Wednesday, 3 July 2024
SPECIAL

สงขลา - นิพนธ์ วิ่งนำ "ธงชาติไทย รวมใจสู่ชัยชนะ" ส่งต่อกำลังใจให้นักกีฬาทีมชาติไทย เข้าแข่งขันกีฬาโอลิมปิก-พาราลิมปิก 23 ก.ค.- 8 ส.ค.นี้ ที่ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น

เมื่อเวลา 06.00 น. วันนี้ 10 เม.ย.64 นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานเปิดกิจกรรมวิ่ง Fun Run รวมใจสู่ชัยชนะ และเป็นประธานนำวิ่งขบวนธงชาติไทย SET ที่ 1 ระยะทาง 1 กิโลเมตร ณ สนามกีฬาเมืองหลักภาคใต้(พรุค้างคาว) ตำบลบ้านพรุ อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา โดยมีนายจารุวัฒน์ เกลี้ยงเกลา ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา ผู้อำนวยการสำนักงานการกีฬาแห่งประเทศไทย ภาค 4  นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา ประธานหอการค้าจังหวัดสงขลา และภาครัฐราชการ ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องเข้าร่วมกิจกรรม พร้อมปฏิบัติตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดโรคโควิด-19

โดยที่การกีฬาแห่งประเทศไทย กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ร่วมกับจังหวัดสงขลา ภาครัฐ และภาคเอกชน ได้จัดกิจกรรม "วิ่งธงชาติไทย....รวมใจสู่ชัยชนะ" ระหว่างวันที่ 26 มีนาคม - 31 พฤษภาคม 2564 ซึ่งเป็นการวิ่งนำธงชาติไทย เพื่อส่งต่อกำลังใจและร่วมเชียร์เหล่านักกีฬาทีมชาติไทย ไปแข่งขันกีฬาโอลิมปิกและพาราลิมปิก ในปี ค.ศ 2020 ในเดือนกรกฎาคม 2564 นี้ และเนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด 19  จึงได้มีการเลื่อนการจัดกิจกรรม "วิ่งธงชาติไทย รวมใจสู่ชัยชนะ" เป็นระหว่างวันที่ 28 มีนาคม - 27 พฤษภาคม 2564 ซึ่งกำหนดระยะทางการวิ่งระยะไกล 35 จังหวัดทั่วภูมิภาค รวมระยะทาง 4,606 กิโลเมตร โดยฝ่ายกิจกรรมได้กำหนดเส้นทางการวิ่งผ่านจังหวัดสงขลา ระหว่างวันที่ 8 ถึง 10 เมษายน 2564 และกำหนดจุดรับธงชาติไทย เพื่อนำธงชาติไทยไปประดับตั้งไว้ ณ สนามกีฬาเมืองหลักภาคใต้ (พรุค้างคาว)

นายนิพนธ์ รมช.มท.กล่าวว่า "ในสถานการณ์ปัจจุบัน ทั่วโลกต้องเผชิญกับวิกฤตการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า(COVID-19) ทำให้กิจกรรมต่างๆต้องหยุดชะงักไป การแข่งขันกีฬาโอลิมปิกหรือโอลิมปิกเกมส์ เป็นสิ่งหนึ่งที่ต้องถูกเลื่อนออกไปอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่อย่างไรก็ตาม ฝ่ายจัดการแข่งขันยังคงจัดให้มีการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกครั้งที่ 32 :โตเกียว 2020 ณ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ในระหว่างวันที่ 23 กรกฎาคม ถึง 8 สิงหาคม พ.ศ. 2564 นี้ ทำให้พวกเรายังสามารถที่จะส่งแรงใจไปเชียร์นักกีฬาไทย ในมหกรรมกีฬาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของมวลมนุษยชาติ"

ทั้งนี้ กิจกรรม"วิ่งธงชาติไทย...รวมใจสู่ชัยชนะ"  ซึ่งจะเป็นการวิ่งถือธงชาติไทยที่ใช้ในขบวนพาเหรดนักกีฬา ในพิธีเปิดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกไปทั่วประเทศ โดยคัดเลือกประชาชน ศิลปิน ดารา และคณะผู้บริหารจากหน่วยงานราชการ และภาคเอกชนที่สนใจในแต่ละจังหวัด เข้าร่วมวิ่งคนละ 1 กิโลเมตร รวมระยะทาง 4,606 กิโลเมตรใน 35 จังหวัด เพื่อส่งต่อกำลังใจ และร่วมเชียร์เหล่าทัพนักกีฬาทีมชาติไทย ในการเข้าแข่งขันโอลิมปิกและพาราลิมปิกที่ประเทศญี่ปุ่น อันเป็นการส่งเสริมพัฒนาการด้านกีฬาให้แก่ประเทศไทย ได้ต่อไป

ชลบุรี - สมาคมสถานบันเทิง ยอมรับคำสั่งปิด 14 วัน ป้องกันไวรัสโควิด-19 วอนภาครัฐหามาตรการช่วยพนักงานภายในร้านให้ได้รับผลกระทบน้อยที่สุด

วันที่ 10 เม.ย.64 หลังจาก ที่มีคำสั่งของรัฐบาลที่สั่งให้ปิดสถานบันเทิง เป็นระยะเวลา 14 วัน เพื่อลดการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ทำให้แหล่งท่องเที่ยวหลักอย่าง วอล์คกิ้ง สตรีท พัทยาใต้ เงียบเหงาไปถนัดตา มีเพียงนักท่องเที่ยวจำนวนไม่มาก ยังคงเดินอยู่บนถนนคนเดิน ส่วนบริเวณรอบนอกกลุ่มบาร์เบียร์ พบว่ายังมีประชาชนเข้าใช้บริการอยู่ตามปกติ ขณะที่กลุ่มนักดื่มจำนวนไม่น้อย เลือกที่จะออกมานั่งกินดื่มบริเวณชายหาด โดยใช้เสื่อปูตามจุดต่าง ๆ

ด้านนายดำรงเกียรติ พินิจการ เลขาสมาคมอุตสาหกรรมบันเทิง และการท่องเที่ยวเมืองพัทยา เปิดเผยว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นส่งผลกระทบต่อธุรกิจอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เนื่องจาก ทางผู้ประกอบการสถานบันเทิงเองก็ได้มีการพูดคุยถึงคำสั่งดังกล่าว ต่างพร้อมที่จะปิดและให้ความร่วมมือกับทางภาครัฐ เพราะทางผู้ประกอบการตระหนักดีว่าการแพร่ระบาดระลอกใหม่นี้ มาจากกลุ่มสถานบันเทิง และเป็นการแพร่กระจายที่รวดเร็ว

ส่วนผู้ประกอบการบางรายได้ปิดไปก่อนล่วงหน้าแล้ว และเพื่อเป็นการตระหนักและรับผิดชอบต่อสังคม ถามว่าเสียดายไหม เสียดายเพราะกลุ่มผู้ประกอบการสถานบันเทิงในเมืองพัทยานั้นกำลังจะดีอยู่แล้ว แต่อย่างน้อยเพื่อเป็นความปลอดภัยของพี่น้องประชาชนชาวพัทยาเป็นหลัก ยินดีน้อมรับคำสั่งเป็นเป็นการควบคุมที่ดีขึ้น เพราะหลายคนกังวลเรื่องการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 แต่อยากฝากทางรัฐบาล พยายามหามาตรการช่วยเหลือเยียวยา กลุ่มพนักงานสถานบันเทิงให้ได้รับผลกระทบน้อยที่สุด เพราะทุกคนมีครอบครัวที่ต้องดูแล


ภาพ/ข่าว  นิราช / นันทพล ทิพย์ศรี

จันทบุรี - ชุดเฉพาะกิจป้องกัน และแก้ไขปัญหาทุเรียนด้อยคุณภาพออกสู่ตลาด หลังมีผู้เสียหายเข้าแจ้งความขายทุเรียนด้อยคุณภาพ

นายสุธี ทองแย้ม ผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรีได้สั่งการให้ชุดเฉพาะกิจป้องกันและแก้ไขปัญหาทุเรียนด้อยคุณภาพออกสู่ตลาดจังหวัดจันทบุรีนำโดยนายบัญชา จันทร์ณรงค์ ป้องกันจังหวัดจันทบุรี บูรณาการทหาร ตำรวจ เกษตร ฝ่ายปกครองอำเภอท่าใหม่ เจ้าหน้าที่สวพ.6 อส.จังหวัดจันทบุรี เข้าตรวจสอบแผงทุเรียนริมทางข้างถนนสุขุมวิท เลยตลาดเนินสูงก่อนถึงโค้งท่าจุ้ย หลังมีผู้เสียหายเข้าแจ้งความไว้ที่สถานีตำรวจภูธรท่าใหม่ จังหวัดจันทบุรี ว่าแผงดังกล่าวขายทุเรียนอ่อนด้อยคุณภาพ จากการตรวจสอบพบว่าที่แผงมีทุเรียนกองอยู่เป็นจำนวนมาก

จากการสอบถาม นางสาวสุวรรณา แจ่งแสงทอง อายุ 65 ปี รับเป็นเจ้าของแผง จากการสอบถามทางเจ้าของแผงได้รับสารภาพว่าตนเองซื้อทุเรียนอ่อนที่ถูกลมพายุพัดร่วงหล่นมาเพื่อกวนและนำไปแปรรูป แต่ถ้ามีลูกค้ามาขอซื้อจะติดป้ายราคากิโลละ 80 บาทจริง และถ้ามีลูกค้ามาจอดซื้อก็จะขายให้โดยอ้างว่าได้แจ้งลูกค้าแล้ว ทางเจ้าหน้าที่ฯ จึงได้มีการทำหนังสือบันทึกข้อตกลงว่าจะไม่นำทุเรียนที่เตรียมแปรรูปกว่า 3 ตันออกมาขายหลอกลวงผู้บริโภคอีก พร้อมทั้งนำสแลมปิดร้านงดจำหน่ายสินค้า ส่วนคดีผู้บริโภคเข้าแจ้งความไว้ทางพนักงานสอบสวนจะออกหมายเรียก และจะเรียกไปรับทราบข้อกล่าวหาอีกครั้งลงโทษตามกฎหมายต่อไป

