Saturday, 7 June 2025
อีสานไทม์

ขอนแก่น - พร้อมรับคนบ้านเดียวกันกลับภูมิลำเนาเข้ารักษาตัว เปิดโรงพยาบาลสนามแห่งที่ 2 ให้บริการตามมาตรฐานความปลอดภัยด้านสาธารณสุขอย่างเข้มงวด

เมื่อเวลา 08.30 น. วันที่ 8 ก.ค.2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตามที่โรงพยาบาลสนามขอนแก่นแห่งที่ 2 (พุทธมณฑลอีสาน) ถนนเลี่ยงเมืองขอนแก่น-กาฬสินธุ์ บ.เต่านอ ต.ศิลา อ.เมือง จ.ขอนแก่น ได้เปิดอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 3 พ.ค. 2564 โดยมีนายสมศักดิ์ จังตระกุล ผวจ.ขอนแก่น พร้อมด้วย นายพงษ์ศักดิ์  ตั้งวานิชกพงษ์ นายก อบจ.ขอนแก่น นางพัฒนาวดี วิริยปิยะ ปลัด อบจ.ขอนแก่น และ นพ.สมชายโชติ ปิยวัชร์เวลา นายแพทย์สาธารณสุข จ.ขอนแก่น นายแพทย์วีระศักดิ์ อนุตรอังกูร ผอ.รพ.สิรินธร ลงพื้นที่ตรวจความพร้อมของโรงพยาบาลสนาม จ.ขอนแก่น 2 เพื่อรองรับผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 ในพื้นที่ จ.ขอนแก่น ตามแผนบริหารจัดการด้านสาธารณสุขตามที่คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดขอนแก่นกำหนด

นายพงษ์ศักดิ์ ตั้งวานิชกพงษ์ นายก อบจ.ขอนแก่น กล่าวว่า เนื่องจากจำนวนผู้ติดเชื้อในจังหวัดขอนแก่นได้มีปริมาณเพิ่มสูงขึ้น คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดขอนแก่นจึงมีมติเปิดใช้โรงพยาบาลสนาม แห่งที่ 2 เพื่อรองรับผู้ป่วยในพื้นที่จังหวัดขอนแก่น โดยโรงพยาบาลสนามแห่งนี้ อยู่ในความรับผิดชอบของ รพ.สิรินธร ที่ได้เริ่มรับผู้ป่วยที่มีภูมิลำเนา ในเขต จ.ขอนแก่น เข้ารับการรักษาและดูอาการ ตามแผนระบบการส่งต่อผู้ป่วยของกระทรวงสาธารณสุข ตั้งแต่วันที่ 4 ก.ค. 2564 เป็นต้นมา ซึ่ง อบจ.ขอนแก่น ได้จัดเตรียมอาหาร 3 มื้อต่อวัน ให้กับผู้ป่วย การจัดสถานที่ตามมาตรฐานความปลอดภัยด้านสาธารณสุขอย่างเข้มงวด เตรียมสิ่งของเครื่องใช้ที่จำเป็น รวมไปถึงอำนวยความสะดวกให้กับผู้ป่วยและบุคลากรทางการแพทย์ในด้านต่าง ๆ 

โรงพยาบาลสนามแห่งที่ 2  ที่ พุทธมณฑลอีสาน แห่งนี้ มีเตียงรองรับผู้ป่วยรวมจำนวน 110 เตียง แยกเป็นชาย 32 เตียง หญิง 78 เตียง ขณะนี้มีผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษาจำนวน 37 ราย ชาย 17 ราย หญิง 20 ราย คงเหลือจำนวนเตียงว่าง 61 เตียง ชาย 13 เตียง หญิง 58 เตียง โดยการดำเนินงานด้านการแพทย์นั้น รพ.สิรินธร ได้จัดกำลังบุคลากรทางการแพทย์มาปฎิบัติงานตลอดทั้ง 24 ชม. อบจ.ขอนแก่นได้จัดทีม รปภ. รักษาความปลอดภัย 24 ชม. และมอบหมายเจ้าหน้าที่สนับสนุนการดำเนินงานของทางจังหวัดและกระทรวงสาธารณสุขอย่างเข้มงวด ร่วมกันกับหน่วยงานต่างๆ ที่รับผิดชอบ อย่างไรก็ดี สำหรับชาวขอนแก่นที่ต้องการกลับบ้านเพื่อมารักษาตัว

จากสถานการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นสามารถประสานงานมาได้ที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด หมายเลขโทรศัพท์  082-2839170 หรือพูดคุยกับเจ้าหน้าที่โดยตรงผ่านระบบไลน์ ประสานโควิดขอนแก่น ซึ่งจะมีเจ้าหน้าที่ประสานงานเพื่อสอบถามข้อมูลและจัดระบบการส่งต่อผู้ป่วยตามแนวทางที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนด รวมไปถึงการประสานงานร่วมกับคนในครอบครัวเพื่อที่จะประสานการส่งต่อผู้ป่วยที่ถูกต้อง รัดกุม และลดการแพร่กระจายของเชื้อและให้คนบ้านเดียวกันได้กลับมารักษาอาการที่บ้านได้อย่างปลอดภัย

ขอนแก่น - ม.ขอนแก่น หารือ ภาคเอกชน สกัดน้ำมันกัญชงและกัญชา เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์

เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2564 รศ.นพ.ชาญชัย พานทองวิริยะกุล อธิการบดีมหาวิทยาลัยขอนแก่น พร้อมด้วย ศ.ดร.มนต์ชัย ดวงจินดา รองอธิการบดีฝ่ายวิจัยและบัณฑิตศึกษา ศ.พญ.ผิวพรรณ มาลีวงษ์ ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายวิจัยและบัณฑิตศึกษา ร่วมประชุมกับ นายจุลภาส (ทอม) เครือโสภณ นักธุรกิจ เพื่อหารือข้อตกลงความร่วมมือ ด้านวิจัย วิชาการ สกัดกัญชง เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ ณ ห้องประชุม กาลปพฤกษ์ 4 ชั้น 2 อาคารสิริคุณากร มหาวิทยาลัยขอนแก่น

รศ.นพ.ชาญชัย พานทองวิริยะกุล อธิการบดีมหาวิทยาลัยขอนแก่น กล่าวว่า มหาวิทยาลัยขอนแก่นมีผู้เชี่ยวชาญ นักวิจัย โดยสถาบันวิจัยแคนนาบิสครบศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น มีภารกิจหลักในการดำเนินโครงการวิจัยกัญชงกัญชาเพื่อประโยชน์ทางการแพทย์และอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง และดำเนินงานวิจัยพืชกัญชง และกัญชาแบบบูรณาการครบศาสตร์ จากต้นน้ำ กลางน้ำ จนถึงปลายน้ำ

เริ่มตั้งแต่ทีมคณะเกษตรศาสตร์ ทำการศึกษาวิจัยด้านการปลูก ปรับปรุงพันธุ์ และพัฒนาสายพันธุ์ ทีมคณะวิทยาศาสตร์ดำเนินการศึกษาวิจัยสกัดน้ำมันกัญชงและกัญชา วิเคราะห์สารองค์ประกอบสำคัญ ทีมจากคณะเภสัชศาสตร์ดำเนินการวิจัยและพัฒนาเพื่อเตรียมรูปแบบ ขนาด ผลิตภัณฑ์ยา เพื่อส่งต่อให้ทีมคณะแพทยศาสตร์ นำไปวิจัยด้านคลินิกในผู้ป่วยเฉพาะโรค ยินดีที่จะร่วมหารือข้อตกลงเพื่อการนำสารสกัดกัญชงในผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ต่อไป

สำหรับพื้นที่ปลูกอยู่ในบริเวณ คณะเกษตรศาสตร์ ปลูกระบบปิดในตู้คอนเทนเนอร์ ได้คะแนนในการปลูกเป็นพื้นที่ที่เหมาะสม 100 คะแนนเต็มจากองค์การอาหารและยา สามารถผลิตในเชิงอุตสาหกรรม และสามารถรองรับนักวิจัย วิชาการ นักธุรกิจที่ต้องการสร้างข้อตกลงร่วม ที่อยู่ในกรอบของกฎหมาย เพื่อใช้ประโยชน์พัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อการรักษาหรือการใช้งานในชีวิตประจำวันอื่น ๆ ได้

การประชุมเป็นไปด้วยบรรยากาศเป็นกันเอง แลกเปลี่ยนความคิดเห็นการบริหารจัดการฟาร์มกัญชาของคุณทอมที่ประเทศสหรัฐอเมริกา และการบริหารจัดการฟาร์มกัญชงและกัญชาเพื่อการวิจัยการศึกษาของมหาวิทยาลัยขอนแก่น

ขอนแก่น - เปิดเวทีรับฟังความคิดเห็น “โครงการปรับปรุงระบบไฟฟ้าเป็นเคเบิลใต้ดิน 1 จังหวัด 1 ถนน เพื่อเฉลิมพระเกียรติ” ระยะทาง 832 เมตร กฟภ. สนับสนุนงบกว่า 34 ล้านบาท แล้วเสร็จใน 300 วัน

ขอนแก่นได้รับคัดเลือกให้เป็น 1 ใน 4 จังหวัดของไทย ได้โครงการนำสายสื่อสารลงดินเทิดพระเกียรติในหลวง ประจำปี 64 ถนนนิกรสำราญ ระยะทาง 832 เมตร กฟภ. สนับสนุนงบกว่า 34 ล้านบาท แล้วเสร็จใน 300 วัน

วันที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2564 ณ บริเวณด้านหลังเจ้าปู่ครูเย็น (ภายในบริเวณศาลเจ้าปึงเถ่ากงม่าขอนแก่น) ได้เปิดเวทีสาธารณะรับฟังความคิดเห็นประชาชนที่มีต่อ “โครงการปรับปรุงระบบไฟฟ้าเป็นเคเบิลใต้ดิน 1 จังหวัด 1 ถนน เพื่อเฉลิมพระเกียรติ” โดยการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคจังหวัดขอนแก่น ร่วมกับ สำนักการช่างเทศบาลนครขอนแก่น และประชาชนในเขตเทศบาลนครขอนแก่น จำนวนประมาณ 120 คน ได้เข้าร่วมกิจกรรมดังกล่าว

นายทูล หาวิชา ผู้จัดการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคจังหวัดขอนแก่น กล่าวถึงวัตถุประสงค์ของโครงการว่า โครงการปรับปรุงระบบไฟฟ้าเป็นเคเบิลใต้ดิน 1 จังหวัด 1 ถนนเฉลิมพระเกียรตินั้นมีจุดเริ่มต้นมาจากกระทรวงมหาดไทยต้องการขับเคลื่อนโครงการ 1 จังหวัด 1 ถนนเพื่อร่วมเฉลิมพระเกียรติเนื่องในโอกาสมหามงคล พระราชพิธีบรมราชาภิเษกพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว จึงให้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคดำเนินการสนับสนุนตามภารกิจของหน่วยงาน โดยจัดระเบียบสายสื่อสาร นำสายไฟฟ้าลงใต้ดิน รวมถึงเป็นการพัฒนาพื้นที่ให้มีความเป็นระเบียบเรียบร้อยสวยงาม

