Tuesday, 17 June 2025
POLITICS NEWS

‘ครม.’ ไฟเขียว ‘สมรสเท่าเทียม’ เตรียมส่งสภาฯ พิจารณา 12 ธ.ค.นี้ ยกระดับความเท่าเทียมทางเพศแก่คู่รักเพศเดียวกัน ตามสิทธิขั้นพื้นฐาน

(21 พ.ย. 66) นายคารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรีในวันนี้ว่า กระทรวงยุติธรรม ได้เสนอร่างพระราชบัญญัติแก้ไขประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ เพื่อให้มีกฎหมายรับรองสิทธิการก่อสร้างครอบครัวของคู่รักเพศเดียวกัน

โดยมีหลักการสำคัญคือ “แก้ไขคำว่า ‘ชาย-หญิง-สามี-ภรรยา’ เป็น ‘บุคคล-คู่หมั้น-คู่รับหมั้น และคู่สมรส’ เพื่อให้มีความหมายครอบคลุมว่า การสมรสต่อไป ‘ชายหญิง’, ‘ชายชาย’ หรือ ‘หญิงหญิง’ สามารถสมรสกันได้ โดยไม่ตัดสิทธิการสมรสเหมือนชายหญิง”

นายคารม ยังชี้แจงขั้นตอนระหว่างนี้ว่า จะต้องมีการแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้องให้สอดคล้องกัน อาทิ เรื่องบำเหน็จ บำนาญ โดยคณะกรรมการกฤษฎีกา จะไปแก้ไขให้สอดคล้องกับการแก้ไขประมวลกฎหมายแพ่งดังกล่าว ซึ่งกระทรวงยุติธรรม ได้ดำเนินการรับฟังความเห็นเรียบร้อยแล้ว โดยหลังการตรวจสอบของกฤษฎีแล้ว ก็สามารถเสนอเข้าสู่สภาผู้แทนราษฎรเพื่อพิจารณาในสมัยประชุมหน้า ที่จะเปิดในวันที่ 12 ธันวาคมนี้

‘สันติ’ ลั่น!! ‘พปชร.’ ไม่มีแพแตก ยัน ‘ลุงป้อม’ ยังไม่ทิ้งการเมือง พร้อมหนุนแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต 1 หมื่น หากไม่ขัดข้อกฎหมาย

(21 พ.ย. 66) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ให้สัมภาษณ์ภายหลังประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงความเคลื่อนไหวของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค พปชร. จะยังอยู่ในสนามการเมืองต่อหรือไม่ว่า “ลุงป้อมหัวหน้าผมเนี่ย มั่นใจได้ ไว้ใจมาก ท่านเองก็มีความตั้งใจในเรื่องที่จะดูแลบ้านเมือง เพราะงั้นท่านไม่ทิ้งการเมืองหรอกครับ”

เมื่อถามว่า เลือกตั้งครั้งหน้าจะเห็นพรรค พปชร.ส่งคนลงรับสมัครเลือกตั้งแน่นอนใช่หรือไม่ นายสันติกล่าวว่า “แน่นอนร้อยเปอร์เซ็นต์ และทุกคนในพรรคก็มีความรักใคร่กลมเกลียวกัน มีความเป็นปึกแผ่นแน่นอน”

เมื่อถามว่า พล.อ.ประวิตรได้กำชับเรื่องอะไรเป็นพิเศษกับพรรคบ้างหรือไม่ นายสันติกล่าวว่า พล.อ.ประวิตรประชุมกับผู้บริหารพรรคทุกวันจันทร์อยู่แล้ว อย่างเมื่อวาน (20 พ.ย.) มีการประชุมกัน ก็ได้หารือประเด็นที่เป็นพิเศษในปัจจุบัน เช่น โครงการเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท ว่าเราจะทำอย่างไร ประชาชนจะเป็นอย่างไร

เมื่อถามว่า พล.อ.ประวิตรเห็นด้วยในโครงการนี้หรือไม่ นายสันติกล่าวว่า หัวหน้าของเราก็บอกว่าพี่น้องประชาชนตอนนี้เศรษฐกิจก็ฝืดนิดหน่อย ถ้าประชาชนได้เงิน 1 หมื่นบาท ประชาชนก็ดีใจ ก็อยากได้ แต่ต้องดูกฎหมาย รัฐธรรมนูญก็ดี กฎหมายการเงิน การธนาคาร อะไรต่างๆ ถ้าไม่ติดขัด ท่านบอกว่าก็ดี ประชาชนได้จับจ่ายใช้สอยในช่วงนี้ แต่หากติดรัฐธรรมนูญ หรือกฎหมาย ติด พ.ร.บ.ต่างๆ คงจะต้องหาช่องทางอื่นๆ ด้วย

