Friday, 20 June 2025
SPECIAL

วัดพลังสองพรรคใหญ่ 'ประชาธิปัตย์-ภูมิใจไทย' ต่างคนต่างมั่นใจ ในศึกชิงเก้าอี้ ส.ส.เมืองคอน

ช่วงวันที่ 11-12 ก.พ.66 ที่ผ่านมา สองพรรคการเมือง อย่าง ประชาธิปัตย์ และ ภูมิใจไทย ได้จัดกิจกรรมทางการเมืองพร้อมกัน และเป้าหมายเดียวกัน คือ ส่งขุนพลลุยเมืองคอน เป้าหมายยึดฐานเมืองคอนให้ได้ ดังนี้...

- ประชาธิปัตย์ขนขุนพลไปเปิดสัมมนาผู้สมัครจากภาคใต้ทั้งหมด 58 เขตเลือกตั้ง 'จุรินทร์' ลั่นหวังกวาดยกจังหวัด 9 ที่นั่ง 

- ภูมิใจไทย จัดกิจกรรมอบรมว่าที่ผู้สมัคร โฆษกบนเวทีเกี่ยวกับทักษะการพูดในที่ชุมชน การเตรียมตัวปราศรัย สองวันเต็มอิ่มกับวิทยากรจากรายการสภาโจ๊ก ด้าน 'อารี ไกรนรา' ลั่น!! มั่นใจ-พร้อม 100% เตรียมเปิดตัวผู้สมัคร และเปิดเวทีปราศรัยใหญ่ 26 กุมภาพันธ์นี้ เชื่อปักธงภูมิใจไทยในเมืองคอนได้แน่นอน

- นิด้าโพลสำรวจคนคอน ยังเลือกลุงตู่เป็นนายกรัฐมนตรีอันดับ 1 ตามด้วยอุ๊งอิ๊ง ส่วนพรรคการเมือง ยังเป็นประชาธิปัตย์มาอันดับ 1 แต่น่าแปลกใจ เลือกเพื่อไทยมาอันดับ 2

>> ปรากฏการณ์แรก
'จุรินทร์' เปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ภาคใต้ 58 เขตครบ มั่นใจกวาดเรียบ

เมื่อเวลา 14.00 น.ของวันที่ 11 ก.พ.2566 ที่โรงแรมทวินโลตัส อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้สพรรค ปชป.ได้เดินทางมาเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ของภาคใต้ 14 จังหวัดภาคใต้ ครบทั้ง 58 เขต 58 คน โดยมีแกนนำพรรคปชป.ประกอบด้วยนายบัญญัติ บรรทัดฐาน, นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน, นายนิพนธ์ บุญญามณี, นายเดชอิศน์ ขาวทอง มาร่วมเปิดตัวในครั้งนี้ด้วย

นายจุรินทร์ ได้แถลงว่าพรรคประชาธิปัตย์ถือว่าเป็นพรรคการเมืองเก่าแก่อยู่คู่กับประเทศชาติมายาวนานมีขึ้นมีลงบ้างเป็นธรรมดาของพรรคการเมืองทุกยุคทุกสมัย วันนี้พรรคประชาธิปัตย์พร้อมสู้ศึกเลือกตั้ง ส.ส.ทั่วประเทศ ซึ่งในส่วนของภาคใต้ทั้ง 58 เขต วันนี้พรรคประชาธิปัตย์พร้อมแล้วในการเปิดตัวว่าที่ผู้สมัครภาคใต้ทั้ง 58 เขตเลือกตั้งและมั่นใจจะสามารถกวาดคว้าชัยชนะหมดทั้ง 58 เขต

จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ กล่าวว่า วันนี้เป็นวันประวัติศาสตร์ของพรรคประชาธิปัตย์ เพราะมีการเปิดตัว ว่าที่ผู้สมัครในพื้นที่ภาคใต้ ครบทั้ง 58 เขตเลือกตั้ง ถือเป็นพรรคแรกของประเทศ ที่แสดงความพร้อมของกับการเสนอตัวรับใช้ประชาชนในภาคใต้ จากเดิมเมื่อปี 2548 ทางพรรคฯ ส่งผู้สมัครไปแค่ 53 เขต ได้รับการเลือกตั้งมากถึง 51 เขต ในสมัยนายบรรทัดฐาน นั่งดำรงตำแหน่ง หน.พรรคฯ การเลือกตั้งสมัยหน้า ขอประกาศว่า พรรค ปชป.พร้อมสู้ทุกเขต พร้อมคัมแบ็คทั้ง 58 เขตเลือกตั้ง และในวันนี้ทางพรรคฯ ได้เสนอทางเลือกที่ดีที่สุดกับคนภาคใต้ ยืนยันได้จากจำนวน ส.ส.จำนวน 18 คน ที่ยังคงเป็นตัวแทนชาวบ้านอยู่ในตอนนี้ และรวมไปถึงบุคคลที่เป็นรัฐมนตรี และ อดีตรัฐมนตรี ทั้ง 4 คน ไม่ว่าจะเป็น นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ, นายสาธิต วงค์หนองเตย, นายสินิตย์ เลิศไกร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพานิชย์ 

ทางพรรคฯ ไม่มีความหวั่นไหว และมั่นใจว่ายังครองใจคนภาคใต้ได้อยู่ ขอให้คนภาคใต้ช่วยกันสนับสนุน ลงคะแนนเลือก พรรคที่เคียงข้างประชาชน มาตลอดเวลา 76 ปี และในฐานะ ที่ตนเองก็เป็นคนภาคใต้ มีจิตวิญญาณคนใต้ ที่จะนำ พรรค ปชป.กลับคืนสู่ประชาชนต่อไป

>> ปรากฏการณ์ที่ 2
'อารี ไกรนรา' จัดอบรมทักษะการพูด-การปราศรัยให้กับว่าที่ผู้สมัคร-โฆษกบนเวที เตรียมเปิดต้ว 9 ผู้สมัครภูมิใจไทยเมืองคอน และปราศรัยใหญ่ เป็น 26 กุมภาพันธ์ เจอกันที่ทุ่งท่าลาด

'กกต.' เตือน 'นักการเมือง' วาเลนไทน์นี้ งดแจกกุหลาบ ชี้ อาจตีความเป็นมูลค่าทรัพย์สิน เข้าข่ายผิดกฎหมาย

(13 ก.พ. 66) นายสำราญ ตันพานิช ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำกรุงเทพมหานคร (ผอ.กกต.กทม.) กล่าวถึงข้อห่วงใยการหาเสียงเลือกตั้งของพรรคการเมือง และผู้ประสงค์ลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. ช่วงวันวาเลนไทน์หรือวันแห่งความรัก 14 ก.พ. นี้ ว่าการแจกดอกกุหลาบของนักการเมือง ก็อาจเข้าข่ายผิดกฎหมาย พ.ร.ป. ว่าด้วยการเลือกตั้งได้

