Monday, 30 June 2025
POLITICS NEWS

"สาธิต" ชี้ หลังปีใหม่ เลี่ยงเชื้อโอมิครอนยาก เชื่อ "เวิร์คฟรอมโฮม" ลดแพร่กระจายได้

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงการเตรียมแผนรับมือเทศกาลปีใหม่ ว่า คิดว่าพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหว คงจะนำข้อมูลของกระทรวงสาธารณสุขมาหารือในที่ประชุมครม.วันนี้ โดยทางสธ.ได้จำลองฉากทัศน์และปัจจัยต่างๆที่จะเกิดขึ้น พร้อมขอความร่วมมือประชาชนที่จะปฏิบัติตามมาตรการเพื่อให้สถานการณ์เป็นไปตามฉากทัศน์ที่จำลองไว้ แม้เชื้อโอมิครอนจะมีอาการไม่รุนแรง เราก็พยายามไม่ให้กระทบต่อความเชื่อมั่น เพราะหากติดเชื้อจะเข้าสู่กระบวนการกักตัว จึงอาจกระทบต่อความรู้สึกของประชาชนในภาพรวมอยู่ดี หากช่วยกันทำให้ยอดติดเชื้อและผู้เสียชีวิตน้อยที่สุด ก็จะสามารถเดินหน้าสร้างความเชื่อมั่นเพื่อเปิดประเทศต่อได้

เมื่อถามว่าทางกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เตรียมมาตรการเวิร์คฟรอมโฮมไว้หรือไม่ นายสาธิต กล่าวว่า ทาง สธ.ได้เสนอมาตรการเวิร์คฟอร์มโฮม โดยหลังวันที่ 4 มกราคม 2565 จะนำมาตรการมาประเมินอีกครั้ง ทั้งนี้ ช่วงเทศกาลปีใหม่คงหลีกเลี่ยงเชื้อโอมิครอนยากขึ้น และหากมีการรวมตัวและระบาดครั้งใหม่ การเวิร์คฟอรมโฮมจะช่วยลดการแพร่กระจายเชื้อได้ จึงต้องเฝ้าระวังไว้ก่อน ซึ่งเป็นสิ่งที่เราทำได้เลย โดยเฉพาะหน่วยงานราชการ อยากให้ทำงานที่บ้านให้มากที่สุด และหากเอกชนทำตามจะเป็นประโยชน์มาก 

เมื่อถามย้ำว่าหลังปีใหม่ให้หน่วยงานราชการเวิร์คฟรอมโฮมใช่หรือไม่ นายสาธิต กล่าวว่า เป็นมาตรการที่ประกาศไปแล้วว่าขอความร่วมมือให้เวิร์คฟรอมโฮมมากที่สุดทั้งราชการและเอกชน และตัวอย่างที่ผ่านมาการรวมตัว เช่น การทานข้าวด้วยกันก็ทำให้เกิดแพร่ระบาดได้ ดังนั้น เราต้องป้องกันให้ดีที่สุด

ผู้สื่อข่าวถามว่าได้กำหนดระยะเวลา เวิร์คฟรอมโฮม หรือไม่ นายสาธิต กล่าวว่า หลังปีใหม่ไม่เกิน 2 อาทิตย์เราก็จะทราบตัวเลขการติดเชื้อและพบฉากทัศน์ที่เกิดขึ้น แต่หากร่วมช่วยปฏิบัติตามมาตรการดี และตัวเลขไม่ก้าวกระโดดจะทำให้มาตรการต่างๆเบาลง

“สุวัจน์” บอกฉายานักการเมืองเป็นสีสัน  “คนสำคัญ” เท่านั้นถึงจะได้

นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานที่ปรึกษาพรรคชาติพัฒนา กล่าวถึงการตั้งฉายานักการเมืองของสื่อมวลชน ว่า เป็นสีสันทางการเมืองของทุกปี และเป็นสีสันของระบอบประชาธิปไตยก่อนส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ไม่ต้องไปซีเรียส โดยบุคคลที่ได้รับการตั้งฉายาถือว่าเป็นคนสำคัญ จึงได้รับการนึกถึงจากสื่อมวลชน

