Friday, 27 June 2025
POLITICS NEWS

‘บิ๊กตู่’ ลั่น กำลังร่างประมวลกฎหมายท้องถิ่น ยกฐานะ อบต. เป็นเทศบาล ตามหลักการปกครองท้องถิ่นสากล

เมื่อวานนี้ (2 มี.ค.66) พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานพิธีเปิดโครงการสัมมนา ‘บทบาทท้องถิ่นไทยกับการกระจายอำนาจเพื่อการไปต่ออย่างยั่งยืน’ พร้อมกล่าวปาฐกถา ณ หอประชุมมหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี (ศูนย์สามพร้าว) ตำบลสามพร้าว อำเภอเมืองอุดรธานี
 

'ก้าวไกล' ขยี้ต่อ!! ร้อง ครม.ระงับทุกโครงการ ก.คมนาคม หลังผนึกกำลังฝ่ายค้าน เอาผิด 'ศักดิ์สยาม' นอกสภาฯ

'ก้าวไกล' เรียกร้อง ครม. หยุดอนุมัติโครงการคมนาคมทุกโครงการทิ้งทวนก่อนยุบสภา หลังศาลรัฐธรรมนูญสั่ง "ศักดิ์สยาม" หยุดปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราว เพื่อรักษาผลประโยชน์ประชาชน

(3 มี.ค.66) ปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเป็นเอกฉันท์รับคำร้อง กรณีที่ขอให้ศาลฯ วินิจฉัยคุณสมบัติความเป็นรัฐมนตรีของ ศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม สิ้นสุดลงเฉพาะตัว สืบเนื่องจากการคงไว้ซึ่งหุ้นส่วนและยังคงเป็นผู้ถือหุ้นและเจ้าของ หจก.บุรีเจริญคอนสตรัคชั่น โดยศาลฯ พิจารณาให้ศักดิ์สยาม ผู้ถูกร้อง หยุดปฏิบัติหน้าที่รัฐมนตรี จนกว่าศาลฯ จะวินิจฉัย

ปกรณ์วุฒิ กล่าวว่า กรณีนี้เป็นการยื่นคำร้องร่วมกันของ ส.ส.พรรคฝ่ายค้าน 54 คน ตั้งประเด็นหลักมาจากการอภิปรายไม่ไว้วางใจของตนเมื่อกลางปี 2565 โดยจากข้อมูลเอกสารที่ตนได้รับมานั้น พบว่าการโอนหุ้น หจก.บุรีเจริญคอนสตรัคชั่น ซึ่งเคยเป็นของศักดิ์สยาม และได้โอนหุ้นออกไปก่อนจะรับตำแหน่งรัฐมนตรีนั้น มีพิรุธอยู่ในหลายจุด

ไม่ว่าจะเป็น ผู้ที่รับโอน ซึ่งปรากฏว่ามีความพัวพันกับครอบครัวชิดชอบมาอย่างยาวนาน, การให้ หจก. ใช้ที่อยู่บ้านของตระกูลตนเองต่อยาวนานเป็นปี ทั้งๆ ที่ไม่มีสถานะผู้ถือหุ้น หรือกรรมการใน หจก.แล้ว, การยื่นทรัพย์สินของศักดิ์สยาม ที่น้อยจนผิดปกติ หากมีการขายหุ้นครั้งนี้จริง, ตัวเลขในงบการเงิน ที่มีความขัดแย้งกันในตัวเอง, ราคาในการซื้อขายซึ่งไม่สมเหตุสมผลกับรายได้ของธุรกิจ และไม่ปรากฎหลักฐานการโอนเงินการซื้อขายหุ้นครั้งนี้

มั่นใจในหลักฐาน ‘ศักดิ์สยาม’ ยันถอนหุ้นก่อนนั่ง ‘รมว.คมนาคม’ ลั่น!! พร้อมแจงข้อมูล หลังศาลรธน. สั่งหยุดปฎิบัติหน้าที่

