Monday, 9 June 2025
CRIMES

ตำรวจ PCT ตามยึดทรัพย์สิน เครือข่ายเว็บพนันออนไลน์ “Gimi88" เตรียมแจ้ง ปปง ยึดทรัพย์ พบแลมโบกินี่มีแค่ 100 คันในโลก 

ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ท.ปรีชา เจริญสหายานนท์ ผู่ช่วย ผบ.ตร. ในฐานะรองผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ หรือ PCT พร้อมด้วย พล.ต.ต.ไตรรงค์ ผิวพรรณ รอง ผบช.น./หัวหน้าชุดปฏิบัติการที่ 4 PCT แถลงผลการขยายผลจับกุมเครือข่าย กฤต เจ้าของเว็บพนันออนไลน์ “Gimi88” อีก 14 ราย พบเงินหมุนเวียนกว่า 1,000 ล้านบาท ยึดรถยนต์หรูมูลค่ารวมกว่า 70 ล้านบาท 

พล.ต.ท.ปรีชา เปิดเผยว่า พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ได้สั่งการให้เร่งปราบปรามการพนันออนไลน์ และอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ที่สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนโดยเร็ว คดีนี้สืบเนื่องจากกรณีที่ ตำรวจ PCT เข้าตรวจค้นเป้าหมายเครือข่ายพนันออนไลน์ 8 จุด ใน จ.สงขลา จับกุมผู้ต้องหา 46 รายจนนำมาสู่การขยายผลจับกุมประธานสโมสรฟุตบอลคนดัง โดยมีผู้ต้องหาอีกรายหลบหนี 

ต่อมา พล.ต.ต.ไตรรงค์ และชุดปฏิบัติการที่ 4 ได้ทำงานสืบสวนขยายผล จนนำไปสู่การจับกุมผู้ต้องหาเพิ่มอีก 14 ราย พร้อมของกลางเป็นอุปกรณ์ที่ใช้กระทำผิดอีกหลายรายการ มูลค่ากว่า 25 ล้านบาท นอกจากนั้นแล้วยังได้ตรวจยึดทรัพย์สินที่เชื่อว่าได้มาจากการกระทำความผิดอีกจำนวนหลายการ เช่น รถยนต์ตู้โยต้าอัลพาร์ด รถยนต์เก๋งยี่ห้อออดี้ รถยนต์ซูเปอร์คาร์ยี่ห้อลัมเบอร์กินี รุ่น Aventador LP720-4 ซึ่งเป็นรุ่นฉลองครบรอบ 50 ปี มีในโลกเพียง 100 คัน มูลค่าคันละกว่า 50 ล้านบาท รวมมูลค่าทรัพย์สินที่ยึดได้ทั้งหมดกว่า 70 ล้านบาท ซึ่งทุกรายการมีความเชื่อมโยงกับนายกฤต สรุปยอดรวมของกลาง ทรัพย์ยึด ตรวจจนยอดเงินหมุนเวียนจากการกระทำความผิดมูลค่ามากกว่า 1,000 ล้านบาท

ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 6 แถลงข่าวการจับกุมออฟฟิศคอลเซ็นเตอร์ “jokerslotz999.com” เครือข่ายเว็บไซต์พนันออนไลน์รายใหญ่ในเขตภาคเหนือ

ด้วย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี แสดงความห่วงใยกรณีมีการลักลอบเล่น "พนันออนไลน์" ซึ่งปัจจุบันได้มีการปรับเปลี่ยนรูปแบบวิธีการเล่นที่แยบยล แปลกใหม่ขึ้น เพื่อตบตาหลีกเลี่ยงการจับกุมของเจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงได้กำชับมายัง พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์, พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์​กิตติประภัสร์ และ พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ให้เข้มงวดในการตรวจสอบการลักลอบเปิดให้เล่นพนันในพื้นที่ต่างๆ

รวมถึงการ "การพนันออนไลน์" อย่างเข้มงวดยิ่งขึ้น ประกอบกับจากสถานการณ์โควิด และ​ความไม่สงบตามพรมแดนประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งมีสู้รับกันระหว่างรัฐบาลกับชนกลุ่มน้อย ทำให้บ่อนคาสิโนที่อยู่ตามแนวชายแดนประเทศเพื่อนบ้าน ได้ลักลอบเข้ามาเปิดออฟฟิศ Call Center เว็บพนันออนไลน์ต่างๆ ใน อ.แม่สอด จ.ตาก

พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 6 ได้สั่งการชุด ศปอส.ภ.6 นำโดย พล.ต.ต.สิทธิชัย โล่กันภัย รอง ผบช.ภ.6, พล.ต.ต.เอกรักษ์ ลิ้มสังกาศ รอง ผบช.ภ.6, พล.ต.ต.ณัฐวุฒิ ภาคภูมิ ผบก.สส.ภ.6, พล.ต.ต.ปกปภพ บดีพิทักษ์ ผบก.ภ.จว.ตาก, พ.ต.อ.สมพร ทองรอด รอง ผบก.สส.ภ.6, พ.ต.อ.สารนัย คงเมือง รอง ผบก.สส.ภ.6 และ พ.ต.อ.มนต์ศักดิ์ แก้วอ่อน ผกก.สภ.แม่สอด, พ.ต.อ.อนิวรรตน์ สุรินทวงศ์ ผกก.สืบสวน 3 บก.สส.ภ.6 และ พ.ต.อ.ชัชวาล พวงคิด ผกก.สภ.วิเชียรบุรี ให้ทำการสืบสวน จนพบว่าเป็นเครือข่ายการพนันออนไลน์รายใหญ่ ในเขตภาคเหนือ (จ.ตาก) โดยมีช่องทางสมัครเข้าเล่นผ่านทางเว็บไซต์ ชื่อ jokerslotz999.com พบผู้ร่วมเล่นจำนวนมาก มีการเสนอฝาก-ถอน เงินสดสำหรับเป็นเครดิตในการเล่นพนันผ่านธนาคารพานิชย์ (ในประเทศไทย)

โดยมีโปรแกรมให้เลือกเล่นพนันออนไลน์หลากหลายประเภท ยกตัวอย่างเช่น ไพ่บาคาร่า, ไพ่เสือมังกร, สล็อต, รูเล็ต และเกมยิงปลา เป็นต้น คล้ายกับการเล่นการพนันในบ่อนคาสิโนทั่วไป สามารถเข้าเล่นพนันออนไลน์ได้ตลอดเวลา โดยมีพนักงานคอยให้บริการลูกค้าผ่านทางแอปพลิเคชันไลน์ 24 ชั่วโมง

จากการสืบสวนทำให้ทราบว่า เครือข่ายพนันออนไลน์ดังกล่าว มีพนักงานคอลเซ็นเตอร์ที่คอยให้บริการลูกค้าผ่านทางแอพพลิเคชั่นไลน์ซึ่งมีออฟฟิศตั้งอยู่ในพื้นที่ของ อ.แม่สอด จ.ตาก และได้ตรวจพบพยานหลักฐาน ทรัพย์สิน เครือข่ายบุคคลผู้ร่วมกันกระทำความผิดอีกหลายราย เพื่อไม่ให้มีการเคลื่อนย้ายของกลาง และทรัพย์สินที่ได้จากการกระทำความผิดได้ทัน

ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 6 ได้สั่งการให้จัดกำลังปฏิบัติการเข้าค้น และจับกุมพร้อมกัน จึงได้ยื่นคำร้องต่อศาลจังหวัดแม่สอด ขออนุมัติหมายค้น 2 จุด ได้แก่ บ้านเลขที่ 79 หมู่ 4 ต.ท่าสายลวด และบ้านเลขที่ 76 หมู่ 7 ต.ท่าสายลวด อ.แม่สอด จ.ตาก 

เริ่มปฏิบัติการ ในวันศุกร์ ที่ 25 กุมภาพันธ์ 2565 ที่ผ่านมา จนสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ 3 ราย ซึ่งกำลังนั่งอยู่ที่หน้าคอมพิวเตอร์ และผู้กระทำความผิดทั้งหมดให้การรับสารภาพว่า เป็นพนักงานฝ่ายการตลาดของเว็บไซต์พนันออนไลน์ jokerslotz999.com

ตรวจยึดของกลาง เป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ หน้าจอคอมพิวเตอร์ โทรศัพท์เคลื่อนที่ที่ใช้ในการคุยกับลูกค้า และและได้ตรวจยึดอายัดบัญชีธนาคารที่ใช้ในการกระทำความผิดและที่เกี่ยวข้อง​ รวมทั้งตรวจสอบรายการเดินบัญชีพบเงินหมุนเวียนจำนวนมาก

ข้อสังเกตที่จับกุมออฟฟิศที่ตั้ง Call Center ได้จำนวนพนักงานผู้ถูกจับจำนวนไม่มาก เนื่องจากกลุ่มผู้กระทำผิดมีการปรับเปลี่ยนวิธีการจากเดิม​ คือ​ เช่าบ้านหลังเดียว พนักงานอยู่กันหลายคน สับเปลี่ยนหมุนเวียนกันมาเข้าเวรทำงานจะทำให้เป็นที่จับตามองและสังเกตได้ง่ายจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงเปลี่ยนเป็นกระจายตัว ไปเช่าบ้านพัก ในบริเวณใกล้เคียง แล้วสลับผลัดเปลี่ยนกันมาเข้าเวรที่ออฟฟิศผลัดละ 3 - 4 คน เพื่อไม่ให้คนเยอะจนเป็นที่สงสัยของชาวบ้านใกล้เคียงและตำรวจ

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ดีเดย์ 1 มี.ค. เปิดศูนย์รับแจ้งความออนไลน์คดีทางเทคโนโลยี  ดึง 21 ธนาคารทำ MOU เพิ่มประสิทธิภาพติดตามคดีรวดเร็วยิ่งขึ้น 

ที่อาคารหอประชุมสัมมนา สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) เมืองทองธานี พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. เป็นประธานเปิดศูนย์รับแจ้งความออนไลน์อาชญากรรมทางเทคโนโลยี และทำบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ระหว่าง ตร. กับ สมาคมสถาบันการเงินของรัฐ สมาคมธนาคารไทย และธนาคารสมาชิก รวม 21 ธนาคาร ในคดีอาชญากรรมทางเทคโนโลยี โดยมี พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร., พล.ต.ท.ปรีชา เจริญสหายานนท์ ผู้ช่วย ผบ.ตร., พล.ต.ท.ชยพล ฉัตรชัยเดช ผู้ช่วย ผบ.ตร., พล.ต.ท.ศิริพงษ์ ติมุลา ผบช.สทส., พล.ต.ท.กรไชย คล้ายคลึง ผบช.สอท., ผู้บัญชาการ ผู้บังคับการ ทุกหน่วยทั่วประเทศ ผู้แทนกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กสทช. ปปง. ธนาคารแห่งประเทศไทย เครือข่ายผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือ และ สมาคมพนักงานสอบสวน เข้าร่วมเป็นสักขีพยานในพิธี 

พล.ต.อ.สุวัฒน์ เปิดเผยว่า โครงการระบบรับแจ้งความออนไลน์อาชญากรรมทางเทคโนโลยีนี้ ประชาชนจะสามารถเข้าถึงตำรวจได้ง่ายขึ้น ด้วยการแจ้งความทางเว็บไซต์ www.thaipoliceonline.com ผ่านคอมพิวเตอร์ หรือโทรศัพท์สมาร์ตโฟน โดยจะต้องลงทะเบียนเพื่อยืนยันตัวตน กรอกข้อมูลทางคดี ตามขั้นตอนจนเสร็จ ผู้แจ้งจะได้รับ “เลขรับแจ้งความออนไลน์ หรือ  Case ID” เช่น 65021 จะมีผู้บริหารการรับแจ้ง (Admin) และผู้บริหารคดี (Case Manager) วิเคราะห์ข้อมูล และส่งเรื่องต่อไปยังสถานีตำรวจที่ผู้แจ้งสะดวกในการเดินทางไปแจ้งความ โดยสถานีตำรวจที่ได้รับเรื่องจะเริ่มกระบวนการสืบสวนในทันทีที่ได้รับข้อมูลจากระบบรับแจ้งความออนไลน์

ผบ.ตร. กล่าวต่อว่า เมื่อ Admin ของสถานีตำรวจรับเรื่องแล้ว ก็จะนำเสนอผู้บริหารคดี เพื่อจ่ายคดีให้แก่พนักงานสอบสวนทำการโทรนัดหมายผู้แจ้ง หรือผู้เสียหายมาสอบปากคำ และรายงานความคืบหน้าทางคดีในระบบออนไลน์ โดยผู้เสียหายจะสามารถติดตามความคืบหน้า ส่งข้อมูลเพิ่มเติม หรือสอบถามปัญหาผ่านระบบได้ตลอดเวลา แต่ทั้งนี้ ในคดีอาชญากรรมทางออนไลน์ ประชาชนก็ยังสามารถไปแจ้งความโดยตรงได้ทุกสถานีตำรวจที่ท่านสะดวก แม้สถานีตำรวจนั้นจะไม่มีอำนาจการสอบสวน ก็จะส่งเรื่องต่อไปยังสถานีตำรวจที่มีอำนาจการสอบสวนต่อไป

เราคาดหวังว่า ประชาชนจะได้รับความสะดวกมากขึ้น มีการนัดหมายล่วงหน้า ไม่ต้องไปรอคิวที่สถานีตำรวจ  ไม่ต้องให้การในเรื่องเดิมซ้ำหลายครั้ง และสามารถร้องขอให้ธนาคารระงับธุรกรรมทางการเงินได้อย่างรวดเร็วเพื่อไม่ให้เงินของผู้เสียหายถูกโอนไปยังเครือข่ายของคนร้าย และเจ้าหน้าที่เองก็จะได้รับประโยชน์กรณีผู้ต้องหากระทำความผิดหลายท้องที่ เนื่องจากสามารถเชื่อมโยงคดี มีข้อมูลที่สามารถขอศาลออกหมายจับได้ง่ายขึ้น 

