Tuesday, 10 June 2025
LITE

‘พี่เสก’ เปิดใจ!! ใช้ชีวิต แบบ ‘ร็อกสตาร์’ มีทั้งดีทั้งร้าย รับ!! เคยเป็นพ่อที่แย่ แต่ตอนนี้เลิกทุกอย่างแล้วเพื่อครอบครัว

ร็อกสตาร์ระดับตำนาน ‘เสก โลโซ’ มาเปิดใจพร้อมลูกชาย ‘เสือ เสฏกานต์ สุขพิมาย’ และวงโลโซแบบยกทีม เผยถึงการจัดคอนเสิร์ตใหญ่ 28 ปี LOSO We Are The Rock And Roll Concert ที่เป็นการรวมตัวกันในรอบหลายปี และเรื่องราวดราม่าของครอบครัวระหว่างพ่อลูก ตอนนี้เลิกทุกอย่างแล้วเพื่อครอบครัว ยอมรับอดีตเคยเป็นพ่อที่แย่มาก ลั่น! ยังรัก GMM อยู่เสมอ ถ้าเป็นไปได้ก็ยังอยากกลับไปร่วมงานกับค่ายอีกครั้ง ในรายการ WOODY FM

>>อยากรู้ว่าตอนที่ยังเด็กแล้วรู้ว่ามีคุณพ่อเป็น ‘เสก โลโซ’ ใช้ชีวิตแบบไหน ต้องเจอกับเรื่องอะไรบ้าง ?

เสือ เสฏกานต์ : ตอนเล็ก ๆ ผมไม่ค่อยได้เจอพ่อเจอแม่ ผมโตมากับคุณยายคุณตา คุณพ่อก็ไปทัวร์บ่อยไปต่างจังหวัด ไปต่างประเทศบ่อย ตอนนั้นก็ยังไม่รู้เรื่องอะไร ตั้งแต่เด็กก็เลยไม่ได้สนิทอะไรกันมาก ซึ่งมันเป็นอะไรที่เก็บมาตั้งแต่เด็กครับ เรื่องการที่เรามีความห่างกันนิดหนึ่ง พอโตมาประถมก็เริ่มเข้าใจแล้วว่าพ่อทำงานอะไร พ่อเป็นใคร ไปเล่นคอนเสิร์ตให้คนดูเยอะมาก ช่วงนั้นก็ได้ไปดูคอนเสิร์ตพ่อบ้าง ได้ไปทัวร์ต่างประเทศด้วย ไปยุโรป ไปอเมริกา ก็ได้ไปกับพ่อเกือบทุกงาน 

คือตอนนั้นเราก็ไม่ได้คิดอะไรมาก คิดว่านี่ก็คือชีวิตเด็กธรรมดาแบบนี้หรือเปล่า แต่ว่าจริง ๆ แล้วมันก็ต่างจากชีวิตคนอื่นมากเลย พอเราโตมาเรื่อย ๆ ก็เห็นว่าอะไรเป็นอะไร งานเป็นยังไง ครอบครัวเป็นยังไง ที่โรงเรียนเพื่อน ๆ คุณครูก็ไม่มีใครมาคุยอะไรที่ทำให้ผมกระวนใจอะไร ผมว่าเขาก็คงรู้ว่าต้องมีการเว้นพื้นที่กันในการคุยเรื่องครอบครัวด้วยที่พ่อเป็น เสก โลโซ แต่พอโตมาเจอข่าวมันก็มีการเครียด กังวล เป็นห่วงครอบครัว เป็นห่วงพ่อแม่เป็นห่วงน้องด้วย ก็อดทนมาตลอดรู้ว่าครอบครัวก็อดทนมาตลอด สู้มาตลอด ผ่านปัญหาด้วยกันมาตลอด ก็รู้สึกดีมากที่มาถึงจุดนี้ได้

>>เคยมีวันหนึ่งไหมที่รู้สึกว่าเราอาจจะยอมแพ้ ?

เสือ เสฏกานต์ : มีอยู่แล้วครับ แต่ผมเป็นคนที่มีความคิดว่าทุกอย่างมันจะลงตัวเอง ผมเป็นคนที่รู้สึกว่าเราชอบที่จะปรับตัวกับทุกเหตุการณ์ ทุกสถานการณ์ครับ เป็นคนที่ปรับตัวได้ง่ายกับการเปลี่ยนแปลงของชีวิต มีช่วงที่ผมย้ายบ้านบ่อยเพราะเริ่มมีปัญหามันก็อาจจะเครียดนิดหน่อยครับแต่ว่ารู้สึกว่าผมปรับตัวได้ง่าย ก็ใช้ชีวิตต่อไป ทำหน้าที่ของเรา ตอนนั้นผมเรียนอยู่ ม.ปลาย ก็โฟกัสกับการเรียน โฟกัสการเข้ามหาวิทยาลัย แต่เรื่องชีวิตมันก็เครียดคิดว่าอยากหนี ไม่อยากอยู่ในจุดนี้แล้ว ไม่อยากเป็นคนที่ทุกคนรู้จัก แต่ว่าด้วยมายเซ็ทของผม คิดว่าในที่สุดมันก็ต้องจบในทางที่ดี

>> ทำไมถึงตัดสินใจส่งลูกไปเรียนอินเตอร์?

เสก โลโซ : เขาอยากไปเรียน เขาเลือกโรงเรียนเองด้วยนะ แล้วเขาไปคนเดียวเลย พี่ไม่ได้ไปด้วยเลย วันที่จะไปเขามาขอตังค์พี่ ให้จ่ายค่าเทอมให้ เสือเขามาที่บ้านแล้วก็บอกว่าเขาจะไปเรียนที่อเมริกา วอชิงตัน ดี.ซี. พี่ก็น้ำตาซึมเลย จ่ายค่าเทอมเสร็จแล้วลูกก็บอกบ๊ายบาย แต่เสือไม่เห็นหรอก เขาไปอยู่ที่ต่างประเทศเก่งมากคนเดียว 3 ปีครึ่ง

>>อายุเท่าไหร่ครับ ?

เสือ เสฏกานต์ : ตอนนั้นก็ช่วงจบ ม.ปลาย อายุ 17-18 ครับ คิดไว้ตั้งแต่เด็กแล้วว่าอยากจะไปต่อมหาวิทยาลัยที่อเมริกา ไม่ก็อังกฤษ เพราะตอนสมัยเรียนพ่อก็พาไปเรียนที่อังกฤษ แล้วตอนนั้นพ่อก็ไปเรียนภาษาเหมือนกัน ก็เลยอยากจะใช้ชีวิตที่ต่างประเทศ

>>พี่เสกเป็นคนที่เรียลมาก ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาพี่ก็เผชิญกับหลายเรื่อง ?

เสก โลโซ : เป็น 10 ปีที่หนักหน่วงมาก 

>>ก่อนที่จะมาถึงวันนี้ก็มีหลาย ๆ อย่างไม่ว่าจะเป็นเรื่องเหล้า ยา อะไรต่าง ๆ ที่วนอยู่ตรงนั้น เคยคิดไหมว่าฉันอยากจะออกจากตรงนี้?

เสก โลโซ : คือชีวิตร็อกสตาร์ ถ้าเป็นร็อกสตาร์จริง ๆ มันก็คล้าย ๆ กันนั้นแหล่ะ มีทั้งผู้หญิง มีทั้งยาเสพติด มีทั้งชื่อเสียงเข้ามาทั้งดี ทั้งร้ายนะครับ พี่ก็ผ่านมาหมดแล้ว ก็บอกตัวเองว่าเราเข้มแข็งพอที่จะเอาชนะมันได้ ซึ่งทุกวันนี้สะอาดมาก ดื่มเหล้าอย่างเดียว นอกนั้นไม่มีอะไรเลย บุหรี่ก็เลิกสูบ ไม่รู้เลิกสูบได้ไงก็ไม่รู้ เลิกสูบซิการ์หมดเลย เลิกมาน่าจะ 2 ปีได้แล้ว

>>เป็นอุทาหรณ์หรือเป็นตัวอย่างให้กับคนที่อยากเลิก พี่เลิกยังไง ?

เสก โลโซ : คือต้องเลิกให้กับครอบครัว แล้วก็ต้องกลับมาเป็นพ่อที่ดี เพราะว่าผมผ่านการเป็นพ่อที่แย่มาก่อน ตอนนั้นรู้สึกว่าตัวเองต้องทำอะไรให้เกี่ยวกับดนตรี เพราะรู้สึกว่าดนตรีอย่างเดียวที่จะนำเงินทองเข้ามา แล้วก็ส่งเสียลูกเรียนได้ พออยู่มาวันหนึ่งเราผ่านจุดนั้นมาแล้ว ผมแต่งงานกับคุณกานต์ 3 รอบแล้วนะ แต่งแล้วก็หย่า แต่งแล้วก็หย่า วู้ดดี้คิดดูสิ ไม่มีใครเป็นนะ อาจจะเป็นคู่แรกของโลกก็ได้ (หัวเราะ) แล้วก็มีความรู้สึกว่าตัวเองแย่มากพอมองกลับไป ในวันนี้รู้สึกว่าตัวเองเข้มแข็งขึ้นที่เลิกทุกอย่างได้ แล้วก็มาเป็นพ่อที่เรียกว่าได้ดูลูกบ้าง เพราะปกติเขาต่อสู้มาด้วยตัวเอง ผมภูมิใจในความเป็นเสือมาก ที่เขามาเป็นนักร้องอยู่ในปัจจุบันนี้ เป็นแร็ปเปอร์

>>คุณพ่อเคยชมไหม ?

เสือ เสฏกานต์ : เคยครับ (หัวเราะ) ก็แนวนี้ครับ ก็พ่อลูกกันอ่ะครับ ไม่ได้มี Emotional ขนาดนั้น

>>ก็ต้องยอมรับว่ามีความคาดหวังเหมือนกัน เพราะเป็นลูกของ เสก โลโซ ?