ด้านนายชลธี นุ่มหนู ผอ.สวพ.6  จันทบุรีที่ได้ลงพื้นที่ตรวจทุเรียนอ่อนด้วยตนเองกล่าวว่า หลังเจ้าหน้าที่รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ท่าใหม่ ว่ามีผู้บริโภคมาแจ้งความถูกหลอกขายทุเรียนอ่อนจึงได้จัดเจ้าหน้าที่ฯพร้อมอุปกรณ์การตรวจหาเปอร์เซนต์แป้งมาตรวจสอบ โดยสุ่มนำทุเรียนจำนวน 2 ลูกมาทดสอบด้วยเครื่องมือหาเปอร์เซนต์แป้งน้ำตาล พบว่าทุเรียนมีเปอร์เซนต์แป้งเพียง 13% โดยมาตรฐานจะต้องมีเปอร์เซนต์แป้งไม่น้อยกว่า 32% หลังจากนี่ได้แนะนำผู้ซื้อให้แจ้งความดำเนินคดีกับเจ้าของแผงเพื่อรักษาภาพลักษณ์ของทุเรียนจันทบุรี ฝากถึงประชาชนที่มาซื้อทุเรียนไปรับประทานหรือซื้อฝากญาติให้เลือกทุเรียนที่แก่จัดถึงจะรับประทานอร่อย  ข้อสังเกต ง่าย ง่าย ที่ผิวเปลือกของทุเรียนจะต้องแห้ง ร่องหนามเป็นสีน้ำตาล ปลายหนามแห้ง และสังเกตขั้วของทุเรียนจะต้องเปล่ง อวบ และแข็ง หากเป็นไปได้ ลองนำมีดเฉือนที่ปลายขั้วทุเรียนบาง ๆ และ ชิมรสชาดจะมีความหวานที่ปลายขั้วทุเรียน


ภาพ/ข่าว จรัล บรรยงคเสนา  ผู้สื่อข่าว จ.จันทบุรี

นาย  พรเทพ เขม้นเขตวิทย์ รายงานจากศูนย์ข่าวภาคตะวันออก

ปทุมธานี - บิ๊กแจ๊ส ลงพื้นที่เยี่ยมปปช.หลังพายุกระหน่ำซัดหลังคาบ้านเสียหายหลายสิบหลัง

เมื่อเวลา 18.00 น. วันที่ 9 เมษายน 2564 พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี ได้ลงพื้นที่หมู่บ้านพรธิสาร7 ต.ลำผักกูด  อ.ธัญบุรี  จ.ปทุมธานี  เนื่องด้วยประชาชนในพื้นที่ได้ประสบภัยจากพายุฤดูร้อนและลมกระโชกแรงจนทำให้บ้านที่พักอาศัยได้พังเสียหายหลายสิบหลัง

จาการสอบถาม  ดร.จักพรรดิ์  ทีฆนทัศน์ ประธานชุมชนพรธิสาร7 กล่าวว่า  เมื่อเย็นวันที่ 8 เมษายนที่ผ่านมาช่วงเวลาประมาณ 18.30 น. ได้มีพายุฝนลมแรงจนทำให้ประชาชนในพื้นที่ได้รับความเดือดร้อนหลายครัวเรือน มีหลังคาบ้านและเพดานฝ้าเสียหายหลายสิบหลังและช่วงเวลานี้ด้วยภาวะเศรษฐกิจและภัยจากโควิด-19 ก็ทำให้ประชาชนเดือดร้อนไม่มีรายได้ที่จะมาใช้จ่ายอยู่แล้ว ตนจึงประสานไปยัง  พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง นายก อบจ.ปทุมธานี ท่านได้ลงพื้นที่มาดูประชาชนในพื้นที่ทันทีและสั่งการไปยัง ผอ.กองช่าง เพื่อมาช่วยประชาชนผู้ประสบภัยโดยด่วน ต้องขอขอบคุณท่านนายก อบจ.ที่ลงพื้นที่มาดูผู้ประสบภัยด้วยตัวเอง

ทางด้าน พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง  กล่าวว่า ตนพึ่งได้ทราบข่าวจากประธานชุมชนแห่งนี้ จึงได้ลงพื้นที่ทันที เพื่อมาดูผู้ประสบภัยเบื้องต้นก่อน ซึ่งในวันพรุ่งนี้จะให้ทาง  ผอ.กองช่าง อบจ.ปทุมธานี ลงพื้นที่โดยด่วนว่าจะช่วยเหลือประชาชนได้อย่างไรบ้างและจะเร่งดำเนินการโดยทันที

นครศรีธรรมราช - นิพนธ์ เช็คความพร้อม จ.นครศรีฯ - พัทลุง มาตรการป้องกันและลดอุบัติเหตุช่วงสงกรานต์ 64 วอนปชช.ให้ความร่วมมือใช้ความเร็วไม่เกินกม.กำหนด -สวมหมวกนิรภัย เพื่อลดอุบัติเหตุฯพร้อมทั้งดูแลความปลอดภัยจากโควิดอย่างเข้มงวด

ที่ศาลากลางจังหวัดนครศรีธรรมราช นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานการประชุม มอบนโยบายแนวทางการดำเนินงานโครงการพัฒนาและเสริมสร้างความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานราก ภายใต้กลุ่มงานแผนงาน โครงการฟื้นฟูเศรษฐกิจท้องถิ่นและชุมชนบนพื้นฐานของโอกาสและศักยภาพของท้องถิ่น จังหวัดนครศรีธรรมราช โดยมีนายไกรศร วิศิษฏ์วงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนครศรีธรรมราช ท้องถิ่นจังหวัด หัวหน้าส่วนราชการ และหน่วยงานรัฐวิสาหกิจในจังหวัดนครศรีธรรมราช ร่วมในการประชุม

โดยนายนิพนธ์ รมช.มท. ได้มอบนโยบายแนวทางการดำเนินงานโครงการพัฒนาและเสริมสร้างความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานราก ภายใต้กลุ่มงานแผน โครงการฟื้นฟูเศรษฐกิจท้องถิ่น และชุมชนบนพื้นฐานของโอกาสและศักยภาพขิงท้องถิ่นจังหวัดนครศรีธรรมราช ในเรื่องของพัฒนาสินค้า ท่องเที่ยว บริการ และการค้าเช่นสินค้าโอทอป ท่องเที่ยวชุมชนในประเทศ การค้าส่ง การค้าปลีก พร้อมทั้งยกระดับประสิทธิภาพและสร้างมูลค่าเพิ่มด้านการเกษตร เช่นเกษตรปลอดภัย เกษตรอินทรีย์ รวมถึงส่งเสริมและพัฒนาทักษะฝีมือแรงงาน ในการอบรมระยะสั้น อบรมยกระดับทักษะฝีมือ และพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับการฟื้นตัวและพัฒนากิจกรรมทางเศรษฐกิจของชุมชน  และมอบนโยบายการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ พ. ศ. 2564 "สงกรานต์สุขใจขับขี่ปลอดภัยห่างไกลโควิด" ในช่วงการปฏิบัติการเข้มข้นระหว่างวันที่ 10-16 เมษายน 2564

"ด้วยความห่วงใยของรัฐบาล และของนายกรัฐมนตรีโดยเฉพาะอย่างยิ่ง covid19 ปีนี้ รัฐบาลก็ถือโอกาสให้ช่วงเทศกาลสงกรานต์  โดยให้พี่น้องประชาชนได้เที่ยวสงกรานต์กันอย่างสุขใจ เดินทางปลอดภัย ไร้โควิด  ฉะนั้นมาตรการที่จะดูแลความปลอดภัยต่างๆบนท้องถนน และมาตรการในการดูแลในเรื่องของ covid19  ก็ยังเป็นมาตรการที่ต้องปฏิบัติควบคู่กันในจุดตรวจต่าง ๆ ซึ่งแต่ละจังหวัดก็จะมีจุดตรวจเส้นทางสายหลัก และเส้นทางสายรอง ปีนี้ก็ขอความร่วมมือกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ให้ดูแลความปลอดภัยของพี่น้องประชาชน ทั้งของศูนย์ความปลอดภัยบนท้องถนนระดับอำเภอ ศูนย์ความปลอดภัยบนท้องถนนระดับท้องถิ่นก็ดี ให้ช่วยกันดูแลในการคัดกรองประชาชน ในเรื่องของความเร็ว ในการใช้ถนน ซึ่งก็ยังเป็นอันตรายระดับต้นๆอยู่ ฉะนั้นก็ขอความร่วมมือไปยังพี่น้องประชาชนผู้ใช้ยานพาหนะสัญจรไปมา ให้ใช้ความเร็วภายใต้ที่กฎหมายกำหนดไว้ ซึ่งอันนี้ยังเป็นปัจจัยแรก ๆ ที่ทำให้เกิดการสูญเสียชีวิต ยังคงเป็นอันดับ 1คือ การขับรถเร็วกว่ากฎหมายกำหนด และ 2 เมื่อขับรถแล้วต้องคาดเข็มขัดนิรภัย หรือสวมหมวกนิรภัย เพราะว่ากรณีที่เสียชีวิตมากที่สุดคือ กรณีที่ขับขี่มอเตอร์ไซค์แล้วไม่สวมหมวกนิรภัยและใช้ความเร็วสูง" นายนิพนธ์กล่าว

นอกจากนี้ นายนิพนธ์ ยังได้เน้นย้ำด้วยว่า "ที่สำคัญที่สุดอีกอย่างคือ ไม่ควรขับรถมึนเมาหรือง่วงนอน ซึ่งปัจจัยสิ่งเหล่านี้ถ้าหากผู้ใช้รถใช้ถนนให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีก็จะลดความสูญเสียชีวิตโดยเฉพาะในช่วงเทศกาลสำคัญ ๆ อย่างเทศกาลสงกรานต์นี้ได้ผลอย่างเป็นรูปธรรม และทำให้เทศกาลสงกรานต์ปีนี้เป็นเทศกาลแห่งความสุข ซึ่งเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายในจุดตรวจต่าง ๆต่ างพร้อมปฏิบัติงานด้วยความห่วงใยในความปลอดภัยของพี่น้องประชาชนอย่างเต็มที่"

ต่อจากนั้นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้เดินทางไปเป็นประธานปล่อยขบวนรถและเยี่ยมจุดตรวจหน่วยบริการประชาชนตำรวจทางหลวงทุ่งสงแขวงทางหลวงนครศรีธรรมราชที่ 2 อำเภอทุ่งสงจังหวัดนครศรีธรรมราช  และจุดตรวจป้อมตำรวจทางหลวงเขาเจียก อ. เมือง จ.พัทลุง อีกด้วย