โดยแม้ว่าวันดังกล่าว จะไม่ใช่ประเพณีและวัฒนธรรมโดยตรงของประเทศ แต่คนไทยนิยมและถือปฏิบัติกันตามหลักสากล ดังนั้น จึงขอให้นักการเมือง ผู้ประสงค์จะลงสมัครรับเลือกตั้ง และพรรคการเมือง ปฏิบัติตามกฎหมาย เนื่องจากพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฏร พ.ศ. 2561 มาตรา 73 กำหนดลักษณะต้องห้ามไว้อย่างเคร่งครัด

“เมื่อเป็นวันพิเศษของทุกคน ก็อาจทำให้เกิดความพลั้งเผลอหรือลืมนึกถึงไปได้ ดังนั้นขอให้ระมัดระวังอย่าทำผิดกฎหมาย”

‘เพื่อไทย’ จวก กกต. แบ่งเขตเลือกตั้งบิดเบี้ยว เย้ย!! ต่อไปคงต้องเรียก ส.ส.แขวง

‘เพื่อไทย’ กางตำรากฎหมายจวก กกต. แบ่งเขตเลือกตั้งบิดเบี้ยว พื้นที่เดียวกันมีผู้สมัคร 3 คน เย้ยต่อไปต้องเรียก ส.ส.แขวง โวยปชช.โดนรัฐประหารผ่านการแบ่งเขต จี้ทบทวนด่วน

(13 ก.พ. 66) ที่พรรคเพื่อไทย นายวิชาญ มีนชัยนันท์ ประธานภาค กทม. พรรคเพื่อไทย นางสุภาภรณ์ คงวุฒิปัญญา ส.ส. กทม. และน.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ ส.ส.กทม. และโฆษกพรรค ร่วมแถลงกรณีการเสนอรูปแบบการแบ่งเขตเลือกตั้งของพรรคเพื่อไทย ในเขตพื้นที่ กทม. ต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)

น.ส.ธีรรัตน์ กล่าวว่า การแบ่งเขตเลือกตั้งในพื้นที่ กทม. นั้น เดิมมี 5 รูปแบบ ซึ่งมากกว่าจังหวัดอื่น ๆ อยู่แล้ว ล่าสุด กกต. แบ่งออกมาเพิ่มอีกรวมเป็น 8 รูปแบบ ทำให้ประชาชนเกิดความสับสนในการเลือกตั้ง ส.ส.เขต เรียกได้ว่าเป็นการแบ่งเขตที่บิดเบี้ยว ไม่เป็นไปตามธรรมชาติของแต่ละพื้นที่ การแบ่งเขตรูปแบบที่ 6 - 8 นี้ไม่เป็นไปตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. พรรคเพื่อไทยและพรรคอื่น ๆ ไม่เห็นด้วย เพราะจะเป็นการสร้างปัญหาให้กับประชาชน เกิดความไม่สะดวกเพราะต้องไปใช้สิทธิเลือกตั้งไม่ตรงกับที่อยู่อาศัย รวมถึงสร้างความลำบากต่อเจ้าหน้าที่ของรัฐเอง ทำให้ไม่คุ้นเคยกับพื้นที่ซึ่งเคยทำงานมา

“การแบ่งเขตดังกล่าวยังส่งผลให้ผู้สมัครพบปัญหาว่าในเขตเดียวมีผู้สมัครถึง 3 - 4 คน ต่างพรรคต่างเบอร์กัน จะเป็นเหตุให้การเลือกตั้งครั้งต่อไปผิดพลาดบกพร่อง เกิดบัตรเสียจำนวนมาก และไม่เป็นผลดีต่อระบอบประชาธิปไตย กกต. ควรยึดตามหลักกฎหมายและความเป็นจริง ขอเรียกร้องให้ กกต. ทบทวนใหม่” โฆษกพรรคเพื่อไทย ระบุ

ด้านนายวิชาญ กล่าวว่า การแบ่งเขตรูปแบบ 6 - 8 ซึ่ง กทม.มีทั้งหมด 30 เขต จำนวนประชากรประมาณ 5 ล้านคน จากการรวบรวมความเห็นของประชาชน และพิจารณาตามหลักของ พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. รวมถึงระเบียบของ กกต. เป็นเกณฑ์ เห็นว่าการแบ่งเขตแบบ 1-3 มีความชัดเจน พื้นที่มีความคาบเกี่ยวกัน การจัดรูปแบบดังกล่าวมีความสอดคล้องกว่า ไม่สร้างความสับสน มี 25 เขต จาก 30 เขต ที่ไม่ต้องแบ่งเขตเพิ่มเติมใหม่

“การแบ่งเขตแบบที่ 6 - 8 มีโอกาสสร้างความสับสนให้ประชาชนมากกว่า หากมีการแบ่งพื้นที่ตามแขวง คงเรียก ส.ส.เขต ไม่ได้ ต้องเรียกว่า ส.ส.แขวง และจะสร้างผลเสียคือบัตรเสียจะมากขึ้น จากการฟังเสียงประชาชน พรรคเพื่อไทยจึงเสนอว่ารูปแบบการแบ่งเขตแบบที่ 1 - 2 มีความเหมาะสมมากที่สุด เพราะเขตหลักๆ ยังอยู่ ไม่ถูกแบ่งแยก จึงมีความสะดวกต่อประชาชนมากกว่า” นายวิชาญ กล่าว

'ชาติพัฒนากล้า' ลุยสำรวจปทุมธานี - อยุธยาฯ ผลักดัน 'ศก.สายมู' ดึงดูด นทท. สร้างรายได้ให้ประเทศ

(13 ก.พ. 66) พรรคชาติพัฒนากล้า นำโดย นายวรวุฒิ อุ่นใจ รองหัวหน้าพรรค, นายวัชรพงศ์ ระดมสิทธิพัฒน์ หรือ นายกอุ๊ ที่ปรึกษาพรรค พร้อมด้วย นางสาวยศยา ชิยาปภารักษ์ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กรุงเทพมหานคร, นางสาววิเวียน จุลมนต์ และนางสาวกชพร คีรีโชติ ทีมนโยบายพรรค เดินทางสำรวจแหล่งท่องเที่ยวสายมู ณ วัดโบสถ์ อำเภอสามโคก จังหวัดปทุมธานี, วัดไชยวัฒนาราม และอุทยานหลวงปู่ทวด จังหวัดพระนครศรีอยุธยา

