Monday, 9 June 2025
CRIMES

รวบ 7 โจ๋ ฉะเชิงเทรา!! ‘กวาดล้างแก๊งค้าอาวุธปืนเถื่อนขายทางออนไลน์’ พบของกลาง พร้อมรับสารภาพ

วันนี้ 10 ต.ค.64 เวลา 14.30 น. ตามนโยบายของตำรวจ โดย พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร.ให้กองบัญชาตำรวจภูธรภาค 2 ดำเนินการให้ระดมกวาดล้าง ยาเสพติดและอาวุธปืน รวมตลอดถึงอาชญากรรมทุกประเภท อันเป็นการซ้ำเติมปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน ในช่วงวิกฤตการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 จึงสั่งการให้ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 ดำเนินการระดมกวาดล้างตามสั่งการอย่างเคร่งครัด และให้มีผลการปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม

ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 ได้สั่งการให้พล.ต.ตนันทวุฒิ สุวรรณละออง ในฐานะผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดฉะเชิงเทรา พ.ต.อ. นเรวิช สุคนธวิท รอง ผบก.ภ.จว.ฉะเชิงเทรา พ.ต.อ.คมกฤษ ศรีผ่องงาม รอง ผบก.ภ.จว.ฉะเชิงเทรา  พ.ต.อ. ชาตรี สุขศิริ รอง ผบก.ภ.จว.ฉะเชิงเทรา พ.ต.อ. ธราเทพ ตูพานิช รอง ผบก.ภ.จว.ฉะเชิงเทรา พ.ต.อ. นิพนธ์ คล้ายสิงห์ รอง ผบก.ภ.จว.ฉะเชิงเทรา พ.ต.อ.ชินวุฒิ ตั้งวงษ์เลิศ ผกก.สภ.ฉิมพลี ระดมกวาดล้างอาชญากรรม และสืบสวนติดตามขยายผลจับกุมกลุ่ม ยาเสพติดและอาวุธปืนในพื้นที่รับผิดชอบ

เมื่อวันที่ 9 ตุลาคม 2564  เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ฉิมพลี ได้ร่วมกันจับกุมตัว ได้แก่

         1.นายจักกริช ยะก๊บ  อายุ 18 ปีอยู่บ้านเลขที่ 15/1 ม.7 ต.พระอาจารย์ อ.องครักษ์ จ.นครนายก

         2.นายศุภโชค แซ่ตั้น อายุ 21 ปี บ้านเลขที่ 40/4 ม.01 ต.ศาลาแดง อ.บางน้ำเปรี้ยว จ.ฉะเชิงเทรา

รวมกับ ผู้ต้องหา อีก 5 คน ซึ่งเป็นเยาวชน

พร้อมด้วยของกลาง

-  อาวุธปืนไทยประดิษฐ์แบบรีวอลเวอร์ , แบบกึ่งออโตเมติก ,แบบหักลำกลาง รวม 19 กระบอก

-  เครื่องกระสุนปืนขนาด .38 มม. ขนาด 11 มม. ขนาด .22 มม. ขนาดลูกซองเบอร์ 12 รวม 98 นัด

- กัญชาแห้ง 1.61 กรัม

- บันทึกผลตรวจปัสสาวะผลบวก 5 แผ่น

สกัดแก๊งยา!! ตำรวจภูธรภาค 5 จับกุมผู้ต้องหา 4 คน “พร้อมยาบ้า 1 แสนเม็ด และไอซ์ 2 กิโลกรัม” ในท้องที่ สภ.ช้างเผือก และสภ.แม่แตง จังหวัดเชียงใหม่

ตามนโยบายของรัฐบาลในการปราบปรามการแพร่ระบาดของยาเสพติด ซึ่งเป็นภัยคุกคามและอาชญากรรมต่างๆ ที่ได้สร้างผลกระทบต่อประชาชน และสร้างความเสียหายให้แก่สังคม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.สุวัฒน์  แจ้งยอดสุข ผบ.ตร., พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ รอง ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.รอย  อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร./หน.ศอปส.ตร. ได้มอบนโยบายให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ เร่งรัดติดตามจับกุมขบวนการค้ายาเสพติดอย่างจริงจัง นั้น

วันที่ 8 ต.ค.64 เวลา 10.30 น. ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.ปิยะ ต๊ะวิชัย ผบช.ภ.5, พล.ต.ต.พฤทธิพงษ์ ประยูรศิริ รอง ผบช.ภ.5, พล.ต.ต.วีรชน บุญทวี รอง ผบช.ภ.5 ,พล.ต.ต.กฤตธาพล ยี่สาคร รอง ผบช.ภ.5, พล.ต.ต.ธวัชชัย พงษ์วิวัฒนชัย ผบก.ภ.จว.เชียงใหม่ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ชุดจับกุม แถลงผลการจับกุมยาเสพติดรายสำคัญ ดังนี้

จับกุมตัวผู้ต้องหาทั้งหมด 4 คน

1. นายกรรณธวุฒิ  เรืองทิพย์  อายุ 30 ปี ที่อยู่ 249/1 ม.4 ต.สะลวง อ.แม่ริม  จ.เชียงใหม่ 

2. นายยุชัย  จะมี  อายุ 30 ปี ที่อยู่ 224 ม.8 ต.ห้วยชมภู อ.เมืองเชียงราย จ.เชียงราย 

3. นายจะลอ  จะคือ  อายุ 33 ปี ที่อยู่ 298 ม.8 ต.ห้วยชมภู อ.เมืองเชียงราย จ.เชียงราย 

