Wednesday, 11 June 2025
WEEKEND NEWS

พิธีปิดการอบรมหลักสูตรพัฒนาสัมพันธ์ระดับผู้บริหาร รุ่นที่ 28 (พสบ.28)

วันศุกร์ที่ 29 เม.ย. 65 ผู้เข้ารับการอบรมหลักสูตรพัฒนาสัมพันธ์ระดับผู้บริหาร รุ่นที่ 28 (พสบ.28) ได้จัดเสวนาในหัวข้อ “ประเทศไทยจะอยู่อย่างไร ให้รอดในวิกฤติทั้งภายในและภายนอกประเทศ” ณ หอประชุมเสนาปฏิพัทธ์ กรมยุทธศึกษาทหารบก มีผู้ร่วมเสวนา ดังนี้
1. พันเอก เกียรติชัย โอภาโส รองผู้อำนวยการ ศูนย์พัฒนาหลักนิยม กรมยุทธศึกษาทหารบก
2. คุณชุติเดช ชยุติ Chief Finandal Officer KTC
3. ดร. นน อัครประเสริฐ ผู้เชี่ยวชาญส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัลอาวุโส กระทรวงดิจิทัล
4. ดร.พุฒิพงศ์ สุดหล้า 
Founder/CEOกลุ่มบริษัท Together 


หลังจากนั้น ในเวลา 13.00 น. เจ้ากรมกิจการพลเรือน กรมกิจการพลเรือนทหารบก พลโท นิรันดร ศรีคชา ให้เกียรติเป็นประธานในพิธีปิดการอบรมหลักสูตรพัฒนาสัมพันธ์ระดับผู้บริหาร รุ่นที่ 28 (พสบ.28) โดยให้โอวาทและกล่าวแสดงความยินดีกับผู้เข้ารับการอบรม พร้อมมอบประกาศนียบัตรสำเร็จการอบรม และมอบเข็ม “พสบ.” ให้กับผู้เข้ารับการอบรมฯ ซึ่งประกอบด้วย ข้าราชการทหาร ข้าราชการตำรวจ ข้าราชการพลเรือน และภาคเอกชน

ทหารกองกำลังผาเมือง ปะทะคาราวานยานรกครั้งใหญ่ เสียงปืนสนั่นป่าชายแดนแม่ฟ้าหลวง..หลังพบแบกเป้-สะพายปืนเลาะดอยเข้าไทยกลางดึก พอขอตรวจกลับยิงถล่ม จนท. เจอยิงสวนดับคาที่ 8 ศพ ยึดยาเสพติดได้อีก 45 เป้

วันนี้ (30 เม.ย.65) ทหาร บก.ควบคุมที่ 1 ฉก.ม.3 กองกำลังผาเมือง ได้จัดกำลังพล 1 ชุดปฏิบัติการ ออกทำการลาดตระเวนตามแนวชายแดนไทย-เมียนมา ด้าน อ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย เพื่อป้องกันการกระทำผิดกฎหมายทั้งกลางวัน-กลางคืน ตามนโยบายและข้อสั่งการของ พ.อ.สุทธิ์เขตต์ ศรีนิลทิน ผบ.ฉก.ม.3 กองกำลังผาเมือง สั่งการให้ กองบังคับการควบคุมที่ 1 หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารม้าที่ 3

กระทั่งเช้ามืด เมื่อเจ้าหน้าที่ลาดตระเวนไปถึงพื้นที่ป่าเขตบ้านต้นม่วง ต.แม่สลองใน อ.แม่ฟ้าหลวง พบกลุ่มคนต้องสงสัยจำนวนประมาณ 10 คน เดินลัดเลาะมาตามแนวป่าที่เชื่อมต่อมาจากพรมแดนลึกเข้ามาในเขตไทยประมาณ 5 กม. โดยมีผู้ถืออาวุธมาด้วยครบมือและส่วนหนึ่งแบกกระเป๋าเป้าที่เป็นกระสอบฟางบนหลังมาด้วย

