Monday, 23 June 2025
SPECIAL

‘ปชป.’ เคาะ!! ผู้สมัคร 400 เขต พ่วงปาร์ตี้ลิสต์อีกนับ 100 ชู ‘จุรินทร์’ เป็นแคนดิเดตนายกฯ เพียงรายชื่อเดียว

(29 มี.ค. 66) นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) เปิดเผยว่า คณะกรรมการบริหารพรรคมีมติเห็นชอบรายชื่อบุคคลลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. ทั้ง 400 เขต และ 100 ส.ส. บัญชีรายชื่อ ทั้งหมดแล้ว ซึ่งในส่วนของ ส.ส. บัญชีรายชื่อ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ในฐานะหัวหน้าพรรค และนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน ในฐานะเลขาธิการพรรค จะเป็นผู้พิจารณาจัดลำดับรายชื่อ เหมือนการเลือกตั้งเมื่อ 2 ครั้งที่ผ่านมา ด้วยความเที่ยงธรรมและคำนึงถึงประโยชน์ของพรรคเป็นหลัก และผู้สมัครไม่มีความขัดข้องใด ๆ

เมื่อ ‘เพื่อไทย’ เลือก ‘หมอมิ้ง’ แคนดิเดต ชู ‘แลนด์สไลด์’ ทรมานใจติ่งพรรคส้ม

ในวันที่ 4 เม.ย.2566 ก็จะได้เวลากรรมการบริหารพรรคเพื่อไทยเคาะชื่อ “บุคคลซึ่งพรรคการเมืองนั้นมีมติว่าจะเสนอให้สภาผู้แทนราษฎรเพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีไม่เกินสามรายชื่อต่อคณะกรรมการการเลือกตั้งก่อนปิดการรับสมัครรับเลือกตั้ง...” หรือที่เรียกกันสั้น ว่าแคนดิเดตนายกฯ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 88

แต่เนื่องด้วยยังมีบทเฉพาะกาลมาตรา 272  คนโหวตเลือกนายกฯ จะมีสมาชิกวุฒิสภามาร่วมแจมด้วย

พรรคเพื่อไทยประกาศชัดว่าจะจัดเต็มคาราเบล 3 รายชื่อ...เปิดหน้าเปิดตามาแล้วสองคน...’อุ๊งอิ๊ง’ แพทองธาร ชินวัตร และ ‘เสี่ยนิด’ เศรษฐา ทวีสิน ซึ่งคนแดนไกลอย่างโทนี วู้ดซัม บอกว่าเก่ง (คนละด้าน) ทั้งคู่...คนที่สามที่กำลังจะเปิดตัวก็คงเก่งไปอีกทาง…

โทนี่ วู้ดซัม ยังได้พูดแบบไม่สนใจมาตรา 28, 29 ของพรป.พรรคการเมือง คือ พูดอย่างกะเป็นเจ้าของพรรคว่า...ไม่ว่าคนที่สามเป็นใครแต่ทั้งสามคนตกลงกันแล้วว่า คนหนึ่งเป็น (นายกฯ) อีกสองคนจะร่วมด้วยช่วยกัน...

จาก ม.ค.-มี.ค.ปีนี้  ชื่อแคนดิเดตนายกฯ คนที่สามทยอยโผล่มาด้วยที่มาต่างกัน...ประกอบด้วย สมชัย เลิศสุทธิวงศ์  ลูกหม้อเก่าเครือชินคอร์ป, ดร.สุรเกียรติ เสถียรไทย ที่ว่ากันว่าเป็น ส.เสือตัวใหญ่…‘หมอมิ้ง’ หรือ ‘สหายจำรัส’ หรือ นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช อดีตรองนายกฯและรมต.ของพรรค และล่าสุด นสพ.มติชน รายวัน บอกว่าอาจปัดฝุ่นเอาชื่อ ‘ชัยเกษม นิติศิริ’ ที่เคยเป็นหนึ่งในแคนดิเดตเมื่อปี 2562มาใช้บริการอีกครั้ง…

ขณะที่รายชื่อแคนดิเดตนายกฯ ยังไม่จบ...รายชื่อผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อหรือปาร์ตี้ลิสต์ 100 คน ของพรรคก็ออกมา เป็นรายชื่อเรียงตามตัวอักษรยังไม่มีการจัดอันดับจริง

น่าสนใจว่าไม่พบชื่อ แพทองธาร และ เศรษฐา แต่พบรายชื่อ ‘ชัยเกษม นิติศิริ’ ซึ่งอีกด้านหนึ่งพรรคเพิ่งแต่งตั้งให้เป็นประธานคณะกรรมการด้านประชาธิปไตย กระบวนการยุติธรรมและความเสมอภาคเท่าเทียม...

จะให้ถอดรหัสก็น่าจะอนุมานได้ว่าทางพรรคอยากดูแล ‘ชัยเกษม’ ให้เป็น ส.ส.หรือเป็นรัฐมนตรีในอนาคต  ยังไม่น่าจะเอามาปัดฝุ่นเป็นนายกฯ

‘เพื่อไทย’ ต้อนรับ ‘พ่อมดดำ’ กลับบ้านชื่นมื่น มั่นใจแลนด์สไลด์ จัดตั้งรัฐบาลพรรคเดียว

(29 มี.ค.66) พรรคเพื่อไทย นำโดย นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรค วิสุทธิ์ ไชยณรุณ ประธาน ส.ส.พรรคเพื่อไทย สมพงษ์ อมรวิวัฒน์ อดีตหัวหน้าพรรค พร้อมด้วย กรรมการบริหารพรรค และว่าที่ผู้ประสงค์ลงสมัครรับการเลือกตั้ง จังหวัดฉะเชิงเทรา ร่วมแถลงข่าวต้อนรับ สุชาติ ตันเจริญ อดีตรองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 1 และอดีตรองหัวหน้าพรรคไทยรักไทย เข้าสมัครเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย

นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวต้อนรับ สุชาติ ตันเจริญ และคณะกลับพรรคเพื่อไทย ถือเป็นผู้ใหญ่ทางการเมืองที่ทำหน้าที่ได้อย่างโดดเด่น วันนี้ได้ตัดสินใจมาร่วมอุดมการณ์ทำงานกับพรรคเพื่อไทย เพื่อไปสู่เป้าหมายการเป็นสถาบันการเมืองของพี่น้องประชาชน ภายใต้การปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ในระบอบรัฐสภา

