Saturday, 7 June 2025
SPECIAL

‘ตร.ไซเบอร์’ เตือนภัย!! เพจโรงแรม-ร้านอาหารปลอมระบาดหนัก หลอกเหยื่อโอนเงินค่าจองโต๊ะอาหาร เสียหายกว่า 140 ล้านบาท

(6 ก.ค. 66) พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ โฆษกศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ (บช.สอท.) กล่าวว่า ได้รับรายงานว่าจากการตรวจสอบในระบบศูนย์บริหารการรับแจ้งความออนไลน์ พบผู้เสียหายหลายรายถูกมิจฉาชีพหลอกลวงให้โอนเงินค่าสำรองโต๊ะอาหาร สำรองบุฟเฟต์ (Buffet) ผ่านเพจ facebook ของโรงแรม และร้านอาหารที่มีชื่อเสียงปลอม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงวันสำคัญต่างๆ จะมีการหลอกลวงจัดโปรโมชันราคาพิเศษ หรือหากมาหลายท่านทานฟรี 1 ท่าน เป็นต้น

ซึ่งมิจฉาชีพยังคงใช้แผนประทุษกรรมเดิมๆ คือ สร้างเพจ facebook โรงแรม หรือร้านอาหารปลอมขึ้นมา หรือใช้เพจ facebook เดิมที่มีผู้ติดตามจำนวนมากอยู่แล้ว ตั้งชื่อหรือเปลี่ยนชื่อบัญชีเพจให้เหมือนกับเพจจริงทุกตัวอักษร หรือใกล้เคียงกัน คัดลอกภาพโปรไฟล์ ภาพหน้าปก เนื้อหา และโปรโมชันต่างๆ จากเพจจริงมาใช้เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ รวมถึงการใช้เทคนิคในการซื้อ หรือยิงโฆษณาเพื่อเข้าถึงเป้าหมายที่ค้นหาร้านอาหารให้พบเพจปลอมเป็นอันดับแรกๆ หากไม่ทันสังเกตให้ดีก็จะตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพ หากผู้เสียหายหลงเชื่อโอนเงินไปแล้ว ก็จะไม่สามารถติดต่อเพจนั้นได้แต่อย่างใด

ทั้งนี้ ในช่วงที่ผ่านมา นับตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.66 – 31 ก.ค.66 การหลอกลวงซื้อขายสินค้าหรือบริการ ยังคงมีประชาชนตกเป็นเหยื่อสูงเป็นลำดับที่ 1 มีจำนวนกว่า 7,714 เรื่อง หรือคิดเป็น 49.09% ของเรื่องที่มีการรับแจ้งความออนไลน์เดือน ก.ค. 66 และมีมูลค่าความเสียหายรวมกว่า 140 ล้านบาท

บช.สอท. โดย พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. ได้เร่งรัดขับเคลื่อนตามนโยบายของรัฐบาล โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รอง ผบ.ตร. ในการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดอาชญากรรมออนไลน์ในทุกรูปแบบ รวมถึงการสร้างการรับรู้ให้แก่ประชาชนไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่เกี่ยวข้องกับการหลอกลวงขายสินค้าหรือบริการ

โฆษก บช.สอท. กล่าวเพิ่มเติมว่า ในปัจจุบันการซื้อสินค้าหรือบริการต่างๆ ผ่านช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ ควรระมัดระวัง ตรวจสอบให้ดีเสียก่อน เพราะอาจจะเป็นช่องทางที่ถูกมิจฉาชีพปลอมขึ้นมาเพื่อหลอกลวงเอาทรัพย์สินของประชาชน ซึ่งที่ผ่านมามิจฉาชีพก็ได้ปลอมเพจต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นหน่วยงานของรัฐหลอกลวงเอาข้อมูลส่วนบุคคล หน่วยงานเอกชนหลอกลวงชักชวนให้ลงทุน ที่พักหลอกลวงให้สำรองค่าที่พัก ร้านค้าหลอกลวงขายสินค้าออนไลน์ เป็นต้น

เพราะฉะนั้น เราจะต้องรู้เท่าทันกลโกงของมิจฉาชีพเหล่านี้ ไม่หลงเชื่อเพียงเพราะมีชื่อเพจ เหมือนหรือคล้ายเพจจริง หรือเพียงเพราะพบเจอผ่านการค้นหาในเว็บไซต์ทั่วไป หรือพบเจอในกลุ่มเฟซบุ๊กต่างๆ หรือถูกส่งต่อกันมาตามสื่อสังคมออนไลน์เท่านั้น

จึงขอฝากประชาสัมพันธ์ถึงวิธีการป้องกันการถูกหลอกลวงในลักษณะดังกล่าว 9 ข้อ ดังนี้

1.) โรงแรม หรือร้านอาหารส่วนใหญ่ไม่มีนโยบายโอนเงินไปยังบัญชีส่วนตัว หรือบัญชีบุคคลธรรมดา บัญชีธนาคารที่รับโอนเงินควรเป็นบัญชีชื่อโรงแรม หรือร้านอาหาร หรือบัญชีบริษัทเท่านั้น

2.) ควรสำรองโต๊ะอาหารผ่านช่องทางที่เป็นทางการ หรือผ่านผู้ให้บริการออนไลน์ที่น่าเชื่อถือ

3.) หากต้องการที่จะเข้าสู่เพจ facebook ใดให้พิมพ์ชื่อด้วยตนเอง และตรวจสอบให้ดีว่ามีชื่อซ้ำ หรือชื่อคล้ายกันหรือไม่

4.) เพจจริงจะต้องมีเครื่องหมายถูกสีฟ้ายืนยันตัวตน หากไม่มีเครื่องหมายให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าเป็นเพจปลอม ต้องตรวจสอบอย่างละเอียด รวมถึงไปถึงไลน์ทางการต้องเครื่องหมายโล่สีฟ้า หรือสีเขียวเช่นเดียวกัน (Verified Account)

