Saturday, 21 June 2025
SPECIAL

ตำรวจไซเบอร์ เตือนภัยช่วงนี้ มัลแวร์เรียกค่าไถ่ (Ransomware) กลับมาระบาด

พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ โฆษก กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) ขอเรียนประชาสัมพันธ์เตือนภัยระวังตกเป็นเหยื่อ Ransomware หรือมัลแวร์เรียกค่าไถ่ ดังนี้

ในปัจจุบันที่เทคโนโลยีได้พัฒนาไปอย่างรวดเร็ว แต่ในอีกมุมหนึ่งมิจฉาชีพก็พัฒนาการหลอกลวงในรูปแบบใหม่ๆ และซับซ้อนมากยิ่งขึ้นเช่นกัน Ransomware หรือที่เรียกกันว่า มัลแวร์เรียกค่าไถ่ เป็นมัลแวร์ประเภทหนึ่งที่จะเข้ามาล็อกข้อมูลผู้ใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นไฟล์เอกสาร รูปภาพ วิดีโอ จนทำให้ไม่สามารถเปิดไฟล์ใดๆ ได้ โดยหากต้องการกู้ข้อมูลคืนมา จะต้องจ่ายเงินค่าไถ่ตามที่ผู้โจมตี หรือมิจฉาชีพเรียกร้อง จำนวนเงินค่าไถ่ก็จะแตกต่างกันไป และการชำระเงินจะต้องชำระผ่านระบบที่มีความยากต่อการตรวจสอบ หรือติดตาม เช่น การโอนเงินผ่านทางอิเล็กทรอนิกส์, การชำระเงินออนไลน์แบบเติมเงินโดยใช้บัตรกำนัล (Paysafecard), เงินสกุลดิจิทัล เป็นต้น

ในช่วงที่ผ่านมาพนักงานสอบสวน บช.สอท. ได้รับแจ้งความร้องทุกข์จากผู้เสียหายว่า บริษัทของผู้เสียหายได้รับความเสียหายจากการถูมัลแวร์เรียกค่าไถ่ (Ransomware) ถูกล็อกไฟล์ข้อมูล ไม่สามารถเข้าถึงและใช้งานได้ มีการเรียกค่าไถ่เป็นบิตคอยน์ (Bitcoin) มูลค่าหลายล้านบาท กรณีดังกล่าว บช.สอท. ได้ร่วมกับ สำนักงานคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ (สกมช.) ได้ทำการตรวจสอบและวิเคราะห์ในเบื้องต้นพบว่า คอมพิวเตอร์บริษัทของผู้เสียหายถูกโจมตีด้วย Faust Virus หรือ Ransomware ซึ่งได้รับการออกแบบมาโดยเฉพาะเพื่อป้องกันไม่ให้เหยื่อเข้าถึงข้อมูลของตนเอง โดยแผนประทุษกรรมของคนร้ายจะ สร้างมัลแวร์ที่มีลักษณะการทำงานแบบเข้ารหัส หรือล็อกไฟล์ ไม่ว่าจะเป็นไฟล์เอกสาร รูปภาพ วิดีโอ ผู้ใช้งานจะไม่สามารถเปิดไฟล์ได้ จนกว่าจะได้รับรหัส หรือคีย์ที่ใช้ในการปลดล็อกไฟล์

ทั้งนี้ กรณีดังกล่าวน่าจะมาจากช่องทางต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการแฝงมาในรูปแบบเอกสารแนบมากับอีเมล โดยการสร้างเว็บไซต์ปลอม หรืออีเมลปลอม แล้วส่งข้อมูลมาในรูปเอกสารที่ใช้ไฟล์ .doc หรือ .xls แต่ความจริงคือเป็นไฟล์ '.doc .exe' หรือแฝงตัวมาในรูปแบบของโฆษณา (Malvertising) โดยการโฆษณาไปยังบริษัทเป้าหมาย ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นหน่วยงานราชการ รัฐวิสาหกิจ หรือบริษัทขนาดใหญ่ที่มีความสามารถในการจ่ายเงินค่าไถ่ หรืออาจจะเกิดจากบุคคลในองค์กรเองที่ไปคลิกลิงก์ที่คนร้ายส่งมา ทำให้มัลแวร์ดังกล่าวติดตั้งตัวเองในระบบแล้วทำการเข้ารหัส หรือล็อกไฟล์ทั้งหมด จากนั้นจะมีข้อความเตือนที่หน้าจอให้ติดต่อกลับไป คนร้ายมักจะเรียกเป็นสกุลเงินดิจิทัล หากไม่ยอมจ่ายคนร้ายจะข่มขู่ว่าจะทำลายไฟล์ทั้งหมด หรือนำไปเปิดเผยต่อไป

ตามนโยบายของรัฐบาล โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ซึ่งรับผิดชอบงานในด้านการป้องกันปราบปราม ได้ให้ความสำคัญ และมีความห่วงใยต่อภัยออนไลน์ที่สร้างความเสียหายให้กับประชาชน องค์กร หน่วยงานต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่เกี่ยวข้องกับการเข้าถึงระบบคอมพิวเตอร์โดยมิชอบ การเรียกค่าไถ่ทางคอมพิวเตอร์ (Ransomware) โดยได้กำชับไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งวางมาตรการในการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดในโลกออนไลน์ทุกรูปแบบอย่างต่อเนื่อง และจริงจัง

ที่ผ่านมา กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี โดย พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. ได้ขับเคลื่อนตามนโยบายของรัฐบาล และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดในโลกออนไลน์ทุกรูปแบบ มุ่งเน้นการประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้ให้แก่ประชาชน หน่วยงานไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพ

การกระทำลักษณะดังกล่าวเข้าข่ายเป็นความผิดฐาน “ ข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด ไม่กระทำการใด หรือจำยอมต่อสิ่งใด โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียงหรือทรัพย์สินของผู้ถูกข่มขืนใจนั้นเองหรือของผู้อื่น มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และความผิดฐานเข้าถึงโดยมิชอบซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่มีมาตรการป้องกันการเข้าถึงโดยเฉพาะ และมาตรการนั้นมิได้มีไว้สำหรับตน มีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตาม พ.ร.บ.การกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2560 หรือกฎหมายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง”

'แก๊งขนเขมร' ห้าว ยิงปืนสกัด 'ทหารพราน' ขณะบุกรวบแรงงานเถื่อน จนท.เร่งล่าตัวด่วน

(22 ก.พ. 66) พล.ต.สราวุธ ไชยสิทธิ์ ผู้บัญชาการกองกำลังบูรพา สั่งการให้ พ.อ.ปิยะเณศร์ ภัทรศาศวัตวงษ์ ผู้บังคับการชุดควบคุมกรมทหารพรานที่ 12 (ผบ.ชค.กรม.ทพ.12) นำกำลังกองร้อยทหารพรานที่ 1204 ร่วมกับหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 112 (ฉก.ร.112) ออกลาดตะเวนป้องกันและสกัดกั้นการลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายของแรงงานต่างด้าวชาวกัมพูชา บริเวณท้ายหมู่บ้านกุดผือ ตำบลโนนหมากมุ่น อำเภอโคกสูง จังหวัดสระแก้ว หลังสืบทราบว่า จะมีแรงงานกัมพูชาลักลอบเข้ามาในประเทศไทยตามช่องทางธรรมชาติ บริเวณชายแดนท้ายหมู่บ้านกุดผือ

