันยังถือสัญชาติเกาหลีใต้ แต่ย้ายมาเรียนต่อในสหรัฐอเมริกาด้วยตัวคนเดียวตั้งแต่อายุเพียง 16 ปี โดยเธอเคยเข้าโรงเรียนประจำแห่งหนึ่งในรัฐนิว เจอร์ซีย์ ก่อนที่จะเรียนต่อระดับมหาวิทยาลัยที่ Rutgers University จนจบการศึกษา 

แต่ชีวิตนอกรั้วสถาบันการศึกษาไม่ได้รื่นรมย์ดังที่ฝัน ชิน ฮเย-จอง พบกับความผิดหวัง จบชีวิตคู่ด้วยการหย่าร้าง ต้องอยู่อย่างเงียบเหงาห่างไกลครอบครัวที่บ้านเกิด ทำให้เธอโหยหาชีวิตที่เคยสนุกสนานกับเพื่อนๆ ในรั้วโรงเรียน และต้องการที่จะกลับไปใช้ชีวิตแบบนั้นอีกสักครั้ง เธอจึงตัดสินใจปลอมใบเกิด และสมัครเข้าเรียนระดับมัธยมศึกษาใหม่อีกครั้ง ในสถานะเด็กวัยรุ่น อายุ 16 ปี 

และสามารถสมัครเข้าเรียนได้ที่ New Brunswick High School ได้จริงๆ เธอตอบรับเข้าเรียน แต่งตัวมาโรงเรียน เข้าชั้นเรียน นัดพบอาจารย์แนะแนว แลกเบอร์โทรกับเพื่อนใหม่ๆ ในชั้น และกำลังจะมีนัดสังสรรค์นอกเวลาเรียนกับเพื่อนในห้องด้วย 

Amazon เตรียมปลดพนักงานอีก 9 พันคน ท่ามกลางความกังวลเศรษฐกิจถดถอย

Amazon ประกาศเลิกจ้างงานรอบสองอีก 9,000 คน รวม 2 รอบ ยอดรวมเป็น 27,000 คน

บริษัท Amazon Inc แถลงเมื่อวันจันทร์ (20 มีนาคม) ว่า จะเลิกจ้างงาน 9,000 ตำแหน่ง ซึ่งทำให้เป็นบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่รายล่าสุดที่ประกาศเลิกจ้างรอบสอง ท่ามกลางความเป็นไปได้ที่จะเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย 

บริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่หลายแห่ง ซึ่งรวมทั้ง Microsoft Corp, Salesforce Inc และ Alphabet and Meta Platforms ต่างปรับลดตำแหน่งงานหลายพันในช่วงไม่กี่เดือนมานี้ หลังมีการจ้างงานมากเกินไป ส่วน Amazon ตามรอย Meta บริษัทแม่ของ Facebook กลายเป็นบริษัทที่ประกาศลดพนักงานรอบสอง โดยก่อนหน้านี้ได้ปลดไปแล้ว 18,000 คน เมื่อเดือนมกราคม 2566 ที่ผ่านมา

แอนดี แจสซี กรรมการบริหาร หรือซีอีโอ ของ Amazon กล่าวว่า ทางบริษัทได้เพิ่มพนักงานจำนวนมากในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา แต่สภาพเศรษฐกิจผันผวนไร้ความแน่นอน ทำให้บริษัทต้องเลือกลดต้นทุนและลดพนักงานลง โดยการลดพนักงานมุ่งเน้นไปในส่วนของการบริการคลาวด์ โฆษณาและทวิตช์

‘สี จิ้นผิง’ เดินทางถึง ‘มอสโก’ แล้ว ‘จนท.ระดับสูงรัสเซีย’ ให้การต้อนรับอบอุ่น

(21 มี.ค.66) สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ‘สีจิ้นผิง’ ประธานาธิบดีจีน เดินทางถึงกรุงมอสโก เมืองหลวงของรัสเซีย ในช่วงบ่ายวันจันทร์ (20 มี.ค.) ที่ผ่านมา เพื่อเยือนรัสเซียอย่างเป็นทางการ หลังมีคำเชิญจากวลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย

เครื่องบินของสีจิ้นผิงลงจอดที่ท่าอากาศยานนูโคโวเมื่อราว 13.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น โดยเมื่อก้าวออกจากเครื่องบิน สีจิ้นผิงได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากรองนายกรัฐมนตรีรัสเซีย ดมิตรี เชอร์นีเชนโก และเจ้าหน้าที่ระดับสูงคนอื่น ๆ ของรัสเซีย ณ ลานจอดเครื่องบิน

‘ฟินแลนด์’ ยืนหนึ่งมีความสุขที่สุดในโลก 6 ปีติด ขณะที่ ‘ประเทศไทย’ รั้งอันดับที่ 60

ฟินแลนด์ ยังคงเป็นประเทศที่มีความสุขมากที่สุดในโลกเป็นปีที่ 6 ติดต่อกัน ขณะที่อัฟกานิสถาน และเลบานอน เป็นประเทศที่มีความสุขน้อยที่สุด ส่วนประเทศไทย รั้งอันดับที่ 60

รายงานความสุขโลกประจำปี 2023 ที่เผยแพร่เนื่องในวันความสุขสากล วันที่ 20 มี.ค. ตามประกาศของสหประชาชาติ มาตั้งแต่ปี 2012 ระบุว่า ฟินแลนด์ยังครองอันดับ 1 ประเทศที่มีความสุขที่สุดในโลกติดต่อกันเป็นปีที่ 6 รองลงมา คือ เดนมาร์ก ไอซ์แลนด์ อิสราเอล เนเธอร์แลนด์ สวีเดน นอร์เวย์ สวิตเซอร์แลนด์ ลักเซมเบิร์ก และนิวซีแลนด์ โดยประชากรราว 5.5 ล้านคน ในฟินแลนด์ ถือได้ว่ามีคุณภาพชีวิตที่ดีในทุกด้าน ทั้งความเป็นอยู่ การศึกษา ความปลอดภัย และสวัสดิการด้านต่างๆ มีอัตราคดีอาชญากรรม ความไม่เท่าเทียม และความยากจน ต่ำที่สุดในโลก

รายงานความสุขโลกซึ่งจัดทำโดยเครือข่ายวิชาการเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Solutions Network-SDSN) เป็นการจัดอันดับความสุขในกว่า 150 ประเทศ อาศัยข้อมูลผลสำรวจของแกลลัป เวิลด์ โพลล์ ที่ให้ประชาชนประเมินความรู้สึกเกี่ยวกับชีวิตของตัวเอง วัดด้วยปัจจัยสำคัญ 6 ข้อ ได้แก่ การสนับสนุนทางสังคม รายได้ สุขภาพ เสรีภาพ ความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ และการปราศจากการทุจริตคอร์รัปชัน

‘สีจิ้นผิง’ เดินทางถึงกรุงมอสโกแล้ว ภารกิจเยือนรัสเซียอย่างเป็นทางการ

มอสโก, 20 มี.ค. (ซินหัว) -- สีจิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน เดินทางถึงกรุงมอสโก เมืองหลวงของรัสเซีย ในช่วงบ่ายวันจันทร์ (20 มี.ค.) เพื่อเยือนรัสเซียอย่างเป็นทางการจนถึงวันพุธ (22 มี.ค.) หลังมีคำเชิญจากวลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย โดยทางรัสเซียได้จัดพิธีต้อนรับอย่างยิ่งใหญ่

ระหว่างการเยือนครั้งนี้ สีจิ้นผิงจะแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเชิงลึกกับวลาดิเมียร์ ปูติน เกี่ยวกับความสัมพันธ์ทวิภาคี รวมถึงประเด็นสำคัญระดับภูมิภาคและระดับนานาชาติที่เป็นข้อกังวลร่วมกัน

อนึ่ง การเยือนครั้งนี้มุ่งส่งเสริมการประสานงานเชิงกลยุทธ์และความร่วมมือเชิงปฏิบัติระหว่างสองประเทศ ตลอดจนสร้างแรงกระตุ้นใหม่ๆ ให้กับการพัฒนาความสัมพันธ์ทวิภาคี