พรรคเพื่อไทยเชื่อในอำนาจพี่น้องประชาชน การเลือกตั้งครั้งนี้จะเป็นโอกาสไปสู่การเปลี่ยนแปลงจากสิ่งที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน และเชื่อว่านายสุชาติมีศักยภาพ รวมไปถึงจังหวัดภาคตะวันออก น่าจะพาพรรคเพื่อไทยเข้าสู่เป้าหมายแลนด์สไลด์ได้แน่นอน” หัวหน้าพรรค กล่าว

สุชาติ ตันเจริญ สมาชิกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่าการกลับเข้ามาสมัครสมาชิกพรรคเพื่อไทยเป็นการกลับมาบ้านเก่าที่เคยทำให้ตนสามารถทำงานการเมืองมาอีก 10 กว่าปี จากเดิมเป็นหัวหน้าพรรคไทยรักไทย ถูกตัดสิทธิ์การเมืองเว้นวรรค 2 สมัย และดิ้นรนมาหลายปี จนกลับมาบ้านในวันนี้ ส่วนเหตุผลที่กลับมาพรรคเพื่อไทย คือ…

1. มดดำ - คชาภา บุตรชาย อยากให้กลับมาที่พรรคเพื่อไทย
2. สมพงษ์ อมรวิวัฒน์ อดีตหัวหน้าพรรคเพื่อไทย อยากให้กลับมา
3. เป็นความต้องการของพี่น้องประชาชน ที่ต้องการพรรคการเมืองที่ทำตามนโยบายที่ได้หาเสียงไว้ 

‘อนุทิน’ เมินหลากโพล ชี้ คะแนนพรรค ภท.ไม่กระเตื้อง เชื่อ ‘โพลอนุทิน’ ไม่เคยพลาด 2-3 ครั้งที่ผ่านมา

(29 มี.ค. 66) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้า การจัดลำดับรายชื่อปาร์ตี้ลิสต์ของพรรคภูมิไทย ว่า เบอร์ 1 เบอร์  2 เสร็จแล้ว ส่วนตำแหน่งอื่นมีอยู่ในใจแล้ว รอให้ประชุมกรรมการบริหารพรรค (กก.บห.) พิจารณาก่อน

ผู้สื่อข่าวถามว่า หลายพรรคมีปัญหาผู้สมัครปาร์ตี้ลิสต์ ไม่พอใจการจัดลำดับจนขอลาออก จะเกิดเหตุแบบนี้กับพรรคภูมิใจไทยหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า “ยืนยันในพรรค ภท.ไม่มีปัญหาเรื่องพวกนี้ เพราะเตรียมตัวมาเป็นปีและพูดคุยกับสมาชิกแล้ว ไม่เคยทะเลาะกัน และทะเลาะกันไม่ได้”

เมื่อถามว่า บัญชีรายชื่อลำดับ 1 และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรค ภท.เป็นคนเดียวกันใช่หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า “คนเดียวกัน แคนดิเดตนายกฯ มีคนเดียว ที่ผ่านมาก็เสนอคนเดียวมาตลอด ไม่จำเป็นต้องมีสำรอง คนเดียวเอาอยู่”

ผู้สื่อข่าวถามถึง การลาราชการได้ยื่นใบลากับนายกฯ แล้วหรือยัง นายอนุทิน กล่าวว่า “จะยื่นลาเป็นวัน ๆ ไป วันไหนที่ต้องใช้เวลาราชการ จะลาตามช่วงที่ได้ใช้ไปจะได้ไม่มีปัญหา เพราะบางครั้งช่วงเวลาคาบเกี่ยวกัน และขณะนี้กำลังจัดเวลาอยู่ ใครขอคิวมาให้ ขอให้เสร็จในช่วงเวลา 16.00 น.”

เมื่อถามย้ำว่า ไม่ได้ลาติดต่อกันตลอดทั้งเดือนใช่หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า “อุ๊ย!! ลาไม่ได้หรอก ลาเป็นเดือนก็ไม่กล้าเขียน เขียนไปถูกดุตายเลย”

เมื่อถามว่า จำนวน ส.ส.ที่พรรค ภท.ตั้งเป้าไว้ก่อนหน้านี้ จะเพิ่มขึ้นหรือยัง เพราะพรรคพลังประชารัฐ ตั้งเป้าไว้ที่ 100 ที่นั่ง นายอนุทิน กล่าวว่า “ความจริงกระแสของพรรค ภท.ดีขึ้นเรื่อย ๆ อุปสรรคที่เกิดขึ้นมา ไม่ได้มีผลกระทบอะไรที่ทำให้คะแนนนิยมของพรรคลดลง เราประเมินผลในทุกพื้นที่มาตลอด”

ผู้สื่อข่าวถามว่า พรรค ภท.หวังว่าจะได้ ส.ส.เขต และปาร์ลิสต์เท่าไหร่ นายอนุทิน กล่าวว่า “เก็บไว้ในใจ บอกไปไม่ได้”

‘อดิศักดิ์’ ประกาศถอนตัวจากว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. ‘ก้าวไกล’ พร้อมเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม เพื่อยืนยันความบริสุทธิ์

(29 มี.ค. 66) นายอดิศักดิ์ สมบัติคำ หรือ ‘จ่าตา’ อดีตว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.มหาสารคาม เขต 1 พรรคก้าวไกล แถลงข่าวถึงกรณีที่ตกเป็นผู้ต้องหาในคดีทุจริตสอบคัดเลือกตำรวจเมื่อวานนี้ (28 มีนาคม 2566) พร้อมขอยุติบทบาทผู้สมัครเพื่อเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม

นายอดิศักดิ์ ระบุว่า ตั้งแต่ช่วงเช้าของเมื่อวานนี้ ตนได้ทราบว่ามีเจ้าหน้าที่ถือหมายมาที่บ้าน ก็ได้ติดต่อขอเข้ามอบตัวต่อพนักงานสอบสวนพร้อมหลักทรัพย์ประกันตัว ซึ่งตนก็ไม่เข้าใจว่า ข่าวที่นำเสนอออกไป เหตุใดจึงมีความคลาดเคลื่อน เพราะตนไม่ได้ถูกบุกจับกุมแต่เป็นการมอบตัวด้วยตนเอง และได้รับประกันตัวเพื่อเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมแล้ว

ตนอยู่กับพรรคก้าวไกลมาตั้งแต่สมัยเป็นพรรคอนาคตใหม่ และในการเลือกตั้งครั้งนี้ก็เป็นว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. เขต 1 ได้ทำงานให้พรรค นำปัญหาของประชาชนในพื้นที่มาให้ ส.ส.พรรคก้าวไกลเป็นปากเสียงในสภา ส่งต่อให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องแก้ไขปัญหา มีความผูกพัน มีหลายเหตุการณ์ที่เคยถูกคุกคามรังแก เคยถูกฟันคอจนบาดเจ็บสาหัส มาวันนี้ก็ถูกดำเนินคดี ซึ่งตนก็ยืนยันว่ายินดีที่จะเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมเพื่อพิสูจน์ความจริง