“สมัยผมก็เคยได้รับฉายาหอกข้างแคร่ กับสุวัจน์ 24 ชม. เพราะ ผมประชุมตลอดแล้วก็ แถลงการทำงานทันที ทำให้สื่อสะท้อนตรงนี้ออกมา” นายสุวัจน์ กล่าว

“อนุทิน” มองบวก “ฉายา ว้ากซีน” ดี ทำติดหูคนจะได้ฉีดวัคซีนเยอะ เผย หลังปีใหม่ แนะหน่วยงานเวิร์กฟรอมโฮม 7วัน -สลับคนมาทำงาน

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)กรณีที่สื่อมวลชนประจำทำเนียบรัฐบาลตั้งฉายา “ว้ากซีน”ว่า “ก็ดี จะได้เป็นคำติดหู คนจะได้มาฉีดวัคซีนกันเยอะๆ”

 “นายกฯ” พอใจ ส่งออกสินค้าเกษตร อุตสาหกรรม ขยายตัวต่อเนื่อง ก.พณ. เร่งส่งออกทุกรูปแบบ รองรับการบริโภคฟื้นตัวต่อเนื่องทั่วโลก 

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ชื่นชมการส่งออกสินค้าเกษตรของไทย ขยายตัวได้ดีมาก ซึ่งกระทรวงพาณิชย์ ได้รายงานตัวเลขการส่งออกของไทยเดือนพฤศจิกายน มีมูลค่า 23,647.9 ล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็น  783,425 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 24.7% และดุลการค้าเดือนพฤศจิกายน เกินดุล 23,745 ล้านบาท ทั้งนี้ในส่วนของตัวเลขการส่งออก 11 เดือน มูลค่ารวม 246,243.2 ล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็น 7,731,391 ล้านบาท หรือประมาณ 7.73 ล้านล้านบาท เป็นบวก 11 เดือน 16.4 เปอร์เซ็นต์ โดยหมวดส่งออกสำคัญ 3 หมวด ประกอบด้วย หมวดสินค้าเกษตร หมวดสินค้าเกษตรอุตสาหกรรม และหมวดอุตสาหกรรม ดังนี้

1.หมวดสินค้าเกษตร เพิ่มขึ้น 14.2 เปอร์เซ็นต์  เป็นบวก 13 เดือนต่อเนื่องติดต่อกัน มูลค่าเดือนพฤศจิกายน 68,462 ล้านบาททุเรียนสด เพิ่มขึ้น 138.9 เปอร์เซ็นต์ ขยายตัวดีมากในตลาดจีนและเกาหลีใต้ มะม่วงสด เพิ่มขึ้น 48.6 เปอร์เซ็นต์ ขยายตัวดีมากในตลาดมาเลเซีย เกาหลีใต้ เมียนมา ญี่ปุ่นและลาว ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง บวก 13 เดือนต่อเนื่อง เดือนพฤศจิกายน เพิ่มขึ้น 48.6 เปอร์เซ็นต์ ขยายตัวดีมาก ในตลาดจีน ญี่ปุ่น ไต้หวัน เกาหลีใต้และมาเลเซีย ลำไยสด เดือนพฤศจิกายน เพิ่มขึ้น 24.7 เปอร์เซ็นต์ เป็นบวก 6 เดือนต่อเนื่อง ขยายตัวดีในตลาดจีน ฮ่องกง เวียดนาม มาเลเซียและฟิลิปปินส์ ยางพารา เดือนพฤศจิกายน เพิ่มขึ้น 23.5 เปอร์เซ็นต์ เป็นบวก 14 เดือนต่อเนื่อง 

2.หมวดสินค้าอุตสาหกรรมเกษตร ภาพรวมเพิ่มขึ้น 21.2% เดือนพฤศจิกายนขยายตัวเดือนที่ 9 ต่อเนื่อง สินค้าสำคัญเช่น น้ำตาลทราย เดือนพฤศจิกายน เพิ่มขึ้น 74 เปอร์เซ็นต์ ผลไม้แช่เย็นแช่แข็ง ผลไม้กระป๋องและแปรรูป เพิ่มขึ้น 34.5 เปอร์เซ็นต์ บวกเดือนที่ 2 ติดต่อกัน และอาหารสัตว์เลี้ยง บวกเป็นเดือนที่ 27 โดยเดือนพฤศจิกายน เพิ่มขึ้น 25.9 เปอร์เซ็นต์

