Sunday, 8 June 2025
เซาท์ไทม์

ยะลา - ฉีดวัคซีนเข็มที่ 2 แก่บุคลากรด่านหน้า ทั้ง AstraZeneca และ Sinovac ไร้อาการข้างเคียง

ฉีดวัคซีนโควิด-19 ให้ บุคลากรทางการแพทย์ ข้าราชการ เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานด่านหน้า อสม. ผู้นำชุมชน ที่มีความเสี่ยงมีทั้ง AstraZeneca และ Sinovac ไร้อาการข้างเคียง

เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2564 ที่ ห้องประชุมภู่พัฒน์ โรงพยาบาลเบตง  จังหวัดยะลา นายแพทย์สวรรค์ กาญจนะ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลเบตง มาคอยให้บริการแก่บุคลากรด่านหน้า ทั้ง บุคลากรทางการแพทย์  ข้าราชการตำรวจ ทหาร  เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานด่านหน้า อสม. ผู้นำชุมชน ที่มีความเสี่ยงในการให้บริการแก่ประชาชนมารับวัคซีนซิโนแวค เข็มที่ 2

บรรยากาศเป็นไปด้วยความเป็นระเบียบเรียบร้อย มีป้ายบอกจุดให้บริการอย่างชัดเจน มีเก้าอี้เว้นระยะห่าง มีน้ำดื่มให้บริการ และมีเจ้าหน้าที่มาคอยให้คำแนะนำทุกจุด ทำให้การฉีดวัคซีนเป็นไปด้วยความเรียบร้อย โดยมี นายเอก ยังอภัย ณ สงขลา นายอำเภอเบตง มาเยี่ยมให้กำลังใจบุลากรและผู้เข้ารับการฉีดวัคซีนซิโนแวคเข็มที่ 2 ด้วย

นพ.สวรรค์ กาญจนะ ผอ.รพ.เบตง เปิดเผยว่า วันนี้ตั้งแต่เช้าประชาชนทยอยมาฉีดกันอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่เริ่มฉีดวัคซีนมาภายในอาทิตย์นี้ คาดว่าจะฉีดวัคซีนได้ 1,997 คน เป็น AstraZeneca  1,523 คน  Sinovac 475 คน สำหรับวันนี้ เป้าหมายตั้งไว้ 413 คน โดยมีกลุ่มเป้าหมาย ผู้มีโรคประจำตัว 7 กลุ่ม และกลุ่มผู้สูงอายุเกิน 60 ปีขึ้นไป ซึ่งขณะนี้มีผู้ป่วยโควิด-19 นอนักรักษาตัวอยู่ใน รพ.อยู่ 36 คน ซึ่งทั้งหมด มีอาหารดีขึ้นตามลำดับ และปลอดภัยดี ขณะเดียวกันได้ลงพื้นที่หาผู้ป่วยกลุ่มเสี่ยงใน หมู่บ้านอัยเยอร์เวงไปแล้วทั้งหมด 751 คน ทั้งผู้ป่วยเสี่ยงสูงและความเสี่ยงต่ำ พบทั้งสิ้น 34 รายและได้นำมารักษาพยาบาลที่ รพ เบตงทุกราย เพื่อชาวเบตงปลอดภัยมีภูมิคุ้มกันหมู่ นพ.สวรรค์ กาญจนะ ผอ.รพ.เบตง กล่าว

สำหรับวันนี้ฉีดวัคซีน AstraZeneca และ Sinovac แก่บุคลากรทางการแพทย์ เจ้าหน้าที่ อสม. ผู้นำชุมชน ที่ปฏิบัติงานด่านหน้าในพื้นที่ อำเภอเบตง เข็มที่ 2 จำนวน 413 คน และกลุ่มบุคคล อายุ 60 ปีขึ้นไป และกลุ่มผู้มีโรคประจำตัว 7 โรคเรื้อรัง สำหรับผู้ที่จองลงทะเบียนผ่าน Line และ App หมอพร้อม และมีการลงนัดเรียบร้อยแล้วจะได้รับการฉีดวัคซีนเป็นชุดแรกตามนโยบายของรัฐบาล และตามคิวการจอง เพื่อให้ได้รับการฉีดวัคซีนเร็วขึ้น

ส่วนผู้ที่จองลงทะเบียนผ่านช่องทางอื่น ๆ จะได้รับนัดกำหนดฉีดวัคซีนเป็นลำดับถัดไป ซึ่งทางทีมสาธารณสุขฯ จะติดต่อแจ้งให้ทราบเป็นลำดับต่อไป หากผู้ที่จองลงทะเบียนผ่าน Line และ App หมอพร้อม แล้วระบบแจ้งยกเลิกนั้น ไม่ต้องไปจองลงทะเบียนใหม่ เพราะข้อมูลของท่านอยู่ที่ทีมสาธารณสุขฯ แล้ว ขอให้รอการรับแจ้งนัดจากทีมสาธารณสุขฯ เพื่อเข้ารับการฉีดวัดซีนในรอบต่อไป


ภาพ/ข่าว  ธานินทร์  โพธิทัพพะ / ปื๊ด เบตง

กระบี่ - เกษตรกระบี่ ลุยตรวจสวนทุเรียน ห้ามตัดทุเรียนอ่อนขาย คาดโทษหนัก จำ-ปรับ

วันที่ 15 มิ.ย.64 นายชูศักดิ์ วณิชวัฒนกุล หัวหน้ากลุ่มส่งเสริมและพัฒนาการผลิตสำนักงานเกษตรจังหวัดกระบี่ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจสอบการตัดทุเรียนพันธุ์หมอนทอง ของเกษตรกรในพื้นที่ ต.เขาเขน และปลายพระยา จ.กระบี่ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีการปลูกทุเรียนพันธุ์หมอนทอง มากที่สุดของจังหวัด เพื่อแนะนำและให้ความรู้แก่ชาวสวนทุเรียน ในการตัดทุเรียนคุณภาพออกขาย หลังพบว่าชาวสวนทุเรียนเริ่มทะยอยตัดผลทุเรียนออกจำหน่าย เบื้องต้นยังไม่พบผู้กระทำผิด