4. นายพิทักศรีรุ้ง  จะแป อายุ 33 ปี ที่อยู่ 296 ม.8 ต.ห้วยชมภู อ.เมืองเชียงราย จ.เชียงราย

พร้อมด้วยของกลาง

1. ยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) จำนวน รวมประมาณ 100,000 เม็ด

2. ยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาไอซ์) น้ำหนักประมาณ 2 กิโลกรัม 

3. รถยนต์เก๋ง ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นยาริส สีขาว ทะเบียน งจ 2940 เชียงใหม่(พบซุกซ่อนอยู่ในช่องเก็บของด้านหลังรถยนต์เก๋งคันดังกล่าว)

4. รถยนต์กระบะหัวเดี่ยว ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นเรโว่ สีขาว ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน

6. รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นเวฟ 110 ไอ สีส้มดำ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน

โดยกล่าวหาว่า มีความผิดฐาน “ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ไอซ์และยาบ้า) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย”

พฤติการณ์ ด้วยวันที่ (6 ต.ค. 64) เวลาประมาณ 05.00 น. จากการสืบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทราบว่า  นายกรรณธวุฒิ (โก๋) เรืองทิพย์ มีพฤติกรรมเกี่ยวข้องกับยาเสพติด(ยาบ้า) และ เวลาประมาณ 08.00 น. นายกรรณธวุฒิ (โก๋) ได้นัดหมายติดต่อรับยาเสพติด (ยาบ้าและไอซ์) จำนวนมาก จากกลุ่มขบวนการค้ายาเสพติด นัดกันบริเวณพื้นที่ อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่  จึงได้เดินทางไปบ้านพักของ นายกรรณธวุฒิ (โก๋) เมื่อไปถึงบริเวณใกล้บ้านพัก เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม วางกำลังโดยรอบบ้านพักของ นายกรรณธวุฒิ (โก๋) ต่อมา ได้มีรถยนต์ ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นยาริส  สีขาวออกจากบ้านพัก เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ขับรถยนต์ สะกดรอยติดตามไปจนถึงบริเวณริมถนนหมายเลข 3038 ก่อนถึงสนามกีฬากลางเทศบาลเมืองแกนพัฒนา ม.7 ต.อินทขิล อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ และรถยนต์ได้เลี้ยวเข้าไปในซอยถนนดินแดงฯ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้แบ่งกำลังออกเป็น 2 ชุด จากนั้นไม่นาน รถคันดังกล่าวได้ ออกมาจากซอยเลี้ยวซ้ายมุ่งหน้าสนามกีฬากลางเทศบาลเมืองแกนพัฒนา ม.7 ต.อินทขิล อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ เจ้าหน้าที่ชุดที่ 1 จึงได้ติดตาม ไปอย่างใกล้ชิด จากนั้นได้มีชายวัยรุ่นจำนวน 2 คน ขับขี่รถจักรยานยนต์ สีส้ม ออกมาจากบริเวณซอยถนนดินแดง เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดที่ 2 จึงได้ติดตามรถจักรยานยนต์ไปและได้แสดงตัวขอทำการตรวจค้นตัว

บก.สส.สตม. รวบสมุน ‘เครือข่ายเจ๊เพชร’ ลักลอบขนแรงงานเมียนมาเถื่อนเมืองกาญฯ เข้าประเทศชี้จุดจ่ายหัวคิว

ตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เรื่องการควบคุมกำกับดูแลชาวต่างชาติที่เข้ามาพำนักอาศัยหรือเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.ดํารงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. มอบหมายให้ สตม. ดำเนินการตรวจสอบชาวไทยและชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมในขณะที่พำนักอาศัยอยู่ในประเทศไทย กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศ หรือกลุ่มคนร้ายข้ามชาติที่เข้ามาแฝงตัวอยู่ก่อเหตุกับคนไทยหรือชาวต่างชาติ โดยใช้ประเทศไทยเป็นฐานในการกระทำความผิด

สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง โดย พล.ต.ท.ภาคภูมิภิภัทฒ์ สัจจพันธุ์ ผบช.สตม. สั่งการให้ พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.กฤษฎา กาญจนอลงกรณ์ รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.สถิตย์ พรมอุทัย รอง ผบก.สส.สตม. และ พ.ต.อ.อาภากร โกมลสุทธิ รอง ผบก.สส.สตม. แถลงข่าวจับกุมขบวนการนำพาแรงงานต่างด้าว ดังนี้

กก.2 บก.สส.สตม. ไล่ล่ารถยนต์สีดำต้องสงสัย ขนคนต่างด้าวหลบหนีเข้าเมือง จากจังหวัดกาญจนบุรี เข้ามายังกรุงเทพมหานคร ตามสั่งการ พล.ต.ท.ภาคภูมิภิภัทฒ์ สัจจพันธุ์ ผบช.สตม. ให้มีการเฝ้าระวังป้องกันไม่ให้มีการลักลอบเข้าไทยโดยไม่ผ่านการคัดกรองโรคโควิด-19 ยังคงเป็นภารกิจสำคัญที่ สตม. ดำรงความเข้มงวดด้วยมาตรการเฝ้าตรวจพื้นที่ตลอด 24 ชม. จับกุมผู้ลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายรวมถึงผู้นำพาทั้งชาวไทยและต่างด้าว พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.สถิตย์ พรมอุทัย รอง ผบก.สส.สตม. และ พ.ต.อ.อาภากร โกมลสุทธิ รอง ผบก.สส.สตม. จึงสั่งการให้ กก.2 บก.สส.สตม.สืบสวนจับกุมแรงงานต่างด้าวและขบวการนำพาโดยเร่งด่วน