ภาพ/ข่าว  นายปรีชา สถิตย์เรืองศักดิ์ / หาดใหญ่ จ.สงขลา

สงขลา - เลขาธิการ ศอ.บต. ชื่นชมครูในพื้นที่ จชต. ฝึกซ้อมดนตรี เพื่อนำไปสานต่อแก่นักเรียน ใช้ดนตรีเป็นสื่อกลางในการแก้ไขปัญหาพื้นที่

ที่ โรงแรมเซาท์เทอร์น แอร์พอร์ท อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา พลเรือตรี สมเกียรติ ผลประยูร  เลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) เป็นประธานในพิธีปิด พร้อมให้โอวาทแก่ผู้ผ่านการอบรมในกิจกรรมพัฒนาทักษะดนตรีให้กับบุคลากรทางการศึกษาในสถานศึกษาระดับประถมศึกษา และโรงเรียนขยายโอกาสในชุมชนไทยพุทธถดถอยและชุมชนพหุวัฒนธรรม จัดโดยกองส่งเสริมและสนับสนุนงานพัฒนาฝ่ายพลเรือน ศอ.บต. เพื่อพัฒนาทักษะด้านดนตรีให้กับบุคลากรทางการศึกษา ให้มีความรู้และทักษะด้านดนตรีที่ถูกต้องตามมาตรฐานสากล สามารถถ่ายทอดให้กับนักเรียน เยาวชน ประชาชนให้มีทักษะความรู้และหันมาสนใจการเล่นดนตรีมากขึ้น โดยมีนายถาวร บุญศรี  ผู้ช่วยเลขาธิการ ศอ.บต. (กระทรวงพลังงาน) นางสาวจิณห์นิภา ทิมผกุล  นักวิเคราะห์นโยบายและแผนชำนาญการ ตลอดจนบุคลากรของสถานศึกษาในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ร่วมในพิธี

ในการนี้ พลเรือตรี สมเกียรติ ผลประยูร  กล่าวให้โอวาทแก่ผู้เข้าอบรมว่า ดนตรีและอุปกรณ์ด้านดนตรีที่ทุกคนได้ฝึกทักษะทั้งหมดนี้ เป็นเรื่องที่สามารถตอบโจทย์ได้ว่า การเข้าอบรมในครั้งนี้เราจะได้อะไรกลับไป ทุกภาคส่วนที่เราสามารถต่อเรื่องราวให้เข้าด้วยกันนั้น จะทำให้แผ่นดินใต้และประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดี อยู่ร่วมกันภายใต้ “วิถีสังคมพหุวัฒนธรรม” นี้คือผลลัพธ์สุดท้ายของการแก้ไขปัญหาและพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ดังนั้นการพัฒนาบุคคล หรือทรัพยากรมนุษย์ อยู่ในลำดับที่ 1 เสมอ ศอ.บต. พร้อมทำในทุกมิติเพื่อพัฒนาพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ให้กลับสู่พื้นที่สันติสุข รวมถึงกิจกรรมการเล่นดนตรีก็สามารถแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ได้เช่นเดียวกัน เพราะเมื่อเยาวชนในพื้นที่มาเล่นดนตรีในหมู่บ้าน โดยเอาโรงเรียนมาเชื่อมกับบ้าน และนำดนตรีเป็นสื่อกลางสามารถดึงผู้คนเข้ามาร่วมสนุกกันได้ ถือเป็นสังคมพหุวัฒนธรรม ที่เราสามารถอยู่ร่วมกันในชุมชนอย่างมีความสุข

ด้านผู้เข้าอบรมฯ ต่างขอบคุณ ศอ.บต. ที่ได้จัดกิจกรรมฝึกทักษะด้านดนตรีในครั้งนี้ โดยมองว่าที่ผ่านมาครูทุกคนได้สอนนักเรียนในวิชาดนตรีก็สอนตามความรู้ที่อยู่ในตำราเท่านั้น เพราะต้องยอมรับว่า เป็นสถานศึกษาที่อยู่ห่างไกล จึงไม่ค่อยมีอุปกรณ์ด้านดนตรี และไม่สามารถจะฝึกซ้อมนักเรียนให้เล่นดนตรีได้ แต่เมื่อเข้าอบรมในครั้งนี้ ได้รู้ถึงกระบวนการสอน การเล่นดนตรีที่ถูกต้อง จึงมั่นใจว่า หลังจากนี้ไปจะนำความรู้ไปฝึกซ้อมนักเรียนให้สามารถเล่นดนตรี และนำดนตรีมาพัฒนาเยาวชนให้เป็นคนดี คนเก่งให้ได้

สำหรับผู้เข้าร่วมโครงการในครั้งนี้ เป็นบุคลากรจากโรงเรียนระดับประถมศึกษาและโรงเรียนขยายโอกาสในพื้นที่รับผิดชอบ โดยแบ่งการอบรมออกเป็น 3 รุ่น รุ่นละ 50 คน โดยรุ่นที่ 1 จากจังหวัดยะลา และ 4 อำเภอของจังหวัดสงขลา ระหว่างวันที่ 29 มีนาคม ถึง 1 เมษายน 2564 รุ่นที่ 2 จังหวัดปัตตานี ระหว่างวันที่ 2 – 5 เมษายน 2564 และรุ่นที่ 3 จังหวัดนราธิวาส ระหว่างวันที่ 6 – 9  เมษายน 2564 โดยได้เชิญผู้เชี่ยวชาญด้านดนตรีสากลจากโรงเรียนแก้วเนียมการดนตรี จังหวัดปัตตานี มาให้ความรู้และได้แสดงการเล่นดนตรีในครั้งนี้อีกด้วย


ภาพ/ข่าว  นายปรีชา สถิตย์เรืองศักดิ์ / หาดใหญ่ จ.สงขลา

 

อยุธยา - “บิ๊กโจ๊ก”ร่วมวันเด็กย้อนหลังที่กรุงเก่า พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ที่ปรึกษา สบ.9 ร่วมมอบจักรยาน ในงานวันเด็กย้อนหลังที่วัดศาลาปูนฯ ให้แนวคิดยึดความสามัคคี กตัญญ รักสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

วันที่ 9 เม.ย. ที่หอประชุมโรงเรียนเทศบาลพระนครศรีอยุธยา วัดศาลาปูนวรวิหาร ต.ท่าวาสุกรี อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา พระครูอนุกูลศาสนกิจ เจ้าคณะอำเภอพระนครศรีอยุธยา เจ้าอาวาสวัดศาลาปูนวรวิหาร เป็นประธานในการจัดกิจกรรมงานวันเด็กย้อนหลัง โดยมี พระครูสมุห์ สุทัสน์ คนุธสาโร และพล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ที่ปรึกษา สบ.9 มาร่วมงานและมอบจักรยาน 50 คันร่วมกับทางโรงเรียน ให้กับนักเรียน มีนางขวัญชนก คงพิบูลย์ รักษาการผู้อำนวยการ ให้การต้อนรับ

พระครูอนุกูลศาสนกิจกล่าวให้โอวาทกับเด็ก ๆ ทุกคนให้รักพ่อแม่และเป็นคนดีของสังคม ยึดคำสอนของพ่อแม่และคุณครู ที่สำคัญต้องมีคุณธรรม จะได้เติบโตมีอนาคต ภายในงานมีการเลี้ยงอาหารกลางวันให้กับนักเรียนที่มาร่วมงาน ซึ่งอาหารที่นำมาเลี้ยงในวันนี้ มีหลากหลายเช่นสเต๊ก ขนมจีนน้ำยา ขนม อาหารญี่ปุ่น ที่ส่วนใหญ่เป็นลูกศิษย์ของพระครูอนุกูลศาสนกิจ นำมาร่วมโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย ถือเป็นการทำบุญ ภายหลังจากการแจกของขวัญให้กับนักเรียนจำนวน 163 คนที่ส่วนใหญ่เป็นจักรยานและของขวัญมากมาย

พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ ได้ถือโอกาสนี้ให้แง่คิดกับเด็ก ๆ ยึดคำขวัญวันเด็กปีนี้ของนายกรัฐมนตรี “เด็กไทย วิถีใหม่ รวมไทย สร้างชาติ ด้วยภักดีมีคุณธรรม “นั่งคือการป้องกันตนเองจากโควิด การรักษาสุขภาพอนามัย แต่สิ่งที่สำคัญที่นายกรัฐมนตรีนายกรัฐมนตรีได้กล่าวไว้ คือ การรวมไทย สร้างชาติ ด้วยภักดี มีคุณธรรม คือการรักในสถาบันชาติ และพระมหากษัตริย์ ซึ่งถือเป็นสถาบันหลักของไทย และต้องมีความกตัญญู มุ่งมั่นหาความรู้ เพื่อที่วันหนึ่งจะได้เป็นอนาคตของประเทศชาติต่อไป


ภาพ/ข่าว  เดชา  อุ่นขาว  รายงานจากอยุธยา

ปมุทธานี - "บิ๊กแจ๊ส" ห่วงประชาชน ให้ อบจ.ปทุมฯ เปิดบริการตรวจโควิด ฟรี ไม่มีกำหนด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลอดทั้งวันของวันที่ 9 เมษายน 2564 ที่ศูนย์อำนวยการป้องกันและควบคุมโรค หน้าองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี ตำบลบ้านฉาง อำเภอเมือง จังหวัดปทุมธานี มีประชาชนจำนวนมาก เดินทางเข้าตรวจคัดกรองเจาะเลือดแรปบิทเทส เพื่อแสกนหาเชื้อโควิด-19 หลังจาก กระทรวงสาธารณสุข ประกาศว่าจังหวัดปทุมธานีเป็นพื้นที่โซนสีแดง โดย ร้านอาหาร และสถานบันเทิง ผับ บาร์ จะเปิดขายบริการได้ไม่เกิน 21.00 น.ตามที่มีข่าวเสนอไปแล้วนั้น

ซึ่งศูนย์ตรวจหาเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID -19) ที่หน้าสำนักงานองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี  มีการเปิดให้บริการตรวจคัดกรองฟรี เพื่อหาเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 โดยในวันนี้ พบว่ามีชาวปทุมธานี และประชาชนที่มีสถานที่พักในเขตพื้นที่จังหวัดปทุมธานี เดินทางเข้ามาใช้บริการตรวจเช็คเชื้อโควิด เป็นจำนวนมาก โดยเจ้าหน้าที่ ได้จัดสถานที่โดยมีแพทย์พยาบาลจาก รพ.ปทุมธานี มาทำการเจาะเลือด ซึ่งประชาชนทุกคนที่เดินทางมาจะต้องรับบัตรคิว ที่ทาง อบจ.ฯ มีการรับรองไว้จำนวน 1500 คน ต่อวัน ปรากฎว่าเพียงแค่เวลาผ่านไปไม่ถึง 16.00 น. บัตรคิวก็หมดแล้ว ทำให้ผู้ที่ยังไม่ได้รับการตรวจ ต้องเดินทางกลับและจะมารับบริการในวันรุ่งขึ้น

พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง นายก อบจ.ปทุมธานี กล่าวว่า หลังจากที่มีการประกาศออกมาจาก ส่วนกลางว่าจังหวัดปทุมธานี เป็นจังหวัดพื้นที่สีแดง ที่เสี่ยงกับการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 นั้น ตนรู้สึกมีความเป็นห่วงพี่น้องชาวปทุมธานี และประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ปทุมธานี ทุกคน ทั้งที่ในช่วงก่อนหน้านี้ที่ผ่านมา เราได้ดำเนินการป้องกันและคัดกรองเชิงรุกกันอย่างเต็มที่ แต่เมื่อมีการระบาดในรอบ3 ก็ทำให้ทุกคนมีความหนักใจ เพราะว่ามีการแพร่กระจายของโรคนี้เร็วมาก ดังนั้นสำหรับการให้บริการตรวจเช็คหาเชื้อโควิด-19 นั้น ทาง อบจ.ปทุมธานี ได้เปิดให้บริการในวันเวลาราชการ ตั้งแต่วันจันทร์-ศุกร์ เวลา 09.00 - 15.00 น. โดยขั้นตอนในการมารับบริการนั้น 1.ทุกคนต้องนำบัตรประชาชนมาแสดงเพื่อลงทะเบียน (รับบัตรคิว) 2.เจาะเลือด รอฟังผลภายใน 3 นาที 3.หลังทราบผลว่าเป็นบวกหรือลบ (ถ้าเป็นผลลบ ทาง อบจ.ฯ จะออกใบรับรองให้ แต่ถ้าเป็นผลบวก ผู้เข้ารับการตรวจจะตัองเดินทางไปที่โรงพยาบาล เพื่อทำการรักษา และทาง อบจ.ฯ จะ ให้บริการวันละประมาณ 1500 คนต่อวัน โดยจะเปิดให้บริการไปตลอดจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลายหรือดีขึ้น


ภาพ/ข่าว  สมเกียรติ ทรัพย์เฉลิม รายงาน

พิจิตร - พบผู้ติดเชื้อโควิดเป็นชายอายุ 31 ปี 1 ราย มีประวัติเที่ยวผับย่านทองหล่อ

วันที่ 9 เม.ย. 2564 นายรังสรรค์  ตันเจริญ  ผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตร และ นายกมล กัญญาประสิทธิ์. นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดพิจิตร ได้ร่วมกันเปิดแถลงข่าวว่าในเขตพื้นที่จังหวัดพิจิตร ซึ่งปลอดจากเชื้อไวรัสโควิด19  มาเป็นเวลาถึง 93 วัน แต่วันนี้ได้พบผู้ป่วยติดเชื้อโควิด 19  เป็นชายอายุ 31 ปี  1 ราย จากการสอบประวัติมีอาชีพเป็นพนักงานขายทำงานอยู่ในกรุงเทพฯ ซึ่งเปิดเผยไทม์ไลน์ 

ว่าเมื่อวันที่ 2 เม.ย 64 ไปหาเพื่อนที่คอนโด จากนั้นไปเที่ยวผับย่านทองหล่อกับเพื่อน  ออกจากผับก็ไปพักที่โรงแรมแห่งหนึ่งเพียงคนเดียว  

วันที่ 4 เม.ย. 64  เดินทางกลับมาบ้านที่พิจิตรโดยรถยนต์ส่วนตัว  ซึ่งบ้านอยู่ ต.ในเมือง อ.เมืองพิจิตร นอนที่บ้านกับภรรยาและลูกสาว   

วันที่ 5 เม.ย. 64 อยู่บ้านกับภรรยาและลูก   พบกับญาติพี่น้องและลูกจ้างที่ร้านเสริมสวยของแม่ จำนวน 3 คน  จากนั้นเวลา 15.00 น. ลูกสาวไม่สบายจึงขับรถส่วนตัวพาลูกไปหาหมอที่ รพ.ชัยอรุณ     ตนเองจึงนอนพักกับแม่และลูกที่โรงพยาบาล

วันที่ 6 เม.ย. 64    ก็ขับรถไปพบลูกค้าที่อำเภอเขาค้อ และ ที่ภูทับเบิก ร่วมกับเพื่อนพนักงานในเครือบริษัท 9 คน และได้มีการสังสรรค์ร่วมกัน      

วันที่ 7 เม.ย. 64 เวลา 08.00 น. รู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัวแต่ก็ยังพอขับรถไหว   จึงไปติดต่องานกับลูกค้าซึ่งเป็นไร่กระหล่ำปลีที่ภูทับเบิก  และแวะกินขนมจีนที่อำเภอหล่มสัก 

จนกระทั่งเวลา 15.00 น. ก็ทราบข่าวว่าเพื่อนป่วยและไปตรวจหาเชื้อโควิด 19 ที่ รพ.เวชธานี  กทม.  ตนเองจึงเริ่มกังวลใจเมื่อกลับมาบ้านที่พิจิตรจึงจะไปตรวจที่ รพ.พิจิตร แต่ก็เปลี่ยนใจขอไปที่ รพ.ตะพานหิน   ซึ่งก่อนที่จะไป รพ.ตะพานหิน แวะรับประทานก๋วยจั๋บหน้า รพ.พิจิตร  ก็ได้รับทราบข่าวว่าเพื่อนที่ไปตรวจพบว่าผลเป็นบวก ติดเชื้อโควิด 19  ตนจึงรีบไปขอรับการตรวจที่ รพ.ตะพานหิน  พบบุคลากรทางการแพทย์ 3 คน และรู้ว่าผลตรวจพบเชื้อโควิด 19 เมื่อ เวลา 18.00 น. ของวันที่  8 เม.ย. 64 จึงรีบบอกกับแม่และคนในครอบครัว จำนวน 9 คน ทั้งหมดจึงได้ขอเข้ารับการตรวจหาเชื้อที่ รพ.พิจิตร  ก็ปรากฏว่า ทุกคนปลอดภัย ผลออกมาเป็นลบ นั่นหมายความถึงไม่มีเชื้อโควิด 19 ในร่างกายแต่อย่างใด ส่วนบุคคลอื่น ๆ ตามไทม์ไลน์ที่ปรากฏรวมแล้ว 36 คน ก็ต้องรอลุ้นผลตรวจว่าจะออกมาเป็นเช่นไร

สำหรับกรณีที่เกิดขึ้นดังกล่าว นายรังสรรค์  ตันเจริญ  ผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตร และ นายกมล กัญญาประสิทธิ์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดพิจิตร กล่าวว่า ขอให้ชาวพิจิตรอย่าได้ตื่นตระหนกตกใจ  ขอให้ใช้ชีวิตและทำมาค้าขายตามปกติ แต่ขอให้การ์ดอย่าตก  สวมหน้ากากอนามัยทุกครั้งที่ต้องพบกับผู้คนแปลกหน้าหรือไปในที่  ที่มีผู้คนเยอะ ๆ รวมถึงขอให้ปฏิบัติตามที่แพทย์และ อสม. แนะนำ ล่าสุดข้อมูลผู้ที่มาจากต่างจังหวัดลงทะเบียนแนแอพพลิเคชั่น “ปกป้องพิจิตร” มาจากพื้นที่ควบคุม  9 จังหวัด 1,553 คน พื้นที่เฝ้าระวังสูง 14 จังหวัด 226 คน พื้นที่เฝ้าระวังจาก 53 จังหวัด 180 คน รวม 1,999 คน  ซึ่งบุคคลทั้งหมดนี้อยู่ในการเฝ้าระวังของ อสม. ด้วยแล้ว


ภาพ/ข่าว  สิทธิพจน์  พิจิตร

 

เพชรบุรี - DSI ลงพื้นที่ แก่งกระจาน บุกอายัดที่ดิน เครือข่ายอดีตผู้บริหารสหกรณ์สโมสรรถไฟ พร้อมพรรคพวกในพื้นที่ เพชรบุรี

จากกรณีที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ โดยศูนย์ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินทางอาญา ได้สอบสวนขยายผลบุคคลที่เกี่ยวข้อง ในการพิสูจน์การได้มาของทรัพย์สิน (ที่ดิน) โดยการเชื่อมโยงเส้นทางทางการเงินกับทรัพย์สิน

ที่เป็นกรรมสิทธิ์ของเครือข่ายอดีตผู้บริหาร สหกรณ์สโมสรรถไฟ ที่ได้นำเงินจากการทุจริตออกจากบัญชีสหกรณ์สโมสรรถไฟ และนำเงินที่ได้จากการทุจริตไปเปลี่ยนสภาพแห่งตัวทรัพย์ เพื่อซุกซ่อน ปกปิดแหล่งที่มาของทรัพย์สินหรือกระทำด้วยประการใดๆ เพื่อปกปิดหรืออำพรางลักษณะที่แท้จริงการได้มา หรือได้มา ครอบครองหรือใช้ทรัพย์สินโดยรู้ในขณะที่ได้มา อันเป็นเหตุในการเข้าทำการตรวจยึด/อายัดทรัพย์สินข้างต้น

ล่าสุดเมื่อวันศุกร์ที่ 9 เมษายน 2564  เวลา 10.30 น. พันตำรวจโท กรวัชร์ ปานประภากร อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ มอบหมายให้ พันตำรวจโท สมบูรณ์ สาระสิทธิ์ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ  ในฐานะรองอธิบดีที่กำกับดูแล พันตำรวจโท จักรกฤษณ์ วิเศษเขตการณ์ ผู้อำนวยการกองปฏิบัติการพิเศษ

นายระวี อักษรศิริ ผู้อำนวยการศูนย์ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินทางอาญา นายธวัชชัย รัตนปรีชาชัย รองผู้อำนวยการศูนย์ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินทางอาญา และนายพงษ์ธวัช อ่วมสำอางค์ ผู้อำนวยการส่วนคดีการฟอกเงินทางอาญา 3 พร้อมคณะ ตำรวจภูธรจังหวัดเพชรบุรี เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดเพชรบุรี สาขาท่ายาง และนายประกอบ เผ่าพงศ์ ผู้ตรวจราชการกรมส่งเสริมสหกรณ์ ได้ลงพื้นที่ร่วมกันอายัดที่ดิน