ซึ่งจังหวัดขอนแก่นได้รับคัดเลือกให้เป็น 1 ใน 4 จังหวัดของประเทศไทย ที่ได้ดำเนินโครงการดังกล่าวนี้ และจังหวัดขอนแก่นได้คัดเลือกให้เส้นทางของถนนนิกรสำราญ (สี่แยกโรงเรียนสวนสนุก) ถึง ถนนโพธิสาร (ปากทางเข้าชุมชนโนนทัน) ระยะทางทั้งสิ้น 832 เมตร ด้วยเหตุผลเพราะเป็นเส้นทางที่ผ่านสถานที่สำคัญและสถานที่ท่องเที่ยว เช่น บึงแก่นนคร โฮงมูนมังเมืองขอนแก่น สำนักประชาสัมพันธ์เขต 1 ขอนแก่น ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อนุสาวรีย์พระนครศรีบริรักษ์ พ่อเมืองคนแรกของจังหวัดขอนแก่น รวมไปถึงเป็นเส้นทางที่มีการจัดกิจกรรมบ่อย

นายธีระศักดิ์ ฑีฆายุพันธุ์ นายกเทศมนตรีนครขอนแก่น เปิดเผยว่า สภาเมืองขอนแก่น มีมติเห็นชอบเป็นเอกฉันท์กับโครงการนี้ และขั้นตอนต่อไป คือ เทศบาลนครขอนแก่นจะได้ส่งมอบพื้นที่ให้กับการไฟฟ้าส่วนหน่วยงานภูมิภาคจังหวัดขอนแก่นเพื่อดำเนินการตามแผนงานก่อสร้าง โดยการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค จะได้ทำการรื้อถอนระบบไฟฟ้า สายสื่อสาร และสายสัญญาณต่าง ๆ ที่ติดตั้งบนเสาไฟ ให้อยู่ในเคเบิลด้านในลงใต้ดิน ในส่วนของเทศบาลนครขอนแก่นจะเป็นผู้ดำเนินการเรื่องไฟฟ้าแสงสว่าง

โดยใช้งบประมาณของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคทั้งสิ้น 34,566,445 บาท เมื่อนำสายเคเบิลลงดินแล้ว ประโยชน์ที่จะได้รับก็คือการปรับปรุงทัศนียภาพให้สวยงาม รักษาสภาพสิ่งแวดล้อม รวมไปถึงการพัฒนาระบบการจ่ายไฟฟ้าให้สามารถรองรับความต้องการพลังงานไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นภายในเทศบาลนครขอนแก่น โดยจะใช้ระยะเวลาดำเนินการก่อสร้างทั้งสิ้นจำนวน 300 วัน (เดือนกรกฎาคม 2564 – เดือนพฤษภาคม 2565) และผลกระทบที่คาดว่าจะได้รับในช่วงก่อสร้างคือ การจราจร เนื่องจากแนวท่อร้อยสายและบ่อพักจะอยู่บนผิวจราจรจึงจำเป็นต้อง มีการปิดการจราจรช่องทางในบางช่วง , เสียงรบกวนซึ่งจากการก่อสร้างซึ่งแต่จะไม่เกินระดับความดังของเสียงตามที่กฎหมายกำหนด และฝุ่นละออง ซึ่งเกิดขึ้นจากการก่อสร้างซึ่งจะได้มีการควบคุมอย่างใกล้ชิดในระหว่างก่อสร้าง

ชัยภูมิ – เลขาฯ นายก อบจ.ชัยภูมิ พร้อมชุดเฉพาะกิจนายก อบจ.ชัยภูมิ ลงพื้นที่ติดตามการขุดลอกสระสาธารณะกำจัดวัชพืช กักเก็บน้ำสำหรับใช้ทำน้ำประปา และเพื่อให้ประชาชนมีน้ำใช้ในการทำการเกษตร

6 กรกฏาคม 2564 นายอร่าม โล่ห์วีระ นายก อบจ.ชัยภูมิ มอบหมายให้นายพงค์ศักดิ์ มังสังข์ เลขานุการนายก อบจ.ชัยภูมิ พร้อมด้วยชุดเฉพาะกิจ นายก อบจ.ชัยภูมิ ลงพื้นที่ติดตามการขุดลอกสระสาธารณะเพื่อกำจัดวัชพืชลำน้ำก่ำ ตำบลลาดใหญ่ อำเภอเมือง จังหวัดชัยภูมิ ณ บริเวณศาลเจ้าพ่อหมื่นแสน ต.ลาดใหญ่ อ.เมือง จ.ชัยภูมิ เพื่อกักเก็บน้ำสำหรับใช้ทำน้ำประปาและเพื่อให้ประชาชนมีน้ำใช้ในการทำการเกษตรต่อไป


ภาพ/ข่าว  อรรถดิษฐ์ จันตะเสน จ.ชัยภูมิ

ขอนแก่น - ชาวขอนแกนยืนรอต่อคิวลุ้นรับทองคำ จากการฉีดวัคซีนแน่นห้องประชุม ขณะที่เจ้าหน้าที่จัดเก้าอี้ให้นั่งอยู่กับที่ ลดการสัมผัสและเว้นระยะห่าง พร้อมส่งทีมแพทย์-พยาบาล ตรวจคัดกรองและให้บริการวัคซีนในทุกขั้นตอน