นายชูศักดิ์ วณิชวัฒนกุล หัวหน้ากลุ่มส่งเสริมและพัฒนาการผลิตสำนักงานเกษตรจังหวัดกระบี่ กล่าวว่า ในช่วงนี้จนถึงเดือน ก.ย.จะเป็นช่วงที่ทุเรียนของ จ.กระบี่ ออกสู่ตลาด ประกอบกับกรมส่งเสริการเกษตร ได้สั่งคุมเข้มเรื่องคุณภาพมาตรฐานของทุเรียน ห้ามมีการนำทุเรียนอ่อนมาจำหน่ายโดยเด็ดขาด เนื่องจากชาวสวนบางคน เร่งตัดทุเรียนอ่อนออกขาย เพื่อหวังทำกำไร ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อราคาทุเรียนทั้งในและต่างประเทศ เกิดภาพลักษณ์ที่ไม่ดีต่อทุเรียนไทยในสายตาผู้บริโภค และอาจส่งผลทำให้เกษตรกรได้รับความเดือดร้อนเมื่อถูกกดราคาจากผู้รับซื้อ

สำหรับในพื้นที่ อ.ปลายพระยา จ.กระบี่ เป็นพื้นที่ที่มีการปลูกทุเรียนมากที่สุดอยู่ในพื้นที่ ต.เขาเขน และต.ปลายพระยา มีเนื้อที่ปลูกกว่า 1,600 กว่าไร่ ให้ผลผลิต แล้ว 816 ไร่ จำนวน 398 ตัน มูลค่า กว่า 50 ล้านบาทในส่วนผลผลิตทุเรียนทั้งจังหวัดในพื้นที่จังหวัดกระบี่ มีไม่ต่ำกว่า 1,457 ตัน ให้ผลผลิตแล้ว 3,269ไร่ จากพื้นที่ปลูกทั้งหมด 4,978 ไร่ สำหรับราคาจำหน่ายคาดว่าจะใกล้เคียงกับปี 2563 โดยราคาขายส่งอยู่ที่กิโลกรัมละ 120 – 140 บาท ซึ่งประเทศจีนยังเป็นตลาดส่งออกหลัก มีปริมาณความต้องการมาก คาดว่าจะมีเงินหมุนเวียนราว 204 ล้านบาทเศษ

ขอฝากไปยังผู้บริโภคหากพบเห็นการซื้อขายทุเรียนอ่อนด้อยคุณภาพ สามารถแจ้งความดำเนินคดีได้ที่สถานีตำรวจในพื้นที่ หรือศูนย์ดำรงธรรมแต่ละจังหวัด ซึ่งจะมีบทลงโทษผู้กระทำผิด จำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 6,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และพ.ร.บ. คุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ. 2522 โทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือนหรือปรับไม่เกิน 50,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ขณะที่นายสมสมเกียรติ โกฎิกุล อ.58 ปี ประธานแปลงทุเรียน อ.ปลายพระยา กล่าวว่า การตัดทุเรียนอ่อนไปขายเหมือนกับตัดไปทิ้ง เชื่อว่าชาวสวนไม่ทำอย่างแน่นอน แต่ปัญหาที่พบทุเรียนอ่อนขายอยู่ตามท้องตลาด เกิดจากพ่อค้าคนกลางมารับซื้อแล้วฝืนตัดทุเรียนไป เพื่อให้ได้ตามใบสั่ง โดยไม่คำนึงถึงคุณภาพ เมื่อมีการเข้มงวดทำให้ทุเรียนอ่อนไม่สามารถส่งออกได้ ถูกคัดแยกออกมาจำหน่ายอยู่ตามท้องตลาด และเป็นปัญหาอยู่ในขณะนี้ แต่เชื่อว่าจากมาตรการที่เข้มงวดของรัฐก็จะทำให้ปัญหาเหล่านี้หมดไป


ภาพ/ข่าว  ณัฏฐพงษ์ ศรีปล้อง

สตูล - มอบถุงยังชีพเครื่องอุปโภค - บริโภค ช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ในพื้นที่ขององค์การบริหารส่วนตำบลตำมะลัง กว่า 600 ครัวเรือน

นายเอกรัฐ หลีเส็น ผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล พร้อมด้วยนายสัมฤทธิ์ เลียงประสิทธิ์ นายก อบจ.สตูล นายยาลา ใบกาเด็ม นายอำเภอเมืองสตูล พันจ่าเอกสาคร สิทธิศักดิ์ ท้องถิ่นจังหวัดสตูล นายชัยนันท์ หลงสาม๊ะ นายก อบต.ตำมะลัง ร่วมมอบถุงยังชีพเครื่องอุปโภค - บริโภค เพื่อการดำรงชีพต่อครอบครัวที่ได้รับความเดือดร้อน หรือได้รับผลกระทบจากมาตรการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่มัสยิดบ้านตำมะลังใต้ และบ้านตำมะลังเหนือ ต.ตำมะลัง อ.เมืองสตูล รวม 673 ครัวเรือน โดยบรรยากาศมีประชาชนมารอรับถุงยังชีพจำนวนมาก ซึ่งด้านหน้ามีการตรวจวัดไข้ ล้างมือด้วยแอลกอฮอล์ มีการจัดให้ประชาชนมารอรับถุงยังชีพนั่งกันอย่างเป็นระเบียบตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรค โควิด-19 อย่างเคร่งครัด