ที่มา : ซินหัว
 

‘กษัตริย์ซาอุฯ’ เชิญ ‘ปธน.อิหร่าน’ เยือนอย่างเป็นทางการ อิหร่าน ลั่น!! พร้อมฟื้นความสัมพันธ์กับทุกประเทศ

อิหร่านระบุว่า ซาอุดีอาระเบียได้เชิญนายอีบรอฮีม เราะอีซี ประธานาธิบดีอิหร่าน ให้เดินทางเยือนซาอุฯอย่างเป็นทางการ เพียงหนึ่งสัปดาห์กว่าๆ หลังจากที่ทั้งสองประเทศบรรลุข้อตกลงที่จะฟื้นความสัมพันธ์ระหว่างกัน ในการประชุมที่มีจีนเป็นประเทศผู้ประสานงาน

ทางการอิหร่านเผยว่า กษัตริย์ซัลมาน บิน อับดุลอะซิซ แห่งซาอุดีอาระเบีย ทรงมีพระราชสาส์นแจ้งการเชิญเยือนดังกล่าว แต่สำนักข่าวต่างประเทศระบุว่ายังไม่ได้รับการยืนยันจากซาอุฯ แต่อย่างใด

นายโมฮัมหมัด จัมชิดี เจ้าหน้าที่อาวุโสของอิหร่าน ทวีตเกี่ยวกับคำเชิญนายเราะอีซีเยือนริยาด โดยระบุว่า นายเราะอีซีมีความยินดีเป็นอย่างยิ่ง และเน้นย้ำถึงความพร้อมของอิหร่านในการขยายความร่วมมือระหว่างสองประเทศต่อไป

ด้านนายฮุซัยน์ อะมีร อับดุลลอฮิยอน รัฐมนตรีต่างประเทศอิหร่าน กล่าวว่า ทั้งสองประเทศได้ตกลงที่จะจัดประชุมระดับรัฐมนตรีต่างประเทศ และมีการเสนอสถานที่ประชุมที่เป็นไปได้ 3 แห่ง แต่เขาไม่ได้ระบุว่าคือที่ใดรวมถึงการประชุมดังกล่าวจะมีขึ้นเมื่อใดด้วย

‘UBS Group’ เข้าซื้อกิจการ ‘Credit Suisse’ คาด!! นักลงทุนรายย่อย-ใหญ่ เสี่ยงขาดทุนระนาว

(20 มี.ค. 66) World Maker รายงานว่า ธนาคารแห่งชาติซาอุฯ รวมถึงกาตาร์ และนอร์เวย์ถือเป็นผู้ขาดทุนรายใหญ่ -86% จากการซื้อ Credit Suisse ของ UBS 

น่าจะจบกันไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วสำหรับวิกฤตที่ค้างคาของ Credit Suisse ซึ่งพร้อมกันนี้ ผู้ชนะอย่างไม่ต้องสงสัยคือ UBS Group ที่ได้กิจการของ Credit Suisse ไปในราคา Discount ถึง -60% ขณะที่ผู้แพ้นั้นมีมากมาย ไม่ว่าจะเป็นนักลงทุนรายย่อยหรือสถาบันรายใหญ่

โดยเฉพาะ Saudi National Bank ที่ถือหุ้นใหญ่ของ Credit Suisse มูลค่า 1.5 พันล้านดอลลาร์ (9.9% ของหุ้นทั้งหมด) ซึ่งเงินลงทุนดังกล่าวจะมีมูลค่าเหลือเพียง 215 ล้านดอลลาร์เมื่อถูกแปลงเป็นหุ้นของ UBS หรือพูดง่าย ๆ ว่ามูลค่าหายไปราว -86% เลยทีเดียว !