เมื่อถามถึงความพร้อม ผบ.ตร. กล่าวว่า เราได้ปรับปรุงพัฒนาและทดสอบระบบจนสามารถใช้การได้เป็นอย่างดี โดยจะเริ่มเปิดใช้งานจริงในวันที่ 1 มี.ค.65 นี้ ซึ่งก่อนหน้านี้ได้มีการจัดฝึกอบรม Admin และ ผู้บริหารคดี ทั่วประเทศ จำนวน 8,383 นาย พนักงานสอบสวน 10,487 นาย เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนอีก 12,305 นาย รวมผู้เข้ารับการอบรมทั้งสิ้น 31,175 นาย รวมทั้งมีการทดสอบความรู้หลังการฝึกอบรม เพื่อให้มั่นใจว่าเจ้าหน้าที่ทุกนายจะสามารถปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

นอกจากนี้เราได้จัดพิธีทำบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ระหว่าง ตร. กับ สมาคมสถาบันการเงินของรัฐ สมาคมธนาคารไทย และ 21 ธนาคารสมาชิก ในคดีอาชญากรรมทางเทคโนโลยี โดยให้ศูนย์รับแจ้งความออนไลน์ของ ตร. เป็นศูนย์กลางในการร่วมกันกำหนดแนวทางติดตามเส้นทางการเงินของคนร้ายและเครือข่าย เพื่อป้องกันมิให้คนร้ายโอนเงินต่อเป็นทอดๆ ไปยังกลุ่มเครือข่าย 

รวมถึงกำหนดรูปแบบและวิธีการรับส่งข้อมูลผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ที่ปลอดภัย และหากคดีมีความเชื่อมโยงกับบัญชีหลายธนาคาร ก็จะมีคณะทำงานย่อยร่วมกันเพื่อให้การสืบสวนเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและรวดเร็ว นอกจากนี้จะมีการกำหนดรูปแบบในการประชาสัมพันธ์เตือนภัยถึงพฤติการณ์ในรูปแบบต่างๆ ของคนร้าย และแลกเปลี่ยนเทคนิค ข้อมูลความรู้ระหว่างเจ้าหน้าที่ เพื่อให้การป้องกันปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี เป็นอย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น 

ตร.มุกดาหาร โชว์ฝีมือ!! จับแก๊งค้ากัญชาข้ามชาติได้ครบเซ็ต (ผู้ต้องหา-รถขน-รถนำ-กัญชา)

กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดมุกดาหาร พล.ต.ต.ชัชชัย วงศ์สุนะ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดมุกดาหาร และ พ.ต.อ.สงกรานต์สันหกรณ์ รอง ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดมุกดาหาร  แถลงข่าวเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนจับกุมขบวนการค้ายาเสพติดได้ผู้ต้องหา 2 คน พร้อมของกลางรถยนต์ 2 คัน รถจักรยานยนต์ 1 คัน และกัญชาแห้งอัดแท่งจำนวน 537 แท่ง

สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ต.อ.วิจิตร บุญวรรณ ผู้กำกับการสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดมุกดาหาร  ได้รับแจ้งจากสายข่าวว่าจะมีขบวนการค้ายาเสพติดข้ามชาติลักลอบลำเลียงกัญชาแห้งอัดแท่งใส่รถยนต์จากบริเวณริมฝั่งแม่น้ำโขง อ.หว้านใหญ่ เข้ามาในพื้นที่ อ.เมืองมุกดาหาร จึงได้นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนเดินทางเข้าไปบริเวณพื้นที่ถนนสายบ้านคำฮี-บ้านนาโสกน้อย ต.โพนทราย อ.เมืองมุกดาหาร ตามที่ได้รับแจ้งพบรถยนต์เก๋ง ยี่ห้อมิตซูบิชิ รุ่นมิราจ สีดำ ทะเบียน กจ 5310  มุกดาหาร วิ่งนำหน้ารถยนต์กระบะ ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นรีโว่ สีเทา ทะเบียน 3 ฒจ 5385 กรุงเทพมหานคร ตรงตามที่ได้รับแจ้งจึงได้จัดชุดไล่ติดตามหยุดรถทั้ง 2 คันดังกล่าว และแสดงตัวขอเข้าตรวจค้นรถยนต์กระบะด้านในแคปหลังเบาะคนขับพบกระสอบถุงดำสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่จำนวน 4 กระสอบและด้านหลังกระบะมีผ้าใบปิดคลุมไว้เมื่อเปิดออกพบกระสอบถุงดำสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่อีกจำนวน 8 กระสอบ รวมเป็น 12 กระสอบ

จึงได้แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐานมาร่วมทำการตรวจสอบพบว่าภายในกระสอบถุงดำเป็นกัญชาแห้งอัดแท่งรวม 537 แท่ง/กิโลกรัม จึงได้ควบคุมตัว น.ส.ไพวรรณ หรือก้อย คำมุงคุณ อายุ 29 ปี อยู่บ้านเลขที่ 154 หมู่ 2 ต.ชะโนดน้อย อ.ดงหลวง จ.มุกดาหาร ทำหน้าที่ขับรถยนต์กระบะ และนายสหพันธ์ หรือหยอง อุระ อายุ 28 ปี อยู่บ้านเลขที่ 136 หมู่ 5 ต.โพนทราย อ.เมืองมุกดาหาร คนขับรถยนต์เก๋งนำทาง

 

ตม.1 รวบฝรั่งหัวใส!! หลบ BLACKLIST เข้าไทย สุดท้ายไม่พ้นมือ ตม.

ตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีเรื่องการควบคุมกำกับดูแลชาวต่างชาติที่เข้ามาพำนักอาศัยหรือเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.สุวัฒน์  แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.ดํารงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. มอบหมายให้ สตม.ดำเนินการตรวจสอบชาวต่างชาติที่มีหมายจับตำรวจสากล หรือมีพฤติกรรมไม่เหมาะสมในขณะที่พำนักอาศัยอยู่ในประเทศไทย กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน หรือเป็นลักษณะการกระทำผิดเข้าข่ายอาชญากรรมข้ามชาติ ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศ

สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง โดย พล.ต.ท.ภาคภูมิภิภัทฒ์ สัจจพันธุ์ ผบช.สตม., พล.ต.ต.อาชยน  ไกรทอง รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.ปิติ นิธินนทเศรษฐ์ ผบก.ตม.1,พ.ต.อ.ณรงค์เวทย์ โอนสูงเนิน รอง ผบก.ตม.1, พ.ต.อ.ระพีพัฒน์ อุตสาหะ ผกก.สส.บก.ตม.1 ร่วมแถลงข่าวการจับกุมคดีที่น่าสนใจ ดังนี้

เจ้าหน้าที่ กก.สส.บก.ตม.1  ได้รับข้อมูลจากการสืบทราบว่า มีคนต่างด้าวสัญชาติอังกฤษ ชื่อ Mr.James   ซึ่งเคยถูกจับกุมดำเนินคดีและถูกบันทึกรายชื่อเป็นบุคคลต้องห้ามเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรไว้ แต่ต่อมาได้สัญชาติอิสราเอลและใช้หนังสือเดินทางของประเทศอิสราเอล เดินทางเข้ามาและพักอาศัยอยู่ในประเทศไทย 