แต่เมื่อเหตุการณ์เป็นเช่นนี้แล้ว เมื่อสังคมเกิดความสงสัย ตนซึ่งต้องการให้ทุกฝ่ายสบายใจ ทั้งพรรคก้าวไกลและผู้สนับสนุน ตนจึงขอยุติบทบาทในตำแหน่งว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. ของพรรคก้าวไกล เพื่อเปิดทางให้พรรคทำการสรรหาผู้สมัครที่มีความเหมาะสมในเขต 1 จ.มหาสารครามต่อไป ทั้งนี้ ตนต้องขอขอบคุณพรรคก้าวไกลที่ให้โอกาส และขอให้กำลังใจผู้สมัคร เครือข่ายแนวร่วม สมาชิก และผู้ปฏิบัติงาน ได้เดินหน้าต่อสู้ต่อไป ระหว่างนี้ตนขอถอนตัวเพื่อไปพิสูจน์ความจริง และเมื่อได้รับการพิสูจน์ตามกระบวนการยุติธรรมว่าไม่มีความผิดแล้ว ก็จะกลับมาลงสมัครอีกครั้ง โดยในระหว่างนี้จะยังคงช่วยงานพรรคก้าวไกลในการรณรงค์หาเสียงต่อไป

‘ดร.เอ้’ ควง ‘ผู้การแต้ม’ ลงพื้นที่ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ กร้าว!! ไม่ทนปัญหาฝุ่น ชู ‘กม.อากาศสะอาด’ ปกป้องคนกรุง

(29 มี.ค.66) ศ.ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ ประธานคณะทำงานนโยบาย กทม. นางดรุณวรรณ ชาญพิพัฒนชัย รองโฆษกพรรคฯ พร้อมด้วย ‘ผู้การแต้ม’ พล.ต.ต.ดร.วิชัย สังข์ประไพ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. กทม.เขตหลักสี่-จตุจักร พรรคประชาธิปัตย์ ลงพื้นที่บริเวณทางเข้าศูนย์ราชการ แจ้งวัฒนะ เพื่อตรวจวัดค่า PM 2.5 ซึ่งเป็นจุดที่มีการจราจรหนาแน่นโดยเฉพาะในช่วงเช้าที่มีการสัญจรไปมา รวมถึงมีการก่อสร้างในบริเวณใกล้เคียง

โดย ศ.ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ ย้ำว่าปัญหาเรื่องฝุ่น PM 2.5 เป็นปัญหาใหญ่ระดับชาติ ไม่ใช่ปัญหาของพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่ง ซึ่งทุกคนในประเทศต้องพร้อมร่วมมือกันในการแก้ไขรวมถึงภาคประชาชน ที่ต้องตระหนักถึงความสำคัญว่ามีอันตรายต่อชีวิต จึงพร้อมผลักดันให้มี ‘กฎหมายอากาศสะอาด’ เพื่อเป็นแนวทางแก้ไขปัญหา เพราะการมี ‘กฎหมายอากาศสะอาด’ จะช่วยให้หน่วยงานที่ดูแลและแก้ไขปัญหา PM 2.5 มีอำนาจในการบังคับใช้มาตรการต่าง ๆ ในการควบคุมและแก้ไขปัญหาที่ต้นตอของ PM 2.5 โดยที่ผ่านมาหน่วยงานต่าง ๆ มักจะแก้ปัญหาอย่างเฉพาะหน้า สาเหตุหนึ่งมาจากการไม่มีกฎหมายมารองรับ และสนับสนุนอย่างจริงจัง ทำให้ไม่สามารถควบคุมและแก้ไขปัญหาที่เกิดจากแหล่งกำเนิดได้ เลยต้องไปแก้ไขที่ปลายเหตุ สุดท้ายปัญหาคงก็อยู่

ศ.ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ กล่าวต่อไปว่า ‘กฎหมายอากาศสะอาด’ ที่ออกมาจะช่วยเป็น ‘เครื่องมือ’ ให้หน่วยงานที่ดูแลเรื่องสิ่งแวดล้อม สามารถนำมาตรการและข้อบังคับไปควบคุมสาเหตุของ PM 2.5 ได้ถึงต้นตอ ไม่ว่าจะเป็น 

- การกำหนดเขตพื้นที่มลพิษต่ำ หรือ Low Emission Zone บริเวณพื้นที่ใจกลางเมือง 16 เขต  
- การควบคุมรถควันดำ ต้นตอสำคัญของ PM 2.5 
- การจัดเก็บภาษีการปล่อยมลพิษยิ่งปล่อยมากยิ่งจ่ายมาก เพื่อเป็นการบังคับให้หาทางลดการปล่อยมลพิษ 
- การลดภาษีพื้นที่สีเขียวเป็นรางวัลให้คนทำดี

“เป็นที่น่าเสียดายว่าวันนี้ประเทศไทยยังไม่มี ‘กฎหมายอากาศสะอาด’ เพื่อคุ้มครองให้คนในชาติได้สูดอากาศบริสุทธิ์แม้แต่ฉบับเดียว ที่ผ่านมาแม้จะมีการผลักดันจากหลายภาคส่วน แต่ก็ยังถูกละเลย ไม่มีการนำมาประกาศบังคับใช้ บางคนอาจมองว่ามีความซ้ำซ้อน เพราะกฎหมายสิ่งแวดล้อมเดิมก็มีอยู่ แต่ที่ผ่านมาก็พิสูจน์มาแล้วว่าถ้ากฎหมายสิ่งแวดล้อมเดิมใช้ได้จริงพวกเราชาวกรุงเทพฯ คงไม่ต้องมาทนกับปัญหานี้ในปัจจุบัน ทั้งหมดนี้เป็นทางรอดเพื่อให้พวกเราชาวกรุงเทพฯ ได้กลับมาสูดอากาศบริสุทธิ์กันทุกคน” ศ.ดร.สุชัชวีร์ กล่าว

ในขณะที่ ‘ผู้การแต้ม’ พล.ต.ต.ดร.วิชัย สังข์ประไพ กล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์ยืนยันจะเดินหน้าต่อเพื่อประกาศสงครามกับปัญหามลพิษทางอากาศ PM 2.5 อย่างต่อเนื่อง ซึ่งไม่ใช่การทำเพื่อหวังผลทางการเมือง แต่มองประเด็นเรื่องคุณภาพชีวิตของคนไทยเป็นสำคัญ โดยเฉพาะคนกรุงเทพฯ ที่ต้องเผชิญปัญหาเหล่านี้มาเป็นเวลานานและยังไม่ได้รับการแก้ไขจากผู้ที่มีอำนาจหน้าที่รับผิดชอบโดยตรง