นายเอกรัฐ หลีเส็น ผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล กล่าวพบปะประชาชนที่เข้ารับมอบถุงยังชีพในครั้งนี้ ว่า การมอบถุงยังชีพฯในครั้งนี้เป็นความห่วงใยประชาชนในสถานการณ์โควิด -19 เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในประเทศและจังหวัดสตูล พบจำนวนผู้ติดเชื้อสะสมและผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จังหวัดสตูลโดยคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด ได้มีคำสั่งให้ปิดสถานที่และห้ามดำเนินกิจกรรมที่เสี่ยงต่อการแพร่ระบาดโรคติดต่อ ส่งผลให้ประชาชนที่มีรายได้น้อยได้รับความเดือดร้อน และประสบภาวะยากลำบากในการดำรงชีพ

โดยมติของ ศบค.จังหวัดสตูล ได้ให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นพิจารณาให้ความช่วยเหลือประชาชนอย่างเต็มที่ ดังนั้น ทางองค์การบริหารส่วนตำบลตำมะลัง ได้ประสานคณะกรรมการชุมชน จัดเก็บข้อมูลและรับรองรายชื่อผู้ประสบปัญหาที่ได้รับผลกระทบรวม 673 ครอบครัว ซึ่งแบ่งเป็นถุงยังชีพที่ได้รับการสนับสนุนจากองค์การบริหารส่วนจังหวัดสตูล จำนวน 336 ชุด และองค์การบริหารส่วนตำบลตำมะลังสนันสนุนอีกจำนวน 337 ชุด ภายในถุงยังชีพประกอบด้วย ข้าวสาร ขนาด 5 กก. จำนวน 1 ถุง , ปลากระป๋อง จำนวน 6 กระป๋อง , น้ำปลา ขนาด 700 ซีซี จำนวน 2 ขวด , น้ำมัน ขนาด 1,000 ซีซี จำนวน 2 ขวด , น้ำตาลทราย ขนาด 1 กก. จำนวน 1 ถุง , และมาม่าอีกจำนวนหนึ่ง เพื่อเป็นการบรรเทาทุกข์ให้กับประชาชนในเบื้องต้น


ภาพ/ข่าว  นิตยา แสงมณี ผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดสตูล / ปชส.สตูล

พังงา – เกิน 100 แล้ว !! คลัสเตอร์แพปลาคุระบุรียังน่าห่วง เตรียมย้ายผู้ป่วยเข้าโรงพยาบาลสนาม และจัดตั้งโรงพยาบาลสนามเพิ่มยอดผู้ป่วยรวม 102 ราย

เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 14 มิถุนายน 2564 นายจำเริญ ทิพญพงศ์ธาดา ผู้ว่าราชการจังหวัดพังงา พร้อมด้วย น.อ.อภิชาติ วรรณอมร รอง ผอ.กอ.รมน.พังงา นายชาติชาย กิติยานันท์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดพังงา นำเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่โรงเรียนอนุบาลบ้านเด็ก ซึ่งได้จัดตั้งเป็นโรงพยาบาลสนามรองรับผู้ป่วยโควิด-19 ในคลัสเตอร์แพปลาคุระบุรี ที่พบผู้ป่วยรายใหม่เพิ่มขึ้นทุกวัน โดยจะย้ายผู้ป่วยที่ไม่แสดงอาการหรือแสดงอาการเล็กน้อย เข้ามารักษาตัวที่โรงพยาบาลสนาม ซึ่งจะทำการย้ายผู้ป่วยชุดแรกเป็นแรงงานต่างด้าวในกิจการประมงรวม 18 ราย ในช่วงบ่ายวันพรุ่งนี้ ขณะที่ เจ้าหน้าที่สาธารณสุขได้ลงพื้นที่ตรวจหาเชื้อโควิด-19 เชิงรุก แบบ Rapid Antigen Test ให้กับประชาชนทุกคนในเขตพื้นที่บ้านหินลาด หมู่ 3 ตำบลคุระ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป พร้อมกันนี้ได้เข้าดูสถานที่เตรียมจัดตั้งโรงพยาบาลสนามเพิ่มเติมที่โรงเรียนโชคอำนวยและโรงเรียนบ้านกลางประชาสรรค์ซึ่งเป็นโรงเรียนที่ถุกยุบแล้วไม่มีการใช้ประโยชน์

นายจำเริญ ทิพญพงศ์ธาดา กล่าวว่า จากสถานการณ์ผู้ป่วยโควิด-19 ในคลัสเตอร์แพปลาคุระบุรี ได้ส่งสัญญานที่ไม่ดี ในการแพร่ระบาดที่มีเป็นจำนวนมากทั้งกลุ่มลูกเรือและกลุ่มแรงงานบนแพปลา ซึ่งจากการตรวจเชิงรุกยังพบผู้ป่วยอย่างต่อเนื่อง ทางจังหวัดพังงาจึงต้องจัดเตรียมโรงพยาบาลสนามเพิ่มเติม เพื่อรองรับกับจำนวนผู้ป่วยรายใหม่ที่พบทุกวัน ทำให้ทางโรงพยาบาลปกติไม่สามารถรองรับได้ เพราะผู้ติดเชื้อส่วนใหญ่จะไม่แสดงอาการหรือมีอาการเล็กน้อยเท่านั้น สำหรับพี่น้องประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ใกล้โรงพยาบาลสนามก็ไม่ต้องเป็นห่วงเพราะมีระบบการรักษาความปลอดภัยเป็นอย่างดีโดยเจ้าหน้าที่ทหารและเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง พร้อมกันนี้ทางสาธารณสุขจังหวัดพังงาก็ได้วางระบบการจัดการป้องกันเชื้อโควิด-19 ไว้เป็นอย่างดี

ขณะที่สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 วันนี้พบผู้ป่วยใหม่ 5 ราย เป็นแรงงานต่างด้าว 4 ราย ชายไทย 1 ราย อยู่ในคลัสเตอร์แพปลาคุระบุรี ทำให้ยอดผู้ป่วยสะสมในคลัสเตอร์นี้รวม 33 ราย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นแรงงานต่างด้าวในกิจการประมง ส่วนยอดผู้ป่วยสะสมในระลอกใหม่ของจังหวัดพังงารวม 102 ราย  