(3 มี.ค.66) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญ มีมติเอกฉันท์ให้นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ หยุดปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมเป็นการชั่วคราว ระหว่างรอคำวินิจฉัยในคำร้องที่พรรคร่วมฝ่ายค้าน 54 คน เข้าชื่อให้วินิจฉัยสถานภาพความเป็นรัฐมนตรีต้องสิ้นสุดลง หลังยังคงถือหุ้นและเป็นเจ้าของห้างหุ้นส่วนจำกัด บุรีเจริญคอนสตรัคชั่น ซึ่งเข้าข่ายขาดคุณสมบัตินั้น

ผู้สื่อข่าวได้สอบถามไปยังไลน์ส่วนตัวของนายศักดิ์สยาม โดยนายศักดิ์สยาม ระบุว่า หลังจากที่ได้รับคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญอย่างเป็นทางการ ก็จะชี้แจงข้อกล่าวหาไปตามกรอบเวลาภายใน 15 วัน นับจากวันที่ได้รับแจ้งจากศาลรัฐธรรมนูญ อย่างเป็นทางการ ซึ่งตนได้เตรียมคำชี้แจงไว้เรียบร้อยแล้ว นอกจากนี้ตนได้ยกเลิกภารกิจตรวจราชการที่จ.นครนายก และจ.ปราจีนบุรี ตามกำหนดการเดิมของวันนี้ทั้งหมดแล้ว

เจ๊งไม่ต่างกัน!! 'จตุพร' ซัด 'เศรษฐา' พา 'ปู' เจ๊งไม่เป็นท่า เชื่อ 'อิ๊งค์' ก็คงไม่ต่าง พร้อมเตือน!! เปิดตัวแล้ว ก็ต้องถูกวิพากษ์วิจารณ์ ตรวจสอบเข้มข้น

(3 มี.ค.66) นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊กไลฟ์ประเทศไทยต้องมาก่อน ตอน "เปิดตัวจริงหรือ?" โดยกล่าวถึงการเปิดตัวของนายเศรษฐา ทวีสิน นักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ของประเทศ ถูกแต่งตั้งเป็นที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย แต่แบ่งรับแบ่งสู้กับงานการเมืองในอนาคตจะเป็นแคนดิเดตนายกฯ เพื่อไทยหรือไม่ พร้อมตำหนิไม่กล้าแสดงภาวะผู้นำตอบโต้ข้อกล่าวหาของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา

นายจตุพร กล่าวว่า กรณีของนายเศรษฐา เปิดตัวก็ต้องถูกวิพากษ์วิจารณ์ ตรวจสอบเข้มข้น ซึ่งไม่ยกเว้นกระทั่ง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ จาก พลังประชารัฐ (พปชร.) นายอนุทิน ชาญวีระกูล จากภูมิใจไทย และ พล.อ.ประยุทธ์ จากรวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ก็ต้องตรวจสอบภาวะผู้นำที่จะนำพาความหวังประชาชนเช่นกัน และความเป็นผู้นำต้องอดทนในการชี้แจง

อย่างไรก็ตาม เมื่อนายเศรษฐา เปิดตัว ถูก พล.อ.ประยุทธ์ วิจารณ์หนักในด้านความเก่ง ทำอะไรมา กลับไม่ตอบให้ตรงและชัดเจนเพื่อแสดงถึงภาวะผู้นำ แต่ไปยกย่องให้ พล.อ.ประยุทธ์ มีวุฒิภาวะที่เหนือกว่า แล้วหลีกเลี่ยงข้อครหาอันเป็นสาระสำคัญที่ว่า เศรษฐกิจประเทศไม่ใช่ธุรกิจของครอบครัวใดครอบครัวหนึ่ง

สิ่งน่าสนใจ นายจตุพร เห็นว่า เมื่อนายเศรษฐา ถูกคาดหมายจะมาเป็นผู้นำประเทศ ก็ต้องตอบข้อครหาเชิงกล่าวหาของ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ใช่มาแสดงมารยาททางสังคมต้องเชื่อฟังคนแก่กว่า ซึ่งประชาชนไม่ได้ประโยชน์อะไรกับความคาดหวังในภาวะผู้นำของประเทศเช่นนี้