3.หมวดสินค้าอุตสาหกรรม เดือนพฤศจิกายน เพิ่มขึ้น 23.1 เปอร์เซ็นต์ ขยายตัวต่อเนื่อง 9 เดือนติดต่อกัน ตัวอย่างเช่น สินค้าที่เกี่ยวเนื่องกับน้ำมัน เม็ดพลาสติก เคมีภัณฑ์ ปิโตรเลียมเหลว เป็นต้น เพิ่มขึ้น 72.9 เปอร์เซ็นต์ เป็นบวก 10 เดือนต่อเนื่อง เหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ เป็นบวก  12 เดือนต่อเนื่อง เดือนพ.ย.เพิ่มขึ้น 51.9 เปอร์เซ็นต์ อัญมณีและเครื่องประดับ เพิ่มขึ้น 24.9 เปอร์เซ็นต์เป็นบวกเดือนที่ 9 ติดต่อกัน แผงวงจรไฟฟ้า เพิ่มขึ้น 26.7 เปอร์เซ็นต์ บวกติดต่อกันเป็นเดือนที่ 12 คอมพิวเตอร์อุปกรณ์และส่วนประกอบ บวก 12 เดือนต่อเนื่อง  เพิ่มขึ้น 19.9 เปอร์เซ็นต์ รถยนต์อุปกรณ์และส่วนประกอบ เพิ่มขึ้น 13 เดือนต่อเนื่อง เป็น เพิ่มขึ้น 12 เปอร์เซ็นต์

“แรมโบ้” ลั่น “นายกฯ” ทำทุกอย่างเพื่อประชาชน และประเทศชาติ แม้เจอวิกฤติ รอบด้าน ก็ไม่เคยท้อ ซัด “เพื่อไทย” อย่าใช้โอกาสนำฉายารัฐบาล ที่สื่อตั้งให้มาเป็นประเด็นการเมืองโจมตีนายกฯ และรัฐบาล มั่นใจสื่อไม่อยากให้นำไปเป็นเครื่องมือใครทั้งสิ้น

นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีน.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ โฆษกพรรคเพื่อไทย วิพากษ์วิจารณ์ฉายารัฐบาลสะท้อนภาพการทำงานที่ผ่านมาจริง ว่าการตั้งฉายารัฐบาล ถือเป็นธรรมเนียบปฏิบัติของสื่อมวลชนประจำทำเนียบรัฐบาลทุกปีอยู่แล้ว ซึ่งในสมัยนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นรัฐบาลยังถูกตัองฉายาเช่นเดียวกัน

ทั้งนี้การตั้งฉายารัฐบาล ยื้อยุทธ์ ยังมีนัยยะที่ต้องยื้อ เพราะนายกฯเป็นคนที่ทำงานแก้ไขปัญหาให้กับบ้านเมืองและพัฒนาประเทศมาโดยตลอด แก้ไขปัญหาจนสถานการณ์คลี่คลายลงโดยเฉพาะในช่วงสถานการณ์โควิด-19 ขณะเดียวกันได้แก้ไขปัญหาที่รัฐบาลของพรรคเพื่อไทยได้ก่อหนี้สร้างปัญหาเอาไว้จากโครงการทุจริตมากมายอีกด้วย 

“สื่อให้ฉายานายกฯ ชำรุดยุทธ์โทรม ถือเป็นเรื่องธรรมดา เพราะมองว่าบ้านเมืองชำรุดมามากมายนายกฯต้องทำงานอย่างหนักมาโดยตลอดในการแก้ไขปัญหา ไม่เคยคิดถึงเรื่องของตัวเอง คิดถึงแต่ชาติบ้านเมืองและประชาชน  ตนเองขอบคุณสื่อและประชาชนที่เข้าใจการทำงานของนายกฯว่าทุ่มเทตลอด ตั้งแต่เข้ามารับหน้าที่นี้ ไม่เคยท้อแท้แม้งานหนัก ส่วนเรื่องสุขภาพก็เป็นไปตามวัย แต่ยังแข็งแรงทุกอย่างทั้งร่างกายและจิตใจยังมีความพร้อมที่จะทำงานเพื่อประชาชนต่อไป”

