Wednesday, 14 May 2025
NEWSFEED

‘พิ้งกี้’ ผันตัวเป็นแม่ค้าขายปลาหมึกทอด ที่ตลาดปลาบางแสน หลังเจ้าตัวลงแรงเองทุกอย่าง โชเชียลชื่นชม!! กับความขยันนี้

เมื่อวานนี้ (14 ส.ค.66) ทำเอาแฟนๆ แห่ชื่นชมกันเพียบ สำหรับนักแสดงสาวสวย ‘พิ้งกี้ สาวิกา ไชยเดช’ ซึ่งล่าสุดเจ้าตัวเผยอาชีพใหม่ ผันตัวเป็นแม่ค้าขายปลาหมึกทอดที่ตลาดปลาบางแสน โดยสาวพิ้งกี้ได้โพสต์ลงช่อง Tiktok @pinkysavika พร้อมข้อความบอกว่า “คิดถึงกันมั้ย แวะมาอุดหนุนกันได้เด้อจ้า ปลาหมึกทอดเอง แป้งแพ็คเอง อาชีพแม่ค้าเต็มตัวแล้วจ้า” ท่ามกลางแฟนคลับแห่ชื่นชมความขยันของเธอเป็นจำนวนมาก

‘เวฬาภิรมย์’ เปิดประสบการณ์อาหารไทย ใจกลางกรุง สงบ เงียบ เมนูเพียบทั้งคาว-หวาน โดดเด่น น่าลิ้มลอง

วันนี้ THE STATES TIMES ขอพาทุกท่านลัดเลาะเข้าสู่สาทร ซอย 1 เพื่อมาพบกับโอเอซิสแห่งใหม่ล่าสุดใจกลางเมืองที่ โรงแรมวิลล่าเทวา รีสอร์ทแอนด์ โฮเทล กรุงเทพ (Villa Deva Resort  and Hotel Bangkok) ที่นี่ซึ่งเป็นรีสอร์ทและโรงแรมสุดหรูที่มีเสน่ห์เอกลักษณ์ความเป็นไทยในบรรยากาศ เงียบสงบร่มรื่นเหมาะกับความเป็นส่วนตัว

เปิดประสบการณ์ชิมอาหารไทยในแบบฉบับ Authentic Thai Fine Dining โดยเชฟจิ๊บผู้ที่ผ่านการแข่งขันทำอาหารจากเวทีต่างๆมากมาย เชฟจิ๊ปนั้นได้บรรจงรังสรรค์งานศิลปะบนเมนูอาหารไทยให้ออกมามีรูปลักษณ์ที่โดดเด่นสวยงาม ชวนน่าลิ้มลองทั้งคาว-หวาน โดยการนำอาหารไทยทั้ง4ภาคมาผสมผสานกันได้อย่างอร่อยลงตัว ณ ห้องอาหาร เวฬาภิรมย์ (Vela Bhirom) ซึ่งมีความหมายว่า “เวลาแห่งความรื่นรมย์” และแน่นอนว่า เมนูอาหารกับประสบการณ์ที่ได้รับนั้นเหมาะสมกับความหมายของชื่อร้านเป็นอย่างมาก มีให้เลือกลิ้มลองกันทั้งแบบที่เป็น Fine dining และ A la carte แนะนำว่าให้จองล่วงหน้าก่อนมารับประทาน

ห้องอาหารนั้นมีทั้งโซน Indoor และ Outdoor สามารถเลือกนั่งได้ตามใจชอบ ในส่วนของโซน Indoor ตกแต่งด้วยการคุมโทนสีน้ำตาลกับแผงไม้สักแท้ลายคลื่นทะเล พร้อมกับผนังหินลวดลายวิจิตรหายากซึ่งให้ความรู้สึกหรูหรา เหมาะกับการมากินข้าวในโอกาสสำคัญกับคนพิเศษ  แต่ถ้าอยากได้บรรยากาศสบาย ๆ ไม่เน้นทางการมากนัก เหมาะกับการมาแฮงเอาต์กับเพื่อน ๆ แนะนำโซน Outdoor ที่ทางโรงแรมลงทุนทำช่องแอร์ปล่อยแอร์เย็นออกมา Cool Down ปรับอุณหภูมิให้ลดลง เพื่อให้นั่งสบายๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงตอนเย็น ๆ ไวน์บาร์กับบรรยากาศริมสระว่ายน้ำริมสวนที่สุดชิลมาก แถมถ่ายรูปสวยด้วยจริงๆ