พ.ต.อ.ปฏิญญา จีรชนาสิน ผกก.2 บก.สส.สตม. สั่งการให้ จนท.สืบสวนหาข่าวขยายผลขบวนการขนคนต่างด้าวหลบหนีเข้าเมือง สืบเนื่องจากวันที่ 12 ก.พ. 64 ได้มีการจับกุมคดีนำพาคนต่างด้าวเข้ามาในราชอาณาจักรผิดกฎหมาย โดยผู้ถูกจับกุมในครั้งนั้นคือนางราตรีหรือเจ๊เพชร จากการขยายผลพบว่ากลุ่มลักลอบขนคนต่างด้าวเข้าเมืองในฝั่งเมียนมา โดยมีนายอองโจเป็นผู้คอยประสานสั่งการและเป็นผู้อยู่เบื้องหลังติดต่อคนสัญชาติไทย ที่อยู่ในประเทศไทยให้ทำหน้าที่ขนคนต่างด้าวที่เดินทางหลบหนีเข้าเมือง โดยให้คนไทยมารับตัวผู้หลบหนีตามจุดนัดหมายในจังหวัดกาญจนบุรี เพื่อส่งคนต่างด้าวหลบหนีไปยังพื้นที่ต่าง ๆ ในจังหวัดกรุงเทพฯ และปริมณฑล โดยคิดค่าหัวคนละ 15,000 – 20,000 บาท กก.2 บก.สส.สตม. ได้สืบสวนและเฝ้าติดตามพฤติการณ์มาโดยตลอด

จนกระทั่ง วันที่ 26 ก.ย. 64 เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน กก.2 บก.สส.สตม. ได้ทำการสืบสวนจนพิสูจน์ทราบแน่ชัด มีคนไทยที่เคยติดต่อทำงานให้กับนายอองโจว เครือข่ายเจ๊เพชร คือนายแสวง จากการเฝ้าติดตามจึงทำให้เจ้าหน้าที่ทราบว่าจะมีการลับลอบขนคนต่างด้าวในพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรี โดยใช้รถยนต์กระบะสีดำ จุดสังเกตด้านหลังรถติดสติ๊กเกอร์ตราตำรวจนครบาล โดยจะขับเลี่ยงเส้นทางที่มีการตั้งจุดตรวจจุดสกัดของเจ้าหน้าที่ กระทั่งเวลาประมาณ 12.00 น. บริเวณถนนทางหลวงชนบท นนทบุรี 3046 พบรถยนต์ต้องสงสัยคันดังกล่าว วิ่งด้วยความเร็วประมาณ 110 - 120 กม./ชม. วิ่งเข้าตัวเมืองกรุงเทพฯ เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนจึงขับรถออกติดตามไปจนถึงบริเวณใต้สะพานลอยพระราม 8 ฝั่งปิ่นเกล้า เมื่อได้โอกาสเจ้าหน้าที่จึงได้ขับรถยนต์เข้าสกัดรถต้องสงสัยคันดังกล่าว

รวบแก๊งบัตรขาว ชาวโรมาเนีย - มาเลเซีย!! พบบัตรเครดิตปลอมและบัตรเอทีเอ็มปลอม คาดผู้เสียหายอื้อ

จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในปัจจุบัน พล.อ.ประยุทธ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมดเฝ้าระวังและป้องกันการแพร่ระบาด ซึ่ง พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. มอบหมายให้ สตม. โดย พล.ต.ท.ภาคภูมิภิภัทฒ์ สัจจพันธุ์  ผบช.สตม. ระดมกวาดล้างคนต่างด้าว ที่ลักลอบเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมาย ขบวนการขนคนต่างด้าวเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย ตลอดจนการขนแรงงานต่างด้าวเข้า – ออกพื้นที่จังหวัดที่มีคำสั่งห้ามเคลื่อนย้ายแรงงานต่างด้าว เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรค  โควิด-19 และรวมถึงการที่คนต่างชาติเข้ามาใช้ประเทศไทยเป็นฐานในการกระทำความผิด

สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง โดย พล.ต.ท.ภาคภูมิภิภัทฒ์ สัจจพันธุ์ ผบช.สตม. สั่งการให้ พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.กฤษฎา กาญจนอลงกรณ์ รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.พันธนะ  นุชนารถ ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.สถิตย์ พรมอุทัย รอง ผบก.สส.สตม.,พ.ต.อ.ณภัทรพงศ สุภาพร ผกก.ปอพ.บก.สส.สตม.,พ.ต.อ.แดนไพร แก้วเวหล ผกก.กก.4 บก.สส.สตม.,พ.ต.อ.ชย พานะกิจ ผกก.(สอบสวน) กลุ่มงานสอบสวน บก.สส.สตม.,ว่าที่ พ.ต.ต.สิทธิมณ  สร้อยภู่ระย้า สว.กก.4 บก.สส.สตม.,ร.ต.อ.ภูริศ คำหมื่น รอง สว.กก.1.บก.สส.สตม และเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.สส.สตม. แถลงข่าวจับกุมผู้ต้องหาดังนี้

1. MR.IACOB CORNE อายุ 39 ปี สัญชาติโรมาเนีย

ข้อหา “ร่วมกันปลอมบัตรอิเล็กทรอนิกส์และมีไว้เพื่อนำออกใช้ซึ่งบัตรบัตรอิเล็กทรอนิกส์ปลอม”