ซึ่งรายละเอียดที่เปิดเผยออกมาแล้วคือผู้ถือหุ้นเก่าของ Credit Suisse จะได้รับหุ้นของ UBS ในอัตราส่วน 22.48 ต่อ 1 ซึ่งเป็นไปตามราคา Take Over ที่ 0.82 $/หุ้น ต่ำกว่าราคาปิดตลาดเมื่อวันศุกร์ของ Credit Suisse ที่ 2.01 $/หุ้น

ผู้ขาดทุนรายใหญ่อื่น ๆ ได้แก่ Qatar Investment Authority ของประเทศกาตาร์และ Norges Bank Investment Management ซึ่งเป็นกองทุนแห่งชาติของนอร์เวย์

'สิงคโปร์' ยกเลิกระบบเรียงลำดับคนเก่งในห้องเรียน ชี้!! การเรียนไม่ใช่การแข่งขัน-ลดเปรียบเทียบ

สิงคโปร์ประสบความสําเร็จด้านการศึกษามาอย่างยาวนาน โดยรับรองการเรียนรู้แบบท่องจําและชั่วโมงเรียนที่ยาวนานเพื่อขับเคลื่อนเด็กนักเรียนให้ประสบความสําเร็จในการสอบ

แต่การเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นแล้ว เมื่อรัฐคิดใหม่เกี่ยวกับแนวทางการศึกษา

การอภิปราย การบ้าน และแบบทดสอบถูกตั้งค่าให้แทนที่เกรด

โดยรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับประสิทธิภาพของนักเรียนชั้นประถมศึกษา เริ่มตั้งแต่ปี 2019 การสอบสําหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 และ 2 จะถูกยกเลิก

นักเรียนชั้นประถมศึกษาและมัธยมศึกษาที่มีอายุมากกว่าจะเรียนในสภาพแวดล้อมที่มีการแข่งขันน้อยกว่า เพื่อลดการเน้นที่ความสําเร็จทางวิชาการ

UBS ควัก 3 พันล้านดอลฯ ซื้อคู่แข่ง Credit Suisse ยุติความตื่นตระหนกในตลาดการเงิน-การธนาคาร

ความพยายามในการแก้ไขปัญหาของ ธนาคารเครดิตสวิส ยังคงเป็นที่จับตา โดยเฉพาะการเจรจา เทคโอเวอร์เครดิตสวิส โดยธนาคารยักษ์ใหญ่อย่าง ยูบีเอส หรือ ยูเนียน แบงก์ ออฟ สวิตเซอร์แลนด์ ที่เกิดขึ้นในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา และใช้เวลายาวนานถึง 11 ชั่วโมง สุดท้ายยูบีเอสประกาศเมื่อวันอาทิตย์ (19 มี.ค.) ว่า ยูบีเอสตกลงที่จะซื้อกิจการธนาคารเครดิตสวิส (เทคโอเวอร์) ด้วยมูลค่า 3,000 ล้านฟรังก์สวิส หรือราว 3,230 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (กว่า 110,987.5 ล้านบาท) เพื่อช่วยยุติความตื่นตระหนกในตลาดการเงิน-การธนาคารที่เริ่มมาจากการล้มละลายของธนาคารหลายแห่งในสหรัฐอเมริกา

การเทคโอเวอร์ครั้งนี้ได้รับการสนับสนุนโดยหน่วยงานกำกับดูแลการเงินของภาครัฐ โดยธนาคารกลางแห่งสวิตเซอร์แลนด์ออกแถลงการณ์วานนี้ว่า ยูบีเอสได้ประกาศแผนการเทคโอเวอร์ธนาคารเครดิตสวิสออกมาแล้ว และความเคลื่อนไหวนี้จะช่วยสร้างสเถียรภาพทางการเงินและช่วยปกป้องเศรษฐกิจของสวิตเซอร์แลนด์โดยรวมด้วย

ทั้งนี้ สำนักข่าว CNN รายงานว่า ราคาที่ยูบีเอสตกลงจะจ่าย 3,000 ล้านฟรังก์สวิส หรือราว 3,230 ล้านดอลลาร์นั้น เป็นราคาที่ต่ำกว่ามูลค่าตลาดของหุ้นเครดิตสวิส (ที่ปิดตลาดเมื่อวันศุกร์) ถึง 60% หรือกล่าวง่ายๆก็คือ ผู้ถือหุ้นเดิมของเครดิตสวิสจะได้รับเงินจากยูบีเอสเพียงหุ้นละ 0.76 ฟรังก์สวิส จากเดิมที่เคยมีราคา 1.86 ฟรังก์สวิสเมื่อวันศุกร์ (17 มี.ค.)

