Saturday, 10 May 2025
ECONBIZ NEWS

ปธ.สภาหอฯ โว นำคณะเยือนซาอุฯ ดีเกินคาด  เผย จับคู่ธุรกิจสุดปัง เชื่อเห็นผลดีเร็วๆ นี้

ปธ.สภาหอฯ ชี้นำคณะเยือนซาอุฯ ดีเกินคาด จับคู่ธุรกิจสุดปัง เชื่อเห็นผลดีเร็ว ๆ นี้

นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวหลังเสร็จสิ้นการจัด Saudi-Thai Investment Forum ซึ่งเป็นกิจกรรมที่จัดขึ้นระหว่างการร่วมคณะเดินทางเยือนซาอุดีอาระเบียอย่างเป็นทางการกับนายดอน ปรมัตถ์วินัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศว่า รู้สึกตื่นเต้นที่มีการจัดเวทีดังกล่าวขึ้นที่กรุงริยาด ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความตั้งใจของภาครัฐและเอกชนซาอุฯ รวมถึงความจริงใจอย่างมากไม่ว่าจะเป็นจากนายคาหลิด อับดุลอะซีซ อัลฟาลิฮ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการลงทุน หรือนายอัจลาน บิน อับดุลอะซีซ อัล อัจลาน ประธานสภาหอการค้าริยาด และยังไม่คาดคิดว่าจะให้เกียรติการประชุมโดยเชิญเจ้าชายฟัยศ็อล บิน ฟัรฮาน อัลซะอูด รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เสด็จฯ มาร่วมเป็นสักขีพยานในการลงนามบันทึกความเข้าใจ (เอ็มโอยู) ระหว่างสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยกับสภาหอการค้ากรุงริยาดด้วย

นายสนั่นกล่าวว่า ในการจัดพบปะเพื่อจับคู่ภาคธุรกิจก็มีความพิถีพิถันมากชนิดที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ทำแบบตั้งใจมากฝ่ายไทยนำคณะผู้แทนจาก 38 บริษัท รวม 60 กว่าคนเดินทางมา ขณะที่ฝ่ายซาอุฯ ภาคเอกชนที่เข้าร่วมงานก็เป็นการคัดเลือกผู้ประกอบการตัวจริงที่มีขนาดใหญ่กว่า 130 บริษัท แต่ละบริษัทที่มาก็ได้มีการหารือกันอย่างเป็นกิจลักษณะ และยังมีการตั้งเป้ารวมถึงตั้งความหวังว่าจะมีการดำเนินการกันได้เมื่อไหร่อีกด้วย

“หลายคนที่พูดคุยไม่รู้จักทุเรียนไทย ดังนั้นจึงเป็นโอกาสดีที่จะเชิญสมาชิกสภาหอการค้ากรุงริยาดให้เดินทางไปเยือนประเทศไทย ซึ่งจะมีการจัดคณะชุดแรก 40-50 บริษัทเดินทางไปในไตรมาสที่ 3 นี้” นายสนั่นกล่าว และว่า หลังจากนี้ไปคงมีการจัดเวทีบิสซิเนสฟอรั่มระหว่างกันต่อเนื่องปีละ 2 ครั้ง ทั้งให้ภาคธุรกิจไทยไปซาอุฯ และให้ซาอุฯ มาประชุมที่ไทย

เมื่อถามว่าผลของการจับคู่ภาคธุรกิจเป็นอย่างไร นายสนั่นกล่าวว่า สิ่งที่เห็นผลคือภาคอาหารและผลไม้มีการตอบกลับว่าสนใจอยากซื้อสินค้าจากประเทศไทยทันที ขณะที่วัสดุก่อสร้างก็ได้รับความสนใจเช่นกัน และยังมีความต้องการที่จะหาทางประสานงานกับภาคการท่องเที่ยวและการโรงแรมของไทยด้วย ในกลุ่มโรงแรมทราบว่าทั้งดุสิตธานีและไมเนอร์ก็รับแขกจนไม่มีเวลา เช่นเดียวกับในส่วนของโรงพยาบาลตั้งแต่โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ สมิติเวช กล้วยน้ำไท และปิยะเวทก็มีผู้ให้ความสนใจที่จะพาครอบครัวไปตรวจสุขภาพหรือไปรักษาตัว เช่นเดียวกับชีวาศรมก็มีคนสนใจมากเช่นกัน ในส่วนของภาคยานยนต์และเครื่องใช้ไฟฟ้า ก็มีความประสงค์ที่อยากจะเข้าไปดูโรงงานในประเทศไทย