เจ้าหน้าที่จึงให้สัญญานหยุดตรวจ แต่ปรากฎว่ากลุ่มคนดังกล่าวกลับแตกตื่น และใช้อาวุธปืนไม่ทราบชนิดยิงใส่เจ้าหน้าที่ เพื่อเปิดทางหลบหนี ทำให้เกิดการปะทะกันขึ้นนานประมาณ 10 นาที เสียงปืนดังสนั่นป่า

ทนายเกิดผลฟาดดาราชายขับรถชน แต่ต่อราคาจ่ายค่าเสียหาย ปมจ่ายรักษาพยาบาลและค่าสินไหมทดแทน เตือนเรียนจบกฏหมายอย่าใช้ความรู้ชี้ช่องเอาแต่ประโยชน์ตัวเอง

นายเกิดผล แก้วเกิด ทนายความชื่อดัง โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ประเด็นเรื่องการจ่ายค่ารักษาพยาบาลและค่าสินไหมทดแทน กรณีดาราชายขับรถชน พร้อมคำพิพากษาศาลฎีกาเทียบเคียง โดยมีเนื้อหาดังนี้

จบมาแล้วอาจจะลืม หรือ อาจจะหัวหมอ แสร้งทำลืมข้อกฎหมาย งั้นพี่ทนายจะเตือนความจำให้...

ที่ขุน บอกว่า ผู้เสียหายควรได้รับเพียง 20,000 บาท เพราะ ค่ารักษาพยาบาล พรบ.รถจักรยานยนต์ ของผู้เสียหาย จ่ายไปแล้ว

แต่ขุน ลืมไปหรือเปล่า ว่า ขุนยังไม่ได้จ่ายค่าสินไหมทดแทนให้กับน้องเขาสักบาท ทั้งที่ตัวน้องเขามีหลักฐาน มีใบเสร็จมาแสดง ในรายการ โหนกระแส ที่จ่ายไป เกือบ 30,000 บาท ขุน มาขอต่อรองในรายการ เหลือ 20,000 บาท และแม่เขาก็ยอม แต่เอาตามกฎหมาย แล้ว

ฟังนะขุน 

แม้ ค่ารักษาพยาบาล สองหมื่นกว่าบาท พรบ.รถจักยานยนต์ น้องเขาจะเป็นคนจ่ายไป

#แต่ตามกฎหมายเขาก็มีสิทธิ์เรียกค่าใช้จ่ายกับขุน ในฐานะผู้ทำละเมิด ได้อีกทางตามกฎหมายอยู่แล้ว

จบกฎหมาย ต้องรู้จักกฎหมาย ใช้กฎหมายให้เป็น และมีคุณธรรม นะขุน

ไม่ใช่จบมาแบบ นกแก้ว นกขุนทอง และใช้กฎหมายชี้ช่องเอาแต่ประโยชน์ของตนฝ่ายเดียว โดยไม่เหลือคุณธรรม นะขุนนะ

คำพิพากศาลฎีกา 2040/2539 #สิทธิของโจทก์ที่ได้รับเงินทดแทนค่ารักษาพยาบาลจากบริษัทประกันภัยเป็นสิทธิตาม พ.ร.บ. คุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ พ.ศ. 2535 ส่วนสิทธิของโจทก์ที่จะได้รับเงินทดแทนค่าบริการทางการแพทย์จากจำเลย เป็นสิทธิตาม พ.ร.บ. ประกันสังคม พ.ศ. 2533 #เมื่อเป็นสิทธิตามกฎหมายแต่ละฉบับ

โดยโจทก์ด้องเสียเบี้ยประกันภัยและส่งเงินสมทบเข้ากองทุนสมทบแล้วแต่กรณีตามที่กฎหมายแต่ละฉบับกำหนดไว้ ซึ่งต้องชำระทั้ง 2 ทาง และ พ.ร.บ. ประกันสังคม พ.ศ. 2533 #ไม่มีบทบัญญัติตัดสิทธิมิให้ได้รับเงินทดแทนตามกฎหมายอื่นมารับเงินทดแทนอีก จำเลยจึงยกเอาเหตุที่โจทก์ได้รับเงินทดแทน ค่ารักษาพยาบาลจากบริษัทประกันภัยมา #แล้วมาอ้างเพื่อไม่จ่ายเงินค่าทดแทนตาม พ.ร.บ. ประกันสังคม พ.ศ. 2533 ให้แก่โจทก์หาได้ไม่ โจทก์จึงมีสิทธิได้รับเงินทดแทนค่าบริการทางการเเพทย์จากจำเลย