ต่อมาชุดปฏิบัติการ ร่วมฯ ได้ตรวจพบกลุ่มบุคคลต้องสงสัยกลุ่มใหญ่ เดินเท้าฝ่าความมืดลักลอบข้ามตะเข็บชายแดนช่องทางธรรมชาติ จากฝั่งกัมพูชาเข้ามาในประเทศไทย ระหว่างจุดตรวจ จต.ส. 41 - จต.ส. 42 แล้วเดินลัดเลาะมาตามไร่อ้อยของชาวบ้าน เพื่อข้ามถนนศรีเพ็ญ ซึ่งเป็นถนนเลียบแนวชายแดนท้ายหมู่บ้านกุดผือ เจ้าหน้าที่จึงแสดงตัวขอตรวจสอบ แต่ถูกบุคคลคาดว่าเป็นคนไทยแก๊งลักลอบขนแรงงานเถื่อนที่นำพาแรงงานกัมพูชา ลักลอบเข้ามาในประเทศไทยใช้อาวุธปืนไม่ทราบชนิดและขนาด ยิงขึ้นฟ้าประมาณ 3-4 นัด

รวมเรื่องน่ารู้ 'พรรคพลังประชารัฐ'

ศึกเลือกตั้งใหญ่ 2566 กำลังจะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า หนึ่งในพรรคการเมืองที่ถูกจับจ้องมากไม่แพ้ใคร ๆ คงต้องยกให้กับ 'พรรคพลังประชารัฐ' ซึ่งหากย้อนกลับไปเมื่อ 4 ปีก่อน เมื่อคราวเลือกตั้งใหญ่ 2562 นี่คือพรรคการเมืองที่ร้อนแรงที่สุดในเวลานั้น แม้อายุของพรรคจะไม่มากมาย แต่สมาชิกภายในพรรค ล้วนเต็มไปด้วยเหล่าคนทำงานทางการเมืองที่มากไปด้วยประสบการณ์ของแท้

กับการเลือกตั้งใหญ่หนล่าสุดนี้ พรรคพลังประชารัฐ ที่นำโดยหัวเรือใหญ่ พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ ยังเต็มไปด้วยพลังของความมุ่งมั่นสร้าง 'ประเทศ' ให้เป็นปึกแผ่น ตามสโลแกน 'พลังประชารัฐ พลังเพื่อชาติไทย' แถมยังพร้อมเดินหน้า 'สานต่อ' ภารกิจที่ลงมือทำเอาไว้ในสมัยเป็นรัฐบาลที่ผ่านมา อาทิ สวัสดิการประชารัฐ, เศรษฐกิจประชารัฐ และสังคมประชารัฐ

‘ณัฐชา’ นำทีม 'ผู้สมัคร ส.ส.ราชบุรี' เดินหน้าหาเสียง พร้อมลุยเลือกตั้ง ลั่น!! ผู้แทนไม่จำเป็นต้องนามสกุลดัง

(21 ก.พ. 66) นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ส.ส.กรุงเทพมหานคร เขตบางขุนเทียน ในฐานะรองเลขาธิการพรรคก้าวไกล นำทีมว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ราชบุรี ทั้ง 5 เขต เดินพบปะประชาชนในพื้นที่อำเภอดำเนินสะดวก จังหวัดราชบุรี เพื่อขอความไว้วางใจให้พรรคก้าวไกลได้เข้าไปเป็นรัฐบาล ทำนโยบายให้เป็นจริง สร้างการเมืองดี ปากท้องดี มีอนาคต

นายณัฐชา กล่าวว่า มีความมั่นใจในจังหวัดราชบุรี เนื่องจากว่าที่ผู้สมัครของพรรคมีความหลากหลาย ทั้งเรื่องอายุและอาชีพ เมื่อเทียบกับกลุ่มการเมืองบ้านใหญ่ ที่ตอนนี้กำลังอยู่ในสถานการณ์บ้านแตกสาแหรกขาด หาทางย้ายพรรคไปต่อในทางการเมือง

ส่วนผู้สมัครของก้าวไกลมุ่งเดินหน้า เพื่อพบปะพี่น้องประชาชน และอยากสื่อสารให้ประชาชนในพื้นที่จังหวัดราชบุรีทราบว่า การเป็นผู้แทนประชาชนไม่จำเป็นต้องนามสกุลโด่งดัง หรือมีบ้านใหญ่หลังโต แต่มีความตั้งใจมุ่งมั่น ก็สามารถเป็นปากเป็นเสียงแทนพี่น้องประชาชนได้

อดีต ส.ส.11 สมัย ซบ ‘รทสช.’ ปักธง 4 เขต ฟาก ‘เพื่อไทย-พปชร.’ เตรียมพร้อมท้าชน

‘เลย’ แข่งเดือด!! อดีต ส.ส. 11 สมัยโผซบ ‘รทสช.’ ลั่นปักธงแน่ ฟาก ‘พท.-พปชร.’ พร้อมท้าชน

(21 ก.พ.66) นายปรีชา เร่งสมบูรณ์สุข อดีต ส.ส.เลย 11สมัย อดีต รมช.มหาดไทย และอดีต รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เปิดเผยว่า ตนได้ตั้งพรรคเพื่อประชาชนขึ้น แต่ปัจจุบันโครงสร้างของรัฐธรรมนูญเปลี่ยนแปลงไป หันมาใช้สูตรหาร 100 ตนมองว่าพรรคเล็กเดินต่อไม่ได้ จึงหันเข้ามาสมัครเข้าสังกัดพรรคพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) และจะเป็นแกนนำพรรคปักธงส่งผู้สมัคร ส.ส. ครบทั้ง 4 เขตของ จ.เลย โดยได้ฟอร์มทีมครบแล้วทุกเขต พร้อมมั่นใจว่า จ.เลย มี ส.ส.พรรครวมไทยสร้างชาติอย่างแน่นอน

ทั้งนี้ ตนจะลงเขตเลือกตั้งที่ 1 เพื่อจะกลับมาทวงพื้นที่คืน ส่วนพื้นที่เลือกตั้งเขต 2 ได้แก่ ดร.เปล่งมณี เร่งสมบูรณ์สุข อดีตวุฒิสมาชิกเลย และอดีต ส.ส.เลย 3 สมัย ขณะที่เขตเลือกตั้งที่ 3 ได้ นายอุดร แสวงผล อดีต พัฒนาการอำเภอ อดีต ผอ.ส่วนสำนักงานทรัพยากรน้ำภาค5 ซึ่งเป็นหลานเจ้าพ่อกวนด่านซ้ายคนปัจจุบันมาร่วมทัพ ส่วนเขตเลือกตั้งที่ 4 เป็น น.ส.นภาพร ยาบุษดี