ด้านนางดรุณวรรณ ได้กล่าวด้วยว่าบรรยากาศการลงพื้นที่ที่ศูนย์ราชการ แจ้งวัฒนะ ในวันนี้ได้รับกำลังใจจากประชาชนที่เห็นความมุ่งมั่นในการทำงานของพรรค โดยบางท่านได้มาจอดรถทักทายและส่งเสียงเชียร์ ให้กับ ศ.ดร.สุชัชวีร์ และผู้การแต้ม รวมถึงขอบคุณที่พรรคประชาธิปัตย์มาลงพื้นที่ตรวจวัดค่าฝุ่น PM 2.5 ทำให้ได้ตระหนักถึงอันตรายและอยากให้พรรคได้เข้ามาแก้ไขปัญหานี้อย่างจริงจัง

ทั้งนี้ ศ.ดร.สุชัชวีร์ ย้ำว่าฝุ่น PM 2.5 เป็นสิ่งที่มองไม่เห็นนั้น มันอันตรายกว่าโควิด 19 ซึ่งสามารถรักษาให้หายได้ หากแต่ภัยจาก PM2.5 สามารถซึมเข้าไปในร่างกายได้อย่างต่อเนื่อง และสุดท้ายอาจทำให้เกิดภาวะสมองตายได้ นอกจากจะนำเสนอ กฎหมายอากาศสะอาด แล้ว ยังตั้งทีมเพื่อวัดค่าฝุ่น PM2.5 อย่างต่อเนื่อง พร้อมนำเสนอแนวทางการป้องกันและแก้ไขเบื้องต้นให้แก่ประชาชนในพื้นที่ต่าง ๆ ต่อไป
 

‘ศุภชัย ’ เผย ‘ภท.’ หนุน กม.กัญชาเพื่อการแพทย์ หลัง ‘ภาคประชาชน’ เตรียมล่ารายชื่อทั่วประเทศ

(29 มี.ค. 66) ที่พรรคภูมิใจไทย นายศุภชัย ใจสมุทร นายทะเบียนพรรคภูมิใจไทย แถลงว่า จากที่ผลการเสวนาของพรรคภูมิใจไทย เรื่อง ‘ทิศทางกฎหมายกัญชาเพื่อสุขภาพ และการแพทย์หลังการเลือกตั้ง’ เมื่อวันที่ 24 มี.ค.ที่ผ่านมา เพื่อเป็นการแสดงจุดยืนที่จะให้มีกฎหมายเฉพาะมาคุ้มครองเพื่อการแพทย์ สุขภาพ และเศรษฐกิจ จึงจำเป็นต้องมีการผลักดันกฎหมายต่อไป
.
โดยทางภาคประชาชนจะมีการรณรงค์พร้อมล่ารายชื่อในทุกภาค ทั้งจากในพื้นที่จริง และทางระบบออนไลน์ เพื่อแสดงจุดยืนดังกล่าว นอกจากนี้ ภาคประชาชนจะมีการจัดสัมมนาในทุกภูมิภาคทั่วประเทศ ในช่วงเวลาที่เหมาะสมต่อไป  อย่างไรก็ตาม ในช่วงเวลานี้ที่มีกลุ่มบุคคลออกมาเคลื่อนไหวต่อต้านคัดค้านเรื่องกัญชา รวมถึงจะนำกลับไปเป็นยาเสพติด โดยขาดความรู้ และความเข้าใจ ทำให้ส่งผลกระทบต่อความรู้สึกของประชาชนที่ยังเห็นว่า กัญชาสามารถเป็นประโยชน์ทางการแพทย์ จึงเป็นเหตุผลสำคัญในการรวมตัวของภาคประชาชนทุกภาคส่วน

#THESTATESTIMES
#ElectionTime
#NewsFeed
#ภูมิใจไทย
#ศุภชัยใจสมุทร
#กัญชา
#กัญการแพทย์

‘กรณ์’ ฉะ 2 รมต. แก้ปัญหา ‘ไฟป่า-ค่าไฟ’ ล้มเหลว ลั่น!! ชพก. มีแผนพร้อมจัดการ 2 ปัญหาเพื่อ ปชช.

(29 มี.ค.66) นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า แสดงความอึดอัดต่อท่าที่ของรัฐบาลในการให้สัมภาษณ์ของ 2 รัฐมนตรี ที่รับผิดชอบในการแก้ปัญหา 2 ไฟ ได้แก่ ไฟป่าที่ก่อให้เกิดปัญหา PM2.5 และค่าไฟฟ้าที่รัฐบาลจะประกาศขึ้นราคาในภาคครัวเรือนในเดือนพฤษภาคม - สิงหาคม 

โดยนายกรณ์ ได้กล่าวถึงปัญหาการเผาป่าในไร่ข้าวโพดของประเทศไทย และไฟป่าจากประเทศเพื่อนบ้าน ส่งผลต่อสภาพอากาศของพี่น้องภาคเหนือ โดยเฉพาะคุณภาพอากาศที่เชียงรายถือว่าสาหัสมากที่สุดเป็นประวัติการณ์ ค่า PM2.5 สูงถึงเกือบ 500 หน่วย ซึ่งเป็นระดับอากาศที่เป็นพิษ หายใจไม่ได้เลย ตามรายงานทราบว่ามีผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษาพยายาลอย่างน้อย 3,000 คน ไม่นับรวมคนป่วยที่บ้านอีกเป็นจำนวนมาก รัฐบาลประกาศให้เรื่องนี้เป็นวาระแห่งชาติมาตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2562 แต่กลับไม่มีมาตรการใด ๆ ที่จับต้องได้เพื่อให้ประชาชนมีความหวังว่าจะมีสถานการณ์จะดีขึ้น ตรงกันข้ามสถานการณ์กลับเลวร้ายลงเรื่อย ๆ ตนรู้สึกอึดอัดและโกรธแทนพี่น้องคนไทยทุกคนที่เดือดร้อน