5.) เพจจริงจะมีส่วนร่วมในการโพสต์เนื้อหา รูปภาพ หรือกิจกรรมต่างๆ อย่างต่อเนื่อ

6.) เพจปลอมมักจะมีผู้ติดตามน้อยกว่าเพจจริง และมักจะเพิ่งสร้างขึ้นได้ไม่นาน

7.) ระมัดระวังการประกาศโฆษณาโปรโมชันต่างๆ

8.) ตรวจสอบความโปร่งใสของเพจว่ามีการเปลี่ยนชื่อมาก่อนหรือไม่ สร้างมาเมื่อใด ผู้จัดการเพจอยู่ในประเทศใด

9.) ขอเบอร์โทรศัพท์เพื่อติดต่อไปยังโรงแรม หรือร้านอาหารก่อนทำการโอนเงิน ว่าเพจดังกล่าวถูกต้องหรือไม่ หมายเลขบัญชีถูกต้องหรือไม่ หรือมีการปลอมแปลงเพจหรือไม่

ธรรมะประจำวันอาทิตย์ที่ 6 สิงหาคม 2566

ทำดีได้ความดี ทำชั่วได้ความชั่ว
ทำเหตุให้เกิดทุกข์ ก็ได้ความทุกข์
ทำเหตุให้เกิดสุข ก็ได้ความสุข
ทำเหตุให้เกิดความเสื่อม ก็ได้ความเสื่อม
ทำเหตุให้เกิดความเจริญ ก็ได้ความเจริญ
เราหนีจากผลที่เราทำไว้ไม่ได้

-หลวงพ่อปัญญานันทภิกขุ-

ศาลสั่งจำคุก!! 24 รุ่นพี่ ทำร้ายรุ่นน้องวัย 19 ปีจนเสียชีวิต พร้อมจ่ายเงินเยียวยา ด้านครอบครัวผู้เสียชีวิตจ่อฟ้องแพ่งอีก

(4 ส.ค. 66) ผู้สื่อข่าวจังหวัดนครราชสีมารายงานว่า จากกรณีกลุ่มรุ่นพี่โหด 24 คน ร่วมกันทำร้ายนายพัสยศ ชลภักดี หรือ ‘น้องเปรม’ อายุ 19 ปี นักศึกษาชั้น ปวส. ปี 1 สาขาช่างกลโรงงาน วิทยาลัยนวัตกรรมอาชีพ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน ในกิจกรรมรับน้องจนทำให้น้องเปรมเสียชีวิต เหตุเกิดที่จังหวัดนครราชสีมา เมื่อวันที่ 13 มี.ค. 2565

เมื่อวันที่ 3 สิงหาคมที่ผ่านมา ที่ศาลจังหวัดนครราชสีมา อ.เมือง จ.นครราชสีมา ศาลชั้นต้นได้พิพากษาจำคุกรุ่นพี่ 24 ราย โดยจำเลยที่ 1-7 ศาลพิพากษาจำคุกเป็นเวลา 4 ปี 1 เดือน ปรับ 1,000 บาท ส่วนจำเลยที่ 8 – 24 พิพากษาจำคุกเป็นเวลา 1 เดือน แต่จำเลยทั้งหมดให้การรับสารภาพ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง เหลือจำคุกจำเลยที่ 1-7 เป็นเวลา 2 ปี 15 วัน ปรับ 500 บาท รอการลงโทษ 2 ปี ส่วนจำเลยที่ 8 – 24 จำคุกเป็นเวลา 1 เดือน และให้รอการกำหนดโทษ

ทั้งนี้ ศาลมีความเมตตา และให้โอกาสผู้กระทำผิดที่เป็นกลุ่มเยาวชน จึงให้รอการลงโทษ และให้ครอบครัวผู้เสียหายรอรับเงินชดเชยค่าเสียหายจากผู้กระทำผิดตามคดีความอาญา โดยขั้นตอนต่อไปทางฝั่งทนายความของครอบครัวน้องเปรมจะดำเนินการฟ้องร้องคดีแพ่งกับผู้ปกครองของกลุ่มนักศึกษารุ่นพี่ที่กระทำผิด รวมทั้งมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน และกระทรวงอุดมศึกษา โดยจะเรียกร้องให้ชดเชยเยียวยาความเสียหายเป็นเงินจำนวน 4 ล้านบาท

‘ใบเตย สุวพิชญ์’ โร่แจ้งความ โดนแอบอ้างชื่อบริษัทรับงาน  ชักชวนคนเข้าวงการบันเทิง-หลอกเอาเงิน วอนอย่าหลงเชื่อ

(3 ส.ค. 66) เรียกว่ารีบออกมาแจ้งเตือนภัยให้แฟนๆไดรับทราบอย่างด่วนจี๋ หวั่นคนหลงเชื่อ สำหรับนักแสดงสาว ‘ใบเตย สุวพิชญ์ ไตรพรวรกิจ’ ภรรยาคนสวยของนักร้องดัง ‘ปั๊บ โปเตโต้’ หรือ ‘ปั๊บ พัฒน์ชัย ภักดีสู่สุข’ โดยล่าสุดเจ้าตัวได้เข้าแจ้งความ หลังถูกมิจฉาชีพแอบอ้างชื่อบริษัทของตัวเอง จัดหางานนักแสดง Extra นายแบบ นางแบบ

โดย ‘ใบเตย สุวพิชญ์’ ได้โพสต์ภาพตัวเองระหว่างเข้าแจ้งความผ่านอินสตราแกรมส่วนตัว ระบุอแคปชันว่า

"สวัสดีค่ะ วันนี้เตยมีเรื่องเตือนภัยมาแจ้งให้ทุกคนทราบนะคะ ตอนนี้มีมิจฉาชีพแอบอ้างนำข้อมูลบริษัทของเตยไปโพสต์ทาง Facebook ชื่อ นักแสดง Extra งานแสดง นางแบบ นายแบบ งานโฆษณา งานภาพยนตร์ งาน Event โดยเนื้อหาเป็นการชักชวนเข้าสู่วงการบันเทิง และอาจมีการหลอกลวงให้ชำระเงินภายหลัง

เตยและบริษัทขอชี้แจงว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับโพสต์ดังกล่าว และไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำดังกล่าวทั้งสิ้นค่ะ ซึ่งตอนนี้ทางเตยได้ไปแจ้งความลงบันทึกประจำวันเรียบร้อยแล้ว หากใครมีเบาะแสสามารถDM ข้อมูลมาได้ที่ IG : pummeimei ได้เลยนะคะ

