Friday, 25 April 2025
POLITICS NEWS

เทพไท สุดปลื้ม!! ปลดล็อคพืชกระท่อมประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว เป็นผลงานชิ้นสุดท้ายก่อนพ้น ส.ส.

นายเทพไท เสนพงศ์ อดีตส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ได้โพสต์ Facebook ส่วนตัว ข้อความว่า ผมรู้สึกดีใจและภูมิใจ ในการทำหน้าที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ที่เมื่อวานนี้ (26/5/64) ได้มีการประกาศในราชกิจจานุเบกษา ให้พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่8) พ.ศ.2564 และมีผลบังคับใช้หลังจากวันประกาศอีก 90 วัน คือจะมีผลบังคับตั้งแต่วันที่ 24 สิงหาคม 2564 เป็นต้นไป ที่ทุกคนสามารถบริโภคพืชกระท่อมได้อย่างอิสระเสรี ไม่ผิดกฎหมาย 

ส่วนรายละเอียดเกี่ยวกับการตวบคุม และการใช้พืชกระท่อมทั้งหมด รัฐบาลจะต้องออกพระราชบัญญัติพืชกระท่อมอีกหนึ่งฉบับ ให้แล้วเสร็จภายใน 90 วัน เพื่อใช้ในการควบคุมพืชกระท่อม ตั้งแต่การบริโภค การปลูก การแปรรูป และการทำเป็นพืชเศรษฐกิจ เพื่อป้องกันไม่ให้มีการนำพืชกระท่อม ไปใช้ในทางที่ผิดจากวัตถุประสงค์ หรือเจตนารมณ์ของการปลดล็อคพืชกระท่อม ที่ต้องการให้มีการใช้พืชกระท่อม อย่างอิสระเสรี 

ผมในฐานะที่เป็นผู้ริเริ่ม ผู้จุดประกายเรื่องการปลดล็อคพืชกระท่อม ในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร และเป็นผู้ยื่นญัตติขอให้สภาฯ ตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อศึกษาปัญหาและแนวทางแก้ไขพืชกระท่อม จนประสบความสำเร็จ และได้รับหน้าที่เป็นรองประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญ และเป็นประธานอนุกรรมมาธิการปลดล็อคพืชกระท่อมอีกด้วย 

ผมต้องขอแสดงความยินดีกับพี่น้องประชาชนผู้บริโภคพืชกระท่อมทุกคน ที่รอคอยการปลดล็อคพืชกระท่อมมาเป็นเวลานานมาก และได้ประสบความสำเร็จในครั้งนี้ และขอขอบคุณเพื่อนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และสมาชิกวุฒิสภา ที่ได้ลงมติสนับสนุน พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่8) พ.ศ.2564 และพี่น้องประชาชนทุกคนได้เป็นกำลังใจ สนับสนุนช่วยกันผลักดันให้การปลดล็อคพืชกระท่อมจนประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่

หลังจากนี้เมื่อรัฐบาลได้ยื่นร่างพระราชบัญญัติพืชกระท่อม(ฉบับที่...) พ.ศ.... เข้าสู่ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรแล้ว ถ้าหากพรรคประชาธิปัตย์ จะมอบหมายให้ผมเข้าไปเป็นคณะกรรมาธิการวิสามัญ เพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติฉบับนี้อีก ผมก็ยินดีและพร้อมจะเข้าไปทำหน้าที่เป็นปากเสียงแทนพี่น้องประชาชน ในการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติพืชกระท่อมฯ เพื่อประโยชน์ของพี่น้องประชาชนต่อไป

ดรุณวรรณ รองโฆษก ปชป. เสนอ กทม. ใช้มาตรการควบคุมโควิด-19 อย่างเข้มข้นในชุมชน วอนทุกฝ่ายเห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวม พร้อมเชิญชวนคนกรุงเทพลงทะเบียนฉีดวัคซีนวันแรก

นางดรุณวรรณ ชาญพิพัฒนชัย รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่าหลังจากที่ทีมเศรษฐกิจทันสมัย และทีมงาน กทม. ของพรรค ได้มีการลงพื้นที่เพื่อช่วยเหลือพี่น้องประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 มาโดยตลอดตั้งแต่เกิดการระบาดระลอกใหม่เดือน เม.ย. 2564 และพรรคได้มีการจัดตั้งศูนย์บริหารสถานการณ์ฉุกเฉินโควิด-19 (ศปฉ.ปชป.) เพื่อช่วยหาเตียงให้ผู้ป่วยโควิด ทำให้พบปัญหาและอุปสรรคที่อยากให้ได้รับการแก้ไข ในหลายพื้นที่ของกรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นพื้นที่สีแดงมีจำนวนผู้ติดเชื้อกระจายอยู่ในหลายเขต และมียอดผู้ติดเชื้อสะสมสูงสุดในประเทศไทย อีกทั้งยังมีคลัสเตอร์ใหม่ ๆ เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง จึงทำให้มีความกังวลว่าตัวเลขของการระบาดจะยังคงสูงขึ้นอีก หากการแก้ปัญหายังไม่เป็นระบบ รวมถึงมีการบริหารจัดการที่ยังไม่ดีพอ