‘พิธา ลิ้มเจริญรัตน์’ หัวหน้าพรรคก้าวไกล มั่นใจเลือกตั้งครั้งหน้า กวาดส.ส.ได้เกิน 100 ที่นั่ง หลังมีเวลาเตรียมตัวนานกว่าครั้งก่อน

30 เม.ย.2565 - ที่อุทยานการเรียนรู้ป๋วย 100 ปี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต พรรคก้าวไกลจัดประชุมสามัญประจำปี โดยนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ก่อนการเริ่มประชุมถึงการตั้งเป้าจำนวนส.ส.ในการเลือกตั้งครั้งหน้าว่า มีตัวเลขในใจอยู่แล้ว โดยจะพยายามพูดคุยเรื่องนี้กันภายใน แต่จะไม่เปิดเผยตัวเลขอย่างเป็นทางการ ตนไม่อยากใช้ตัวเลขเป็นหลักแล้วให้ว่าที่ผู้สมัครนั่งคิดว่าตัวเองเป็นหนึ่งในนั้นหรือไม่ เพราะไม่อยากให้เสียกำลังใจ

"ดูได้จากผลการเลือกตั้งครั้งที่แล้ว และผลการเลือกตั้งท้องถิ่นของกลุ่มคณะก้าวหน้า มั่นใจว่าจะเกินกว่าร้อยที่นั่ง ซึ่งเราจะทำงานหนักด้วยข้อมูล และละเอียดมากขึ้น ครั้งที่แล้วที่เป็นพรรคอนาคตใหม่การเตรียมตัวมีค่อนข้างน้อย แต่ตอนนี้เราเริ่มเตรียมการมาเป็นปีแล้วในการเตรียมว่าที่ผู้สมัคร สัมภาษณ์ผู้สมัคร เทรนผู้สมัคร ให้ผู้สมัครได้ทดลองงานซึ่งคิดว่าเป็นการทำงานในพื้นที่อย่างเข้มข้นมากขึ้น ประกอบกับการทำงานในสภาของส.ส. ก็จะเป็นการทำงานที่คู่ขนานกันไป แต่ก็จะเน้นทำงานในพื้นที่มากขึ้น" หัวหน้าพรรคก้าวไกล ระบุ

หัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวต่อว่า จุดแข็งของพรรคก้าวไกลคือความหลากหลายของว่าที่ผู้สมัครที่เป็นตัวแทนของพี่น้องประชาชนจากหลายกลุ่มจริงๆ ทั้งกลุ่ม LGBTQ กลุ่มชาติพันธุ์ รวมถึงคนที่มีประสบการณ์ทางการเมืองและคนที่ไม่มีประสบการณ์มารวมกันอยู่ โดยประเทศไทยจะเปลี่ยนแปลงได้นั้นความกระจุกจะต้องกระจายออกผ่านการกระจายอํานาจ เชิงเศรษฐกิจต้องเปลี่ยนจากฐานรากขึ้นมาข้างบนโดยการทำลายทุนผูกขาด วิธีการมองต้องเอาจากข้างนอกเข้ามาข้างใน ไม่ใช่เอาความเป็นไทยไปสู่ข้างนอก ถ้าเราเขย่าประเทศกับหัวกลับหางแบบนี้ประเทศไทยก็จะมีทางรอดออกไปได้

เมื่อถามถึงกระแสนายกรัฐมนตรีสำรองที่มีชื่อของพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ นายพิธา กล่าวว่า ตั้งระบบรัฐสภานายกรัฐมนตรีควรที่จะเป็นส.ส.และคนที่เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีที่ได้สัญญากับประชาชนไว้ในช่วงการเลือกตั้ง ส่วนนายกรัฐมนตรีจะเหมาะสมหรือไม่ให้ประชาชนเป็นผู้ตัดสิน อย่างไรก็ตามพล.อ.ประวิตร ก็ยังมีเรื่องที่ค้างคาใจที่ตนคิดว่าประชาชนจำนวนมากยังไม่ได้รับข้อชี้แจง ทั้งเรื่องของป่ารอยต่อ และเรื่องการค้ามนุษย์ ซึ่งก็ต้องมีการชี้แจง