ทางเชฟได้ทำอาหารหลายหลาย อาทิ มะเขือย่างกุ้งคั่วพริกเกลือผักชีฝรั่ง ที่ผสมผสานนำเอาอาหารภาคกลาง มาปรับให้เข้ากับกุ้งแม่น้ำ จนเป็นเมนูที่เลิศรส และถูปากใครหลายคน 

เมี่ยงคำปูนิ่ม ทางร้านได้รังสรรค์เมนูนี้จนเป็นที่ยอมรับในความอร่อยและความแปลกใหม่ที่สามารถกินกับปูนิ่มทอดกรอบได้เข้ากันอย่างลงตัว

ยำส้มโอน้ำมะขามกะปิคั่ว กะปิคั่ว อาหารไทยโบราณ เมนูประเภทเครื่องจิ้ม ที่เคี่ยวสมุนไพรกับกะทิจนข้น แตกมันสวยงาม รสชาติหวาน เค็ม ตัดด้วยรสเปรี้ยวหวานของส้มโอ สุดฟินในทุกคำที่กิน

ห้องอาหาร เวฬาภิรมย์ (Vela Bhirom) ตั้งอยู่ชั้นล่างข้าง Lobby  โรงแรม Villa Deva Resort and Hotel Bangkok  หากใครต้องการมา Staycation มาพักผ่อนเปลี่ยนที่นอนก็สามารถจองที่พักกันเข้ามาได้ บอกเลยว่าโรงแรมสวยมาก บรรยากาศเหมือนยกรีสอร์ทมาอยู่ในกรุงเทพฯทั้งที่อยู่ใจกลางสาทรนี่เอง 

สาย Staycation สามารถโทรสำรองโต๊ะ ได้ที่ เบอร์ : 02-821-3888

‘ลิซ่า BLACKPINK’ ถูกพบอยู่กับ ‘เฟรเดอริก อาร์โนลด์’ โซเซียลฮือฮา!! ตอกย้ำกระแสข่าวเดตของทั้งคู่เข้าไปอีก

(15 ส.ค.66) หลังจากสื่อเกาหลีเผยแพร่คำแถลง YG Entertainment ต้นสังกัด BLACKPINK ข่าวการเดตของ ‘ลิซ่า BLACKPINK’ กับ ‘เฟรเดอริก อาร์โนลด์’ (Frédé-ric Arnault) ทายาทมหาเศรษฐีเครือแบรนด์หรู LVMH ครั้งแรก ว่า “เราไม่สามารถยืนยันข่าวการออกเดตของลิซ่าได้”

ล่าสุดพบว่าวันที่ 14 ส.ค 66 ในโลกโซเชียลทั่วโลกสุดฮือฮาได้มีการแชร์ภาพลักษณะคล้าย ‘ลิซ่า’ กับ ‘เฟรเดอริก อาร์โนลด์’ อยู่ด้วยกัน พร้อมยังเผยอีกว่าเป็นภาพที่เพิ่งถ่ายวันนี้ ยิ่งตอกย้ำกระแสข่าวการเดตของทั้งคู่ พร้อมทั้งสร้างเสียงหวีดกันรัวๆ ในโซเชียล แสดงความคิดเห็นกันจำนวนมาก

‘แน็ก ชาลี’ โชว์ท่ายาก!! ขณะเล่นแทรมโพลีน ชาวเน็ตอดแซวไม่ไหว “แย่งเด็กที่ไหนเล่นอีก”

(14 ส.ค.66) นอกจากจะสร้างความปังในเรื่องของการแต่งตัวลุคต่าง ๆ ล่าสุด ‘หนุ่มแน็ก ชาลี’ โชว์เล่นแทรมโพลีนผ่านอินสตาแกรมส่วนตัว @charliepotjes งานนี้เหล่า FC มาคอมเมนต์แซวมากมาย 

อาทิ คนมีความร้ากมักจะดูเด็กลงไปนิดนึง 555555 แต่ไม่ดูเด็กนะคะ ดูหล่อ, กางเกงดึงสูงได้อีก นี่ว่าาาา, โอโหหห แน็กแฟนเก๋ นี่โคตรจะเท่เลยค่ะ ว่าแต่.... แย่งเด็กคนไหนเล่นคะ?, แฟนคลับชาวจีน ชอบท่านี้, ที่คิดว่าการมีแฟน จะทำให้แน็กเบาลง.. แต่ก็, กดชัตเตอร์ (Burst Mode) รัวๆ เลยใช่ไหมคะ...เป็นต้น

‘แพท วงเคลียร์ - ทิกเกอร์’ ควงคู่คุณแม่สุดที่รัก รับพระราชทานโล่เกียรติคุณลูกกตัญญู ปี 2566