ทั้งนี้จึงได้มีข้อเสนอแนะเพื่อส่งไปยังกรุงเทพมหานคร ดังต่อไปนี้
1.) มีการคัดกรองนำตัวผู้ติดเชื้อที่อาศัยในชุมชน เข้ารับการรักษาในสถานพยาบาลโดยเร็ว จากการลงพื้นที่พบว่า ผู้ติดเชื้อส่วนใหญ่ที่กระจายอยู่ในชุมชนต่าง ๆ หลายแห่งเป็นชุมชนที่มีความแออัด และผู้ติดเชื้อบางส่วนไม่สามารถเข้าถึงสถานพยาบาลได้อย่างรวดเร็ว ต้องใช้ชีวิตร่วมกับครอบครัว และอยู่ร่วมกับคนในชุมชน อาจส่งผลให้เกิดการแพร่เชื้อต่อไปยังคนในครอบครัวและบุคคลอื่นได้หากไม่มีการป้องกันที่ดีพอ ทั้งนี้บางครอบครัวมีผู้ติดเชื้อเริ่มต้น 1 คน เมื่อไม่สามารถแยกตัวเองออกจากครอบครัวได้ ทำให้สมาชิกในครอบครัวติดเชื้อต่อไปอีกถึง 9 คน ดังนั้นหากไม่มีมาตรการนำผู้ป่วยออกจากที่พำนักอาศัยได้อย่างรวดเร็ว ก็จะทำให้กลายเป็นจุดกระจายเชื้อต่อไป

2.) กำหนดสถานที่พักคอย สำหรับกลุ่มเสี่ยงสูงที่พำนักอาศัยในชุมชนแออัด 
เมื่อมีผู้สัมผัสกับผู้ติดเชื้อความเสี่ยงสูง จากการที่เป็นคนในครอบครัวผู้ติดเชื้อ ดังนั้นคนกลุ่มนี้จำเป็นต้องกักตัว 14 วัน ตามมาตรการการควบคุมโรค แต่ก็ต้องประสบปัญหาในการกักตัว เพราะที่พักอาศัยมีความแออัด อยู่รวมกันกลุ่มใหญ่ในชุมชน ทำให้บุคคลเหล่านี้มีโอกาสติดเชื้อได้ ดังนั้นควรหามาตรการเพื่อกำหนดจุดที่เป็นสถานที่พักคอยให้กับผู้มีความเสี่ยงสูงเหล่านี้ในระหว่างกักตัว เมื่อพ้นระยะกักตัวแล้วและผลการตรวจเป็นลบ จึงค่อยกลับไปพำนักต่อที่บ้าน 

3.) มีกลไกในการส่งอาหารช่วยเหลือผู้ที่กักตัวถึงในชุมชน ที่ผ่านมาพรรคประชาธิปัตย์ ได้ทำโครงการ “ข้าวกล่องเดลิเวอรี่ ส่งตรงถึงบ้าน” ช่วยผู้กักตัว เนื่องจากเล็งเห็นว่ามีหลายครอบครัว มีหัวหน้าครอบครัวต้องถูกกักตัวทำให้ไม่สามารถออกมาประกอบอาชีพได้ และไม่สามารถออกมาหาอาหารรับประทานเองได้ในระหว่างกักตัว ดังนั้นกลไกในการส่งอาหารถึงบ้านจึงมีความสำคัญและเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยลดการแพร่กระจายเชื้อ ขณะที่การดำเนินการของกรุงเทพมหานครนั้นเป็นการให้บริการเฉพาะจุดไม่ครอบคลุม ดังนั้นจึงจำเป็นต้องหากลไกเพื่อทำให้พี่น้องประชาชนได้รับความช่วยเหลืออย่างทั่วถึง ซึ่งกรุงเทพมหานครเองมีข้อมูลสถิติผู้ติดเชื้อแต่ละเขต รวมไปถึงจำนวนผู้กักตัว ดังนั้นจึงควรนำข้อมูลเหล่านี้มาใช้ให้เกิดประโยชน์ 

นางดรุณวรรณ ยังกล่าวเสริมในตอนท้ายด้วยว่า การที่กรุงเทพมหานครจะเปิดให้ประชาชนได้ลงทะเบียนวัคซีนผ่านเวปไซต์ที่จะเริ่มต้นในวันนี้ว่าอยากเชิญชวนให้ทุกคนลงทะเบียนเพื่อรับการฉีดวัคซีน ในขณะเดียวกันก็อยากให้ กทม. เตรียมความพร้อมเรื่องระบบการบริหารจัดการหลังบ้าน ความพร้อมของเทคโนโลยีเพราะอาจประสบปัญหาเรื่องความเสถียรของตัวระบบได้ หากมีผู้สนใจลงทะเบียนพร้อมกันเป็นจำนวนมาก และตนยังมีข้อห่วงใยถึงการบริหารจัดการบางอย่างที่อาจทำให้เกิดความไม่เท่าเทียมได้ 

“การช่วยเหลือพี่น้องประชาชน ไม่อยากให้มีการเลือกปฏิบัติ เพราะประชาชนทุกคนมีสิทธิเข้าถึงบริการของรัฐอย่างเท่าเทียม อยากให้ทุกคนทิ้งประโยชน์ส่วนตน และมองประโยชน์ส่วนรวมเป็นที่ตั้ง หันหาเข้าหากัน ไม่มีฝ่าย ไม่มีพรรคการเมือง มีแค่ทีมประเทศไทย ที่จะต้องร่วมมือร่วมใจกันแก้ปัญหาของประเทศให้ผ่านพ้นไปได้โดยเร็วที่สุด” นางดรุณวรรณ กล่าว

โฆษกรัฐฯ แจง การจัดทำงบฯ ปี 65 รัฐบาลมีวงเงินเตรียมพร้อมสำหรับการดำเนินมาตรการเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 อย่างเหมาะสม

นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2565 ที่จัดทำงบประมาณโดยกำหนดกรอบวงเงินงบประมาณไว้ที่ 3.1 ล้านล้านบาทในปีงบประมาณ พ.ศ.2565 ว่า รัฐบาลได้มีการตั้งวงเงินงบกลาง รายการสำรองจ่ายเพื่อฉุกเฉินและจำเป็น เพื่อการเยียวยาประชาชนผู้ได้รับผลกระทบ นอกจากนี้ ยังมีกรอบวงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีสำหรับการดำเนินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจตามยุทธศาสตร์แผนแม่บทเฉพาะกิจ อาทิ การเสริมสร้างความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานรากภายในประเทศ (Local Economy) การปรับปรุงและพัฒนาปัจจัยพื้นฐานเพื่อส่งเสริมการฟื้นฟูและพัฒนาประเทศ (Enabling Factors) 

ซึ่งจะช่วยเยียวยา ฟื้นฟูผู้ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 ได้เช่นกัน รวมถึงพรก. ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ปัญหาเศรษฐกิจและสังคมจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เพิ่มเติมพ.ศ.2564 ที่ได้มีประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว ซึ่งจะนำไปใช้เพื่อแก้ไขปัญหาการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 และช่วยเหลือเยียวยา ชดเชยให้แก่ประชาชนทุกสาขาอาชีพ รวมถึงการฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโควิด-19 จึงขอมั่นใจได้ว่า ในปี 2564 และ 2565 รัฐบาลมีวงเงินเตรียมพร้อมสำหรับการดำเนินมาตรการเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19  อย่างเหมาะสม

เสธ.ทอ. ตรวจความก้าวหน้าศูนย์บริการวัคซีนกองทัพอากาศ

ที่อาคารรณนภากาศ โรงเรียนนายเรืออากาศนวมินทกษัตริยาธิราชพล.อ.อ.แอร์บูล สุทธิวรรณ ผู้บัญชาการทหารอากาศ (ผบ.ทอ.) มอบหมายให้ พล.อ.อ. ชานนท์ มุ่งธัญญา เสนาธิการทหารอากาศ ในฐานะผู้อำนวยการกองบังคับการศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคง กองทัพอากาศ (ผอ.บก.ศปม.ทอ.) ตรวจความก้าวหน้าการจัดตั้งสถานที่ให้บริการฉีดวัคซีนของกองทัพอากาศ ซึ่งได้มอบหมายให้ ศูนย์ปฏิบัติการพลเรือน-ทหาร ศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกองทัพอากาศ (ศป.พรท.ศบภ.ทอ.) จัดตั้งศูนย์บริการวัคซีนกองทัพอากาศขึ้น เพื่อเพิ่มจุดบริการฉีดวัคซีนให้แก่ประชาชนและข้าราชการในพื้นที่กรุงเทพมหานคร

พล.อ.อ.ชานนท์ ได้ตรวจความก้าวหน้าการจัดเตรียมพื้นที่ การติดตั้งป้ายประชาสัมพันธ์ขั้นตอนและจุดต่าง ๆ การติดตั้งระบบไฟฟ้าและไฟฟ้าสำรอง การติดตั้งคอมพิวเตอร์พร้อมอุปกรณ์ต่อพ่วงสำหรับลงทะเบียน การติดตั้งเครื่องกระจายสัญญาณอินเทอร์เน็ตแบบไร้สาย การจัดเตรียมวัสดุอุปกรณ์สำหรับการฉีด ห้องพยาบาลสำหรับผู้มีอาการข้างเคียง และสิ่งอำนวยความสะดวกรองรับประชาชนที่มาให้บริการ

ทั้งนี้ ศูนย์บริการวัคซีนกองทัพอากาศ ณ อาคารรณนภากาศ โรงเรียนนายเรืออากาศนวมินทกษัตริยาธิราช สามารถรองรับผู้มารับบริการฉีดวัคซีนได้วันละ 1,000 คน ในเบื้องต้นจะบริการฉีดวัคซีนให้กับกำลังพลของกองทัพอากาศที่มีความเสี่ยงในการติดเชื้อสูง หรือผู้ที่ปฏิบัติภารกิจในการดูแลช่วยเหลือประชาชนที่ติดเชื้อ กลุ่มเสี่ยง และผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค COVID-19 โดยได้ดำเนินการตามมาตรการป้องกันการติดเชื้อ (DMHTTA) มีจุดพักรอเพื่อสังเกตอาการหลังฉีดวัคซีน โดยมีบุคลากรทางการแพทย์ จากกรมแพทย์ทหารอากาศ ดูแลอย่างใกล้ชิด

“บิ๊กตู่” หนุนใช้ “ฟ้าทะลายโจร” รักษาอาการเจ็บป่วยผู้ติดเชื้อโควิด-19 ควบคู่กับยาฟาวิพิราเวีย

เมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม 2564 นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม สนับสนุนการใช้ฟ้าทะลายโจรควบคู่กับยาฟาวิพิราเวียในการรักษาอาการเจ็บป่วยของผู้ติดเชื้อโควิด-19 โดยเฉพาะผู้ติดเชื้อที่มีภาวะอักเสบ ซึ่งกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กระทรวงสาธารณสุข ได้ยืนยันว่าฟ้าทะลายโจรไม่มีฤทธิ์ป้องกันโควิด-19 แต่อาจใช้เพื่อปรับระบบภูมิคุ้มกันได้ ทั้งนี้ ข้อมูลจากกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ยืนยันว่าฟ้าทะลายโจรมีแอนโดรกราโฟไลด์ (Andrographolide) ซึ่งเป็นสารสำคัญมีฤทธิ์ต้านไวรัส และในการวิจัยพบว่า สามารถฆ่าไวรัสในหลอดทดลอง และยังฆ่าเชื้อแบคทีเรียบางตัวในหลอดทดลองได้ด้วย  