เมื่อเจ้าหน้าที่ได้รับทราบ จึงได้ทำการตรวจสอบข้อมูลจากระบบสารสนเทศ ตรวจคนเข้าเมือง โดยละเอียดจนพบว่า Mr.James  สัญชาติอังกฤษ ดังกล่าวถือหนังสือเดินทางเลขที่ 51XXXXXXX เกิดวันที่ 25 ก.ค.2520 สถานที่เกิด LONDON มีข้อมูลในบัญชีบุคคลต้องห้ามและเฝ้าดู เนื่องจากเคยถูกจับดำเนินคดีในข้อหา “มีอาวุธไม่มีเครื่องหมายทะเบียนและเครื่องกระสุนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตพกพาอาวุธไปในเมืองฯ” มีคำพิพากษาศาลถึงที่สุด จำคุก 9 เดือน และถูกผลักดันออกนอกประเทศ เมื่อ 3 เม.ย.2558 จริง ซึ่งจากการนำข้อมูลของ Mr.James  สัญชาติอังกฤษ มาตรวจสอบในระบบสารสนเทศ สตม. แล้วพบว่าตรงกับข้อมูลของชายชาวต่างชาติ สัญชาติอิสราเอล อีกรายหนึ่ง มีข้อมูลชื่อ นามสกุล วันเดือนปีเกิด สถานที่เกิด และใบหน้า คล้ายและเหมือนกับ Mr.James  สัญชาติอังกฤษ แตกต่างกันเพียงสัญชาติและเลขที่หนังสือเดินทางเท่านั้น

ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่า Mr.James  สัญชาติอิสราเอล ถือหนังสือเดินทางเลขที่ 21XXXXXX เกิด 25 ก.ค.2520 สถานที่เกิด LONDON  เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรครั้งแรก เมื่อ 23 ต.ค.2558 ครั้งสุดท้าย เมื่อ 5 ม.ค.2563 และยื่นขออยู่ต่อครั้งสุดท้ายได้รับอนุญาตให้อยู่ต่อในราชอาณาจักรถึง 21 ก.ย.2565 ซึ่งจากการตรวจสอบข้อมูลพบว่า ข้อมูล ชื่อ ชื่อกลาง นามสกุล วันเดือนปีเกิด และสถานที่เกิดตรงกัน ต่างกันเพียงสัญชาติของคนต่างด้าวเท่านั้น ตรงตามกับข้อมูลที่สืบทราบมาจริง เจ้าหน้าที่ กก.สส.บก.ตม.1 จึงได้ประสาน กก.3 บก.สส.สตม.เพื่อขอข้อมูลลายพิมพ์นิ้วมือของ Mr.James  สัญชาติอังกฤษ จากฐานข้อมูลในระบบฯ เมื่อครั้งถูกส่งกลับผลักดันออกนอกราชอาณาจักรไป เมื่อวันที่ 3 เม.ย.2558 เพื่อส่งให้ ศท.ตม. ดำเนินการตรวจเปรียบเทียบเพื่อยืนยันกับลายพิมพ์นิ้วมือและใบหน้าของ Mr.James สัญชาติอิสราเอล จากระบบ Biometrics ในวันที่เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรครั้งล่าสุด ว่าบุคคลทั้งสองเป็นบุคคลคนเดียวกันหรือไม่ ซึ่งผลการตรวจสอบลายพิมพ์นิ้วมือและใบหน้ายืนยันว่าบุคคลทั้งสองเป็นบุคคลคนเดียวกัน จากนั้นเจ้าหน้าที่ฯจึงได้เสนอเพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรของ Mr.Jame  สัญชาติอิสราเอล และเมื่อผู้บังคับบัญชาอนุมัติ เจ้าหน้าที่ฯจึงได้ทำการควบคุมตัวคนต่างด้าวส่ง กก.3 บก.สส.เพื่อดำเนินการส่งกลับผลักดันต่อไป

 

ตม.จว.ตาก ตรวจเข้มตลอด 24 ชม.!! รวบหนุ่มจีนและหนุ่มไทย ขนคนจีนหลบหนีเข้าเมือง 4 ราย

ตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เรื่องการควบคุมกำกับดูแลชาวต่างชาติที่เข้ามาพำนักอาศัยหรือเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร.และ พล.ต.อ.ดํารงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. มอบหมายให้ สตม. ดำเนินการตรวจสอบชาวไทยและชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมในขณะที่พำนักอาศัยอยู่ในประเทศไทย กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศ หรือกลุ่มคนร้ายข้ามชาติที่เข้ามาแฝงตัวอยู่ก่อเหตุกับคนไทยหรือชาวต่างชาติ โดยใช้ประเทศไทยเป็นฐานในการกระทำความผิด

สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง โดย พล.ต.ท.ภาคภูมิภิภัทฒ์ สัจจพันธุ์ ผบช.สตม., พล.ต.ต.อาชยน  ไกรทอง รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.ศุภณัฎฐ์ เจริญเรืองสกุล ผบก.ตม.5 , พ.ต.อ.เอกกร บุษบาบดินทร์ รอง ผบก.ตม.5 , พ.ต.อ.แมน รัตนประทีป รอง ผบก.ตม.5 , พ.ต.อ.สัมพันธ์ เหลืองสัจจกุล ผกก.ตม.จว.ตาก และ พ.ต.ท.สุชาติ เพ็ญภู่ รอง ผกก.ตม.จว.ตาก ร่วมแถลงข่าว ดังนี้

 1. เจ้าหน้าที่ ตม.จว.ตาก ได้ร่วมกันปฏิบัติหน้าที่อยู่บริเวณจุดตรวจบ้านห้วยหินฝน ต.แม่ปะ อ.แม่สอด จว.ตาก เมื่อถึงเวลาเกิดเหตุพบรถยนต์คล้ายคนต่างด้าวสัญชาติจีนเป็นผู้ขับขี่ เดินทางจาก อ.แม่สอด มุ่งหน้าไปยัง จว.ตาก จากการตรวจสอบผู้ขับขี่ คือ MR.LIฯ อายุ 51 ปี สัญชาติจีน

ผู้ถูกจับที่ 1 และทำการตรวจสอบภายในรถยนต์พบบุคคลต่างด้าวสัญชาติจีน 2 คน คือ MR.JENGฯ อายุ 19 ปี สัญชาติจีน