“หลังจากที่มีการลดระดับความสัมพันธ์ การเดินทางไปหามาหาสู่กันก็ยากลำบากถึง 32 ปี ในครั้งนี้รู้สึกว่าทุกคนตื่นเต้นมาก และรู้สึกแปลกใจมากที่คนซาอุฯ รักเมืองไทย มีจิตใจที่ทำให้รู้สึกอบอุ่นมาก เหมือนเขาเจอคนไทยแล้วรู้สึกถูกชะตา คิดว่าจากวันนี้ไปคงจะได้เห็นผลที่ดีเร็วมาก” นายสนั่นกล่าว

ติดปีกนวัตกรรมไทย EA ส่ง ‘กรีน เทคโนโลยี รีเสิร์ช’ เซ็น MOU สอวช. ร่วมปั้นนวัตกรรมล้ำตอบโจทย์อุตสาหกรรม BCG

EA ส่ง บ.ย่อย ‘กรีน เทคโนโลยี รีเสิร์ช’ เซ็น MOU กับ สอวช. ‘โครงการ บพข. - GTR’ ร่วมวิจัยพัฒนา ‘ปาล์มน้ำมัน’ สร้างมูลค่าเพิ่มด้วยเทคโนโลยีเป็นมิตรสิ่งแวดล้อมสอดรับนโยบายส่งเสริมอุตสาหกรรม Bio-Circular-Green Economy (BCG) ของไทย

บมจ. พลังงานบริสุทธิ์ (EA) ส่ง บจก.กรีน เทคโนโลยี รีเสิร์ช จำกัด (GTR) หรือบริษัทย่อย ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ กับสำนักงานสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรมแห่งชาติ (สอวช.) โดยหน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศ (บพข.) ร่วมมือโครงการ บพข. - GTR เพื่อวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์มูลค่าเพิ่ม และเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันอุตสาหกรรม ภายใต้การนำองค์ความรู้ ความคิดสร้างสรรค์ เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัยและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม สอดรับนโยบายส่งเสริมอุตสาหกรรม Bio-Circular-Green Economy ของประเทศไทย

‘เจ๊เกียว’ โอด ‘พิษโควิด - น้ำมันแพง’ ทำเจ๊งยับ แถมไร้คนสืบต่อกิจการ จ่อปิดตำนาน 65 ปี

สุจินดา เชิดชัย หรือ ‘เจ๊เกียว’ โอดพิษโควิด - น้ำมันแพง ทำขาดทุนยับ เตรียมขอขึ้นตั๋ว พร้อมประกาศขาย ‘เชิดชัยทัวร์’ เหตุไร้คนสืบทอดกิจการ จ่อปิดตำนานธุรกิจรถทัวร์ 65 ปี 

เมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม นางสุจินดา เชิดชัย หรือ เจ๊เกียว นายกสมาคมผู้ประกอบการรถร่วมรถโดยสาร บขส. และเจ้าของอู่รถเชิดชัย และบริษัท เดินรถเชิดชัย ดำเนินธุรกิจมา 65 ปี กล่าวเมื่อวันที่ 8 พ.ค.ที่ผ่านมาว่า ผลกระทบจากราคาน้ำมันดีเซลสูงขึ้นถึง 32 บาทต่อลิตร ในวันที่ 12 พฤษภาคม จะยื่นหนังสือต่อนายจิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) ขอขึ้นค่าโดยสารรถประจำทางอีก 1 สตางค์ต่อกิโลเมตร จากปัจจุบันคิดค่าโดยสารในราคาน้ำมัน 27 บาทต่อลิตร นอกจากนี้จะขอให้ออกมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการรถร่วม โดยลดค่าใช้จ่ายต่างๆ เช่น ค่าประกันภัย และค่า พ.ร.บ.คุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถเพื่อบรรเทาภาระในช่วงรายได้ลดลง