โดยวัดโบสถ์นั้น มีการสร้างหลวงพ่อโต องค์ใหญ่ ติดแม่น้ำเจ้าพระยา โดย นายกอุ๊ เป็นผู้ดำเนินการจัดสร้างเมื่อกว่า 10 ปี ที่แล้ว จากวัดเล็ก ๆ ขยายเติบโตเป็นวัดขนาดใหญ่ ที่ประชาชนจากทั่วประเทศ เข้ามาสักการะไม่ขาดสาย สร้างรายได้ให้กับชาวบ้านในพื้นที่ ที่นำของมาจำหน่าย สร้างรายได้ให้เกิดขึ้นในชุมชน

ส่วนที่วัดไชยวัฒนาราม ก็เป็นแลนด์มาร์กสำหรับแหล่งเช็กอินของชาวไทยและต่างประเทศ สร้างรายได้ให้กับร้านค้า เช่าชุดไทย ที่นักท่องเที่ยวนิยมใส่ถ่ายรูปกันอย่างเนืองแน่น โดยเฉพาะเสาร์ - อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ และที่อุทยานหลวงปู่ทวด ซึ่งนายกอุ๊ ได้จัดสร้างขึ้นมาใหม่ จากพื้นที่นาโล่ง ๆ กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวระดับโลก ที่สร้างรายได้ให้กับร้านค้าชุมชนในพื้นที่ต่อเดือนตั้งแต่ 100,000 – 350,000 บาท

นางสาวยศยา หรือ นุ่น ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคชาติพัฒนากล้า ซึ่งเป็นผู้ที่ทำธุรกิจสายมู กล่าวว่า ปฏิเสธไม่ได้ว่าความเชื่อและความศรัทธาในศาสตร์การกราบไหว้บูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ อยู่คู่คนไทยมาช้านานตั้งแต่อดีตกาลจนถึงปัจจุบันกาล การกราบไหว้และบูชาในศาสตร์ต่าง ๆ เปรียบดั่งการยึดเหนี่ยวจิตใจ รวมถึงปลุกขวัญและกำลังใจในการใช้ชีวิตทางโลกได้อย่างเสถียรภาพและมีคุณภาพ มีบทวิจัยจากนักวิจัยหลายประเทศ เป็นเครื่องยืนยันว่าศาสตร์ของการมูเตลูและการนั่งสมาธิสามารถเยียวยาจิตใจ รักษาโรคภัย และเพิ่มคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับมวลมนุษย์ได้

นางสาวยศยา กล่าวว่า ตนเป็นอีกคนหนึ่งที่มีศรัทธาอย่างแรงกล้า ในการบูชาองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าและศาสตร์การบูชาองค์เทพสายขาวทุกแขนง เริ่มต้นจากผู้ศรัทธากลายมาเป็นผู้บูชา จนมาถึงเป็นผู้ประกอบการธุรกิจ one stop services เกี่ยวกับการมูเตลู นุ่นเป็นทั้งผู้ซื้อสินค้าและบริการ จนกลายมาเป็นผู้ให้บริการทางด้านสินค้าและบริการทางศาสตร์มูเตลู เป็นเครื่องยืนยันได้จากประสบการณ์จริงว่า ความศรัทธา สามารถเปลี่ยนเป็นเม็ดเงิน และต่อยอดทางธุรกิจและเศรษฐกิจได้อย่างไม่รู้จบ

'ปคบ.-อย.' บุกโกดังลอบผลิตเครื่องสำอาง - ยาสีฟันปลอม ยึดของกลางเกือบ 70,000 ชิ้น มูลค่ากว่า 14 ล้าน!!

(13 ก.พ. 66) พล.ต.ต.อนันต์ นานาสมบัติ ผบก.ปคบ. พร้อมด้วย ภก.วีระชัย นลวชัย รองเลขาธิการ คณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ร่วมแถลงการตรวจค้นเป้าหมาย 3 จุด ในเขตประเวศ กรุงเทพฯ และสมุทรปราการ เพื่อทลายเครือข่ายลอบนำเข้าเครื่องสำอางแบรนด์ไทยปลอมหลากยี่ห้อ ของกลางกว่า 70 รายการ มูลค่ากว่า 14 ล้าน

พล.ต.ต.อนันต์ เปิดเผยว่า จากการตรวจค้นสามารถตรวจยึดและอายัดผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง และยาสีฟันไทยยี่ห้อดังปลอม และแบรนด์อื่น ๆ กว่า 67,430 ชิ้น 70 รายการ มูลค่าของกลางกว่า 14 ล้านบาท พร้อมจับกุมนายจง (Mr.Zhong) สัญชาติจีน ซึ่งทำหน้าที่ดูแลสถานที่ โดยผู้ต้องหาให้การปฏิเสธ รับแค่ว่ามีหน้าที่แพ็คสินค้าและส่งให้ลูกค้าตามออเดอร์ โดยมีนายทุนจีนเป็นคนสั่งการ และทำมาแล้วกว่า 3 เดือน

พล.ต.ต.อนันต์ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ผู้ต้องหาให้การซัดทอดไปยังกลุ่มทุนจีน ว่า เป็นผู้ส่งสินค้ามาให้จากประเทศจีน ตนเป็นคนแพ็คของส่งของ ซื้อขายผ่านร้านแพลตฟอร์มออนไลน์ (ช้อปปี้, ลาซาด้า) กว่า 18 ร้านค้า โดยเปลี่ยนชื่อบัญชีผู้รับโอนเงิน รวมทั้งเปลี่ยนที่จัดส่งหลายครั้ง โดยใช้รถขนส่งของเอกชนเพื่ออำพรางจนยากที่จะตรวจสอบ

ผบช.ภาค 5 แถลงผลการจับกุม คดียาเสพติดรายสำคัญ ตรวจยึดของกลางยาบ้า 4,600,000 เม็ด และไอซ์ 133 กก.