2. MR.GIM TECK WE  อายุ  33 ปี สัญชาติมาเลเซีย

ข้อหา “หลบหนีเข้าเมืองและร่วมกันปลอมบัตรอิเล็กทรอนิกส์และมีไว้เพื่อนำออกใช้ซึ่งบัตรบัตรอิเล็กทรอนิกส์ปลอม”

สืบเนื่องจาก กองบังคับการสืบสวนสอบสวน ได้รับการร้องเรียนจากประชาชนและได้รับการประสานงานจากฝ่ายจัดการเหตุการณ์ธุรกิจ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ว่าได้มีผู้เสียหายถูกคนร้ายทำการถอนเงินออกจากบัญชี โดยที่บัตรถอนเงินยังคงอยู่กับผู้เสียหาย จากนั้นเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนจึงได้ทำการสืบสวนจนทราบว่าคนร้ายในขบวนการนี้เป็นคนต่างชาติ จำนวน 2 ราย โดยจะใช้วิธีการคือทำการติดตั้งเครื่องสกริมมิ่งบัตรถอนเงินในช่องเสียบบัตรตู้ถอนเงินและจากนั้นจะทำการคัดลอกข้อมูลบัตรถอนเงินของผู้เสียหายไปใส่ในบัตรอิเล็กทรอนิกส์ปลอม แล้วจากนั้นจะนำบัตรอิเล็กทรอนิกส์ปลอมไปถอนเงินตามจุดต่าง ๆ เช่นในเขต สาทร อำเภอหัวหิน เป็นต้น

โดยทางเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนได้สืบทราบว่าคนร้ายคือ MR.IACOB สัญชาติโรมาเนีย และ MR.GIM สัญชาติมาเลเซีย โดยคนร้ายทั้งสอง ได้ทำการหลบหนีและย้ายไปกระทำความผิดในพื้นที่อำเภอหัวหิน ต่อมาเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนได้ทราบว่า MR.GIM ได้พักอาศัยอยู่โรงแรมบริเวณริมชายหาดอำเภอหัวหิน จึงได้ดักซุ่มรอจนกระทั่ง MR.GIM ปรากฏตัวตัวจึงได้แสดงตัวขอทำการตรวจค้นผลการตรวจค้นพบ บัตรอิเล็กทรอนิกส์สีขาว จำนวน 209 ใบ บัตรอิเล็กทรอนิกส์สีขาวที่มีการลงข้อมูลแล้ว จำนวน 2 ใบ สมุดบัญชีธนาคารจำนวน 6 เล่ม พร้อมเครื่องลงข้อมูลในบัตรอิเล็กทรอนิกส์ จำนวน 1 เครื่อง

 

สืบสวน ตม.1จับหนุ่มผิวสีหลบหนีเข้าเมือง เผยพฤติกรรมสุดแสบ! ลักลอบค้ายาเสพติดให้ชาวต่างชาติ ตม. รู้ทันดักรวบได้พร้อมของกลาง

ตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เรื่องการควบคุมกำกับดูแลชาวต่างชาติที่เข้ามาพำนักอาศัยหรือเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.ดํารงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. มอบหมายให้

สตม. ดำเนินการตรวจสอบชาวไทยและชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมในขณะที่พำนักอาศัยอยู่ในประเทศไทย กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศ หรือกลุ่มคนร้ายข้ามชาติที่เข้ามาแฝงตัวอยู่ก่อเหตุกับคนไทยหรือชาวต่างชาติ โดยใช้ประเทศไทยเป็นฐานในการกระทำความผิด

สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง โดย พล.ต.ท.ภาคภูมิภิภัทฒ์ สัจจพันธุ์ ผบช.สตม. สั่งการให้ พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.กฤษฎา กาญจนอลงกรณ์ รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.ปิติ นิธินนทเศรษฐ์ ผบก.ตม.1, พ.ต.อ.ยศเอก รักษาสุวรรณ รอง ผบก.ตม.1, และ พ.ต.อ.กีรติศักดิ์ ก้องเกียรติศิริ ผกก.สส.บก.ตม.1 พร้อมชุดปฏิบัติการสืบสวนฯ ร่วมแถลงข่าวการจับกุมคนร้าย ดังนี้ 

สืบเนื่องจาก เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สส.บก.ตม.1 ได้ทราบข้อมูลจากสายลับว่าในพื้นที่กรุงเทพมหานครชั้นใน ซึ่งเป็นย่านที่มีคนต่างชาติพักอาศัยและประกอบธุรกิจอยู่เป็นจำนวนมาก มีชาวต่างชาติผิวสีชื่อนายจอร์จ มีพฤติกรรมลักลอบจำหน่ายยาเสพติดให้กับคนต่างชาติด้วยกัน โดยใช้ช่องทางการติดต่อผ่านแอพลิเคชั่น WhatsApp ซึ่งเป็นที่นิยมในกลุ่มชาวต่างชาติที่มาจากทวีปยุโรป อเมริกา และแอฟริกา เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงได้วางแผนโดยให้สายลับติดต่อนัดหมายเพื่อจะทำการซื้อขายและส่งมอบยาเสพติด โดยได้ตกลงส่งมอบยาเสพติดกันในช่วงหัวค่ำของวันที่ 5 ตุลาคม 2564 ที่บริเวณห้องน้ำชาย ของห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งริมถนนสีลม ย่านบางรัก จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงได้นำกำลังแฝงตัวอยู่ตามจุดต่าง ๆ รอบบริเวณห้างสรรพสินค้า รวมถึงสถานีรถไฟฟ้าที่เชื่อว่าชาวต่างชาติรายนี้จะใช้เดินทางมายังจุดนัดพบ