ผู้ถูกจับที่ 2 และ MR.WANGฯ อายุ 43 ปี สัญชาติจีน ผู้ถูกจับที่ 3 จึงขอตรวจสอบเอกสารการเดินทาง จากการตรวจสอบบุคคลต่างด้าวสัญชาติจีน ทั้ง 3 ราย ปรากฏว่าผู้ถูกจับที่ 1 MR.LIฯ มีเอกสารการเดินทางและวีซ่าถูกต้อง ส่วนต่างด้าวสัญชาติจีนอีก 2 ราย ไม่มีเอกสารหนังสือเดินทางหรือเอกสารที่ใช้แทนหนังสือเดินทางมาแสดง รับว่าตนทำงานอยู่ฝั่งเมียวดี ประเทศเมียนมา ลักลอบเดินทางเข้าประเทศไทยทางช่องทางธรรมชาติ จากการสอบถามคนขับรถให้การว่า ตนได้รับการว่าจ้างจากหญิงนายหน้าไม่ทราบชื่อให้มารับผู้ต้องหาหน้าเทศบาลนครแม่สอด เพื่อนำไปส่งในพื้นที่ กทม. โดยได้รับการว่าจ้างเป็นจำนวนเงิน 7,000 บาท แต่มาถูกเจ้าหน้าที่เรียกตรวจสอบและถูกจับกุมเสียก่อน เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้แจ้งข้อกล่าวหาและนำตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลาง นำส่ง สภ.แม่สอด เพื่อดำเนินคดีต่อไป

>> ผู้ถูกจับที่ 1 ในความผิดฐาน “ซ่อนเร้น หรือช่วยด้วยประการใด ๆ ให้คนต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายพ้นจากการจับกุม”

>> ผู้ถูกจับที่ 2 – 3 (ช.2) ในความผิดฐาน “เป็นบุคคลต่างด้าวเดินทางเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต” และ “ฝ่าฝืนคำสั่งจังหวัดตาก ที่ 38/2563 ลง 20 ธ.ค.63”   รถยนต์คันของกลาง คือ รถยนต์ตู้ ยี่ห้อ TOYOTA สีขาว รุ่นอัลพาร์ต หมายเลขทะเบียนกรุงเทพฯ  เหตุเกิด จุดตรวจบ้านห้วยหินฝน ต.แม่ปะ อ.แม่สอด จว.ตาก

2. เจ้าหน้าที่ ตม.จว.ตาก ได้ร่วมกันปฏิบัติหน้าที่อยู่บริเวณจุดตรวจบ้านห้วยหินฝน ต.แม่ปะ อ.แม่สอด  จว.ตาก เมื่อถึงเวลาเกิดเหตุพบรถยนต์ต้องสงสัย เดินทางมาจาก อ.เมืองตาก มุ่งหน้าเข้า อ.แม่สอด จากการตรวจสอบพบ ผู้ถูกจับที่ 1 คือ นายฉัตรมงคลฯ และทำการตรวจสอบภายในรถยนต์พบบุคคลต่างด้าวสัญชาติจีน 2 คน คือ MR.WANGฯ อายุ 30 ปี สัญชาติจีน ผู้ถูกจับที่ 1 และ MISS.HUANGฯ อายุ 32 ปี สัญชาติจีน ผู้ถูกจับที่ 2 จากการตรวจสอบบุคคลต่างด้าวสัญชาติจีน ทั้ง 2 ราย ปรากฏว่าไม่มีเอกสารหนังสือเดินทางหรือเอกสารที่ใช้แทนหนังสือเดินทางมาแสดงมีเพียงภาพถ่ายหนังสือเดินทางที่มีอยู่ในโทรศัพท์มือถือและจากการตรวจสอบระบบสารสนเทศตรวจคนเข้าเมืองไม่ปรากฏการเดินทางเข้าราชอาณาจักรไทยแต่อย่างใด รับว่าตนลักลอบเดินทางเข้าประเทศไทยทางช่องทางธรรมชาติจากประเทศกัมพูชา เพื่อที่จะเดินทางมายัง อ.แม่สอด จากการสอบถามผู้ขับขี่ ผู้ขับขี่ให้การว่า ตนได้รับการว่าจ้างจากชาย ชื่อนายณัฎฐกัณฐ์ฯ  ให้ไปรับคนสัญชาติจีนที่หมู่บ้านแห่งหนึ่งใน ถ.ศรีนครินทร์ แขวงหนองบอน เขตประเวศ กรุงเทพฯ เพื่อนำมาส่งในพื้นที่ อ.แม่สอด จว.ตาก โดยได้รับการว่าจ้างเป็นจำนวนเงิน 5,000 บาท แต่มาถูกเจ้าหน้าที่เรียกตรวจสอบและถูกจับกุมเสียก่อน เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้แจ้งข้อกล่าวหาและนำตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลาง นำส่ง สภ.แม่สอด เพื่อดำเนินคดีต่อไป    

>> ผู้ถูกจับที่ 1 ในความผิดฐาน “ซ่อนเร้น หรือช่วยด้วยประการใด ๆ ให้คนต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายพ้นจากการจับกุม”

>> ผู้ถูกจับที่ 2 – 3 (ช.1 ญ.1) ในความผิดฐาน “เป็นบุคคลต่างด้าวเดินทางเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต” และ “ฝ่าฝืนคำสั่งจังหวัดตาก ที่ 38/2563 ลง 20 ธ.ค.63” 

รถยนต์คันของกลาง คือ

1.รถยนต์นั่งส่วนบุคคลไม่เกิน 7 คน ยี่ห้อ TOYOTA รุ่น VELLFIRE สีดำ หมายเลขทะเบียน กรุงเทพฯ 

2.โทรศัพท์ยี่ห้อ ONEPLUS A6013 สีดำ

เหตุเกิด จุดตรวจบ้านห้วยหินฝน ต.แม่ปะ อ.แม่สอด จว.ตาก

 

ผลการจับกุมเครือข่าย ‘ขนแรงงานต่างด้าว’ กองบังคับการสืบสวนสอบสวน สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง

ตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ  รองนายกรัฐมนตรี เรื่องการควบคุมกำกับดูแลชาวต่างชาติที่เข้ามาพำนักอาศัยหรือท่องเที่ยวในประเทศไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ  โดย พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์  รอง ผบ.ตร. มอบหมายให้ สตม. ดำเนินการตรวจสอบชาวไทยและชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมในขณะที่พำนักในประเทศไทย กระทำความผิดกฎหมายและก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตทรัพย์สินของประชาชน ทำให้เกิดความเสียหาย ต่อภาพลักษณ์ของประเทศหรือกลุ่มคนร้ายข้ามชาติที่เข้ามาแฝงตัวกับคนไทยหรือต่างชาติ โดยใช้ประเทศไทยเป็นฐานในการกระทำความผิด

ภายใต้การอำนวนการ ของ พล.ต.ท.ภาคภูมิภิภัทฒ์  สัจจพันธุ์  ผบช.สตม., พล.ต.ต.อาชยน  ไกรทอง รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ ผบก.สส.สตม., พล.ต.ต.เดชา กัลยาวุฒิพงศ์ ผบก.ตม.4, พล.ต.ต.ประสงค์ เรืองเดช ผบก.ภ.จว.อำนาจเจริญ, พ.ต.อ.สถิตย์ พรมอุทัย รอง ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.ยศวัจน์ งามสง่า รอง ผบก.ภ.จว.อำนาจเจริญ, พ.ต.อ.นิยม สีหาวัฒน์ ผกก.สภ.ชานุมาน, พ.ต.อ.พิษณุ สิทธิทูรย์ ผกก.สส.บก.ตม.4, พ.ต.ต.สมพร บัวหอม สว.ตม.จว.อำนาจเจริญ