การบริหารราชการแผ่นดินตลอดทั้งปีที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ ถือได้ว่า เป็นผู้ที่รับบทหนักที่สุดแห่ง ไม่ว่าจะเป็นการแก้ปัญหาโควิด-19 การกระตุ้นเศรษฐกิจ การบริหารราชการ หรือแม้แต่เรื่องทางการเมือง ถูกโจมตีรอบด้าน นายกฯก็นิ่งอดทน มีสติไม่เคยคิดตอบโต้ เพื่อให้เกิดการเสียบรรยากาศ มีแต่ตั้งหน้าตั้งตาทำงานอย่างอดทนไม่เคยย่อท้อ

นายเสกสกล ระบุว่า ต้องขอขอบคุณบรรดาพี่น้องสื่อมวลชนประจำทำเนียบรัฐบาล ที่ได้ตั้งฉายาให้กับ นายกรัฐมนตรี  ซึ่งบรรดาสื่อคงทราบดีว่า ตลอดช่วง 2 ปีที่ผ่านมานั้น รัฐบาล และ นายกฯ นั้นเจอกับสถานการณ์ที่ไม่ปกตินัก ตั้งแต่เรื่องของปัญหาการเมืองในประเทศไทย ที่มีกลุ่มการเมืองต้องการเอาชนะกันทางการเมือง จนลืมประชาชน ลืมประเทศ เล่นการเมือง จนทำให้ประเทศชาติเสียหาย จนกระทั่งมาเจอกับการแพร่ระบาดของโควิด-19 ซึ่ง ทุกประเทศทั่วโลกก็เจอกันหมดและรุนแรงเหมือนกันทั้งโลก พล.อ.ประยุทธ์ ต้องนำพารัฐบาล ภายใต้สถานการณ์ ที่ยากลำบากยิ่ง แต่ตัวนายก ก็ไม่เคยหยุดที่จะคิด ทำ เพื่อแก้ปัญหาให้กับประชาชน และประเทศชาติ จนตอนนี้วิกฤติดังกล่าวนั้นค่อย ๆ คลี่คลาย ทำให้ประเทศได้รับการยกย่องให้ เป็นอันดับ 5 ของโลก ที่มีความมั่นคงด้านสุขภาพ  

ในขณะที่วิกฤติที่ถูกซ้ำเติม ตามมาก็คือวิกฤติเศรษฐกิจ ตั้งแต่ภาคครัวเรือนไปจนถึงภาคอุตสาหกรรม ซึ่งเรื่องนี้นายกฯ ก็ตระหนักดี จึงได้มีโครงการต่าง ๆ ออกมาช่วยเหลือประชาชนอย่างต่อเนื่อง  รวมถึงผู้ประกอบการต่าง ๆ ที่ได้รับผลกระทบต่างก็ได้ รับการช่วยเหลือ เยียวยา ดูแลอย่างทั่วถึง จนทำให้ ต่างประเทศจัดให้ประเทศไทย ติดอันดับ 1 ตลาดเกิดใหม่ที่น่าลงทุนที่สุด (1st in Bloomberg’s Emerging) ในปี 2564 โดย Bloomberg Study  สิ่งเหล่านี้พิสูจน์ได้ชัดว่ารัฐบาล ภายใต้การนำของพล.อ.ประยุทธ์ นั้นคิดทำ เพื่อประชาชน และประเทศชาติอย่างต่อเนื่อง 

นายเสกสกล กล่าวต่อว่า นอกจากปัญหาโควิด-19 และ เศรษฐกิจแล้ว สิ่งที่ต้องยอมรับอย่างหนึ่งที่เป็นปัญหาเช่นกันคือสถานการณ์ การเมืองในประเทศไทย ที่มีกลุ่มเคลื่อนไหวทางการเมืองที่กระทำทุกอย่างเพื่อให้ประเทศเกิดปัญหา  สอดรับ สอดคล้องกับการเมืองในสภา ของฝ่ายค้าน ที่ไม่เคยเสนอแนะแนวทางการแก้ปัญหาให้กับประชาชน แต่มุ่ง โจมตี ทำลายรัฐบาล อย่างต่อเนื่อง ดังนั้นจากสถานต่าง ๆ ตลอดปี 2564