ภาพ/ข่าว  อโนทัย งานดี

สงขลา - แม่ทัพภาคที่ 4 เปิดกิจกรรม "น้ำคือชีวิต (วันคลองภูมี)" ตามโครงการ สร้างจิตสำนึก เพื่ออนุรักษ์ทรัพยากรน้ำ คืนความอุดมสมบูรณ์ อีกครั้ง

ที่ หาดปากบางภูมี ตำบลรัตภูมิ อำเภอควนเนียง จังหวัดสงขลา พลโท เกรียงไกร ศรีรักษ์ แม่ทัพภาคที่ 4 /ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4  บินสำรวจตรวจคลองภูมี พร้อมเป็นประธานเปิดกิจกรรม “น้ำคือชีวิต (วันคลองภูมี)” ตามโครงการ สร้างจิตสำนึก เพื่ออนุรักษ์ทรัพยากรน้ำ เพื่อเป็นการสร้างจิตสำนึกของประชาชนให้ตระหนักถึงสภาวะการเปลี่ยนแปลงสภาพของคลองภูมี ภายหลังถูกขบวนการดูดทรายเถื่อนลักลอบทำลายอย่างหนักในห้วงที่ผ่านมา นอกจากนี้ยังได้ร่วมปล่อยกุ้ง ปล่อยปลาลงสู่คลองภูมี พร้อมกับ ผู้นำท้องที่ ผู้นำท้องถิ่น และพี่น้องประชาชน

โดยแม่ทัพภาคที่ 4 ได้กล่าวชื่นชมกิจกรรมในวันนี้ ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่มีความสำคัญต่อพี่น้องประชาชนในพื้นที่เป็นอย่างมาก ที่ผ่านมาจะเห็นได้ว่าปัญหาความเสื่อมโทรมของทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อมที่เกิดขึ้นในประเทศไทย ทั้งทรัพยากรดิน น้ำ ป่า ความหลากหลายทางชีวภาพ และอื่น ๆ ซึ่งความเสื่อมโทรมส่วนใหญ่เกิดขึ้นจากกิจกรรมของมนุษย์ โดยคลองภูมีเปรียบเสมือนเส้นเลือดหลักในการดำรงชีพของประชาชนในพื้นที่ เป็นแหล่งน้ำสำหรับอุปโภค บริโภค แหล่งอาศัย และที่ทำกิน แต่ในปัจจุบันปัญหาการรุกล้ำพื้นที่คลองภูมี ส่งผลให้ทรัพยากรน้ำเกิดปัญหามากมาย  ขอขอบคุณภาคส่วนต่าง ๆ ในพื้นที่ ที่ได้ร่วมรณรงค์ ให้ประชาชนในพื้นที่ร่วมกันอนุรักษ์คลองภูมี สร้างเสริมองค์ความรู้ และจิตสำนึกของประชาชนให้ตระหนักถึงสภาวะการเปลี่ยนแปลงสภาพของแม่น้ำลำคลอง ให้เกิดความรัก และหวงแหนมากยิ่งขึ้น และขอเป็นกำลังใจให้ทุกภาคส่วนได้ร่วมมือกันอย่างจริงจัง เอาชนะปัญหาต่าง ๆ ไปได้ ซึ่งหากเราร่วมมือสมัครสมาน สามัคคีกันก็จะสามารถแก้ไขปัญหาดังกล่าว ให้คลองภูมีแห่งนี้ที่เป็นเส้นเลือดหลักในการดำรงชีวิตของประชาชนพื้นที่ต่อไป ทางกองทัพบกพร้อมจะเป็นส่วนหนึ่งในการดูแล และช่วยเหลืออย่างเต็มกำลังความสามารถ กองทัพบกเป็นของพี่น้องประชาชน เป็นกำลังใจให้กับทุกส่วนที่เกี่ยวข้อง เป็นกำลังใจให้ประชาชนจังหวัดสงขลา เพื่อให้คลองภูมีกลับคืนสู่ความอุดมสมบูรณ์อีกครั้ง

ทั้งนี้ องค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา มีภารกิจในการจัดการทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม โดยมีแนวทางการพัฒนา เพื่อสร้างจิตสำนึกให้ประชาชนมีส่วนร่วม อนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืน ทั้งด้าน ทรัพยากรป่าไม้ ด้านทรัพยากรน้ำ และทรัพยากรทางทะเล พร้อมทั้งส่งเสริมสนับสนุนให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการอนุรักษ์ ฟื้นฟู หวงแหนทรัพยากรธรรมชาติที่มีอยู่ ตลอดจนเฝ้าระวังการทำลาย สิ่งแวดล้อมต่าง ๆ การจัดกิจกรรมในครั้งนี้ ได้มีการกำหนดให้ปล่อยพันธุ์ สัตว์น้ำ กุ้งก้ามกราม จำนวน 3 ล้านตัว ลงสู่คลองภูมี เพื่อสร้างระบบนิเวศที่ยั่งยืนและเป็นการ เพิ่มขยายพันธุ์สัตว์น้ำลงสู่คลองภูมี และทะเลสาบสงขลาต่อไป


ภาพ/ข่าว  นายปรีชา สถิตย์เรืองศักดิ์  

นราธิวาส - เลี้ยงจิ้งหรีด 1 เดียวในนราธิวาส สู้ชีวิตเพราะพิษโรค เป็นรายได้เสริมช่วงโควิดระบาด

สำหรับเรื่องราวดังกล่าวเราพาท่านไปยังบ้านเลขที่ 70/1 ม.3 ต.ปูโยะ อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส ซึ่งเป็นบ้านชั้นเดียวยกสูง ที่ปลูกอยู่ใจกลางของสวนยางพารา ซึ่งเราจะพบเห็นกรง 4 เหลี่ยม ที่สร้างด้วยโครงไม้และมีกระเบื้องแผ่นเรียบกรุโดยรอบทั้ง 4 ด้าน ขนาดความกว้าง 1.50 เมตร. ยาว 3 เมตร สูง 0.80 เมตร และมีผ้าพลาสติกสีฟ้าคลุมทับอีกชั้นหนึ่ง