เสือ เสฏกานต์ : มีคนถามบ่อยนะครับว่าเป็นเสือในตอนนี้รู้สึกกดดันไหม ผมกับพ่อคือเป็นพ่อลูกกัน แต่ก็ไม่ใช่คนเดียวกัน แนวเพลงก็ต่างกัน ความชอบก็ไม่เหมือนกัน ผมชอบหลายแนว ร็อก ป๊อบ แร็ป แต่ที่ชอบจริง ๆ ก็คือ อยากทำเพลงแร็ป การที่ผมมาทำต่างจากพ่อ มันก็คือพาร์ตของมายเซ็ทหนึ่งที่คิดว่าก็ไม่ต้องกังวลว่าจะมีความกดดันอะไร เพราะว่าเราไม่ได้ทำเพลงแนวแบบพ่อ ไม่ได้มีคาแรคเตอร์ มีลุคที่เหมือนพ่อ เราเป็นคนของตัวเอง บางทีผมก็เห็นคนมาบอกว่า ไม่เก่งเท่าพ่อเลย ไม่เห็นได้อะไรจากพ่อ ซึ่งผมก็โอเคเข้าใจ แต่ว่าก็ไม่ได้เก็บไปคิดอะไร เพราะว่าผมไม่ได้มีความหวังที่จะเหมือนพ่อ ที่จะเก่งเท่าพ่อ พ่อเป็นตำนานของไทย ของเอเชียเลยก็ได้ King Of Rock And Roll ความคิดของผมคืออยากจะทำเพลงให้ดี อยากทำเพลงให้คนได้ฟัง ได้มีอินสไปเรชั่นจากเพลง แต่ว่าผมไม่ได้มีความคิดที่อยากจะเป็นตำนานแบบพ่อ อยากจะเก่งที่สุด แค่อยากทำเพลงที่ผมชอบในแนวของตัวเอง ไม่ต้องกังวลว่าใครจะคิดอะไร

>>จากที่พี่เคยสดใสแฮปปี้แล้วมันไปดาร์กเกิดอะไรขึ้นในชีวิต มาจากเรื่องอะไรที่ทำให้เราตกลงไปในหลุม?

เสก โลโซ : พี่สนุกเกินไป ใช้ชีวิตแบบ Rock & Roll Star เพราะว่ามีเพื่อนเป็นโปรดิวเซอร์ระดับโลกเข้ามา มีเพื่อนเป็นนักดนตรีระดับโลกมาเล่นด้วยกันนะ ก็เห็นว่าสิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่ไม่ได้เดือดร้อนใครแล้วก็ไม่อันตรายมาก แต่พี่คิดผิดที่เข้าไปสู่สิ่งเหล่านั้น แล้วก็ทำลายความสุขในครอบครัวไปมากทีเดียวเหมือนกัน พอมาวันนี้ก็รู้สึกว่าเราเอาชนะมันได้ ก็รู้สึกดีใจที่ได้ออกมาจาก Sex, Drugs and Rock 'n' Roll

>>สมมุติว่ามีใครที่ติดในกับดักนั้นอีกพี่อยากจะแนะนำว่า ?

เสก โลโซ : ก็จะเตือน อยากแนะนำเลยว่าอย่าไปยุ่งนะ เพราะอันนี้อันตรายถึงชีวิตทีเดียว คือรอดได้ไม่กี่คน พวกฝรั่งที่เขารอดได้เพราะว่าไป Rehab แล้วก็ทำกิจกรรมอะไรเยอะแยะ เราก็ต้องออกมาแล้วก็ต่อสู้ด้วยตัวเอง ซึ่งพี่เองคือเอาชนะใจตัวเองได้ เพราะว่าเรามีครอบครัว ถ้าคนที่ไม่มีครอบครัวพี่คิดว่าลำบากนะ เพราะว่าไม่มีเป้าหมายว่าเราจะเลิกสิ่งนั้นเพื่ออะไร เพราะว่ามันเข้าไปแล้วมันสนุกจริง ๆ สนุกสนานโดยที่ลืมไปว่าตัวเองมันอันตรายนะ เวลาที่คิดทีไรพี่ก็ยังมีอารมณ์ที่ดาวน์อยู่เหมือนกันนะ แต่ก็ต้องเอาชนะมันให้ได้ ต้องบอกว่ามันเป็นประสบการณ์และเป็นสิ่งที่เรานำมาสร้างงานจริง ๆ ก็ไม่อยากให้น้อง ๆ เข้ามาข้องเกี่ยว

>>เสือเองมองเรื่องนั้นยังไง ?

เสือ เสฏกานต์ : ครอบครัวเรารู้สึกดาวน์มาก ไม่ได้อยากที่จะพูดให้พ่อรู้สึกไม่ดี มันก็เป็นอะไรที่ผ่านมา พี่วู้ดดี้ก็คงจินตนาการได้ว่ามันเป็นเป็นช่วงที่เครียดที่เศร้ามาก ทุกอย่างมันเริ่มดีขึ้นเรื่อย ๆ เพราะว่าทางครอบครัวเรา ทั้งพ่อและแม่เข้ามาร่วมมือกันทำให้ทุกอย่างมันดีขึ้น ผมก็รู้ว่าเขาอยากทำเพื่อครอบครัว เพื่อลูก พอเราคิดไปแบบนั้นก็ทำให้เราคิดในแง่บวกเพิ่มมากขึ้น ก็รู้สึกโอเคขึ้นเรื่อย ๆ เครียดน้อยลง พอเวลาผ่านไป เวลามันช่วยทุกอย่างได้ครับ พอได้เจอพ่ออีกทีทุกอย่างที่เรารอคอยมามันก็ได้ผล

>>วันนั้นจนถึงวันนี้ไม่มีใครที่จะสามารถมาท็อปความรู้สึกในการฟังเพลงของ LOSO คือทุกเพลงมันฟีลกูู๊ดแล้วก็แฮปปี้ แล้วผมก็หวังว่าสักวันหนึ่งอาจจะมีโอกาสทำอะไรใหม่ ๆ อีก เช่น อัลบั้มใหม่ ?

เสก โลโซ : ใช่ครับ พี่หวังไว้ พี่คิดอยู่ กำลังคิดอยู่ว่าจะไปออกในช่องทางไหนที่จะเป็นไป เพราะว่าหลังจากที่ออกมาจาก GMM พี่ก็ไม่ได้อยู่กับบริษัทอะไร ทำบริษัทเอง ซึ่งมันเรียกว่าก็ค่อนข้างยากเหมือนกัน พี่อยากกลับไปอยู่บริษัทใหญ่ ๆ จริง ๆ แล้วบริษัทใหญ่เขาจัดการได้ดีกว่าเราล้าน % ทุกวันนี้พี่ยังได้รับเงินจากแกรมมี่อยู่ทุกเดือน ยังรู้สึกขอบคุณเขามาก ที่ดูแลกันอยู่ เพลงเก่า ๆ ของพี่เขาเอาไปทำเป็นไวนิลเป็นอะไรต่าง ๆ ค้าขายดีมาก ซึ่งแม้ว่าพี่ไม่ได้ออกอัลบั้มมาร่วม 10 ปีแล้ว ยังมีความรู้สึกว่าเรายังมีบริษัทใหญ่ที่ดูแลเราอยู่เรื่องการค้าขาย เพราะเพลงที่พี่แต่งเป็นเจ้าของกับแกรมมี่คนละครึ่ง พี่ทำเงินให้บริษัทแกรมมี่ 2,000 ล้าน ประมาณนะ บวกลบคูณหารแล้วพี่ก็รู้สึกว่าทั้งคอนเสิร์ต ทั้งการขาย CD เทปคาสเซ็ทอะไรต่าง ๆ นา ๆ ขายได้เยอะทีเดียว เพราะฉะนั้นเราก็มีความผูกพันกันอยู่ ถามว่าพี่ยังรักแกรมมี่อยู่ไหม พี่ยังรักอยู่เสมอ เพราะว่าเขาดูแลพี่มาตั้งแต่เริ่มต้นแล้ว เกิดมาจากตรงไหนก็รู้สึกเขามีบุญคุณกับเรา ทุกวันนี้ก็รับเงินจากแกรมมี่ทุกเดือน เพราะฉะนั้นถามว่าพี่ยังอยากกลับไปทำงานกับแกรมมี่ไหม อยากทำงานกับแกรมมี่ อยากทำงานบริษัทใหญ่ ๆ แล้วพี่ก็ยังมองว่าวงของเสือสามารถไปอยู่ในค่ายใหญ่ ๆ ได้ แล้วก็ทำออกมาให้มันเพอร์เฟ็กต์

สามารถติดตาม Woody FM ได้ที่: https://www.youtube.com/watch?v=S2_Hx-MkxSo

20 พฤษภาคม พ.ศ. 2445 'คิวบา' ได้รับเอกราชอย่างเป็นทางการจากสหรัฐฯ  แต่ยังคงถูกแทรกแซงกิจการภายในมาโดยตลอด

'ประเทศคิวบา' ในอดีตเป็นอาณานิคมของสเปนร่วม 400 ปี และตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของสหรัฐอเมริกาที่รบชนะสเปนแล้วเข้ายึดครองคิวบาและหมู่เกาะฟิลิปปินส์จากสเปนเมื่อร้อยกว่าปีที่แล้ว โดยสหรัฐอเมริกาได้ให้เอกราชแก่คิวบาเมื่อ พ.ศ.2445 แต่ยังไว้สิทธิในการแทรกแซงกิจการภายในของคิวบามาโดยตลอด ต่อมาได้เกิดกบฏนายสิบที่นำโดยสิบเอกฟุลเคนเซียว บาติสตา ที่ได้รับการสนับสนุนจากสหรัฐอเมริกาเมื่อ พ.ศ.2476 ซึ่งบาติสตาได้ครองอำนาจในคิวบาอยู่นานถึง 25 ปี เนื่องจากมีนโยบายปราบปรามคอมมิวนิสต์อย่างเข้มงวด