“ผมเห็นท่าน พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ให้สัมภาษณ์สื่อที่ถามว่า ถึงเวลาประกาศเป็นภัยพิบัติฉุกเฉินแล้วหรือยัง ทั้งนี้เพื่อกระตุ้นให้หน่วยงานราชการมีมาตรการที่ชัดเจนเพื่อพี่น้องประชาชน แต่ ท่านตอบมาพอสรุปได้ว่า ยังประกาศไม่ได้ เพราะไม่รู้ประกาศไปแล้วจะนำไปสู่การมาตรการอะไร เพราะไม่มีมาตรการใด ๆ รองรับ และไม่รู้ด้วยว่าจะประกาศในพื้นที่ไหนบ้าง เนื่องจากไม่มีการกำหนดเกณฑ์ว่าคุณภาพอากาศต้องเลวร้ายระดับไหน ถึงจะประกาศเป็นภัยพิบัติ หรือ ภัยฉุกเฉินได้ ผมเชื่อว่า ใครฟังก็คงตกใจและหดหู่ใจว่า ปัญหาระดับวาระแห่งชาติที่ประกาศมาแล้ว 4 ปี แทนที่จะกระบวนการช่วยเหลือเฉพาะหน้า เช่นอุปกรณ์เครื่องรองรับบรรเทาปัญหา ทั้งหน้ากาก ยา เวชภัณฑ์ เครื่องฟอกอากาศ  หรือแม้แต่การอพยพประชาชนที่อาจมีปัญหาเรื่องภูมิแพ้ ทางเดินหายใจ ออกจากพื้นที่เสี่ยง ประกาศเป็นพื้นที่ภัยพิบัติฉุกเฉิน เพื่อจะได้มีการช่วยเหลืออย่างทันท่วงที ” นายกรณ์ กล่าว  

นายกรณ์ กล่าวว่า พรรคชาติพัฒนากล้า มีชุดความคิดที่เป็นข้อเสนอมาตรการระยะยาวในการแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีว่าปัญหาควันภาคเหนือที่ก่อให้เกิด PM2.5 นั้น เกิดจากการเผาในประเทศและประเทศเพื่อนบ้าน ทั้งเมียนมา และ สปป.ลาว ที่ส่วนหนึ่งเราเข้าใจว่าเกษตรกรต้องทำมาหากินด้วยการปลูกไร่ข้าวโพดสัตว์เลี้ยง เมื่อถึงเวลาเตรียมการเพาะปลูกในแต่ฤดู ก็ต้องเผาไร่สร้างมลพิษให้กับพี่น้องประชาชน เราจึงต้องแก้ที่ต้นตอด้วยมาตรการทางเศรษฐกิจ คือ ชักจูงให้เกษตรกรปลูกพืชชนิดอื่นทดแทนที่ไม่ต้องเผา คือ การปลูกป่าเศรษฐกิจจากพืช 58 ชนิด ที่ได้ปลดแอกให้สามารถปลูกได้อย่างถูกกฎหมาย โดยมีการจ่ายเงินเดือนให้กับเกษตรกรในจำนวนที่มากกว่าการปลูกไร่ข้าวโพด และในระยะยาวเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ ส่วนหนี่งจะเป็นของเกษตรกร และอีกส่วนหนึ่งสามารถผลิตเป็นคาร์บอนเครดิตได้ด้วย สิ่งเหล่านี้เราสามารถระดมทุนผ่านพันธบัตรป่าไม้ ซึ่งพรรคชาติพัฒนากล้าพร้อมที่จะเข้าไปดำเนินการได้ทันทีที่มีโอกาสเข้าไปทำงาน 

นายกรณ์ กล่าวว่า สำหรับมาตรการด้านต่างประเทศ เราปฏิเสธไม่ได้ที่จะต้องหารือกับประเทศเพื่อนบ้าน โดยต้องเร่งประสานไปทางรัฐฉาน ประเทศเมียนมาร์ และ สปป.ลาว เพื่อหามาตรการควบคุมการเผา ซึ่งความจริงมีสัญญาในกลุ่มประเทศอาเซียนตั้งแต่เมื่อ 20 ปีที่แล้ว ว่าด้วยเรื่องของการคุ้มครองการสร้างสร้างมลพิษข้ามชายแดน โดยเฉพาะเรื่องการเผา สามารถนำข้อตกลงนี้เป็นจุดเริ่มต้นมาเป็นข้อประชุมฉุกเฉินของอาเซียนได้ นอกจากนี้เราคงต้องทบทวนข้อตกลงการค้าเสรีอาเซียน (AFTA) ต่อการนำเข้าข้าวโพดสัตว์เลี้ยงปลอดภาษีจากประเทศเพื่อนบ้าน ต่อไปต้องกำหนดมาตรการทางภาษี ไม่รับซื้อผลผลิตที่มาจากการเผา ส่งผลให้การนำเข้ายากยิ่งขึ้น และชะลอการเผาลง และสร้างแรงจูงใจให้เกษตรกรของไทย ปลูกอย่างอื่นทดแทนที่มีรายได้มากกว่า ลดพื้นที่การเผาป่าลง 
.
“5-6 ปีที่ผ่านมา การปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ใน 3 ประเทศ เพิ่มขึ้นเกือบ 20 เท่า ซึ่งปริมาณเพาะปลูก เป็นไปในทิศทางเดียวกับปริมาณการเผา อย่างไรก็ตามเราคงหวังการแก้ปัญหาจากฤดูกาลไม่ได้แล้ว เพราะรัฐบาลก็เป็นรัฐบาลรักษาการ ก็ได้แต่หวังว่า รัฐบาลที่จะกำลังจะมีขึ้นในอีก 2 เดือนข้างหน้า จะเร่งดำเนินการทันที และพรรคชาติพัฒนากล้าก็ขอสัญญาว่า เป็นหนึ่งในเรื่องที่ทำให้เกิดมาตรการที่กล่าวมาแล้วข้างต้นและจะทำทันที ถ้ามีโอกาสเข้าไปทำงาน ตราบใดที่ยังมีการเผาป่า ผมเป็นหนึ่งคนที่จะต่อสู้แทนพวกท่าน” หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า กล่าว 

‘เสี่ยหนู’ นั่ง ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ เบอร์ 1 ‘ภูมิใจไทย’ เผย รายชื่อว่าที่ ส.ส.คืบ 90% พบคนเด่น-ดังเพียบ!!