ตามนโยบายของรัฐบาลในด้านการปราบปรามการแพร่ระบาดของยาเสพติด ซึ่งเป็นภัยคุกคามและอาชญากรรมต่างๆ ที่เกิดขึ้นในสังคมได้สร้างผลกระทบต่อประชาชน และสร้างความเสียหายให้แก่ประเทศชาติเป็นอย่างมาก 

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ได้มอบนโยบายให้เร่งรัดติดตามจับกุมขบวนการค้ายาเสพติดอย่างจริงจังตามแผนปฏิบัติการด้านการแก้ไขปัญหายาเสพติดชายแดนภาคเหนือ เพื่อสกัดกั้นการลักลอบขนยาเสพติดเข้ามาตอนในของประเทศให้เห็นผลอย่างเป็นรูปธรรม 

วันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2566 เวลา 09.00 น. ตำรวจภูธรภาค 5 โดย พล.ต.ท.ปิยะ ต๊ะวิชัย ผบช.ภ.5 , พล.ต.ต. พฤทธิพงษ์ ประยูรศิริ รอง ผบช.ภ.5 ,พล.ต.ต.วรพงค์ คำลือ ผบก.สส.ภ.5 ,พ.ต.อ.พิทักษ์ นาสมวาส รอง ผบก.สส.ภ.5 ,พ.ต.อ.สงกรานต์ สันติวงค์ ผกก.สภ.แม่ฟ้าหลวง ,พ.ต.อ.พัสกร ธวัชเชียงกุล ผกก.สส.ภ.จว.เชียงราย ,นายอนุเทพ ธาระณะ ผอ.ส่วนตรวจสอบทรัพย์สิน ปปส.ภ.5,พ.อ.ยอดชาย พวงวรินทร์ รอง เสธ ศอ.ปส.ชน. ได้ร่วมกันแถลงผลการจับกุมยาเสพติดรายสำคัญ จำนวน 1 คดี จับกุมผู้กระทำความผิดตามหมายจับ 1 คน ตรวจยึด ยาบ้า 4.6 ล้านเม็ด ยาไอซ์ 133 กิโลกรัม ขยายผลตรวจยึดรถยนต์ของกลางรวม 4 คัน ซึ่งเป็นผลการจับกุมของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.แม่ฟ้าหลวง จว.เชียงราย 

เหตุดังกล่าว เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2566 เวลาประมาณ 14.30 น. ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจรถยนต์ได้ออกตรวจพื้นที่รับผิดชอบเส้นทางตามแนวชายแดน และตั้งจุดสกัดยาเสพติดบริเวณที่เกิดเหตุ ได้พบรถยนต์กระบะ ขับมาจากบ้านห้วยปู ม.11ต.แม่ฟ้าหลงวง อ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย เข้ามายังบริเวณจุดสกัด เมื่อเห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ รถคันดังกล่าวได้ขับถอยหลังหลบหนี เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงขับรถยนต์ ไล่ติดตาม ไปพบรถคันดังได้ตกลงอยู่ข้างทาง ลักษณะประตู ด้านคนขับเปิดและดับเครื่องยนต์ไว้ แต่กุญแจรถเสียบคาอยู่ ไม่พบผู้ใด จึงได้เข้าตรวจสอบรถคันดังกล่าวพบกระสอบฟางอยู่ในที่นั่งตอนในกับกระบะท้ายเป็นจำนวนมาก จากการตรวจสอบพบว่า เป็นยาบ้าบรรจุอยู่ในกระสอบฟางจำนวน 23 กระสอบ ประมาณ 4.6 ล้านเม็ด และพบยาไอซ์ บรรจุอยู่ในถุงชาสีเขียว อีกจำนวน133 ถุง ประมาณ 133 กิโลกรัม เจ้าหน้าที่ชุดตำรวจจึงได้ตรวจยึดและนำของกลางส่งพนักงานสอบสวน

ต่อมาสามารถขยายผลออกหมายจับและทำการจับกุมตัวนายสิทธิชัย (สงวนนามสกุล) อายุ31 ปี ซึ่งเป็นชาว อ.แม่จัน จว.เชียงราย ได้

ในความผิดฐาน “ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษ ประเภท 1 ไว้ในครอบครองเพื่อการค้าโดยไม่ได้รับอนุญาต อันอาจก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชน และทำให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐ หรือความปลอดภัยของประชาชน”

เพจสายไหมต้องรอด พาญาติสาวผูกคอตายเข้าร้องเรียน พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หาสาเหตุที่แท้จริง หลังติดใจการเสียชีวิต

วันนี้ (13 ก.พ.66) เวลาประมาณ 09.30 น. พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ได้เดินทางมารับเรื่องร้องเรียนจาก นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ แอดมินเพจสายไหมต้องรอด ที่สมาคมพนักงานสอบสวน สโมสรตำรวจ โดยพา นายเกรียงศักดิ์ ริ้วกลาง ผู้ร้องซึ่งเป็นพี่ชาย ของน.ส.วัน (นามสมมติ)อายุ 31 ปี ซึ่งเสียชีวิตด้วยการผูกคอตาย เชื่อว่าการเสียชีวิตชีวิตของ น.ส.วัน น้องสาวนั้น มีความผิดปกติน่าสงสัย อาจเสียชีวิตจากเหตุฆาตกรรม ก่อนหน้านี้ผู้ตายได้คบหากับชายชาวต่างชาติคนนึง ที่รู้จักกันในสถานบันเทิงและได้คบหากันมาประมาณ 4-5 เดือน สัปดาห์ที่แล้วผู้เสียชีวิต ได้ปรึกษาพี่ชาย ว่าถูกฝ่ายชายทำร้ายร่างกาย และได้หลบหนีออกมา พี่ชายจึงแนะนำให้ไปแจ้งความ โดยลงประจำวันไว้เป็นหลักฐาน

ต่อมา ผู้ตายยังปรึกษาพี่ชายเรื่อย ๆ ว่า ถูกบังคับให้เสพยา เช่น กัญชา โคเคน และมีการถ่ายคลิป ถ่ายภาพที่ไม่เหมาะสมไว้และขู่ว่าจะเผยแพร่ในอินเตอร์เน็ตหากไม่ยินยอม ทางพี่ชายของผู้ตาย ได้พยายามหาทางช่วยเหลือผู้ตาย แต่ได้รับแจ้งว่าผู้ตายได้เสียชีวิตด้วยการผูกคอ โดยคนที่อยู่ในเหตุการณ์อ้างว่านำตัวลงมาปั๊มหัวใจ แต่ช่วยไว้ไม่ได้ ก่อนจะนำส่งไปที่โรงพยาบาลวชิระภูเก็ต เพื่อชันสูตรการเสียชีวิต

ย้อนเวลา '24 สิงหาคม 2557' ก้าวแรกแห่งนายกรัฐมนตรี ผู้ชายที่ชื่อ 'ประยุทธ์ จันทร์โอชา' ผู้มาพร้อมการ 'คืนความสุขให้คนไทย'

ตั้งคำถามสนุกๆ ว่า ระยะเวลาราว 8 ปี หากคิดจะเขียนจดหมายถึง “ใครสักคน” คุณอยากเขียนถึงใคร? ได้ยินเสียงตะโกนพร้อมกันโดยไว 'ลุงตู่ไง จะใครล่ะ!!'