“นอกจากนี้ฟ้าทะลายโจรยังเป็นยาลดไข้ บรรเทาอาการหวัดที่ดี และลดการอักเสบ โดยได้ใช้เป็นยาในบัญชียาหลักในการรักษาโรคหวัดตั้งแต่ปี 2559 และสำหรับผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่มีภาวะอักเสบฟ้าทะลายโจรสามารถช่วยลดการอักเสบและส่งเสริมภูมิคุ้มกันได้ ซึ่งในปัจจุบันประเทศไทยกำลังศึกษาวิจัยเพิ่มเติมการใช้ ฟ้าทะลายโจรเพื่อป้องกันโควิด-19 อีกด้วย อย่างไรก็ตาม ด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในปัจจุบันประชาชนยังมีจำเป็นต้องฉีดวัคซีนโควิด-19 และปฏิบัติตามมาตรการสาธารณสุข D-M-H-T-T  เพื่อป้องกันการแพร่หรือติดเชื้อโรคไวรัสโควิด-19 ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ได้เน้นย้ำความสำคัญในการดูแลความปลอดภัยสุขภาพสูงสุด เพราะคนไทยทุกคนคือกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนประเทศหลังวิกฤตโควิด-19 คลี่คลาย” โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าว

นายอนุชา กล่าวว่า นอกจากเรื่องการรักษาโควิด-19 ด้วยยาจากสมุนไพรไทยแล้ว ปัจจุบันความต้องการสมุนไพรในตลาดโลกมีเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่องจากกระแสความใส่ใจในการดูแลสุขภาพ การป้องกันโรคด้วยวิถีธรรมชาติด้วยผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติ ซึ่งนายกรัฐมนตรีเห็นว่าเป็นโอกาสที่ดีของผู้ประกอบการและอุตสาหกรรมสมุนไพรไทย ดังนั้น รัฐบาลจึงเร่งผลักดันให้ประเทศไทยเป็นผู้ส่งออกวัตถุดิบสมุนไพรคุณภาพและผลิตภัณฑ์สมุนไพรชั้นนำในภูมิภาคอาเซียน เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของสมุนไพรไทยในตลาดต่างประเทศ ซึ่งสมุนไพรและเครื่องเทศในตลาดโลกมีมูลค่าสูงถึง 10,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ รวมทั้งมั่นใจว่าสมุนไพรไทยจะช่วยสร้างมูลค่าให้กับอุตสาหกรรมต่อเนื่อง เช่น เครื่องสำอาง และอาหารเสริม ตามนโยบาย BCG ของท่านนายกรัฐมนตรีและรัฐบาลด้วย

ส.ส.พปชร. นครศรีฯ ขอบคุณ รมว.ยุติธรรม หลังประสานงานกรมราชทัณฑ์ เรือนจำกลางนครศรีฯ รับซื้อผลผลิตฟักทองเกษตรกร หวังเรือนจำ 14 จังหวัดภาคใต้ ช่วยรับซื้อผลผลิตเพิ่ม เหตุเกษตรกรยังเดือดร้อนผลผลิตล้นตลาด-ราคาตกต่ำ

นายสัณหพจน์ สุขศรีเมือง ส.ส.เขต 2 จ.นครศรีธรรมราช และรองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ เปิดเผยความคืบหน้า การประสานขอความร่วมมือไปยังกรมราชทัณฑ์ เพื่อรับซื้อผลผลิตทางการเกษตรใช้ในการประกอบอาหารให้กับผู้ต้องขังว่า ตนขอขอบคุณนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ที่มีนโยบายให้กรมราชทัณฑ์ โดยเรือนจำกลาง จ.นครศรีธรรมราช ช่วยเหลือเกษตรกร รับซื้อฟักทองจำนวน 4,000 กก. ซึ่งขณะนี้เกษตรกรได้ขนส่งไปยังเรือนจำกลางจ.นครศรีฯ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ทั้งนี้แม้ว่าเรือนจำกลางจ.นครศรีฯ จะรับซื้อผลผลิตฟักทอง เป็นจำนวน  4 ตัน ซึ่งจะใช้ในการประกอบอาหารรวม 3 สัปดาห์ แล้วก็ตาม แต่ขณะนี้จากประมาณการผลผลิต คาดว่าจะมีฟักทองของเกษตรกรพื้นที่ลุ่มน้ำปากพนัง 5 อำเภอ คือ อ.หัวไทร อ.เชียรใหญ่ อ.ปากพนัง อ.ชะอวด และอ.เฉลิมพระเกียรติ ออกสู่ตลาดในเดือนมิ.ย.248 ตัน และเดือนก.ค.อีก 570 ตัน 

ดังนั้นตนจึงอยากขอให้ กรมราชทัณฑ์ โดยเรือนจำในพื้นที่ 14 จังหวัดภาคใต้พิจารณารับซื้อผลผลิตจากเกษตรกรเพิ่มเติม เพื่อให้เกษตรกรสามารถมีช่องทางการตลาดที่จะระบายผลผลิต ซึ่งขณะนี้มีราคาตกต่ำ และมีปริมาณเป็นจำนวนมาก โดยเป็นการช่วยเหลือให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้นมากกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน

นาวาเอก ทองย้อย แสงสินชัย 'กวีสองแผ่นดิน' ผู้ประพันธ์กาพย์เห่เรือขบวนพยุหยาตราชลมารค ได้โพสต์เฟซบุ๊กเตือนสติสังคมไทยว่า…

ไม่นานมานี้ นาวาเอก ทองย้อย แสงสินชัย 'กวีสองแผ่นดิน' ผู้ประพันธ์กาพย์เห่เรือขบวนพยุหยาตราชลมารค ได้โพสต์เฟซบุ๊กเตือนสติสังคมไทยว่า…

เคยไปคุยกับท่านมั่งหรือเปล่า

ตั้งแต่ต้นปีนี้เป็นต้นมา ผมมีเหตุต้องเข้าไปเกี่ยวข้องกับ “คำด่าพระเจ้าแผ่นดิน” เนือง ๆ ทำให้เกิดความคิดหลาย ๆ อย่าง

อย่างแรก คิดถึงคำที่คนพูดกันว่า เวลานี้บ้านเราเผด็จการทหารครองเมือง

แต่เวลานี้บ้านเราคนด่าพระเจ้าแผ่นดินกันเป็นว่าเล่น ด่าได้อย่างเสรียิ่งกว่าครั้งไหน ๆ ในประวัติศาสตร์เสียด้วยกระมัง

อย่างต่อไปที่ผมคิดก็คือ คนที่ด่าพระเจ้าแผ่นดินนั้น ทั้งหมดไม่เคยรู้จักพระเจ้าแผ่นดินเลย

“รู้จัก” - ขออนุญาตพูดเป็นภาษาสามัญ - ไม่ได้หมายถึงรู้จักชื่อ เคยเห็นในข่าวหรือเคยเห็นตัวจริง ๆ ตอนมีงานที่นั่นที่โน่น รู้จักแบบนั้นใครก็รู้จัก

แต่ “รู้จัก” ที่ว่านี้หมายถึงรู้ความจริงในชีวิตประจำวัน เช่นรู้ว่าพระเจ้าแผ่นดินตื่นนอนกี่โมง เข้านอนกี่ทุ่ม เช้าทำอะไร สายทำอะไร เย็นทำอะไร ตลอดจนพระเจ้าแผ่นดินไปทำอะไรไว้ที่ไหนอย่างไร-รู้เห็นจากของจริงด้วยตาตัวเอง ไม่ใช่จากชุดข้อมูลที่มีผู้จัดทำขึ้นแล้วเอามาบอกเรา

ทั้งหมดที่ด่าพระเจ้าแผ่นไม่เคยรู้จักพระเจ้าแผ่นดินตามความหมายที่ว่านี้ แต่ด่าพระเจ้าแผ่นดินได้เป็นช่องเป็นฉากเป็นวรรคเป็นเวร ราวกับได้สะกดรอยตามพระเจ้าแผ่นดินตั้งแต่ตื่นนอนจนเข้านอนทุกวันเวลาจนรู้ความจริงหมดไส้หมดพุง

และถ้าสังเกตสักหน่อยก็จะเห็นว่า คำด่าพระเจ้าแผ่นดินนั้นเหมือนคนด่าจะไม่ได้คิดเอง แต่ได้ข้อมูลมาจากแหล่งเดียวกัน คำด่าส่วนมากมีลักษณะเป็น “ข้อกล่าวหา” ซึ่งยังจะต้องพิสูจน์ทราบข้อเท็จจริงกันอีกมาก แต่ทั้ง ๆ ที่ยังไม่ได้พิสูจน์ว่าจริงหรือเท็จ ผู้ด่าก็เอามาด่าได้เต็มปากเต็มคำ 

และผู้ถูกด่าก็เสียหายไปเรียบร้อยแล้ว จริงหรือไม่จริงก็ไม่รู้นั่นแหละ

บางเรื่องฟังแล้วก็สังเวชใจ พระเจ้าแผ่นดินทรงเอาพระทัยใส่เรื่องพระพุทธศาสนา แต่คนด่าก็พลิกหาเหลี่ยมขึ้นมาด่าจนได้ 
เอากะพ่อกะแม่มันสิเออ คนจะด่านี่หาเหตุด่าได้ทุกเรื่องจริงๆ 

ในฐานะสมาชิกของสังคมที่จะต้องได้ยินได้ฟังได้รับข้อมูลอย่างเลี่ยงไม่ได้ ผมทำอย่างไร 

ผมก็เหมือนคนทั่วไป คือยังมีชอบมีชัง เวลาได้ยินใครด่าใครและผมจำเป็นต้องรับรู้ ผมมีวิธีจัดการของผม นั่นคือ รับรู้ไว้ก่อน แต่ยังไม่ให้ราคา ยังไม่ตัดสินใจว่าจะชอบหรือจะชัง 

รับไว้แล้วก็วางไว้ ไม่ต้องทำอะไร โดยเฉพาะอย่างยิ่ง-ไม่เอาไปบอกต่อ

ต่อจากนั้น ถ้าสนใจประเด็นไหน อยากรู้ความจริง ก็ลงมือสืบเสาะ แต่ไม่ใช่ไปรับเอาชุดข้อมูลที่ถูกทำขึ้นมาเป็นเกณฑ์ตัดสิน