พร้อมสิ่งปลูกสร้างหลายพื้นที่ ประกอบด้วย (1) ที่ดินเขตทวีวัฒนา กรุงเทพมหานคร จำนวน 6 แปลง  (2) อาคารชุดฮอลส์มาร์ค แจ้งวัฒนะ อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี จำนวน 7 ห้อง (3) ที่ดินโครงการพฤกษ์พิมาน 3 ตำบลนาวุ้ง อำเภอเมือง จังหวัดเพชรบุรี จำนวน 23 แปลง และ (4) พื้นที่อำเภอแก่นกระจาน จังหวัดเพชรบุรี จำนวน 49 แปลง รวมทรัพย์สินที่ทำการอายัด 85 แปลง มูลค่าประมาณ 85,601,690 บาท โดยในการอายัดครั้งนี้ กรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้ตรวจสอบเส้นทางทางการเงินของกลุ่มบุคคล จึงมีเหตุให้เชื่อได้ว่านำเงินที่ได้จากสหกรณ์ฯไปซื้อที่ดิน ตามที่ได้อายัดไว้ข้างต้น

การดำเนินการครั้งนี้ เพื่อเป็นการสนองตอบต่อนโยบายของรัฐบาล และ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ที่มุ่งเน้นให้กรมสอบสวนคดีพิเศษเร่งดำเนินการกับทรัพย์สินของผู้กระทำความผิดอย่างรวดเร็ว ต่อเนื่อง และเป็นธรรมกับทุกฝ่าย และสามารถนำเงินชดใช้คืนสหกรณ์สโมสรรถไฟ และสมาชิกสหกรณ์ที่ได้รับผลกระทบโดยตรง เพื่อเยียวยาให้กับผู้เสียหาย ซึ่งกรมสอบสวนคดีพิเศษจะดำเนินการในทุกมิติ โดยร่วมกับสำนักงาน ปปง. เพื่อทำการการยึด/อายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด

เพื่อขอให้พนักงานอัยการมีคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งให้นำทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดคืน หรือชดใช้คืนให้แก่ผู้เสียหาย ตลอดจนสมาชิกสหกรณ์จำนวนกว่า 6,000 ราย และสหกรณ์พันธมิตรอีก 15 แห่ง โดยจะดำเนินการเชิงบูรณาการร่วมกับ สำนักงาน ปปง. ควบคู่กันไป เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพในการบังคับใช้กฎหมาย และสร้างความเชื่อมั่นต่อประชาชน ส่งผลสัมฤทธิ์ในทางปฏิบัติ ตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 และตามพระราชบัญญัติการสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ. 2547 อย่างเด็ดขาด ต่อไป

เชียงราย - เปิดโครงการสายตรวจร่มบิน แจ้งเหตุทางอากาศ

เปิดโครงการ “ร่มบินพารามอเตอร์ ตำรวจภูธรจังหวัดเชียงราย” สนับสนุนภาระกิจทางอากาศ ทั้ง ชี้ภาพการจราจรในช่วงเทศกาล  จุดเกิดไฟป่า ป้องกัน PM 2.5 ติดตามเป้าหมายคนร้าย ชี้เป้าหมายทางอากาศ

เวลา 16.00 น.วันที่ 9 เม.ย.64 ที่ สภ.บ้านดู่ อ.เมือง จ.เชียงราย พล.ต.ต.สุรสิทธิ์ สังขพงศ์ อดีต ผบก.กองปราบ/ผอ.กองสลาก เข้าร่วมพิธี เปิดโครงการ “ร่มบินพารามอเตอร์ ตำรวจภูธรจังหวัดเชียงราย”  โดยมี พ.ต.อ.สันติ กองสมัคร รอง ผบก.ภ.จว.เชียงราย เป็นประธานในการเปิดโครงการ โดย พ.ต.อ.ภาสกร ณ พิกุล ผกก.สภ.บ้านดู่ พร้อมด้วยข้าราชการตำรวจ สภ.บ้านดู่   ชมรมร่มบิน จังหวัดเชียงราย เจ้าหน้าที่ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เทศบาลตำบลบ้านดู่ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม

โดยโครงการสายตรวจทางอากาศ  “ร่มบินพารามอเตอร์ ตำรวจภูธรจังหวัดเชียงราย” โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อสนับสนุนการตรวจสภาพการจราจรในช่วงเทศกาลต่าง ๆ 1. เพื่อลดปัญหาด้านจราจร อุบัติเหตุ 2. เพื่อสนับสนุนารทำงานของสายตรวจภาคพื้นดินในการป้องกันปราบปรามอาชญากรรม 3.เพื่อชี้เป้าจุดที่เกิดไฟป่าและค้นหาตัวผู้กระทำผิด ได้อย่างรวดเร็ว 4. เพื่อสนับสนุนภารกิจที่จำเป็นต้องใช้อากาศยานเบาหรือได้รับการร้องขอจากหน่วยงานข้างเคียง เข้าปฏิบัติหน้าที่ตามที่ร้องขอได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยโครงการดังกล่าวดำเนินการเพื่อประโยชน์ของประชาชนเป็นสำคัญ

พ.ต.อ.สันติ กองสมัคร  กล่าวว่า  ปัจจุบัน มีปัญหาอาชญากรรม  การจราจร และการลักลอบเผาป่า   ทำให้เกิดหมอกควันฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 เพื่อให้การแก้ไขปัญหาต่างได้อย่างมีประสิทธิภาพประกอบกับช่วง  เทศกาลสงกรานต์ ที่จะมาถึงมีพี่น้องประชาชน ได้เดินทางกลับภูมิลำเนา  เป็นจำนวนมาก อาจมีปริมาณรถที่หนาแน่นและอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นได้ มีความจำเป็นในการใช้ร่มบิน(พารามอเตอร์)ในการตรวจการ  สังเกตการณ์จากที่สูงมีของสภาพการจราจร  เพื่อลดความหนาแน่นของการใช้เส้นทางหลักและการป้องกันปราบปรามอาชญากรรม การติดตาม ชี้เป้าหมาย เพื่อง่ายต่อการสกัดจับกุมผู้กระทำความผิดต่างๆและการใช้ในการ     ตรวจการณ์ ป้องกันการลักลอบเผาป่า ที่เป็นสาเหตุหมอกควัน

สำหรับโครงการ “ร่มบินพารามอเตอร์ ตำรวจภูธรจังหวัดเชียงราย” มีที่ตั้งและศูนย์ประสานงานชุดเฉพาะกิจสายตรวจทางอากาศ สภ.บ้านดู่ เลขที่ 550 ม.2 ต.บ้านดู่ อ.เมือง จว.เชียงราย สามารถจัดเตรียมเก็บขึ้นรถยนต์เพื่อเตรียมพร้อม บินได้ในเวลาเพียงไม่กี่นาที อัตราความเร็วในการบินจะอยู่ที่ประมาณ 40-55 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ขึ้นอยู่กับสมรรถนะของร่มด้วย เชื้อเพลิง 10 ลิตร จะบินได้ประมาณ 3 ชม. ถ้าสภาวะอากาศเอื้ออำนวย การบินแต่ละครั้งจึงไปได้ไกลกว่า 100 กิโลเมตร และพร้อมที่จะสนับสนุนภารกิจต่าง ๆ เมื่อได้รับมอบหมายในทันที


ภาพ/ข่าว  ณัฐวัตร ลาพิงค์  เชียงราย

จันทบุรี - ผู้บัญชาการทหารเรือตรวจเยี่ยมการฝึกการสนธิกำลังดำเนินกลยุทธ์ด้วยกระสุนจริงในการฝึกกองทัพเรือ ประจำปี 2564 ที่สนามบ้านจันทเขลม อ.เขาคิชฌกูฏ

วันนี้ ( 9 เม.ย.64 ) สนามฝึกกองทัพเรือ หมายเลข 16 บ้านจันทเขลม อำเภอเขาคิชฌกูฏ จังหวัดจันทบุรี พลเรือเอก ชาติชาย ศรีวรขาน ผู้บัญชาการทหารเรือ พร้อมคณะนายทหารระดับสูงของกองทัพเรือ ได้เดินทางไปตรวจเยี่ยมการฝึกการสนธิกำลังดำเนินกลยุทธ์ด้วยกระสุนจริง ในการฝึกกองทัพเรือ ประจำปี 2564 โดยมี พลเรือเอก สิทธิพร มาศเกษม รองผู้บัญชาการทหารเรือ ในฐานะ ผู้อำนวยการฝึกกองทัพเรือ ประจำปี 2564 พลเรือโท รณรงค์ สิทธินันท์ ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน ตลอดจนข้าราชการระดับสูงในพื้นที่ ให้การต้อนรับ ซึ่งการตรวจเยี่ยมการฝึกของผู้บัญชาการทหารเรือ และคณะในวันนี้ นอกจากจะทำให้ผู้บังคับบัญชาระดับสูงของกองทัพเรือ ได้รับทราบรายละเอียดการปฏิบัติในการฝึก และทราบถึงขีดความสามารถ ตลอดจนความพร้อมในการปฏิบัติการของหน่วยต่าง ๆ ที่เข้ารับการฝึกแล้ว ยังเป็นแนวทางที่เปิดโอกาสให้ผู้ใต้บังคับบัญชาได้ใกล้ชิดผู้บังคับบัญชาชั้นสูง อันจะเป็นการสร้างขวัญและกำลังใจให้กับกำลังพลที่เข้ารับการฝึกกองทัพเรือ ได้ตระหนักในหน้าที่หลัก ด้านการเตรียมความพร้อมของกำลังรบทางเรือเพื่อการป้องกันประเทศ