(29 มี.ค. 66) ที่พรรคภูมิใจไทย นายศุภชัย ใจสมุทร นายทะเบียนพรรคภูมิใจไทย แถลงถึงการจัดทำไพรมารีโหวตผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคในการเลือกตั้ง ทั้งส.ส.แบบระบบเขต และ ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ ว่าในส่วนของรายชื่อผู้สมัคร ส.ส.แบบแบ่งเขต ทั้ง 400 เขต ขณะนี้ดำเนินการไปแล้วกว่า 90% ขั้นตอนต่อจากนี้จะส่งให้คณะกรรมการสรรหาพิจารณา แล้วสรุปส่งต่อเสนอไปยังคณะกรรมการบริหารพรรค ไม่เกินวันที่ 31 มี.ค.นี้

ส่วนรายชื่อผู้เสนอตัวเป็นผู้สมัครส.ส.แบบบัญชีรายชื่อของพรรค ล่าสุดได้ครบ 100 คนแล้ว โดยลำดับที่ 1 คือ นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรค ลำดับที่ 2 นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ เลขาธิการพรรค ส่วนที่เหลืออีก 98 คน ใช้รูปแบบการเรียงลำดับตัวอักษร หลังจากนี้ก็จะเข้ากระบวนการส่งให้คณะกรรมการสรรหา และคณะกรรมการบริหารพรรคตามลำดับ เพื่อพิจารณาเรียงลำดับผู้สมัครตั้งแต่หมายเลข 3 -100 ต่อไป ซึ่งต้องเสร็จก่อนวันที่ 3 เม.ย.นี้

นายศุภชัย กล่าวต่อว่า สำหรับวันรับสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.แบบแบ่งเขต ผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคภูมิใจไทย จะไปยื่นสมัครในวันที่ 3 เม.ย.นี้ ส่วนวันรับสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ จะเป็นในวันที่ 4 เม.ย.นี้ ที่ห้องบางกอก อาคารไอราวัตพัฒนา ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร แขวงดินแดง เขตดินแดง กทม. ซึ่งนายอนุทิน จะนำทีมไปสมัครด้วยตัวเอง และจับสลากหมายเลขผู้สมัคร

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับรายชื่อผู้เสนอตัวเป็น ส.ส.บัญชีรายชื่อของพรรคภูมิใจไทย มีบุคคลที่น่าสนใจ อาทิ น.ส.ชนม์ทิดา อัศวเหม, นายศุภชัย ใจสมุทร, นายทรงศักดิ์ ทองศรี, นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์, น.ส.ศุภมาส อิศรภักดี, นายสรอรรถ กลิ่นประทุม, นายสวาป เผ่าประทาน, นายสุชาติ โชคชัยวัฒนากร, นายสุพล ฟองงาม, นายองอาจ ปัญญาชาติรักษ์, น.ส.อนุสรี ทับสุวรรณ, นายอารี ไกรนรา, นายภิญโญ นิโรจน์, นายนัจมุดดีน อูมา, นางนันทนา สงฆ์ประภา, นายบุญดำรง ประเสริฐโสภา, น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล, นายสามารถ แก้วมีชัย, นายชลัฐ รัชกิจประการ, นายกิตติชัย เอ่งฉ้วน, นายพิกิฎ ศรีชนะ, นายมารุต มัสยวาณิช, น.ส.เรวดี รัศมิทัต และนายวิรัช พันธุมะผล เป็นต้น

‘มณีรัตน์’ ชูนโยบาย "มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า" ตอบโจทย์ลดรายจ่าย ช่วงน้ำมันแพง

ว่าที่ผู้สมัครส.ส.ภูมิใจไทย “พระโขนง - บางนา” ชูนโยบาย “มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า” เชื่อ ตอบโจทย์ลดรายจ่ายช่วงน้ำมันแพง – แก้ปัญหามลภาวะทางอากาศ

(29 มี.ค. 66) น.ส.มณีรัตน์ ลิมป์รัตนกาญจน์ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม. เขตพระโขนง-บางนา พรรคภูมิใจไทย เปิดเผยว่า หลังจากลงพื้นที่รับฟังปัญหาพี่น้องประชาชนในพื้นที่ โดยมีโอกาสได้พูดคุยกับวินมอเตอร์ไซค์ ไรเดอร์ และผู้ใช้รถจักรยานยนต์ พบว่าเกือบทุกคนประสบปัญหาราคาน้ำมันแพง ซึ่งเป็นปัจจัยหลักที่เพิ่มต้นทุนของอาชีพวินมอเตอร์ไซค์รับจ้าง ไรเดอร์ส่งสินค้า ตลอดจนประชาชนทั่วไป 

ประกอบกับปัญหาโลกร้อน และปัญหาสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะเรื่องฝุ่นพิษ PM 2.5 ที่กำลังวิกฤตส่งผลอันตรายต่อสุขภาพอย่างมากในตอนนี้ พรรคภูมิใจไทย เล็งเห็นความสำคัญในเรื่องนี้ จึงมีนโยบาย มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า และติดตั้งแผงโซล่าร์ลูฟบนหลังคา เก็บพลังงานแสงอาทิตย์เปลี่ยนมาเป็นไฟฟ้า เป็นการประหยัดค่าไฟลดค่าใช้จ่าย ส่งผลให้ทั้งอากาศ และสิ่งแวดล้อมดีขึ้นได้ ตอบโจทย์ลดปัญหาสิ่งแวดล้อม ลดการปล่อยมลพิษ PM 2.5 และยังช่วยลดต้นทุนค่าน้ำมัน ลดค่าไฟฟ้า ให้พี่น้องประชาชนอีกด้วย 

น.ส.มณีรัตน์ กล่าวต่อว่า นโยบายนี้หากบ้านไหนติดตั้งแผงโซล่าร์ลูฟบนหลังคา จะให้สิทธิซื้อมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าบ้านละ 1 คัน ในราคา 6,000 บาท ด้วยระบบผ่อนชำระเพียงเดือนละ 100 บาท เป็นเวลา นานถึง 60 งวด และสามารถใช้เครดิตพลังงานเติมกระแสไฟฟ้าได้ โดยไม่ต้องจ่ายค่าพลังงานสำหรับรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า ซึ่งจะช่วยลดรายจ่ายให้แก่ประชาชน ทั้งการซื้อรถราคาถูก และไม่ต้องเสียเงินค่าพลังงาน ส่วนตัวจึงเชื่อว่า นโยบายมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าจะตอบโจทย์ทั้งลดช่วยต้นทุน เพิ่มรายได้ พร้อมยกระดับชีวิตพี่ๆวินมอเตอร์ไซค์ ไม่ต้องแบกรับภาระหนักซ้ำเติมภาวะเศรษฐกิจ รายรับไม่พอรายจ่ายอีกต่อไป

‘ธรรมรักษ์’ นำทัพลุย ‘อุดรฯ’ ชู บัตรประชารัฐ-ก้าวข้ามความขัดแย้ง ปลื้ม!! ประชาชนเห็นด้วย เผย อยากเห็นคนไทยหยุดแตกแยก

(29 มี.ค. 66) ที่ศูนย์ประสานงานพรรคพลังประชารัฐ จังหวัดอุดรธานี พล.อ.ธรรมรักษ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) รับผิดชอบดูแลพื้นที่ภาคอีสาน ลงพื้นที่พบประชาชน จังหวัดอุดรธานี เพื่อรับฟังปัญหาจากในพื้นที่และให้กำลังใจว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคฯ พร้อมเน้นย้ำนโยบายก้าวข้ามความขัดแย้งของ พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.)