จนกระทั่งเวลาประมาณ 21.00 น. มีชาวต่างชาติผิวสี ลักษณะท่าทางมีพิรุธน่าสงสัย ลักษณะรูปพรรณตรงตามที่สายลับได้ให้ข้อมูลไว้ เดินลงบันไดสถานีรถไฟฟ้าศาลาแดง มุ่งหน้ามาทางห้างสรรพสินค้าที่นัดหมาย และเดินเข้าไปที่ห้องน้ำของห้างสรรพสินค้าดังกล่าว เมื่อเป้าหมายเดินเข้าไปในห้องน้ำ เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงติดตามเข้าไปแสดงตนเป็นเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองขอตรวจค้นตัวและตรวจสอบเอกสารประจำตัว แต่เมื่อคนร้ายเห็นเจ้าหน้าที่ชุดจับ ก็ได้พยายามทิ้งยาเสพติดให้ลงท่อระบายน้ำของห้องน้ำ เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมสามารถตามเก็บรวบรวมไว้ได้จำนวน 3 ห่อ

มีลักษณะเป็นยาเสพติดบรรจุในถุงซิปล็อคขนาดเล็ก และพันด้วยเทปพันสายไฟจนแน่นเป็นก้อนกลม แล้วห่อด้วยเศษถุงพลาสติกอีกชั้นหนึ่ง ภายในประกอบด้วยยาไอซ์น้ำหนักประมาณ 2 กรัมเศษ และโคเคอีนอีกประมาณ 1.8 กรัม จากการสอบถามคำให้การในชั้นจับกุม ผู้ถูกจับรับว่าซื้อยาเสพติดดังกล่าวมาจากหญิงไทยในย่านรามคำแหง โดยนำมาจำหน่ายต่อเพื่อหวังกำไรจากส่วนต่างราคา เนื่องจากมีกลุ่มลูกค้าที่ไว้วางใจเป็นชาวต่างชาติในย่านธุรกิจ (CBD) ของกรุงเทพมหานคร ซึ่งเลือกที่จะทำการติดต่อซื้อขายยาเสพติดกับชาวต่างชาติด้วยกัน โดยยอมให้ราคาสูงกว่าราคาตลาด นอกจากนี้จากการตรวจสอบเอกสารประจำตัวพบหนังสือเดินทางของผู้ถูกจับ

 

ตำรวจเตือน! พ่อ - แม่ และผู้ปกครอง ปล่อยปละละเลยให้เด็กเล่นการพนัน อาจถูกดำเนินคดีด้วย

วันที่ 6 ต.ค. 2564 พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ ดีพอ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า ตามที่ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ได้มีนโยบายให้มี สำนักงานตำรวจแห่งชาติ แจ้งเตือนและประชาสัมพันธ์ให้พี่น้องประชาชนรู้เท่าทันถึงอาชญากรรมทางเทคโนโลยี และได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทำการสืบสวนจับกุมผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอดนั้น

ในปัจจุบัน พบว่ามีเด็กและเยาวชนตกเป็นเหยื่อของภัยทางอินเตอร์เน็ตมากขึ้น โดยเฉพาะการชักจูงและล่อลวงให้เข้าเล่นพนันออนไลน์ ทำให้สูญเสียทรัพย์สินไปกับการพนัน จนนำไปสู่การก่ออาชญากรรมประเภทอื่น เช่นกรณีเมื่อวันที่ 4 ต.ค. 2564 ที่ผ่านมา ได้เกิดเหตุ เด็กอายุเพียง 16 ปี ก่อเหตุบุกรุกเข้าไปภายในบ้าน และได้ใช้อาวุธมีดทำร้ายร่างกายเจ้าของบ้านและผู้พักอาศัยได้รับบาดเจ็บสาหัส ในพื้นที่รับผิดชอบของ สภ.โพธาราม จว.ราชบุรี โดยผู้กระทำผิดอ้างว่าจะเข้าไปลักเอาทรัพย์สินภายในบ้านไปจ่ายหนี้จากการเล่นพนันออนไลน์ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้สืบสวนเพื่อจับกุมผู้จัดให้มีการเล่นพนันออนไลน์ดังกล่าวมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จึงความร่วมมือ บิดา มารดา หรือผู้ปกครอง ให้ต้องสอดส่องดูแลเอาใจใส่บุตรหลานไม่ให้ประพฤติตนไม่เหมาะสม หรือไปยุ่งเกี่ยวกับการกระทำผิดกฎหมายทุกรูปแบบ และหากพบว่าบุคคลใดมีพฤติกรรมชักจูง ส่งเสริม หรือยินยอม ให้เด็กและเยาวชน ประพฤติตนไม่สมควร หรือน่าจะทำให้เด็กมีความประพฤติเสี่ยงต่อการกระทำผิด หรือเล่นการพนัน บุคคลดังกล่าวจะมีความผิดตาม มาตรา 26 ประกอบมาตรา 78 แห่ง พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก พ.ศ. 2546 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 เดือน หรือปรับไม่เกิน 30,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

 

นรข.บึงกาฬ ยึดกัญชาเกรดพรีเมียม 540 กิโล พบทิ้งริมน้ำโขงบึงกาฬ รวมมูลค่ากว่า 16 ล้านบาท