เมื่อถามว่า มื้อเที่ยงได้พูดคุยอะไรกับ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในฐานะเลขาธิการพรรค พปชร. และ นายชาดา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะรองหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) เกี่ยวกับประเด็นการเมืองหรือไม่ นายสันติกล่าวว่า ก็คุยกันเรื่องทั่วไป ว่าจะต้องร่วมกันทำงานเพื่อประชาชนอย่างไรบ้าง ไม่ได้คุยเรื่องอื่น

‘เศรษฐา’ จี้!! ‘ก.ยุติธรรม’ เร่งปราบ ‘หมูเถื่อน-หุ้นสตาร์ค-หุ้นมอร์’ กำชับ ต้องสาวถึงตัวการใหญ่ ขีดเส้น!! อาทิตย์หน้าเรื่องต้องคืบ

(21 พ.ย. 66) ที่สถานีรถไฟฟ้าวัดพระศรีมหาธาตุ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่ากระทรวงการคลัง เปิดเผยผลการประชุม ครม.ว่า ได้สั่งการไปยังรัฐมนตรีว่ากระทรวงยุติธรรม ซึ่งกำกับดูแลกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีอีเอส) ในเรื่องของการปราบปรามการค้าหมูเถื่อน ต้องสาวถึงตัวการใหญ่

นายกฯ กล่าวว่า ส่วนคดีของบริษัท สตาร์ค คอร์เปอเรชัน จำกัด (มหาชน) และเรื่องหุ้น บริษัท มอร์ รีเทิร์น จำกัด (มหาชน) ได้มีการขยายผลแล้วซึ่งเราให้ความสำคัญในเรื่องนี้เป็นอย่างมาก

นายกฯ เศรษฐา เผยว่า เมื่อวันที่ 20 พ.ย. ตนได้มีโอกาสหารือกับผู้ประกอบการค้าข้าวรายใหญ่ของประเทศไทย จึงมีการพูดคุยปัญหาเรื่องของข้าว วันนี้ปัญหาข้าวไทยผลผลิตต่อไร่ของเราต่ำกว่าประเทศเพื่อนบ้านอยู่เยอะมาก หนึ่งในเหตุผลคือ เรื่องของปัญหาข้าวไทยที่มีการพัฒนาช้า ได้รับการรับรองพันธุ์ข้าวจากกรมการข้าวที่ล่าช้า ทำให้เรานำข้าวมาปลูกได้ช้า ซึ่งตนได้มีการสั่งการไปยังรมว.เกษตรและสหกรณ์ ซึ่งทาง รมว.เกษตรและสหกรณ์ ขานรับอย่างดีว่าจะไปดูแลในเรื่องขั้นตอนในการขอพันธุ์ข้าว เพื่อให้เรามีประสิทธิภาพและประสิทธิผลข้าวที่ดีและสูงขึ้น เพื่อให้เท่าเทียมกับเพื่อนบ้านเราได้

นายกฯ กล่าวว่า ขณะที่การประชุม ครม.มีมติเห็นชอบร่าง พ.ร.บ.ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ เพื่อใช้ในการรับรองสมรสเท่าเทียม ซึ่งจะนำเข้าสู่การพิจารณาในการเปิดประชุมสภาวันที่ 12 ธ.ค.

นอกจากนี้ ยังได้สั่งการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน เรื่องของวันสต๊อปเซอร์วิส ซิงเกอร์วินโดว์ ซิงเกอร์ฟอร์ม โดยเป็นการรวบรวมหน่วยงาน เพื่อให้สะดวกสบายกับการค้าขายและการส่งออกสินค้าในต่างประเทศ ซึ่งมีปัญหาสินค้าติดอยู่ที่ชายแดน จึงต้องทำวันสต๊อปเซอร์วิส ซิงเกอร์วินโดว์ ซิงเกอร์ฟอร์ม จึงได้สั่งการให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงการคลัง และกระทรวงสาธารณสุข ทำวันสต๊อปเซอร์วิส ซิงเกอร์วินโดว์ ซิงเกอร์ฟอร์ม เพื่ออำนวยความสะดวกให้พี่น้องประชาชน

‘ดร.อานนท์’ ชวนจับโป๊ะ ‘พิธา’ เคยอ้างได้ ‘ป.ตรี 2 ใบ’ แท้จริง!! แลกเปลี่ยนที่ ‘UT at Austin’ และโอนหน่วยกิตมา มธ.