"นายเศรษฐา ไม่ได้เป็นคนใหม่เลย สมัยยิ่งลักษณ์ ชินวัตร แม้ไม่ได้รับการแต่งตั้งเป็นทางการ แต่ก็เป็นที่ปรึกษาที่ไม่เป็นทางการคนหนึ่งในจำนวนสามคน รวมถึงทักษิณและ พล.อ.ประยุทธ์ ด้วย จนนำไปสู่การล่มสลายของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ที่สำคัญตำแหน่งเลขาธิการนายกฯ และ รมต.สาธารณสุข ก็เป็นคนของนายเศรษฐา ซึ่งทั้งสองจุดนี้เป็นส่วนหนึ่งของความพินาศย่อยยับของรัฐบาลยิ่งลักษณ์”

ศาลรัฐธรรมนูญ สั่ง หยุดปฏิบัติหน้าที่รัฐมนตรี ปม 'ถือหุ้น-เป็นเจ้าของ' หจก.บุรีเจริญ

(3 มี.ค.66) องค์คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ มีการประชุมปรึกษาคดี กรณีที่ประธานสภาผู้แทนราษฎรส่งคําร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 ว่า ความเป็นรัฐมนตรีของ นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (5) ประกอบ มาตรา 187 หรือไม่

ทั้งนี้ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จํานวน 54 คน ยื่นคําร้องต่อประธานสภาผู้แทนราษฎร ว่า นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม (ผู้ถูกร้อง) ยังคงไว้ซึ่งหุ้นส่วนและยังคงเป็นผู้ถือหุ้น และเจ้าของห้างหุ้นส่วนจํากัด บุรีเจริญคอนสตรัคชั่น อย่างแท้จริง ซึ่งจะทําให้ผู้ถูกร้องเข้าไปเกี่ยวข้องกับ การบริหารจัดการหุ้นหรือกิจการของห้างหุ้นส่วน

เป็นการกระทําอันเป็นการต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญมาตรา 187 ประกอบพระราชบัญญัติการจัดการหุ้นส่วนและหุ้นของรัฐมนตรี พ.ศ. 2543 มาตรา 4 (1) เป็นเหตุให้ ความเป็นรัฐมนตรีของผู้ถูกร้องสิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (5) หรือไม่ ผู้ร้องจึงส่งคําร้องเพื่อขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 ผลการพิจารณา

‘เศรษฐา’ นำทีมหารือ 'สมาคมหอการค้าไทย-จีน' ชี้!! รบ.เพื่อไทย พร้อมหนุนการค้าไทย-จีน ทุกมิติ

(3 มี.ค. 66) ที่อาคารหอการค้าไทย-จีน พรรคเพื่อไทย (พท.) นำโดย นายเศรษฐา ทวีสิน ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย และที่ปรึกษาคณะกรรมการด้านเศรษฐกิจ, นางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด ประธานคณะกรรมการประสานงานด้านการเมืองพื้นที่กรุงเทพฯ นายวิชาญ มีนชัยนันท์ คณะกรรมการประสานงานด้านการเมืองพื้นที่ กทม., นายดนุพร ปุณณกันต์ คณะกรรมการประสานงานด้านการเมืองพื้นที่ กทม. นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รองเลขาธิการพรรค และนายจักรพงษ์ แสงมณี นายทะเบียนพรรค เข้าพบปะนายณรงค์ศักดิ์ พุทธพรมงคล ประธานสมาคมไทยจีน และคณะ เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นด้านเศรษฐกิจ การค้า

โดยนายณรงค์ศักดิ์ กล่าวว่า รัฐบาลควรมีมาตรการด้านเศรษฐกิจเพิ่มเติมเพื่อฟื้นฟูและกระตุ้นเศรษฐกิจ และมาตรการแก้ไขเรื่องแรงงานดึงคนไทยกลับเข้าสู่ตลาดแรงงาน รวมถึงมีมาตรการส่งเสริมธุรกิจใหม่ๆ ที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี มาตรการควบคุมราคาสินค้าเพื่อดูแลค่าครองชีพ อีกทั้งมาตรการส่งเสริมการลงทุนนักลงทุนจากต่างประเทศให้เข้ามาลงทุนในไทยมากขึ้น