สำหรับการหาเสียงตนจะเน้นนโยบายพรรคเปลี่ยน สปก.4-01 เป็นโฉนด 3 ล้านครอบครัว 30 ล้านไร่ เพื่อเป็นทุนหมุนเวียนในการประกอบอาชีพเกษตรกรรม รวมทั้งการแก้ไขปัญหาพื้นที่ป่าเสื่อมโทรมไม่มีเอกสารสิทธิ์ จะเร่งรัดออกเป็นโฉนดชุมชน จำนวน19 ล้านไร่ทั่วประเทศ และยกฐานะทุกหมู่บ้านเป็นนิติบุคคล จัดสรรงบประมาณให้ทุกปีตามขนาดของหมู่บ้านเล็ก 500,000 บาท หมู่บ้านขนาดกลาง 700,000 บาท และหมู่บ้านขนาดใหญ่ 1ล้านบาททั่วประเทศ

โฆษก ตร. แจง การแต่งตั้ง พ.ต.ท.ไพบูลย์ สว.เก็บกู้วัตถุระเบิด จชต. เป็นตำแหน่งเฉพาะทาง ไม่สามารถนับรวมอาวุโสทั่วไปได้ ทุกอย่างเป็นไปตามกฎหมาย แต่จะเร่งวางหลักเกณฑ์ เปิดโอกาสให้ก้าวหน้าในสายงานเสี่ยงภัยต่อไป พร้อมเปิดรับหลักฐานข้อมูลแต่งตั้งมิชอบ

(20 ก.พ.66) พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า “กรณีปรากฎข่าว พ.ต.ท.ไพบูลย์ พูนมะณี  สว.กก.เก็บกู้และตรวจสอบวัตถุระเบิด บก.สส.จชต. มีหนังสือร้องทุกข์ กรณีไม่ใด้รับการแต่งตั้งเลื่อนตำแหน่งสูงขึ้นในการแต่งตั้งวาระประจำปี 2565

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร.ให้ความสำคัญกับการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจทุกระดับ แม้ว่าการแต่งตั้งระดับ รอง ผกก.- ส.ว. จะเป็นอำนาจ ผบช. แต่ได้กำชับให้พิจารณาตามความเหมาะสม ยึดทั้งหลักอาวุโส ผลงาน ความรู้ความสามารถ เป็นไปตามระเบียบ กฎหมาย โดยหลังจากทราบเรื่องได้ให้ ภ.9 ชี้แจงการแต่งตั้งของ พ.ต.ท.ไพบูลย์ ให้ชัดเจน

โดย ภ.9 แจ้งว่า พ.ต.ท.ไพบูลย์ ดำรงตำแหน่งอยู่ในกลุ่มงานเทคนิค ซึ่งถูกกำหนดให้เป็น 'ตำแหน่งเฉพาะทาง' โดยตาม กฎ ก.ตร.ว่าด้วยการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจ พ.ศ.2561 ข้อ 28(2) ข้าราชการตำรวจที่จะแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งตั้งแต่ระดับ รอง ผบก. ลงมา ถึงระดับ สว. ให้พิจารณาเรียงตามลำดับอาวุโสจำนวนร้อยละ 33 ของจำนวนตำแหน่งว่าง แต่ให้ใช้บังคับกับการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจซึ่ง ดำรงตำแหน่งทั่วไป ที่มิใช่ตำแหน่งเฉพาะทาง 

แม้ พ.ต.ท.ไพบูลย์  จะมีรายชื่อปรากฏอยู่ในบัญชีลำดับอาวุโสระดับ สว. ลำดับที่ 12 ของ ภ.9 แต่เนื่องจาก พ.ต.ท.ไพบูลย์ อยู่ในกลุ่มงานเทคนิค ซึ่งถูกกำหนดให้เป็น 'ตำแหน่งเฉพาะทาง' และไม่สามารถนำมารวมในกลุ่มอาวุโส 33% ของตำแหน่งทั่วไปได้ ต้องนำไปคิดในกลุ่มสายเทคนิคด้วยกัน ซึ่งในวาระประจำปี 2565 ไม่มีตำแหน่ง สายงานสรรพาวุธในระดับ รอง ผกก.ว่าง จึงไม่สามารถแต่งตั้ง พ.ต.ท.ไพบูลย์ พูนมะณี ดำรงตำแหน่ง รอง ผกก.สายงานสรรพาวุธ ในกลุ่มอาวุโสได้ 

ส่วนข้าราชการตำรวจระดับ สว. ที่ดำรงตำแหน่งทั่วไป ที่จะต้องเลื่อนตำแหน่งสูงขึ้นเป็น รอง ผกก. ในกลุ่มอาวุโสร้อยละ 33 ตามกฎ ก.ตร.ฯ จำนวน 16 ราย จากตำแหน่งว่างทั้งหมด 50 ราย  ภ.9 ได้พิจารณาเลื่อนตำแหน่งสูงขึ้นตามลำดับอาวุโสทุกราย (ลำดับที่ 1 – 11และลำดับที่ 13-17 ) 

'ตำรวจ ปส.' ลุยสกัดจับยาบ้า 6 คดี ขณะลำเลียงส่งออก ยึดยาบ้ารวม 12 ล้านเม็ด!! เร่งขยายผลหาเครือข่าย

(21 ก.พ. 66) ที่กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) พล.ต.อ.ชินภัทร สารสิน รอง ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.สรายุทธ สงวนโภคัย ผบช.ปส. พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันแถลงผลการปฏิบัติจับคดียาเสพติดรายสำคัญ 6 คดี รวมผู้ต้องหา 24 ราย ยาบ้ากว่า 12 ล้านเม็ด, ยาไอซ์  200 กิโลกรัม, เคตามีน 290 กิโลกรัม, เฮโรอีน 7 กิโลกรัม และรถยนต์ที่ใช้กระทำความผิด 13 คัน

พล.ต.อ.ชินภัทร สารสิน รอง ผบ.ตร.กล่าวว่า คดีแรกตั้งด่านตรวจริมถนนเพชรเกษมบริเวณหน้าที่ทำการด่านตรวจยานพาหนะชุมพร ตำบลหงษ์เจริญ อำเภอท่าแซะ จังหวัดชุมพร พบรถยนต์กระบะตู้ทึบ (สงวนทะเบียน) พบนายณัฐวุฒิ หรือนัท เป็นผู้ขับขี่ นายปิยะวัฒน์ หรือ 'มิว' และ น.ส.โนราฟาซีรา หรือ 'โนรา' (ทั้งหมดสงวนนามสกุล) โดยสารมาด้วยมีพิรุธ ให้ขับรถเข้าไปในด่านตรวจ เพื่อ X-Ray รถ พบยาบ้า 3,000,000 เม็ด บรรจุอยู่ในกระสอบสีขาวห่อหุ้มด้วยพลาสติกสีดำ 7 ใบ ผู้ต้องหาให้การว่า รับการติดต่อจาก น.ส.นารี ชาวจังหวัดนราธิวาส ไม่ทราบนามสกุลให้ขนยาบ้าจากกรุงเทพฯ ไปส่งปลายทางจังหวัดนราธิวาส