เตยจึงมาโพสต์เพื่อเตือนให้ทุกคนได้ระวังมิจฉาชีพในอีกรูปแบบนึง เพราะเตยไม่อยากให้ใครหลงเชื่อเพราะอาจจะก่อให้เกิดความเสียหายได้ในภายหลัง ขอบคุณค่ะ"

เตือนภัย!! เพจโรงแรมปลอมระบาดหนัก ป่วนเขาใหญ่ นักท่องเที่ยวหลงโอนเงินนับร้อยราย เสียหายนับล้าน

เมื่อวันที่ 29 ก.ค. 66 น.ส.พันชนะ วัฒนเสถียร นายกสมาคมการท่องเที่ยวเขาใหญ่ อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา เปิดเผยว่า ได้รับแจ้งจากกลุ่มผู้ประกอบการโรงแรมที่พักในพื้นที่รอบผืนป่ามรดกโลก ดงพญาเย็น-เขาใหญ่ ได้รับความเดือดร้อนจากมิจฉาชีพลักลอบปลอมแปลงเพจเฟซบุ๊ก สถานบริการที่พักของผู้ประกอบการ โพสต์หลอกลวงประชาชน ฉวยโอกาสช่วงวันหยุดยาว 6 วัน จะมีนักท่องเที่ยวมาพักค้างคืนในพื้นที่อำเภอปากช่อง เนื่องจากการเดินทางค่อนข้างสะดวก ซึ่งมีเหยื่อหลงเชื่อโอนเงินหลายราย

น.ส.พันชนะกล่าวว่า กลโกงของเพจปลอมจะตั้งโปรโมชันราคาที่พักต่ำกว่าความเป็นจริง สามารถสร้างแรงจูงใจโดยง่าย ข้อสังเกตคือเลขบัญชีการโอนเงินมัดจำไม่ใช่ชื่อบริษัทสถานบริการที่พัก แต่เป็นชื่อบัญชีของบุคคล รวมทั้งใช้อุบายต่างๆ นานาเพื่อให้เหยื่อหลงเชื่อโอนเงินค่ามัดจำให้ก่อน จากนั้นเงียบหายไม่สามารถติดต่อได้ ช่วงเที่ยงที่ผ่านมาพนักงานสอบสวน สภ.หมูสี อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ได้รับแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษจากนักท่องเที่ยวจาก จ.ระยอง ถูกเพจปลอมหลอกโอนเงินค่าห้องและค่าประกันร่วม 5,000 บาท ล่าสุดรวบรวมข้อมูลมีผู้เสียหายนับร้อยราย สร้างความเสียหายร่วมล้านบาท

ทั้งนี้ ได้ส่งข้อมูลแจ้งเตือนทางออนไลน์ไปยังกลุ่มต่างๆ ที่เกี่ยวข้องให้ระมัดระวังทุกช่องทาง โดยแจ้งเตือนและป้องกันผลกระทบเสียหายต่อภาพลักษณ์ และการสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวของคนในท้องถิ่นได้แนะนำให้นักท่องเที่ยวตรวจสอบข้อมูลก่อนโอนเงิน หรือติดต่อสอบถามข้อมูลโดยตรงกับสมาคมการท่องเที่ยวเขาใหญ่ได้ที่เพจเฟซบุ๊ก ‘สมาคมการท่องเที่ยวเขาใหญ่’ โทรศัพท์ 09-4239-3916 แอดมินยุ้ย

ธรรมะประจำวันวันอาทิตย์ที่ 30 กรกฎาคม 2566

ผิดหวัง...ให้เริ่มใหม่
ผิดใจ...ให้พูดจากัน
ผิดพลาด...ให้โอกาสกัน
ผิดมหันต์...จงยอมรับผลกรรม

- หลวงตามหาบัว ญาณสมฺปนฺโน -
 

‘ตร.ปคม.’ บุกรวบแอดมินกลุ่มลับ ‘Little Angel’ ขายคลิปลามกอนาจารเด็ก อ้างหาเงินเลี้ยงลูกสาว

(29 ก.ค. 66) พ.ต.อ.กึกก้อง ดิศวัฒน์ ผกก.5 บก.ปคม., พ.ต.ท.กฤตย์ ธีรเวศย์สุวรรณ สว.กก.5 บก.ปคม. นำกำลังเจ้าหน้าที่ กก.5 บก.ปคม. จับกุมนายอภิสิทธิ์ อายุ 29 ปี ตามหมายจับศาลศาลจังหวัดพัทยา ที่ 391/2566 ลงวันที่ 27 ก.ค. 2566 ข้อหาครอบครองสื่อลามกอนาจารเด็กเพื่อ แสวงหาประโยชน์ในทางเพศ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องในการค้าเกี่ยวกับสื่อลามกอนาจารเด็ก จับกุมได้ที่บ้านพักในพื้นที่ตำบลนาจอมเทียน อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี

สืบเนื่องจากก่อนหน้าตำรวจ ปคม.ได้จับกุมผู้ต้องหาล่อลวงเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี มากระทำอนาจารก่อนแอบถ่ายคลิปวีดิโอ แล้วนำไปจำหน่ายทางสื่อโซเชียลต่าง ๆ จึงขยายผลต่อเนื่องจนทราบว่าคลิปจะถูกนำไปเผยแพร่ในกลุ่มไลน์ลับใช้ชื่อว่า ‘Little Angel’

โดยในกลุ่มดังกล่าวจะมีไฟล์คลิปอนาจารของเด็กสาวมากกว่า 1,000 ไฟล์ เพื่อเรียกเก็บเงินค่าสมาชิก ตั้งแต่รายละ 1-3 ร้อยบาท จึงส่งสายลับแฝงตัวเข้าไป ก่อนทราบว่าแอดมินผู้ดูแลกลุ่มคือ นายอภิสิทธิ์ จึงรวบรวมหลักฐานขออำนาจศาลออกหมายจับ ก่อนนำมาสู่การตามจับกุมตัวได้ดังกล่าว