รัฐบาลของบาติสตาได้รับการสนับสนุนจากกลุ่มทุนของบริษัทต่าง ๆ ของสหรัฐอเมริกาและบรรดากลุ่มมาเฟียต่าง ๆ ของสหรัฐอเมริกาก็ได้ขยายการปฏิบัติการมาที่เกาะคิวบา ซึ่งอยู่ห่างจากมลรัฐฟลอริดาเพียง 144 กิโลเมตรเท่านั้น จึงสร้างความมั่งคั่งให้กับบาติสตาอย่างมหาศาลด้วยการฉ้อราษฎร์บังหลวงจนกระทั่งนายฟิเดล คาสโตร ทนายความหนุ่มได้ก่อตั้งขบวนการใต้ดินออกหนังสือพิมพ์โจมตีรัฐบาลบาติสตาและได้รวบรวมสมาชิกตั้งเป็นกองกำลังติดอาวุธเข้าต่อสู้กับทหารเพื่อปลุกเร้าประชาชนคิวบาให้ลุกฮือขึ้นโค่นล้มรัฐบาลบาติสตาตามแบบการต่อสู้ของชาวคิวบาในการต่อสู้เพื่ออิสรภาพจากสเปนในอดีตใน พ.ศ.2495 โดยคาสโตรได้นำกองกำลัง 165 คน เข้าโจมตีค่ายทหารมอนคาดา ที่ตั้งอยู่ทางตะวันตกสุดของเกาะในวันที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ.2496 แต่กลับถูกตีโต้กลับแตกพ่ายไป และคาสโตรถูกจับจำคุก 1 ปี และเนรเทศไปอยู่ที่ประเทศเม็กซิโก

ที่ประเทศเม็กซิโกนี่เองที่คาสโตรได้พบกับเช กูวารา นายแพทย์หนุ่มชาวอาร์เจนตินาผู้มีอุดมการณ์ตรงกัน ดังนั้น ทั้ง 2 คนได้รวบรวมกลุ่มสมัครพรรคพวกชาวคิวบาตั้งเป็นขบวนการ 26 กรกฎาคม แล้วลักลอบกลับมายังคิวบาพร้อมกำลังพล 85 คนอีกใน พ.ศ.2499 หลังจากความพ่ายแพ้ในช่วงแรก ๆ แต่ต่อมาได้เปลี่ยนยุทธวิธีการรบเป็นรูปแบบทำสงครามกองโจรต่อสู้กองทัพของบาติสตาอย่างมีประสิทธิภาพจนเป็นผลให้บาติสตาต้องหนีออกนอกประเทศคิวบาใน พ.ศ.2502

ฟิเดล คาสโตร ได้มาเป็นผู้ปกครองคิวบาแบบเผด็จการและเริ่มแสดงท่าทีเอนเอียงไปมีความความสัมพันธ์กับสหภาพโซเวียตผู้นำกลุ่มประเทศคอมมิวนิสต์ที่อยู่ฝ่ายตรงข้ามกับสหรัฐอเมริกา ทำให้สหรัฐอเมริกาโดยหน่วยงานซีไอเอได้จัดการฝึกและติดอาวุธให้กับกองทัพชาวคิวบาพลัดถิ่นที่อยู่ในอเมริกากลับไปบุกยกพลขึ้นบกที่อ่าวหมู คิวบาใน พ.ศ.2504 เพื่อล้มรัฐบาลคาสโตร แต่ต้องล้มเหลวโดยสิ้นเชิง รัฐบาลอเมริกันต้องเสียศักดิ์ศรีและต้องจ่ายเงินและรถแทรกเตอร์เป็นจำนวนมาก เพื่อไถ่ตัวทหารคิวบาพลัดถิ่นกลับมายังสหรัฐอเมริกา แต่หน่วยซีไอเอยังคงพยายามลอบสังหารคาสโตรอีกนับครั้งไม่ถ้วน และสหรัฐอเมริกายังลงโทษทางเศรษฐกิจต่อคิวบาด้วยการไม่ค้าขายด้วย รวมทั้งแช่แข็งทรัพย์สินของคิวบาที่อยู่ในสหรัฐอเมริกาเพื่อการตอบโต้การที่ทางการคิวบายึดทรัพย์สินของชาวอเมริกันที่ทำธุรกิจอยู่ในคิวบาเป็นเวลายาวนานร่วม 5 ทศวรรษ

เพื่อเป็นการป้องกันตัว คาสโตรได้อนุญาตให้สหภาพโซเวียตติดตั้งฐานยิงจรวดหัวรบนิวเคลียร์และเก็บอาวุธนิวเคลียร์บนเกาะคิวบาซึ่งอยู่ห่างจากสหรัฐอเมริกาเพียง 144 กิโลเมตร สามารถที่ยิงขีปนาวุธเข้าใส่สหรัฐอเมริกาอย่างง่ายดาย จึงนำไปสู่เหตุการณ์วิกฤตการณ์ขีปนาวุธคิวบาใน พ.ศ.2505 เกือบจะเกิดสงครามโลกครั้งที่ 3 ขึ้นเลยทีเดียว แต่วิกฤตการณ์ขีปนาวุธสงบลงได้ โดยทางสหรัฐอเมริกาต้องยอมให้คำมั่นว่าจะไม่ใช้กำลังทหารบุกโจมตีคิวบาโดยเด็ดขาด และสหภาพโซเวียตก็ยอมถอนอาวุธนิวเคลียร์ทั้งหมดออกจากคิวบา

คาสโตรได้เปลี่ยนแปลงการปกครองคิวบาให้เป็นคอมมิวนิสต์ตั้งแต่ใน พ.ศ.2504 ใน พ.ศ.2508 คาสโตรได้เป็นเลขาธิการใหญ่ของพรรคคอมมิวนิสต์ที่เพิ่งตั้งขึ้น ขณะที่พรรคการเมืองอื่นถูกยุบ จากนั้นเขานำการเปลี่ยนแปลงคิวบาสู่สาธารณรัฐสังคมนิยม ยึดอุตสาหกรรมไปเป็นของรัฐและนำสาธารณสุขถ้วนหน้าและการศึกษาแบบให้เปล่า เช่นเดียวกับการปราบปรามการต่อต้านภายใน คาสโตรได้ริเริ่มคณะแพทย์คิวบาผู้ซึ่งทำงานทั่วโลกกำลังพัฒนา และช่วยเหลือกลุ่มสังคมนิยมปฏิวัติต่างประเทศหลายกลุ่มด้วยการส่งทหารคิวบาไปช่วยรัฐบาลคอมมิวนิสต์หลายประเทศรบ ด้วยหวังว่าจะโค่นทุนนิยมโลก

ซึ่งก่อนหน้านี้สหายของเขาคือ 'เช กูวารา' ก็ได้ไปปฏิบัติการทางทหาร เพื่อช่วยการปฏิวัติของประเทศโบลิเวียและถูกสังหารที่นั่นอีกด้วย

เมื่อประเทศสหภาพโซเวียตได้ล่มสลายลงเมื่อ พ.ศ.2534 ทำให้เศรษฐกิจของคิวบาเกือบล่มสลายทำให้คิวบาต้องผ่อนปรนการใช้การบริหารเศรษฐกิจทั้งหมดโดยรัฐบาลกลางผ่านแผนพัฒนาเศรษฐกิจ 5 ปี ซึ่งมีต้นแบบมาจากสหภาพโซเวียต ซึ่งก็ทำให้สหภาพโซเวียตล่มสลายไปแล้ว (แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมไทยก็ได้ต้นแบบมาจากสหภาพโซเวียตด้วย) และเริ่มมีการส่งเสริมการท่องเที่ยวเพื่อนำเงินตราเข้าประเทศ ยิ่งกว่านั้นคิวบายังได้รับความช่วยเหลือทางเศรษฐกิจและการเงินจากจีนและเวเนซุเอลา

ใน พ.ศ.2549 คาสโตรต้องเข้ารับการผ่าตัดมะเร็งลำไส้ใหญ่ เขาจึงส่งต่ออำนาจให้กับราอูล คาสโตร น้องชายผู้ร่วมรบกับเขามาโดยตลอด และใน พ.ศ.2558 สหรัฐอเมริกาได้ตกลงฟื้นฟูความสัมพันธ์กับคิวบาอีกครั้งภายหลังที่ตัดสัมพันธ์กันมา 54 ปี ในสมัยของประธานาธิบดีราอูล คาสโตร นี่เอง

การจากไปของฟิเดล คาสโตร เป็นการจากไปของนักปฏิวัติที่อยู่ยั้งยืนยงและสามารถต้านทานการโจมตีอย่างหนักและต่อเนื่องจากประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกาได้ถึง 11 คน นับได้ว่าเป็นชายชาตรีโดยแท้

19 พฤษภาคม พ.ศ. 2466 วันคล้ายวันสิ้นพระชนม์ ‘กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์’ หรือ ‘เสด็จเตี่ย’ ผู้วางรากฐานกองทัพเรือไทย-ได้รับการยกย่องเป็น ‘บิดาแห่งกองทัพเรือไทย’

พลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ มีพระนามเดิมคือ พระเจ้าลูกยาเธอ พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ ทรงเป็นต้นราชสกุล ‘อาภากร’ เป็นพระราชโอรสพระองค์ที่ 28 ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ประสูติแต่เจ้าจอมมารดาโหมด พระองค์ทรงได้รับสมัญญานามว่า ‘องค์บิดาแห่งทหารเรือไทย’