คดีที่ 2 จับกุมนายยมนา หรือ 'หมี' (สงวนนามสกุล) อายุ 51 ปี หลังสืบสวนทราบว่า เครือข่ายนี้จะลำเลียงยาเสพติดจาก จ.สระบุรี ส่งปลายทาง จ.นราธิวาส ใช้รถบรรทุก 12 ล้อ อีซูซุ (สงวนทะเบียน) กระทั่งติดตามจับกุมได้บริเวณหน่วยบริการตำรวจทางหลวงสมุทรสงคราม ถ.พระราม 2 ตรวจสอบพบซุกซ่อนยาบ้าปะปนมากับกระสอบข้าวสาร 7 กระสอบ รวมยาบ้า 3,104,000 เม็ด

คดีที่ 3 สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 27 ม.ค. 66 มีกลุ่มเครือข่ายค้ายาเสพติดหลบหนีการสืบสวน ตรวจสอบพบว่ามีความเคลื่อนไหวโดยเตรียมลำเลียงเคตามีน ไปประเทศที่ 3 ผ่านช่องทางธรรมชาติ ด้าน อ.คลองหาด จ.สระแก้ว กระทั่งวันที่ 20 ก.พ. 66 พบรถยนต์ต้องสงสัยวิ่งมาด้วยความเร็วบนถนนทางหลวงใน ต.วัฒนานคร อ.วัฒนานคร จ.สระแก้ว มุ่งหน้าไป อ.คลองหาด ตรวจสอบพบ พบคีตามีน 7 กระสอบ น้ำหนัก 290 กิโลกรัม ซุกซ่อนอยู่ท้ายรถเก๋งและตรวจยึดรถกระบะที่ใช้เป็นรถนำทาง รวมรถ 2 คัน ผู้ต้องหา 3 คน

พล.ต.อ.ชินภัทรกล่าวอีกว่า คดีที่ 4 เมื่อวันที่ 16 ก.พ. 66 กรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธร ภ.1 จับกุมผู้ต้องหา 2 คน พร้อมยาบ้า 3 ล้านเม็ด ที่ ต.คลองน้อย อ.บ้านแพรก จ.พระนครศรีอยุธยา ปส.2 ขยายผลกระทั่งวันที่ 18 ก.พ. 66 พบความเคลื่อนไหวของ 1 ในกลุ่มเครือข่ายเดินทางเข้ามาในพื้นที่ อ.โพนพิสัย จ.หนองคาย ต่อเนื่อง อ.เมืองอุดรธานี และ อ.เมืองขอนแก่น ติดตามจับกุมผู้ต้องหา 5 คน พร้อมของกลางเฮโรอีน 20 แท่ง น้ำหนักประมาณ 7 กิโลกรัม ได้ที่แยกไฟแดงโนนศิลา อ.โนนศิลา จ.ขอนแก่น

‘สาธิต’ ชัดเจน!! ยังอยู่ ‘ประชาธิปัตย์’ เช่นเดิม พร้อมเปิดตัว ‘ทีมสาธิต’ ทำงานเพื่อ 8 จว.ตะวันออก

เมื่อวานนี้ (20 ก.พ.66) ที่หาดแหลมเจริญ จ.ระยอง นายสาธิต ปิตุเตชะ รมช.สาธารณสุข ในฐานะรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ นำทีมเปิดโยบายส่งเสริมศักยภาพจังหวัดภาคตะวันออก ภายใต้แนวคิด ‘คิดนำ ทำจริง’ ที่สอดคล้องกับการเป็นส่วนหนึ่งของ EEC พร้อมเปิดตัว ‘ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ภาคตะวันออก’ พรรคประชาธิปัตย์ ในนาม ‘ทีมสาธิต’

โดยนายสาธิต ขึ้นเวทีเปิดใจการเมืองท่ามกลางการจับตาไปที่ทิศทางการเมือง ว่า 20 ก.พ.เป็นวันที่เรานัดหมายกันผมทราบดีว่าคอการเมืองทั้งประเทศ กำลังติดตามว่าการตัดสินใจทางการเมืองของผมวันนนี้ซึ่งถือว่าเป็นวันสำคัญอย่างที่สุด 

ผมเรียนกับทุกท่านว่าสถานการณ์การเมืองปัจจุบันไม่ว่าผมจะอยู่พรรคการเมืองไหนมีคำถามมากมายทำไมต้องเป็น 20 ก.พ.จะย้ายพรรคหรือไม่ ถ้าย้ายไปอยู่พรรคอะไร มีสื่อสารมวลชนได้พยายามสื่อสารไปสร้างความสับสนให้กับคนทั้งประเทศรวมทั้งคน จ.ระยอง เป็นอย่างมาก บางสื่อบอกว่านายกช้าง (ปิยะ ปิตุเตชะ) ย้ายไปอยู่พรรคเพื่อไทย บางสื่อบอกว่าแบ่ง 2 คนลงอีกพรรคหนึ่ง แล้วอีก 3 คนจะลงอีกพรรคการเมืองหนึ่ง

“ผมไปที่ไหน บอกใครว่าไม่ย้ายพรรค คนเขาไม่เชื่อ เพราะเขาได้ซึมซับข้อมูลผ่านสื่อสารมวลชนที่เข้าเชื่อเกิดความลังเลขึ้นในสังคมเป็นจำนวนมากนี่จึงเป็นเหตุผลสำคัญที่ต้องบอกกับพี่น้องคนไทยทั้งประเทศว่าผมจะต้องมีความชัดเจน และความชัดเจนนี้ไม่ได้อยู่บนพื้นฐานความลังเลใด ๆ ทั้งสิ้น แต่อยู่บนพื้นฐานของการตัดสินใจบนข้อมูลอย่างครบถ้วนรอบด้านมีความจำเป็นอย่างที่สุดที่เราจะพยายามให้พี่น้องทั้งในพื้นที่จ.ระยองและพื้นที่ต่าง ๆ ได้เข้าใจสถานการณ์” นายสาธิต กล่าว

- ผนึก ‘ทีมสาธิต’ สู้เพื่อ 8 จังหวัดตะวันออก

นายสาธิต ยังกล่าวอีกว่า ผมทราบว่าทุกคนรอคอยคำตอบว่าผมจะตัดสินใจทางการเมืองครั้งสำคัญนี้อย่างไร ขอย้ำว่าการตัดสินใจของครั้งนี้อยู่บนพื้นฐานของเพื่อนร่วมทีม อยู่บนพื้นฐานของคนส่วนใหญ่ในจ.ระยอง คน จ.ระยอง ให้โอกาสผมมา 20 ปีเต็ม ผมไม่ตัดสินใจภายใต้ความคิดผม วันนี้จะมีความชัดเจนที่สุดและเราจะเดินหน้าไปสู่การเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้น ผมย้ำว่าผมร่วมตัดสินใจกับ ‘ทีมสาธิต’

“ผมอยู่ไหนไม่สำคัญเท่าทีมสาธิตจะทำอะไรให้กับคนภาคตะวันออก ทีมสาธิตจะทำอะไรให้กับคนประเทศนี้ และทีมสาธิตจะต้องทำอะไรให้กับ 8 จังหวัด โดยเฉพาะคนระยองที่ไว้วางใจผมมาตลอดระยะเวลา 20 ปี” นายสาธิตกล่าว