เพราะ 8 ปี คือตัวเลขระยะเวลาการทำงานของ 'ลุงตู่' หรือ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในฐานะผู้นำฝ่ายบริหารของประเทศไทย แน่นอนว่า เป็น 8 ปีที่มีเรื่องราวต่าง ๆ มากมาย และในวาระการเลือกตั้งใหญ่กำลังจะมาถึง พร้อมการมาถึงซึ่ง 'นายกรัฐมนตรีคนที่ 30' ของประเทศ THE STATES TIMES จึงนึกสนุก ขอเขียน 'จดหมายเหตุลุงตู่' ผู้นำประเทศคนที่ 29 ของประเทศไทย ที่ผ่านร้อนผ่านหนาว ผ่านเรื่องราวต่าง ๆ มากมาย เรื่องไหนที่ควรเก็บบันทึกไว้ในรูปแบบจดหมายกันบ้าง เราจะนำมาเขียนถึงให้ได้ทราบกัน.. 

เริ่มต้นจดหมายเหตุฉบับแรกด้วย เรื่องราว 'วันแรกของการเป็นนายกรัฐมนตรี' ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 21 สิงหาคม 2557 หลังสภานิติบัญญัติแห่งชาติ มีมติเอกฉันท์เลือก พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี ต่อมาในวันที่ 24 สิงหาคม 2557 มีประกาศราชกิจจานุเบกษา พระบรมราชโองการ ประกาศแต่งตั้ง พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี นับเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 29 ของไทย

ซูเปอร์โพล เผยภาคเอกชน ยก ‘บิ๊กตู่’ ซื่อสัตย์-สุจริต พร้อมเทคะแนนเลือกเข้ามาบริหารประเทศอีกสมัย

(12 ก.พ. 66) ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.นพดล กรรณิกา หัวหน้าโครงการวิจัย สำนักวิจัยซูเปอร์โพล (SUPER POLL) เสนอผลสำรวจ เรื่อง ประยุทธ์ กับ คุณธรรมการเมือง กรณีศึกษาผู้ประกอบการ ธุรกิจ รายย่อย รายย่อม และขนาดกลาง (MSME) ทั่วประเทศ จำนวน 1,035 ตัวอย่างระหว่างวันที่ 8 – 11 ก.พ. 2566 ที่ผ่านมา เมื่อถามถึง คุณธรรมการเมืองของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 80.5 ระบุ ซื่อสัตย์สุจริต รองลงมาคือ ร้อยละ 74.5 ระบุ เสียสละอดทน แบกรับภาระประเทศ ปัญหาทุกสิ่งของชาติ ร้อยละ 74.4 ระบุ ขยัน หมั่นเพียร มุมานะบากบั่น อุตสาหะ ร้อยละ 74.3 ระบุ ความรับผิดชอบ อย่างไรก็ตาม ร้อยละ 62.0 ระบุ ความเก่ง ความสามารถ

เมื่อเปรียบเทียบ คุณธรรมการเมือง ระหว่าง อดีตนายกรัฐมนตรี ก่อนหน้านี้ กับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีคนปัจจุบัน พบว่า จำนวนมากหรือร้อยละ 44.8 ระบุ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มีคุณธรรมการเมือง มากกว่า ในขณะที่ ร้อยละ 29.0 ระบุ น้อยกว่า และร้อยละ 26.2 ระบุไม่แตกต่าง

ที่น่าสนใจคือ ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 64.4 จะกาบัตรเลือกตั้ง คนซื่อสัตย์สุจริต ไม่ด่างพร้อย เคยมีผลงานพาประเทศผ่านวิกฤตต่าง ๆ ได้ ในขณะที่ร้อยละ 35.6 ตั้งใจจะกาบัตรเลือกตั้ง คนเก่งเศรษฐกิจ โกงบ้างไม่เป็นไร

ที่น่าพิจารณาคือ แนวโน้มความตั้งใจจะเลือก พรรครวมไทยสร้างชาติ จากเดือน กรกฎาคม ปีที่แล้ว 2565 ถึงวันนี้เดือนกุมภาพันธ์ 2566 พบว่า ความตั้งใจจะเลือกพรรครวมไทยสร้างชาติ ถ้าวันนี้เป็นวันเลือกตั้ง เพิ่มสูงขึ้นแบบก้าวกระโดด จาก เดือนกรกฎาคมปีที่แล้วอยู่ที่เพียงร้อยละ 0.4 เพิ่มขึ้นในเดือน มกราคม 2566 มาอยู่ที่ร้อยละ 4.8 และขยับขึ้นมาอยู่ที่ร้อยละ 9.4 ในการสำรวจล่าสุดวันนี้เดือนกุมภาพันธ์ 2566 ตามลำดับ

ความมุ่งมั่นครั้งสำคัญของ 'นายกใหญ่' สะบัดธง ‘พลังประชารัฐ’ รับใช้ 'ปทุมธานี' ยกจังหวัด

"เป้าหมายใหญ่ พัฒนาปทุมธานี ให้กลายเป็นเมืองที่ผู้คนต้องหยุดมอง และกลายเป็นอีกเมืองสำคัญของประเทศ ที่ผู้คนต้องแวะมาท่องเที่ยว เศรษฐกิจดี ปากท้องต้องดี สาธารณูปโภคพร้อม ไร้ยาเสพติด และสลายสีขั้วการเมือง" 

นี่คือการประกาศศักดาจาก นายเสวก ประเสริฐสุข ผู้สมัคร ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ จังหวัดปทุมธานี ชายที่พี่น้องชาวปทุมฯ ต่างรู้จักกันดีในฉายา ‘นายกใหญ่’ อดีต นายก อบต.เชียงรากใหญ่ และ อดีตรอง นายก อบจ.ปทุมธานี ผู้ได้รับฉายา ‘พี่ใหญ่ มีแต่ให้’ ของชาวปทุมฯ ที่เปิดเผยในรายการ Contributor (ผู้แทน เดอะซีรีส์)

'พี่ใหญ่ เสวก' ถือเป็นบุคคลที่ชาวปทุมฯ ให้การยอมรับในความเป็นคนพูดจริงทำจริง มีน้ำใจสไตล์นักเลง ชอบช่วยเหลือผู้อื่น เพราะตนเองเคยผ่านความยากลำบากมาก่อน 

โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับคนพื้นที่เชียงรากใหญ่ แห่งเมืองปทุมฯ จะคุ้นเคยกับพี่ใหญ่อย่างมาก เพราะถือเป็นบุคคลสำคัญที่ทุ่มเทพัฒนาผืนถิ่นในส่วนที่ทำได้ (เชียงรากใหญ่) นำความเจริญในแง่ของสาธารณูปโภค เศรษฐกิจ และการเกษตรมาสู่ปทุมธานีอย่างต่อเนื่อง ใต้บทบาทของคนทำงานเบื้องหลัง

พี่ใหญ่ มักจะมองเห็นปัญหา และแนวทางแก้ปัญหา รวมถึงวิธีการพัฒนาจังหวัดปทุมธานี แต่ด้วยข้อจำกัดของการเป็นคนเบื้องหลัง ทำให้การผลักดันภายใต้มุมคิดที่เจนจัดถูกขจัดออกไป

ดังนั้น การตัดสินใจลุกขึ้นมาเป็นคนเบื้องหน้า ลงสมัคร ตำแหน่ง ส.ส.แห่งเมืองปทุมฯ จึงเป็นธงสำคัญ ที่จะช่วยเร่งความเจริญให้ปทุมธานีไม่ต้องทนเป็นแค่เมืองล้าหลังอีกต่อไป และต่อจากนี้คือสิ่งที่พี่ใหญ่เล่าให้ THE STATES TIMES ฟัง...