เร่งส่งออกผลไม้ปั๊มเงินเข้าไทย 2.8 แสนล้าน “เกษตร-พาณิชย์” ผนึกทีมไทยแลนด์โปรโมตผลไม้ไทยทั่วโลกไม่เว้นแม้แต่รัสเซีย เผยตลาดทุเรียนในออสเตรเลียสดใสเติบโตกว่า 181%

นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีเกษตรฯ. และประธานคณะทำงานแก้ไขปัญหาผลไม้ล่วงหน้าในคณะกรรมการพัฒนาและบริหารจัดการผลไม้ (Fruit Board) เปิดเผยวันนี้ (8.พ.ค) ว่า กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และกระทรวงพาณิชย์ร่วมกับกระทรวงต่างประเทศและกระทรวงการท่องเที่ยวฯ. เดินหน้าโปรโมตผลไม้ไทยในตลาดต่างประเทศอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เริ่มฤดูกาลผลไม้ปีนี้เพื่อเพิ่มการส่งออกในตลาดหลักและขยายตลาดใหม่ เช่น จีน ญี่ปุ่น อินโดนีเซีย ออสเตรเลีย อียู อิตาลี เบลเยี่ยม สหรัฐอเมริกา และรัสเซีย ตามนโยบายของดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในฐานะคณะกรรมการพัฒนาและบริหารจัดการผลไม้ (Fruit Board)

ทั้งนี้กระทรวงพาณิชย์โดยนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีพาณิชย์ได้ตั้งเป้าหมายการส่งออกผลไม้ไทยทั้งผลไม้สด ผลไม้แช่แข็ง ผลไม้แห้งและผลไม้แปรรูปในปี 2565 เป็นมูลค่า 280,000 ล้านบาท เพิ่มจากการส่งออกในปี 2564 ซึ่งมีมูลค่า 250,000 ล้านบาท

นายอลงกรณ์กล่าวว่า สำนักงานที่ปรึกษาฝ่ายเกษตร ประจำสถานกงสุลใหญ่ ณ นครกว่างโจวร่วมกับสถานกงสุลใหญ่ และหน่วยงานทีมประเทศไทย ณ เมืองเซี่ยเหมิน โปรโมทผลไม้ไทยในงานเทศกาลอาหารไทย ณ เมืองเซี่ยเหมิน ระหว่างวันที่ 29 เมษายน - 4 พฤษภาคม 2565 ได้รับความสนใจอย่างมากและจะ
จัดงานเทศกาลผลไม้ไทย นครหนานหนิง ระหว่างวันที่ 12 - 18 พ.ค. 65 โดยดำเนินการร่วมกับ สคต. หนานหนิง และบริษัท Shenzhen Pagoda Orchard Industrial (Group) จำกัด ในรูปแบบออนไลน์ และออฟไลน์ ผ่านร้านพาโกดาในพื้นที่เขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วง ประมาณ 80 สาขา และจะจัดงานเทศกาลผลไม้ไทย ณ เมืองเซินเจิ้น ระหว่าง 8-15 มิ.ย. 65 ร่วมกับ สคต. กวางโจว และ ซุปเปอร์มาร์เก็ต Hema (บริษัท Shenzhen HEMA Network Technology Co.,Ltd. ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ Alibaba) ในรูปแบบออนไลน์ และออฟไลน์ 