นอกจากนี้ ผู้ถือหุ้นของเครดิตสวิสจะถูกระงับสิทธิ์ในการลงคะแนนเสียงเกี่ยวกับข้อตกลงที่เกิดขึ้นแล้ว พวกเขาจะได้รับหุ้นของยูบีเอส 1 หุ้นต่อทุกๆ หุ้นของเครดิตสวิส 22.48 หุ้นที่พวกเขาถือครอง ซึ่งมีการประเมินมูลค่าของธนาคารไว้ที่ 3,150 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

คาดว่ากระบวนการเทคโอเวอร์จะแล้วเสร็จในช่วงปลายปีนี้

การเทคโอเวอร์กิจการครั้งนี้ยังมีความพิเศษ ในแง่ที่การตัดสินใจดังกล่าวไม่ต้องการการลงมติเห็นชอบของผู้ถือหุ้น เนื่องจากรัฐบาลสวิตเซอร์แลนด์ได้ยอมปรับแก้กฎหมายเพื่อเอื้อให้การเจรจาครั้งนี้ลุล่วงได้อย่างราบรื่นด้วยดี

ก่อนหน้านี้มีข่าวจากแหล่งข่าวหลายคนที่เกี่ยวข้องกับการเจรจาว่า ยูบีเอส ซึ่งเป็นสถาบันการเงินขนาดใหญ่ที่สุดของสวิตเซอร์แลนด์ ได้กำหนดเงื่อนไขให้รัฐบาลสวิตเซอร์แลนด์ร่วมรับผิดชอบเป็นวงเงิน 6,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 204,456 ล้านบาท) ในรูปเงินค้ำประกัน เพื่อเป็น 'หลักประกัน' ในการเทคโอเวอร์ครั้งนี้ และหวังใช้เป็นค่าใช้จ่ายการปิดบัญชี-ค่าธรรมเนียมฟ้องร้องและการเลิกจ้างพนักงานกว่า 10,000 ตำแหน่ง

ทั้งนี้ ธนาคารกลางสวิตเซอร์แลนด์ (เอสเอ็นบี) และสำนักงานตรวจสอบทางการเงินแห่งชาติของสวิตเซอร์แลนด์ (ฟินมา) ต้องการคลี่คลายสถานการณ์ของเครดิตสวิสให้เสร็จสิ้นเร็วที่สุดและยืนกรานว่า การให้ยูบีเอสเทคโอเวอร์กิจการของเครดิตสวิส 'คือหนทางดีที่สุดหนทางเดียวในเวลานี้'

อย่างไรก็ตาม การหารือยังคงเต็มไปด้วย 'อุปสรรคหลายประการ' รวมถึง 'ความเป็นไปได้' ว่าหากธนาคารขนาดใหญ่ที่สุดของสวิตเซอร์แลนด์สองแห่งควบรวมกิจการกัน อาจนำไปสู่การต้องเลิกจ้างพนักงานราว 10,000 ตำแหน่ง

อนึ่ง ยูบีเอสเรียกร้องหลักประกันและมาตรการสนับสนุนฉุกเฉินจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของสวิตเซอร์แลนด์ เนื่องจากกฎหมายการเงินของสวิตเซอร์แลนด์ที่เกี่ยวกับเรื่องนี้ ระบุว่า ยูบีเอสต้องให้เวลาผู้ถือหุ้นทั้งหมดหารือเป็นการภายในนาน ถึง 6 สัปดาห์ ซึ่งเมื่อประเมินกับความเร่งรีบของการแก้ไขสถานการณ์ ถือว่า 'ช้าเกินไป' ในการรักษาเครดิตสวิส ที่ขอกู้ยืมจากเอสเอ็นบี มากถึง 50,000 ล้านฟรังก์ สวิส (ราว 1.8 ล้านล้านบาท) เมื่อช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา หลังซาอุดี เนชันแนล แบงก์ สถาบันการเงินขนาดใหญ่ที่สุดของซาอุดีอาระเบียและเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุดของเครดิตสวิส ยืนกรานปฏิเสธเพิ่มสัดส่วนการลงทุนให้มากกว่า 10%