>> แปลงร่างปทุมธานี 
"ปทุมธานีเหมาะที่จะเป็นนิคมอุตสาหกรรมหรือโรงงานย่อยๆ เพราะใกล้กรุงเทพฯ ใกล้ท่าเรือ ถ้าทำได้ ผมกล้าบอกเลยว่าความเจริญมันจะเกิดขึ้นในพื้นที่ปทุมธานี และถ้าจะให้ผมทำมันให้เกิดขึ้นจริงได้ ต้องเลือกผมทั้ง 7 คน 7 เขต ประชาชนชาวปทุมธานีต้องร่วมมือกันเลือกทีมนายกใหญ่ ช่วยกันเลือกพลังประชารัฐปทุมธานี"

>> แค่ผมคนเดียว เปลี่ยนแปลงไม่ได้!!
"ที่บอกว่าควรเลือกเราทั้ง 7 เขต เพราะแค่ความสามารถและความตั้งใจจากบุคคลใดบุคคลหนึ่งยังไม่พอ เราเห็นสิ่งที่บุรีรัมย์เป็นไหม เราเห็นสิ่งที่สุพรรณบุรีเป็นไหม ความเจริญมาจากความเป็นหนึ่งเดียวของ ส.ส.ที่มาจากพรรคเดียวกัน ซึ่งจะช่วยให้มีอำนาจในการผลักดันนโยบายและการทำงานแบบบูรณาการได้ชัดเจน ทำงานร่วมกัน ไม่เกิดความขัดแย้ง จังหวัดก็เจริญ"

>> เพื่อนร่วมทีมชั้นยอด เก่งกาจคนละด้าน
"ยิ่งไปกว่านั้น ผมเลือกแต่คนที่เข้าใจปัญหา และมีหัวใจที่อยากเปลี่ยนแปลงจังหวัดปทุมธานีไปในทิศทางที่ดีขึ้น ภายใต้ความสามารถที่แตกต่างกันแบบไม่ทับซ้อน เช่น ผมมี 'สจ.ตุ้ย นพดล ลัดดาแย้ม' ท่านจะเข้ามาช่วยบูรณาการด้านเกษตร ลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ ให้องค์ความรู้ในการสร้างผลผลิตทางเกษตรแนวใหม่

"ต่อมา กำนันหมู ยุทธวัฒน์ หาญเกียรติกล้า ท่านอยากจะเข้ามาผลักดันนวัตกรรมใหม่ๆ ให้ชาวปทุมฯ ผ่านระบบคมนาคมใหม่ที่เป็นรูปธรรมและเหมาะต่อพี่น้องชาวปทุมธานี รวมถึงท่านยังเก่งในการเข้าถึงการแก้ปัญหายาเสพติดอีกด้วย

"ด้าน ดร.ปรีชา ชื่นชนกพิบูล ท่านวางแผนระยะยาวในการบรรเทาปัญหาความเดือดร้อนเรื่องของรถติด และจะทำให้ชาวปทุมฯ กลับถึงบ้านได้โดยเร็ว ไม่ต้องติดบนถนนนานๆ อีกต่อไป

"ท่าน วิรัช พยุงวงษ์ นี่คือกุนซือด้านกฎหมาย และมีความสามารถในการจัดหางบประมาณมาช่วยสร้างความเจริญเติบโตให้จังหวัดได้ ซึ่งแต่ก่อนท่านก็หางบมาช่วยท้องถิ่น อบต. เทศบาลอยู่อย่างต่อเนื่อง

"ต่อมา เกียติศักดิ์ ส่องแสง ท่านต้องการทำเมืองปทุมฯ ให้เป็นแลนด์มาร์ก เช่น ปทุมฯ ต้องมีแลนด์มาร์กในจุดช่วงงบแม่น้ำเจ้าพระยาอย่างเป็นจริงเป็นจัง ต้องทำให้เป็นเมืองน่าเที่ยวไม่แพ้จังหวัดอื่นๆ 

"สุดท้ายกับ กฤษณา วงศ์คำ เธอมองไปถึงการนำเทคโนโลยี เข้ามาเป็นสื่อกลางในการค้าขาย ยกระดับราคา และช่วยขยายตลาด เพื่อส่งเสริมคุณภาพชีวิตให้ชาวเกษตรกรมีรายได้ที่ดีขึ้น

"ทุกคนมีพลัง มีความรู้ และมีความตั้งใจที่อยากจะเข้ามาร่วมกันพัฒนาปทุมธานีให้เจริญภายใน 4 ปีนี้"

>> ทั้งชีวิตมีแต่ให้
พี่ใหญ่ เล่าให้ฟังอีกว่า เหตุผลที่กล้าลงมาสมัคร เพราะเชื่อในความไว้วางใจที่คนปทุมฯ มอบให้ เพราะพี่ใหญ่เริ่มจากการทำบ้านเกิดจากไม่มีอะไร จนวันนี้เชียงรากใหญ่เจริญเริ่มผิดหูผิดตา

"อยากให้สังเกตดูที่เชียงรากใหญ่ ผมของบมาทำถนนคอนกรีตหมด 100% มีถังขยะทุกอาคาร จากนั้นมาต่อท่อมาบำบัดน้ำเสีย 3 ตัว 80 กว่าล้าน ทำมาประมาณ 7-8 ปีแล้ว และก่อนหน้านี้ก็มีการของบสร้างเขื่อน 764 ล้านบาท และคนที่นี่ก็ได้สันเขื่อน

"นี่เป็นตัวอย่างส่วนหนึ่งในช่วงตั้งแต่ที่เป็นนายก อบต. ซึ่งผมมีแต่ให้ บางทีไปเจอคนจน คนไร้บ้าน ก็หาที่ทางให้เขาอยู่ เช่น ก่อนหน้านี้ มี 7 ครอบครัวที่ผมปลูกบ้านให้ฟรีๆ ตกหนึ่งหลังประมาณ 103,000 บาท เงินส่วนตัวทั้งนั้น ไม่ได้อวดรวยนะ แต่เราทำเราก็ได้บุญ เพราะชีวิตเราเคยจนมาก่อน เคยลำบากมาก่อนพอเห็นทุกคนยืนได้ผมก็ดีใจ"