‘ชัชชาติ’ ลุยหาเสียง 'บางกะปิ-สะพานสูง' ชูนโยบาย 'ปชช. ร่วมประเมินผลงาน ผู้ว่าฯ-ผอ.เขต'

24 เม.ย. 65 นายชัชชาติ สิทธิพันธ์ ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. ลงพื้นที่เขตบางกะปิและเขตสะพานสูง พบปะผู้ค้าและประชาชนที่ตลาดเช้าแฟลตคลองจั่น ตลาดหมู่บ้านสหกรณ์เคหสถาน ตลาดสัมมากร และตลาดตะวันนา พร้อมรับฟังปัญหาจากผู้นำชุมชนต่างๆ

นายชัชชาติ กล่าวว่า ปัญหาในแต่ละชุมชนมีหลากหลาย การแก้ไขปัญหาของชุมชนจะต้องให้ประชาชนเข้ามาร่วมตัดสินใจ เนื่องจากประชาชนรู้ดีที่สุดว่าเกิดปัญหาอะไร และต้องการวิธีไหนในการแก้ไข เสนอนโยบายให้ประชาชนมีส่วนร่วมจัดลำดับความสำคัญของโครงการต่างๆ ตั้งแต่ในระดับเขตจนไปถึงระดับ กทม. 

'องลงกรณ์' ชี้ 'รถไฟลาว-จีน' มีประโยชน์ต่อไทย ร่นเวลาขนส่งไปจีนใช้เวลาเพียง 1 วันครึ่ง 

เมื่อวันที่ 24 เมษายน นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในฐานะประธานคณะกรรมการพัฒนาและบริหารจัดการผลไม้ (Fruit Board) เปิดเผยว่า วันนี้ขอแสดงความชื่นชมต่อความสำเร็จในการส่งออกทุเรียนไทยล็อตใหญ่ที่สุด 500 ตัน 27 ตู้คอนเทนเนอร์ของฤดูกาลผลิตผลไม้ปี 2565 ที่ขนส่งบนเส้นทางรถไฟสายลาว-จีนตามนโยบายอีสานเกตเวย์และเป็นการเปิดศักราชใหม่ของการขนส่งผลไม้ไทยด้วยระบบรางภายใต้พิธีสารการนำเข้าส่งออกผลไม้ระหว่างไทย-จีนโดยความร่วมมือระหว่างภาครัฐและภาคเอกชนของไทย-ลาวและจีนหลังจากทดสอบการส่งออกทุเรียน 2 ตู้คอนเทนเนอร์และมะพร้าวน้ำหอม 1 ตู้คอนเทนเนอร์เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา

จากนี้จะขยายไปสู่การขนส่งผลไม้และสินค้าเกษตรอื่นๆ เช่น มังคุด ลำไย ข้าว ยางพารา มันสำปะหลัง น้ำตาล มะม่วง เป็นต้น เพื่อเร่งสร้างรายได้เข้าประเทศ

นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในฐานะประธานคณะทำงานของคณะกรรมการบริหารจัดการผลไม้ (Fruit Board) กล่าวว่า ทุเรียนล็อตใหญ่ล็อตแรกมาจากจังหวัดจันทบุรี จำนวน 27 ตู้ ซึ่งเป็นการขนส่งระบบผสมผสาน “ราง-รถ” โดยรถบรรทุกคอนเทนเนอร์รุ่นใหม่บรรทุกทุเรียนที่ผ่านการตรวจสอบโรคพืช ไม่มีทุเรียนอ่อนและปลอดการปนเปื้อนโควิดเดินทางจากภาคตะวันออกถึงจังหวัดหนองคายข้ามแม่น้ำโขงที่สะพานมิตรภาพไทย-ลาวแห่งที่ 1 ไปถ่ายตู้ที่ท่าบกท่านาแล้งก่อนลำเลียงไปขึ้นแคร่รถไฟที่สถานีเวียงจันทน์ใต้ แล้วเดินทางไปยังสถานีรถไฟนาเตยในแขวงหลวงน้ำทาก่อนยกขึ้นรถบรรทุกคอนเทนเนอร์เดินทางต่อไปด่านบ่อเต็นข้ามพรมแดน “ลาว-จีน” ไปตรวจโรคพืชและโควิดที่ด่านโมฮ่านในมณฑลยูนนาน