นายสาธิต ยังกล่าวว่า มีคำถามว่าทำไมตะวันออกต้องพิเศษ? ขอย้ำว่าไม่ได้หมายความว่าภาคอื่นไม่สำคัญ ทุกภาคมีความสำคัญ แต่ภาคตะวันออกสำคัญที่สุดมันจึงต้องพิเศษกว่าที่อื่น ถ้าเปรียบประเทศไทยเป็นบ้านหลังหนึ่งพื้นที่ตะวันออกเปรียบเสมือนห้องครัวของบ้านหลังนั้น 

คนภาคตะวันออก 8 จังหวัดมีอัตราการเสียชีวิตจากการเป็นมะเร็งสูงขึ้น ขณะที่การลงทุนของบีโอไปในพื้นที่ EEC 3.8 แสนล้านบาท มีภาษีที่เก็บไปเลี้ยงคนทั้งประเทศจุด 5 ของจีดีพีของประเทศ แต่คนที่นี่กลับได้รับผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมจากการพัฒนา การถมทะเล การทำท่าเรือแต่เราไม่สามารถปฏิเสธการพัฒนาได้  

ฉะนั้นประชาชนที่อาศัยใน 8 จังหวัดจะต้องได้รับการดูแลดีกว่าที่อื่นให้สมกับที่แบกรับผลกระทบ เหล่านี้คือสิ่งที่ทีมสาธิตจะร่วมกันเรียกร้องถ้าเป็นรัฐบาลต้องทำให้ได้ที่สำคัญจะต้องทำให้ภาคการลงทุนมาช่วยประชาชน เกษตรกร และผู้ที่ไม่มีงานทำ

วันนี้ข้อเสนอต่าง ๆ ยังไม่ได้รับการตอบสนองเท่าที่ควรทั้งปัญหาช้าง ปัญหาผลไม้ รวมถึงคุณภาพชีวิตแต่ต้องทำให้ได้ภายใต้ ‘ทีมสาธิต’

>> ชูธง ‘ระยอง’ เป็นจังหวัดจัดการตนเองเป็นแห่งแรก ดัน ‘เลือกตั้งผู้ว่าฯ’

นายสาธิต กล่าวว่า “ถ้าผมได้กลับไปเป็นรัฐบาลภายใต้ทีมสาธิต สิ่งที่จะต้องทำคือเก็บภาษีส่วนกลางกลับมาที่บ้านเราให้มากกว่านี้ นั่นคือจังหวัดจัดการตัวเอง ‘ทีมสาธิต’ ต้องทำและอาจนำไปสู่การเลือกตั้งผู้ว่าฯ ผ่านประชาชนจังหวัดแรก จังหวัดที่ 2 และจังหวัดที่ 3 ต้องเกิดขึ้นให้ได้ภายในพื้นที่ 8 จังหวัด” 

นายสาธิต ยังกล่าวต่อว่า ผมยืนยันว่าคนที่ยืนอยู่กับผมวันนี้ไม่มีสีเทา ยืนยันว่าเราจะเดินหน้าภายใต้ทีมสาธิตเพื่อแก้ไขปัญหาคนภาคตะวันออก โดยชี้แจงให้คนทั้งประเทศเห็นว่าไม่ได้เลือกปฏิบัติ 

“สถานการณ์การเมืองวันนี้ผมมีความกดดันสูงมากมันเป็นรอยต่อของการตัดสินใจอย่างแน่วแน่ทางการเมืองหลายปีที่ผ่านมา ช่วงเวลาที่ผ่านมาพรรคการเมืองอ่อนแอทุกพรรค การเมืองอ่อนแอหมด ผมไม่แน่ใจว่ามีความตั้งใจหรือมันเกิดโดยธรรชาติ แต่ผมย้ำกับทุกท่านว่า ในฐานะที่ท่านไว้ใจผม ท่านทราบดี หลายคนที่มานั่งฟังรู้จักผมดี การเมืองสุจริตของผมย้ำกับทุกท่านว่านักการเมืองที่ชื่อสาธิตได้รับการเลือกตั้งจากพี่น้องคนระยองโดยไม่มีการซื้อสิทธิ์ขายเสียงแม้แต่บาทเดียว” นายสาธิต กล่าว

'พิพัฒน์ รัชกิจประการ' รมต. Low Profile แต่ High Profit พลิก 'กระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา' เดินหน้าฟื้นเศรษฐกิจประเทศ

ก่อนปี 2562 ชื่อของ 'พิพัฒน์  รัชกิจประการ' เป็นที่รู้จักในฐานะนักธุรกิจเจ้าของกิจการปั๊มน้ำมัน และกิจการเรือประมงขนาดใหญ่ในพื้นที่ภาคใต้

แต่ในทางการเมือง หลังเลือกตั้ง 62 เมื่อมีการจัดตั้งรัฐบาล ชื่อเดียวกันนี้ กลับแทบไม่มีใครรู้จัก เมื่อเขาเข้ามารับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ในโควต้าของพรรคภูมิใจไทย 

'พิพัฒน์' เคยให้สัมภาษณ์กับสื่อ ว่าเขาเป็นคนเงียบๆ ไม่ค่อยเปิดเผยตัวเอง จึงไม่ค่อยมีใครรู้จัก ขนาดที่ว่าพอได้รับการประกาศชื่อเป็นหนึ่งในคณะรัฐมนตรี สื่อต่างๆ พยายามหาข้อมูลและถึงกับลงรูปของเขาผิด เรียกว่านักข่าวก็ยังงง ว่าเขาเป็นใครในห้วงเวลานั้น 

ถ้าดูในประเด็นการเมือง 'พิพัฒน์' ดูจะมีบทบาท และพื้นที่น้อยกว่ารัฐมนตรีคนอื่นๆ  แต่ในประเด็นของการทำงาน เดินหน้านโยบายการท่องเที่ยวและกีฬา ฟื้นเศรษฐกิจในช่วงที่ไทยเริ่มกลับมาเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวหลังโควิด 19 ขณะเดียวกันก็เห็นเนื้อเห็นหนังในการยกระดับ มาตรฐานทางด้านการกีฬาอยู่ไม่น้อย ลองย้อนไปดู 'ผลงาน' แบบตึงๆ ของ รมต.คนนี้กัน

#ไอเดียเปิดผับตีสี่ - ทุ่ม 200 ล้านดึง 'ลิซ่า' เคาท์ดาวน์ภูเก็ต  

หลังเข้ารับตำแหน่งเจ้ากระทรวงการท่องเที่ยวไม่นาน เดือนสิงหาคม ปี 2562 เจ้ากระทรวงการท่องเที่ยวฯ คนนี้ ก็ผุดไอเดีย ขยายเวลาเปิดผับถึงตี 4 ออกมาโยนหินถามสังคม โดยแนวคิดเบื้องต้นเกิดจากความต้องการช่วยพยุงรายได้ด้านการท่องเที่ยวในช่วงที่เศรษฐกิจไทยชะลอตัว