พระองค์ทรงเป็นผู้วางรากฐานการบริหารงานของกองทัพเรือ ทรงได้รับการเชิดชูในหมู่ทหารเรือเรียกขานพระองค์ว่า ‘เสด็จเตี่ย’ หรือ ‘หมอพร’ และ ‘พระบิดาแห่งกองทัพเรือไทย’ ต่อมาใน พ.ศ. 2536 มีประกาศกองทัพเรือขนานพระนามพระองค์ว่า ‘พระบิดาของกองทัพเรือไทย’ และใน พ.ศ. 2544 แก้ไขเป็น ‘องค์บิดาแห่งทหารเรือไทย’

พระองค์ทรงประชวรด้วยโรคประจำพระองค์ เมื่อเดือนมกราคม พ.ศ. 2465 ก่อนจะสิ้นพระชนม์เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2466 เวลา 11 นาฬิกา 40 นาที สิริพระชันษา 42 ปี 151 วัน โดยมีพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพเมื่อวันที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2466 ณ พระเมรุ ท้องสนามหลวง

ภายหลังจากการสิ้นพระชนม์ของพระองค์ ได้มีการจัดสร้างศาลและพระอนุสาวรีย์พลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ รวมทั้งสิ้น 217 แห่งทั่วประเทศไทย เช่น โรงพยาบาลชุมพรเขตรอุดมศักดิ์ อำเภอเมือง จังหวัดชุมพร โรงพยาบาลอาภากรเกียรติวงศ์ ฐานทัพเรือสัตหีบ โรงพยาบาลสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี หรือที่พระตำหนักที่หาดทรายรี จังหวัดชุมพร

18 พฤษภาคม พ.ศ. 2463 วันเกิด ‘อิศรา อมันตกุล’ นายกสมาคมนักข่าวแห่งประเทศไทยคนแรก แบบอย่าง ‘นักหนังสือพิมพ์’ ผู้เคร่งครัดหลักจริยธรรมของวิชาชีพ

‘อิศรา อมันตกุล’ เดิมชื่อ อิบรอฮีม อะมัน ผู้มีฉายาว่า ‘นักบุญ’ เป็นนักเขียน นักหนังสือพิมพ์ คนสำคัญของประเทศไทย และเป็นนายกสมาคมนักข่าวแห่งประเทศไทยคนแรก

โดย อิศรา อมันตกุล มักจัดหน้าและเขียนเองเป็นส่วนมาก เขามีความสามารถในการเขียนคอลัมน์และภาพประกอบได้อย่างดีพอสมควร เรื่องที่เขียนไม่ว่าเรื่องเล็กน้อย กระจุกกระจิกประการใด สำนวนโวหารมีเสน่ห์ชวนอ่านเสียทั้งสิ้น เขียนได้หลายแบบ ไม่เฉพาะนวนิยาย เรื่องสั้น เรื่องยาว สารคดีและคอลัมน์ต่าง ๆ ได้คล่องเท่ากัน

อิศรา อมันตกุล เกิดเมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2463 เป็นบุตรคนที่ 4 ในจำนวน 10 คน ของ นาย ม.ชาเลย์ และ นางวัน เรียนชั้นประถมศึกษา โรงเรียนบำรุงวิทยา และจบมัธยมศึกษาปีที่ 8 จาก โรงเรียนกรุงเทพคริสเตียน ทำงานเป็นครูสอนภาษาอังกฤษ ร่วมกับคณะมิชชันนารี ที่จังหวัดนครศรีธรรมราช ประมาณ 2 ปี จึงเดินทางกลับเข้ากรุงเทพมหานคร

อิศรา อมันตกุล มีความถนัดในการใช้ภาษาอังกฤษ เป็นผู้มีคะแนนยอดเยี่ยมทางภาษาอังกฤษในระดับประเทศ ผลงานคอลัมน์การใช้ภาษาอังกฤษ ใช้นามปากกา ‘แฟรงค์ ฟรีแมน’ นอกจากงานหนังสือพิมพ์แล้ว เขานิยมเสนอความคิดทางการเมืองในรูปแบบงานประพันธ์และวรรณกรรม

ผลงานด้านการประพันธ์ทั้งเรื่องสั้นและเรื่องยาวหลายชิ้นมีการนำเสนอความคิดทางการเมืองอย่างชัดเจน เช่น เขาตะโกนหานายกรัฐมนตรี, นาถยาและสถาพรผู้กลับมา และข้าจะไม่แพ้

อิศรา อมันตกุล ชอบทำงานอิสระของตนเองมากกว่าที่จะเข้าสังกัด ชีวิตหนังสือพิมพ์เริ่มต้นที่หนังสือพิมพ์สุภาพบุรุษ ประชามิตร ร่วมกับ กุหลาบ สายประดิษฐ์ และมาลัย ชูพินิจ และได้ร่วมก่อตั้งหนังสือพิมพ์สุวัณณภูมิ ร่วมกับทองเติม เสมรสุต เป็นผู้ออกแบบตราสัญลักษณ์ของสมาคมนักข่าวในครั้งนั้น), วิน บุญอธึก, สว่างวงศ์ กรีบุตร, เสนีย์ เสาวพงศ์ และวิตต์ สุทธเสถียร

ภายหลังได้ทำหนังสือพิมพ์อีกหลายแห่ง เช่น หนังสือพิมพ์บางกอกรายวัน, หนังสือพิมพ์เอกราช, หนังสือพิมพ์พิมพ์ไทยเบื้องหลังข่าว, หนังสือพิมพ์บางกอกเดลิเมล์

อิศรา อมันตกุล ถูกอำนาจเผด็จการยุคนั้นจับกุมไปคุมขังที่เรือนจำลาดยาว ด้วยข้อหามีการกระทำอันเป็นคอมมิวนิสต์ เป็นเวลา 5 ปี 10 เดือน ได้รับการปลดปล่อยเป็นอิสระโดยไม่มีการฟ้องร้องศาลแต่อย่างใด ภายหลังได้ทำงานที่หนังสือพิมพ์เดลินิวส์

ชีวิตการต่อสู้เป็นแบบอย่างการทำข่าวเจาะ และเขาเป็นแบบอย่างของนักหนังสือพิมพ์ผู้เคร่งครัดในหลักจริยธรรมวิชาชีพ จนสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์ฯ นำชื่อมายกย่องตั้งเป็นชื่อ   ‘รางวัลอิศรา’ ให้กับผลงานข่าว ภาพข่าวยอดเยี่ยมประจำปี

“หนังสือพิมพ์ในสายตาของคนทั่วไปอาจเป็นเศษกระดาษ ซึ่งเมื่ออ่านเสร็จแล้วก็โยนทิ้งไป หรืออย่างดีก็เก็บเอาไว้ชั่งกิโลขายเจ๊ก ถึงอย่างไร ผมอยากจะกล่าวว่าหนังสือพิมพ์คือเอกสารทางประวัติศาสตร์สั้นต่อวัน สัปดาห์ต่อสัปดาห์ เดือนต่อเดือน ปีต่อปี นั่นเอง หนังสือพิมพ์วันนี้ ย่อมจะกลายเป็นหลักฐานทางประวัติศาสตร์ในวันหน้าไปอย่างแน่นอนมิพักต้องสงสัย” เป็นคำพูดของ อิศรา อมันตกุล

อิศรา อมันตกุล ถึงแก่กรรมเมื่อ 14 มีนาคม พ.ศ. 2512 ด้วยโรคมะเร็ง แต่แบบอย่างที่งดงามในความหนักแน่นต่อหลักจริยธรรม ความรักในเสรีภาพ และการต่อสู้ต่ออำนาจเผด็จการแม้แลกด้วยอิสรภาพของตนเอง เป็นแรงบันดาลใจให้เพื่อนร่วมวงการหนังสือพิมพ์ เสริมศรี เอกชัย (เรือใบ) เขียนถึงเขาไว้ในหนังสือวันนักข่าว 5 มีนาคม โดยชื่อบทความ อิศรา ตัวตายแต่ชื่อยัง

สำหรับมูลนิธิ อิศรา อมันตกุล นั้นก่อตั้งขึ้นมาได้สำเร็จด้วยความเสียสละร่วมกันของบุคคลต่าง ๆ มากมายหลายฝ่าย โดยมีความประสงค์ต้องตรงกันอยู่ที่เป้าหมายเดียวกันคือ ปณิธานที่จะเชิดชูเกียรติคุณของคุณอิศรา อมันตกุล ไว้ให้ปรากฎ เพื่อจะได้เป็นพลังให้แก่เพื่อนนักหนังสือพิมพ์และนักเขียนรุ่นหลัง และต่อมามูลนิธิอิศรา อมันตกุล ได้มอบหมายให้สมาคมนักข่าวแห่งประเทศไทย (ต่อมายุบรวมกับสมาคมนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย แล้วเปลี่ยนชื่อเป็นสมาคมนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย เมื่อปี พ.ศ. 2543) ดำเนินการจัดการประกวดรางวัลอิศรา อมันตกุล เพื่อให้รางวัลแก่ผลงานข่าว และภาพข่าวยอดเยี่ยมประจำปี โดยเริ่มต้นการประกวดครั้งแรกในปี พ.ศ. 2515 และมีพิธีมอบรางวัลครั้งแรกในวันที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2516

17 พฤษภาคม พ.ศ. 2507 ‘ในหลวง ร.9’ เสด็จฯ เปิด ‘เขื่อนภูมิพล’ เขื่อนอเนกประสงค์แห่งแรกในประเทศไทย