(14 ส.ค.66) ข่าวดีรับเดือนแห่งวันแม่ ศิลปินแกรมมี่ ‘แพท - รัณนภันต์ ยั่งยืนพูนชัย’ และ ‘ทิกเกอร์ - อชิระ เทริโอ’ สุดภูมิใจ ได้รับคัดเลือกจาก สภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ เข้ารับพระราชทานโล่เกียรติคุณลูกที่มีความกตัญญูกตเวทีอย่างสูงต่อแม่ จาก สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ณ โรงแรมเซ็นทรา บายเซ็นทารา ศูนย์ราชการและคอนเวนชันเซ็นเตอร์ เนื่องในโอกาสวันแม่แห่งชาติ ประจำปี 2566 ซึ่งคณะกรรมการคัดเลือกตามเกณฑ์เบื้องต้น อาทิ การเป็นลูกที่ดูแลเอาใจใส่แม่อย่างดีสม่ำเสมอ ช่วยเหลือภารกิจการงานของแม่ ประพฤติตนตามคำสั่งสอน ดำรงตนอยู่ในศีลธรรม และเชิดชูวงค์ตระกูล รวมทั้งบำเพ็ญตนเป็นประโยชน์และ เป็นที่ยอมรับของสังคม พร้อมกันนี้ คุณแม่จินตนา พูนชัย คุณแม่ของแพท วงเคลียร์ และ นิโคล เทริโอ คุณแม่คนสวยของ ทิกเกอร์ อชิระ มาร่วมแสดงความยินดี ในโอกาสเข้ารับพระราชทานโล่เกียรติคุณฯ ในครั้งนี้ ซึ่ง แพท และ ทิกเกอร์ ได้มอบพวงมาลัยดอกมะลิเพื่อกราบคุณแม่ ในโอกาสวันแม่แห่งชาติ ท่ามกลางบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความอบอุ่นและซาบซึ้งใจ

แพท กล่าวว่า “ขอขอบคุณสมาคมสภาสังคมสงเคราะห์ฯ ที่มอบรางวัลลูกกตัญญูฯ ให้กับแพทค่ะ สำหรับรางวัลนี้ถือเป็นรางวัลที่ยิ่งใหญ่และเป็นเกียรติกับชีวิตมากค่ะ แพทขอมอบรางวัลนี้ให้กับคุณแม่ของแพท แพทรู้ว่าคุณแม่ไม่เคยต้องการอะไรจากเราเลย นอกจากอยากอยู่กับเราให้มากที่สุด แพทจึงตั้งใจจะทุ่มเทเวลาให้กับคุณแม่ มาเจอคุณแม่ให้บ่อยที่สุด และใช้เวลาอยู่ร่วมกันให้มากที่สุดค่ะ อยากฝากลูกๆ ทุกคน อย่าลืมดูแล เอาใจใส่คุณแม่ และใช้เวลาอยู่กับคุณแม่ของเราให้มากที่สุดนะคะ”

ทิกเกอร์ กล่าวว่า “รู้สึกเป็นเกียรติมากครับที่ได้รับรางวัลอันทรงเกียรตินี้ ขอขอบคุณสมาคมสภาสังคมสงเคราะห์ฯ และขอบคุณคุณแม่ของผมครับ ผมอาจจะไม่มีโอกาสได้รับรางวัลนี้เลย ถ้าคุณแม่ไม่ได้เลี้ยงดูและสอนผม มาอย่างดีแบบนี้ เพราะสิ่งที่ทำให้เป็นผมในทุกวันนี้ มาจากการสนับสนุนและความรักของคุณแม่ครับ ในวันแม่ปีนี้ เป็นปีแรกที่ผมมีโอกาสใช้เงินที่ทำงานมาด้วยตัวเอง ซื้อของขวัญให้กับคุณแม่ และของขวัญ ที่ดีที่สุดอีกอย่างคือ การที่ผมและคุณแม่ได้ใช้เวลาอยู่ร่วมกันในวันแม่ครับ”

‘ช่อง 7’ ยื้อ!! ‘อั้ม พัชราภา’ ด้วยสัญญา BRAND AMBASSADOR จ้าง 20 ล้าน ให้อยู่เฉยๆ ได้ แต่มีเงื่อนไข!! ห้ามโผล่ช่องอื่น

(14 ส.ค.66) เพจดัง ‘มนุษย์ตุ๊ด’ เผยสาเหตุ นางเอกแถวหน้าของเมืองไทย ‘อั้ม พัชราภา ไชยเชื้อ’ ไม่ย้ายช่องไปไหน ด้วยสัญญา BRAND AMBASSADOR รายปี เกือบ 20 ล้าน มีเงื่อนไขแค่ห้ามโผล่ช่องอื่น