ที่หอประชุมที่ว่าการอำเภอพล จ.ขอนแก่น ตลอดทั้งวันมีประชาชนที่ได้รับการยืนยันการฉีดวัคซีนจาก รพ.พล ทยอยเดินทางมายืนยันตัวตนและเข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ตามแผนการฉีดวัคซีนของ รพ.พล ที่ดำเนินการตั้งแต่วันนี้ไปจนถึงวันที่ 20 ก.ค.ตามแผนการบริหารจัดการวัคซีนจากสำนักงานสาธาณสุขจังหวัดและคณะกรรมการควบคุมโรค จ.ขอนแก่นได้กำหนดไว้ โดยในวันนี้ไปจนถึงวันที่ 9 ก.ค. เป็นรอบคิวการฉีดวัคซีนของคนในเขตเทศบาลเมืองเมืองพล ทำให้มีประชาชนที่ได้รับการยืนยันสิทธิ์ทยอยกันเดินทางมาฉีดวัคซีนกันอย่างต่อเนื่อง โดยมี นพ.ประวีร์  คำศรีสุข ผอ.รพ. และ นายกิตติโชติ  เตรียมวุฒิไกร นายกเทศมนตรีเมืองเมืองพล คอยกำกับควบคุมการฉีดวัคซีนให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ตามาตรฐานความปลอดภัยด้านสาธารณสุขจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 อย่างเข้มงวด

ซึ่งในการจัดจุดฉีดวัคซีนของศูนย์ฉีดวัคซีนโควิด-19 โดยหน่วยฉีดวัคซีนเครือข่ายบริการสุขภาพ อ.พล ซึ่งนอกจากการลงทะเบียนและการตรวจวัดความดัน และการตรวจคัดกรองตามระบบที่กำหนดแล้ว ภายหลังจากการพบแพทย์ จะเข้าสู่ขั้นตอนของการฉีด ซึ่งพบว่า ที่หน่วยฉีดแห่งนี้ ได้จัดให้ผู้ที่เข้ารับการฉีดวัคซีน ได้นั่งประจำที่ ตามแถวที่กำหนด แถวละ 11 คน โดยเมื่อครบจำนวนคนแล้ว ทีมแพทย์และพยาบาล จะทำการยืนยันตัวบุคคลในขั้นตอนสุดท้ายแล้วจากนั้นเจ้าหน้าที่จะทำการฉีดแบบล้อลาก คือให้ผู้ที่รับการฉีดวัคซีนนั้นได้นั่งอยู่กับที่ ตั้งแต่ขั้นตอนการยืนยันรายชื่อ การฉีดวัคซีน การให้ความรู้เกี่ยวกับวัคซีน รวมไปถึงพักรอ 30 นาที และ ออกเอกสารนัดหมายการฉีดวัคซีนเข็มที่ 2 ที่ทุกคนจะนั่งอยู๋กับที่โดยไม่ต้องขยับตัวไปไหน โดยมีทีมแพทย์ และพยาบาล คอยสังเกตอาการและอำนวยความสะดวกในด้านต่าง ๆ อย่างใกล้ชิด และเมื่อครบกำหนดพักรอ 30 นาที ทุกคนจะเดินผ่านจุดบริการของเทศบาลเมืองเมืองพล ในการร่วมลุ้นรับรางวัลทองคำหนัก 1 สลึง 3 เส้น ที่ผู้มีจิตศรัทธาและเทศบาลเมืองเมืองพล ได้จัดเตรียมไว้ สำหรับการร่วมรับโชคให้กับผู้ที่มารับการฉีดวัคซีนตามที่รัฐบาลได้รณรงค์ให้คนไทยทุกคนได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19

นายกิตติโชติ  เตรียมเวชวุฒิไกร นายกเทศมนตรีเมืองเมืองพล กล่าวว่า ในเขตเทศบาลเมืองเมืองพล มีประชากรกว่า 8,000 คน ซึ่งเป้าหมายของการฉีดวัคซีนตามที่รัฐบาล และ ทางจังหวัดกำหนดนั้นคือให้ได้ร้อยละ 70 ของจำนวนประชากรทั้งหมด ซึ่งเท่ากับว่าคนในเขตเทศบาลเมืองเมืองพล จะต้องเข้ารับการฉีดวัคซีนให้ได้ไม่น้อยกว่า 5,000 คนและในจำนวนนี้แยกเป็นกลุ่มผู้สูงอายุและผู้ป่วย 7 กลุ่มโรคประมาณ 3,000 คน ดังนั้นเมื่อรัฐบาลได้กำหนดให้ อปท.และทุกพื้นที่ โดยเฉพาะหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน ได้ลงพื้นที่เชิญชวนให้ประชาชนในพื้นที่ได้มารับการฉีดวัคซีนกันให้มากที่สุด เทศบาลฯจึงร่วมกับผู้ใจบุญ แจกโชคให้กับผู้ที่มาฉีดวัคซีนด้วยการจับสลากทองคำ น้ำหนัก  1 สลึง  3 เส้นให้กับผู้ที่เข้ารับการฉีดวัคซีนตั้งแต่วันนี้ไปจนถึงวันที่ 9 ก.ค.