ด้านนายเศรษฐา กล่าวว่า วันนี้ถือเป็นงานแรกที่ตนมาในฐานะที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ครั้งนี้ไทยกับจีนมีความสัมพันธ์กันมาอย่างยาวนาน มีความผูกพันในเชิงพาณิชย์ เรามีการนำเข้าส่งออกเยอะมาก คนไทยส่วนมากก็เป็นคนไทยเชื้อสายจีน จึงปฏิเสธไม่ได้ว่าจีนมีความผูกพันเป็นคู่ค้าไทยมาอย่างนาน อีกไม่นานก็จะถึงการเลือกตั้ง ซึ่งการเลือกตั้งครั้งต่อไปจะเป็นจุดเปลี่ยนของประเทศไทย ซึ่งพรรค เพื่อไทยเป็นสถาบันที่ผูกพันกับสมาคมนี้มาอย่างนาน นโยบายที่ออกมาตั้งแต่พรรคไทยรักไทย พรรคพลังประชาชน จนมาถึงพรรคเพื่อไทยโดนใจประชาชนมาตลอด ซึ่งเราจะให้ความสำคัญกับนโยบายการค้าระหว่างประเทศสูงสุด

‘ศาลรธน.’ มีมติเอกฉันท์ สูตรคำนวน ส.ส ชี้ ไม่นับรวมต่างด้าว ต้องรื้อแบ่งเขตใหม่

วุ่น! กกต.ต้องแบ่งเขตใหม่ ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเอกฉันท์ ชี้คำนวณจำนวนส.ส.แต่ละจังหวัด-แบ่งเขต ไม่ต้องนับรวมผู้ไม่มีสัญชาติไทย

วันนี้ (3 มี.ค. 66) ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเป็นเอกฉันท์วินิจฉัยว่าการกำหนดจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร(ส.ส.) แบบแบ่งเขตเลือกตั้งที่แต่ละจังหวัดจะพึงมีตามรัฐธรรมนูญมาตรา 86 (1) ซึ่งกำหนดให้ใช้จำนวนราษฎรทั้งประเทศตามหลักฐานการทะเบียนราษฎร์ที่ประกาศในปีสุดท้ายก่อนปีที่มีการเลือกตั้งนั้นคำว่า 'ราษฎร' ไม่หมายรวมถึงผู้ไม่ได้สัญชาติไทยโดยให้คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญมีผลตั้งแต่วันนี้ (3มี.ค.) เป็นต้นไปตามพ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ 2561 มาตรา 76 วรรคหนึ่งและวรรคสาม และไม่มีผลย้อนหลังไปถึงการเลือกตั้งส.ส. ที่ผ่านมา

ทั้งนี้กรณีดังกล่าวเป็นสืบเนื่องมาจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยปัญหาเกี่ยวกับหน้าที่และอำนาจของกกตตามรัฐธรรมนูญมาตรา 210 วรรคหนึ่ง(2) ว่าการคิดคำนวณจำนวนส.ส. แบบแบ่งเขตเลือกตั้งของแต่ละจังหวัดจะพึงมีโดยนำจำนวนราษฎรทั้งประเทศตามหลักฐานการทะเบียนราษฎรตามที่สำนักทะเบียนกลางประกาศณวันที่ 31 ธ.ค. ของปีที่ล่วงมามาใช้ในการคิดคำนวณจำนวนส.ส. แบบแบ่งเขตเลือกตั้งของแต่ละจังหวัด ถูกต้องหรือไม่

‘บิ๊กป้อม’ นำทีมประชุม ขับเคลื่อน ‘เมืองอัจฉริยะ’ ทุ่มงบฯ ส่งเสริมคนรุ่นใหม่ กลับพัฒนาบ้านเกิด

(3 มี.ค. 66) พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เรียกประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนเมืองอัจฉริยะ ผ่านระบบ VTC ณ มูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อฯ เพื่อเร่งขับเคลื่อนกลไกส่งเสริมการพัฒนาเมืองด้วยเทคโนโลยี