ชาวสุยเฟินพบ ‘กวางโรเผือก’ บาดเจ็บ ตัวติดคาอยู่ที่รั้ว ชี้ เป็นสัตว์หายาก จนท.รุดช่วยชีวิต-ปล่อยคืนสู่ป่า

(20 มี.ค. 66) สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ทั้งน่าสงสารและน่าเอ็นดูสำหรับเจ้ากวางโร (Roe deer) เผือกตัวหนึ่งในเมืองสุยเฟินเหอ มณฑลเฮยหลงเจียงทางตะวันออกเฉียงเหนือของจีน ที่ไม่นานมานี้มีชาวบ้านพบเห็นมันบาดเจ็บขณะตัวติดคาอยู่ที่รั้ว ก่อนจะประสานเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องให้เข้ามาช่วยเหลือ หลังจากรักษาแผลให้มันจนหายดีแล้วเจ้าหน้าที่ก็ปล่อยมันคืนสู่ป่าตามเดิม

การเยือน ‘รัสเซีย’ ของ ‘สี จิ้นผิง’ นำมาซึ่งความแน่นแฟ้น พร้อมจับมือสร้าง ‘มิตรภาพ-ความร่วมมือ-สันติภาพ’

การเยือนรัสเซียของสีจิ้นผิง นำทางสัมพันธ์ทวิภาคี และส่งเสริมเสถียรภาพโลก

ปักกิ่ง/มอสโก, 19 มี.ค. (ซินหัว) - การเยือนรัสเซียของประธานาธิบดีสีจิ้นผิงที่กำลังจะเกิดขึ้น อันเป็นการเดินทางเยือนต่างประเทศครั้งแรกของเขานับตั้งแต่ได้รับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีจีนอีกครั้ง จะเป็นการเดินทางแห่งมิตรภาพ ความร่วมมือ และสันติภาพ

การเยือนครั้งนี้ กำหนดจัดระหว่างวันที่ 20-22 มี.ค. มีเป้าหมายเพื่อวางแผนแม่บทสำหรับการพัฒนาความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์รอบด้านระหว่างจีน-รัสเซียในยุคใหม่ ขณะเดียวกันก็เป็นการผลักดันความร่วมมือเชิงปฏิบัติระหว่างสองประเทศ และสร้างแรงขับเคลื่อนอันแข็งแกร่งให้แก่การรักษาสันติภาพและความเจริญรุ่งเรือง เพื่อร่วมสร้างประชาคมที่มีอนาคตร่วมกันของมนุษยชาติ

ในห้วงยามนี้ สีจิ้นผิงกำลังจะก้าวเข้าสู่แผ่นดินรัสเซียเป็นครั้งที่เก้าในฐานะประธานาธิบดีจีน ผู้นำของทั้งสองประเทศมีโอกาสได้พบปะกันประมาณ 40 ครั้งตลอดช่วง 10 ปีที่ผ่านมา โดยการแลกเปลี่ยนอย่างมีคุณภาพสูงและสม่ำเสมอของผู้นำทั้งสองประเทศ ได้ให้แนวทางการพัฒนาความสัมพันธ์จีน-รัสเซียมาโดยตลอด

ในช่วงเวลาที่โลกกำลังเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงอย่างลึกซึ้งที่ไม่เคยปรากฏในรอบศตวรรษ และโรคระบาดที่ไม่เคยพบเจอ สีจิ้นผิงและปูตินได้รักษาการติดต่อกันอย่างใกล้ชิดผ่านหลากหลายวิธีการ ขณะเดียวกันความสัมพันธ์ระหว่างจีน-รัสเซียนั้นตั้งอยู่บนพื้นฐานของการไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด ไม่เผชิญหน้า และไม่มุ่งเป้าไปที่ฝ่ายที่สามใด ๆ ความสัมพันธ์นี้ทั้งมิได้เป็นภัยคุกคามต่อประเทศอื่นใดในโลก และจะไม่ถูกแทรกแซงหรือยั่วยุโดยฝ่ายที่สามเช่นกัน