ก่อนหน้านี้สำนักงานที่ปรึกษาการเกษตรต่างประเทศ ประจำกรุงปักกิ่ง ร่วมกับ ซีพีเซ็นเตอร์ สำนักงานใหญ่เครือเจริญโภคภัณฑ์ เขตประเทศจีน สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงปักกิ่ง และสำนักงานการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานกรุงปักกิ่ง จัดงานเทศกาลสงกรานต์ ประจำปี ๒๕๖๕  ระหว่างวันที่ ๑๕-๑๙ เมษายน ๒๕๖๕ ณ ตึกซีพีเซ็นเตอร์ กรุงปักกิ่ง โดยสปษ.ปักกิ่ง ร่วมกับกรมหม่อนไหม มีการประชาสัมพันธ์ผ้าไหมของไทย โดยการเดินแฟชั่นโชว์ ร่วมกับการประชาสัมพันธ์ทุเรียนของไทยเพื่อเป็นการผสมผสานกิจกรรมและขยายตลาดสินค้าเกษตรของไทยในตลาดจีน

ในขณะที่ฝ่ายเกษตรประจำกรุงจาการ์ตา มีแผนส่งเสริมการตลาดผลไม้และสินค้าเกษตรอื่นๆ ร่วมกับทีมประเทศไทย ในงานต่างๆ อาทิ งาน Mini Thailand Week 2022 ระหว่างวันที่ 9-12 มิถุนายน 2565 ณ จังหวัดสุรายายาและงาน Thai Festival ช่วงเดือนสิงหาคม 2565 ณ กรุงจาการ์ตา 

ส่วนสำนักงานเกษตร ณ กรุงโตเกียว กำลังเตรียมความพร้อมในการเข้าร่วมงานเทศกาลไทยที่เมืองนาโกย่า เมืองเซนได เมืองชิสึโอกะระหว่างเดือนมิถุนายนถึงสิงหาคม ร่วมกับ สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงโตเกียว (สอท.) และสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ (สคต.) กรุงโตเกียว

นอกจากนี้สำนักงานที่ปรึกษาฝ่ายเกษตร ณ นครแคนเบอร์รา ประเทศออสเตรเลีย รายงานว่าระหว่าง
วันที่ 14-15 พ.ค. 2565 จะนำมะม่วงและผลไม้ไทยโปรโมตในงาน Thailand Grand  Festival ที่นครซิดนีย์ โดยเปิดให้มีการลิ้มลองรสชาติมะม่วงไทย และข้าวเหนียวมะม่วง และกำลังวางแผนที่จะจัดงานเทศกาลอาหารและทุเรียนนานาชาติ (International Durian and Food Festival) ที่นครซิดนีย์ เป็นปีที่สอง โดยปีที่แล้วเปิดตัวที่นครเมลเบิร์น ได้รับการตอบรับท่วมท้น คนมาเข้าคิวชิมและซื้อทุเรียนแกะพูแช่เย็น เครื่องดื่มกะทิผสมทุเรียนและมะม่วง ตลอดจนสินค้าอาหารไทยกันไม่ขาดสายแม้ต้องเข้าคิวนานเป็นชั่วโมง

คาดว่าจะจัดประมาณปลายเดือนมิถุนายน หรือต้นกรกฎาคม โดยทุเรียนไทยในตลาดออสเตรเลียยังคงมีอนาคตที่สดใส ทั้งนี้ในปี 2564 ออสเตรเลียนำเข้าทุเรียนแช่แข็ง 451 ตัน มูลค่า 5.38 ล้านเหรียญสหรัฐ เติบโตขึ้นร้อยละ 181.59 เมื่อเทียบกับปี 2563 และออสเตรเลียนำเข้าทุเรียนแกะเนื้อแช่เย็นเป็นพูบรรจุมาในกล่อง 71 ตัน มูลค่า 1.52 ล้านเหรียญสหรัฐ เติบโตขึ้นร้อยละ 54.78 เมื่อเทียบกับปีก่อน

ก.ล.ต. สั่งปรับ บิทคับ ออนไลน์ และบอร์ด 15 ลบ. เหตุเลือกหรียญ KUB เข้าเทรดไม่ถูกหลักเกณฑ์

ก.ล.ต.ลงดาบปรับ Bitkub และบอร์ดอ่วม 15 ล้านบาท เหตุคัดเลือกเหรียญ KUB เข้ากระดานเทรดไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์