'สนธิรัตน์' ฟุ้ง มีผู้สนใจเข้าร่วม ‘สร้างอนาคตไทย’ เพียบ!! แง้ม ‘สมคิด’ ยินดีรับแคนดิเดตนายกฯ

24 เม.ย. 65 นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรคสร้างอนาคตไทย ให้สัมภาษณ์รายการ ThePaperTalk ทางวิทยุ ส.ทร. FM 106 MHz ถึงการขับเคลื่อนพรรคสร้างอนาคตไทยว่า ขณะนี้พรรคสร้างอนาคตไทยมีความพร้อมในด้านบุคลากร ทั้งกรรมการบริหารพรรค โครงสร้างพรรค โดยหลังการประชุมใหญ่สามัญประจำปีเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ถือเป็นการส่งสัญญาณถึงความพร้อม ว่าพรรคสร้างอนาคตไทยจะทำการเมืองอย่างเต็มรูปแบบ และจากนี้ไป ก็จะมีการขับเคลื่อนกิจกรรมทางการเมืองอย่างต่อเนื่อง เพื่อเตรียมความพร้อมสู่การเลือกตั้งครั้งใหม่ที่จะมาถึง

นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า หลังจากที่ได้เริ่มก่อตั้งพรรคสร้างอนาคตไทย ก็พบว่ามีผู้สนใจร่วมงานกับพรรคค่อนข้างมาก โดยก่อนหน้านี้ตนและผู้ร่วมก่อตั้งพรรค ได้มีการเดินสายเพื่อพบปะพูดคุยกับผู้คนมากมายหลายวงการ ซึ่งเป็นผู้ที่มีความสนใจเข้ามาทำงานการเมืองร่วมกัน จนถึงขณะนี้พรรคมีความพร้อมในส่วนของว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.แล้วระดับหนึ่ง และนับจากนี้ไป ตนและพรรคสร้างอนาคตไทย จะเร่งเดินหน้าเพื่อเตรียมความพร้อมรองรับสถานการณ์การเลือกตั้ง ที่อาจจะเกิดขึ้นเมื่อใดก็ได้ โดยตั้งเป้าจะส่ง ส.ส. 400 เขตทั่วประเทศ

“การกลับมาทำงานการเมืองครั้งนี้ เป็นเพราะสถานการณ์บ้านเมืองที่เห็นว่าประชาชนประสบปัญหาอย่างมาก จึงจะต้องมีทางเลือกให้กับประชาชน โดยการกลับมาครั้งนี้เราเห็นว่าประเทศไทยต้องไปต่อ และคิดว่าแนวคิดต่างๆ ของบุคลากรในพรรคสร้างอนาคตไทยนั้น ยังเป็นประโยชน์ต่อประเทศ”

“สนธิรัตน์” ปลื้ม คนเมืองกาญจน์ตั้งกลุ่ม “คนรักสนธิรัตน์” หนุนลุยเลือกตั้งสมัยหน้า

วันนี้ (24 เม.ย.65) ที่อำเภอท่าม่วง จังหวัดกาญจนบุรี นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรคสร้างอนาคตไทย พร้อมด้วยนายวัชระ กรรณิการ์ รองเลขาธิการพรรคสร้างอนาคตไทยในฐานะประธานกลุ่มการเมืองภาคกลาง พบปะผู้นำท้องถิ่น กลุ่มสมาคมศิษย์เก่าโรงเรียนท่าม่วงราษฎร์บำรุง (ท.ม.ร) ตัวแทนกลุ่มคนรักสนธิรัตน์ประมาณ 30 คน ร่วมแลกเปลี่ยนวิสัยทัศน์ทางการเมืองและรับฟังข้อเสนอเชิงนโยบายจากคนในพื้นที่ ด้วยบรรยากาศชื่นมื่นและคึกคัก ด้านตัวแทนกลุ่มคนรักสนธิรัตน์ ดีใจตั้งพรรคการเมืองน้ำดี ฝากความหวังกลับมาพัฒนาบ้านเกิด ประกาศหนุนเต็มที่ เลือกตั้งสมัยหน้าต้องยกจังหวัด

 นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรคสร้างอนาคตไทย กล่าวว่า รู้สึกดีใจที่รู้ว่าคนบ้านเกิดให้ความไว้วางใจต้อนรับอย่างอบอุ่นเสมอมา และรู้สึกซาบซึ้งที่รู้ว่ามีการตั้งกลุ่มคนรักสนธิรัตน์ขึ้นมาในอำเภอท่าม่วง วันนี้จึงได้มาพบปะเพื่อแสดงความขอบคุณทุกคนที่ให้การสนับสนุน ซึ่งในฐานะที่จังหวัดกาญจนบุรีเป็นบ้านเกิด มีความตั้งใจอย่างมากที่จะเข้ามาพัฒนาและทำประโยชน์เพื่อคนเมืองกาญจน์ ต้องการเข้ามาผลักดันให้เศรษฐกิจเจริญเติบโตและมีความเชื่อมโยงการค้ากับประเทศเพื่อนบ้านในอนาคต

'ศาลรวันดา' สั่งจำคุก ผู้จัดการเหมืองชาวจีน 20 ปี เหตุ เฆี่ยนตี-ทารุณ คนงานผิวดำ

กลายเป็นเรื่องราวใหญ่โต เมื่ออาเจ๊ก ผู้จัดการเหมืองชาวจีนวัย 43 ปี คนหนึ่งในรวันดาในสัปดาห์นี้ถูกพิพากษาถึงขั้นถูกลงโทษจำคุก 20 ปี ข้อหาทรมานหลังเขาถูกแอบถ่ายคลิปกำลังเฆี่ยนคนงานเหมืองผิวดำคนหนึ่งที่ถูกผูกอยู่กับเสา

เน็กซ์ชาร์ก (Nextshark) สื่อสหรัฐฯ รายงานวันศุกร์ (22 เม.ย.) ว่า ในวิดีโอคลิปความยาว 45 วินาที อ้างอิงจาก The China Africa Project ในการรายงานของหนังสือพิมพ์เซาท์ไชน่ามอร์นิงโพสต์ ที่กลายเป็นหลักฐานเล่นงาน ซุน ชูจุน (Sun Shujun) วัย 43 ปี ผู้จัดการเหมืองแห่งหนึ่งทางตะวันตกของรวันดา ถูกแอบถ่ายไว้เมื่อปีที่แล้วขณะที่เขากำลังดุด่าคนงานเหมืองผิวดำรายหนึ่งที่ถูกผูกไว้กับเสา และทำการเฆี่ยนตีด้วยเชือกอย่างหนักเพื่อลงโทษระหว่างที่มีคนงานเหมืองคนอื่นๆ ในเสื้อกั๊กสีส้มกำลังเฝ้ามอง

ทั้งนี้ พบว่าซุน ถูกตำรวจรวันดาจับกุมหลังจากที่คลิปเผยแพร่ไปทั่วเดือนกันยายนปีที่แล้ว และในภายหลังเขาถูกปล่อยตัวภายใต้วงประกัน

ซุน กล่าวว่า เขาจำเป็นต้องโบยคนงานเหมืองเหล่านี้เพราะรู้สึกเหนื่อยอ่อนใจที่พวกเขามักจะขโมยแร่ออกไปเสมอ ซึ่งเขาถูกผู้พิพากษาศาลรวันดา แจ็กเกอส์ เคนยารูคิกา (Jacques Kanyarukiga) ในวันอังคาร พิพากษาว่า ผู้จัดการเหมืองชาวจีนทรมานเหยื่อคนงานเหมืองผิวดำ และออกคำสั่งลงโทษทางร่างกายด้วยเจตนาร้าย และนี่ถือเป็นคดีอุกฉกรรจ์ทางอาญา