“ผู้ที่จะมาสิทธิ์ได้ลุ้นรับโชคนั้นจะต้องเป็นคนในเขตเทศบาลเมืองเมืองพล และมีทะเบียนบ้านอยู่ในเขตเทศบาลฯเท่านั้น โดยจำกัดให้เฉพาะกับผู้สูงอายุ คือเป็นผู้ที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป เพื่อเชิญชวนให้ทุกคนนั้นได้มารับวัคซีนตามที่รัฐบาลได้จัดสรรให้ ดังนั้นวันนี้วันแรกของการฉีดวัคซีน รอบคิวของเทศบาลและพื้นที่ตำบลข้างเคียงทำให้มีประชาชนมายืนรอต่อคิวแบบ New Normal รับการฉีดวัคซีนกันตั้งแต่ช่วงเช้า”

นายกเทศมนตรีเมืองเมืองพล กล่าวต่ออีกว่า เมื่อผู้ที่ได้รับการฉีดวัคซีนแล้วและเป็นคนในเขตเทศบาลเมืองเมืองพล และมีทะเบียนบ้านในเขตเทศบาลฯเจ้าหน้าที่จะให้บัตรชิงโชค โดยที่ผู้ที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไปได้รับบัตรที่มีต้นขั้วและเรียงลำดับหมายเลข จะมีเจ้าหน้าที่ประจำจุดเพื่อให้ส่งเอกสารชิงรางวัล ขณะที่ประชาชนทั่วไปจะได้รับคูปองส่วนลดร้านอาหารในเขตเทศบาลฯที่มีเข้าร่วมกว่า 50 ร้าน ที่ทั้งลดแลกแจกแถมให้กับผู้ที่มาฉีดวัคซีนที่ถือเป็นการสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ครั้งสำคัญของคน อ.พล อย่างไรก็ตามเมื่อครบกำหนดการฉีดวัคซีนในวันที่ 9 ก.ค.แล้ว เจ้าหน้าที่จะรวบรวมข้อมูลและตรวจสอบรายชื่อ เพื่อให้ผู้ที่ได้รับการฉีดวัคซีนและเป็นคนในเขตเทศบาลฯได้ลุ้นรับทองคำที่เป็นรางวัลใหญ่ 3 รางวัล รวมไปถึงเครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ ที่ผู้มีจิตศรัทธาได้มาร่วมบริจาค โดยจะทำการจับรางวัลในวันที่ 16 ก.ค.ที่จะถึงนี้

นครพนม - องคมนตรี เชิญสัญญาบัตร พัดยศ ผ้าไตร พระราชทาน ถวายแด่ "พระราชมงคลวัชโรดม" พระเกจิเมืองนครพนม

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ องคมนตรี เชิญสัญญาบัตร พัดยศ ผ้าไตร พระราชทาน ถวายแด่พระราชมงคลวัชโรดม พระเกจิอายุ 101 ปี

วันที่ 4 กรกฎาคม 2564  ที่วัดโพธิ์ชัย บ้านโพนตูม หมู่ที่ 4 ตำบลก้านเหลือง อำเภอนาแก จังหวัดนครพนม พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ นายศุภชัย ภู่งาม องคมนตรี เชิญสัญญาบัตร พัดยศ และผ้าไตร พระราชทาน ถวายแด่พระราชมงคลวัชโรดม หรือ หลวงปู่แสง จันทวังโส อายุ 101 ปี พระเกจิอาจารย์ชื่อดังของจังหวัดนครพนม โดยมีนายไกรสร กองฉลาด ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม พร้อมด้วย นายทวีศักดิ์ ชัยธันยาภัทร ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดนครพนม พลตรี สามารถ จินตสมิทธิ์ ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 210 พลตำรวจตรี ธนชาติ รอดคลองตัน ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครพนม และคณะหัวหน้าส่วนราชการ เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องและผู้นำชุมชุมชนท้องถิ่นร่วมประกอบพิธี

พระราชมงคลวัชโรดม (แสง จันทวังโส) เป็นพระสงฆ์ที่เคร่งครัด เปี่ยมด้วยคุณธรรมและเมตตา เป็นที่พึ่งของชาวบ้าน อุทิศตนรับใช้พระพุทธศาสนาอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันมีอายุ 101 ปี 80 พรรษา มีนามเดิมว่า นายแสงวงศ์ วงษ์ตาผา เกิดเมื่อวันที่ 10 มีนาคม 2463 แรม 6 ค่ำ เดือน 4 ปีมะแม ตรงกับสมัยรัชกาลที่ 6 บิดาชื่อนายบุญจันทร์ มารดาชื่อนางสิงห์ เป็นชาวบ้านโพนตูม ตำบลก้านเหลือง อำเภอนาแก

ท่านได้เข้าสู่ร่มกาสาวพัสตร์ด้วยการบรรพชาเป็นสามเณรหน้าไฟเพื่ออุทิศส่วนกุศลและส่งดวงวิญญาณให้กับคุณตาที่ล่วงลับ เมื่ออายุ 19 ปี ที่วัดศรีสำราญจิต บ้านดอนโทน หมู่ที่ 5 ตำบลก้านเหลือง มีพระครูนาครธรรมนิเทศ เจ้าอาวาสวัดศรีสำราญจิตเป็นพระอุปัชฌาย์ และเมื่อเสร็จพิธีอุทิศส่วนกุศลและส่งดวงวิญญาณแล้ว เจ้าอาวาสไม่ยอมให้ลาสิกขาและพาเดินธุดงค์ไปยังสถานที่ต่าง ๆ ตามจังหวัดขอนแก่น จังหวัดร้อยเอ็ด จนถึงจังหวัดอุบลราชธานี และได้เข้าจำพรรษาอยู่ที่วัดบ้านแก้ง อำเภอเขมราฐเรื่อยมา