เมื่อเวลา 13.30 น.วันที่ 4 ต.ค.ที่หน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขง หรือสถานีเรือ นรข.บึงกาฬ อ.เมืองบึงกาฬ จ.บึงกาฬ พล.ร.ต.สมบัติ จูถนอม ผบ.นรข.นายนายธาตรี บุญมาก รอง ผวจ.บึงกาฬ พล.ต.ต.ธรรมจักร คงมงคล ผบก.ภ.จว.บึงกาฬ และน.อ.ราฆพ เทวะประทีป ผบ.นรข.เขตหนองคาย พ.อ.ศิวดล ยาคล้าย รอง ผบ.ควบคุมที่ 2 กองกำลังสุรศักดิ์มนตรี พ.อ.อำนาจ กระโทกนอก ตัวแทนรอง.ผอ.รมน.พ.ต.ท.พลสันติ์ คมขาว ผบ.ร้อย 244 นายสมบัติ ฆ้อนทอง รักษาการนายด่านศุลกากรบึงกาฬ นายชัยณรงค์ สุระดะนัย ป้องกันจังหวัดบึงกาฬ พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันแถลงข่าวผลการตรวจยึดรถยนต์นั่งอเนกประสงค์ยี่ห้อโตโยต้า รุ่น อินโนวา สีขาว ทะเบียน ฆล 7982 กรุงเทพมหานคร บรรทุกกัญชาแห้งอัดแท่งจำนวน 540 แท่งน้ำหนักประมาณ 540 กิโลกรัมมูลค่ากว่า 16 ล้านบาท ห่อหุ้มด้วยกระดาษฟอยล์สีทองแดง ระดับเกรดพรีเมี่ยม ติดโลโก้รูปใบกัญชาในวงกลมสีเขียว พร้อมตัวหนังสือภาษอังกฤษ MADE IN LAO และสัญลักษณ์รูปคล้ายธงชาติ ของ สปป.ลาว

ทั้งนี้สืบเนื่องจาก น.อ.ราฆพ เทวะประทีป ผบ.นรข.เขตหนองคาย สืบทราบว่าจะมีการลักลอบลำเลียงยาเสพติดข้ามน้ำโขงมาส่งมอบให้กับกลุ่มผู้ชาวไทย บริเวณพื้นที่บ้านสะง้อ หมู่ที่ 2 ต.หอคำ อ.เมืองบึงกาฬ จึงได้สั่งการให้ น.ต.การันต์ มินวงษ์ หน.สน.เรือบึงกาฬ ร.ท.อุดม บัวสุข ผู้ควบคุมเรือ 111 ว่าที่ ร.ท.ไขยา เนียมแสง ผู้ควบคุมเรือลาดตระเวน 179 พร้อมชุดสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติดร่วมกับ พ.ต.ท.ปิยะณัฐ ปะโสทะกัง สว ตร.น้ำบึงกาฬ พ.ต.ท.ธนพล โพธิดา สว.ตม.บึงกาฬ ร.ต.อ.สมพงษ์ พบวันดี รอง ผบ.ร้อย ตชด.244 หน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่ร่วมบูรณาการวางแผนในการสกัดกั้นและจับกุม

โดยวางกำลังตามพื้นที่บริเวณใกล้เคียงจนกระทั่งเวลาประมาณ 02.00 น. ชุดชุ่มเฝ้าตรวจบริเวณจุดชมวิว บ้านสะง้อ ต.หอคำ ได้ตรวจพบรถยนต์ต้องสงสัย จำนวน 1 คันขับเข้ามาจอดบริเวณริมฝั่งแม่น้ำโขง ในขณะเดียวกันได้มีเรือติดเครื่องยนต์ 1 ลำแล่นเข้ามาจอดเทียบบันไดทางขึ้น-ลงแม่น้ำโขง บริเวณจุดที่รถยนต์ต้องสงสัยคันดังกล่าวจอดอยู่

รองผบ.ตร. ผลการระดมกวาดล้างอาชญากรรมทางเทคโนโลยีในห้วงวันที่ 23 - 30 ก.ย. 64 จับกุมเป้าหมาย 334 คดี ผู้ต้องหา 355 คน

ตามนโยบายของรัฐบาลโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้กวดขันจับกุมปราบปรามการกระทำความผิดทางออนไลน์ โดยใช้เทคโนโลยีเป็นเครื่องมือในการหลอกลวงประชาชน โดยมอบหมายให้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (DES) กำกับดูแลนั้น สำนักงานตำรวจแห่งชาติโดย พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร.ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญ จึงได้มีคำสั่ง ตร.ที่ 366/2564 ลง 23 ก.ค.2564 เรื่อง ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ และมอบหมายให้ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร.ทำหน้าที่ผู้อำนวยการศูนย์ฯ

โดยวันนี้ (30 ก.ย. 64) เวลา 10.30 น. พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร., พล.ต.ท.สุทิน ทรัพย์พ่วง ผู้ช่วย ผบ.ตร., พล.ต.ท.ปรีชา เจริญสหายานนท์ ผู้ช่วย ผบ.ตร. แถลงผลการระดมกวาดล้างอาชญากรรมทางเทคโนโลยีในห้วงวันที่ 23-30 ก.ย. 64 ทั่วประเทศโดยมีรายละเอียดดังนี้

​ศปอส.ตร. และ ศปอส.บช.น./ภ.1 – 9 สามารถจับกุมเป้าหมายได้ทั้งสิ้น 334 คดี​ ผู้ต้องหา 355 คน แบ่งเป็น​คดีหลอกลวงออนไลน์ทางด้านการเงิน 19 คดี

- ​คดีหลอกลวงจำหน่ายสินค้าออนไลน์และสินค้าผิดกฎหมาย 90 คดี
- ​คดีเผยแพร่ข่าวปลอมและคดีความผิดตามพรบคอมพิวเตอร์ 130 คดี
- ​คดีล่วงละเมิดทางเพศต่อเด็กหรือสตรีทางอินเตอร์เน็ตและค้ามนุษย์ 20 คดี
- ​คดีพนันออนไลน์และอาชญากรรมข้ามชาติและอื่น ๆ 75 คดี