ทันทีที่ไอเดียนี้ถูกสื่อสารออกไป ก็ถูกวิพากษ์วิจารณ์หนัก เจ้าตัวใช้คำว่า 'โดนอัดกลับมาเยอะ' โดยเฉพาะจากภาคประชาชนอย่างเครือข่ายต้านน้ำเมา ที่เข้ายื่นหนังสือคัดค้าน  

แม้ว่า 'รัฐมนตรีท่องเที่ยวฯ' จะอธิบายว่าแนวคิดขยายเวลาปิดสถานบันเทิงจาก ตี 2 ไป ตี 4 นั้น แค่ต้องการจัดโซนนิ่งเฉพาะแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมของชาวต่างชาติ แต่เขายังรับฟัง ทำความเข้าใจ และ 'ยอมถอย' เพื่อกลับมาพิจารณาศึกษาทบทวนให้ถี่ถ้วนขึ้น

หลังจากกลับไปทำการบ้านอยู่เป็นปี ๆ จนเมื่อกระทรวงการท่องเที่ยวฯ ศึกษาข้อมูลแล้วพบว่า การขยายเวลาปิดสถานบันเทิงไปถึงตี 4 จะช่วยเพื่อการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นอีกอย่างน้อย 25% ล่าสุด 'พิพัฒน์' นำแนวคิดนี้กลับมาอีกครั้ง ชงเข้าที่ประชุม ครม. เพื่อขอความเห็นชอบ โดยเสนอนำร่องที่ถนนบางลา อำเภอกระทู้ จังหวัดภูเก็ต ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวต่างชาติแห่งเดียวก่อน เพื่อศึกษาผลกระทบ และประเมินมาตรการอีกครั้ง พร้อมเสนอเก็บค่าเหยียบแผ่นดินจากนักท่องเที่ยวต่างชาติ และผลักดันการท่องเที่ยวเพื่อฟื้นประเทศ เป็นวาระแห่งชาติด้วย

ส่วนอีกกรณี ที่ชิงพื้นที่พาดหัวข่าวหน้าหนึ่งอยู่หลายวัน คือการวางแผนจัดงาน 'เคาท์ดาวน์ 2565' ที่รัฐมนตรีท่องเที่ยวฯ ออกมาประกาศลั่น ว่ากำลังจะทุ่มงบฯ 200 ล้าน ดึง 'ลิซ่า แบล็กพิงค์' มาร่วมฉลองปีใหม่ที่สะพานสารสิน จ.ภูเก็ต และเชิญ 'อันเดรอา โบเซลลี' นักร้องโอเปร่าระดับโลกขาวอิตาลี มาฉลองคืนข้ามปีที่ท้องสนามหลวง ซึ่งมีฉากหลังเป็นวัดพระแก้ว ทั้งนี้เพื่อเป็นการดึง 'บิ๊กอีเว้นท์' กลับมา ในช่วงที่บ้านเรากำลังจะเริ่มเดินหน้าเปิดประเทศหลังวิกฤติโควิด-19 ที่ยาวนานกว่า 2 ปีเริ่มคลี่คลาย 

ทันทีที่ประกาศ นอกจากจะถูกวิจารณ์หนักสุด ๆ เรื่องการทุ่มงบประมาณมหาศาล ไปกับการจัดงานคืนเดียวแล้ว ไม่กี่วันถัดมาหลังมีการประกาศยืนยัน ว่า 'ลิซ่า' ตอบรับมาร่วมงานแล้ว รัฐมนตรี 'พิพัฒน์' ก็ออกมากล่าวขอโทษ แอ่นอกรับแบบตรงๆ ว่า ลิซ่า 'ติดคิว' มาร่วมงานไม่ได้ ซึ่งเกิดความผิดพลาดในด้านการประสานงานของทางกระทรวงเอง อย่างไรก็ตาม มีการปรับแผนในการจัดงานโดยใช้ความเป็นท้องถิ่น ในการจัดงานฉลองปีใหม่กันแบบไทยๆ แทน เป็นอันจบดราม่า ทั้งเรื่องการใช้งบประมาณ และรอลุ้นว่าศิลปินระดับโลกจะมาเคาท์ดาวน์ในบ้านเราหรือไม่

‘ผู้ช่วยฯสมพงษ์-ศปอส.ตร.’เตือน 4 กลโกง-สวมรอย‘สรรพากร’ตุ๋นโหลดแอปดูดเงิน

(20 ก.พ. 66) พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผู้ช่วย ผบ.ตร.) หัวหน้าอำนวยการด้านประชาสัมพันธ์ ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ (ศปอส.ตร.) , พล.ต.ต.ทินกร รังมาตย์ รอง ผบช.สพฐ./หัวหน้าด้านข่าวสารและประชาสัมพันธ์ , พล.ต.ต.อรุษ แสงจันทร์ รอง ผบช.ศปก.ตร./หัวหน้าฝ่ายแถลงข่าวและประสานงานสื่อมวลชน ศปอส.ตร. , พล.ต.ต.ชูศักดิ์ ขนาดนิด ผบก.ฯ ปฏิบัติหน้าที่ ศปอส.ตร. และ พ.ต.อ.ภัคพงศ์ สายอุบล รอง ผบก./รองหัวหน้าฝ่ายแถลงข่าวและประสานงานสื่อมวลชน ร่วมกันเปิดเผยว่า ฝ่ายบริหารการรับแจ้งความออนไลน์ ศปอส.ตร.ได้นำเสนอคดีที่ควรเตือนภัยประชาชนในรอบสัปดาห์ที่ 2 เดือนกุมภาพันธ์ 2566 และวิธีป้องกันตัวเองจากภัยอาชญากรรมออนไลน์ดังกล่าว เพื่อเตือนภัยให้กับประชาชน โดยพบภัยที่ต้องเฝ้าระวังที่สำคัญ ดังนี้ 

4 กลโกงหลอกดูดเงินจากบัญชี 
1.) สร้างสถานการณ์ให้เหยื่อรู้สึกว่ามีความเร่งรีบ เล่นกับเวลา 
2.) เบี่ยงเบนความสนใจไม่ให้โฟกัสสิ่งที่เรากำลังคลิก เช่น สื่อสารแบบมาตีสนิท 
3.) ใช้วิธีให้กลัว โทรเป็นคนรู้จัก หรือญาติ หลอกยืมเงินหลอกให้โอนเงินให้ 
4.) โทรมาแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ หรือสรรพากร หลอกให้กลัวจนต้องโอนเงิน 

นอกจากนี้ในช่วงมกราคม-มีนาคมของทุกปี จะเป็นช่วงยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา (ภ.ง.ด.90/91) ซึ่งมิจฉาชีพมักจะใช้โอกาสในช่วงนี้แอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่สรรพากร โทรศัพท์เข้ามาหลอกลวงหรือส่งข้อความหลอกให้กดลิงก์ดาวน์โหลดแอปพลิชันกรมสรรพากรปลอม อ้างว่าจะตรวจสอบรายได้หรือให้ชำระภาษีผ่านแอปพลิเคชันดังกล่าว หลังจากนั้นจะทำการดูดเงินในบัญชี 