สอบสวนนายอภิสิทธิ์ ให้การรับสารภาพว่าเป็นผู้ตั้งกลุ่มไลน์ Little Angel และจำหน่ายสื่อลามกเด็กจริง ส่วนคลิปลามกเด็กตนซื้อต่อมาจากกลุ่มไลน์อื่น และมาตั้งกลุ่มวีไอพี เพื่อหาลูกค้าอีกต่อหนึ่ง จากการกระทำดังกล่าว เพียงเพื่อต้องการเลี้ยงลูกสาววัย 10 ขวบ เบื้องต้นจึงนำตัวส่งพนักงานสอบสวน กก.5 บก.ปคม. ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

‘บก.ป.’ บุกทลายแก๊งขนยาข้ามชาติ ยึดเฮโรอีนกว่า 32 กก. ใช้กลวิธีซุกลังไม้หยกแกะสลัก เตรียมส่งไปออสเตรเลีย

(27 ก.ค. 66) ที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน ผบก.ป. พ.ต.อ.พรศักดิ์ เลารุจิราลัย รอง ผบก.ป. พ.ต.อ.ศราวุธ จันต๊ะวงค์ ผกก.2 บก.ป.พ.ต.ท.นฤทธิ์ ผูกจิตร รอง ผกก.2 บก.ป. แถลงจับกุมนายธีรพงค์ หรือเบนซ์ หนูทอง อายุ 27 ปี นายธีรพงค์ หรืออ๊อด พริกเบ็นจะ อายุ 42 ปี นายจะอื่อ จะสือ อายุ 47 ปี ตามหมายจับศาลอาญา ข้อหา “ร่วมกันพยายามส่งยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เฮโรอีน) ออกนอกราชอาณาจักรและ ร่วมกันจำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เฮโรอีน)” โดยจับกุมนายธีรพงค์ได้ที่ จ.นครปฐม ส่วนนายธีรพงค์ หรืออ๊อด จับกุมตัวได้ที่ จ.สงขลา ส่วนนายจะอื่อ จับกุมได้ที่ จ.เชียงราย

พล.ต.ต.มนตรี เปิดเผยว่า ก่อนหน้าเจ้าหน้าที่รับงานจากสายลับว่าจะมีการลักลอบขนส่งเฮโรอีน หรือผงขาวไปยังต่างประเทศ โดยจะใช้วิธีการซุกซ่อนไปกับเนื้อไม้ที่ใช้ทำเป็นลังสำหรับใส่หยกแกะสลักเป็นรูปปั้นของมงคลต่างๆเพื่ออำพรางการตรวจจับ เพื่อลักลอบส่งไปยังประเทศออสเตรเลีย จึงเร่งแกะรอยสืบหาเบาะแส ก่อนจะตามตรวจยึดเฮโรอีนที่ซุกซ่อนไปกับลังสินค้าดังกล่าวได้จำนวน 11 ลัง ภายในมีเฮโรอีนซุกซ่อนอยู่ 831 ห่อ น้ำหนักรวมกว่า 32 กิโลกรัม มูลค่าประมาณ 10 ล้านบาท ซึ่งหากส่งไปถึงออสเตรเลียได้ มูลค่าก็จะเพิ่มไปถึง 100 ล้านบาท

พล.ต.ต.มนตรี กล่าวต่อว่า หลังตรวจยึดของกลางได้แล้ว จึงเร่งสอบสวนขยายผลหาที่มาของยาเสพติดดังกล่าว จนทราบว่าหินหยกแกะสลักที่ซุกซ่อนเฮโรอีนนั้น มีต้นทางมาจาก อ.แม่สาย จ.เชียงราย เตรียมจัดส่งไปที่ อ.ศาลายา จ.นครปฐม เพื่อพักสินค้ารอขนขึ้นเรือส่งไปยังประเทศออสเตรเลีย จึงรวบรวมหลักฐานขอศาลออกหมายจับผู้ต้องหาทั้ง 3 รายนี้ ซึ่งทำหน้าที่เป็นผู้สั่งการ และผู้ควบคุมการขนส่ง

สอบสวน ผู้ต้องหาทั้งหมดให้การปฏิเสธ แต่ทางเจ้าหน้าที่ไม่ปักใจเชื่อ เนื่องจากตรวจสอบประวัติพบว่า นายธีรพงค์ หรืออ๊อด นั้นเคยถูกจำคุกถึง 22 ปี 9 เดือน 15 วัน ที่เรือนจำกลางสงขลา ความผิดคดีลักษณะเดียวกันด้วย จึงนำตัวส่ง บช.ปส. สอบสวนขยายผลต่อไป 

‘บิ๊กโจ๊ก’ แจง เป็นหน้าที่ ตม. คุมตัว ‘ทักษิณ’ ส่งศาลตามหมายจับ เผย ยังไร้ข่าวป่วนของกลุ่มการเมือง กำชับเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังเข้ม

(27 ก.ค. 66) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผบ.ตร. เปิดเผย ถึงกรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จะเดินทางกลับไทยในวันที่ 10 สิงหาคมนี้ ในฐานะอดีต ผบช สตม. ว่า สำหรับกรณีผู้ที่มีหมายจับและคดียังอยู่ในอายุความ ตามหลักการแล้วหมายจับจะแสดงในระบบฐานข้อมูลของด่านตรวจคนเข้าเมืองที่สนามบินอยู่แล้ว ซึ่งหมายความว่า เมื่อนายทักษิณเดินทางเข้ามาผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองในสนามบิน ระบบจะปรากฏข้อมูลหมายจับของศาล ให้ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองหน้าด่านตรวจนั้นๆ ทราบทันที หน้าที่ของตำรวจตรวจคนเข้าเมืองคือ จะต้องแจ้งให้บุคคลนั้นทราบ และควบคุมตัวต้องหาส่งให้กับศาลตามหมายจับ

ซึ่งขั้นตอนหลังจากนั้น ก็ขึ้นอยู่กับคำสั่งศาล ว่า มีคำสั่งดำเนินการอย่างไรต่อผู้ต้องหาขณะเดียวกัน ในกรณีเดินทางเข้าเมืองโดยเครื่องบินเจ็ตส่วนตัว แล้วลงจอดในสนามบินอื่น เช่น บน.6 ของกองทัพอากาศ ซึ่งอยู่ในพื้นที่ใกล้เคียงกับสนามบินดอนเมือง ก็จะต้องผ่านขั้นตอนตรวจคนเข้าเมืองเช่นเดียวกับการทางเข้าเมืองผ่านสนามบินทั่วไป