โดยที่ประชุม เห็นชอบ กรอบคำของบประมาณปี 67 ตามหมุดหมายที่ 8 ให้ไทย มีพื้นที่และเมืองอัจฉริยะ ( Smart City ) ที่น่าอยู่ปลอดภัย และเติบโตอย่างยั่งยืนจำนวน 53 โครงการจาก 30 จว.และ 11 กลุ่ม จว. โดยให้สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล สภาพัฒน์ฯ และสำนักงบประมาณ ร่วมพิจารณากลั่นกรองโครงการโดยมุ่งเป้าหมาย พร้อมทั้งเห็นชอบ โครงการทูตเยาวชนพัฒนาเมือง เพื่อส่งเสริมสายอาชีพใหม่ในการพัฒนาเมืองอัจฉริยะในภูมิภาค โดยเป็นการสร้างโอกาสและความต่อเนื่องให้เกิดสายอาชีพ 'นักดิจิทัลพัฒนาเมือง' ในหน่วยงานตัวแทนเมือง 200 คน และ นศ.จบใหม่ 200 คน เพื่อกลับไปพัฒนาพื้นที่เป้าหมายที่เป็นบ้านเกิด

‘พรรคเพื่อไทย’ รวมพลมือฉมัง ตั้ง ‘ทีมเศรษฐกิจ’ ชู ‘หมอพรหมินทร์’ นั่งประธาน ‘เศรษฐา’ ที่ปรึกษา

(3 มี.ค. 66) นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน ในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) ลงนามคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการด้านเศรษฐกิจ โดยมี นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เป็นประธาน นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง อดีตรองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ เป็นรองประธาน พร้อมผู้เชี่ยวชาญเศรษฐกิจด้านต่างๆ ได้แก่ นายพันศักดิ์ วิญญรัตน์ อดีตที่ปรึกษาด้านนโยบาย 3 นายกรัฐมนตรี, นายเศรษฐา ทวีสิน นักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์, นายศุภวุฒิ สายเชื้อ นักเศรษฐศาสตร์ชั้นนำของประเทศ, นายปานปรีย์ พหิทธานุกร อดีตผู้แทนการค้า และที่ปรึกษานายกด้านเศรษฐกิจและการต่างประเทศมาร่วมเป็นที่ปรึกษา

ด้าน นพ.พรหมินทร์ กล่าวว่า วิกฤตเศรษฐกิจของประเทศไทยหลังการระบาดของโรคโควิด-19 และภาวะสงครามรัสเซีย-ยูเครน ตลอดจนสงครามเศรษฐกิจจีน-สหรัฐอเมริกา ส่งผลทำให้ประชาชนไทยทุกข์ยากต่อเนื่องมากขึ้นตลอดหลายปีที่ผ่านมา จึงถือเป็นความท้าทายของพรรคการเมืองที่จะนำพาประเทศและประชาชนฝ่าพ้นวิกฤตครั้งนี้ให้จงได้ พรรคเพื่อไทย จึงได้เชิญบุคคลผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจชั้นนำของประเทศในด้านต่างๆ มาให้คำปรึกษา และร่วมเป็นกรรมการ โดยคณะกรรมการด้านเศรษฐกิจของพรรคจะเป็นแกนกลางในการระดมความรู้ ความสามารถและความร่วมมือในการกอบกู้เศรษฐกิจของเราต่อไป เราจะบริหารให้เศรษฐกิจของประเทศดีขึ้น

‘ไทยสร้างไทย’ ตามรอย ‘ชัยวุฒิ’ หนุน!! บุหรี่ไฟฟ้าถูกกม.ตามกระแสโลก

วันนี้สังคมมุมหนึ่งมีการคัดค้านต้านบุหรี่ไฟฟ้าถูกกฎหมาย แต่สังคมอีกมุมหนึ่งก็มองว่าควรผลักดันให้ถูกให้ควร เพราะมวลสารแห่งสาระสำคัญ มีผลประโยชน์ต่อองค์กรรวมมากกว่าผลเสีย