‘เขื่อนภูมิพล’ เป็นเขื่อนคอนกรีตโค้งขนาดใหญ่ สร้างปิดกั้นลำน้ำปิงที่บริเวณเขาแก้ว อำเภอสามเงา จังหวัดตาก เดิมเรียก ‘เขื่อนยันฮี’ ต่อมาเมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2500 พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ได้พระราชทานพระปรมาภิไธยให้เป็นชื่อเขื่อน และได้เสด็จพระราชดำเนินไปทรงประกอบพิธีวางศิลาฤกษ์ เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2504 โดยเริ่มดำเนินการก่อสร้างตัวเขื่อน ระบบส่งไฟฟ้า อาคารโรงไฟฟ้า และองค์ประกอบต่าง ๆ

ทั้งนี้ เขื่อนภูมิพล ถือเป็นเขื่อนอเนกประสงค์แห่งแรกในประเทศไทย รองรับน้ำได้สูงสุด 13,462 ล้านลูกบาศก์เมตร ซึ่งนอกจากจะใช้ระบายไปเพื่อการเกษตร อุปโภคบริโภค ตลอดจนคมนาคมขนส่งแล้ว ยังใช้ผลิตกระแสไฟฟ้า 

พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เสด็จพระราชดำเนินไปทรงประกอบพิธีเปิด เมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2507 นอกจากจะช่วยหล่อเลี้ยงพื้นที่การเกษตรกว่า 10 ล้านไร่ ส่งเสริมอาชีพประมงเป็นมูลค่ากว่า 400 ล้านบาทต่อปี ผลิตกระแสไฟฟ้าได้ 64,000 ล้านหน่วย ยังเป็นเขื่อนที่ช่วยบรรเทาปัญหาอุทกภัย และสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวให้แก่ประชาชนในบริเวณใกล้เคียงอีกด้วย

‘ลิซ่า’ แกร่ง!! ผ่านทุกด่านทรหดในค่ายเพลงเกาหลีใต้ ส่งผลให้วันนี้ก้าวเดินอย่าง ‘สง่างาม’ ในเส้นทางของตนเอง

(16 พ.ค. 67) ผู้ใช้บัญชีเฟซบุ๊กชื่อ ‘Sappisansook Yodmongkhon’ ได้โพสต์ข้อความถึงเส้นทางชีวิตการเป็นเกิร์ลกรุ๊ปเกาหลีจากค่ายใหญ่อันดับต้น ๆ ในประเทศเกาหลีใต้ของ ‘ลิซ่า’ ลลิษา มโนบาล สาวไทยสุดเก่งที่ขณะนี้กำลังโด่งดังไปทั่วโลก ว่า…

“ค่าย YG ดูแลเด็กในค่าย 2 มาตรฐาน ส่งลิซ่าไปออกรายการโหดมาก คนอื่น ๆ ไปออกรายการสวยงาม ดีที่น้องลิซ่ามีความอดทนแสดงความแข็งแกร่งเท่าที่จะทำได้ให้คนรอบตัวได้เห็น ขนาดพี่แมทธิวยังทนไม่ได้ต้องแอบช่วยน้อง แอบใช้มือตุ้มสัมภาระทหารของลิซ่าให้ ขอบคุณพี่แมทธิวมากๆ”

“ถ้าจำไม่ผิด รายการนี้รายการเดียวที่น้องลิซ่าได้ไปออกรายการคนเดียวในเกาหลี ลำบากหนักเหนื่อย คนอื่นได้ไปสบาย ๆ หมด รายการนี้ ศิลปิน ผช. ยังไม่ไป แต่ YG ส่งลิซ่าไป…”

ผู้ใช้เฟซบุ๊กรายนี้ระบุเพิ่มว่า “ยังไม่นับอีกสารพัดที่น้องโดนจากค่ายหลังเดบิวส์ ไม่แปลกที่น้องไม่อาลัยอาวรณ์ ขอต่อสัญญาด้วยเงิน 2,400 ล้านวอน แต่น้องก็เซย์โน​ ลำพังน้องหาได้เยอะกว่านั้นอีกมหาศาล อย่าอ้างบุญคุณ เพราะน้องหาเงินให้เยอะแยะมหาศาล มันตอบแทนกันไปหมดนานแล้ว ตอนนี้ YG ที่ไม่มีลิซ่าขาดทุนยับ”

“เพราะลิซ่าได้ผ่านมาแล้วทุกความท้าทาย น้องจึงเป็นยอดเพชรประดับมงกุฎซึ่งทรงไว้ซึ่งความสง่างาม มีเกียรติ มีศักดิ์ศรี มีความรุ่งเรือง เลอค่า สมแล้วที่ใครก็ตามได้พบน้อง จะชื่นชมอย่างจริงใจ ไม่ว่า YG จะปฏิบัติกับน้องด้วยอคติ หรือเป็นแค่การทดสอบคนต่างชาติก็ตาม ขอบคุณที่ทำให้น้องเป็นเพชรจรัสแสงประกายเรืองโรจน์ เป็นดาวฤกษ์ที่มีแสงเรืองรองด้วยตนเองในที่สุด” 

✨ผลสลากกินแบ่งรัฐบาล ✨ประจำวันที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2567

🟢รางวัลที่ 1 รางวัลละ 6,000,000 บาท : 205690

🔴รางวัลข้างเคียงรางวัลที่ 1 จำนวน 2 รางวัล รางวัลละ 100,000 บาท : 205689 205691

🔴รางวัลเลขหน้า 3 ตัว รางวัลละ 4,000 บาท : 885 747

🔴รางวัลเลขท้าย 3 ตัว รางวัลละ 4,000 บาท : 137 070

🔴รางวัลเลขท้าย 2 ตัว รางวัลละ 2,000 บาท : 60

🟢รางวัลที่ 2 รางวัลละ 200,000 บาท : 753950  862515  418448  589461 051664

🟢รางวัลที่ 3 รางวัลละ 80,000 บาท : 831208  282965  803933  658671  987576  787378  695909  737000  730886  625541 

🟢รางวัลที่ 4 รางวัลละ 40,000 บาท: 746802  009719  081650  320888  402421  787062  339581  651594  187716  095107  703403  644520  376789  907223  261372  850675  722477  544984  756905  590008  088710  259114  733830  593091  391338  224331  988056  853693  622774  250866  414318  902724  996534  310292  991850  950967  577047  338715  439055  176775  174951  256245  352139  965748  798919  602925  836258  137473  266130  645861 

🟢รางวัลที่ 5  รางวัลละ 20,000 บาท: 920214  054967  847156  678348  630257  790707  164089  979193  349215  987029  756238  808246  520219  410038  224623  604243  732202  868087  841034  556693  354437  382067  938091  553872  627605  011016  029171  016141  490116  133180  523312  969515  223879  947791  967438  594780  988300  100486  512815  462525  250968  379072  565794  847506  099921  644545  924253  183636  645113  359888  979559  341093  897365  672330  835807  077139  120743  456676  894478  128048  698695  931182  875647  612991  988503  274866  210371  525350  503663  542797  490133  872762  359444  715647  950316  286023  529977  422625  659221  951224  637975  763554  502464  453204  907595  549150  941650  669611  566794  418285  854947  410722  224606  775921  403777  557784  621413  412923  477860  687477

16 พฤษภาคม พ.ศ. 2558 ‘หลวงพ่อคูณ ปริสุทฺโธ’ ละสังขาร สิ้นตำนาน เทพเจ้าแห่งด่านขุนทด

วันนี้เมื่อ 9 ปีก่อน ซึ่งตรงกับวันที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2558 คือวันที่หลวงพ่อคูณ ปริสุทฺโธ แห่งวัดบ้านไร่ ด่านขุนทด ได้ละสังขารจากโลกนี้ไป เหลือไว้แต่คำสอนอมตะ ให้จารึกจดจำและปฏิบัติไปตลอดกาล

พระเทพวิทยาคม นามเดิม คูณ ฉัตร์พลกรัง หรือที่รู้จักในนาม หลวงพ่อคูณ พระเกจิอาจารย์ดัง อดีตที่ปรึกษาเจ้าคณะภาค 11 และอดีตเจ้าอาวาสวัดบ้านไร่ ที่ลูกศิษย์ยกย่องเป็น ‘เทพเจ้าแห่งด่านขุนทด’

หลวงพ่อคูณ ถือกําเนิดที่บ้านไร่ ม.6 ต.กุดพิมาน อ.อ่านขุนทด จ.นครราชสีมา ในครอบครัวของชาวไร่ชาวนาที่อยู่ห่างไกลความเจริญ บิดาชื่อ นายบุญ ฉัตรพลกรัง มารดาชื่อ นางทองขาว ฉัตรพลกรัง เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 14 ต.ค. 2466 มีพี่น้องทั้งหมด 7 คน บิดามารดาของหลวงพ่อคูณเสียชีวิตลงในขณะที่ลูก ๆ ยังเป็นเด็ก หลวงพ่อคูณกับน้อง ๆ จึงอยู่ในความอุปการะของน้าสาว สมัยที่หลวงพ่อคูณอยู่ในวัยเยาว์ได้เรียนหนังสือกับพระที่วัดบ้านไร่ ซึ่งเป็นสถานศึกษาแห่งเดียวในหมู่บ้าน นอกจากเรียนภาษาไทยและขอมแล้ว พระอาจารย์ยังได้สั่งสอนวิชาคาถาอาคมให้ด้วย