เมื่อวานนี้ (20 พ.ย. 66) ผศ.ดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์ อาจารย์ประจำคณะสถิติประยุกต์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (NIDA) โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก ‘Arnond Sakworawich’ ระบุว่า…

เมื่อวานอาจารย์อาวุโสแห่งคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้ส่งข้อความมาบอกว่า นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ไม่ได้ปริญญาตรีสองใบจากคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และจาก University of Texas at Austin อย่างที่ให้สัมภาษณ์ในหลายสื่อ

ผมเช็กแล้วใน Dek-D.com นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ได้ให้สัมภาษณ์จริงว่า ได้รับปริญญาตรีสองใบจากทั้งธรรมศาสตร์ และ UT at Austin

แต่ท่านอาจารย์ท่านยืนยันว่า โปรแกรม BBA ภาคภาษาอังกฤษของธรรมศาสตร์ได้ปริญญาตรีใบเดียวของธรรมศาสตร์ ไม่ใช่ Dual degree แต่อย่างใด นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นแค่นักเรียนแลกเปลี่ยนที่ UT at Austin แล้วโอนผลการเรียนกลับมาเทียบหน่วยกิตที่ธรรมศาสตร์

เรื่องนี้น่าจะตรวจสอบได้ไม่ยาก ขอเชิญชาวโซเชียลฯ ลองตรวจสอบดูนะครับว่า นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ พูดจริงหรือว่าโกหก

นอกจากนี้ ผศ.ดร.อานนท์ โพสต์เฟซบุ๊กอีกด้วยว่า เวลาเราพูดอะไร ถ้าเป็นคนตรงไปตรงมาไม่โกหก อะไรที่เป็นข้อเท็จจริง เปลี่ยนแปลงไม่ได้ อะไรที่เป็นความคิดเห็น เปลี่ยนแปลงได้

จะจับคนไหนว่า โกหกหรือไม่โกหก ให้ดูว่าเขาพูดข้อเท็จจริงหลาย ๆ ครั้งเรื่องเดียวกันตรงกันหรือไม่ อยู่กับร่องกับรอยหรือไม่

พ่อลิเกนี่เป็นตัวอย่างให้จับโป๊ะแตกง่ายที่สุด เพราะพูดข้อเท็จจริงไม่เคยตรงกันสักที

ความต่างระหว่าง 'คนมิรู้คุณคน' กับ 'คนรู้คุณคน'  ในวันที่ผู้ให้แผ่นดิน 'อาศัย-ทำกิน' ถูกเนรคุณ

ผมเชื่อว่าคนไทยทุกคน ไม่ว่าจะเป็นลูกเจ๊ก ลูกฝรั่ง ลูกมอญ ลูกแขก หากได้เกิดบนผืนแผ่นดินไทย มีสัญชาติไทย และมีสามัญสำนึกของความเป็นคน ย่อมจะมีความกตัญญูต่อชาติ ต่อสถาบันกษัตริย์ ต้องรู้สึกหวงแหน ปกปักรักษา และมักจะคิดเสมอว่า "ตนเองนั้นเกิดจนเติบโตมาได้ ก็ล้วนเป็นหนี้บุญคุณของสถาบันกษัตริย์อย่างหนีไม่พ้น"

ด้วยสถาบันกษัตริย์ก็เปรียบเสมือน 'ต้นไม้ใหญ่' ของคนไทยทุกคน คอยให้ร่มเงา มอบความร่มรื่น ป้องแดดฝนพายุร้าย ให้ผู้อาศัยเย็นกายสบายใจ ปลอดอันตรายจากภัยรอบตัวทั้งปวง นี่คือความพิเศษที่หาไม่ได้จากประเทศอื่นใดในโลก

แล้วคนไทยแท้ ๆ ที่เกิดและเติบโตมาได้บนผืนแผ่นดินไทย คอยเดินหน้ากัดเซาะ จาบจ้วง ทำร้าย ทำลาย หรือพูดจาเหยียดหยามดูหมิ่นพระมหากษัตริย์ ถามว่าคนเช่นนี้เป็นคนไทยแบบไหนกัน? 

นักร้องบางคน ได้แสดงพฤติกรรมไม่ต่างจาก 'วัวลืมตีน' เล่นดึงฟ้าลงมาต่ำ เผยให้เห็น 'ธาตุแท้' ที่ซ่อนหลบอยู่ในหัวจิตหัวใจ ตอกย้ำอีกครั้งว่าการเป็นคนมีเงินและโด่งดัง ไม่ได้หมายความว่าจะมีสามัญสำนึกของความเป็นคนเสมอไป 

สำหรับนักร้องพฤติกรรมหยาบคนดังกล่าว คำว่าต่ำก็ยังดูสูงกว่ามาก!!