สืบเสาะแล้ว ถ้ายังไม่รู้ว่า จริง ๆ แล้วมันเป็นอย่างไรกันแน่ ก็วางไว้ที่เดิม ไม่ลงมติชอบหรือชัง

ตรงนี้แหละที่คนทั่วไปมักไม่ได้ทำ-คือสืบสวนหาข้อเท็จจริงก่อน

ส่วนมาก พอได้รับข้อมูลมาก็ตัดสินทันที เชื่อทันที ชอบทันที ชังทันที แล้วก็เอาไปขยายต่อทันที ราวกับว่าข้อมูลที่ได้รับมานั้นพิสูจน์ทราบแล้วด้วยตนเองว่า-จริงทั้งหมด-ทั้ง ๆ ที่จริง ๆ แล้ว จริงหรือเท็จตัวเองก็รู้ตามที่เขาบอกอีกทีหนึ่งทั้งนั้น

คนที่ผลิตชุดคำด่าพระเจ้าแผ่นดินเขาก็คงใช้หลักความจริงข้อนี้แหละเป็นเหยื่อ คือด่าไปก่อนให้คนฟัง คนส่วนมากฟังแล้วไม่ทันได้คิดที่จะสืบสวนหาข้อเท็จจริง ก็จะเกลียดพระเจ้าแผ่นดินทันทีสมความปรารถนา

ยังมีข้อควรคิดอีก ถ้าสมมุติว่าเรื่องที่ด่าพระเจ้าแผ่นดินนั้นเกี่ยวกับผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชน ถ้าเรานิ่งเฉย แล้วถ้าเกิดเป็นเรื่องจริงจะว่าอย่างไร ควรจะทำอย่างไรกัน

ผมว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องใหญ่จนไม่มีทางไป ถ้าเราห่วงประเทศชาติและประชาชนถึงขนาดนั้น ก็ยังมีวิธีอื่นอีก

วิธีที่ตรงที่สุด ง่ายที่สุด แต่ไม่มีใครกล้าทำ ก็คือ-ก็ถามพระเจ้าแผ่นดินไปตรง ๆ นั่นเลย

สมัยสุโขทัย ใครเจ็บท้องข้องใจก็ไป ... สั่นกระดิ่งที่ปากประตูหั้น ... สมัยนี้ง่ายกว่ากันเยอะเลย ใช้ช่องทางไหนด่าพระเจ้าแผ่นดิน ก็ใช้ช่องทางนั้นนั่นแหละถามพระเจ้าแผ่นดินได้เลย 

ถามพระเจ้าแผ่นดินง่ายกว่าด่าพระเจ้าแผ่นดินเป็นไหน ๆ ไม่มีกฎหมายฉบับไหนห้ามพสกนิกรถามข้อข้องใจกับพระเจ้าแผ่นดิน เคยเฉลียวใจกันบ้างไหมว่า เราให้ความเป็นธรรมแก่พระเจ้าแผ่นบ้างหรือเปล่า คนด่าพระเจ้าแผ่นดินข้างเดียว แต่พระเจ้าแผ่นดินไม่มีโอกาสแก้ข้อกล่าวหาเลย ผมว่าการถามพระเจ้าแผ่นดินอย่างตรงไปตรงมานี่แหละคือการถวายโอกาสให้พระองค์ท่านตอบข้อข้องใจได้อย่างวิเศษที่สุด

หรือถ้าจะให้เจ๋งกว่านั้น ก็เข้าไปคุยกับท่านตัวต่อตัวเลย ท่านประทับอยู่ที่ไหน เราก็รู้ทางไปอยู่แล้ว ยากอะไร ไปขอเข้าเฝ้าทูลถามข้อข้องใจได้เลย 

ผมเชื่อว่าในบรรดาพระเจ้าแผ่นดินเมืองไทยของเรานี้ พระเจ้าแผ่นดินรัชกาลปัจจุบันเข้าพบหรือขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตเข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทได้ง่ายที่สุดพระองค์หนึ่ง

ผู้ที่เคยเข้าเฝ้าบอกว่า ในนั้น (คือในวังที่ประทับ) ใครเข้าเฝ้าเวลาไหน มีอาหารพระราชทานเลี้ยงตลอดเวลา ตามคำโบราณว่า “ก้นถึงฟาก ปากถึงน้ำ” - เรื่องเล็ก ๆ (แต่สำคัญมาก) แบบนี้มีใครเคยรู้บ้าง?

ใช้วิธีด่า แต่ไม่กล้าถามเจ้าตัวนี่ ผมนึกถึงพระเดชพระคุณพระธรรมปัญญาภรณ์ (ไพบูลย์ ชินวํโส ป.ธ.๗) เจ้าอาวาสวัดมหาธาตุราชบุรี หลวงพ่อท่านโดนแบบเดียวกัน คือหลวงพ่อท่านทำโน่นทำนี่ภายในวัดตลอดเวลา งานไม่ว่าง คนที่ตามความคิดท่านไม่ทันก็มักไม่เข้าใจว่าท่านทำอะไรของท่าน เมื่อไม่เข้าใจก็บ่น หนักเข้าก็ด่า 

หลวงพ่อท่านประกาศเสมอว่า ใครสงสัยเรื่องอะไรให้มาถามกับท่านตรงๆ อย่าไปฟังคนอื่น แต่เชื่อหรือไม่ว่า ไม่เคยมีใครกล้าไปถามท่าน แต่ชอบใช้วิธีฟังจากคนนั้นคนโน้น แล้วก็ด่าท่านต่อไป