และเราได้พบกับนายคุณากร อนุพันธ์ อายุ 41 ปี ซึ่งกำลังเดินแบกกระสอบอาหารไก่และเปลือกผลไม้เข้าบ้าน เมื่อสอบถามทราบว่าไปซื้ออาหารกระสอบ และนำเปลือกผลไม้มาให้จิ้งหรีดสายพันธุ์ทองดำที่เลี้ยงไว้ในกรงรับประทาน จึงถือโอกาสสอบถามเรื่องราวต่าง ๆ เกี่ยวกับการเพาะเลี้ยงจิ้งหรีดสายพันธุ์ทองดำขาย ที่ถือว่าเป็นแห่งเดียวของ จ.นราธิวาส

โดยนายคุณากร ได้พาไปชมขั้นตอนต่าง ๆ ที่เพาะเลี้ยงจิ้งหรีดขาย ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องแปลก แท้จริงแล้วจิ้งหรีดเป็นอาหารสุดโปรดของคนภาคอีสาน คนภาคใต้จะไม่คุ้นเคยรับประทานมากนัก โดยปัจจัยสำคัญที่หันมาเพาะเลี้ยงจิ้งหรีดขาย อันเนื่องมาจากผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา หรือ โควิด-19 ซึ่งตนประกอบอาชีพเร่ขายผลไม้กับรถจักรยานยนต์ 3 ล้อ และในช่วงโควิด-19 ระบาด ส่งผลทำให้รายได้ตกต่ำแถมเสี่ยงต่อการติดเชื้อ

จนกระทั่งรัฐบาลมีโครงการช่วยเหลือประชาชน เมื่อตนได้สิทธิ์คนละครึ่ง จึงได้นำเงินก้อนนั้นมาลงทุนซื้อพันธุ์จิ้งหรีดทองดำจาก จ.ศรีสะเกษ ที่เป็นภูมิลำเนาเกิดจากเพื่อนให้ส่งมา และตนเริ่มเพาะเลี้ยงเพราะคิดว่าอาชีพดังกล่าวนี้ไม่มีคนทำ ซึ่งมันท้าทายดีและมีโอกาสได้เปิดตลาดจิ้งหรีด แถมต้นทุนที่ใช้จ่ายก็ไม่มากนัก

ซึ่งการเพาะเลี้ยงจิ้งหรีดก็ไม่ได้ยากมากนัก เพียงแต่อาศัยการเอาใจใส่ เริ่มแรกต้องไปหาซื้อรังไข่ที่ท้องตลาด ซึ่งขายกิโลกรัมละ 5 บาท มาใส่ไว้ในกรงเรียง 1 แถวจนครบทั้ง 4 ด้าน จากนั้นนำพันธุ์จิ้งหรีดที่ใส่ถาดไว้เรียงบนรังไข่ทั้ง 4 ด้าน โดยให้อาหารกระสอบที่ใช้สำหรับเลี้ยงไก่ รวมทั้งใบหม่อนใบกล้วยที่ปลูกข้างบ้าน และเปลือกผลไม้ที่ตนขายผลไม้เป็นประจำอยู่แล้ว มาใส่ให้จิ้งหรีดกินช่วงเช้าและช่วงเย็น เลี้ยงผ่านไปประมาณ 35 ถึง 40 วัน ก็สามารถจับขายได้ โดยขายกิโลกรัมละ 200 บาท แถมส่วนที่เหลือก็จะแปรรูปนำไปทอดปรุงรส และนำมาแพ็คใส่ถุง ขายถุงละ 20 บาท ตระเวนขี่รถจักรยานยนต์ 3 ล้อ ขายคู่กับผลไม้ในพื้นที่ อ.สุไหงโก-ลก และสุไหงปาดี ที่ถือว่าเป็นรายได้เสริมในช่วงการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา หรือ โควิด-19 เป็นอย่างดี

และจากการสอบถามผู้บริโภคครอบครัวหนึ่ง ซึ่งถือว่าเป็นขาประจำสำหรับจิ้งหรีดทอดปรุงรส รายหนึ่ง ที่เด็กน้อยวัยประมาณ 2 ขวบ กำลังรับประทานจิ้งหรีดอย่างเอร็ดอร่อย 3 คนแม่ลูก พบว่า เป็นที่ถูกปากของคนทั้งครอบครัวและหาซื้อมารับประทานยากมาก

ด้านนายคุณากร อนุพันธ์ ผู้เพาะเลี้ยงจิ้งหรีดพันธุ์ทองดำ กล่าวว่า หลังจากได้เกิดเชื้อไวรัสโควิด-19 ระบาด ตนได้เงินจากรัฐโครงการคนละครึ่ง ผมจึงได้เงินส่วนนั้นซื้อพันธุ์จิ้งหรีดจาก จ.ศรีสะเกษ มาเพาะเลี้ยงดูเพื่อว่าที่จะเป็นรายได้อีกทางหนึ่งเสริมขึ้นมา เมื่อทำขึ้นมาประสบความสำเร็จ จึงวางขายกฺดลกรัมละ 200 บาท อีกส่วนหนึ่งก็จะนำไปแปรรูปขายในพื้นที่ อ.สุไหงโก-ลก และสุไหงปาดี จ.นราธิวาส


ภาพ/ข่าว  แวดาโอ๊ะ หะไร จ.นราธิวาส

กระบี่ - รพ.กระบี่ ส่งนักรบชุดขาว ไปปฏิบัติภารกิจดูแลผู้ป่วยโควิด รพ.สนามบุษราคัม เมืองทองธานี