หลวงพ่อคูณอุปสมบท เมื่ออายุได้ 21 ปี ณ พัทธสีมาวัดถนนหักใหญ่ ต.กุดพิมาน อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม 2487 โดยพระครูวิจารย์ดีกิจ อดีตเจ้าคณะอําเภอด่านขุนทด เป็นพระอุปัชฌาย์ ได้รับฉายาว่า 'ปริสุทโธ' หลังจากที่หลวงพ่อคูณอุปสมบทเป็นพระภิกษุเรียบร้อยแล้วท่านได้ฝากตัวเป็นศิษย์หลวงพ่อแดง วัดบ้านหนองโพธิ์ ต.สํานักตะคร้อ อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา หลวงพ่อคูณได้อยู่ปรนนิบัติรับใช้หลวงพ่อแดงมานานพอสมควร หลวงพ่อแดงจึงพาหลวงพ่อคูณไปฝากตัวเป็น ลูกศิษย์หลวงพ่อคง พุทธสโร ซึ่งให้การศึกษาพระธรรมควบคู่กับการปฏิบัติพระกัมมัฏฐาน หลังจากนั้นหลวงพ่อคูณได้ออกธุดงค์ จาริกอยู่ในเขต จ.นครราชสีมา รวมทั้งธุดงค์ไปไกลถึงประเทศลาว และกัมพูชา

หลังจากที่พิจารณาเห็นสมควรแก่การปฏิบัติแล้ว หลวงพ่อคูณจึงออกเดินทางจากกัมพูชากลับมายังประเทศไทย เดินข้ามเขตด้าน จ.สุรินทร์ สู่ จ.นครราชสีมา กลับบ้านเกิดที่บ้านไร่ จากนั้นจึงเริ่มดําเนินการก่อสร้างถาวรวัตถุทางพระพุทธศาสนา โดยเริ่มสร้างอุโบสถ พ.ศ. 2496 โรงเรียน กุฏิสงฆ์ ศาลาการเปรียญ รวมทั้งขุดสระน้ำเพื่อการอุปโภคและบริโภคทำให้คุณภาพชีวิตของชาวบ้านโดยรอบดีขึ้นด้วย

หลวงพ่อคูณเป็นพระที่มีชื่อเสียงเรื่องการสร้างวัตถุมงคล ซึ่งท่านได้สร้างวัตถุมงคลมาตั้งแต่บวชได้ 7 พรรษา โดยเริ่มทําวัตถุมงคลซึ่งเป็นตะกรุดโทน ตะกรุดทองคํา "ใครขอกูก็ให้ ไม่เลือกยากดีมีจน" เป็นคํากล่าวของท่าน

เมื่อปี 2556 หลวงพ่อคูณเคยอาพาธด้วยอาการติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ และมีอาการหลอดลมอักเสบติดเชื้ออย่างรุนแรง จึงเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมาจนอาการดีขึ้นก่อนจะกลับไปรักษาตัวที่วัดบ้านไร่ โดยมีคณะแพทย์เฝ้าดูอาการอย่างใกล้ชิด โดยในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาอาการอาพาธของหลวงพ่อคูณมีทั้งทรงตัวและแย่ลง จนกระทั่งมีอาการหมดสติเมื่อวันที่ 15 พ.ค. 2558

ต่อมาวันที่ 16 พ.ค. 2558 เมื่อเวลา 10.00 น. คณะแพทย์รายงานผลว่าการเฝ้าตรวจติดตามอาการอาพาธของหลวงพ่อคูณ มีภาวะแทรกซ้อนเพิ่มขึ้นจากการแข็งตัวของเลือดผิดปกติ ทำให้เลือดออกในช่องอก ส่งผลให้ระบบการหายใจล้มเหลว ภาวะหัวใจหยุดเต้น คณะแพทย์ได้ทำการช่วยฟื้นคืนชีพ สำหรับภาวะไตไม่ทำงานได้ให้การรักษาโดยการฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม ขณะนี้อาการโดยรวมทรุดลง จนกระทั่งเวลา 11.45 น. หลวงพ่อคูณ ได้มรณภาพด้วยอาการสงบ

‘TOC - Table of Contents’ คาเฟ่น้องใหม่ ‘ย่านบรรทัดทอง’ แปลงโฉมขนมไทยสุดว้าว แต่คงรสชาติความเป็นไทยชัดเจน

นับว่าเป็นคาเฟ่แห่งใหม่ที่น่าไปเยือนอีกหนึ่งแห่งในย่านบรรทัดทองเลยก็ว่าได้ สำหรับร้าน TOC - Table of Contents ที่ขณะนี้มีเมนูน่ารัก แถมยังน่าอร่อยอย่าง ‘DoughKo หรือ โดโกะ’ ที่นับว่าเป็นหนึ่งใน ‘ขนมไทยแปลงร่าง’ และเป็นความตั้งใจของทางร้าน ที่ต้องการนำเสนอขนมไทย ในรูปแบบที่แตกต่าง แต่ยังคงได้รสชาติความเป็น ‘ไทย’ ที่ชัดเจน

‘DoughKo หรือ โดโกะ’ เป็นการนำแป้งปาท่องโก๋ สูตรลับที่ต้องนวดมือเท่านั้น มาแปลงให้เป็นองค์ประกอบหลัก จากนั้นก็นำขนมไทยที่เราคุ้นเคยมาแปลงร่างเป็นไส้ต่าง ๆ ที่เมื่อทานเข้าไปแล้ว จะต้องร้อง “อ๋อ…” เมื่อภาพขนมไทยเหล่านั้นไหลกลับมาในหัว

ในช่วงเปิดตัวมี 8 รสชาติแนะนำ ได้แก่ บ้าบิ่น ขนมครกต้นหอม ขนมครกข้าวโพด ขนมเบื้อง ขนมเปียกปูน ขนมใส่ไส้ มะขามเคิร์ด และ มะนาวเคิร์ด ข้อแนะนำพิเศษคือใช้มือทาน ใส่คำโต ๆ จะได้ลิ้มรสชาติเต็มปากเต็มคำ

ต่อมาคือ ‘คานาเล่’ ข้าวเหนียวปิ้งไส้เผือก ขนมหวานสัญชาติฝรั่งเศส ที่ถูกจับมาถ่ายทอดผ่านความกรอบนอกนุ่มใน ให้ออกมาในรสชาติของข้าวเหนียวปิ้ง ด้วย Texture ของข้าวเหนียวปิ้งทำให้มีความเหนียวนุ่มเคี้ยวเพลินไปอีกแบบ

ถัดมาคือ ‘Scone กลีบลำดวน’ ขนมหวานโซนผู้ดีอังกฤษ ที่หยิบเอาขนมกลีบลำดวนมาเป็นแรงบันดาลใจในการทำ เปลี่ยนครีมชีสให้กลายเป็นครีมกล้วย ที่มีความ ‘นัว’ เป็นส่วนผสมลงตัวเมื่อตัดกับแยมเสาวรสที่ให้รสชาติเปรี้ยวนำ จานนี้ทานกับกาแฟของทางร้านเข้ากันได้ดีมาก

เมนูที่ห้ามพลาด ‘ชีสเค้ก หม้อแกง’ ดัดแปลงความนุ่มของชีส เปลี่ยนเป็นความละมุนของขนมหม้อแกงที่คนไทยรู้จักดี แถมด้วยการเอาหอมเจียวไปเบิร์นให้มีกลิ่นหอมจากน้ำตาลไหม้

และเมนูที่เห็นแล้วน้ำลายสอ ‘โรล ข้าวต้มมัด’ และ ‘ทองม้วนสด’ นับเป็นเมนูที่เดาไม่ออก ถ้าไม่ได้ลอง เป็นอีกหนึ่ง Signature ที่แปลงร่างขนมไทยอย่างข้าวต้มมัด และทองม้วนสด ให้มาอยู่ในรูปของโรลที่มีสีสันสวยงาม น่ารับประทานมาก

นอกจากขนมหน้าตาน่าอีทแล้ว ที่ TOC - Table of Contents ก็ยังมีเครื่องดื่มให้บริการด้วย โดยมีกาแฟ Blend พิเศษให้ได้ทดลอง 2 แบบ ได้แก่

TOC Blend : ที่ผสานรสชาติ Spice, Black Currant, Plum, Roasted Hazelnut, Milk Chocolate and Panela

Wheel of fortune : มี Taste note ของ White floral, Berry, Citrus, Almond, Peanut Butter and Nutella

สำหรับใครที่มองหาร้านนั่งชิว บรรยากาศดี ๆ แถมยังมีเครื่องดื่มและขนมอร่อย ๆ ให้รับประทาน ก็สามารถแวะมาได้ที่ TOC - Table of Contents จะมาคนเดียว มากับแฟน หรือแก๊งเพื่อน ทางร้านก็ยินดีให้บริการ

🕗ร้านเปิดทุกวัน (จันทร์-อาทิตย์) ตั้งแต่เวลา 07.30 น. - 22.00 น. 