ผม หรือผู้คนอีกจำนวนไม่น้อย วันนี้มีอายุแตะเลขห้ากันแล้ว ก็ใช่ว่าจะตอบแทนบุญคุณของ 'บูรพกษัตริย์ไทย' ได้หมด ยิ่งเป็นไปไม่ได้เลยที่จะให้ผมไปเลือกพรรคการเมืองที่เดินหน้า 'ล้มล้างสถาบัน' ถ้าจะทำเช่นนั้นได้ก็ต้องเหตุผลเดียวคือผม 'ไม่ใช่คน'

คนอื่นคิดอย่างไรผมไม่ทราบ สำหรับผมขอคิดเช่นนี้ เพราะผม ครอบครัวผม ต้นตระกูลของผม มาจากจีนแผ่นดินใหญ่ เป็นเพียงคนตัวเล็ก ๆ ยากไร้ หนีร้อนมาพึ่งพาอาศัยแผ่นดินของ 'พระเจ้าแผ่นดินไทย' ผมจึงถูกปลูกฝังว่าทั้งโคตรเหง้าของผมล้วนเป็นหนี้บุญคุณสถาบันฯ

ผมเป็นคนเชื่อเรื่องบาปบุญคุณโทษ กลัวกฎแห่งกรรม กลัวผลแห่งการเป็นคนเนรคุณ กลัวจะทำมาหากินไม่เจริญ กลัวชีวิตต้องพานพบกับความวิบัติฉิบหาย ที่สำคัญผมกลัวจะได้ชื่อว่าเป็นคนที่เนรคุณต่อชาติแผ่นดินของตัวเอง การแสดงความเคารพ รัก ศรัทธา และกตัญญูต่อสถาบันฯ จึงไม่เคยเลือนหายไปจากชีวิตจิตใจของผมเลย 

คุณลองคิดดูสิ ถ้าขนาดคนที่ให้แผ่นดินอาศัยและทำกิน เรายังเนรคุณ แล้วจะมีใครคนไหนกล้ามอบความจริงใจให้กับเรา  

'มือเศรษฐกิจจุลภาค' ห่วง!! 'การบ้านการเมือง' ไม่ใช่ของเล่น ปล่อยคนขาดประสบการณ์ แต่เรียนเก่งมาทำงาน อาจเสียหาย

(20 ต.ค. 66) นายพลัฏฐ์ ศิริกุลพิสุทธิ์ มือเศรษฐกิจจุลภาค อดีตเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก 'Ta Plus Sirikulpisut' ระบุว่า...

คุณไหม ศิริกัญญา หัวหน้าทีมเศรษฐกิจพรรคก้าวไกล ปะทะกับ 2 คุณหมอ ที่ผมเคารพท่านเป็น อาจารย์ 

ปะทะ หมอเลี้ยบ, คุณไหม มองว่าประเทศไทยมีศักยภาพต่ำ การกระตุ้นเศรษฐกิจจากภาครัฐไม่ส่งผลมาต่อ GDP คุณหมอเลี้ยบบอกว่า เราไม่ได้เป็นลา แต่เป็นแค่ม้าป่วย ที่รักษาแล้วก็เป็นม้าที่แข็งแรง

หากเทียบกับ (สิงค์โปร์ที่ไม่มีทรัพยากร เขาก็พัฒนาจนก้าวหน้าได้ ไทยดีกว่านั้นเยอะ พัฒนาได้ อันนี้ผมเสริม)

ปะทะหมอมิ้ง, คุณไหม บอกว่าเงิน Digital สร้างภาระการคลัง ดอกเบี้ยจ่ายอย่างน้อย 50,000 ล้านบาท คุณหมอมิ้งสอนมวยว่า 30,000 ล้านเท่านั้นเพราะแผนการจะนำเงินงบประมาณมาชำระต้นและดอกเบี้ยทุกปี จะต้องมีการลดเงินต้นดอกเบี้ยก็ลดลง แถมโดนว่าเก่งบัญชีนิ

แต่มีผู้อ้างว่าตนเก่งการเงินไปย้อนคุณหมอว่า Bond fixed ดอกเบี้ย คุณไหมถูกแล้ว

ผมก็ขอเรียนว่า คนตอบแบบนี้ส่วนใหญ่เก่งแต่ในตำราเรียน ไม่เคยมีประสบการณ์ทำงานชั้นสูง คุณไหมเอง เป็นนักวิชาการเป็นแค่ที่ปรึกษา ไม่เคยทำงานจริง

การออก Bond นั้นเราสามารถกำหนดอายุ Bond และหากเรามีรายได้เพื่อชำระหนี้ก็สามารถกำหนดอายุชำระเงินต้นก่อน และดอกเบี้ยจ่ายก็ลดลง

หรือ หากไม่แน่ใจ เราก็ตั้งเงื่อนไขใน Bond ให้ผู้ออก Bond สามารถ Call ได้เพื่อลดภาระ