โดยการพัฒนากำลังพลและระบบยุทโธปกรณ์ให้มีความพร้อมในการปฏิบัติการทางทหาร ในฐานะหน่วยงานหลักด้านความมั่นคงทางทะเลของประเทศไทย ในการเตรียมกำลังให้เกิดความพร้อม เพื่อปฏิบัติตามแผนป้องกันประเทศผ่านการฝึก ทั้งนี้ กองทัพเรือได้กำหนดให้หน่วยกำลังรบในทุกระดับ ดำเนินการเตรียมความพร้อมในระดับหน่วยตามความเชี่ยวชาญเฉพาะของกิจที่ได้รับ จนถึงการบูรณาการกำลังขนาดใหญ่เข้าด้วยกัน เพื่อฝึกการปฏิบัติการภายใต้สถานการณ์การฝึกตามแผนป้องกันประเทศในแต่ละด้าน โดยกำหนดแนวคิดหลักอ้างอิงจากสถานการณ์ที่มีโอกาสเกิดขึ้นมากที่สุดไว้ในการฝึกกองทัพเรือประจำปี ซึ่งนอกจากจะเป็นการเตรียมความพร้อมของกำลังรบในการปฏิบัติการแล้ว การฝึกกองทัพเรือยังเป็นการทดสอบแผนการปฏิบัติระบบการควบคุมการบังคับบัญชา ระบบการสื่อสารและระบบการส่งกำลังบำรุงในภาพรวม ตลอดจนเป็นการทดสอบการปฏิบัติการร่วมระหว่างเหล่าทัพอีกด้วยในส่วนของการฝึกภาคสนามและภาคทะเลของการฝึกกองทัพเรือ ประจำปี 2564 กำหนดจัดให้มีขึ้น ระหว่างวันที่ 19 มีนาคม ถึง 9 เมษายน 2564 ในพื้นที่ทะเลอันดามัน และอ่าวไทย

ซึ่งกองทัพเรือ กำหนดให้มีรายการฝึกที่สำคัญคือ การฝึกยิงอาวุธปล่อยนำวิถี พื้น - สู่ - พื้น Harpoon Block 1C การฝึกปฏิบัติการยุทธ์สะเทินน้ำสะเทินบก การฝึกยิงตอร์ปิโดจากเฮลิคอปเตอร์ปราบเรือดำน้ำ รวมถึงการฝึกสนธิกำลังดำเนินกลยุทธ์ด้วยกระสุนจริง ในการฝึกเป็นหน่วยกรมผสมของกองพลนาวิกโยธิน บริเวณสนามฝึกกองทัพเรือ หมายเลข 16 บ้านจันทเขลม อำเภอเขาคิชฌกูฏ จังหวัดจันทบุรี การฝึกเป็นหน่วยกรมผสมของกองพลนาวิกโยธิน มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาความรู้ ความสามารถของกำลังพลส่วนต่าง ๆ ทางยุทธวิธีในสงครามตามแบบ และเพื่อเป็นการทดสอบความพร้อมรบของหน่วยระดับกรม กองพัน หน่วยขึ้นตรง กองพลนาวิกโยธิน ให้เกิดความคุ้นเคย รวมทั้งเพิ่มประสบการณ์ในเรื่องการจัดทำแผนการฝึกปัญหาที่บังคับการ การดำเนินกลยุทธ์ด้วยกระสุนจริง และการควบคุมบังคับบัญชา การประสานการยิงสนับสนุนอากาศ - พื้นดิน การติดต่อสื่อสาร การต่อต้านข่าวกรองของข้าศึก และการประสานการปฏิบัติร่วมกันให้มีความเข้าใจในหน้าที่ของกันและกัน โดยมีหัวข้อการฝึกที่สำคัญ คือ การฝึกแลกเปลี่ยน/ปรับมาตรฐาน (ปืนใหญ่) การฝึกแลกเปลี่ยน/ปรับมาตรฐาน (ทหารราบ) การฝึกยิงจรวดนำวิถี TOW การสนับสนุนทางอากาศ การส่งกลับสายแพทย์ และการฝึกดำเนินกลยุทธ์ด้วยกระสุนจริง ซึ่งกำลังที่เข้าร่วมฝึกจัดจาก กองพันทหารราบที่ 1 กองพันทหารราบที่ 6 กองพันรถถัง กองพันรถสะเทินน้ำสะเทินบก และกองพันลาดตระเวน ในสังกัดกองพลนาวิกโยธิน หน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน ประกอบด้วย กำลังทหารนาวิกโยธิน พร้อมยุทโธปกรณ์ อาทิ ปืนใหญ่ ขนาด 155 มม. ปืนใหญ่ขนาด 105 มม. ปืนต่อสู้อากาศยาน ขนาด 40/60 มม. ยานเกราะล้อยาง แบบ BRT รถสะเทินน้ำสะเทินบก (AAV) และรถฮัมวี่ติดจรวดนำวิถี TOW กำลังจากกองพันรักษาฝั่งที่ 12กรมรักษาฝั่งที่ 1 หน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง พร้อมยุทโธปกรณ์ คือ ปืนใหญ่รักษาฝั่ง ขนาด 155 มม. รวมถึงกำลังและยุทโธปกรณ์จากกองการบินทหารเรือ กองเรือยุทธการ และกรมแพทย์ทหารเรือ

นอกจากนั้นยังมีกำลังของกองทัพบกเข้ารวมทำการฝึกในครั้งนี้ ซึ่งจัดจากกองพลทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์ ประกอบด้วยรถถังและยานเกราะล้อยาง อีกจำนวนหนึ่ง การฝึกภาคสนาม/ภาคทะเล ในการฝึกกองทัพเรือ ได้มีการเชิญกองทัพบกและกองทัพอากาศจัดกำลังเข้าร่วมการฝึกตามรายการต่าง ๆ ซึ่งกองทัพเรือได้ดำเนินการอย่างต่อเนื่องและได้รับการตอบรับที่ดีจากทุกเหล่าทัพในทุกครั้ง ซึ่งจะทำให้ทราบถึงคุณลักษณะและขีดความสามารถของกำลังรบจากเหล่าทัพต่าง ๆ อันจะนำไปสู่การวางแผนการใช้กำลังทางทหารและการปฏิบัติการรบร่วมที่มีประสิทธิภาพเกิดประสิทธิผลในการป้องกันประเทศในอนาคต ตามวิสัยทัศน์กองทัพไทยที่ “เป็นกองทัพชั้นนำในภูมิภาคมีนวัตกรรมทันสมัย ปฏิบัติการร่วมอย่างมีประสิทธิภาพทุกมิติ” และสร้างความสมัครสมานสามัคคี อันจะนำไปสู่ความเข้มแข็งของกองทัพไทยในภาพรวม ตามคำขวัญของกองทัพเรือที่ว่า “พลังสามัคคี พลังราชนาวี”


ภาพ/ข่าว จรัล บรรยงคเสนา  ผู้สื่อข่าว จ.จันทบุรี

นายพรเทพ เขม้นเขตวิทย์ รายงานจากศูนย์ข่าวภาคตะวันออก

สระแก้ว - ผู้ว่าสระแก้ว สั่งคุมเข้มตามแนวชายแดนเพื่อป้องกันโควิด-19 ทะลักเข้าตามแนวชายแดน

เมื่อเวลา 09.00น. ของวันนี้ ภายใต้การอำนวยการของนายเกียรติศักดิ์ จันทรา ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้วมอบหมายให้นายปรัชญา พิมพาแป้น นายอำเภอคลองหาด ดำเนินการคัดกรองผู้ประกอบการค้าขายบริเวณตลาดการค้าชายแดน ณ ตลาดศรีเพ็ญเพื่อฉีดวัคซีนป้องกันการติดเชื้อโควิค-19 โดยร่วมกับเจ้าหน้าที่จากสาธารณสุขอำเภอ โรงพยาบาลคลองหาดและฝ่ายปกครอง ให้แก่กลุ่มเสี่ยงเป้าหมายตามนโยบายของรัฐบาลที่กำหนด

ต่อมาเวลา 10.00 น.ได้ปฏิบัติงาน ร่วมกับเจ้าหน้าที่สาธารณสุขอำเภอเทศบาลตำบลคลองหาด สมาชิก อส. อำเภอคลองหาด ออกตรวจมาตรการการป้องกันการติดเชื้อโควิค-19 บริเวณตลาดนัดเทศบาลสี่แยกคลองหาดเพื่อแนะนำให้ผู้ที่มาจับจ่ายซื้อของและผู้ค้าขายปฏิบัติตามมาตรการ DHMTT อย่างเคร่งครัดเพื่อมิให้มีการระบาดในพื้นที่

ล่าสุดเวลา 13.00 น.ได้ร่วมตรวจสถานที่ที่โรงพยาบาลคลองหาดเพื่อเตรียมสถานที่ฉีดวัคซีนให้แก่กลุ่มเป้าหมาย พร้อมทั้งประชุมเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองและแพทย์พยาบาลที่เกี่ยวข้องเพื่อวางแนวทางอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้มาฉีดวรรคซินจำนวน 500 คนแรกในระหว่างวันที่ 8 และ9เมษายน 2564และได้มีการประชุมเพื่อกำหนดมาตรการป้องกันและ ค้นหาผู้ติดเชื้อในเชิงรุกเพื่อไม่ให้มีการแพร่ระบาดเพิ่มขึ้น และได้รับการฉีดวัคซีนรวมกับเป้าหมายที่กำหนด

อรัญประเทศ จังหวัดสระแก้วสร้างความสัมพันธ์ระหว่างประชาชนกัมพูชากับประชาชนไทยในพื้นที่ชายแดนให้ความรู้สร้างความเข้าใจการปฏิบัติตัวในสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 นายเกียรติศักดิ์  จันทรา ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว ได้สั่งการ นายวินัย โตเจริญ นายอำเภออรัญประเทศ จัดกิจกรรมอบรมความรู้เกี่ยวกับการปฏิบัติตัวในสถานการณ์โควิด-19 โครงการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างประชาชนกับประชาชนในพื้นที่ชายแดน ซึ่งกิจกรรมดังกล่าวเป็นการให้ความรู้เกี่ยวกับ ขั้นตอนการขออนุญาตทำงานในประเทศไทย/การข้ามแดนและการขออนุญาตอยู่ในประเทศไทย/มาตรการในการควบคุมโรคและการปฏิบัติตัวในการป้องกันโควิด-19/การรักษาความสงบเรียบร้อยตามแนวชายแดน/การประกอบธุรกิจในราชอาณาจักรไทยและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ซึ่งกิจกรรมนี้มีผู้ประกอบการค้าภาคเอกชนในตลาดโรงเกลือทั้งชาวไทยและชาวกัมพูชาที่ใช้ชีวิตอยู่ในพื้นที่ตลาดโรงเกลือเข้าร่วมกิจกรรม โดยกิจกรรมดังกล่าวจัดขึ้นเพื่อเป็นการสร้างความเชื่อมโยงระดับประชาชนกับประชาชนในพื้นที่ชายแดน พร้อมทั้งกำชับความเป็นมิตรที่ดีระหว่างเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานของหน่วยงานไทยกับเจ้าหน้าที่ของหน่วยงานประเทศเพื่อนบ้านในระดับท้องถิ่นและสร้างความเข้าใจในสถานการณ์ปัจจุบันที่มีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 ระบาด จึงมีความจำเป็นต้องให้ความรู้ในการปฏิบัติตัวของผู้ประกอบการในตลาดโรงเกลือ