ซึ่งขณะที่อัยการกล่าวหาซุน ทำร้ายคนอื่นอีก 4 คน แต่เขากลับยอมรับว่าทำร้ายคนงานเหมือง 2 คนเท่านั้น พร้อมกับให้เหตุผลอ้างว่า คนเหล่านี้ขโมยแร่ในเหมืองออกไปซ้ำหลายครั้ง

พยานขึ้นให้การในศาลว่า คนงานเหมืองต้องสงสัยถูกผูกไว้และโดนโบยตี

‘อุ๊งอิ๊ง’ โชว์ 5 นโยบาย หากมีอำนาจ พร้อมทำทันที มั่นใจ!! จะไม่มีใครอยากย้ายประเทศ

น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย กล่าวว่า ขอใช้โอกาสในการประชุมใหญ่สามัญประจำปีพรรคเพื่อไทย 2565 ส่งการบ้าน หลังจากที่ได้เริ่มเข้ามาทำงานการเมืองอย่างเป็นทางการในวันที่ 28 ตุลาคม 2564 ที่ผ่านมา จนถึงปัจจุบันได้ทำงานร่วมกับผู้ใหญ่ในพรรคและคนรุ่นใหม่ เพื่อหาแนวทางพัฒนา แก้ไขปัญหาพี่น้องประชาชนให้หลุดพ้นจากความยากจน ยืนยันว่า จะไม่ทิ้งคนรากหญ้า ซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศ พรรคเพื่อไทยจะใช้สติปัญญาในการแก้ไขปัญหาประเทศ เพื่อให้ประชาชนมั่นใจว่าชีวิตจะดีขึ้น ไม่หวั่นไหวต่ออุปสรรคใดๆ ที่เข้ามา โดยเฉพาะการกอบโกยหาผลประโยชน์ที่กำลังดำเนินการกันอยู่อย่างมากมายเพื่อพวกพ้องของตัวเอง โดยไม่คำนึงความต้องการและชีวิตของประชาชน

น.ส.แพทองธารกล่าวว่า วันนี้คนไทยส่วนใหญ่ยากจนลง จากที่เคยลืมตาอ้าปากได้ เพราะนโยบายที่กินได้ของไทยรักไทย พลังประชาชนและเพื่อไทย คนไทยส่วนใหญ่ ยังต้องการพื้นฐานชีวิตที่มั่นคง อนาคตของลูกหลานที่ไม่มีหนี้ และมีเงินเหลือเฟือ จากนโยบายและการบริหารของผู้มีประสบการณ์จากพรรคเพื่อไทย ดังนั้นเพื่อเป็นการบรรลุไปสู่เป้าหมายนั้น จึงขอส่งการบ้าน 5 ข้อ ได้แก่

1.) ส่งเสริมการมีส่วนร่วมและการกระจายอำนาจสู่ระดับประชาชน พรรคไทยรักไทยเคยทำมาแล้ว โดยการจัดงบประมาณภาคประชาชน ลงไปในระดับหมู่บ้านให้ประชาชนตัดสินใจร่วมกัน เพื่อแก้ปัญหาส่วนรวมของหมู่บ้าน รวมทั้งกระจายอำนาจทางการศึกษา การสาธารณสุข การเกษตร และการปกครองท้องถิ่น ให้ตัดสินใจในระดับจังหวัด ไม่ต้องขึ้นกับส่วนกลาง โดยจะทำให้กระทรวงต่างๆ เล็กลง ไม่อุ้ยอ้ายเหมือนในปัจจุบัน รวมทั้งจัดให้มีการรายงานปัญหาของประชาชน และรับฟังข้อเสนอแนะ ผ่านแอปพลิเคชัน แบบ real time เพื่อจะได้วิเคราะห์และแก้ปัญหาให้ถูกทาง และใช้งบประมาณให้คุ้มค่าที่สุด