โลกกำลังมาถึงทางแยกแห่งประวัติศาสตร์อีกครั้ง เราเลือกที่จะย้อนกลับสู่ความคิดแบบสงครามเย็น ยุยงให้เกิดความแตกแยกและเป็นปรปักษ์ ปลุกปั่นให้เกิดการเผชิญหน้าระหว่างกลุ่มก้อน หรือเลือกที่จะทำเพื่อประโยชน์ส่วนรวมของมนุษยชาติ ส่งเสริมความเสมอภาค การเคารพซึ่งกันและกัน และความร่วมมือแบบได้ประโยชน์ร่วมกัน การยื้อยุดไปมาระหว่างสองแนวโน้มนี้ กำลังทดสอบภูมิปัญญาของเหล่านักการเมืองในประเทศใหญ่ทั้งหลาย เฉกเช่นเดียวกับการใช้เหตุผลของมวลมนุษย์ ข้อเท็จจริงได้พิสูจน์ให้เห็นอยู่เป็นนิจว่าการกดขี่ข่มเหงไม่สามารถชนะใจผู้คน รวมถึงการคว่ำบาตรและการแทรกแซงย่อมล้มเหลว

‘เขมร’ โม้แหลก!! หลังขายลิขสิทธิ์ ‘ซีเกมส์’ ไปกว่า 50% ‘สื่อเวียดนาม’ ชี้!! ขายราคานี้ ระวังโดนกรรมตามสนอง

จากกรณีที่ประเทศกัมพูชา เจ้าภาพมหกรรมกีฬาซีเกมส์ ครั้งแรก จัดการแข่งขันระหว่างวันที่ 5-17 พฤษภาคมนี้ ประกาศขายลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดการแข่งขันรายการนี้เป็นครั้งแรก จากเดิมที่ปกติแล้วจะมีเพียงค่าธรรมเนียมราว 5000-10000 เหรียญสหรัฐฯ เท่านั้น

โดยมีการเรียกเก็บค่าลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดจากประเทศไทย เป็นมูลค่าสูงสุดถึง 8 แสนเหรียญสหรัฐฯ หรือราว 28 ล้านบาท พร้อมอ้างว่าที่มาของเรื่องนี้ขึ้นอยู่กับมูลค่าการตลาด และการเจรจา พร้อมอ้างว่า กัมพูชา ไม่ได้เป็นผู้ตั้งราคาแต่อย่างใด

ขณะที่ล่าสุด วัธ จำเริญ เลขาธิการคณะกรรมการจัดการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ เผยว่ามีทั้งหมด เผยว่า มี 5 ชาติ ที่ตัดสินใจซื้อลิขสิทธิ์ถ่ายทอดซีเกมส์ เรียบร้อยแล้ว ประกอบด้วย เวียดนาม, มาเลเซีย, สิงคโปร์, อินโดนีเซีย และกัมพูชา

พร้อมกันนี้ยังระบุว่านี่คือความสำเร็จของการขายลิขสิทธิ์ครั้งนี้ว่า "เราประสบความสำเร็จในเบื้องต้น เกือบ 50 เปอร์เซ็นต์จาก 10 ประเทศ แม้ยังไม่ถึงช่วงเวลาการแข่งขัน เท่ากับว่า กัมพูชา ได้รับการสนับสนุนถึงครึ่งจากอาเซียน"

แม้มีความพยายามไม่เปิดเผยมูลค่าลิขสิทธิ์ของชาติต่าง ๆ ที่ซื้อไป แต่รายงานระบุว่าประเทศสิงคโปร์ใช้เงินซื้อในราคา 5 แสนเหรียญสหรัฐฯ หรือราว 17.5 ล้านบาท

ทั้งนี้สื่อในเวียดนามได้รายงานข่าวดังกล่าว ซึ่งมีแฟนกีฬาเข้าไปตำหนิการกระทำของ กัมพูชา เป็นอย่างยิ่ง ว่าผิดธรรมเนียมการเป็นเจ้าภาพ และการแข่งขันซีเกมส์ 2025 ที่ประเทศไทย เป็นเจ้าภาพ กัมพูชา และชาติอาเซียนอื่น ๆ นี่แหละที่จะเดือดร้อน หากประเทศไทย คิดมูลค่าการขายลิขสิทธิ์เหมือนซีเกมส์ 2023


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top