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เปิดเผยต่อว่า ส่วนด้านการข่าวความเคลื่อนไหวของกลุ่มการเมืองต่างๆ ขณะนี้ยังไม่พบความเคลื่อนไหวของกลุ่มใดและยังไม่พบการข่าวที่น่ากังวล แต่เจ้าหน้าที่จะเฝ้าระวังไปจนถึงช่วงเวลาที่นายทักษิณจะเดินทางกลับ ตลอดจนช่วงเวลาหลังเดินทางกลับไทยแล้ว

‘ดีเจเพชรจ้า’ แถลงเส้นทางการเงิน หลังถูกโยงคดี Forex-3D ลั่น!! “เรื่องไม่ดี หลอกเงินชาวบ้าน ไม่มีวันทำเด็ดขาด”

(24 ก.ค. 66) ล่าสุด ‘ดีเจเพชรจ้า’ ชี้แจงผ่านไอจี หลังจากที่มีรายงานข่าวว่าทางดีเอสไอ เตรียมออกหมายเรียกให้มาพบเจ้าหน้าที่เพื่อชี้แจง หลังพบเส้นทางเงินเชื่อมโยงกับคดีฟอกเงิน Forex-3D ซึ่ง ‘ดีเจเพชรจ้า’ ได้ออกมาเปิดเผยว่า...

"ผมของแถลงหน่อยนะครับ ก่อนจะเข้าใจผิดไปกันใหญ่ จากข่าวที่ออกมานะครับหลังจากได้รับหมายไปก็ติดต่อเข้าไปสอบถามทราบข้อมูลมา เกี่ยวกับเงิน 50,000 บาท มีการโอนระหว่างบัญชีกันจึงได้ตรวจสอบ และพบว่าเงินนั้นคือการจ้างในการ post ภาพจาก show room รถแห่งหนึ่ง เมื่อปี 2018 วันที่ 1 พ.ค. 2018 ทางผมมีหลักฐาน สำหรับเรื่องนี้ครับ เรื่องไม่ดี หลอกเงินชาวบ้าน ผมไม่มีวันทำเด็ดขาด ขอบคุณที่กำลังใจครับที่ส่งมา"

นอกจากนี้เจ้าตัวยังเล่าแบบละเอียดในคลิปว่า "ดีเอสไอออกหมายเรียกให้ไปเป็นพยานเรื่อง Forex-3D ผมได้หมายมาแล้วจริง ว่าให้ไปให้การเป็นพยาน เราก็ไม่รู้จริง ๆ ว่าเราไปเกี่ยวพันได้ยังไง เพราะส่วนตัวไม่รู้จักคุณอภิรักษ์เลย"

"และไม่เคยทำธุรกรรมแชร์ลูกโซ่อะไรเลย ไม่เคยเชื่อด้วยว่ามันจะได้เงิน และไม่เคยชวน แต่โทรไปถามแล้วบังเอิญว่ามีการโอนเงิน ระหว่างบัญชีของคุณอภิรักษ์ และบัญชีของผม มียอดเงิน 5 หมื่นบาท เมื่อวันที่ 1 พ.ค. ปี 2018 มี 1 ยอดถ้วน โอนเข้ามาเมื่อ 5 ปีแล้ว"

"ตอนแรกผมก็งงว่าคุณอภิรักษ์เขาโอนเงินอะไรให้ผม ปรากฏว่าวันที่ 1 พ.ค. 2018 ลองไปย้อนในไอจีว่ามันมีอะไรเกิดขึ้นไหม ก็ไปเจอวันที่ดังกล่าวจริง ๆ มีการโสพต์ภาพของผมผ่านทางไอจี เป็นภาพเพจโชว์รูมรถ ตอนนั้นทำรายการเกี่ยวกับรถ ซึ่งก็มีการจ้างโปรโมตโชว์รูมที่ชื่อว่า RKK โดยมีลูกค้า 1 ท่านไดเร็กแมสเสจทางไอจี ให้ผมช่วยโปรโมตเพจ เป็นภาพแคปหน้าจอเพจของเขาส่งมาให้ผมโพสต์ ก็ได้ค่าจ้าง 5 หมื่นบาท ก็เป็นอันว่า ผมเพิ่งมารู้ว่าคนที่จ่ายเงินคือ คนชื่ออภิรักษ์ ผมไม่ทราบด้วยซ้ำว่าใครที่เป็นคนติดต่อ DM มา"

‘ฟิล์ม รัฐภูมิ’ เคลื่อนไหว!! หลังโดนหมายเรียกคดี Forex-3D ขอยืนยันความบริสุทธิ์ เตรียมหอบหลักฐานเข้าพบ DSI 8 ส.ค.นี้

(24 ก.ค. 66) หลังจากที่มีรายงานข่าวว่าทางดีเอสไอ เตรียมออกหมายเรียกอีก 8 ราย ให้มาพบเจ้าหน้าที่เพื่อชี้แจง หลังสอบพบเส้นทางเงินเชื่อมโยงกับคดีฟอกเงิน Forex-3D พบว่าในจำนวนนี้มีดารานักแสดงชายชื่อดังเกี่ยวข้อง 1 ราย นัดหมายให้เข้าพบพนักงานสอบสวนวันที่ 8 ส.ค. ส่วนอีก 1 รายเป็นดีเจชายชื่อดัง นัดหมายให้เข้าพบพนักงานสอบสวนวันที่ 17 ส.ค. ที่กองคดีธุรกิจการเงินนอกระบบ ศูนย์ราชการฯ อาคารบี ชั้น 8 ซึ่งล่าสุดมีชื่อของนักแสดงดัง ‘ฟิล์ม รัฐภูมิ โตคงทรัพย์’ และดีเจชื่อดังอย่าง ‘เพชรจ้า วิเชียร กุศลมโนมัย’ ที่ทางดีเอสไอเตรียมออกหมายเรียก