โดย พล.อ.ธรรมรักษ์ กล่าวว่า การลงพื้นที่ในวันนี้ ได้รับการตอบรับจากประชาชนเป็นอย่างดี และส่วนใหญ่เห็นด้วยกับนโยบายของพรรค พปชร. โดยเฉพาะเรื่องการก้าวข้ามความขัดแย้ง เพราะไม่อยากเห็นคนไทยกลับมาทะเลาะกันเหมือนเดิมอีก และนโยบายบัตรประชารัฐ 700 บาทต่อเดือน ที่จะช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันของประชาชนได้

“ผมเชื่อว่า วันนี้ คนไทยรู้ดีว่าประเทศบอบช้ำจากการแบ่งฝักแบ่งฝ่าย แบ่งขั้ว แบ่งสี ทำให้คนไทยต้องมาทะเลาะกันเองยาวนานเป็น 10 ปีแล้ว ทุกคนอยากเห็นสังคมไทยกลับมามีแต่รอยยิ้มอีกครั้ง ดังนั้น หลายคนจึงมองว่า นโยบายก้าวข้ามความขัดแย้งจะช่วยให้ประเทศชาติเดินหน้าไปสู่ความเจริญ รุ่งเรืองได้อย่างยั่งยืน หากคนในชาติเกิดความสามัคคีขึ้น” พล.อ.ธรรมรักษ์ กล่าว

การเปลี่ยนประเทศของพรรคก้าวไกล คือเวลาเป็นฝ่ายค้านมักจะพูดปัญหา แต่ไม่มีโซลูชัน

การเปลี่ยนประเทศของพรรคก้าวไกล คือเวลาเป็นฝ่ายค้านมักจะพูดปัญหา แต่ไม่มีโซลูชัน แต่สิ่งที่คนทำอยู่เขากำลังพยายามแก้ทำให้มันดีขึ้นตลอด ไม่ใช่อยู่ ๆ ก็เปิดประเด็นจะเลือกตั้งผู้ว่าฯ ทุกจังหวัดทั่วประเทศเอย หรือพรรคนี้เขาบอกว่าเขาไม่ได้เปลี่ยนรัฐบาลนะเขาจะเปลี่ยนประเทศ คิดอะไรที่ไกลเกินไปคนไทยรับไม่ได้ 

ชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ 
รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ
กล่าวในรายการ เลือกตั้ง 66 'เปลี่ยนใหม่หรือไปต่อ' 
ตอน "ตัวตึง!"

28 มี.ค.66 เวลา 22:30 น.- 23:30 น.
•ดำเนินรายการโดย นายสรยุทธ สุทัศนะจินดา 

•ผู้ร่วมรายการ
1.นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ พรรคเพื่อไทย
2.นายธนกร วังบุญคงชนะ พรรครวมไทยสร้างชาติ
3.นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ พรรคพลังประชารัฐ
4.นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร พรรคก้าวไกล
5.นายศุภชัย ใจสมุทร พรรคภูมิใจไทย

https://fb.watch/jyN6eyr2Sx/?mibextid=v7YzmG

"ชาวนากับงูเห่า" นิทานอีสป ที่ให้ข้อคิดสอนใจว่าอย่าไปไว้ใจสัตว์ร้ายที่เลี้ยงไม่เชื่อง

ซึ่งเปรียบเป็นคนแล้ว ก็คือผู้ที่มีลักษณะคิดไม่ซื่อ ทรยศ หักหลัง ได้แม้คนที่เคยช่วยเหลือฟูมฟักมา

และ "งูเห่า" นี่เองที่เป็น "คำแรง" ใช้เปรียบเปรยนักการเมืองในสภา ที่มีพฤติกรรม ข้ามค่าย ย้ายขั้ว หรือโหวตสวนมติพรรค จนถึงวันนี้ และแน่นอนว่า บรรยากาศการเมืองไทยในช่วงเวลานี้ ที่กำลังเข้าสู่ฤดูกาลแห่งการเลือกตั้ง กิจกรรมการย้ายค่าย สลับขั้วเหล่านี้ ยิ่งทวีความร้อนแรง ว่าแล้ว The State Times เลยขอนำตำนาน “งูเห่าการเมือง” ที่เคยเกิดขึ้น มาย้อนความทรงจำคอการเมืองกันสักหน่อย...

จุดเริ่มต้นของ "งูเห่า" ในสภา เกิดขึ้นเมื่อเกือบ 26 ปีที่แล้ว เป็นคำพูดเปรียบเปรยที่เกิดจากความรู้สึกบอบช้ำแสนสาหัส ของชาวนาที่ชื่อ "สมัคร สุนทรเวช"

ย้อนกลับไปเมื่อปี 2540 วิกฤตต้มยำกุ้ง ซึ่งเป็นวิกฤตการณ์ทางการเงินที่ส่งผลกระทบหนักในไทยและหลายประเทศในเอเชีย ทำให้รัฐบาลของ "พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ" ขณะนั้น ตัดสินใจประกาศ "ลอยตัวค่าเงินบาท" ผลที่ตามมาคือผู้ประกอบการภาคธุรกิจ ภาคการเงินการธนาคาร และภาคอุตสาหกรรมจำนวนมากต้องปิดกิจการ หรือล้มละลายไป รัฐบาลถูกกดดันอย่างหนักทั้งในและนอกสภา จนสุดท้าย "บิ๊กจิ๋ว" ต้องแสดงความรับผิดชอบด้วยการประกาศลาออก นำมาสู่การช่วงชิงจังหวะของพรรคร่วมรัฐบาลและฝ่ายค้านในการรวมเสียงจัดตั้งรัฐบาลใหม่

ฝ่ายพรรคร่วมรัฐบาลเดิม มีพรรคความหวังใหม่ ประชากรไทย ชาติพัฒนา และมวลชน กุมเสียงอยู่ 197 เสียง ตกลงกันว่าจะดึง พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ กลับมาเป็นนายกฯ อีกสมัย ขณะที่ฝ่ายค้าน ที่มีพรรคประขาธิปัตย์เป็นแกนนำได้เสียงจากพรรคกิจสังคม และเสรีไทยย้ายขั้วมาเติม จนมี 196 เสียง น้อยกว่าฝั่งรัฐบาลเพียงแค่เสียงเดียว โดยชู นายชวน หลีกภัย หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ขึ้นมาท้าชิง