(6 พ.ค. 65) สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดเผยว่า คณะกรรมการเปรียบเทียบมีคำสั่งปรับบริษัท บิทคับ ออนไลน์ (BO) และกรรมการ 5 คน ในคณะกรรมการคัดเลือกสินทรัพย์ดิจิทัลของ BO ในกรณีที่คัดเลือก Bitkub Coin (เหรียญ KUB) เข้าซื้อขายในศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์การคัดเลือกและเพิกถอนสินทรัพย์ดิจิทัล (Listing Rule) ที่ได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการ ก.ล.ต. และไม่ได้คำนึงถึงมาตรการป้องกันความขัดแย้งทางผลประโยชน์ (COI)

โดยกรณีนายนิธิวัฒน์ มณีสินธุ์, นายสุกฤษฏิ์ พุทธวิริยะ, นายปิยพงษ์ โคตรชนะ, นายพงศกร สุตันตยาวลี และนายอรรถกฤต ชิมผลาพิบูลย์ ในฐานะกรรมการในคณะกรรมการคัดเลือกสินทรัพย์ดิจิทัลของ BO มีหน้าที่รับผิดชอบในการคัดเลือกสินทรัพย์ดิจิทัลที่จะนำมาให้บริการซื้อขายในศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล กระทำการหรือละเว้นกระทำการอันเป็นหน้าที่ที่ต้องกระทำเป็นเหตุให้ BO คัดเลือกเหรียญ KUB ซึ่งเป็นความผิดตามมาตรา 94 ของ พ.ร.บ.สินทรัพย์ดิจิทัล ให้ปรับเงินรายละ 2,533,500.00 บาท

'สนธิรัตน์' เตือน!! รัฐต้องเข้มบริหารนำเข้า LNG ก่อนค่าไฟพุ่ง และมาขอ ปชช.ให้ช่วยประหยัด

"สนธิรัตน์" หวั่น ไม่ใช่แค่ข้าวของแพง แต่ค่าไฟ ก็จะแพงขึ้นด้วย พร้อมเปิดข้อมูลกำลังผลิต ชี้ก๊าซธรรมชาติที่ใช้ผลิตไฟฟ้าของไทยหายไปเฉลี่ย 300-400 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน เตือนรัฐ!! ต้องบริหารการนำเข้า LNG ไม่ใช่แค่ บอกปชช. ให้ช่วยกันประหยัดไฟ 

นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรคสร้างอนาคตไทย โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า...

ไม่ใช่แค่ข้าวของราคาแพงอย่างเดียว ค่าไฟก็อาจจะแพงขึ้นด้วย!!

วันนี้ใครเดินซื้อของที่ตลาด คงพูดมาคล้ายๆ กันว่า ของแพงขึ้น เกือบทุกอย่างปรับราคาขึ้น ทั้งผักสด ของสด ของแห้ง ไม่รวมอาหารทั้งแกงถุงทำสำเร็จ ร้านตามสั่ง หรือ ร้านอาหารต่างๆ ก็ปรับขึ้นทั้งนั้น

แต่อีกเรื่องหนึ่งที่ต้องบอกคือ ค่าไฟก็อาจจะแพงขึ้น เพราะต้นทุนการผลิตไฟฟ้าที่จะเพิ่มขึ้น ผลคือ ประชาชนอย่างเราต้องจ่ายค่าไฟที่มากขึ้นกว่าเดิม ที่ค่าไฟจะแพงขึ้น ส่วนหนึ่งก็เพราะต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น มีข้อมูลว่าปัจจุบันการผลิตไฟฟ้าในบ้านเราใช้ก๊าซธรรมชาติมาผลิตไฟฟ้าประมาณ 60% ซึ่งก็มีมาจากแหล่งในประเทศ, การนำเข้า และ LNG 