โดยมีเนื้อหาใจความว่า "ช่อง 7 ยื้อ อั้ม พัชราภา ด้วยสัญญา BRAND AMBASSADOR รายปี เกือบ 20 ล้าน หน้าที่ขึ้นปกติปฏิทินทุกปี ไม่ต้องแสดงละครก็ได้ ไม่ต้องมางานช่อง ไม่ว่าจะรายการสด รายการอัด งานทำบุญ มีสิทธิเลือกพระเอกเอง ค่ายละคร รวมถึงทีมงานผู้จัด แล้วแต่สะดวกใจ ห้ามไปออกรายการช่องอื่น ออฟไลน์ ออนไลน์ ด้วยสัญญารายปี เฉียด 20 ล้าน

จ้างให้อยู่ประดับช่องสวย ๆ นี่คือสาเหตุที่ตัวแม่ไม่ไปไหน เพราะไม่มีที่ไหนให้สิทธิเท่านี้แล้ว เป็นนางเอกที่อายุย่าง 45 แล้วไม่โดนถอนสัญญา ตามนโยบายดาราอายุ 35 ปี ช่องขอไม่ต่อสัญญา"

'ดร.ชิต' สอนลูก!! มูลค่าแท้จริงเหนือ 'แบรนด์เนม-ราคา-ความใหม่' อยู่ที่ผลสัมฤทธิ์ในทาง 'ลึก-กว้าง' สร้างประโยชน์หรือแค่ประดับ

ถือเป็นอีกเรื่องที่ให้แง่คิดในการใช้ชีวิตได้ดีเลยทีเดียว กับ ข้อความของ 'ดร.ชิต เหล่าวัฒนา' ผู้ก่อตั้งสถาบันวิทยาการหุ่นยนต์ภาคสนาม หรือฟีโบ้ (FIBO) ภายใต้สังกัดมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี หรือที่ผู้คนในแวดวงการศึกษารู้จักดีในฐานะ 'ผู้บุกเบิกวิทยาการหุ่นยนต์ไทย' ซึ่งได้โพสต์แง่คิดผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ในหัวข้อ 'คุณค่าของกระเป๋าใบเก่า' โดยมีเนื้อหาดังนี้...

วันนี้มีโอกาสเอากระเป๋าทำงานมาทำความสะอาด 

แอนดรูว์ (ลูก) บอกว่า "กระเป๋าพ่อเก่าจัง พ่อใช้บ่อยๆ ไม่อายคนอื่นหรือ?" (เขาเป็นชวนป๋วยปี่แปกอ ตราลูกกตัญญู) และรีบบอกว่าผม "จะซื้อใบใหม่ให้พ่อ" ผมตอบทันทีเลยว่า "ไม่ต้องหรอก" และได้อธิบายความหมายของกระเป๋าใบนี้ให้เขาฟัง...

"ตอนพ่อจบปริญญาเอก ติ๊ก (แม่ของเขา) ซื้อนาฬิกาควอทซ์ ไซโก้ ให้พ่อ ตอนนั้นดีใจมาก เพราะไม่เคยมีนาฬิกาใช้" (ปัจจุบันยังเก็บอยู่ ไม่ได้ใช้แล้วเพราะกินพลังงานมากไป เปลี่ยนถ่านใหม่ใช้ได้ไม่ถึงหกเดือน)

"เมื่อพ่อกลับมาถึงไทยเริ่มทำงานในฐานะอาจารย์ที่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.) แม่ติ๊กก็ได้ซื้อกระเป๋าใบนี้ให้อีก พ่อก็ใช้เรื่อยมา ใส่เอกสารสอนหนังสือ ใช้ติดต่องานเยอะมาก เพราะเป็นช่วงเริ่มต้นที่พ่อทำงานอย่างหนักเพื่อก่อตั้งสถาบันวิทยาการหุ่นยนต์ภาคสนามขึ้นที่ มจธ. เป็นสถาบันหุ่นยนต์ฯ แห่งแรกและแห่งเดียวของไทยจนกระทั่งทุกวันนี้ ทำงานวิจัยและพัฒนาและเปิดการสอนระดับปริญญาตรี โท และเอก ด้านวิทยาการหุ่นยนต์