ล่าสุด แหล่งข่าวคนใกล้ชิด ‘ฟิล์ม รัฐภูมิ’ ได้เผยว่า ตอนนี้ฟิล์มทราบข่าวที่เกิดขึ้นแล้ว เจ้าตัวไม่ได้ซีเรียสอะไร พร้อมที่จะเข้าพบเจ้าหน้าที่ ซึ่งคาดว่าฟิล์มจะเข้าไปพบเจ้าหน้าที่ด้วยตัวเอง เพราะเท่าที่ทราบฟิล์มได้มีการโทรเข้าไปสอบถามทางเจ้าหน้าที่ถึงเรื่องดังกล่าว และได้ชี้แจงเบื้องต้นไปแล้ว โดยฟิล์มจะนำหลักฐานไปชี้แจงความบริสุทธิ์ของตนเองอีกครั้งในวันที่ 8 ส.ค.นี้

นอกจากนี้ ผู้สื่อข่าวถามว่า ฟิล์ม เข้าไปเกี่ยวข้องกับ คดีเงิน Forex-3D ได้อย่างไร แหล่งข่าวคนดังกล่าว เผยว่า เมื่อประมาณปี 2561 ทางผู้บริหาร Forex-3D ได้มีการว่าจ้างบริษัทของฟิล์มให้ทำงานด้วย เป็นเรื่องของการว่าจ้างงาน ไม่ได้มีส่วนร่วมในการไปหลอกให้ประชาชนมาร่วมลงทุน ทางบริษัทของฟิล์มก็มีหลักฐานการว่าจ้างอยู่ ซึ่งฟิล์มจะนำหลักฐานดังกล่าวไปชี้แจงความบริสุทธิ์ของตนด้วย

ธรรมะประจำวันวันอาทิตย์ที่ 23 กรกฎาคม 2566

'เสียงประชาชน’ มิใช่เสียงสวรรค์เสมอไป 

เป็นเสียงนรกก็ได้ ‘เมื่อไร้ศีลธรรม’

-พุทธทาสภิกขุ-

‘รัฐบาล’ เตือน!! มิจฉาชีพหลอกทำบัตร ปชช.ผ่านเฟสบุ๊ก สูญเงินฟรี แถมผิดกฎหมายเข้าข่ายปลอมแปลงเอกสาร

(19 ก.ค. 66) น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวเตือนประชาชนว่า อย่าหลงเชื่อมิจฉาชีพหลอกลวงให้ทำบัตรประจำตัวประชาชน และเอกสารปลอมผ่านเพจเฟสบุ๊ก ทำให้สูญเสียเงินเป็นจำนวนมาก ซึ่งจากเมื่อทำการตรวจสอบแล้วปรากฎข้อเท็จจริงว่า การโฆษณา และรับทำเอกสารทางราชการปลอมดังกล่าว มีลักษณะเป็นการหลอกลวงให้ผู้หลงเชื่อโอนเงินไปให้และตัดการติดต่อหลังมิจฉาชีพได้เงินไป กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย ในฐานะหน่วยงานหลักในการดำเนินงานด้านทะเบียน และบัตรประจำตัวประชาชน

ชี้แจงว่า การดำเนินการใดๆ ที่เกี่ยวกับงานทะเบียนและบัตรประจำตัวประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกรณีบุคคลผู้ไม่มีสถานะทางทะเบียน ต้องดำเนินการทางกฎหมายอย่างรัดกุม ชัดเจน โดยเจ้าหน้าที่รัฐ ทุกกรณี ทั้งนี้ ดำเนินการได้ ณ สำนักทะเบียนท้องถิ่นหรือสำนักทะเบียนอำเภอเท่านั้น เพื่อป้องกันมิให้ผู้ใดเข้าไปเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดอาญา โดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์

น.ส.รัชดา กล่าวว่า รัฐบาลได้กำชับเจ้าหน้าที่ของรัฐทุกฝ่ายป้องกันและปราบปราม และสร้างการรับรู้ให้ประชาชน โดยให้เน้นย้ำในเรื่องสำคัญ ดังนี้

1.) ผู้ที่จ้างหรือสั่งทำเอกสารปลอมข้างต้น ถือเป็นตัวการสำคัญในการกระทำความผิดอาญาฐานปลอมเอกสารสิทธิและเอกสารราชการ สำหรับผู้ที่จ้างต้องรับโทษทางอาญาเช่นเดียวกับผู้รับจ้างที่ทำเอกสารปลอม ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 264 265 หรือ 266 แล้วแต่กรณี ซึ่งมีระวางโทษสูง ต้องจำคุกตั้งแต่ 6 เดือน ถึง 10 ปี หรือปรับไม่เกิน 2 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

2.) ผู้ที่จ้างหรือสั่งทำเอกสารปลอมข้างต้น หรือผู้ใดนำเอกสารปลอมไปใช้หรืออ้างให้ผู้อื่นเชื่อว่าเป็นเอกสารจริงโดยทุจริตและปกปิดข้อเท็จจริง มีความผิดฐานใช้เอกสารปลอมตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 268 ต้องระวังโทษเช่นเดียวกับข้อ 1 ข้างต้น ซึ่งมีระวางโทษสูง ต้องจำคุกตั้งแต่ 6 เดือน ถึง 10 ปี หรือปรับไม่เกิน 2 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

“การดำเนินการใดๆ เกี่ยวกับงานทะเบียนและบัตรประจำตัวประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกรณีบุคคลผู้ไม่มีสถานะทางทะเบียน ต้องดำเนินการทางกฎหมายอย่างรัดกุม ชัดเจน โดยเจ้าหน้าที่รัฐทุกกรณี ซึ่งจะดำเนินการโดยกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย ในฐานะหน่วยงานหลักในการดำเนินงานด้านทะเบียน และบัตรประจำตัวประชาชนของคนไทย ขอประชาชนอย่าหลงเชื่อคำชักชวน หลอกหลวงผ่านสื่อต่างๆ” น.ส.รัชดา กล่าว

‘หนุ่มใหญ่เมืองตรัง’ หลั่งน้ำตา!! เลี้ยงหมูหวังปลดหนี้ธนาคาร ถูกคนร้ายบุกฆ่าลูกหมูยกเล้า สูญเงินก้อนสุดท้ายไปฟรีๆ    