แต่ตอนนี้การผลิตก๊าซของไทยเราอยู่ในช่วงการเปลี่ยนผ่านผู้ผลิต ทำให้ปริมาณที่ผลิตได้เองในวันนี้ลดลงไปจากเดิม ทำให้การผลิตไฟฟ้าที่ปัจจุบันพึ่งพา LNG เป็นหลัก ต้องเพิ่มในสัดส่วนที่สูงขึ้น อีกทั้ง LNG ส่วนใหญ่ต้องนำเข้า มีความเสี่ยงหลายด้านที่ต้องบริหาร โดยเฉพาะเรื่องของราคาที่ต้องซื้อเข้ามา

อีอีซี แจงไม่เกี่ยวปมร้อน ท่อส่งน้ำภาคตะวันออก ชี้ เป็นอำนาจความรับผิดชอบ ‘กรมธนารักษ์’

ตามที่มีข่าวเกี่ยวกับ การประมูลท่อส่งน้ำ โครงการบริหารและดำเนินกิจการระบบท่อส่งน้ำสายหลักในภาคตะวันออก นั้น สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) ขอให้ข้อมูลและข้อเท็จจริงว่า การประมูลท่อส่งน้ำ ดังกล่าว เป็นการดำเนินการตามภารกิจและภายใต้อำนาจของ กรมธนารักษ์ กระทรวงการคลัง ในฐานะผู้ดูแลทรัพย์สินของรัฐ 

ทั้งนี้ คณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (กพอ.) ซึ่งมี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน มิได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับกระบวนการ ขั้นตอน หรือการตัดสินใดๆ ต่อการประมูลโครงการบริหารและดำเนินกิจการระบบท่อส่งน้ำสายหลักในภาคตะวันออก แต่ประการใด 

รัฐมนตรีเกษตรไทย-ญี่ปุ่น “เฉลิมชัย” ผนึก “เก็นจิโร” ดันส่งออกสินค้าเกษตรไทยพุ่ง 130,000 ล้านบาท เห็นพ้อง 2 ประเทศหนุนเกษตรอัจฉริยะและกระชับความร่วมมือระบบอาหารยั่งยืนร่วมกัน

วันที่ 5 พ.ค. 65 ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยภายหลังหารือกับนายเก็นจิโร คาเนโกะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตร ป่าไม้ และประมงญี่ปุ่น พร้อมคณะ ในโอกาสเดินทางเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ โดยมีนายธนา ชีรวินิจ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และหัวหน้าส่วนราชการในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ร่วมการหารือความร่วมมือด้านการเกษตรระหว่างสองประเทศ เพื่อผลักดันการส่งออกสินค้าเกษตรไทย ส่งเสริมความร่วมมือเกษตรอัจฉริยะ รวมทั้งร่วมเสริมสร้างการพลิกโฉมระบบอาหารของไทยและญี่ปุ่น เพื่อความยั่งยืนสอดคล้องกับโมเดลการพัฒนาเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว (BCG Model)

“การพบปะหารือระหว่างสองนายกระฐมนตรีไทย-ญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 2565 ที่ผ่านมา ร่วมถึงการได้หารือกับ รมว.เกษตรฯ ญี่ปุ่นในวันนี้ เป็นโอกาสที่ดีในการกระชับความสัมพันธ์ด้านการเกษตรระหว่างไทย-ญี่ปุ่น ภายหลังรัฐบาลไทยได้ผ่อนคลายมาตรการเดินทางเข้าประเทศ อีกทั้งเป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่ทั้งสองฝ่ายได้หารือกันแบบ ‘physical meeting’ โดยในปีนี้เป็นปีที่ครบรอบความสัมพันธ์ทางการทูต 135 ปี ซึ่งที่ผ่านมาทั้งสองฝ่ายได้มีความร่วมมือระหว่างกันในมิติต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านการเกษตรในระดับทวิภาคี ระดับพหุภาคี และระดับองค์การระหว่างประเทศ” ดร.เฉลิมชัย กล่าว