📍 TOC - Table of Contents 
https://maps.app.goo.gl/P9AdH6RtPVy6itBr9

🗒สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ 👉 Line @tableofcontents

🅿️ Parking : ที่จอดรถแบบมีค่าใช้จ่าย Dragon Town / สวนหลวงสแควร์ / อุทยาน 100 ปี จุฬาฯ / I'm Park

15 พฤษภาคม พ.ศ. 2394 วันคล้ายวันพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ‘ในหลวง ร.4’ กษัตริย์ผู้ได้รับการยกย่องให้เป็นพระบิดาแห่งวิทยาศาสตร์ไทย

วันนี้ในอดีต 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2394 พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ทรงประกอบพระราชพิธีบรมราชาภิเษก

เมื่อครั้นพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จสวรรคตในวันที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2394 พระราชวงศ์และเสนาบดีมีมติเห็นชอบให้ถวายราชสมบัติแก่สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้ามงกุฎ จึงได้ให้สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาประยุรวงศ์ (ดิศ บุนนาค) ไปเฝ้าเจ้าฟ้ามงกุฎ ณ วัดบวรนิเวศวิหาร แต่พระองค์ตรัสว่า ถ้าจะถวายพระราชสมบัติแก่พระองค์จะต้องอัญเชิญสมเด็จเจ้าฟ้าจุฑามณี กรมขุนอิศเรศรังสรรค์ขึ้นครองราชย์ด้วย เนื่องจากพระองค์ทรงเห็นว่าเป็นผู้ที่มีพระชะตาแรง ต้องได้เป็นพระมหากษัตริย์

ในการพระราชพิธีบรมราชาภิเษกนั้น พระองค์ได้รับการเฉลิมพระปรมาภิไธยว่า ‘พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหามงกุฎฯ พระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว’ และมีพระนามตามจารึกในพระสุบรรณบัฏว่า…

"พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหามงกุฎสุทธิ สมมุติเทพยพงศวงศาดิศรกษัตริย์ วรขัตติยราชนิกโรดม จาตุรันตบรมมหาจักรพรรดิราชสังกาศ อุภโตสุชาติสังสุทธิเคราะหณี จักรีบรมนาถ อดิศวราชรามวรังกูร สุจริตมูลสุสาธิตอุกฤษฐวิบูลย บุรพาดูลยกฤษฎาภินิหารสุภาธิการรังสฤษดิ ธัญญลักษณ วิจิตรโสภาคสรรพางค์ มหาชโนตมางคประนตบาทบงกชยุคคล ประสิทธิสรรพสุภผลอุดม บรมสุขุมาลยมหาบุรุษยรัตน ศึกษาพิพัฒนสรรพโกศล สุวิสุทธิวิมลศุภศีลสมาจารย์ เพ็ชรญาณประภาไพโรจน์ อเนกโกฏิสาธุ คุณวิบุลยสันดาน ทิพยเทพวตาร ไพศาลเกียรติคุณอดุลยพิเศษ สรรพเทเวศรานุรักษ์เอกอัครมหาบุรุษ สุตพุทธมหากระวี ตรีปิฎกาทิโกศล วิมลปรีชามหาอุดมบัณฑิต สุนทรวิจิตรปฏิภาณ บริบูรณ์คุณสาร สัสยามาทิโลกยดิลก มหาปริวารนายกอนันต์ มหันตวรฤทธิเดช สรรพพิเศษ สิรินธรมหาชนนิกรสโมสรสมมติ ประสิทธิวรยศมโหดมบรมราชสมบัติ นพปดลเศวตฉัตราดิฉัตร สิริรัตโนปลักษณมหาบรมราชาภิเศกาภิษิต สรรพทศทิศวิชิตวิไชย สกลมไหศวรินมหาสยามินทร มเหศวรมหินทร มหาราชาวโรดม บรมนารถชาติอาชาวศรัย พุทธาทิไตรรัตนสรณารักษ์ อุกฤษฐศักดิอัครนเรศราธิบดี เมตตากรุณาสีตลหฤทัย อโนปมัยบุญการสกลไพศาลมหารัษฎาธิเบนทร ปรเมนทรธรรมมิกมหาราชาธิราช บรมนารถบรมบพิตร พระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว "

พร้อมกันนี้ พระองค์ทรงสถาปนาสมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าจุฑามณี กรมขุนอิศเรศรังสรรค์ ที่กรมพระราชวังบวรสถานมงคลมีพระราชพิธีบวรราชาภิเษกและทรงรับพระบวรราชโองการ ให้พระเกียรติยศเสมอด้วยพระเจ้าแผ่นดินองค์ที่ 2 โดยได้รับการเฉลิมพระปรมาภิไธยว่า พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว ส่วนในฝ่ายสมณศักดิ์นั้น พระองค์ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ เลื่อนพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหมื่นนุชิตชิโนรส โดยมหาสมณุตมาภิเษกขึ้นเป็น กรมสมเด็จพระปรมานุชิตชิโนรส ทรงสมณศักดิ์เป็นสมเด็จพระสังฆราช เป็นต้น

ทั้งนี้ พระราชกรณียกิจของพระองค์ท่านที่มีต่อการสร้างสรรค์ชาติไทยสามารถสรุปได้ดังนี้…

>> 1. ด้านวรรณคดีศาสนา
1.1 พระองค์ทรงเอาพระทัยใส่ทำนุบำรุงเป็นอย่างดี พระราชนิพนธ์ส่วนใหญ่เป็นประเภทร้อยแก้ว บทพระราชนิพนธ์ที่สำคัญ ได้แก่
1.1.1 มนุมพระบรมราโชบาย 4 หมวด คือ หมวดวรรณคดี โบราณคดี ธรรมคดี และตำรา
1.1.2 ตำนานเรื่อง พระแก้วมรกต เรื่องปฐมวงศ์
1.1.3 ทรงริเริ่มให้มีการค้นคว้าศิลาจาลึกในประเทศไทยขึ้นเป็นครั้งแรก คือ จารึกหลักที่ 1 ของพ่อขุนรามคำแหง และจารึกหลักที่ 4 ของพระยาลิไทย

>> 2. ด้านวิทยาศาสตร์ 
2.1. พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงเป็นนักดาราศาสตร์ไทย ทรงการคำนวณการเกิดสุริยุปราคาเต็มดวงได้อย่างแม่นยำ ในวันที่ 18 สิงหาคม พ.ศ.2411 ล่วงหน้า 2 ปี และได้เสด็จพระราชดำเนินพร้อมเชิญทูตฝรั่งเศสและสิงคโปร์ทอดพระเนตรสุริยุปราคาครั้งนั้น นอกจากนี้ พระปรีชาสามารถของพระองค์ในด้านวิทยาศาสตร์นั้น ยังทำให้พระองค์ได้รับการยกย่องเป็นสมาชิกกิตติมศักดิ์ของสัตววิทยาสมาคมแห่งสหราชาอาณาจักรอีกด้วย
2.2. วันที่ 14 เมษายน พ.ศ. 2525 รัฐบาลพลเอกเปรม ติณสุลานนท์ ประกาศยกย่องพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเป็น ‘พระบิดาแห่งวิทยาศาสตร์ไทย’ และอนุมัติให้วันที่ 18 สิงหาคมของทุกปีเป็นวันวิทยาศาสตร์แห่งชาติ

>> 3.ด้านดาราศาสตร์
3.1. ทรงเป็นนักโหราศาสตร์อีกด้วย ทรงแต่งตำราทางโหราศาสตร์ที่เรียกว่า ‘เศษพระจอมเกล้า’ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งตำราที่ได้รับการยอมรับว่าแม่นยำและทรงได้รับการยกย่องเชิดชูเกียรติว่าทรงเป็น ‘พระบิดาแห่งโหราศาสตร์ไทย’

‘เข็ม ตีสิบ’ สุดทน!! หลังพูดเรื่องพีเค แต่โดนโยง ‘รถมินิ’ ในตำนาน ลั่น!! ปม ‘หนุ่ม กรรชัย’ เคลียร์นานแล้ว เป็นการซื้อรถต่อเท่านั้น

(14 พ.ค.67) อยู่ดี ๆ ก็กลับมาเป็นที่พูดถึงในโลกออนไลน์ สำหรับ ‘เข็ม กฤตธีรา อินพรวิจิตร’ หรือ ‘เข็ม ตีสิบ’ หลังจากที่ได้ออกมาพูดถึงข่าวร้อน ‘ดีเจพีเค ปิยะวัฒน์ เข็มเพชร’ ทางช่องติ๊กต็อกป้าข้างบ้าน แนะอย่าพูดเยอะ ไม่เหมาะแสดงความจริงใจแบบอธิบายเยอะ ๆ แนะนำให้อยู่นิ่ง ๆ ต่อให้ ‘โจลี่ เหงียน’ ไม่โอเค ก็ไม่ใช่หน้าที่ของสุภาพบุรุษที่ต้องแก้ตัว พูดจากคนมีประสบการณ์ ยิ่งแก้ตัว รถทัวร์จอดแล้ว จอดเลย ส่วนโยเกิร์ต (ณัฐฐชาช์ บุญประชม) ให้หนีไป

อย่างไรก็ตาม หลังคลิปดังกล่าวเผยแพร่ออกไป ก็มีคนเข้ามาเมนต์ว่า เข็มก็อย่าพูดเยอะ เดี๋ยวจะเข้าตัว เพราะคนยังไม่ลืมเรื่องรถมินิในตำนาน รวมทั้งหาว่าโหน หนุ่ม กรรชัย กำเนิดพลอย งานนี้เจ้าตัวก็จัดการอธิบายแบบบจัดหนัก ระบุว่า จิตปรุงแต่งมาก เข็มไม่ได้รู้จักพี่หนุ่มคนเดียวในชีวิต เข็มมีแฟนคนอื่นที่คบกันมายาวนานก็มี ไม่ได้มีผู้ชายเข้ามาในชีวิตคนเดียว

เข็มกับพี่หนุ่มเป็นเพื่อนกันแล้ว ผ่านการขอโทษกันนานแล้ว ล่าสุดที่คุยกันคือเมื่อเดือนมกราคม ปีนี้ จะเชิญมาออกรายการ แต่ใด ๆ คือคิวยังไม่ลงตัว

เรื่องรถมินิ ตอนนั้นนักข่าวสนุกสนานเมามันกับข่าวมาก ยุคนั้นประมาณปี 2008-2009 เกือบ 20 ปีแล้ว และมันยังไม่มีสมาร์ทโฟน เข็มไม่ได้ออกมาอธิบายอะไรได้แบบนี้ ส่วนพี่หนุ่มเคยออกมาพูดแล้วว่า เขาขายรถให้เข็ม ก็ไม่มีคนสนใจ เป็นการเข้าใจผิด ตอนที่เขามาจีบเข็ม เขาได้เลิกกับคุณเมย์ไปแล้วช่วงนึง มีข่าวไทยรัฐลง แต่ก็ไม่มีใครสนใจ เพราะนักข่าวต้องการความแซบ เข็มยอมรับว่าตกใจ งง แต่สุดท้ายแล้วเรื่องมันก็เงียบไป เสพข่าวสมัยก่อน รู้แค่ 5% เรื่องจริง ๆ มันมากกว่านั้น ถามว่าช็อกไหม ช็อก คนมาดักเต็มบ้าน มีคนด่า-เรียกว่าเมียน้อย