หนุ่มใหญ่เมืองตรังท้อ นำเงินก้อนสุดท้ายมาเลี้ยงหมู หวังปลดหนี้ธนาคาร กลับถูกคนร้ายบุกเข้าฆ่าลูกหมูวัย 45 วัน และ 1 วัน จำนวน 2 คลอก ตายเกลื่อนคาคอกกว่า 13 ตัว ขโมยไปอีก 2 ตัว ซึ่งในระยะเวลา 2 ครั้ง ห่างกันเพียงแค่ 6 วัน เจ้าตัวเผยไม่เคยขัดแย้งกับใคร หลั่งน้ำตาคาดต้องล้มเลิกกิจการ คาดเป็นฝีมือทาสยานรก หรือบุคคลอื่นทำเพื่อกดดันให้หยุดเลี้ยง

(18 ก.ค. 66) ร.ต.อ.นรชัย แก้วหนู รอง สว.(สอบสวน) สภ.เมืองตรัง เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ ภายหลังจากได้รับแจ้งมีคนร้ายบุกใช้อาวุธมีด แทงลูกหมูของเกษตรกรที่เลี้ยงไว้เสียชีวิตคาคอก ซึ่งตั้งอยู่ภายในสวนยางพาราอ่อน จำนวน 7 กว่าไร่ พื้นที่หมู่ 4 บ้านควนดินแดง ต.น้ำผุด อ.เมือง จ.ตรัง ซึ่งเส้นทางเข้าไปภายในสวน เป็นถนนลูกรังห่างจากถนนใหญ่ และห่างไกลจากบ้านเรือนประชาชน

พบคอกเลี้ยงหมูยาวประมาณ 20 เมตร ใกล้กันมีบ้านพักหลังเล็กปลูกอยู่ 1 หลัง พบว่าภายในคอกท้ายสุด พบซากหมูถูกแทงนอนจมกองเลือดจำนวน 8 ตัว หลงเหลืออยู่เพียงแม่พันธุ์หมู สร้างความโศกเศร้าเสียใจให้กับเจ้าของคือนายชาตรี (สงวนนามสกุล) หรือ ‘เขียด’ อายุ 45 ปี เป็นอย่างมาก

นายชาตรี เจ้าของ เล่าทั้งน้ำตาว่า เริ่มเลี้ยงหมูมาเมื่อวันที่ 3 ธ.ค.65 ที่ผ่านมา โดยเลี้ยงพ่อพันธุ์แม่พันธุ์ เพื่อตั้งใจว่าจะผสมพันธุ์ให้เกิดลูก เพื่อที่จะได้จำหน่าย แต่กลับไม่เป็นดังใจหวัง หลังจากลูกหมูคลอกแรกเกิดมาจำนวน 11 ตัว ได้ใช้ชีวิตหลังหย่านมแม่อยู่ได้ประมาณ 45 วัน จนถึงวันที่ 12 ก.ค.66 ที่ผ่านมา ได้มีคนร้ายบุกเข้ามาใช้อาวุธมีดแทง ปาดคอ และผ่าท้องตายไปจำนวน 5 ตัว นอนตายเกลื่อนคอก และถูกคนร้ายขโมยไปอีก 1 ตัว ทำให้เหลือลูกหมูคลอกแรกอยู่เพียง 5 ตัว ตนจึงได้ย้ายที่รอดชีวิตไปอยู่คอกอื่น ซึ่งเหตุการณ์ครั้งแรกตนไม่ได้ติดใจและแจ้งความ เพียงแค่ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานเท่านั้น

จนกระทั่งลูกคลอกที่ 2 ได้เกิดตามมาอีกครั้งทั้งหมด 10 ตัว วันที่ 16 ก.ค.66 ที่ผ่านมา ตายไปตามธรรมชาติ 1 ตัว เหลือ 9 ตัว จนกระทั่งเมื่อคืนที่ผ่านมา (17 ก.ค.66) คนร้ายได้บุกเข้ามาใช้มีดแทงลูกหมูที่มีอายุเพียง 1 วัน ตายไปทั้งหมด 8 ตัวและขโมยกลับไป 1 ตัว ก่อนจะแจ้งตำรวจเพื่อจะดำเนินคดีในครั้งนี้ เหตุการณ์ครั้งล่าสุด ทั้งๆที่ตนเปิดไฟภายในคอกหมูสว่าง และนอนเฝ้าอยู่ภายในสวน แต่ตื่นเช้ามาก็เสียใจที่ถูกฆ่าตาย ซึ่งติดกล้องวงจรปิดไม่ทัน

ตนก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าคนร้ายเป็นโรคจิต หรือวิปริตหรือไม่ หรือเพราะไม่อยากให้ตนเลี้ยงที่นี่ และตนไม่เคยมีศัตรูหรือความขัดแย้งกับใครมาก่อน แม้สวนที่อยู่ติดกันใกล้กันก็เป็นมิตรที่ดีต่อกัน จึงอยากขอความร่วมมือกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ช่วยจับกุมคนร้ายให้ได้อย่างเร็วที่สุด ตนเสียใจน้อยใจมาก เพราะตั้งใจทำมาหากิน แต่กลับถูกรังแก

ที่ผ่านมาตนทำอาชีพค้าขาย แต่ปรากฏว่าติดหนี้สินธนาคาร จึงผันตัวนำเงินที่เหลืออยู่ประมาณ 3 แสนบาทมาลงทุนเป็นเกษตรกรเลี้ยงหมู เพื่อหวังจะได้ทยอยจ่ายหนี้ธนาคารและดูแลครอบครัว เพราะมีลูก 3 คนอยู่ในวัยเรียน รู้สึกเสียใจมากที่มาเกิดเหตุการณ์แบบนี้ หลังจากนี้คิดว่าก็ต้องล้มเลิกกิจการเลี้ยงหมู เพราะทำต่อไปไม่ได้แล้ว