โดยมีพฤติการณ์ คือ กก.4 บก.สส.สตม.ได้สืบทราบว่ากลุ่มคนไทยมีการลักลอบ นำรถตู้ขนคนลาวที่ลักลอบเช้าไทย โดยนั่งเรือหายางผ่านแม่น้ำโขงขึ้นฝั่งช่องทางธรรมชาติข้ามมาฝั่งไทยเขต จ.อำนาจเจริญ และรับคนลาวเข้ามาในพื้นที่ชั้นใน เขต กทม. และปริมณฑล

กก.4 บก.สส.สตม.จึงได้ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ทำการสืบสวนจนทราบว่า จะมีนายหน้าฝั่งลาวได้นำชาวลาวข้ามมาขึ้นช่องธรรมชาติฝั่ง จ.อำนาจเจริญ จึงได้วางแผนเข้าสกัดจับตามเส้นทางถนนสายรอง และสามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาได้ที่ หน้าวัดจินดามณี ถนนภายในหมู่บ้านเมืองเก่า ตำบล คำเขื่อนแก้ว อำเภอชานุมาน จว.อำนาจเจริญ ผลการจับกุมปรากฏดังนี้

1.ผู้ต้องหาคนลาวหลบหนีเข้าเมือง จำนวน 17 คน หญิง 7 คน ชาย 10 คน ข้อหา "เป็นบุคคลต่างด้าวเข้ามาในราชอาณาจักรโดยผิดกฎหมาย"

2.จับกุม นาย วันชนะ สัญชาติไทย กับพวก รวม  3 คน ข้อหาร่วมกันนำพาบุคคลต่างด้าวเข้ามาในราชอาณาจักรโดยผิดกฎหมาย

3.รถตู้ยี่ห้อ โตโยต้า จำนวน 2 คัน นำส่งพนักงานสอบสวน สภ.ชานุมาน จ.อำนาจเจริญ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย   

จากการสืบสวนขยายผลพบว่า กลุ่มเครือข่ายขนแรงงานต่างด้าวมีการติดต่อกับนายหน้าฝั่งลาว โดยนั่งข้ามแม่น้ำโขง ขึ้นท่า อ.ชานุมาน จ.อำนาจเจริญ ซึ่งทางนายหน้าฝั่งลาวจะนัดแนะกลุ่มผู้ต้องหา จุดนัดหมายริมฝั่งโขงและขึ้นรถตู้โดยคิดค่าหัว หัวละ 12,000 บาท โดยกลุ่มเครือข่ายผู้ต้องหาจะใช้เส้นทางรองเพื่อเลี่ยงการจับกุมของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ไปตามหมู่บ้าน แล้วใช้เส้นทางหลักในการเดินทาง

คดีดังกล่าวอยู่ในระหว่างการสืบสวนขยายผล เส้นทางการเงิน สมาชิกผู้ร่วมขบวนการที่เหลืออยู่ นายหน้า รับขนส่งคนทั้งฝั่งไทยและฝั่ง สปป.ลาว

ทลายเครือข่ายแรงงานข้ามชาติ จับมาเฟียอินเดีย!! หนีข้อหาฉกรรจ์ ปล้นฆ่า ลักพาตัว ทรมานเหยื่อเรียกค่าไถ่ ฟอกเงิน และหนีกบดานไทย

ตามนโยบายของ  พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เรื่องการควบคุมกำกับดูแลชาวต่างชาติที่เข้ามาพำนักอาศัยหรือเข้ามาเพื่อท่องเที่ยวในประเทศไทย โดย พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. มอบหมายให้ สตม. ดำเนินการตรวจสอบชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมในขณะที่พำนักในประเทศไทย กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน หรือเป็นลักษณะการกระทำผิดเข้าข่ายอาชญากรรมข้ามชาติ หรือทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศ                    

สํานักงานตรวจคนเข้าเมือง โดย พล.ต.ท.ภาคภูมิภิภัทฒ์ สัจจพันธ์ ผบช.สตม., พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.มานัด ศรีวงษา ผบก.ตม.3, พ.ต.อ.ทรงโปรด สิริสุขะ รอง ผบก.ตม.3, พ.ต.อ.ไกลเขต บุรีรักษ์ รอง ผบก.ตม.3, พ.ต.อ.รัชธพงศ์ เตี้ยสุด รอง ผบก.ตม.3, พ.ต.อ.หฤษฎ์ เอกอุรุ รอง ผบก.ตม.3 และ พ.ต.อ.จิรพงศ์ รุจิรดำรงค์ชัย ผกก.สส.บก.ตม.3  ร่วมแถลงข่าวการจับกุมคดีที่น่าสนใจดังนี้

1.“จับมาเฟียอินเดีย หนีข้อหาฉกรรจ์ ทั้งปล้นฆ่า ลักพาตัว ทรมานเหยื่อเรียกค่าไถ่ และฟอกเงิน หนีกบดานไทย”

ก่อนการจับกุมครั้งนี้ สตม.ได้รับการประสานงานจากหน่วยงานความมั่นคง ว่ามีบุคคลสัญชาติอินเดีย มีพฤติกรรม เป็นอาชญากรก่อคดีเกี่ยวกับการปล้นฆ่า สังหารบุคคลอื่น ซ้อมทรมาน ยาเสพติด ลักพาตัวเรียกค่าไถ่ ค้ามนุษย์ ตลอดจนความผิดเกี่ยวกับการฟอกเงิน โดยทางการอินเดียได้มีการออกหมายจับและยื่นความจำนงต่อตำรวจสากลให้บุคคลดังกล่าวซึ่งก็คือ นายฮาร์มาน (ขอสงวนสกุล) อายุ 29 ปี  สัญชาติอินเดีย เป็นบุคคลที่ตำรวจสากลต้องการตัว หรือมีหมายแดง (Red Notice)

เมื่อทราบข้อมูลชุดสืบสวนได้ทำการตรวจสอบข้อมูลในเบื้องต้นก็ทราบว่านายฮาร์มานฯ ได้เดินทางเข้าประเทศไทยเมื่อเดือนมิถุนายน 2562 อยู่ในราชอาณาจักรด้วยเหตุผลทางธุรกิจ โดยข้อมูลในระบบระบุวันหมดอายุเมื่อวันที่ 30 ต.ค. 62 และมีข้อมูลว่าพักอาศัยอยู่ในเขตเมืองพัทยา จ.ชลบุรี ซึ่งได้สืบสวนต่อจนทราบว่านายฮาร์มานฯ ได้พักอาศัยอยู่ละละแวกพัทยาเหนือจึงได้เฝ้าติดตาม จนกระทั่งได้พบนายฮาร์มานฯ บริเวณหน้าเซเว่นริมถนนพัทยาเหนือ เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สส.บก.ตม.3 ได้แสดงตัวและข้อตรวจสอบก็พบว่า อยู่เกินในราชอาณาจักรจริง จึงได้แจ้งข้อกล่าวหาให้ทราบว่า “ เป็นคนต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด (จำนวน 448 วัน) ” นำส่ง พงส.กก.สส.บก.ตม.3 ดำเนินคดีต่อไป

2.“ทลายเครือข่ายแรงงานข้ามชาติ จับคนขน ขยายผลตัวสั่งการ และเข้าจับให้ที่พักพิง”