ผมว่า ต่อไปนี้ถ้าใครอยากจะด่าพระเจ้าแผ่นดิน ก็ควรจะถูกถามกันมั่งว่า คนที่คุณด่าหรือกำลังคิดจะด่านั่น คุณเคยไปคุยกับท่านมั่งหรือเปล่า

นาวาเอก ทองย้อย แสงสินชัย


แหล่งรวม "บทความและคอนเทนต์แปลกใหม่!!!" แบบไร้ Toxic ติดตามได้ที่ THE STATES TIMES Blockdit
LINK : https://www.blockdit.com/pages/60583e7ff90e240c3e7f1c32

รัฐบาลพร้อมเปิดโรงพยาบาลสนามเพื่อผู้พิการ 1 มิ.ย. โมเดลระดับภูมิภาค ใช้นวัตกรรมทางการแพทย์ดูแลผู้ป่วย

เมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม 2564 นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า วันเดียวกันนี้ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี รมว.พาณิชย์ ในฐานะประธานคณะกรรมการส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้พิการ ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมความพร้อมการจัดตั้งโรงพยาบาลสนามบ้านวิทยาศาสตร์สิรินธรเพื่อคนพิการ ซึ่งเป็นการบูรณาการการทำงาน 3 กระทรวงหลัก ได้แก่ ก.สาธารณสุข ก.การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม และก.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จะเปิดให้บริการแก่ผู้ป่วยพิการอายุ 15-65ปี ในวันที่ 1 มิ.ย. โดยมี ศ.เอนก เหล่าธรรมทัศน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษาฯ นายสาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกรระทรวงสาธารณสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี คณะกรรมการส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ และนายกสมาคมผู้พิการ ร่วมลงพื้นที่ด้วย

รพ.สนามแห่งนี้ถือเป็นโมเดลระดับภูมิภาค ในการดูแลผู้พิการที่ป่วยด้วยโรคไวรัสโควิด19 ที่ไม่มีอาการหรือมีอาการไม่มาก สามารถรองรับผู้ป่วยพิการได้จำนวน 224 เตียง และความพิเศษอีกอย่างหนึ่งคือ มีการใช้นวัตกรรมและระบบเทคโนโลยีทางการแพทย์ เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้ป่วยระหว่างการรักษาตัว อาทิ รถเข็นบังคับระยะไกลส่งของให้ผู้ป่วยโควิด-19 เครื่องฆ่าเชื้อโรคด้วยแสงยูวีซี เพื่อลดการแพร่เชื้อ ระบบ TTRS (เครื่องช่วยสื่อสารสำหรับคนหูหนวก) เปลเคลื่อนย้ายผู้ป่วยความดันลบ ทั้งนี้ผู้พิการที่ติดเชื้อโควิด19 สามารถติดต่อรับการดูแลได้หลายช่องทาง กล่าวคือ ผ่านสายด่วนสาธารณสุข 1668 ศูนย์บริการช่วยเหลือสังคมสายด่วน 1300 และสายด่วนคนพิการ 1479 รวมถึงแอปพลิเคชั่น TTRS กรณีคนพิการทางการได้ยินและสื่อความหมาย

นางสาวรัชดา กล่าวว่า นายจุรินทร์ฯ ได้เน้นย้ำถึงความตั้งใจของรัฐบาลที่จะดูแลกลุ่มคนเปราะบางให้ดีที่สุด และทุกส่วนราชการได้ร่วมกันทำงานอย่างเต็มที่ ซึ่งผู้พิการเป็นหนึ่งในกลุ่มเป้าหมาย โดยภายใต้สถานการณ์โควิด-19 คณะกรรมการส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ ได้เห็นชอบมาตรการ อาทิ การขยายเวลาบัตรผู้พิการที่บัตรหมดอายุ เพื่อไม่ให้เสียสิทธิ์สวัสดิการต่าง ๆ การขยายเวลาพักหนี้กองทุนพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ การขยายเวลายื่นเรื่องขอกู้ฉุกเฉิน ปลอดดอกเบี้ย ปลอดคนค้ำ จากกองทุนฯ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนในช่วงเวลาของความยากลำบากนี้

“บิ๊กตู่” ลั่นเดินหน้าฉีดวัคซีนให้ประชาชน รวมกว่า 3 ล้านโดสแล้ว เป็นอันดับต้นของอาเซียน ภูมิใจไทยฉีดวัคซีนโควิด-19 เป็นอันดับ 5 ของอาเซียนแล้ว

เมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม 2564 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ประกาศให้การฉีดวัคซีนเป็นวาระแห่งชาติ พร้อมระบุว่าช่วงตั้งแต่เดือน มีนาคมที่ผ่านมา รัฐบาลได้เร่งระดมฉีดวัคซีนให้แก่ บุคลากรทางการแพทย์ สาธารณสุข อสม. ประชาชนในพื้นที่เสี่ยง เจ้าหน้าที่ที่มีส่วนเกี่ยวข้องและมีโอกาสสัมผัสผู้ป่วย ผู้สูงอายุที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป และผู้ที่มีโรคประจำตัว ตามจำนวนวัคซีนที่เข้ามา

ทั้งนี้ จากรายงานล่าสุดเมื่อ 25 พฤษภาคม 2564 ไทยมีจำนวนการฉีดวัคซีนโควิด-19 แล้วถึง 3,024,313 โดส เป็นอันดับ 5 ของอาเซียนและจะเลื่อนขึ้นเป็นอันดับ 2 ในอาเซียน ด้วยการระดมฉีดวัคซีนอีก 6-8 ล้านโดสภายในสิ้นเดือนมิถุนายนนี้ ซึ่งขณะนี้ มีผู้ลงทะเบียนจองฉีดวัคซีนผ่านระบบหมอพร้อมแล้วกว่า 7,931,765 ล้านด้วย