กระทั่งวันที่ 3 ตุลาคม 2482 ท่านอายุได้ 22 ปี จึงได้เข้าพิธีอุปสมบทเป็นพระภิกษุ มีพระครูบริหารเกษมรัฐ เป็นพระอุปัชฌาย์ มีพระอุย เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระดม เป็นพระอนุสาวนาจารย์ โดยหลังอุปสมบทได้มุ่งมั่นเล่าเรียนด้วยปฏิภาณไหวพริบที่ดีเลิศจนสำเร็จการศึกษาแผนกธรรม นักธรรมชั้นตรี–โท–เอก ตามลำดับ ทั้งยังได้เล่าเรียนอักขระเลขยันต์และวิทยาคมต่าง ๆ จนเชี่ยวชาญ

ท่านเป็นพระภิกษุผู้ปฏิบัติชอบตามพระธรรมวินัย คอยเทศนาธรรมโวหารโปรดญาติโยมและชาวบ้านในละแวกนั้น

หลายปีต่อมาจึงได้กลับบ้านเกิด มาจำพรรษาอยู่ที่วัดโพธิ์ชัย บ้านโพนตูม และด้วยเป็นพระที่มีความสมถะ ปฏิบัติดี มีความรู้ลึกซึ้งแตกฉาน ในช่วงที่มีผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ชุกชุม ได้นำสมุนไพรที่อยู่ในป่าลึกภูดงน้อย ตำบลก้านเหลือง มาช่วยรักษาโรคภัยไข้เจ็บให้กับชาวบ้านจนหายป่วย จึงมีชาวบ้านและลูกศิษย์ที่เลื่อมใสศรัทธาจำนวนมาก แวะเวียนมากราบไหว้และทำบุญไม่ขาดสาย

ด้วยการบำเพ็ญประโยชน์ต่อพระพุทธศาสนาและดูแลการเจ็บป่วยของชาวบ้าน จึงได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตร นามพระครูอุดมรังสี และดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดโพธิ์ชัย รวมทั้งเป็นเจ้าคณะตำบลก้านเหลือง

และในครั้งนี้ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็น "พระราชมงคลวัชโรดม พุทธาคม ธรรมพิสิฐ มหาศณิสสร บวรสังฆาราม คามวาสี" พระราชาคณะชั้นราช มีฐานานุศักดิ์ตั้งฐานานุกรมได้ 4 รูป คือ พระครูปลัด 1 พระครูสังฆรักษ์ 1 พระครูสมุห์ 1 และพระครูใบฎีกา 1


ภาพ/ข่าว  สุเทพ หันจรัส ผสข.นครพนม

สุรินทร์ - แม่ทัพภาคที่ 2 ตรวจเยี่ยมความพร้อมหน่วยฝึกทหารใหม่ มทบ.25,ร23.พัน 3 กำชับดูแลทหารใหม่อย่างใกล้ชิด ภายใต้มาตรการ covid-19 อย่างเคร่งครัด

วันที่ 1 กรกฎาคม 2564 พลโทธเนศ วงศ์ชะอุ่ม แม่ทัพภาคที่ 2 พร้อมด้วย พลตรีสาธิต เกิดโภค ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 25 ,พลตรีอดุลย์ บุญธรรมเจริญ ผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี พันเอกสงคราม โชคชัย ผู้อำนวยการโรงพยาบาลค่ายวีรวัฒน์โยธิน ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมความพร้อมรับทหารใหม่ ผลัดที่ 1 ประจำปี 2564 ณ หน่วยฝึกกองร้อยมณฑลทหารบกที่ 25 และหน่วยฝึกทหารใหม่ ร.23 พัน 3 อำเภอเมือง จังหวัดสุรินทร์

เพื่อตรวจเยี่ยมความพร้อมการรับทหารใหม่ จำนวน 111 นาย ที่เข้ามาประจำการในวันที่ 1 กรกฎาคม 2564 พร้อมเยี่ยมชมการสาธิตขั้นตอนการปฏิบัติในการรับทหารใหม่ โดยเน้นย้ำการปฏิบัติต้องอยู่ภายใต้มาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด -19 อย่างเคร่งครัด ตลอดจนให้คำแนะนำในการปฏิบัติต่าง ๆ แก่หน่วยฝึก โดยจะมีการกักตัวทหารใหม่ จำนวน 14 วัน ก่อนเริ่มทำการฝึก  และการฝึกจะเป็นในลักษณะปิด (บับเบิ้ลเทรนนิ่งแอเรีย) มีทั้งการตรวจสอบ การคัดกรอง การกักตัวและมาตรการของการควบคุมในการพบปะ โดยจำกัดสถานที่ เพื่อลดการนำเชื้อเข้าสู่หน่วยฝึก และลดการกระจายเชื้อเข้าสู่หน่วยทหาร รวมถึงเพื่อควบคุมการติดเชื้อของหน่วยฝึก ในกรณีที่มีการแพร่ระบาด