จากรายงานเรื่อง E-cigarettes: an evidence update จัดทำโดยกระทรวงสาธารณสุขอังกฤษ ระบุว่าผลิตภัณฑ์บุหรี่ไฟฟ้ามีอันตรายน้อยกว่าบุหรี่ทั่วไป ส่งผลกระทบด้านสุขภาพน้อยกว่าบุหรี่ทั่วไปร้อยละ 95 พร้อมทั้งสนับสนุนให้ผู้ที่ต้องการเลิกบุหรี่ ใช้บุหรี่ไฟฟ้าเนื่องจากมีหลักฐานผู้เลิกบุหรี่ได้ในกลุ่มผู้ใช้บุหรี่ไฟฟ้าในอัตราที่สูง

นั่นคือผลดีในเชิงของสุขภาพที่ถูกนำมาตีแผ่ แม้จะมีข้อมูลอีกฟากฝั่งที่มักมองว่า บุหรี่ไฟฟ้า ก็ยังเป็นควันภัยที่ยากเกินจะยอมรับ และแฝงด้วยโทษในเชิงวิทยาศาสตร์มากกว่าบุหรี่มวนทั่วไปเสียอีก

กระแสอันร้อนแรงระหว่างกลุ่มสนับสนุนบุหรี่ไฟฟ้าถูกกฎหมาย และผู้ต่อต้านแรงขึ้น นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) เดินหน้าหนุนดึงบุหรี่ไฟฟ้าเข้าระบบให้เป็นสินค้าที่มีกฎหมายควบคุม เพราะมองผลระยะยาวในเชิงที่สามารถลดอันตรายให้กับนักสูบที่ไม่สามารถเลิกบุหรี่ได้ ช่วยเกษตรกรผู้ปลูกยาสูบมีช่องทางรายได้ใหม่จากการป้อนผลผลิตให้โรงงานผลิตบุหรี่ไฟฟ้า อีกทั้งปิดช่องภาษีรั่วไหลจากการลักลอบนำเข้า

“เรื่องนี้ยังอยู่ระหว่างศึกษาข้อกฎหมายเพื่อดึงบุหรี่ไฟฟ้าเข้ามาอยู่ในระบบให้ถูกต้องตามกฎหมาย โดยกำลังดูว่ามีประเด็นติดขัดเรื่องอะไรบ้าง เนื่องจากมองว่าหากทำให้เป็นสิ่งที่ถูกกฎหมายได้จะสามารถลดอันตรายให้กับผู้สูบ เพราะบางคนไม่สามารถเลิกบุหรี่ได้ แม้จะมีการรณรงค์ให้คนเลิกสูบบุหรี่มาอย่างต่อเนื่อง แต่ปัจจุบันยังมีจำนวนผู้สูบบุหรี่อีกเกือบ10 ล้านคน” นายชัยวุฒิกล่าว

รัฐมนตรีดีอีเอส กล่าวอีกว่า “ตอนนี้ผมจะรวบรวมข้อมูล นำไปประสานผู้เกี่ยวข้องต่อไป เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลและทบทวนแนวคิด หาแนวทางขับเคลื่อนเพื่อทำให้บุหรี่ไฟฟ้าเป็นเรื่องถูกกฎหมาย เพราะปัจจุบันทั้ง อย.สหรัฐฯ อังกฤษ และญี่ปุ่น ยอมรับให้ใช้แล้ว ดังนั้นเราต้องไปศึกษาต่อไปว่าข้อติดขัดอยู่ที่ภาคส่วนใด อย่างเช่น ในเรื่องใบอนุญาตให้ใช้ การขาย การผลิต เพราะจากที่ศึกษาเบื้องต้นในแง่กฎหมายน่าจะใช้ พ.ร.บ.ยาสูบฯ ควบคุมให้เข้ามาอยู่ในระบบได้อยู่แล้ว คงต้องมีการจัดตั้งคณะทำงานขึ้นมาทำงานเรื่องนี้โดยเฉพาะ”