ถ้าหากมาถกเถียงเพื่อเกิดปัญญาก็ดี แต่หากมาบริหารราชการแล้วมีความรู้แค่ระดับนักวิชาการหรือ ที่ปรึกษามันจะทำให้ประเทศเราเสียหายมากนะครับ

ลองกลับไปทำงานประจำ แล้วค่อย ๆ ฝึกหัดเลื่อนตำแหน่งเป็น CFO บริษัทใหญ่ ๆ มียอดขายสัก แสนล้านก่อนค่อยมาอาสาเป็น ว่าที่ รมว.คลัง

การทำงานการเมืองไม่ได้เป็นของเล่นให้คนขาดประสบการณ์แต่เรียนเก่งมาทำงานครับ 

ต๊ะ พลัฏฐ์ ศิริกุลพิสุทธิ์

‘อนุทิน’ ยก ‘แก้จน’ เป็นวาระแห่งชาติ ขจัดปัญหาปากท้องคนไทย ชี้!! ไม่ใช่ทำให้ทุกคนรวย แต่ ปชช.ต้องพ้นทุกข์-คุณภาพชีวิตดีขึ้น

(20 พ.ย. 66) ที่รัฐสภา นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวปาฐกถาพิเศษ เรื่องวาระแห่งชาติ ‘นโยบายแก้จนของประเทศ’ ในงานสัมมนาเรื่องการแก้ปัญหาความยากจน วิถีความสำเร็จและความเป็นอยู่ที่ดี จัดโดยคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การแก้ปัญหาความยากจนและลดความเหลื่อมล้ำวุฒิสภา ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตอนหนึ่งว่า นโยบายแก้จน ต้องเป็นวาระแห่งชาติ ทั้งชาตินี้และชาติหน้า ที่ผ่านมาในการหาเสียงไม่มีรัฐบาลใดไม่คิดแก้ปัญหาความยากจน ดังนั้น เมื่อประกาศเป็นวาระแห่งชาติแล้วต้องแก้ไขให้ได้ ไม่ใช่ให้เป็นวาระที่ต้องทำแบบถาวร เมื่อตนมีโอกาสทำงานที่กระทรวงมหาดไทย ต้องทำทุกอย่างเพื่อกำจัดความยากจน และเป็นภารกิจและวาระแรกของตนที่ตั้งใจจะทำ

“ถ้าตั้งใจแก้ปัญหา โดยให้ประชาชนเชื่อมั่นว่าจะมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ทำปัญหาปากท้องให้ดีขึ้นเยอะๆ เมื่อมีคนพูดว่ามาแก้ความจน ผมก็ท้อ เพราะต้องแก้ทุกอย่างจะแก้ได้อย่างไร มีแค่พูดกันไป โยนกันมา แต่ผมมองว่าการแก้ปัญหาความยากจน ไม่ใช่ให้ทุกคนรวย เพราะความรวยมีหลายระดับ แต่ต้องทำให้ประชาชนพ้นทุกข์ขั้นพื้นฐาน มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น พ้นความลำบาก ซึ่งนโยบายแก้จนของประเทศไทยต้องเป็นวาระแห่งชาติ โดยสนับสนุนสวัสดิการด้านต่างๆ ยกระดับการศึกษา เพิ่มรายได้ด้วยนวัตกรรมที่เหมาะสมกับบริบทของประเทศไทย ผมเชื่อว่าจะสามารถลดความเหลื่อมล้ำ ความยากจน และพัฒนาให้เติบโตที่ยั่งยืนได้” นายอนุทิน กล่าว

นายอนุทิน กล่าวด้วยว่า กระทรวงมหาดไทยพร้อมสนับสนุนภารกิจต่างๆ รวมถึงนโยบายที่จะแก้ปัญหาตามอำนาจและหน้าที่ โดยตนขอให้สัญญาประชาคม และยืนยันความพร้อมทำเรื่องดังกล่าวให้สำเร็จ ทั้งนี้ แผนการทำงานนอกจากต้องสนับสนุนเรื่องปัจจัย 4 ให้ประชาชนแล้ว ยังต้องเติมเต็มปัจจัยที่ 5 คือการศึกษาของเยาวชนที่มีคุณภาพ ขณะเดียวกันต้องหาทางลดรายจ่ายของประชาชน เช่น สนับสนุนให้น้ำประปาดื่มได้ เพื่อประชาชนไม่ต้องจ่ายเงินเพื่อซื้อน้ำบริโภค นอกจากนั้นแล้วตนยังมองในประเด็นการปรับปรุงกฎหมายว่าด้วยการอพยพย้ายถิ่นที่มีประสิทธิภาพ เพื่อเปิดกว้างให้ประชากรคุณภาพจากต่างชาติเข้ามาในประเทศ