โดยมีครูฝึกทหารใหม่ ผู้ช่วยผู้ฝึก ครูนายสิบ ให้การต้อนรับ แม่ทัพภาคที่ 2 ได้เน้นย้ำผู้ฝึกทหารใหม่ ผู้ช่วยผู้ฝึก ครูนายสิบ และครูทหารใหม่ทุกนาย ให้ปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มกำลังความสามารถ ซึ่งการรับทหารใหม่เข้ามาในหน่วย ทุกคนมีหน้าที่ที่จะฝึกอบรม สอนทหารใหม่มีระเบียบวินัยเป็นทหารของชาติ ทั้งยังกำชับถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส covid-19 ที่มีความรุนแรงในปัจจุบัน ให้หน่วยฝึกปฏิบัติตามมาตรการป้องกันของกองทัพบก และกระทรวงสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด โดยให้หน่วยฝึกวางแผนการปฏิบัติตามระเบียบ ปฏิบัติประจำวัน ให้มีความเหมาะสม


ภาพ/ข่าว  ปุรุศักดิ์ แสนกล้า 

กาฬสินธุ์ – บูรณาการท้องถิ่น ใส่ใจความสะอาดตามค่านิยม 11 ประการ

จังหวัดกาฬสินธุ์ ร่วมกับสำนักงานท้องถิ่นจังหวัดกาฬสินธุ์ แขวงทางหลวงกาฬสินธุ์ แขวงทางหลวงชนบทกาฬสินธุ์ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคจังหวัดกาฬสินธุ์ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจังหวัดกาฬสินธุ์ และแขวงทางหลวงสกลนคร ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือรักษาความสะอาดของถนน เพื่อปรับปรุงภูมิทัศน์บริเวณสองข้างทางให้มีความสะอาด สวยงาม เป็นระเบียบเรียบร้อย สองคล้องกับค่านิยม 11 ประการ “ใส่ใจความสะอาด” ของผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์

เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2564 เวลา 09.00 น. ที่ห้องประชุมโสมพะมิตร ศาลากลาง จ.กาฬสินธุ์ ชั้น 4 นายทรงพล ใจกริ่ม ผวจ.กาฬสินธุ์ เป็นประธานบันทึกข้อตกลง ว่าด้วยความร่วมมือในการรักษาความสะอาดของถนน ในเขตพื้นที่รับผิดชอบขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ระหว่างแขวงทางหลวงกาฬสินธุ์ แขวงทางหลวงชนบทกาฬสินธุ์ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค จ.กาฬสินธุ์ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จ.กาฬสินธุ์ และแขวงทางหลวงสกลนคร โดยมีนายเลิศบุศย์ กองทอง รอง ผวจ.กาฬสินธุ์ นายสนั่น พงษ์อักษร รอง ผวจ.กาฬสินธุ์ นายปัญญา ปานแก้ว ท้องถิ่น จ.กาฬสินธุ์ นางดวงตา พายุพล ผู้อำนวยการแขวงทางหลวงกาฬสินธุ์ พ.จ.ต.สำเนียง  หวังเจริญ ผอ.กลุ่มงานส่งเสริมและพัฒนาท้องถิ่น พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นใน จ.กาฬสินธุ์ 151 แห่ง ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงอย่างพร้อมเพรียง

นายทรงพล ใจกริ่ม ผวจ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า ตามที่ตนได้กำหนดแนวทางการปฏิบัติราชการด้วยค่านิยม 11 ประการ ประกอบด้วย

1.ความรู้คู่คุณธรรม

2.ปฏิบัติตามกฎหมาย

3.ใส่ใจความสะอาด

4.มีมารยาทแบบไทย

5.รักษาวินัยจราจร

6.ทรัพยากรต้องรักษา

7.รู้ค่าประชาธิปไตย

8.ครอบครัวปลอดภัย

9.ห่างไกลยาเสพติด

10.ยึดหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง 

11.เคียงคู่จิตอาสา

ซึ่งตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา 9 เดือนที่ปฏิบัติหน้าที่ผู้ว่าราชการ จ.กาฬสินธุ์ ได้ร่วมกับส่วนราชการ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น รัฐวิสาหกิจ เอกชนและทุกภาคส่วน ดำเนินการอย่างต่อเนื่อง ควบคู่กับการบริหารราชการและพัฒนาด้านอื่นๆ เพื่อให้การพัฒนาเดินหน้า นำมาซึ่งความอยู่เย็นเป็นสุข และความอยู่ดีกินดีมาสู่พี่น้องประชาชนชาวกาฬสินธุ์

นายทรงพลกล่าวอีกว่าในส่วนของการลงนามบันทึกข้อตกลง ว่าด้วยความร่วมมือในการรักษาความสะอาดของถนนดังกล่าวนั้น เนื่องจากถนนทุกสาย ซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของหลายหน่วยงาน บางสายอยู่ในความรับผิดชอบของแขวงทางหลวงกาฬสินธุ์ หรือแขวงทางหลวงชนบทกาฬสินธุ์ และอยู่ในพื้นที่ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ซึ่งเป็นหน่วยงานที่อยู่ใกล้ชิดกับถนน ดังนั้นเพื่อให้เกิดความร่วมมือในการดูแลถนนร่วมกัน ในรูปแบบของการบูรณาการ ทั้งงบประมาณ รวมถึงการการปรับปรุงภูมิทัศน์ และการรักษาความสะอาด