จากกรณีพบป่วยโควิด-19 จนเกิดการระบาดระลอกใหม่ บรรยากาศชายแดน อ.อรัญประเทศ ฝั่งตลาดปอยเปต คนเริ่มตื่นตระหนก จนท.ฝั่งไทยยังคุมเข้มป้องกันคนลักลอบเข้าเมือง ที่จุดคัดกรองโควิด-19 ด่าน ตม.อรัญประเทศ จุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว พ.ต.อ.รุ่ง ทองมนต์ ผกก.ตม.จว.สระแก้ว ร่วมกับ ร.ต.ธิติวุฒ ยีนุช ผบ.ร้อย ทพ.1201(ผู้บังคับกองร้อยทหารพรานที่1201) และ พ.ต.อ.ชนณพัฒน์ ศิริเลิศ ผกก.สภ.คลองลึก จ.สระแก้ว ได้สนธิกำลังมาร่วมกันตรวจคัดกรอง 10 คนไทยที่ได้รับอนุญาตจากสถานทูตไทย ณ กรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา ให้เดินทางกลับประเทศไทย ผ่านจุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว ซึ่ง จนท.ได้ตรวจคัดกรองวัดอุณหภูมิร่างกาย ตรวจสอบเอกสารการเดินทาง เอกสารการตรวจโควิด-19 จากกัมพูชา และตรวจเข้มเอกสารอนุญาตเดินทางกลับประเทศ จากสถานทูตไทย ณ กรุงพนมเปญ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการลักลอบเดินทางกลับประเทศโดยไม่ได้รับอนุญาต ก่อนจะนำตัวไปรับการกักตัว 14 วัน ที่โรงแรมแห่งหนึ่งใน อ.อรัญประเทศ ซึ่งเป็นสถานที่ที่จังหวัดสระแก้ว เตรียมไว้รองรับการกักตัว

พ.ต.อ.รุ่ง ทองมนต์ ผกก.ตม.จว.สระแก้ว กล่าวว่า ได้กำชับ จนท.ร่วมกันตรวจคัดกรองคนไทยที่เดินทางเข้าประเทศอย่างเข้มงวด เนื่องจากได้รับข้อมูลจากทางการกัมพูชาว่าขณะนี้ในประเทศกัมพูชาเกิดการระบาดของไวรัสโควิด-19 ระลอกใหม่ พบผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นจำนวนมาก โดยเฉพาะพบผู้ติดเชื้อส่วนใหญ่เป็นเจ้าหน้าที่ของหน่วยงานรัฐ ซึ่งทางรัฐบาลกัมพูชา ได้ประกาศให้หน่วยงานของรัฐปิดทำการ โดยให้ทำงานแบบ Work From Home หรือทำงานที่บ้านแทน ส่วนภาคเอกชนหลายบริษัทต้องปิดกิจการ นอกจากนี้ ทางรัฐบาลกัมพูชายังขอความร่วมมือกับประชาชนกัมพูชาให้ป้องกันตนเองด้วยการสวมหน้ากากอนามัย ล้างมือด้วยแอลกอฮอล์ และงดออกจากบ้านด้วย ดังนั้นจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ระลอกใหม่ในกัมพูชา เกรงว่าอาจจะมีทั้งชาวไทยและชาวกัมพูชาหนีโควิดจากกัมพูชาลักลอบเข้าประเทศไทย  จนท.จึงจำเป็นต้องเข้มงวดกวดขันเป็นพิเศษในช่วงนี้

ขณะที่ พ.อ.เอกพงษ์ กฤตยาเกียรติชุติ ผู้บังคับชุดควบคุมกรมทหารพรานที่ 12 ได้สั่งการให้ ร.ต.ธิติวุฒ ยีนุช ผบ.ร้อย ทพ.1201 นำกำลังออกลาดตระเวนเข้มตามตะเข็บชายแดนช่องทางธรรมชาติบริเวณท้ายตลาดโรงเกลือ ตลาดการค้าชายแดน อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว เพื่อป้องกันและสกัดกั้นไม่ให้มีการลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย อย่างเด็ดขาด เป็นการป้องกันการหนีโควิดจากประเทศกัมพูชาลักลอบเข้ามาในประเทศไทย ทั้งของคนไทยและคนกัมพูชา พร้อมคาดโทษ จนท.ห้ามหละหลวมโดยเด็ดขาด

ส่วนชาวกัมพูชาในฝั่งปอยเปต ที่อยู่ตรงข้ามชายแดน อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว เริ่มตื่นตระหนกกับการระบาดของไวรัสโควิด-19 ระลอกใหม่ในกัมพูชา โดย จนท.ฝ่ายความมั่นคงของกัมพูชาประจำปอยเปต เผยว่า ขณะนี้ วงการบันเทิงของกัมพูชากำลังระส่ำหนัก เนื่องจากมีนักร้องและดาราชั้นนำในบริษัทค่ายเพลงชื่อดัง และเป็นต้นสังกัดของศิลปินชั้นนำของกัมพูชาติดโควิด-19 ระลอกใหม่ หลายคน ทำให้ประชาชนชาวกัมพูชาเริ่มหวาดผวาหนัก เนื่องจากชาวกัมพูชาจำนวนมาก ไปงานคอนเสิร์ตของนักร้องคนดังกล่าว อีกทั้งยังมีชาวกัมพูชาอีกจำนวนมากที่คอยติดตามดาราและศิลปิน ทำให้ชาวกัมพูชาจำนวนมากเป็นกลุ่มเสี่ยงติดโควิดสูง ซึ่งอาจจะลุกลามไปทั่วประเทศได้


ภาพ/ข่าว  นายอำเภอคลองหาด / สมศักดิ์ สารการ / บูรพาทีวีออนไลน์ รายงาน

ชลบุรี - Covid19 พลิกสวนไดโนเสาร์แอดแวนเจอร์ สู่นักธุรกิจ ร้านกาแฟชาวดอยไดโนเสาร์ แห่งแรกในภาคตะวันออก อีกหนึ่งจุดเช็คอินแห่งใหม่ของเมืองพัทยา

วิกฤตโควิด-19 ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงหลายอย่าง โดยเฉพาะกับผู้ที่ได้รับผลกระทบแบบ 100% อย่างผู้ประกอบธุรกิจแหล่งท่องเที่ยวที่มีกลุ่มลุกค้าชาวต่างชาติเป็นลูกค้าหลัก พอมีมาตรการปิดประเทศ นักท่องเที่ยวไม่สามรถเดินทางมาท่องเที่ยวได้แหล่งท่องเที่ยวเหล่านี้ต้องปิดตัวลงชั่วคราวรอวันนักท่องเที่ยกลับมา อย่างสวนไดโนเสาร์แอดแวนเจอร์ พัทยา ตรงข้ามตลาดน้ำสี่ภาค พัทยา ที่ได้รับผลกะรทบจากวิกฤติในครั้งนี้ แต่หากจะรอค่อยการกลับมาของนักท่องเที่ยวต่างชาติก็คงจะต้องใช้เวลานาน ผู้บริหารสวนไดโนเสาร์แอดแวนเจอร์ จึงพลิกวิกฤตโควิด-19 ให้กลายเป็นโอกาสในการสร้างธุรกิจใหม่ ด้วยการเปิดร้านกาแฟ ชาวดอย ไดโนเสาร์ เพิ่มจุดจุดเช็คอินแห่งใหม่ให้กับเมืองพัทยา

โดยวันนี้ (9 เม.ย.64) เวลา 10.39 น. น.ส.ปทุมมา โฆเกียรติมานนท์ ผู้บริหารร้านกาแฟ ชาวดอย ไดโนเสาร์ ได้เปิดตัวร้านกาแฟอย่างเป็นทางการ โดยมีนายรณกิจ เอกะสิงห์ รองนายกเมืองพัทยา ได้เป็นประธานเปิดร้านกาแฟ ชาวดอย ไดโนเสาร์ ท่ามกลาง ญาติพี่น้อง เพื่อนสนิท และแขกผู้มีเกียรติร่วมแสดงความยินดีอย่างคับคั่ง อาทิ นางอำพร แก้วแสง ประธาน กต.ตร.สภ.พัทยา ,เต๋า อดิศร อรรถกฤษณ์ นักร้องวงดราก้อนไฟว์ ,คณะกรรมการกต.ตร.สภ.พัทยา

น.ส.ปทุมมา โฆเกียรติมานนท์ ผู้บริหารร้านกาแฟ ชาวดอย ไดโนเสาร์ กล่าวว่า สำหรับร้านกาแฟชาวดอยไดโนเสาร์ เกิดจากการปรับตัวจากธุรกิจสวนไดโนเสาร์แอดแวนเจอร์ ที่ได้รับผลกะรทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้ไม่มีนักท่องเที่ยวเดินทางท่องเที่ยว จึงได้ปรับพื้นที่ด้านหน้าประมาณ 600 ตารางเมตรเปิดร้านกาแฟ ซื่อว่า “ชาวดอยไดโนเสาร์” มีการนำ ไดโนเสาร์หลากหลายสายพันธุ์มาตั้งให้บริการลูกค้าถ่ายรูป โดยมี ไดโนเสาร์ ไจแกนโนโซรัส ซึ่งมีขนาดใหญ่กว่า 30 เมตร ยืนคู่กับร้านกาแฟ นอกจากนี้ยังมีไดโนเสาร์พันธุ์ เวโรซีแรปเตอร์ ที่สมารถขยับตัวได้ มาตั้งให้ลุกค้าที่มานั่งทางกาแฟได้ถ่ายรูปเช็คอิน ซึ่งไดโนเสาร์พันธุ์ เวโรซีแรปเตอร์ ของร้านกาแฟชาวดอนไดโดนเสาร์ถือเป็นตัวที่ 2 ของโลกและยังเป็นไฮไลต์ของร้านกาแฟ นอกจากนี้ภายในร้านยังมีการนำไข่ไดโนเสาร์ รวมถึงตุ๊กตาไดโนเสาร์ ไว้ค่อยบริการลูกค้าอีกด้วย