ปัจจุบันญี่ปุ่นเป็นตลาดส่งออกสินค้าเกษตรและอาหารที่สำคัญอันดับ 2 ของไทย ในระหว่างปี 2562-2564 ไทยมีสัดส่วนการส่งออกไปญี่ปุ่นประมาณร้อยละ 11.35 ของมูลค่าการส่งออกสินค้าเกษตรไปตลาดโลกการส่งออก เฉลี่ยปีละ 144,820 ล้านบาท โดยสินค้าส่งออกที่สำคัญ ได้แก่ เนื้อไก่ปรุงแต่ง ชิ้นเนื้อไก่แช่แข็ง อาหารสัตว์เลี้ยง ปลาทูนา ปลาสคิปแจ็ค และปลาโบนิโต และยางแผ่นรมควัน 

ทั้งนี้ ที่ผ่านมา ไทยได้ดุลการค้าสินค้าเกษตรกับญี่ปุ่นมากกว่า 130,000 ล้านบาท ทั้งนี้ ในที่ประชุม รมว. เกษตรฯ สองฝ่ายแสดงความยินดีที่การหารือด้านเทคนิคของการปรับมาตรการนำเข้ามังคุดและส้ม เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่เกษตรกรของทั้งสองฝ่าย โดยเร่งรัดให้สามารถปรับใช้ได้ภายในปี 2565

'กอร์ปศักดิ์' ทวิตแนะ!! รัฐเครดิตการคลังดี กู้เงินฟื้นฟู ศก.ได้ แค่ต้องมีวินัยจัดสรรงบ

(5 พ.ค. 65) นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ อดีตรองนายกรัฐมนตรี ด้านเศรษฐกิจ ประธานยุทธศาสตร์และนโยบายพรรคกล้า ทวิตข้อความระบุเปรียบเทียบศักยภาพ ในการกู้เงินจากสถาบันการเงิน ของเอกชน และรัฐบาล ว่า... 

เอกชนจะกู้เงินจากสถาบันการเงินได้มากน้อยแค่ไหน ขึ้นอยู่กับตัวเลขรายได้ เพราะรายได้ทำหน้าที่เป็นเพดานในการกู้เงิน รัฐบาลกู้เงินง่ายกว่าเอกชน เนื่องจากเครดิตประเทศดี จะกู้มากน้อยแค่ไหนไม่เป็นปัญหา แต่หากรัฐบาลกู้อย่างงมงาย ขาดวินัยทางการเงินการคลัง ประเทศมีสิทธิล่มสลายได้เหมือนกัน

นายกอร์ปศักดิ์ กล่าวว่า ประเทศไทยมีพรบ.วินัยทางการเงินการคลัง 2561 กำกับการกู้เงินของรัฐไม่ให้ออกนอกลู่นอกทาง กฎหมายให้มีการกำหนดสัดส่วนการกู้และภาระหนี้ ถ้าเป็นหนี้สาธรณะ กำหนดเพดานที่ 60% ของจีดีพี ส่วนภาระหนี้ของรัฐในแต่ละปี ต้องไม่เกิน 35 % ของรายได้ในปีนั้นๆ ประกาศเมื่อ 7 มิถุนายน 2561 และ เมื่อวันที่ 22 กันยายน 2564 มีการแก้ไขตัวเลขเพดานการกู้เงินที่นับเป็นหนี้สาธรณะ จาก 60% เป็น70% ของจีดีพี สาเหตุจากการกู้เงินจนทะลุเพดานของรัฐบาล ถ้าไม่ปรับเพดานใหม่ จะเป็นการกู้ทะลุเพดาน ผิดกฎหมาย แก้แล้วจึงไม่ผิด หนี้สาธรณะของรัฐบาลเมื่อ กันยายน 2561 อยู่ที่ 41.70% และสูงขึ้นติดเพดานเมื่อ กันยายน 64 ที่ 58.15 % เพดานกำหนดไว้ที่ 60% ของจีดีพี รัฐไม่มีทางออก รายได้ไม่พอ ต้องกู้เพิ่ม แต่เมื่อกู้เพิ่ม ตัวเลขจะทะลุเพดาน การแก้ปัญหาของรัฐบาลคือ ขยับเพดานให้สูงขึ้นจาก 60% เป็น 70%


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top