แต่แล้วก็เกิด "บิ๊กดีล" ขึ้น เมื่อพลตรีสนั่น ขจรประศาสน์ เลขาธิการประชาธิปัตย์สมัยนั้น เปิดการเจรจา ดึงเสียงสนับสนุนจาก ส.ส.กลุ่มปากน้ำของพรรคประชากรไทย รวม12 เสียง ไปโหวตสนับสนุน ให้นายชวน หลีกภัย ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีสมัยที่ 2 ด้วยเสียง 208 ต่อ 185 เสียง

สำหรับ ส.ส.กลุ่มปากน้ำ นำโดย นายวัฒนา อัศวเหม เคยมีความขัดแย้งกับพรรคชาติไทย จนไม่มีสังกัดพรรคอยู่ ซึ่งต่อมานายสมัคร สุนทรเวช หัวหน้าพรรคประชากรไทย ในขณะนั้น รับเข้ามาสังกัดพรรค แต่ท้ายที่สุดกลับไปยกมือสนับสนุนฝ่ายตรงข้าม ทำให้นายสมัครรู้สึกเจ็บช้ำน้ำใจ และเปรียบตัวเองเป็นเหมือนชาวนา ช่วยเหลืองูเห่าแต่สุดท้ายกลับมากัดตนเอง และคำว่า "งูเห่า" จึงกลายเป็นคำเรียก ส.ส.กลุ่มปากน้ำ และยังใช้แทน ส.ส. ที่มีพฤติกรรมในลักษณะเดียวกัน โดยเฉพาะอีกเหตุการณ์ใหญ่ที่เกิดขึ้นคล้อยหลังมาอีก 10 ปี

"มันจบแล้วครับนาย" ประโยคที่ "เนวิน ชิดชอบ" ส่งถึง "ทักษิณ ชินวัตร" อดีตนายเก่า เป็นประโยคทิ้งท้าย ย้อนภาพจำถึงอีกหนึ่งจุดพลิกผันทางการเมืองในปี 2551 เป็นที่มาของเหตุการณ์ที่ถูกเรียกขานต่อมาว่า "งูเห่าภาค 2"

หลังพรรคไทยรักไทยถูกยุบเปลี่ยนผ่านเข้าสู่ยุคของพรรคพลังประชาชน "เนวิน ชิดชอบ" เป็นหนึ่งในสมาชิกบ้าน 111 ที่ถูกเว้นวรรคทางการเมือง แต่เขายังคงมีอิทธิพลต่อ ส.ส. สายอีสาน "กลุ่มเพื่อนเนวิน" จำนวนมากกว่า 20 คนในพรรคพลังประชาชน

‘ตั๊น’ โพสต์ตัดพ้อ ‘ปชป.’ ปาร์ตี้ลิสต์ไม่ลงตัว  ชี้!! ประเมินได้ไม่เกิน 10 ที่นั่ง แย่งลำดับต้น

(28 มี.ค.66) รายงานข่าวแจ้งว่า สำหรับการจัดลำดับส.ส.บัญชีรายชื่อของ พรรคประชาธิปัตย์(ปชป.) ยังไม่ลงตัว ประเมินกันว่าครั้งนี้พรรคอาจจะได้ ส.ส.ระบบนี้ไม่เกิน 10 บวกลบ 5 ทำให้มีการแย่งกันอยู่ลำดับต้นๆ ส่วนที่น.ส.จิตภัสร์ ตั๊น กฤดากร อดีตส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองเลขาธิการ ปชป. โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กเคลื่อนไหวเพราะกลัวตัวเองจะไม่ได้อยู่ในเซฟโซน และทราบว่าการประชุมกก.บห.พรรคในวันที่ 29 มีนาคม จะมีการพิจารณาเรื่องดังกล่าว

‘บิ๊กป้อม’ ส่งปาร์ตี้ลิสต์ 92 คน หลัง 8 คนสละสิทธิ์ไม่ปลื้มลำดับ ทุ่มเต็มที่กวาด 100 เขต ลั่น!! “ทำเต็มที่ ให้ปชช. อยู่ดีกินดี”

เปิดเบื้องหลังปาร์ตี้ลิสต์ พปชร.ระอุ!!! ล่าสุดส่งแค่ 92 คน หลัง 8 คนสละสิทธิ์ไม่พอใจการจัดลำดับ ขณะที่ ‘บิ๊กป้อม’ แคนดิเดตนายกฯ ประกาศเล่นใหญ่ทุ่มเต็มที่ตั้งเป้ากวาด 100 เขต

(28 มี.ค.66) ที่ทำการพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรค พปชร. เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรค เพื่อพิจารณาบัญชีผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.บัญชีรายชื่อของพรรค ตามที่คณะกรรมการสรรหาผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.แบบแบ่งเขตและบัญชีรายชื่อเสนอ โดยมี กก.บห.เข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง

โดยมีการแจ้งให้ที่ประชุมทราบว่า มีผู้ที่มีรายชื่อเป็นผู้สมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ ขอสละสิทธิ์ไม่ลงสมัครรับเลือกตั้ง เนื่องจากไม่พอใจที่ได้ลำดับท้ายๆ จำนวน 7 คน ได้แก่ นายนิพนธ์ นราพิทักษ์กุล ลำดับที่ 46 นายอนุชา เจริญรักษ์ ลำดับที่ 48 นายสมชาย เหล่าสายเชื้อ ลำดับที่ 51 นางลลิตา ฤกษ์สำราญ ลำดับที่ 55 นายธีระยุทธ วานิชชัง ลำดับที่ 60 นายธงชัย กสิกรรม ลำดับที่ 95 และชาติ จินดาพล ลำดับที่ 100 และเมื่อรวมกับนางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เหรัญญิกพรรคที่ขอสละสิทธิ์ไปก่อนหน้านี้ ทำให้เหลือผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อที่จะส่งให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) แค่ 92 คน

นอกจากนี้ ยังมีการสลับลำดับกันเอง 2 กรณี กรณีแรกคือ นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ ที่อยู่ลำดับที่ 18 ได้ขอแลกกับนายอภิชัย เตชะอุบล ที่อยู่ในลำดับที่ 12 และกรณีที่สอง คือ นายปริญญา วันทา ลำดับที่ 40 ได้สลับกับนายนายภัฎ สุริวงษ์ ลำดับที่ 79 ทั้งนี้ นายอภิชัยยอมรับว่านายนิพิฏฐ์มาขอเปลี่ยน แต่ไม่เป็นไร ตนเสียสละ

ขณะที่นายรงค์ บุญสวยขวัญ อดีต ส.ส.นครศรีธรรมราช และกรรมการบริหารพรรค เปิดภายหลังการประชุมว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคยังมีมติเสนอชื่อพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรค พปชร. เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top