เจ็บๆ คันๆ ฟังแล้วจี๊ด!! ‘ยื้อยุทธ์’ คือ ฉายารัฐบาล ปี 64 

สื่อมวลชน ประจำทำเนียบรัฐบาล ตั้ง ‘ฉายารัฐบาล’ ปี 64 ‘ยื้อยุทธ์’ ด้าน นายกฯ ‘ชำรุดยุทธ์โทรม’ ประวิตร ‘รองช้ำ’ อนุทิน ‘ว้ากซีน’ จุรินทร์ ‘นายกฯ บางโพล’ วาทะแห่งปี ‘นะจ๊ะ’

เมื่อวันที่ 27 ธ.ค. 64 ที่ทำเนียบรัฐบาล ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การตั้งฉายารัฐบาล และ รัฐมนตรีประจำปี ของผู้สื่อข่าวประจำทำเนียบรัฐบาล ที่ยึดถือเป็นธรรมเนียมปฏิบัติสืบต่อกันมา ในการสะท้อนความคิดเห็นของสื่อมวลชนต่อการทำงานของรัฐบาล โดยปราศจากอคติ ได้มีมติตั้งฉายารัฐบาล รัฐมนตรี และ วาทะแห่งปี ประจำปี 2564 ร่วมกันดังนี้ 

ฉายารัฐบาล : ‘ยื้อยุทธ์’ 
ภาพของรัฐบาล ที่ยื้อแย่งกันเองทั้งในส่วนของอำนาจ และ ตำแหน่ง โดยไม่สนใจประชาชน และการเดินหน้าประเทศ ถูกมองว่าเป็นเรื่องผลประโยชน์ส่วนตนมากกว่าส่วนรวม และมองการดำรงอยู่ของพล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะผู้นำรัฐบาล จะเป็นประโยชน์มากกว่า จึงต้องทำทุกอย่างเพื่อยื้อให้พล.อ.ประยุทธ์อยู่ต่อไป ไม่ว่าจะมีการชุมนุมขับไล่ไสส่งอย่างไร ใครไม่อยู่ แต่พล.อ.ประยุทธ์อยู่

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา : ‘ชำรุดยุทธ์โทรม’
การบริหารราชการแผ่นดินตลอดทั้งปีที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ ถือได้ว่า เป็นผู้ที่รับบทหนักที่สุดแห่งปี ถูกมองว่าล้มเหลว ไม่ว่าจะเป็นการแก้ปัญหาโควิด-19 การกระตุ้นเศรษฐกิจ การบริหารราชการ หรือแม้แต่เรื่องทางการเมือง ถูกโจมตีรอบด้าน แม้พล.อ.ประยุทธ์ จะยังอยู่ในตำแหน่งได้ แต่ก็ทรุดโทรม เสื่อมสภาพไม่ว่าจะเป็นทางร่างกายหรือจิตใจ  

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ : ‘รองช้ำ’ 
ตลอดทั้งปีที่ผ่านมา พี่ใหญ่ในตระกูล 3 ป. อย่าง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีประสบกับเรื่องช้ำๆ เจ็บซ้ำๆ มาโดยตลอด หลายสถานการณ์ต้องตกเป็นรอง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องงานหรือเรื่องการเมือง โดยเฉพาะปัญหาภายในพรรคพลังประชารัฐ ที่เกิดความแตกแยกอย่างหนัก สะเทือนถึงพี่น้องอีก 2 ป. สั่นคลอน ‘3 ป. Forever’ ซ้ายก็น้องรัก ขวาก็ลูกน้องที่รัก หักใจเลือกใครไม่ได้ สุดท้ายต้องยอมแบกความเจ็บช้ำไว้คนเดียว 