เจ้าหน้าที่ ตม.จว.ประจวบคีรีขันธ์ ได้บูรณาการกำลังออกตรวจพื้นที่รับผิดชอบ เมื่อมาถึงบริเวณแยกสิบศพ ต.เกาหลัก อ.เมือง จ.ประจวบคีรีขันธ์ ปรากฏว่าพบรถกระบะคันหนึ่ง หยุดอยู่ที่แยกแต่เมื่อพบเห็นเจ้าหน้าที่ก็ได้ขับรถพุ่งออกจากแยกด้วยความเร็วน่าสงสัย ชุดจับกุมจึงได้ติดตามรถคันดังกล่าวไปและแจ้งให้จุดสกัดสามร้อยยอดดำเนินการสกัดจับเอาไว้ ซึ่งได้ตรวจพบว่ารถยนต์กระบะคันดังกล่าว มีนายยียี (สงวนสกุล) สัญชาติเมียนมา อายุ 35 ปี เป็นผู้ขับ มีนายอ่าว (สงวนสกุล) นั่งโดยสารข้าง ๆ และมีผู้โดยสารเป็นคนต่างด้าว สัญชาติเมียนมา อีก 14 คน ซักถามได้ข้อมูลว่าบุคคลต่างด้าว 14 คน หลบหนีเข้าเมืองผ่านช่องทางธรรมชาติมีนายยียี และนายอ่าว ได้ขับรถมารับ ส่วนนายยียีและนายอ่าวรับตรงกันว่าได้รับการติดต่อจากนายเม ให้มารับบุคคลต่างด้าวจำนวน 14 คนดังกล่าว จึงจับกุมตัวนายยียี นายอ่าว และบุคคลต่างด้าวอีก 14 ราย พร้อมกับยึดรถยนต์กระบะและโทรศัพท์ของกลางนำส่งเพื่อดำเนินคดี

ในการนี้ได้แจ้งข้อกล่าวหา นายยียีและนายอ่าวแจ้งว่า “ร่วมกันช่วยเหลือซ่อนเร้นหรือช่วยเหลือด้วยประการใด ๆ แก่บุคคลต่างด้าวที่หลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายให้พ้นจากการจับกุม”  บุคคลดต่างด้าวอีก 14 คน แจ้งว่า “เป็นคนต่างด้าวเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต” เหตุเกิดที่ ริมถนนเพชรเกษม หมู่ 5 ต.ไร่เก่า อ.สามร้อยยอด จ.ประจวบคีรีขันธ์ เมื่อวันที่ 29 ม.ค.65 เวลาประมาณ 04.30 น.

ของกลาง

1.รถยนต์กระบะ ยี่ห้อ อีซูสุ สีขาว ทะเบียนจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ จำนวน 1 คัน

2. โทรศัพท์มือถือ จำนวน 3 เครื่อง

จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ขยายผลสืบสวนทราบภายหลังว่านายเมฯ คือ นาย AUNG (สงวนสกุล) หรือโกเม  อายุ 45 ปี พักอาศัยละแวกอำเภอปราณบุรี จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานและประสานกับร้อยเวรสอบสวน สภ.สามร้อยยอด จนศาลจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ออกหมายจับที่ 50/65 ลงวันที่ 3 ก.พ.65 และ สภ.สามร้อยยอดได้ดำเนินการจับกุมตัวนาย AUNGฯ ได้ในวันเดียวกัน โดยกล่าวหาว่า “ร่วมกันช่วยเหลือซ่อนเร้นหรือช่วยเหลือด้วยประการใด ๆ แก่บุคคลต่างด้าวที่หลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายให้พ้นจากการจับกุม”

จากรวบรวมข้อมูลเครือข่ายพบว่าการจับกุมหลายครั้งมีความเกี่ยวพันกับขบวนการดังกล่าว ในกรณีนี้นายเม จะเป็นผู้ประสานงานให้คนในเครือข่ายจากกรุงเทพฯ, สมุทรสาคร หรือปทุมธานีเดินทางมารับช่วงต่อซึ่งได้ขยายผลจนทราบว่าหลังจากรับคนที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์แล้วจะส่งต่อไปยังจุดพักคอยซึ่งเป็นบ้านหลังหนึ่งย่านตำบลคลองสาม อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี

เมื่อทราบแล้วจึงได้เข้าไปเฝ้าสังเกตการณ์ก็พบว่าบ้านดังกล่าวมีลักษณะเป็นทาวน์เฮ้า 2 ชั้น มีรถหลายคันขับเข้ามาสถานที่ดังกล่าวและส่งคนลง 2-5 คนต่อครั้ง ซึ่งเฝ้าสังเกตการณ์พบว่าในเวลาต่อมามีรถตู้สีทองเดินทางเข้ามาสถานที่ดังกล่าวและนำคนขึ้นโดยสารรถหลายคน ซึ่งเชื่อว่าจะมีการขนย้ายเพื่อไปยังสถานที่อื่นจึงได้เข้าไปแสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่เพื่อขอตรวจสอบ ผลการตรวจสอบพบ บุคคลต่างด้าว สัญชาติเมียนมา จำนวน 17 คน และคนไทย 1 คน เป็นผู้ขับรถตู้ ทราบชื่อภายหลังว่าคือนาย สมบัติ (ขอสงวนสกุล) อายุ 44 ปี ซักถามบุคคลต่างด้าวพบว่า นางสาวMI (สงวนสกุล) หนึ่งในคนต่างด้าวเป็นเจ้าของสถานที่พักดังกล่าวและเป็นผู้ติดต่อประสานงานพาบุคคลต่างด้าวทั้งหมดเข้ามาพักยังบ้านหลังดังกล่าวและเป็นผู้ติดต่อประสานงานให้นายสมบัติฯ นำรถมารับ จึงได้จับกุมตัวบุคคลที่เกี่ยวข้องพร้อมกับยึดของกลางนำส่งร้อยเวรสอบสวน สภ.คลองหลวง เพื่อดำเนินคดีต่อไป แจ้งข้อกล่าวหาว่า

1.คนต่างด้าว 16 ราย “เป็นคนต่างด้าวเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต”

2.นายสมบัติฯและนางสาว MI “ร่วมกันช่วยเหลือซ่อนเร้นหรือช่วยเหลือด้วยประการใด ๆ แก่บุคคลต่างด้าวที่หลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายให้พ้นจากการจับกุม”

ของกลาง 

1.รถตู้โดยสารส่วนบุคคล สีทอง ทะเบียนจังหวัดกรุงเทพฯ จำนวน 1 คัน

2. โทรศัพท์มือถือ จำนวน 5 เครื่อง

สถานที่ วันเวลา จับกุม บ้านทาวน์เฮ้า 2 ชั้น ต.คลองสาม อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี เมื่อวันที่ 16 ก.พ. 2565 เวลาประมาณ 12.28 น.