วันจันทร์ ที่ 7 มิถุนายน  2564  ณ บริเวณหน้าอาคารอำนวยการ โรงพยาบาลกระบี่ นายแพทย์สุพจน์ ภูเก้าล้วน ผู้อำนวยการโรงพยาบาลกระบี่ พร้อมด้วยผู้บริหารและเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลกระบี่ ร่วมส่งทีมนักรบชุดขาว เพื่อแสดงความชื่นชมและให้กำลังใจทีมบุคลากรทางการแพทย์ไปปฏิบัติภารกิจเพื่อดูแลผู้ป่วยโควิด-19 ณ โรงพยาบาลสนามบุษราคัม เมืองทองธานี ระหว่างวันที่ 7 – 22 มิถุนายน 2564  โดยได้มี มอบเงินขวัญถุง มอบช่อดอกไม้ และมอบดอกกุหลาบเพื่อเป็นขวัญ และกำลังใจให้แก่ทีมนักรบชุดขาว

โรงพยาบาลกระบี่ ได้จัดทีมบุคลากรด้านการแพทย์ ร่วมปฏิบัติงานที่โรงพยาบาลสนามบุษราคัม จำนวน 7 คน ประกอบด้วย

1.นางสาวเพ็ญวดี สกลกิติวัฒน์  นายแพทย์ชำนาญการพิเศษ

2.นางสาวฐิตากร ทิพย์มณี พยาบาลวิชาชีพชำนาญการ

3.นางณัฏฐนันท์ สิงห์บุตรดี พยาบาลวิชาชีพชำนาญการ

4.นางสาวจุรี สาระวารี พยาบาลวิชาชีพปฏิบัติการ

5.นางสาวกีรัตติกานต์ จำนงลักษณ์ พยาบาลวิชาชีพปฏิบัติการ

6.นางสาวดรุณวรรณ ท่าดี พยาบาลวิชาชีพปฏิบัติการ

7.นางสาวชลธิดา มณีสุวรรณ เภสัชกรปฏิบัติการ

โดยทุกคนมีความรู้ ความสามารถ เสียสละ และมีจิตอาสาเพื่อแผ่นดิน จะเดินทางไปเป็นทีมสนับสนุนและผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนให้กับทีมบุคลากรทางการแพทย์ที่กำลังปฏิบัติหน้าที่ในกรุงเทพฯ และหลังจากปฏิบัติหน้าที่ครบกำหนดเวลา บุคลากรทางการแพทย์ทุกคนจะถูกกักตัวในพื้นที่พิเศษ ตามมาตรการกระทรวงสาธารณสุขกำหนด พร้อมตรวจหาเชื้อโควิด-19 ถ้าตรวจไม่พบสารพันธุกรรมโควิด-19 จึงจะกลับมาปฏิบัติหน้าที่ตามปกติ

สำหรับโรงพยาบาลสนามบุษราคัม เมืองทองธานี จะรองรับผู้ป่วยที่มีอาการปานกลางกลุ่มสีเหลือง จากพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล โดยจัดตั้งโรงพยาบาลสนามขนาด 3,000-5,000 เตียง ณ อาคารชาเลนเจอร์ ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมเมืองทองธานี สำหรับใช้ในการดูแลรักษาผู้ป่วยดังกล่าว


ภาพ/ข่าว  ณัฏฐพงษ์ ศรีปล้อง รายงาน

สงขลา - ม.อ. พร้อม !! เตรียมพื้นที่ฉีดวัคซีนโควิด-19 ดีเดย์ 7 มิ.ย. นี้ รองรับ 1,000-2,000 คนต่อวัน

ผศ. ดร.นิวัติ แก้วประดับ อธิการบดีมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ พร้อมด้วย นายแพทย์บุญประสิทธิ์ กฤตย์ประชา รองอธิการบดีฝ่ายทรัพยากรบุคคลและพัฒนาคุณภาพ รองศาสตราจารย์ นพ.เรืองศักดิ์ ลีธนาภรณ์ คณบดีคณะแพทยศาสตร์ นพ.กิตติพงศ์ เรียบร้อย รองคณบดีฝ่ายโรงพยาบาลและผู้อำนวยการโรงพยาบาลสงขลานครินทร์ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ พญ.ธารทิพย์ แสงสุวรรณ์ ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายส่งเสริมสุขภาพบุคลากร ตลอดจนทีมแพทย์ พยาบาล และบุคลากรมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ร่วมถวายสักการะ สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก กรมหลวงสงขลานครินทร์ พร้อมเยี่ยมชมและให้กำลังใจบุคลากรทางการแพทย์ในการทดลองระบบการให้บริการฉีดวัคซีนกับประชาชนกลุ่มสูงอายุ และ 7 กลุ่มเสี่ยงฯ ณ ศูนย์กีฬาและสุขภาพ (โรงยิม) มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์

ผศ. ดร.นิวัติ แก้วประดับ อธิการบดีมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ กล่าวว่า ในสภาวการณ์ที่เกิดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 การฉีดวัคซีนถือเป็นการป้องกันการติดเชื้อ ควบคู่กับมาตรการการป้องกันอย่างเข้มงวด ซึ่งมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ได้ดำเนินการในการช่วยเหลือผู้ป่วยติดเชื้อมาตั้งแต่ปี 2563 จนถึงปีนี้ที่มีการแพร่ระบาดอย่างหนัก ได้มีการเปิดโรงพยาบาลสนามรวม 4 วิทยาเขต ขอบคุณทีมแพทย์ พยาบาล และบุคลากรทุกคนที่ร่วมกันทำงาน ถือเป็นความเสียสละและความตั้งใจที่จะช่วยเหลือสังคม ตามปณิธานของมหาวิทยาลัย “ขอให้ถือประโยชน์ส่วนตัวเป็นที่สอง ประโยชน์ของเพื่อนมนุษย์เป็นกิจที่หนึ่ง" ขอให้ทุกคนปฎิบัติหน้าที่อย่างเข้มแข็ง เพื่อดูแลประชาชน ตลอดจนบุคลากร และนักศึกษาที่จะเข้ารับการฉีดวัคซีน มหาวิทยาลัยมีความยินดีอย่างยิ่งที่จะทำงานร่วมกับทุกฝ่าย เพื่อสนับสนุนภารกิจการฉีดวัคซีนให้ลุล่วงไปด้วยดี