'เพลงแบบลุงตู่' ผู้นำประเทศที่ 'แต่งเพลงเอง' เพื่อให้กำลังใจและสื่อสารไปสู่ประชาชน

8 ปี มีหนึ่งในภาพจำ ที่เชื่อว่า ประชาชนชาวไทยมักจะจดจำ 'ความเป็นลุงตู่' กันได้ดี นั่นคือ การเป็นนายกรัฐมนตรีที่สร้างสรรค์ผลงานเพลงออกมาเป็นจำนวนมาก หรือพูดให้เข้าใจง่ายๆ 'ลุงตู่' แต่งเพลงออกมาเพื่อประชาชน ไม่ว่าจะเป็นการให้กำลังใจ หรือแม้แต่การสื่อสารเรื่องราวหลายๆ อย่างในสังคม

'ลุงตู่' แต่งเพลงสื่อสารกับประชาชนจำนวนราวๆ 10 เพลง อาทิ คืนความสุขให้ประเทศไทย, เพราะเธอคือประเทศไทย, ความหวังความศรัทธา,สะพาน, สู้เพื่อแผ่นดิน, ใจเพชร ฯลฯ โดยเพลงที่เรียกว่าเป็น 'ซิกเนเจอร์' หรือเพลงอันเป็นที่จดจำ นั่นคือ คืนความสุขให้ประเทศไทย

“เราจะทำตามสัญญา ขอเวลาอีกไม่นาน” นี่เป็นประโยคทองในเพลง “คืนความสุขให้ประเทศไทย” ที่เปิดดังขึ้นมาเมื่อไร เป็นต้องนึกถึง 'ลุงตู่' อย่างแน่นอน แม้ว่าจะมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์แกมเหน็บแนมเกี่ยวกับการแต่งเพลงของนายกรัฐมนตรี แต่คงปฏิเสธไม่ได้ว่า แทบทุกคนร้องเพลงของลุงตู่เพลงนี้กันได้ทั้งสิ้น

'ตร.สงขลา' จับมือ 'ป.ป.ส.' นำทีมจับยาบ้า 8 แสนเม็ด ไอซ์ 30 กก. จนท.เร่งขยายผลหาเอเย่นต์ใหญ่

(20 ก.พ. 66) เปิดภาพเบื้องหลังปฏิบัติการจับกุมยาบ้า 8 แสนเม็ด และไอซ์ 30 กิโลกรัม ที่ใส่กล่องพัสดุ นำมาวางไว้ริมถนนในพื้นที่อำเภอหาดใหญ่ และขยายผลจับกุม 3 ผู้ต้องหา ยึดทรัพย์รถยนต์ 3 คัน บัญชีธนาคารรวมมูลค่า 3 ล้านบาท

จากกรณีตำรวจสงขลาและเจ้าหน้าที่ ป.ป.ส.ภาค 9 จับกุมยาเสพติดล็อตใหญ่ ซึ่งเป็นยาบ้าจำนวน 8 แสนเม็ด และไอซ์ 30 กิโลกรัม มูลค่ารวมกันกว่า 11 ล้านบาทในพื้นที่อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ซึ่งซุกซ่อนมาในกล่องพัสดุ และสามารถขยายผลจับกุมผู้ต้องหาที่มารับของได้ 3 คนและยึดรถยนต์ 3 คันมูลค่า บัญชีธนาคาร รวมมูลค่าทรัพย์สินประมาณ 3 ล้านบาท และทาง พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร.ได้ลงพื้นที่มาแถลงข่าวคดีนี้ ที่ศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติส่วนหน้า จังหวัดยะลา เมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา

ล่าสุดวันนี้ (20 ก.พ. 66) ทีมข่าวมีภาพเบื้องหลังเหตุการณ์ปฏิบัติจับกุมยาบ้า ยาไอซ์และเครือข่ายค้ายากลุ่มนี้ได้ทั้ง 3 คน โดยเริ่มจากเมื่อเวลาประมาณ 4 โมงเย็นวันที่ 16 กุมภาพันธ์ตำรวจ สภ.ทุ่งตำเสา อ.หาดใหญ่ ได้รับแจ้งพบกล่องพัสดุต้องสงสัยจำนวน 10 กล่องถูกนำไปวางไว้ในพงหญ้าริมถนนเส้นทางออกจากนิคมอุตสาหกรรมฉลุง หมู่ 4 ต.ฉลุง อ.หาดใหญ่ จึงประสานตำรวจชุดสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดสงขลา ชุดสืบสวนภาค 9 และฝ่ายปกครองอำเภอหาดใหญ่ เข้าทำการตรวจสอบและเก็บไปตรวจลายนิ้วมือแฝงที่ศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 9 พบว่าภายในกล่องพัสดุมียาบ้าอยู่ 8 แสนเม็ด และไอซ์อีก 30 กิโลกรัม

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ รับข้อมูลชูวิทย์ หลังพบต่อวีซ่าเกษียณที่ชลบุรี แต่เป็นบ้านร้างมีสุนัข 2 ตัว พร้อมขยายจับสมาคมจีนเถื่อน

วันนี้ (20 ก.พ.66) เวลา 9.30 น. พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ได้เดินทางมายัง สน.นางเลิ้ง เพื่อร่วมรับข้อมูลร้องทุกข์จากนายชูวิทย์ กมลวิศิษฐ์ ให้ดำเนินคดีกับ นายหยูซินฉี ประธานสมาคมจีนจื้อกงแห่งอาเชียน และสมาคมชาวจีนอื่นๆ ในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา ม.112 และความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ หลังพบว่านายหยู ได้ตั้งสมาคมเถื่อนและมีการแอบอ้างเบื้องสูงเพื่อหาผลประโยชน์

จากข้อมูลของนายชูวิทย์พบว่า นายหยูได้มีการตั้งสมาคมจีนจื้อกงแห่งอาเซียน โดยมิได้มีการจดแจ้งอย่างถูกต้องตามกฎหมาย และยังมีพฤติการณ์ในการแอบอ้างตนว่ามีความสนิทสนมกับข้าราชการทหาร ตำรวจ นักการเมือง รวมไปถึงสถาบันของประเทศ เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือให้กับตนเอง ในสายตาของคนจีน และใช้โอกาสดังกล่าวในการแสวงหาผลประโยชน์ให้กับตนเอง นอกจากนี้จากการตรวจสอบการอนุญาตอยู่ในราชอาณาจักรพบว่า นายหยูได้รับการอนุญาตให้ต่อวีซ่าในลักษณะเกษียณให้อยู่ที่ อ.หนองปรือ จ.ชลบุรี ซึ่งเมื่อตรวจสอบแล้วจะพบว่า สถานที่ที่แจ้งที่อยู่ไว้เป็นบ้านร้าง ภายในบ้านมีสุนัขอยู่ 2 ตัว แต่ตัวนายหยูอาศัยอยู่จริงที่กรุงเทพฯ ซึ่งข้อมูลเหล่านี้ นายชูวิทย์ได้เคยมอบให้นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล นำไปอภิปรายในสภามาแล้ว