นายทรงพลกล่าวเพิ่มเติม เพื่อให้การดำเนินโครงการถนนสะอาด เกิดการบูรณาการ เป็นไปด้วยความเรียบร้อย จึงได้ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงหรือเอ็มโอยู ว่าด้วยความร่วมมือในการรักษาความสะอาดของถนน ในเขตพื้นที่รับผิดชอบขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ระหว่างแขวงทางหลวงกาฬสินธุ์ แขวงทางหลวงชนบทกาฬสินธุ์ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค จ.กาฬสินธุ์ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จ.กาฬสินธุ์ และแขวงทางหลวงสกลนคร ทั้งนี้ เพื่อปรับปรุงภูมิทัศน์บริเวณสองข้างทางให้มีความสะอาด สวยงาม เป็นระเบียบเรียบร้อย สอดคล้องกับค่านิยม 11 ประการ  ข้อที่ 3 “ใส่ใจความสะอาด” ของผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ดังกล่าว

สุรินทร์ – เริ่มวันแรก บรรยากาศการฉีดวัคซีน "ซิโนฟาร์ม" ที่จังหวัดสุรินทร์คึกคัก ประธานหอการค้าสุรินทร์ เผยว่า ยังมีโอกาสนำเข้าวัคซีนยี่ห้ออื่น เพื่อเป็นทางเลือก

วันที่ 30 มิถุนายน 2564 ที่ ศูนย์ฉีดวัคซีน ชั้น 2 โรงพยาบาลรวมแพทย์หมออนันต์ นายเสริมศักดิ์ สีสันต์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ พร้อมด้วยนายวีรศักดิ์ พิษณุวงษ์ ประธานหอการค้าจังหวัดสุรินทร์ และแพทย์หญิง มนัสลักษ์ อริยะชัยพาณิชย์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลรวมแพทย์ (หมออนันต์) เข้าสังเกตการณ์การให้กำลังใจประชาชน และทีมงานจุดฉีดวัคซีนวัคซีนตัวเลือกซิโนฟาร์ม วันแรก ให้แก่ประชาชนชาวจังหวัดสุรินทร์

โดยหอการค้าจังหวัดสุรินทร์ได้สั่งจองวัคซีนซิโนฟาร์มจากราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ จำนวน 1,200 โดส โดยกลุ่มที่ได้รับการฉีดส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มคณะครูโรงเรียนเอกชน ห้างร้าน บริษัท และผู้สูงอายุ ทั้งนี้ นายนายวีรศักดิ์ พิษณุวงษ์ ประธานหอการค้าจังหวัดสุรินทร์ เผยว่า วัคซีนซิโนฟาร์ม ที่ได้รับการจัดสรรมาจากราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ จำนวน 1,200 โดส ในล็อตแรกนี้ ได้นำมาฉีดให้กับประชาชน ภาคเอกชน ในจังหวัดสุรินทร์ ที่มีความต้องการวัคซีนทางเลือก 

โดยหอการค้าจังหวัดสุรินทร์ได้ร่วมกับโรงพยาบาลรวมแพทย์หมออนันต์ จัดตั้งเป็นศูนย์ฉีดวัคซีนซิโนฟาร์ม วัคซีนทางเลือกในครั้งนี้ ซึ่งอาจจะพอบรรเทาความต้องการ จากภาคเอกชนลงได้ไม่มากก็น้อย โดยเห็นได้ว่ามีประชาชนสนใจเข้าจองวัคซีนเป็นอีกจำนวนมาก โดยทางหอการค้าจังหวัดสุรินทร์ จะทำการสำรวจความต้องการวัคซีนทางเลือกซิโนฟาร์ม และยี่ห้ออื่น ๆ ของประชาชนชาวจังหวัดสุรินทร์อีกครั้ง


ภาพ/ข่าว  ปุรุศักดิ์ แสนกล้า 

อุบลราชธานี - พัฒนาผลิตภัณฑ์ผ้าและเครื่องแต่งกายให้เป็น Premium OTOP

นายศุภศิษย์ กอเจริญยศ รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี พบปะกลุ่มผู้ผลิต ผู้ประกอบการ OTOP ที่เข้าร่วมโครงการพัฒนาผลิตภัณฑ์ผ้าและเครื่องแต่งกายให้เป็น Premium OTOP กิจกรรมที่ 3 สร้างการรับรู้ภูมิปัญญาผ้าและเครื่องแต่งกาย  ณ หอประชุมไพรพะยอม มหาวิทยาลัยราชภัฎอุบลราชธานี

โครงการดังกล่าวกรมการพัฒนาชุมชน ได้มอบหมายให้จังหวัดอุบลราชธานี ดำเนินการ กลุ่มเป้าหมายประกอบด้วย ผู้ผลิต ผู้ประกอบการจากจังหวัดอุบลราชธานี ร้อยเอ็ด มุกดาหาร บึงกาฬ อำนาจเจริญ และจังหวัดศรีสะเกษ จำนวน 50 กลุ่ม/ราย เพื่อเผยแพร่พระอัจฉริยภาพของสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ด้านการออกแบบเครื่องแต่งกายสิ่งทอและการอนุรักษ์ผ้าไทยให้เห็นเป็นที่ประจักษ์ และพัฒนาคุณภาพผลิตภัณฑ์ผ้าและเครื่องแต่งกายให้เป็นผลิตภัณฑ์พรีเมี่ยม เป็นที่ต้องการของตลาด

พร้อมนี้รองผู้ว่าราชการจังหวัด ได้กล่าวขอบคุณกรมการพัฒนาชุมชน โดยสำนักงานพัฒนาชุมชนและคณะวิทยากร เจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบโครงการ ตลอดจนผู้ผลิต ผู้ประกอบการ และได้เน้นย้ำให้ทุกภาคส่วน บูรณาการการดำเนินงานโครงการให้สำเร็จตามวัถุประสงค์ที่ตั้งไว้


ภาพ/ข่าว  กิตติภณ เรืองแสน


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top