ส่อง!! 10 อันดับพรรคการเมืองกระเป๋าตุง ประจำปี 2566

ส่อง!! 10 อันดับพรรคการเมืองกระเป๋าตุง ประจำปี 2566

หมายเหตุ: กองทุนเพื่อการพัฒนาพรรคการเมือง เริ่มจัดตั้งมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2541 จนถึงปัจจุบัน ซึ่งเป็นการสนับสนุนพรรคการเมืองโดยรัฐ เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนให้พรรคการเมืองเป็นสถาบันหลักในการปกครอง

'พุทธิพงษ์' ชูนโยบาย 'ภูมิใจกรุงเทพฯ' ไม่ปล่อยให้ประชาชนต้องทุกข์อีกต่อไป ทุกนโยบายที่เสนอทำได้จริงตามแบบฉบับ "พูดแล้วทำ"

'พุทธิพงษ์' ขอใช้ความจริงใจทะลวงใจคนกรุง ชูนโยบาย 'ภูมิใจกรุงเทพฯ' ดูแลชาว กทม. 24 ชม. 7 วัน เน้นลดภาระ-รายจ่าย ดัน 'ตั๋ววัน' โดยสารขนส่งสาธารณะไม่เกิน 40 บ./วัน พร้อมดูแลด้านสาธารณสุข ลั่น 'มะเร็ง' ต้องรักษาฟรี ลดเครียดผู้ป่วย-คนในครอบครัว ยัน ทุกนโยบายที่เสนอทำได้จริงตามแบบฉบับ "พูดแล้วทำ"

นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ หัวหน้าทีม กทม. พรรคภูมิใจไทย กล่าวในรายการ 'พรรคภูมิใจไทย พูดแล้วทำ' เผยแพร่ทางเฟซบุ๊ก และยูทูบ พรรคภูมิใจไทย ถึงการนำเสนอนโยบาย 'ภูมิใจไทย ภูมิใจกรุงเทพฯ' ว่า เป็นนโยบายที่เกี่ยวกับคน กทม. ที่ผ่านการสังเคราะห์ และตกผลึกว่า ปัญหาของคน กทม. คืออะไร และทำอย่างไรให้คน กทม.ได้รับการดูแลอย่างจริงจัง ก่อนออกแบบเป็นนโยบายที่จะต้องทำได้ เกิดขึ้นจริง ในแบบฉบับพูดแล้วทำของพรรคภูมิใจไทย จึงได้เสนอนโยบายเกี่ยวกับ 24 ชม. 7 วัน โดยยึดหลักการ 'เพิ่มรายได้-ลดรายจ่าย-ให้โอกาส' เพราะเรารู้ว่า คน กทม. หรือพวกเราทุกคนใช้ชีวิตอยู่ใน กทม. 24 ชม. ต่อ 1 วัน และใน 7 วัน จันทร์ถึงอาทิตย์ เราก็ใช้ชีวิตอยู่ใน กทม. ส่งผลให้ภาระค่าใช้จ่ายของคนใน กทม.มีมากเหลือเกิน ทั้งค่าใช้จ่ายในการเดินทาง ค่าใช้จ่ายในการจับจ่ายใช้สอยค่าไฟ ค่าน้ำ ค่าเช่าบ้าน และอื่น ๆ อีกมากมาย ในฐานะที่เราจะขออาสาดูแล กทม. จึงคิดในเรื่องของการลดภาระประชาชนเป็นอันดับแรก

'ภูมิใจไทย' เตรียมเปิดตัวผู้สมัครฯ พร้อมปราศรัยใหญ่ 25 ก.พ.นี้ ชูนโยบาย 'พักหนี้ ปลอดดอกเบี้ย-ฟอกไตฟรี-ติดโซลาร์เซลล์'

นายอารี ไกรนรา ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า จังหวัดนครศรีธรรมราชทั้ง 9 เขตเลือกตั้ง เราพร้อมแล้ว 100% ผู้สมัครทุกคนพร้อม เปิดตัวลงพื้นที่มาแล้วหลายเดือน

“พรรคภูมิใจไทย เราจะเปิดตัวผู้สมัคร พร้อมปราศรัยใหญ่ในวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2566 ที่สนามทุ่งท่าลาด จะมีท่านอนุทิน ท่านพิพัฒน์ ท่าน ดร.นาที เลขาธิการพรรคมาร่วมปราศรัย” นายอารี กล่าวอีกว่า ทางพรรคภูมิใจไทยจะได้อธิบายถึงนโยบายสำคัญของพรรค ไม่ว่าจะเป็นการพักหนี้-ปลอดดอกเบี้ย นโยบายฟอกไต นโยบายการติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ เป็นต้น ให้ประชาชนได้รับรู้อย่างเข้าใจ

นายอารี กล่าวอีกว่า การเลือกตั้งจะมีขึ้นเมื่อไหร่ เรายังไม่ได้คิด เพราะเป็นอำนาจของนายกรัฐมนตรี แต่เราในฐานะพรรคการเมือง เราพอประมาณกาลได้ว่าการเลือกตั้งจะมีขึ้นช่วงไหน อย่างไร เราก็เตรียมความพร้อมทั้งนโยบาย และบุคคลากรของพรรค และวันนี้เราพร้อมหมดแล้วในทุกด้าน ไม่ว่าการเลือกตั้งจะมีขึ้นวันไหน

ตำรวจไซเบอร์ เตือนภัยบัตรเครดิตถูกหักเงินชำระค่าโฆษณาสื่อสังคมออนไลน์โดยไม่ทราบสาเหตุ

พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ โฆษก กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) ขอประชาสัมพันธ์ เตือนภัยบัตรเครดิตถูกหักเงินชำระค่าโฆษณาสื่อสังคมออนไลน์โดยไม่ทราบสาเหตุ ดังนี้

ตามที่ปรากฏเป็นข่าวในสื่อสังคมออนไลน์ มีผู้เสียหายหลายรายแจ้งว่าบัตรเครดิตของตนถูกหักเงินไปชำระค่าโฆษณาสื่อสังคมออนไลน์ต่าง ๆ ยกตัวอย่าง เช่น กรณีของผู้เสียหายรายหนึ่งถูกหักเงินจากบัตรเครดิตไปชำระค่าโฆษณาของแอปพลิเคชัน TikTok กว่า 7,000 บาท หรือผู้เสียหายอีกกรณีถูกหักเงินจากบัตรเครดิตไปชำระค่าโฆษณาแอปพลิเคชัน Facebook กว่า 18,000 บาท เป็นต้น ซึ่งทั้งสองกรณีผู้เสียหายยืนยันว่าไม่ได้ทำธุรกรรมดังกล่าว ไม่เคยผูกบัตรเครดิตไว้กับแอปพลิเคชันใด ๆ และในการถูกหักเงินออกจากบัตรเครดิตก็ไม่ได้รับรหัส OTP เพื่อยืนยันการทำธุรกรรม รวมไปถึงไม่พบการพยายามเข้าถึงระบบ (Login) ของแอปพลิเคชันดังกล่าวด้วย นั้น