นายอนุทิน กล่าวด้วยว่า สำนักสถิติระบุว่า ประชาชนที่ประกอบอาชีพเกษตรกรรมมีมากที่สุดและเป็นผู้ที่มีรายได้น้อยที่สุด ดังนั้น การแก้ปัญหา คือ การหาที่ดินทำกินและพัฒนาแหล่งน้ำให้ครอบคลุมพื้นที่เกษตรกรรม โดยตนฐานรองนายกฯ ที่ดูแลกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) พร้อมจะใช้นวัตกรรมเพื่อใช้การบริหารจัดการน้ำ อีกทั้งต้องทำงานร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รวมถึงกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมด้วย

“ผมกับ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรฯ ถือเป็นเพื่อร่วมรุ่นกันที่มีสายสัมพันธ์ ได้พูดคุยกันและมีแนวคิดแนวทางเดียวกัน ซึ่งจะใช้เวลาเท่ากับอายุของรัฐบาลนี้ ทำให้เกิดผลสัมฤทธิ์มากที่สุด ผมอาจจะขอเยอะ อาจจำเป็นต้องแลกกัน ทั้งงบประมาณที่ใช้ หรือโครงการที่ใช้ ผมจะใช้ความสัมพันธ์เพื่อให้เกิดประโยชน์กับประชาชนและบ้านเมือง” นายอนุทิน กล่าว

‘ทะลุวัง’ โพสต์ชวนคนให้กำลัง ‘บุ้ง ทะลุวัง’ คดีหมิ่นฯ แต่ผิดคาด!! คอมเมนต์ส่วนใหญ่ให้กำลัง ‘พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์’

เมื่อวานนี้ (19 พ.ย. 66) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เพจเฟซบุ๊ก ทะลุวัง ได้โพสต์แจ้งข่าวประชาสัมพันธ์และขอเชิญชวนผู้สนใจมาเข้าร่วมฟังการพิจารณาคดีที่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ได้ดำเนินคดีฟ้อง น.ส.เนติพร เสน่ห์สังคม หรือ บุ้ง สมาชิกทะลุวัง ในกรณีหมิ่นประมาทและค้ามนุษย์ ปัจจุบันได้มีหมายในคดีหมิ่นประมาทมาถึง น.ส.เนติพรหรือบุ้งแล้ว ซึ่งเกี่ยวกับกรณีการกล่าวหาทั้งสองคดีดังกล่าว บุ้ง ทะลุวัง มีความประสงค์ที่จะปฏิเสธทุกข้อกล่าวหาและให้การต่อสู้คดีเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตนอย่างเต็มที่

จึงขอเชิญชวนสาธารณชนผู้สนใจเข้าร่วมฟังการพิจารณา โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้น เพื่อให้ประชาชนและสังคมได้ทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับกรณีดังกล่าว ณ ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ในวันที่ 20 พฤศจิกายน 2566 พรุ่งนี้ เวลา 9.00 น

ทั้งนี้ ปรากฏว่า บนหน้าเพจทะลุวัง ได้มีผู้เข้าไปคอมเมนต์เป็นจำนวนมาก แต่ส่วนใหญ่กลับเข้าไปให้กำลังใจลุงเสรี วีรบุรุษนาแก  อาทิ พลตำรวจเอกเสรีพิศุทธ์ เตมียเวส สู้ๆ ครับ ผบ.,
สู้ๆครับ ป๋าเสรี, เล่นด้วยผิดคนแล้วบุ้ง, เห็นด้วย พวกหยกและเด็ก ๆ จะได้หลุดพ้นจากบุ้งสักที, คาบ้านครับ โพสนี้ เป็นเอกฉันท์ เป็นต้น

‘เศรษฐา’ ฟิตจัด!! เรียกรัฐมนตรี-หน่วยงาน ถกสางงาน พร้อมเข้ากระทรวงการคลังติดตามงาน บ่ายนี้

(20 พ.ย. 66) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เดินทางมาปฎิบัติหน้าที่ โดยตั้งแต่ช่วงเช้าได้เชิญสภาการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) มาหารือที่ตึกไทยคู่ฟ้า จากนั้น นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้ขึ้นหารือต่อ

นายกฯ มอบให้นายภูมิธรรม เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายการบริหารงานเชิงพื้นที่แบบบูรณาการ (ก.น.บ) แทน ซึ่งจะมีการประชุม เวลา 11.00 น. เนื่องจากนายกฯ ได้หารือกับสภาพัฒน์ฯ จนได้ข้อสรุปบางเรื่องแล้ว จึงได้มอบหมายให้นายภูมิธรรมประชุมแทน