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ได้สั่งการให้ทุกหน่วยงานบูรณาการร่วมอำนวยความสะดวกการฉีดวัคซีนให้แก่ประชาชนทุกคนที่พร้อมฉีดวัคซีนและได้ลงทะเบียนผ่านช่องทางต่าง ๆ ตามแต่สะดวก เพื่อขอรับวัคซีน ให้เป็นไปอย่างสะดวก เรียบร้อย เพื่อร่วมกันสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ในประเทศ ควบคู่ไปกับการปฎิบัติตามมาตรการสาธารณสุข สวมหน้ากากอนามัย เว้นระยะห่าง เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดและควบคุมโรคแก่ประชาชนที่เข้ารับบริการฉีดวัคซีนในสถานที่พยาบาลทุกแห่งทั่วประเทศ เชื่อมั่นว่าประเทศไทยจะผ่านพ้นวิกฤตนี้ไปได้ด้วยกัน  

ปชป. เสนอ 3 ข้อจัดการวัคซีนภาครัฐอย่างมืออาชีพ พร้อมคำนึงพื้นที่เสี่ยงกระจายวัคซีนอย่างเป็นธรรม

เมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม 2564 นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรค และประธาน ส.ส. พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการบริหารจัดการการฉีดวัคซีนโควิด-19 ของรัฐบาลและ ศบค. ว่า จากการลงพื้นที่ของ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ และอดีต ส.ส. อดีตสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (สก.) ในพื้นที่ กทม. เพื่อช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากไวรัสโควิด-19 ซึ่งพบว่ามีประชาชนจำนวนมากเกิดความไม่สบายใจวิตกกังวลถึงการบริหารจัดการวัคซีนของรัฐบาล และ ศบค. ว่า จะบริหารเรื่องวัคซีนให้มีประสิทธิภาพได้หรือไม่ เนื่องจากมีข่าวสารไปถึงประชาชนจำนวนมากที่รับรู้ว่า ไม่มีวัคซีนเพียงพอจนมีหลายหน่วยงานประกาศเลื่อนการฉีดวัคซีนออกไป ในขณะที่ผู้ลงทะเบียนหมอพร้อมไว้ก็ไม่มั่นใจว่าจะได้ฉีดตามกำหนดเวลาคือ ตั้งแต่ 7 มิ.ย. เป็นต้นไปหรือไม่ ขณะที่ใน กทม. ก็มีการเชิญชวนให้ฉีดวัคซีนผ่านเว็บไซต์ ผ่านแอปพลิเคชันเพิ่มเติมขึ้นมาอีก

นายองอาจ กล่าวว่า นอกจากนั้นมีประชาชนร้องเรียนถึงความไม่เป็นธรรมของการฉีดวัคซีนเข้ามาจำนวนมากว่า ทำไมดารานักแสดง และผู้มีชื่อเสียงที่ไม่ใช่กลุ่มเสี่ยงจึงได้ฉีดวัคซีนก่อนประชาชนทั่วไป ซึ่งจากข้อร้องเรียนของประชาชน เราจึงมีข้อเสนอไปยังนายกรัฐมนตรีในฐานะผู้บริหารสูงสุดในการแก้ไขการแพร่ระบาดของโควิด-19 และ ศบค. ดังนี้

1.) การบริหารจัดการวัคซีนควรมีความชัดเจน เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้ประชาชนว่าจะได้รับการฉีดวัคซีนอย่างทั่วถึงตามวันเวลาที่ลงทะเบียนไว้ ควรทำให้ได้ตามนัดหมาย ไม่ควรเลื่อนนัดหมายออกไปอย่างไม่มีกำหนดและควรมีช่องทางอำนวยความสะดวกให้ประชาชนที่หลากหลาย แต่ไม่ควรซ้ำซ้อนกัน อันจะนำไปสู่ความสับสน จนก่อให้เกิดความไม่เชื่อมั่นในการบริหารจัดการวัคซีนของรัฐ

2.) การสื่อสารเกี่ยวกับวัคซีน ควรชัดเจนออกมาจากแหล่งข้อมูลเดียว เพื่อลดความสับสนของข้อมูลเนื่องจากขณะนี้มีการสื่อสารข้อมูลวัคซีนจนประชาชนสับสนว่า ควรจะปฏิบัติตามข้อมูลจากแหล่งใดจึงจะได้รับการฉีดวัคซีนที่รวดเร็วและถูกต้องเหมาะสมที่สุด

3.) กระจายวัคซีนอย่างเป็นธรรม โดยคำนึงถึงพื้นที่ที่มีความเสี่ยงสูงสุดและพื้นที่ที่มีความจำเป็นสูงสุดทั้งในแง่ของการควบคุมโรค และการแก้ไขผลกระทบทางเศรษฐกิจ

หวังว่าข้อเสนอนี้จะเป็นประโยชน์ต่อ ศบค. และผู้รับผิดชอบทุกระดับในการกระชับการทำงานให้เป็นไปตามความคาดหวังของประชาชนที่อยากเห็นการบริหารจัดการอย่างมืออาชีพ เพื่อเราจะผ่านพ้นห้วงเวลาความเลวร้ายจากโควิด-19 ไปด้วยกันในที่สุด


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top