ทั้งนี้กาแฟชาวดอยถือเป็นแบรนด์กาแฟของคนไทย มีรสชาติเข้มข้น เมล็ดกาแฟคุณภาพ แต่ราคาย่อมเยา ส่วนเมนูแนะนำ อาทิ กาแฟซิกเนเจอร์ชาวดอยร้อนและเย็น และเครื่องดื่มสดชื่นเหมาะสำหรับหน้าร้อนที่กำลังจะมาถึง เช่น ชากลิ่นผลไม้ไข่มุก สำหรับโปรโมชั่นช่วงเปิดร้าน ตั้งแต่วันที่ 10 เม.ย. 64 - 10 พ.ค. 64 ทางร้านจะแจกคูปองส่วนลด 5 บาท และ 10 บาท โดย 1 คูปองสามารถใช้เป็นส่วนลดต่อ 1 ยอดบิล โดยเปิดให้บริการตั้งแต่เวลา 07.30-18.00 นของทุกวัน  สำหรับร้านกาแฟชาวดอยไดโนเสาร์ เหมาะสำหรับครอบครัวและเด็กๆ ทั้งนี้ในอนาคตจะมีพื้นที่ทำกิจกรรมเพิ่มเติม เช่น ระบายสี จำลองขุดฟอสซิลไดโนเสาร์


ภาพ/ข่าว  อนันต์ สุขวัฒนะ / เอกชัย สุขวัฒนะ ผู้สื่อข่าวภูมิภาค พัทยา จ.ชลบุรี

 

เรื่องที่คนเก่งควรรู้ ก่อนตกหลุมพราง ฝึกเข้าใจคน พื้นฐานสำคัญในการนำไปสู่ความมั่นคง ความสำเร็จ และความสุขอย่างแท้จริง

ทุกวันนี้มีแต่คน อยากเป็นคนรวย อยากเป็นคนเก่ง และอยากเป็นคนประสบความสำเร็จ แต่น้อยนักที่จะมีคน อยากเป็นคนที่เข้าใจคน แปลกไหม ทั้งๆ ที่การเข้าใจคน คือพื้นฐานสำคัญในการนำไปสู่ความมั่นคง ความสำเร็จ และความสุขอย่างแท้จริง

ศาสตร์ของการพัฒนาคนมีให้ศึกษาอยู่ทั่วไป แต่ละแนวคิดมีปรัชญาที่น่าสนใจแตกต่างกันไป สำหรับผู้เขียนไปสะดุดหูกับปรัชญา “ขงจื้อ” ซึ่งเน้นในเรื่องการเข้าใจคน โดยใช้คุณธรรมนำชีวิต มาเป็นแก่นการสร้างความเจริญรุ่งเรืองในชีวิตแบบยั่งยืน

ขงจื้อ ได้กล่าวไว้ว่า วิกฤตชีวิตเกิดขั้น 4 ช่วง ถ้าใครรู้เรื่องนี้จะเข้าใจชีวิตและบริหารจัดการความเสี่ยงได้อย่างชาญฉลาด ถ้าพร้อมแล้ว มาดูกันค่ะว่ามีอะไรบ้าง

• ช่วงแรก - ช่วงวัยรุ่น อายุ 13-25 ปี

ถ้าคนฝึกจิตมาดีแล้ว ย่อมไม่หมกมุ่นเรื่องกามารมณ์

ช่วงนี้เป็นช่วงฮอร์โมน กำลังพลุ่งพล่าน เสี่ยงต่อการหลงผิด คิดผิด พูดผิด ทำผิด ถ้ารู้ไม่เท่าทันก็อาจถูกกระแสสังคมชักจูงได้ง่าย เช่น คิดว่าการเสพยาเสพติดเป็นเรื่องเท่ การมีเพศสัมพันธ์กับหลายคนเป็นเรื่องธรรมดา หรือมีความคิดว่าการทำเรื่องผิดศีลธรรมได้เป็นเรื่องธรรมดา ใครๆ ก็ทำกัน ต้องคอยระมัดระวังในการคบเพื่อน และการเสพสื่อต่างๆ ควรคัดกรองให้ดีเสียก่อน

• ช่วงที่สอง - ช่วงวัยทำงาน อายุ 25 - 40 ปี

ถ้าคนฝึกจิตมาดีแล้ว ย่อมหลีกเลี่ยงการทะเลาะกับผู้อื่น

ช่วงนี้เป็นช่วงความคิดกำลังพลุ่งพล่าน มีความมั่นใจในตัวเองสูง ใช้ศักยภาพที่มี มุ่งสู่เป้าหมายในชีวิต มีความทะเยอทะยาน อยากได้อยากมีสูง เสี่ยงต่อการทะเลาะเบาะแว้ง ขัดแย้งกับบุคคลรอบข้าง ไม่ว่าจะเป็นเพื่อน เพื่อนร่วมงาน หรือคนในครอบครัว ทำให้มีความสัมพันธ์ไม่ดีกับผู้อื่น และอาจนำไปสู่ความหลงผิดคิดสบายทางลัด คิดกลโกง การแย่งชิงในรูปแบบต่าง ๆ ทิฐิมานะ กิเลส ตัณหา ความโกรธ เข้ามาในชีวิตได้ง่าย พยายามคิดบวก รักษาศีล ฝึกสมาธิ รักษาใจให้ดีเข้าไว้ อย่าให้ไหลไปกับอารมณ์และความคิดลบ

• ช่วงที่สาม - ช่วงวัยกลางคน อายุ 40 - 55 ปี

คนที่ฝึกจิตมาดีแล้ว ย่อมสามารถสร้างความสำเร็จในอาชีพ เพื่อความมั่นคงในชีวิต

ช่วงนี้เป็นช่วงที่ต้องพัฒนาตัวเอง ทุกมิติ ใช้สติและความรอบคอบ ใช้การบริหารจัดการเชิงระบบ ทบทวนตัวเอง เพื่อการแก้ไขข้อผิดพลาด มุ่งเรื่องการสร้างความมั่นคงแก่ครอบครัว เพื่อให้สังคมยอมรับ เมื่อทำงานหนัก ก็จะเกิดความเครียด จึงเสี่ยงต่อการใช้ชีวิตที่ขาดสมดุล เช่น อาจทำงานจนลืมสุขภาพ ทำงานจนลืมครอบครัว ทำงานจนลืมสังคมเพื่อนฝูง มีปัญหาครอบครัวแตกแยก ช่วงนี้จึงต้องใส่ใจสุขภาพร่างกายเป็นพิเศษ ในขณะเดียวกันก็ต้องบาลานซ์ เรื่องงานกับครอบครัวให้สมดุลควบคู่ไปด้วย

จากสถิติ ช่วงวัยนี้จะมีปัญหาสุขภาพจิต และนำไปสู่การนอกใจ และมีปัญหาหย่าร้างมากที่สุด ผู้หญิงเข้าสู่วัยทอง ส่วนผู้ชายก็เข้าสู่การแปรปรวนทางอารณ์ ทั้งคู่จึงตกอยู่ในสภาวะ “วิกฤตวัยกลางคน” ถ้ารู้ไม่เท่าทัน ก็หาทางออกแบบผิดๆ ส่งผลให้เกิดปัญหาครอบครัวในรูปแบบต่าง ๆ

• ช่วงที่สี่ - ช่วงสูงวัย อายุ 55 ปีขึ้นไป

คนที่ฝึกจิตมาดี ย่อมเป็นที่เคารพนับถือ สามารถรักษาทรัพย์ที่หามาได้ และส่งต่อให้แก่ลูกหลาน

ช่วงนี้เป็นช่วงที่ควรทำตัวให้เป็นแบบอย่างที่ดี ปล่อย ๆ วาง ๆ ใช้ชีวิตให้มีความสุขโดยไม่เบียดเบียนใคร ไม่ทำให้ใครเดือดร้อน วางตัวควรค่าต่อการเคารพนับถือ และเป็นโอกาสที่ดีสำหรับการถ่ายทอดประสบการณ์ชีวิตแก่ลูกหลาน ช่วยเหลือ ให้แง่คิดมุมมองที่ดี

“ขงจื้อ” ได้กล่าวไว้ว่า ไม่ต้องกังวลว่าใครจะไม่เคารพนับถือเรา แต่ให้หันมาดูในสิ่งที่เรากำลังทำ ว่าควรค่าต่อการเคารพนับถือหรือไม่ ช่วงนี้ก็พยายามทำใจ ลดละเลิก ปล่อยวาง ใช้ชีวิตแบบเรียบง่าย คบเพื่อนให้น้อยลง เลือกทำในสิ่งที่มีความสุข ที่สำคัญความสุขของเราต้องไม่ทำให้ใครเดือดร้อน

จะเห็นได้ว่าการฝึกจิตให้นิ่ง มีสติ จะช่วยให้เราสามารถ ใช้ความรู้คู่คุณธรรม นำชีวิตสู่ความเจริญอย่างยั่งยืนได้

แต่ให้เข้าใจตรงกันนะคะว่า ไม่ว่าคุณจะเป็นใคร การศึกษาระดับไหน ยากดีมีจนเพียงใด ฝึกจิตมาดีแค่ไหน ก็มีสิทธิทำผิดพลาดกันทุกคน “เมื่อทำผิดพลาดก็ให้แก้ไขอย่าแก้ตัว” และ เมื่อมีการทำผิดครั้งต่อไป อนุญาตให้ผิดเรื่องใหม่ได้ แต่ห้ามทำผิดซ้ำเรื่องเดิม จะถือว่าเราไม่พัฒนา

ข่าวดีก็คือ ทุกคนสามารถสร้างความสุขและความสำเร็จในชีวิตได้เท่าเทียมกัน ด้วยการฝึกจิต

3 วิธีง่ายต่อการฝึกจิต

1.) ตั้งเป้าหมายชีวิต ในการรักษาศีล 5 อย่างตั้งใจ

2.) เป็นคนดี คิดดี พูดดี ทำดี ทำ 3 สิ่งนี้ด้วยหัวใจ

3.) ฝึกนั่งสมาธิ ให้จิตตื่นรู้ ทุกวัน

เห็นไหมคะ การใช้ชีวิตให้ดีไม่ใช่เรื่องยาก แต่คนส่วนมากไม่ค่อยทำ จงเริ่มต้นจากการเข้าใจคนค่ะ

.

เขียนโดย อ.นิธิมา กุญชร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาบุคลากร โปรเฟสชั่นนอล เทรนเนอร์

#Talktonitima


อ้างอิงข้อมูล: http://www.ci.au.edu/th/index.php/about/2015-08-24-11-58-20


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top