สำหรับเหตุผลที่สนับสนุนบุหรี่ไฟฟ้าถูกกฎหมาย เพราะเครื่องยาสูบที่เป็นไฟฟ้าถือเป็นเทคโนโลยีใหม่ ปัจจุบัน 67 ประเทศทั่วโลกมีการยอมรับบุหรี่ไฟฟ้าแล้ว โดยเฉพาะประเทศใหญ่ๆ เช่น สหรัฐอเมริกา, จีน แม้แต่มาเลเซีย เพราะถือว่าเป็นยาสูบที่มีความอันตรายน้อยกว่าบุหรี่จริง โดยบุหรี่ไฟฟ้าจะมีสารพิษน้อยกว่า ขณะที่ในประเทศไทยยังไม่เป็นที่ยอมรับ

“หลายประเทศยอมรับว่า หากเรามีบุหรี่ไฟฟ้าจะสามารถลดอันตรายต่อสุขภาพของประชาชนได้มากกว่า เรื่องนี้ผมขอศึกษาข้อกฎหมายก่อน นอกจากนี้ ปัจจุบันทราบว่าโรงงานยาสูบและผู้ปลูกยาสูบเองก็มีรายได้ลดลง เนื่องจากคนนิยมไปสูบบุหรี่นำเข้า หรือบุหรี่ที่ลักลอบนำเข้ามา ดังนั้น ถ้าเราสามารถเอายาสูบที่ปลูกในประเทศมาผลิตบุหรี่ไฟฟ้าได้ จะสามารถแก้ปัญหาให้กับโรงงานยาสูบและเกษตรกรได้ รวมทั้งส่งออกได้ด้วย” นายชัยวุฒิกล่าว

พร้อมทั้งย้ำว่า การดึงสินค้าในกลุ่มบุหรี่ไฟฟ้าเข้ามาอยู่ในระบบ เป็นสินค้าที่อยู่ภายใต้กฎหมายนั้น อยู่ที่ว่าประเทศไทยและผู้กำหนดนโยบายที่เกี่ยวข้อง จะสามารถปรับตัวตามเทคโนโลยีได้มากน้อยแค่ไหน เพราะปัจจุบันสินค้านี้มีขายกันใต้ดินและทางออนไลน์ 

ดังนั้นถ้าไม่ปรับตัวตามเทคโนโลยีก็จะเกิดปัญหาภายในประเทศ และเสียหายในอนาคตได้ ทั้งในเรื่องการลักลอบจำหน่าย การสูญเสียรายได้จากภาษี การสูญเสียโอกาสและกระทบต่อรายได้ของเกษตรกรผู้ปลูกยาสูบชาวไทยและการลดผลกระทบต่อสุขภาพของนักสูบชาวไทยที่ไม่สามารถเลิกบุหรี่ได้

ในขณะที่นโยบายการสนับสนุนให้บุหรี่ไฟฟ้าถูกกฎหมายโดยรัฐมนตรีดีอีเอสเริ่มกระจายเป็นข่าวใหญ่ ด้าน นายเจตุบัญชา อำรุงจิตชัย รองโฆษกพรรคไทยสร้างไทย ก็ดูเหมือนจะหยิบยกกรณีบุหรี่ไฟฟ้าถูกกฎหมาย ออกมาร่วมตีแผ่ด้วยเช่นกัน 

“แม้จะมีการระบุเรื่องการห้ามจำหน่ายและนำเข้าก็ตาม แต่ในทางปฏิบัติจะพบว่าเมื่อเดินไปตามแหล่งท่องเที่ยวก็ยังคงมีวางขายกันอย่างเปิดเผย และปฏิเสธไม่ได้ว่าเรื่องนี้มีตำรวจเรียกรับผลประโยชน์กับพ่อค้าแม่ค้าแลกกับการ มองข้ามในเรื่องเหล่านี้ ถ้าผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ยังนิ่งเฉย ไม่ยอมปรับแก้กฎหมายให้สามารถขายได้ ประเทศจะสูญเสียรายได้แทนที่จะเก็บภาษีเกี่ยวกับธุรกิจนี้ได้ถูกต้อง กลับการเป็นการจ่ายใต้โต๊ะให้คนไม่กี่คนที่มีอำนาจจับกุม สุดท้ายเงินก็กลายเป็นส่วยใต้โต๊ะที่ไม่จบสิ้นอยู่ดี”


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top