อนุทิน ชาญวีรกูล : ‘ว้ากซีน’
ล้อมาจากคำว่า ‘วัคซีน’ ภาพที่ผู้คนชกต่อยยื้อแย่งวัคซีน บุคลากรทางการแพทย์ ดาหน้าออกมาเรียกร้องวัคซีนชนิด mRNA ผู้คนว้าก โวย เหวี่ยง ตำหนิการจัดหาและให้บริการวัคซีน ที่ถูกเลื่อนไม่มีกำหนด เพราะวัคซีนไม่มาตามนัด ไม่ว่านายอนุทิน จะชี้แจงอย่างไร กระแสตอบรับโดยเฉพาะใน Social Media ไม่มีคำว่ารักษาน้ำใจ หรือ เห็นถึงความพยายามในการแก้ปัญหาภาวะวิกฤต จนนายอนุทิน ต้องออกโต้ตอบอย่างดุเดือด ผ่านสื่อและโซเชียลทุกครั้งที่มีโอกาส

จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ : ‘นายกฯ บางโพล’
แม้ปีนี้ยังไม่เข้าสู่โหมดการเลือกตั้ง แต่หัวหน้าพรรคการเมืองหลายพรรค แสดงความพร้อมประกาศตัวเป็นนายกรัฐมนตรี หนึ่งในนั้น คือนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกฯ และรมว.พาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ที่มีผลสำรวจความคิดเห็น หรือ โพล บางสำนักเท่านั้น ที่ต้องการให้นายจุรินทร์ ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนต่อไป เปรียบได้กับการเป็นนายกรัฐมนตรีแค่บางโพล ไม่ใช่ทุกโพล

สุพัฒน์พงษ์ พันธ์มีเชาว์ : ‘มหาเฉื่อย 4D’ (อ่านว่าโฟร์ดี)
ตลอดการดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ ยังแสดงฝีมือการแก้ปัญหาเศรษฐกิจได้ไม่เด่นชัด เช่น ปัญหาราคาน้ำมันแพง จนสมาคมรถบรรทุกออกมาประท้วงและหยุดวิ่งประชาชนกลายเป็นประชาชน เดือดร้อนทุกหย่อมหญ้า แม้จะผุดโปรเจกต์ต่างๆ ก็ถูกมองเป็นนโยบายขายฝัน ด้วยเอกลักษณ์ เดินถือแก้วกาแฟชิลๆ มอบนโยบายเหมือนบรรยายธรรม โดยเฉพาะนโยบาย 4D ท่องจนเป็นคาถาติดปาก จึงได้รับฉายานี้ไป

สุชาติ ชมกลิ่น : ‘สุชาติ ชมเก่ง’
เกือบทุกครั้งในการให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน เมื่อพูดถึงนโยบายของรัฐบาล หรือ งานในความรับผิดชอบ นายสุชาติมักจะขึ้นต้นประโยค ด้วยการชื่นชมพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หรือ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคของตนเองจะถูกยกยอปอปั้นอยู่เสมอ แถมยังติดสอยห้อยตามการลงพื้นที่ต่างๆ อีกทั้งยังเป็นรัฐมนตรีหนึ่งเดียว ที่ขันอาสาออกหน้ารับคำท้า ขึ้นชกมวยคาดเชือกกับนายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ แทนนายกรัฐมนตรี ที่ออกมาท้าว่า ใครแพ้ลาออก และ หากไม่รับคำท้าไม่ใช่ลูกผู้ชาย

‘ธรรมนัส’ ปัดเป็นไส้ศึก ร่วมก๊วนปาร์ตี้ พท. อัดสื่อบิดเบือน ชี้แค่พูดคุยกับ ‘หมอชลน่าน’

‘ธรรมนัส’ ขอบคุณสื่อมวลชนประจำรัฐสภา เชิญร่วมรับประทานอาหารในโอกาสส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ปัดเป็นไส้ศึกร่วมก๊วนปาร์ตี้ ‘พรรคเพื่อไทย’ ตามที่สื่อบางสำนักบิดเบือน

วันที่ 27 ธ.ค. 64 ร.อ. ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.เขต 1 และเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 24 ธ.ค. 64 ที่ผ่านมาตนเองขอขอบคุณพี่น้องสื่อมวลชนประจำรัฐสภา ที่เชิญตนเองไปร่วมรับประทานอาหารเนื่องในโอกาสวันส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ซึ่งถือเป็นงานสังสรรค์ปีใหม่กระชับความสัมพันธ์ระหว่างสื่อมวลชนและนักการเมืองตามปกติ อย่างไรก็ตาม ได้มีสื่อบางสำนักนำคลิปภาพบรรยากาศระหว่างงานดังกล่าวที่ตนเองได้พูดคุยอยู่กับนายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ซึ่งนำคณะ ส.ส.พรรคเพื่อไทย มาร่วมรับประทานอาหารเช่นเดียวกันไปวิพากษ์วิจารณ์ไม่ตรงกับข้อเท็จจริง โดยมีการโปรยหัวข่าวว่า แฟนคลับ พปชร.จวกยับ ‘ธรรมนัส’ โผล่ปาร์ตี้ร่วมก๊วน ‘พรรคเพื่อไทย’ ซึ่งตนเองถือว่าเป็นการบิดเบือนข้อเท็จจริงอย่างสิ้นเชิง