​โดยมีคดีที่น่าสนใจ เช่น จับกุมผู้ต้องหานำภาพของผู้เสียหายไปใช้ในแอพพลิเคชั่น และหลอกลวงให้ผู้อื่นโอนเงินไปให้ ,จับกุมแก๊งค์หลอกขายโทรศัพท์ ผ่านช่องทางไลน์ , จับกุมผู้ต้องหาอ้างเป็นพนักงานไปรษณีย์ไทย หลอกคนพิการโอนเงินซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้า, จับกุมพริตตี้สาว ถูกใช้ให้โพสต์ชักชวนคนมาเล่นพนันออนไล์ มีผู้ติดตามกว่า 2 หมื่นคน เป็นต้น

 

ตร. PCT จับหนุ่มอ้างเป็นเสี่ย "สวนทุเรียน" ลวงเหยื่อโอนเงินสูญกว่าล้านบาท

วันนี้ (30 ก.ย.64) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เวลา 10.00 น. พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. ผู้อำนวยการศูนย์ปราบปราม อาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ หรือ PCT., พล.ต.ท.ปรีชา เจริญสหายานนท์ ผู้ช่วย ผบ.ตร./รอง ผอ.ฯ, พล.ต.ต.ไตรรงค์ ผิวพรรณ รอง ผบช.ภ.6/หัวหน้าชุดปฏิบัติการ PCT ชุดที่ 4 นำกำลังตำรวจ PCT เข้าทลายเครือข่าย "หลอกขายทุเรียน ผู้เสียหาย 11 ราย มูลค่าความเสียหายกว่า 1,000,000 บาท

ตำรวจ PCT ได้รับการร้องเรียนจากประชาชนว่าถูกเฟซบุ๊คชื่อ “คนทำสวนทุเรียน จันทบุรีทุเรียนอร่อย” หลอกขายทุเรียน โดยเฟซบุ๊คดังกล่าวได้มีการโฆษณาชวนเชื่อว่าตนทำสวนทุเรียนและเปิดคิวรับจองทุเรียนก่อนวันเก็บเกี่ยวผลผลิต ซึ่งได้โพสทั้งในเฟซบุ๊คส่วนตัวและกลุ่มซื้อขายทุเรียนทั่วไปเพื่อหลอกลวงเหยื่อ และสร้างความน่าเชื่อถือ เมื่อมีเหยื่อสนใจเจ้าของเพจจะทักไปหาเหยื่อและใช้นามแฝงว่าชื่อ ป็อบ เป็นเจ้าของสวนทุเรียนอัมรินทร์ ตั้งอยู่ที่ อ.แก่งหางแมว จ.จันทบุรี และแจ้งว่าต้องสั่งจองเป็นจำนวนมาก ๆ ถึงจะส่งให้ จากนั้นจึงให้ผู้เสียหายโอนเงินค่ามัดจำไปก่อนเพื่อเป็นการจองคิว ทำให้ผู้เสียหายจำนวนมากโอนเงินไปมัดจำ โดยให้โอนเงินเข้าทั้งบัญชีตนเองและของบุคคลอื่นหลายบัญชี และเมื่อถึงเวลาส่งของก็ไม่มีการส่งทุเรียนไปให้ผู้เสียหายตามที่ได้ส่งเงินมัดจำไว้ หลังจากนั้นจะบล็อคเฟซบุ๊คของผู้เสียหาย ทำให้ไม่สามารถติดต่อได้ และทำการหลอกลวงเหยื่อรายใหม่ไปเรื่อย ๆ ในหลายพื้นที่ ตรวจสอบพบมีผู้เสียหายแจ้งความกว่า 15 ราย ความเสียหายกว่า 1 ล้านบาท

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ฯ กล่าวว่า ได้สั่งการให้ชุดปฏิบัติการที่ 4 PCT สืบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน ขอศาลอนุมัติหมายจับนายพลากร สงวนนามสกุล อายุ 32 ปี ผู้ต้องหา ได้ที่ บ้านเลขที่ 7/1 หมู่2 ต.ไร่อ้อย อ.พิชัย จ.อุตรดิตถ์ ยึดของกลาง ดังนี้

 

รวบหนุ่มรัสเซีย เครือข่ายปาร์ตี้ยาเสพติดข้ามชาติ เอเย่นค้าค้ายาไอซ์-กัญชา กลางเมืองพัทยา

ตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เรื่องการควบคุมกำกับดูแลชาวต่างชาติที่เข้ามาพำนักอาศัยหรือเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร.และ พล.ต.อ.ดํารงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. มอบหมายให้ สตม. ดำเนินการตรวจสอบชาวไทยและชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมในขณะที่พำนักอาศัยอยู่ในประเทศไทย กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศ หรือกลุ่มคนร้ายข้ามชาติที่เข้ามาแฝงตัวอยู่ก่อเหตุกับคนไทยหรือชาวต่างชาติ โดยใช้ประเทศไทยเป็นฐานในการกระทำความผิด

สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง โดย พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม., พล.ต.ต.สุเมธ เมฆขจร ผบก.ตม.6 ,พ.ต.อ.ภาณุภาคยณ์  จิตติ์ประยูรตี รอง ผบก.ตม.6, และ พ.ต.อ.ศุภฤกษ์ พันธ์โกศล ผกก.ตม.จว.สุราษฎร์ธานี ร่วมแถลงข่าวจับกุมคดีคนต่างชาติกระทำความผิดรายสำคัญ และคดีที่น่าสนใจ ดังนี้