โดยในวันนี้ (4 มิ.ย. 64) เป็นการให้บริการฉีดวัคซีนเข็มที่ 2 แก่บุคลากรทางการแพทย์ และเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่อำเภอหาดใหญ่ และเพื่อเตรียมความพร้อมของบุคลากรที่จะมาปฏิบัติหน้าที่ในการฉีดวัคซีนให้กับประชาชนทั่วไป สำหรับกลุ่มที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป รวมถึงผู้ป่วยกลุ่มเสี่ยง 7 โรค ได้แก่ โรคทางเดินหายใจเรื้อรัง, โรคหัวใจและหลอดเลือด, โรคไตเรื้อรัง, โรคระบบประสาท, โรคเบาหวาน และโรคมะเร็ง สำหรับผู้ที่ลงทะเบียนเลือกโรงพยาบาลสงขลานครินทร์ และได้วัน-เวลา รับวัคซีนในระบบเรียบร้อยแล้ว ซึ่งจะเริ่มทำการฉีดวัคซีนวันแรกในวันที่ 7 มิถุนายน 2564 โดยผู้มารับวัคซีนควรมา ณ สถานที่ฉีดก่อนเวลา 30 นาที ตามวันและเวลาที่นัดไว้ นำบัตรประชาชนพร้อมใบยินยอมฯ ที่กรอกข้อมูลเรียบร้อยแล้ว หากยังไม่มี สามารถดาวน์โหลดใบยินยอมได้ที่ http://medinfo2.psu.ac.th/pr/consent_vaccine.pdf หรือ QR Code และผู้รับวัคซีนควรแต่งกายด้วยชุดที่สะดวกต่อการฉีดวัคซีน (สามารถเปิดแขนได้สะดวก)

สำหรับขั้นตอนการฉีดวัคซีนโควิด-19 จะมีขั้นตอนตั้งแต่การเตรียมเอกสาร (ใบยินยอมฯ / ประวัติ),ลงทะเบียน (โดยใช้บัตรประชาชน), วัดไข้ / ความดัน / ชีพจร, ซักประวัติ / บันทึกข้อมูล, รอฉีดวัคซีน, ฉีดวัคซีน, พักสังเกตอาการ 30 นาที, รับบัตรนัดเข็มที่ 2 / เอกสาร

โดยผู้รับวัคซีนที่มีวันและเวลานัดกับทางโรงพยาบาลสงขลานครินทร์ ให้เดินทางไปรับวัคซีนได้ที่ ศูนย์กีฬาและสุขภาพ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ มีการจัดสถานที่สำหรับจอดรถไว้รองรับผู้ฉีดวัคซีนไว้ ณ ลานจอดรถโรงยิมและริมถนนโดยรอบ หรือประชาชนทั่วไปที่เดินทางมาด้วยรถสาธารณะ มีรถรับ – ส่ง บริเวณศาลารอรถตรงข้ามร้านกาแฟ บินหลาบลู (ด้านข้างโรงพยาบาลสงขลานครินทร์) ซึ่งรถจะวนมารับทุก ๆ 30 นาที นอกจากนี้ ผู้ป่วยรถเข็น พระภิกษุสงฆ์ และผู้พิการ สามารถวนรถเพื่อส่งผู้รับวัคซีนได้ ณ ทางเข้าตรงข้ามโรงช้าง และจอดรถบริเวณลานจอดรถตรงข้ามโรงช้าง ทั้งนี้ ผู้รับวัคซีนควรเตรียมตัวให้พร้อม พักผ่อนให้เพียงพอ และปฏิบัติตามคำแนะนำก่อน – หลัง การรับวัคซีน

หากผู้รับวัคซีนมีอาการที่สงสัยว่าเป็นอาการแพ้วัคซีน เช่น ผื่น ลมพิษ ปากบวม ตาบวม หน้ามือ เยื่อบุจมูกอักเสบ อาเจียน ปวดท้อง แน่นหน้าอก หรือไม่แน่ใจว่าเป็นอาการข้างเคียงหรือแพ้ สามารถโทรสอบถามได้ที่

- ศูนย์เภสัชสนเทศ โทร.074-451314 เวลาทำการ 08.30 – 16.30 น.

- ห้องยาผู้ป่วยนอก โทร.074-451303 เวลาทำการ 08.30 – 16.30 น.

- ห้องยาฉุกเฉิน โทร.074-451309 ตลอด 24 ชั่วโมง

สตูล - ร.5 พัน.2 จัดกิจกรรมจิตอาสา “มีแล้วแบ่งปัน” ตามนโยบายของ ทบ.

พ.อ.ศุภชัย สงสังข์ ผบ.ร.5 พัน.2 และ คุณณัฐวิภา สงสังข์ ประธานสมาคมแม่บ้าน ทบ. สาขา ร.5 พัน.2 พร้อมด้วยกำลังพลและสมาชิกแม่บ้านจิตอาสาพระราชทานของหน่วย ร่วมกับ ภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชนในพื้นที่ บ้านวังพะเนียด จัดกิจกรรมจิตอาสา “มีแล้วแบ่งปัน” ตามนโยบายของ ทบ. เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี

โดยดำเนินการจัดตั้งรถครัวสนามประกอบอาหารปรุงสุก แจกให้ประชาชนพร้อมทั้งน้ำดื่ม หน้ากากอนามัย และเจลแอลกอฮอล์ล้างมือให้แก่ผู้ที่เดินทางมารอรับ พร้อมนำอาหารปรุกสุก อุปกรณ์ป้องกันโรคโควิด ถุงยังชีพ และยาเวชภัณฑ์ ไปมอบให้แก่ผู้ป่วยติดเตียงและผู้ด้อยโอกาส ตามโครงการ Army Delivery เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนในช่วงสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคไวรัส Covid-19  เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล แสดงออกถึงความจงรักภักดี และน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณที่ทรงมีต่อปวงชนชาวไทย ณ ม.5 บ้านวังพะเนียด ต.เกตรี อ.เมือง จ.สตูล