'ไชยันต์' โพสต์ห่วง!! 'ฟอร์ด-ทัดเทพ’ หลังลูกศิษย์เกียรตินิยมอันดับ 1 หายตัว!!

ศ.ดร.ไชยันต์ ไชยพร อาจารย์ประจำภาควิชาการปกครอง คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์รูปภาพและข้อความในเฟซบุ๊ก Chaiyan Chaiyaporn ระบุว่า... 

ยังจำวันแรก ตอน ฟอร์ด ทัตเทพ อยู่ปี 2 เดินเข้าเรียนวิชา Gender and Politics ตอนเช้า ยังมีอาการง่วงนอนอยู่บ้าง
เมื่อเวลาผ่านไป ฟอร์ด จบ ได้เกียรตินิยมอันดับหนึ่ง และได้ A ทุกวิชาที่ผมสอนเขา ทั้งวิชาบังคับคณะ ภาค และวิชาเลือก

และยังจำวันที่เจอกันล่าสุด (ขอให้ไม่ใช่สุดท้าย)

ศาลอาญายกคำร้องปล่อยตัว 4 แกนนำ เหตุกลัวกระทำผิดซ้ำ

ศาลอาญายกคำร้องปล่อยตัว ‘เพนกวิน-อานนท์-ไมค์-ไผ่’ 4 แกนนำราษฎร เพราะเคยปล่อยชั่วคราว แต่ได้กระทำการฝ่าฝืนเงื่อนไข

(24 ธ.ค. 64) 13.30 น. ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก นัดอ่านคำสั่งขอปล่อยชั่วคราวคดีดำ อ. 286/64 และคดีดำอ.287/64 ที่นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือเพนกวิน, นายอานนท์ นำภา, นายภานุพงศ์ จาดนอก หรือไมค์ และนายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา หรือไผ่ ดาวดิน แกนนำกลุ่มราษฎรเป็นจำเลยฐานดูหมิ่นสถาบันฯ

'ราเมศ' เผย 'จุรินทร์' ย้ำ กกบห ส.ส.และ สมาชิกพรรค ยึดสุจริต-ห้ามทำผิดกฎหมาย  เลือกตั้งซ่อม

นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ได้กล่าวถึงกรณีที่มีการเลือกตั้งซ่อม เขต 1 จ.ชุมพร และ เขต 6 จ.สงขลา ว่า

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรค ได้กำชับให้ คณะกรรมการบริหารพรรค สมาชิกพรรค และผู้ดำรงตำแหน่งอื่น ให้ยึดหลักความสุจริต เที่ยงธรรม ในการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง และที่สำคัญต้องปฏิบัติตนตามที่กฎหมายกำหนดอย่างเคร่งครัด หากใครกระทำผิดกฎหมายพรรคจะดำเนินการตามข้อบังคับพรรคและกฎหมายอย่างเคร่งครัด
นายราเมศ กล่าวต่อว่า จะขอยกตัวอย่างมาตราที่เป็นหัวใจสำคัญคือ มาตรา 73 ที่ได้กำหนดสาระสำคัญไว้ว่า “ห้ามไม่ให้ผู้สมัครหรือผู้ใดกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดเพื่อจูงใจให้ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งลงคะแนนให้แก่ตนเองหรือผู้อื่น เช่นการซื้อเสียงด้วยวิธีการให้เงิน ให้ทรัพย์สิน หรือประโยชน์ใดๆ การจัดเลี้ยง แม้แต่การหลอกลวง บังคับ ใช้อิทธิพล ใส่ร้าย เป็นต้น


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top