สืบเนื่องมาจากเจ้าพนักงานตำรวจชุดจับกุมได้รับแจ้งจากสายลับ (ขออนุญาตปิดนาม) ว่าที่บ้านหลังหนึ่งใน ต.บ่อผุด อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี มี Mr.Konstantin สัญชาติ รัสเซีย มีพฤติการณ์มั่วสุมเสพยาเสพติดและจำหน่ายยาเสพติดให้กับชาวต่างชาติและวัยรุ่นชาวต่างชาติในพื้นที่และมีการจัดปาร์ตี้ที่บ้านหลังดังกล่าวอยู่บ่อยครั้ง  เมื่อทราบแล้วเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้ทำการตรวจสอบข้อมูลบุคคลจากระบบสารสนเทศสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองหรือระบบไบโอเมตริก พบมีการแจ้งเตือนว่าบุคคลดังกล่าวมีหมายจับตำรวจสากลหรือหมายแดง เกี่ยวกับความผิดยาเสพติด ซึ่งเป็นที่ต้องการตัวของประเทศรัสเซีย เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้ประสานกองการต่างประเทศ ตร.เพื่อยืนยันหมายจับตำรวจสากลและสืบสวนติดตามตัวบุคคลดังกล่าว จนทราบว่าได้เช่าที่พักอยู่ที่สถานที่จับกุมหมู่บ้านแห่งหนึ่งใน ต.บ่อผุด อ.เกาะ สมุย จว.สุราษฎร์ธานี จึงได้เดินทางไปตรวจสอบ

เมื่อไปถึงวิลล่าหลังดังกล่าว พบ Mr.Konstantin ยืนอยู่หน้าบ้าน ซึ่งมีรูปพรรณตรงตามที่สายลับได้แจ้งไว้และตรงตามเอกสารข้อมูลบุคคลจากระบบไบโอเมตริก เมื่อ Mr.Konstantin เห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมได้แสดงอาการมีพิรุธโดยตกใจอย่างชัดเจนและพยายามวิ่งไปปิดประตูห้อง เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้แสดงตัวเป็นเป็นพนักงานเจ้าหน้าที่พร้อมแสดงบัตรพนักงานเจ้าหน้าที่ เพื่อขอทำการตรวจสอบเอกสารประจำตัว และเรียกให้บุคคลต่างด้าวรายดังกล่าวหยุดเพื่อทำการตรวจสอบ โดยเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมเชื่อแน่ว่าการที่บุคคลดังกล่าวมีอาการพิรุธ และจะวิ่งเข้าไปในห้องพักดังกล่าวน่าจะมีสิ่งผิดกฎหมาย หรือยาเสพติดซุกซ่อนอยู่ในบ้านหากชักช้าเนิ่นนานไป ยาเสพติดหรือสิ่งผิดกฎหมายอาจถูกยักย้าย ซุกซ่อน ทำลาย หรือทำให้เสื่อมสภาพไป จึงได้แสดงบัตรเป็นเจ้าพนักงาน ป.ป.ส.เลขที่ 583449 เพื่อขอทำการตรวจค้น  โดย Mr.Konstantin ได้ยินยอมและสมัครใจนำเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าทำการตรวจค้น ก่อนการทำการตรวจค้นเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้แสดงความบริสุทธิ์ใจจนเป็นที่พอใจแก่ Mr.Konstantin และทำการตรวจค้น 

ผลการตรวจค้นพบของกลางซึ่งเป็นยาเสพติดหลายชนิดทั้งแบ่งถุงแยกไว้จำหน่ายและที่ยังไม่แบ่งถุง ซึ่งซุกซ่อนอยู่ในตู้เชฟ และซุกซ่อนอยู่ในโต๊ะทำงาน ภายในห้องนอนในบ้านหลังดังกล่าวที่ผู้ถูกจับรายนี้พักอาศัยอยู่ พร้อมบัญชีเงินฝากและธนบัตรต่างประเทศจำนวนหนึ่ง จึงได้ตรวจยึดทั้งหมดไว้เป็นของกลาง สอบถามผู้ถูกจับรับว่ายาเสพติดที่เจ้าหน้าที่ตรวจค้นเจอนั้นเป็นของตนเองจริง โดยรับว่าตนได้ซื้อมาจาก Mr.ramis สัญชาติ รัสเซีย โดยจัดส่งยาเสพติดมาทางไปรษณีย์ ในราคา 55,000 บาท เมื่อประมาณ 15 วันก่อนที่จะถูกจับกุม เพื่อที่จะนำมาจำหน่ายให้กับเพื่อนชาวต่างชาติและกลุ่มวัยรุ่นชาวต่างชาติภายในพื้นที่อำเภอเกาะสมุย และอำเภอเกาะพะงันและตามปาร์ตี้ต่าง ๆ ที่แอบจัดโดยไม่ได้รับอนุญาต

จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับจึงได้ ตรวจยึดของกลางทั้งหมดไว้เป็นของกลางในคดี แจ้งให้ผู้ถูกจับทราบว่าต้องถูกจับ และแจ้งข้อกล่าวหาว่ามียาเสพติดให้โทษประเภท 1 และ 2 ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย และสิทธิตามกฎหมายให้ทราบ ต่อมาได้ควบคุมตัวผู้ถูกจับมายัง สภ.บ่อผุด และได้ทำการตรวจทดสอบยาเสพติดจากชุดตรวจยาเสพติด ONCB แล้ว จากนั้นจึงนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.บ่อผุด ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top