จากนั้นเวลา 10.30 น. นายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกฯและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ นายจักรพงษ์ แสงมณี รมช.ต่างประเทศ เข้าพบ คาดว่า จะมารายงานความคืบหน้าการช่วยเหลือ 266 คนไทย กลับจากเมืองเล่าก์ก่าย ประเทศเมียนมา รวมถึงการเตรียมความพร้อม มอบนโยบายให้กับ3 หน่วยงานหลักได้แก่ กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ และสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) หลังไปโรดโชว์ระหว่างการประชุมเอเปค สหรัฐอเมริกา

ขณะเดียวกัน นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี ได้ขึ้นไปพบนายกฯ ที่บนตึกไทยคู่ฟ้าด้วย ซึ่งคาดว่าน่าจะรายความพร้อม งานประเพณีลอยกระทง เผาเทียน เล่นไฟ จ.สุโขทัย ตามโครงการ ‘Thailand Winter Festivals’ ที่นายกฯ มีกำหนดการจะเดินทางไปร่วมงานในวันที่ 27 พ.ย.นี้

มีรายงานว่า ในช่วงบ่าย นายกฯจะเดินทางไปกระทรวงการคลัง คาดว่าจะไปติดตามงานในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง

'ดร.ไตรรงค์' ชี้!! นักการเมืองไทยต้องเรียนรู้จาก 'ซุนวู' เมื่อมีอำนาจ คิดทำสิ่งใดต้องปรึกษาผู้รู้ ลด-เลี่ยงหายนะที่จะเกิดกับประเทศชาติ

(20 พ.ย. 66) นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี ประธานที่ปรึกษาพรรครวมไทยสร้างชาติ โพสต์เฟซบุ๊กเรื่อง สิ่งที่นักการเมืองไทยต้องเรียนรู้จาก ‘ซุนวู’ ระบุว่า…

ซุนวู เป็นปราชญ์ที่เกิดในสมัยชุนชิวของจีน (ซึ่งเป็นช่วงเวลาก่อนที่เล่าจื้อและขงจื้อจะถือกำเนิดขึ้นในโลกนี้) เขาเป็นนักการทหารที่เขียนตำราพิชัยสงครามที่ปัจจุบันได้รับการแปลเป็นหลายภาษา เช่น ไทย, อังกฤษ, ฝรั่งเศส, ญี่ปุ่น, เยอรมัน, และรัสเซีย ฯลฯ

ซุนวู (Sun Wu) เป็นเพื่อนรักของขุนพลหวู่จื่อซี (Wu-Zi-Xu) ซึ่งเป็นผู้ได้ชักชวนซุนวูให้เข้ารับราชการในแคว้นหวู๋ (Wu) จนได้รับแต่งตั้งให้เป็นนายพลและเสนาธิการในกองทัพของกษัตริย์แคว้นหวู๋ ที่มี เหอ หลิวเป็นกษัตริย์ (King He Lu)

กษัตริย์ เหอ หลิว ได้ใช้ตำราพิชัยสงครามของซุนวู และรบเคียงบ่าเคียงไหล่กับทั้งสองนายพลโดยมีซุนวูเป็นเสนาธิการ จนสามารถตีแคว้นเย่ว์ (Yué) ได้ แต่แคว้นฉู่ (Chu) ยังยืนหยัดอยู่ได้แม้จะต้องเสียเมืองหลายเมืองให้กับแคว้นหวู๋ เหตุที่ไม่สามารถยึดแคว้นฉู่ (Chu) ได้ทั้งหมดก็เพราะ กษัตริย์ไม่เชื่อฟังคำแนะนำของทั้งสองนายพลที่ให้หยุดทำสงครามก่อนเพราะทหารตายไปมาก ที่เหลือก็หมดแรง 

แต่กษัตริย์กลับไปฟังคำแนะนำของขุนนางสอพลอที่ไม่เคยมีทฤษฎีและประสบการณ์ในการทำสงคราม แคว้นฉู่ได้รับความช่วยเหลือจากกองทหารที่ยังเหลือของแคว้นเย่ว์ จึงสามารถรบชนะกองทัพของแคว้นหวู๋ (Wu) กษัตริย์ต้องนำทัพพ่ายแพ้กลับแคว้นของตนอย่างน่าอับอาย