ส่วนรถมินิ เข็มซื้อต่อ และยังไม่ได้ทะเบียน เพราะมันคาราคาซังอยู่ ชื่อเจ้าของรถก็เป็นใครไม่รู้ เข็มไม่รู้จัก ก็เลยเชื่อ 100% ว่าเป็นชื่อของญาติพี่หนุ่ม แล้วญาติเขาไปต่างประเทศ เข็มไม่สามารถที่จะติดต่อได้ พอเข็มไม่ได้สมุดเล่มทะเบียนมา เข็มก็ไม่ได้โอนเงินส่วนที่เหลือไป

พี่หนุ่ม เคยพูดหมดแล้วในรายการของคุณสรยุทธ สุทัศนะจินดา แต่คนก็ไม่สนใจอยู่ดี เลือกจะจำอะไรแบบนี้ มันน่าเบื่อ มันบ้ง มันเชยแล้ว

14 พฤษภาคม ของทุกปี ครม.มีมติกำหนดให้เป็น ‘วันอนุรักษ์ควายไทย’ สัตว์ที่มีส่วนช่วยในการดำรงชีพของคนไทยมายาวนาน

ควายไทยถือเป็นสัตว์ที่มีความสำคัญกับภาคเกษตรกรรมของไทยมาอย่างช้านาน คนไทยเทียมควายไถนามาตั้งแต่รุ่นปู่ ย่า ตา ทวด ด้วยความที่เป็นสัตว์ที่มีความอดทน ทนแดด ทนร้อน ทนสภาพอากาศแห้งแล้งได้ ทำให้กลายเป็นเครื่องมือไถนาชั้นดี ก่อนที่จะมีรถไถเกิดขึ้นมา นอกจากนี้แล้วการเดินทางในสมัยก่อนก็ยังใช้ควายเทียมเกวียน เพื่อทุ่นแรงในการเดินทางไกลอีกด้วย แต่ปัจจุบันควายไทยถูกลดความสำคัญลง จนกลายเป็นเพียงสัตว์เลี้ยงเท่านั้น

สถานการณ์ควายไทยทุกวันนี้ โดยเฉพาะควายป่ามีความน่าเป็นห่วงอย่างยิ่งจากจำนวนประชากรที่เหลือเพียงน้อยนิด ควายป่าในประเทศไทยพบได้แค่ที่บริเวณเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง จ.อุทัยธานี เพียงแห่งเดียว ซึ่งควายป่าจะชอบอยู่รวมกันเป็นฝูงและชอบอาศัยอยู่ใกล้ลำห้วยเพราะจะได้แช่ปลักโคลนเพื่อระบายความร้อน

ควายป่าจะมีลักษณะทั่วไปคล้ายควายบ้าน แต่รูปร่างดูโตกว่า เขาโค้งไปข้างหลังเหมือนควายบ้าน แต่ขนาดของวงเขาจะกว้างกว่า บริเวณฐานคอมีสีขาวเป็นรูปตัววี ขาทั้ง 4 ข้างมีสีขาวเทาคล้ายสวมถุงเท้า

โดยเมื่อวันที่ 7 มีนาคม พ.ศ. 2560 คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบกำหนดให้วันที่ 14 พฤษภาคม ของทุกปี เป็น ‘วันอนุรักษ์ควายไทย’ เนื่องจากเป็นวันที่พระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ได้มีพระราชดำรัส ถึงหลักการดำเนินโครงการธนาคารโค กระบือ เป็นครั้งแรก

13 พฤษภาคม พ.ศ. 2553 ‘พลตรีขัตติยะ สวัสดิผล’ ถูกลอบยิงจนเสียชีวิต ขณะให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนต่างประเทศ

เมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2553 ‘เสธ.แดง’ หรือ พลตรีขัตติยะ สวัสดิผล ถูกลอบยิงขณะกำลังให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนต่างประเทศ และเสียชีวิต 4 วันต่อมา

สำหรับเหตุการณ์ลอบยิงเกิดขึ้นบริเวณทางขึ้นลงรถไฟฟ้าใต้ดิน MRT สถานีสีลม ฝั่งสวนลุมพินี บริเวณแยกศาลาแดง เมื่อเวลาประมาณ 19.20 น. ของวันที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2553 โดยได้รับบาดเจ็บสาหัสจากการถูกยิงด้วยกระสุนจากพลซุ่มยิงมุมสูงเข้าที่ศีรษะท้ายทอยด้านขวา และทะลุท้ายทอยด้านซ้าย ซึ่งกลุ่มคนเสื้อแดงได้รีบนำตัวส่งโรงพยาบาลหัวเฉียว หลังจากนั้นทางญาติจึงตัดสินใจย้ายไปรับการรักษาต่อที่โรงพยาบาลวชิรพยาบาลในกลางดึกของวันเดียวกัน โดยทางแพทย์ผู้ให้การรักษาได้ให้เหตุผลว่าทางวชิรพยาบาลมีอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่เพียบพร้อมกว่า อาการของ พลตรีขัตติยะ อยู่ในสภาพทรงตัวมาตลอดจนกระทั่งเสียชีวิตด้วยภาวะไตวายเฉียบพลันเมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2553 เวลา 09.20 น. โดยมีกำหนดการพระราชทานเพลิงศพ พลตรีขัตติยะ สวัสดิผล หรือ เสธ.แดง ที่วัดโสมนัสราชวรวิหาร ในวันที่ 22 มิถุนายน 2553 เวลา 17.00 น.

‘พีเค’ ขอโทษ ยอมรับผิด ลั่น!! อยากเดินหน้าจีบ ‘อดีตภรรยา’ ชี้!! คนที่ตนอยากเห็นหน้าในทุกเช้าคือ ‘โยเกิร์ต’ 

(12 พ.ค.67) กลายเป็นข่าวที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์สนั่นโลกโซเชียล กับเรื่องราวของพิธีกรหนุ่ม ‘พีเค ปิยะวัฒน์’ ที่ก่อนหน้านี้ถูกนางแบบสาวชาวเวียดนาม ‘โจลี่ เหงียน’ ออกมาแฉว่าเป็นสตอล์กเกอร์

ก่อน พีเค จะออกมาให้สัมภาษณ์ว่า ขอเลิกยุ่งกับ ‘โจลี่ เหงียน’ 100 % ซึ่งที่ผ่านมาเคยคบกับ ‘โจลี่ เหงียน’ หลังจากหย่ากับ ‘โยเกิร์ต’ และฝ่ายหญิงก็เคยแนะนำตัวเองว่าเป็นแฟนกับเพื่อนๆเขา พร้อมยืนยันตัวเองไม่ใช่สตอล์กเกอร์อย่างที่ถูกอีกฝ่ายแฉ

ล่าสุดทาง ‘พีเค ปิยะวัฒน์’ ก็ได้ออกมาพูดถึงโอกาสที่จะกลับมารีเทิร์นกับ ‘โยเกิร์ต’ โดยพีเคได้เปิดใจว่า “เรายังคุยกันตลอด ยังดูแลหมาด้วยกัน ตนถามเสมอว่าจีบใหม่ได้ไหม”

ซึ่งทาง โยเกิร์ต ก็ตอบว่า “ยังไม่ใช่ตอนนี้ ถามว่าตนมีหวังไหม มันก็หวังจะได้ใช้ชีวิตด้วยกัน โยคือคนที่ตนอยากเห็นหน้าในทุกเช้า ตนยังหวังดีและรักเขาเหมือนเดิม ที่ผ่านมาตนรู้ว่าตนพลาด ตนขอโทษและยอมรับความผิดตลอดเวลา ตนยอมรับทุกๆอย่าง”

12 พฤษภาคม ของทุกปี ‘สภาพยาบาลระหว่างประเทศ’ กำหนดให้เป็น ‘วันพยาบาลสากล’ ระลึก ‘มิสฟลอเรนซ์ ไนติงเกล’ ผู้กำเนิดวิชาชีพพยาบาล

สภาพยาบาลระหว่างประเทศ (International Council of Nurses, ICN) ซึ่งเป็นองค์กรวิชาชีพพยาบาล ได้กำหนดให้วันที่ 12 พฤษภาคม ของทุกปี เป็นวันพยาบาลสากล (International Nurses Day) โดยเริ่มครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 2514 (ค.ศ. 1971)

ทั้งนี้เนื่องจากวันที่ 12 พฤษภาคม เป็นวันเกิดของ ‘มิสฟลอเรนซ์ ไนติงเกล’ ผู้ก่อกำเนิดวิชาชีพการพยาบาล เป็นผู้ที่มีอุดมการณ์ ตั้งใจบำเพ็ญสาธารณประโยชน์เพื่อมวลมนุษย์อย่างแท้จริง จนได้รับการยกย่องและเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก

สำหรับวัตถุประสงค์มีเพื่อสดุดีคุณงามความดีของ ‘มิสฟลอเรนซ์ ไนติงเกล’ ที่ทำประโยชน์อย่างมากมายให้แก่มวลมนุษย์ รวมทั้งเพื่อเป็นการยกย่อง ให้เกียรติ และเชิดชูเป็นต้นแบบ อีกทั้งยังมีจุดมุ่งหมายให้พยาบาลทั่วโลก ร่วมมือจัดกิจกรรมบำเพ็ญประโยชน์แก่สาธารณชน และกำหนดแนวทางเพื่อให้พยาบาลทั่วโลกรณรงค์แก้ไขปัญหาสุขภาพในแต่ละปี


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top