จากการซักถามผู้ต้องหาให้การสอดคล้องกันว่า หลบหนีเข้ามาในประเทศไทย ผ่านชายแดนช่องทางธรรมชาติ ปลายทางเพื่อหางานที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล ก่อนถูกจับกุมได้มาพักคอยที่บริเวณที่เกิดเหตุเพื่อรอติดต่อว่าจะได้ไปทำงานที่ใด ส่วนนางสาว MI ให้การรับสารภาพว่าเป็นผู้ติดต่อประสานงานกับนายหน้าคนอื่น ๆ เพื่อนำคนต่างด้าวส่งไปลักลอบทำงานยังสถานที่ต่าง ๆ ซึ่งจะมีการขยายผลดำเนินคดีกับผู้ที่เกี่ยวข้องต่อไป

 

ทหารพรานที่ 2107 รวบผู้ต้องหา พร้อมของกลางไม้พะยูงแปรรูป 60 ท่อน เตรียมขนข้ามชายแดน!!

พันเอก อุทัย นิลเนตร ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 21 กองกำลังสุรศักดิ์มนตรี ได้รับแจ้งจากแหล่งข่าวในพื้นที่ว่าจะมีการลักลอบขนไม้พะยูงผ่านเส้นทางพื้นที่ ต.โคกกว้าง อ.บุ่งคล้า จ.บึงกาฬ เพื่อนำส่งขาย สปป.ลาว  จึงสั่งการให้ ร.ท.วิทยากร  ศักดิ์ดาเดช ผบ.ร้อย.ทพ.2107 จัด ชป.คทร (หน่วยงานหลัก) ร่วมบูรณาการกับหน่วยงานฝ่ายความมั่นคงในพื้นที่ ตั้งจุดตรวจ/จุดสกัด เส้นทางเข้าหมู่ บ.หาดแห่ ม.3 ต.โคกกว้าง อ.บุ่งคล้าฯ ตามภาพข่าวที่ได้รับแจ้ง ครั้นเวลา 12.20 น.

ขณะชุด จนท.ปฏิบัติงาน พบรถยนต์กระบะตอนเดียวลักษณะตู้ปิดทึบ ยี่ห้อมิตซูบิซิ สีขาว หมายเลขทะเบียน ผอ 5095 ขอนแก่น วิ่งมาจาก ต.ชัยพรฯ (หมายเลข 212) แล้วเลี้ยวซ้ายมุ่งหน้าเข้ามายังจุดตรวจ/จุดสกัด มีลักษณะท่าทางพิรุธ ชุด จนท. จึงได้แสดงตัว และขอทำการตรวจสอบ นายวินิจ  หรือนิจ บุตรจันทร์ พลขับรถ (ทราบชื่อ-สกุลจริงภายหลัง)

นรข. เข้ม!! ตามแนวชายแดนนครพนม ยึดยาบ้ากว่า 6 แสนเม็ด ไอช์ 45 กรัม และกัญชา 690 แท่ง

บริเวณหน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขง จังหวัดนครพนม นายชวนินทร์ วงศ์สถิตจิรกาล รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม พร้อมด้วย พลเรือตรี สมบัติ จูถนอม ผู้บัญชาการหน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขง พันตำรวจเอก สมศักดิ์ ตระการไพโรจน์ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครพนม พันตำรวจเอกหญิง จิรนันท์ ธนะสิงห์ ผู้กำกับพิสูจน์หลักฐานจังหวัดนครพนมและเจ้าหน้าที่หน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่ร่วมกันแถลงข่าวผลการดำเนินงานที่ได้มีการบูรณาการความร่วมมือเพื่อเฝ้าระวัง ป้องกัน และปราบปรามยาเสพติดในพื้นที่ ภายใต้แผนยุทธการฟ้าสางที่ฝั่งโขง ประจำปี 2565 จนนำไปสู่การตรวจยึดยาบ้า จำนวน 638,000 เม็ด ยาไอช์ 45 กรัม และกัญชาอัดแท่ง 3 แท่ง/กิโลกรัม ที่อำเภอท่าอุเทน และกัญชาอัดแท่ง จำนวน 690 แท่ง/กิโลกรัม ที่อำเภอธาตุพนม

โดยเหตุการณ์ตรวจยึดยาบ้า เป็นการดำเนินงานที่หน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขง ได้รับแจ้งจากชาวบ้านในพื้นที่ว่าจะมีการลักลอบลำเลียงยาเสพติดเข้ามาในพื้นที่บริเวณบ้านหาดทรายเพ ตำบลหนองเทา อำเภอท่าอุเทน จึงได้มีการตรวจสอบข่าวพร้อมจัดชุดลาดตระเวนทางบกเข้าทำการตรวจสอบพื้นที่ กระทั่งเวลา 18.30 น. พบเห็นชาย 1 คนอยู่บริเวณถนนริมเขื่อนท่าทางมีพิรุธ เมื่อเห็นเจ้าหน้าที่ในระยะไกลก็ได้วิ่งหลบหนีลงไปที่เรือกีบแล้วติดเครื่องยนต์แล่นข้ามไปยังฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน

เจ้าหน้าที่จึงได้เข้าตรวจสอบบริเวณดังกล่าวพบกระสอบวางอยู่ริมเขื่อนจำนวน 2 กระสอบ ภายในเป็นยาบ้าจำนวน  638,000 เม็ด ยาไอซ์ จำนวน 45 กรัม และกัญชาอัดแท่ง 3 แท่ง/กิโลกรัม จึงได้ทำบันทึกตรวจยึดไว้เป็นหลักฐานพร้อมนำของกลางทั้งหมดส่งพนักงานสอบสวน สภ.ท่าอุเทนเพื่อดำเนินการตามกฎหมาย

ขณะที่เหตุการณ์ตรวจยึดกัญชาที่อำเภอธาตุพนมเป็นการดำเนินงานของหน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำน้ำโขงที่ได้บูรณาการประสานข้อมูลด้านการข่าวกับหน่วยงานความมั่นคง และได้จัดกำลังพลติดตามความเคลื่อนไหวของกลุ่มขบวนการลักลอบลำเลียงยาเสพติดในพื้นที่ กระทั่งเวลา  20.55 น. ได้มีการตรวจพบเรือกีบต้องสงสัย จำนวน 1 ลำ ดับเครื่องลอยไหลมาตามกระแสน้ำทางทิศเหนือและเข้าเทียบฝั่งไทย ที่บริเวณหาดแห่ บ้านน้ำก่ำ ตำบลน้ำก่ำ อำเภอธาตุพนม ซึ่งห่างจากจุดซุ่มประมาณ 800 เมตร เมื่อเห็นดังนั้นเจ้าหน้าที่ได้พยายามเข้ากระชับพื้นที่ แต่เมื่อใกล้ถึงกับพบว่ากลุ่มบุคคลที่มากับเรือกีบ 3-4 คน ได้วิ่งออกจากป่าแล้วรีบขึ้นเรือกีบขับหายไปในความมืดด้วยความชำนาญทันที เมื่อไม่อาจติดตามได้ทัน เจ้าหน้าที่จึงได้วางกำลังซุ่มตามจุดต่าง ๆ บริเวณโดยรอบพื้นที่ที่คาดว่ากลุ่มบุคคลดังกล่าวได้ทิ้งวัตถุต้องสงสัยเอาไว้


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top