อยู่ต่อมาเมื่อกษัตริย์ของแคว้นเย่ว์เสียชีวิตลง โกวเจี้ยน (Gou Jian) บุตรชายขึ้นเป็นกษัตริย์ กษัตริย์เหอ หลิว ฉวยโอกาสยกทัพ 100,000 คน เพื่อไปตีแคว้นเย่ว์อีก โดยไม่ฟังคำคัดค้านของทั้งสองขุนพลที่เห็นว่าประเพณีจีนในสมัยนั้น แม้จะเป็นศัตรูกันแต่เขาจะไม่ยกทัพไปโจมตีแคว้นที่กษัตริย์เพิ่งเสียชีวิต เพราะเป็นการซ้ำเติมประชาชนที่กำลังเศร้าโศกกับการจากไปของกษัตริย์อันเป็นที่รักของเขา และถ้าใครฝืนประเพณีนี้ แคว้นอื่น ๆ ก็จะประณามและจะยกทัพมาช่วยแคว้นเย่ว์ อีกทั้งทหารของตนก็ยังไม่หายเหนื่อย

ผลของการไม่ฟังคำแนะนำของผู้ชำนาญทั้งทฤษฎีและประสบการณ์ โดยอวดดีประกาศยกทัพไปเองไม่ต้องให้ขุนพลทั้งสองไปร่วมนำทัพอย่างที่เคยทำมา ผลปรากฏว่ากองทัพของแคว้นหวู๋ต้องพ่ายแพ้กลับมาอย่างยับเยิน ตัวกษัตริย์เหอ หลิวได้รับบาดเจ็บสาหัส ต้องยกทัพกลับมาตายที่แคว้นหวู๋ ก่อนหมดลมหายใจ ได้สั่งเสียบุตรชายคือ ฟูชา (Fu Cha) ที่จะขึ้นเป็นกษัตริย์แทนว่า “จงอย่าลืมว่า กษัตริย์โกว เจี้ยน เป็นผู้ฆ่าบิดาของเจ้า (Don’t forget it’s Gou Jian who kill your father)” 

แต่เอาจริง ๆ เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า คนที่ฆ่ากษัตริย์ เหอ หลิว นั้นไม่ใช่ใครอื่น แต่ก็คือตัวของเขาเอง เพราะมีทิฐิมานะสูง ใช้อำนาจเป็นใหญ่กว่าเหตุผลที่ทั้งสองขุนพล คือ หวู่จื่อซี และ ซุนวู ได้ถวายคำแนะนำและห้ามปรามเอาไว้แล้วว่า องค์ประกอบทุกอย่างไม่เหมาะที่จะยกทัพไปตีแคว้นเย่ว์จึงถูกแคว้นต่าง ๆ รุมกันประชาทัณฑ์ยกทัพมาช่วยแคว้นเย่ว์ จนกษัตริย์ เหอ หลิว ต้องพ่ายแพ้และเสียชีวิตอย่างน่าอับอายในที่สุด

นักการเมือง เมื่อมีอำนาจก็เช่นเดียวกัน ในการขับเคลื่อนนโยบายใด ๆ จำเป็นต้องเปิดใจรับฟังทั้งจากผู้เชี่ยวชาญทางทฤษฎีและจากผู้มีประสบการณ์ในการบริหารประเทศมาก่อน แล้วเอามาชั่งน้ำหนักดูว่า ถ้าเราขืนดันทุรังด้วยทิฐิมานะ ทั้ง ๆ ที่แอบเฉลียวใจอยู่แล้วว่า อาจจะเกิดความเสียหายแก่ประเทศไม่ทางใดก็ทางหนึ่งก็ควรจะทำลายกิเลสและทิฐิมานะนั้นของตนเสียโดยการกระทำ ‘อตัมมยตา’ ตามที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแนะนำ ไว้ (ท่านพุทธทาสภิกขุ แปลว่า ‘กูไม่เอาด้วยกับมึง’) เมื่อจิตอยู่ในสภาวะปกติแล้วก็ค่อยมาพิจารณาตัดสินใจนโยบายที่จะออกมาก็จะเข้ารูปเข้ารอยและมีเหตุผลมากยิ่งขึ้น

ความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นก็สามารถจะหลีกเลี่ยงได้ ไม่ต้องประสบกับความหายนะเหมือนอย่างกษัตริย์ เหอ หลิว แห่งแคว้นหวู๋ของประเทศจีนโบราณ ดั่งเล่าให้ฟังมาแล้วข้างต้น

#หมายเหตุ รายละเอียดเกี่ยวกับประวัติศาสตร์จีนที่เล่ามา สามารถจะหาอ่านได้ในหนังสือชื่อ ‘The Unbroken Chain’ ร่วมกันเขียนโดย ดร.ไตรรงค์ สุวรรณคีรี และศาสตราจารย์วู (Trairong Suwankiri และ Professor Wu Ben Li. ค.ศ.2016 พิมพ์ที่ China International Culture Press Hongkong. หน้า 94-109


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top