‘นาวิน คำเวียง’ ลง ส.ส.ขอนแก่น เขต 7 ภูมิใจไทย ลั่น!! จะพูดแล้วทำ - ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง

เมื่อวานนี้ (19 ก.พ. 66) ที่หอประชุมโรงเรียนอุบลรัตน์พิทยาคม จ.ขอนแก่น พรรคภูมิใจไทย นำโดย นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม ในฐานะเลขาธิการพรรคภูมิใจไทย จัดเวทีปราศรัยนโยบาย และแนะนำตัวนายเอกราช ช่างเหลา ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เขต 4 ขอนแก่น ท่ามกลางประชาชนที่มาฟังปราศรัยจำนวนมากจนล้นออกจากหอประชุม

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างปราศรัยมีการเซอร์ไพรส์เปิดตัว นายนาวิน คำเวียง อดีตสมาชิกครอบครัวเพื่อไทย และคนเสื้อแดง ที่จะลงสมัคร ส.ส.ขอนแก่น เขต 7 ในนามพรรคภูมิใจไทย ซึ่งประกอบด้วย อ.หนองเรือ อ.บ้านฝาง และ อ.ภูเวียงบางส่วน

นายเอกราช ได้กล่าวแนะนำนายนาวิน และเชิญนายศักดิ์สยาม เป็นผู้สวมเสื้อพรรคภูมิใจไทย เพื่อเป็นการต้อนรับนายนาวิน เข้าพรรคอย่างเป็นทางการ ท่ามกลางเสียงปรบมือของประชาชนอย่างกึกก้อง โดยนายศักดิ์สยามขอให้ชาวขอนแก่นเลือกทั้งนายเอกราชและนายนาวิน เป็น ส.ส. เข้าสภาฯ ให้ได้

ย้อนเวลา 'เลือกตั้ง 2562' กับเรื่องราวที่เป็น 'ที่สุด'

การเลือกตั้งใหญ่ครั้งล่าสุด เมื่อ 24 มีนาคม 2562 นอกจากจะเป็นช่วงเวลาที่บรรยากาศของประชาธิปไตยในบ้านเรากลับมาคึกคักอีกครั้ง โดยเฉพาะกับ 'ผู้ใช้สิทธิเลือกตั้งครั้งแรก' หรือ 'เฟิร์สไทม์โหวตเตอร์' หรือคนที่เกิดระหว่างปี 2537-2544 มากกว่า 7 ล้านคน นอกจากนั้นแล้ว  การกลับมาของการเลือกตั้งหนนี้ ยังนำพา 'ความพีค' ที่เป็นสถิติใหม่ๆ ในหลายประเด็น มีอะไรบ้าง มาย้อนดูกัน

#จำนวนพรรคการเมืองมากที่สุด!

ถ้าย้อนกลับไปดูบรรยากาศการเมืองก่อนปี 2540 ช่วงนั้นการเมืองไม่นิ่ง พรรคการเมืองขาดเสถียรภาพ เกิดหลากหลายกลุ่มก้อนนักการเมืองต่อรองผลประโยชน์ ส่งผลทำให้รัฐบาลไม่เข้มแข็ง บริหารงานยาก นำมาซึ่งการปฏิรูปการเมืองผ่านการจัดทำรัฐธรรมนูญปี 2540 โดยสร้างกลไกให้พรรคการเมืองเข้มแข็ง มีพรรคการเมืองน้อย และทำให้รัฐบาลมีเสถียรภาพ 

แต่สุดท้ายเกิดปัญหาใหม่ คือพรรคการเมือง และรัฐบาลที่ได้มาหลังการเลือกตั้ง เข้มแข็งจนอำนาจการตรวจสอบถ่วงดุลมีปัญหา เกิดภาวะ 'เผด็จการรัฐสภา' กลายเป็นจุดเริ่มต้นของความขัดแย้งทางการเมืองระลอกใหม่ ที่ยืดเยื้อยาวนานต่อเนื่องมานับสิบปี 

ตัดภาพกลับมาที่การเลือกตั้ง 2562 ด้วยระบบการเลือกตั้งแบบ 'จัดสรรปันส่วนผสม' ที่จำกัดจำนวน 'ส.ส.พึงมี' นัยว่าเป็นการถอดบทเรียนจากปัญหาการผูกขาดอำนาจในสภา และเสียงส่วนน้อยกลายเป็นเสียงที่ไร้ความหมายเพราะไม่ถูกนำมาใช้นับคะแนน

ระบบการเลือกตั้ง ปี 2562 จึงทำให้พรรคการเมืองขนาดใหญ่ได้สัดส่วนเก้าอี้สอดคล้องกับสัดส่วนที่ควรจะได้  ขณะเดียวกัน บรรดาพรรคเล็กก็จะได้ประโยชน์จากการคิดทุกคะแนนโดยไม่ทิ้งน้ำ เพิ่มโอกาสในการสอบผ่านเข้าสภา ทำให้เกิดการจดจัดตั้งพรรคการเมืองใหม่ๆ เป็นจำนวนมาก

จากข้อมูลของคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. พบว่าวันแรกของการเปิดรับสมัคร ส.ส. เมื่อ 4 กุมภาพันธ์ 2562 มีพรรคการเมืองในสารบบจำนวนถึง 106 พรรค แต่มีเพียง 49 พรรคที่มีคุณสมบัติในการส่งผู้สมัคร กระทั่งเมื่อถึงวันสุดท้ายของการรับสมัคร ส.ส. มีพรรคการเมืองที่มีคุณสมบัติในการส่งผู้สมัคร ส.ส. จำนวนถึง 80 พรรค

และหลังเลือกตั้ง 24 มีนาคม 2562 มีพรรคการเมืองที่ได้ ส.ส. เข้าสภามากถึง 27 พรรค  เรียกว่า 'มากที่สุด' ในรอบ 18 ปี นับจากการเลือกตั้ง ปี 2544 ซึ่งเป็นการเลือกตั้งหนแรกหลังมีรัฐธรรมนูญ ปี 40 

#ผู้สมัครส.ส.มากที่สุด! 

ระบบจัดสรรปันส่วนผสม ทำให้ทุกคะแนนมีความหมาย ส่งผลให้แต่ละพรรคการเมืองที่ส่งผู้สมัครรับเลือกตั้ง พากันส่งผู้สมัครลงรับเลือกตั้งให้ได้จำนวนมากที่สุด เพื่อเก็บทุกคะแนนที่ได้รับเลือก มาคำนวณสูตรสัดส่วน ส.ส. พึงมี  

บรรดาพรรคการเมืองใหญ่จะส่งผู้สมัครลงครบ 350 เขต ส่วนพรรคขนาดกลาง และขนาดเล็ก จะพยายามส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งให้ได้มากที่สุด ทำให้การเลือกตั้ง ปี 2562  มีจำนวนผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทั้งหมดเกือบ 'หนึ่งหมื่นคน' มากกว่าค่าเฉลี่ยของการเลือกตั้งหลายครั้งที่ผ่านมา ซึ่งแต่ละครั้งจะมีจำนวนผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. เฉลี่ยเพียง 3,000 คนเท่านั้น 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top