ขณะที่ นายวิชาญ มากแก้ว หรือ ‘ผู้ช่วยเพิ่ม’ อายุ 41 ปี ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านหมู่ 4 ต.น้ำผุด กล่าวว่า คนร้ายลงมือเหี้ยมมาก เพราะทำกับลูกหมูตัวเล็กๆ ได้ขนาดนี้ ทั้งปาดคอ ผ่าท้อง และน่าจะเป็นพวกโรคจิต เพราะท่าบุคคลปกติคงไม่ทำกัน และฆ่าเพียงลูกหมู แต่ไม่ฆ่าแม่พันธุ์ หลังรับแจ้งจากลูกบ้านก็ได้เข้าสอบถามข้อมูลเบื้องต้น แต่เจ้าของยืนยันว่าไม่เคยมีความขัดแย้งกับใครมาก่อน ก็อยากให้ทางตำรวจจับกุมคนร้ายให้ได้ ตอนนี้ก็พอจะมีบุคคลต้องสงสัยอยู่บ้าง แต่ยังคงระบุตรงเป้าไม่ได้

อย่างไรก็ตาม เบื้องต้นทางพนักงานสอบสวนได้ตรวจสถานที่เกิดเหตุ พร้อมทั้งอยู่ระหว่างการสืบสวนสอบสวน เพื่อติดตามจับกุมคนร้ายมาดำเนินคดีให้ได้ ในเบื้องต้นสันนิษฐานว่าอาจจะเป็นการก่อเหตุของบุคคลที่จิตหลอน ติดยาเสพติดในพื้นที่ แต่ก็ยังคงไม่ตัดประเด็นก่อเหตุเพื่อกดดันให้เจ้าของหยุดเลี้ยงและออกจากพื้นที่ เนื่องจากเจ้าของไม่เคยมีความขัดแย้งกับใครมาก่อน

‘ตร.’ รวบ!! ‘สาวแสบ’ หลอกรับจ้างกดบัตรคอนเสิร์ต ‘บิวกิ้น’ แฟนคลับรวมตัวแจ้งความ แค้นถูกตุ๋นชวดบัตร แถมไม่ได้เงินคืน 

(18 ก.ค. 66) พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น., พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รองผบช.น., พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น., พ.ต.อ.วรพจน์ รุ่งกระจ่าง รองผบก.สส., พ.ต.อ.จักราวุธ คล้ายนิล ผกก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ/ บก.สส.บช.น., พ.ต.ท.ยิ่งยศ ลีชัยอนันต์, พ.ต.ท.พัชรพงษ์ กาญจนวัฏศรี รองผกก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ/ บก.สส.บช.น., สั่งการให้ตำรวจ กก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ/ บก.สส. นำโดย พ.ต.ท.ธีวร์ราธิป ชูดวง สว.กก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ พร้อมกำลังชุดปฏิบัติการที่ 2 จับกุมตัว ‘น.ส.ขวัญ’ อายุ 23 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับ ศาลอาญาธนบุรี ที่ 21/2566 ลงวันที่ 11 ม.ค. 65 ข้อหาฉ้อโกงประชาชน โดยทุจริตหรือโดยการหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือแต่บางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน

สืบเนื่องจากผู้เสียหายให้การว่าเมื่อวันที่ 23 ก.ค.65 เข้าไปในทวิตเตอร์เพื่อซื้อบัตรคอนเสิร์ตศิลปิน ‘บิวกิ้น’ พบผู้ใช้นามว่า ‘ร้านกดบัตรขข’ ลงโฆษณารับจ้างกดบัตรคอนเสิร์ตดังกล่าว ซึ่งคิดค่าบริการ จำนวน 400 บาทต่อบัตร 1 ใบ จึงติดต่อว่าจ้างให้กดบัตรคอนเสิร์ตให้กับผู้เสียหาย ต่อมาวันที่ 27 ก.ค.65 ผู้ใช้นามทวิตเตอร์ว่า ‘ร้านกดบัตรขข’ ได้ตอบรับกดบัตรคอนเสิร์ตให้กับผู้เสียหาย โดยให้โอนเงินค่ารับกดบัตรเข้าบัญชีพร้อมเพย์ บัญชีชื่อบัญชี น.ส.ขวัญ ต่อมาผู้เสียหายจึงโอนเงิน 400 บาทไปยังบัญชีดังกล่าว ซึ่งตกลงกดบัตรคอนเสิร์ตในวันที่ 30 ก.ค.65 ต่อมาเวลา 13.00 น. ผู้เสียหายได้รับแจ้งว่ากดบัตรคอนเสิร์ตไม่ได้ จะโอนเงินคืนให้

ผู้เสียหายได้บอกหมายเลขบัญชีธนาคารเพื่อโอนเงินคืน แต่ไม่มีการโอนเงินคืนให้และปิดแอคเคาน์ไม่สามารถติดต่อได้ ผู้เสียหายแจ้งว่ามีผู้เสียหายอีก 10 กว่าคนที่ตนเองรู้จักเป็นแฟนคลับบิวกิ้นก็โดนเหมือนกัน แต่ไม่ได้แจ้งความ เพราะความเสียหายมูลค่าน้อย ส่วนกรณีนี้ผู้เสียหายติดใจ เพราะผิดหวังที่ไม่ได้ดูศิลปินที่ชื่นชอบ เราต้องมาเสียเงินออมเก็บไว้อีก และยังโกงในรูปแบบดังกล่าวรับกดบัตรคอนเสิร์ตจัสติน บีเบอร์ แต่ก็ไม่ได้บัตรเช่นกัน เคสคอนเสิร์ตจัสติน สน.โชคชัยอยู่ในระหว่างการทำสำนวน เบื้องต้นนำตัวผู้ต้องหาส่ง สน.บางยี่เรือ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย

ด้าน พล.ต.ต.ธีรเดช กล่าวว่าขอแจ้งเตือนไปยังผู้กระทำผิด ว่าท่านไม่สามารถหลบรอดกฎหมาย และประชาชนหากมีเบาะแสการกระทำความผิด โปรดแจ้งมายังเพจ ‘สืบสวนนครบาล IDMB’ ได้ตลอด 24 ชม. แม้จะเป็นคดีที่มีความเสียหายไม่มาก แต่หากเป็นคดีที่ประชาชนเดือดร้อน เราทำทันที ตามนโยบายของ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น.


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top