ที่ผ่านมา กองบังคับการตรวจสอบและวิเคราะห์อาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ตอท.) ได้ทำการสนับสนุนตรวจสอบหาสาเหตุของการหลอกลวงในรูปแบบดังกล่าวในอีกหลายรูปแบบ เช่น กรณีมิจฉาชีพอ้างเป็นสถาบันการเงินหลอกให้กดลิงก์อัปเดตข้อมูล ทำให้เงินในบัญชีผู้เสียหายสูญหายไป และยังเป็นหนี้บัตรเครดิตอีกจำนวนมาก หรือกรณีมิจฉาชีพแอบอ้างเป็นพนักงาน บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต โทรศัพท์แจ้งผู้เสียหายว่าได้รับค่าสินไหมทดแทนจากการติดเชื้อโควิด-19 ขอข้อมูลเพื่อยืนยันตัวตน เช่น หมายเลขบัญชีธนาคาร รหัส OTP เป็นต้น

โดยจากการตรวจสอบ และวิเคราะห์พบว่ามักจะเกิดได้จาก 2 กรณีหลัก คือ กรณีแรกเกิดจากการที่ผู้เสียหายเผลอให้ข้อมูลบัตรกับมิจฉาชีพ ไม่ว่าจะเป็นการถูกหลอกลวงให้เข้าไปกรอกข้อมูลทางการเงินผ่านเว็บไซต์ปลอม หรือแอปพลิเคชันปลอม หรือการให้บัตรเครดิตไปกับผู้อื่นเพื่อทำธุรกรรมการเงินในชีวิตประจำวัน แล้วบุคคลนั้นนำข้อมูลที่ได้ไปใช้แสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบ เป็นต้น กรณีที่สองอาจจะเกิดจากการที่ผู้เสียหายกดลิงก์ติดตั้งแอปพลิเคชันปลอม หรือลิงก์โฆษณาต่างๆ ที่ฝังมัลแวร์ดักรับข้อมูลของมิจฉาชีพ ทั้งนี้ต้องนำโทรศัพท์ของผู้เสียหายแต่ละรายมาตรวจสอบโดยละเอียดอีกครั้ง เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงว่าเกิดจากสาเหตุใด เช่น ตรวจสอบการใช้งานโทรศัพท์ว่า ก่อนเกิดเหตุผู้เสียหายได้ทำธุรกรรมใดหรือไม่ หรือผู้เสียหายติดตั้งแอปพลิเคชันใดบ้าง เป็นต้น

ตามนโยบายของรัฐบาล โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ซึ่งรับผิดชอบงานในด้านการป้องกันปราบปราม ได้ให้ความสำคัญ และมีความห่วงใยต่อภัยการหลอกลวงประชาชนผ่านช่องทางสื่อสังคมออนไลน์  โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่เกี่ยวข้องกับการชักชวนหลอกลวงลงทุนออนไลน์ การระดมทุนที่ผิดกฎหมาย โดยได้กำชับไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งวางมาตรการในการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดในโลกออนไลน์ทุกรูปแบบอย่างต่อเนื่อง และจริงจัง

ที่ผ่านมา กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี โดย พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. ได้ขับเคลื่อนตามนโยบายของรัฐบาล และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดในโลกออนไลน์ทุกรูปแบบ มุ่งเน้นการประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้ให้แก่ประชาชนไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพ

การกระทำดังกล่าวเข้าข่ายเป็นความผิดตาม ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 269/5 ใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์ของผู้อื่นโดยมิชอบในประการ  ที่น่าจะก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น หรือประชาชน ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และหากมีการนำข้อมูลเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ โดยทุจริต หรือโดยหลอกลวง นําเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน ก็จะมีความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ มาตรา 14(1) ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ หรือความผิดตามกฎหมายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง

ตำรวจ ปส. รวบเครือข่ายลอบขนยาภาคใต้ ยึดของกลาง 'ยาบ้า' ได้รวมกว่า 4 แสนเม็ด

ตำรวจ ปส. เดินหน้าปราบปรามขบวนการค้ายาเสพติด อย่างต่อเนื่อง ทุกมิติ ทั้งการสกัดกั้นการลำเลียง ขยายผลจับกุมกลุ่มเครือข่าย ยึดและอายัดทรัพย์ ตั้งแต่ผู้ลำเลียง จนถึงผู้สั่งการ ซึ่งเป็นนโยบายสำคัญของ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร., และภายใต้การสั่งการของ พล.ต.อ.ชินภัทร สารสิน รอง ผบ.ตร./ ผอ.ศอ.ปส.ตร. , พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผู้ช่วย ผบ.ตร./รอง ผอ.ศอ.ปส.ตร., พล.ต.ท.สรายุทธ สงวนโภคัย ผบช.ปส.และ พล.ต.ต.พรศักดิ์ สุรสิทธิ์ ผบก.ปส.4 ได้ตระหนักถึงโทษและปัญหาที่จะตามมา จึงได้สั่งการให้มีการสืบสวน สอบสวน และขยายผลของเครือข่ายสำคัญจนนำมาสู่การจับกุม

โดยเจ้าหน้าที่ กก.2 บก.ปส.4 พร้อมเจ้าหน้าที่ ด่านตรวจยานพาหนะชุมพร ร่วมกันจับกุม 4 ผู้ต้องหา คือ 1.) นายสุพจน์ (สงวนนามสกุล) อายุ 42 ปี  2.) นายภูวดล (สงวนนามสกุล) อายุ 35 ปี 3.) นายสุวิทย์ (สงวนนามสกุล) อายุ 46 ปี และ 4.) น.ส.นิตยานาถ (สงวนนามสกุล) อายุ 34 ปี  ได้ที่บริเวณด่านตรวจยานพาหนะชุมพร ถนนเพชรเกษม (กรุงเทพฯ-ชุมพร) ต่อเนื่องที่บริเวณริม ถ.เพชรเกษม เยื้องร้านบาสซิ่งการยาง ต.ขุนกระทิง อ.เมือง จว.ชุมพร พร้อมของกลางยาบ้า 400,000 เม็ด รถยนต์ 2 คัน ทองรูปพรรณและทรัพย์สินอื่น ๆ 13 รายการ มูลค่าประมาณ 616,000 บาท


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top