2.) ดึงศักยภาพคนไทยด้วยการใช้ soft power 1 คน ต่อ 1 ครอบครัว พรรคเพื่อไทยเชื่อมั่นในศักยภาพของคนไทย ซึ่งถูกกดให้ไม่มีโอกาสและพัฒนาศักยภาพมานาน จึงไม่มีโอกาสทำรายได้ให้สูงขึ้น จัดให้มีระบบค้นหาศักยภาพของคนไทยให้ได้อย่างน้อย 1 คน ต่อ1 ครอบครัว ประมาณ 16 ล้านครอบครัว เพื่อนำมาพัฒนาศักยภาพ มีส่วนร่วมและหาโอกาสทั้งระดับท้องถิ่น หัวเมืองใหญ่ในกรุงเทพฯ และในต่างประเทศ ตามศักยภาพหลังการฝึกฝนและพัฒนา เมื่อได้รับการฝึกฝนมีงานทำที่มีระดับค่าแรงงานที่สูงขึ้น คนเหล่านี้จะเป็นหลักในการหาเงินเลี้ยงครอบครัวให้หายจน มีสภาพความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น เพราะเทรนด์โลกสมัยใหม่ คือการต่อสู้กันด้วยอำนาจของวัฒนธรรม soft power คือพลังหรืออำนาจ ที่ทำให้คนทั่วโลกโอบรับวัฒนธรรมอื่นๆ หากเกิดพลังนี้ขึ้นกับวัฒนธรรมใด จะนำมาซึ่งมูลค่าทางเศรษฐกิจอย่างมหาศาล

3.) ใช้เทคโนโลยี Ai เพื่อการเกษตร เพื่อเกิดการวิเคราะห์แม่นยำ และผลผลิตสูง โดยการศึกษาดิน น้ำ ลมฟ้าอากาศ ด้วยเทคโนโลยี Ai ปลูกพืชตามฤดูกาลที่เหมาะสม ลดการใช้ปุ๋ยและยาฆ่าแมลง ระบบวิเคราะห์ข้อมูลและวิทยาศาสตร์การเกษตร ตลอดจนการถนอมผลิตภัณฑ์ และการกระจายการจัดจำหน่ายที่รวดเร็ว จะเข้ามาช่วยเหลือเกษตรกรไทยได้ พรรคเพื่อไทยจะไม่ยอมให้ การเกษตรแบบวิถีชีวิต เกิดขึ้นอีกต่อไป

4.) ปรับเปลี่ยนภาครัฐและภาคเอกชนด้วยระบบ Digital Transformation ครั้งใหญ่ ด้วยการสร้างรัฐบาลดิจิทัล (Platform digital Government) ที่ใช้ได้จริง เพื่อแก้ปัญหาระบบราชการใหญ่โตและคอร์รัปชันมากมาย และขาดประสิทธิภาพ ระบบราชการไทยต้องเป็นใช้กระดาษลดลง (paperless) ให้บริการประชาชนผ่านระบบแอปพลิเคชัน เช่น การขอใช้บริการสาธารณสุขในโครงการ 30 บาท ประชาชนสามารถขอเวลานัดหมายทางออนไลน์ได้โดยไม่ต้องรอคิว จะใช้เทคโนโลยีการออกแบบและการทำโมลผลิตจากระบบเครื่องพิมพ์สามมิติ และการตลาดแบบ E-Commerce มาฟื้นคืนชีวิตให้กับสินค้า OTOP กลับมามีคุณภาพที่เป็นสากลมากกว่าเดิม ขายดีกว่าเดิมยิ่งกว่าสมัยไทยรักไทย

5.) เตรียมคนไทยเข้าสู่ยุค Metaverse โลกเสมือนจริงจะนำโลกที่เป็นจริง ซึ่งจะประกอบด้วย NFT (Non-Fungible Token) หรือสกุลเงินดิจิทัลที่แสดงความเป็นเจ้าของสินทรัพย์ รวมถึง Games และ E-Sports เพื่อพัฒนาทักษะให้กับเด็กและเยาวชน ตลอดจนเทคโนโลยี AR (Augmented reality) หรือเทคโนโลยีผสานระหว่างโลกแห่งความเป็นจริงและความเสมือนจริงเข้าด้วยกัน รวมถึง VR (Virtual reality) หรือ การจำลองสภาพแวดล้อมจริงให้เสมือนจริง โดยผ่านการรับรู้ผ่านประสาทสัมผัส


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top