ภาพ/ข่าว  นิตยา แสงมณี  ผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดสตูล

ชุมพร - ปลัดจังหวัดชุมพร นำทีมลงพื้นที่ตรวจกำกับติดตามงานในหน้าที่เชิงรุก 8 อำเภอ เพื่อขับเคลื่อนแก้ไขปัญหาพัฒนาชุมพรให้สามารถหยุดยั้งโควิด-19 โดยฉีดวัคซีนครบไม่น้อยกว่า 70%

วันที่ 1 มิถุนายน 2564 นายพิทักษ์ พิศสิริวัฒนสุทธิ์ ปลัดจังหวัดชุมพรได้นำทีมที่ทำการปกครองจังหวัดชุมพร, ศอ.ปส.จ.ชพ., ศอ.จอส.พระราชทานจังหวัดชุมพร,หัวหน้าชุด ฉก.โชคชัย,ผบ.ร้อย อส.จ.ชพ.ที่1 รวมทั้งงานนิติการและสอบสวนได้ลงพื้นที่ตรวจกำกับและติดตามงานในหน้าที่ปลัดจังหวัด เพื่อให้การปฏิบัติราชการเป็นไปตามนโยบาย ระเบียบ กฎหมาย ข้อสั่งการ ของรัฐบาล กระทรวงมหาดไทย กรมการปกครองและ 5 วาระเร่งด่วนของผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร ในพื้นที่ทั้ง 8 อําเภอ ดังนี้  วันที่ 31 พ.ค. - 4 มิ.ย. 2564 วันที 31 พ.ค.64 พื้นที่ อ.เมืองชุมพร , อ.สวี ,อ.ท่าเเซะ และ อ.ปะทิว วันที่  1 มิ.ย.64 พื้นที่ อ.ทุ่งตะโก และ อ.พะโต๊ะ  วันที่  4 มิ.ย.64 พื้นที่ อ.ละเเม และ อ.หลังสวน

โดยมีนายอำเภอ ปลัดอำเภอ เจ้าหน้าที่ปกครอง สมาชิก อส. พนักงานราชการ ลูกจ้าง และลูกจ้าง(TST) ร่วมให้การต้อนรับและบรรยายสรุปผลการปฏิบัติราชการของแต่ละอำเภอ ซึ่งได้เน้นย้ำให้อำเภอปฏิบัติราชการให้สอดคล้องกับนโยบายของ รัฐบาล ระเบียบ กฎหมาย หนังสือสั่งการของ กระทรวงมหาดไทย กรมการปกครอง และจังหวัดชุมพร อย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะ 10 โครงการสำคัญสู่การเป็นกรมการปกครองวีถีใหม่ “10 Flagships to DOPA New Normal 2021" และในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19 ) ขอให้ร่วมมือ บูรณาการ สานพลังร่วมกันของหน่วยงานและภาคส่วนต่าง ๆ ในพื้นที่ (ชุมพรทีม) เฝ้าระวัง ป้องกันตามประกาศ คำสั่งและมาตรการของกระทรวงสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด

โดยใช้กฎกติกาของหมู่บ้าน/ชุมชน การบังคับใช้กฎหมาย, การเร่งรัดลงทะเบียนฉีดวัคซีนโควิด-19 ให้ได้อย่างน้อย 70% ของจำนวนประชากร ,การตรวจคัดกรองหมู่บ้าน /ชุมชน( Re X -Ray) ในเชิงรุก,การขับเคลื่อน ศปก.อ./ทม. ,การเฝ้าระวังพื้นที่ที่เสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโรค เช่น ตลาด สถานประกอบการ ล้งผลไม้ แคมป์คนงาน ชุมชนแรงงานต่างด้าว และการหลบหนีเข้าเมืองผิดกฎหมาย การลักลอบเล่นการพนัน ปัญหายาเสพติด การแก้ไขปัญหาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ระลอกใหม่ เม.ย.64 เป็นต้น และการขับเคลื่อน วาระเร่งด่วน 5 วาระของจังหวัดชุมพร  ทั้งนี้ได้กำชับให้มีความสามัคคี “ปกครองทีม” ช่วยกันขับเคลื่อนพัฒนาและแก้ไขปัญหา การขับเคลื่อนไทยไปด้วยกันระดับจังหวัด งบเงินกู้ 405.6 ล้านบาท โดยใช้กลไก กบอ. กบต. ชปต.และ อปท.เพื่อให้ชุมพร เปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น  เป็นประตูสู่ภาคใต้ ทุกครัวเรือนได้ฉีดวัคซีนโควิด-19 ครบรวมทั้งประชากรแฝง สามารถฟื้นฟูเศรษฐกิจฐานราก/ท้องถิ่นและสังคมได้ภายใน ก.ย.64 นี้

ทั้งนี้ผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพรได้ฝากเน้นย้ำการขับเคลื่อน 5 วาระเร่งด่วนซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของกระทรวงมหาดไทย ให้นายอำเภอเป็นผู้ขับเคลื่อนโดยใช้กลไกของปกครอง กลไกหมู่บ้านเพื่อให้มีประสิทธิภาพ ประสิทธิผลและให้วิเคราะห์สถานการณ์เพื่อแก้ไขปัญหาในพื้นที่โดยการร่วมมือบูรณาการสานพลังให้ชุดปฏิบัติการเคลื่อนที่เร็วลงพื้นที่แก้ไขปัญหาอย่างรวดเร็วและทันต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้นเพื่อให้ประชาชน “ทุกข์น้อยลง สุขมากขึ้น”


ภาพ/ข่าว  ธนากร โกศลเมธีรายงานศูนย์ข่าวสารจังหวัดชุมพร


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top