>> ความเดิมเมื่อตอนที่แล้ว
กรกฎเห็นเขมิกามาเชียร์กีฬากับรุ่นพี่ปี 2 แต่เขาไม่ได้เข้าไปทักเธอ เพราะหาโอกาสเหมาะๆ ไม่ได้ แต่ที่น่าเจ็บในคือศัตรูหัวใจของเขาอย่างสุเทวา กลับหาโอกาสเข้าหาเขมิกาได้ก่อนเขานั่นเอง!!
ผมขอเล่าถึงชีวิตของนักเรียนนายร้อยชั้นปีที่ 1 ซึ่งก็คงคล้ายกับเฟรชชี่ในมหาวิทยาลัย ยังไม่รู้ประสีประสา อ่อนต่อโลก ต้องได้รับการสั่งสอนอบรมและแนะนำจากรุ่นพี่ ไม่มีสิทธิ์มีเสียงอะไร รุ่นพี่หรือนายทหารสั่งให้ทำอะไรก็ต้องทำตาม
เข้าตามตำหรับเพลงๆ หนึ่งที่ร้องว่า “...~อยู่อย่างคนไม่มีสิทธิ์ ก็ผิดตั้งแต่วันที่เราเกิด...จะเจ็บอย่างไรก็จะทน~...”
ภารกิจที่สองของรุ่นพี่เริ่มขึ้น เมื่อพี่ชั้นห้ามายืนที่หน้าแถวพวกเราที่หน้ากองร้อยตึกสี่เหลี่ยมประดับลายอิฐ ที่พักของเราในตอนเช้าก่อนที่เราจะเดินไปทานข้าว
“น้องชั้นปีที่หนึ่ง วันนี้มีภารกิจต่อเนื่องมามอบให้น้องๆ ทำครับ ครั้งที่แล้วคงจำกันได้พวกเราได้ชื่อที่อยู่ของเหล่าพยาบาลแล้ว ภารกิจต่อไปคือการเขียนจดหมายไปหาเธอเหล่านั้น เขียนเสร็จแล้วไม่ต้องใส่ซอง ติดแสตมป์ ให้เอามาอ่านหน้าแถวให้เพื่อนได้ฟังว่า สำนวนใครเห่ยบ้าง เดี๋ยวค่าซองกับแสตมป์พี่ออกให้ ข้อสำคัญต้องให้เขาตอบกลับมาไม่งั้นก็ไม่ต้องกลับบ้าน”
ถือว่าเป็นอีกหนึ่งภารกิจการฝึกนะครับ ถ้ามองเป็นการเกลี้ยกล่อมฝ่ายตรงข้าม อาจหมายถึงการเจรจาต่อรองก่อนที่จะเกิดสงครามในอนาคต ถ้าทำสำเร็จก็ไม่ต้องก่อสงครามให้มีใครบาดเจ็บล้มตาย (นับเป็นวิธีการสอนโดยการปฏิบัติที่แยบยลอย่างยิ่งยวด 55)
นักเรียนนายร้อยแต่ละคนรีบเขียนจดหมายแล้วนำมาอ่านหน้าแถวก่อนส่งไปหานักเรียนนักศึกษาพยาบาล ทำตามขั้นตอนที่รุ่นพี่กำหนดไว้ทุกประการ และทุกคนได้กลับบ้าน เร็วบ้าง ช้าบ้าง ทั้งนี้ก็ขึ้นกับจดหมายที่ตอบกลับมา เช่น นักเรียนนายร้อยจ้ำที่ได้กลับบ้านก่อนใครๆ เพราะสาวิตรีนั้นไม่เล่นตัว เอ้ย ตอบจดหมายมาเร็ว
ส่วนของกรกฎเขียนจดหมายไปหาเขมิกาถึง 3 ฉบับแต่ก็ไม่ได้รับจดหมายตอบกลับแม้แต่ฉบับเดียว นั่นก็หมายถึงว่า เขาจะไม่ได้กลับบ้านติดต่อกันสามอาทิตย์เลย
...จะทำอย่างไงดี?