"กระเป๋าใบเดียวกันนี้ ได้ติดตามพ่อไปทุกสถานที่กระทั่งช่วงเวลาที่พ่อได้ถวายงานพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร พ่อต้องเดินทางไป Massachusetts Institute of Technology (MIT) ติดตามโครงงานน้ำ ที่ MIT ดำเนินการภายใต้พระราชดำริฯ สนับสนุนโครงการโดยมูลนิธิศึกษาพัฒน์

"เอกสารที่พ่อนำเสนอโครงการพัฒนาอุตสาหกรรมหุ่นยนต์ต่อคณะรัฐมนตรี ไม่มีตกหล่น กระเป๋าใบนี้ได้ทำหน้าที่อย่างดียิ่ง และอีกหลายต่อหลายโครงการสำคัญในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ฯลฯ

"พ่อหวังว่า แอนดรูว์จักเข้าใจถึงคุณค่าของกระเป๋าใบหนึ่ง หาได้อยู่ที่ราคา ความใหม่ หรือแบรนด์เนม หากแต่อยู่ที่เอกสาร/สิ่งของ ภายในกระเป๋านั้นมีความหมายความสำคัญต่อเรา ผลงาน ที่สร้างผลสัมฤทธิ์ในทางลึกและกว้างไกลอย่างไรบ้าง"

‘เอม วิทวัส’ รู้สึกกับ ‘ตั๊กแตน’ เหมือนเดิม หากเจอหน้าก็ยังยกมือไหว้ พร้อมเก็บหลักฐานเตรียมฟ้องเกรียนคีย์บอร์ด ชี้!! มีผู้เข้ารอบหลายคน

(14 ส.ค.66) ออกมาเคลียร์ดรามาจบแล้ว สำหรับกรณีของนักร้องดัง ‘ตั๊กแตน ชลดา’ และ 2 เพื่อนรัก ‘จ๊ะ นงผณี’ และ ‘เอม วิทวัส’ หรือ เอมตามใจตุ๊ด ที่โพสต์ฟาดกันดุเดือด ซึ่งต่างฝ่ายต่างเคลียร์เรื่องของตัวเอง และ ‘ตั๊กแตน’ ก็ได้โทรเคลียร์กับ ‘เอม’ ขอโทษเนื่องจากเป็นการเข้าใจผิด

ล่าสุดเจอตัว ‘เอม วิทวัส’  ได้เล่าให้ฟังว่า "ก็โอเคแล้ว เพราะเราได้มีการคุยกันแล้ว คือจริง ๆ ไม่มีใครชอบโดนด่าหรอก พี่เขาโทรมาตอนเช้าแต่เรายังไม่ตื่น เราเลยโทรกลับไปตอนบ่าย ๆ ก็ได้คุยกัน เราก็ตอบโอเคพี่ขอบคุณค่ะ เอาจริง ๆ เราไม่ได้โกรธ ไม่ได้เกลียด แต่แค่งง กับสิ่งที่เกิดขึ้น ซึ่งตอนนี้เราก็ยังเหมือนเดิมนะ ถามว่าจะยกมือไหว้ไหม เราเจอผู้ใหญ่ต้องยกมือไหว้อยู่แล้ว ส่วนเรื่องร่วมงานได้ไหม คือจริง ๆ สายงานเราก็ไม่ได้จะต้องมาทำอะไรด้วยกันอยู่แล้ว แต่ถ้ามีเจ้าภาพจ้างเราได้หมด ถ้ามีโอกาสมาเจอซึ่ง ๆ หน้าก็ต้องคุยกันอยู่แล้ว

เรื่องร้องไห้หนัก ก็ยอมรับว่าเราร้องไห้จริง ๆ เราสงสารย่า เพราะงงว่าทำไมเขาต้องมาด่าเพราะคนอื่นไม่เกี่ยวข้อง ถามว่าหลังจากนี้จะมีการฟ้องร้องไหม ก็กำลังเก็บหลักฐานอยู่ มีผู้เข้ารอบหลายคน

สำหรับประเด็นนักร้อง บ. ที่เคยโพสต์ เอมบอกว่า "หนูไม่ได้แขวะนะพี่ หนูพูดในยูทูบเลยแต่ไม่ได้เอ่ยชื่อ ประเด็นงานโชว์วันนั้นไปเล่นงานที่นอร์เวย์ วันนั้นทุกคนจะได้คิวโชว์คนละ 1.30 ชั่วโมง เจ้าภาพให้เอมร้องเวลาประมาณ 21.30 น. เอมร้องไปได้ประมาณ 35 นาที เวลาไปเล่นที่ต่างประเทศเราไม่ได้ไปกับวงดนตรี เราไปเล่นกับดาต้าที่เราเตรียมไป สรุปหนูก็ลง หนูยังพูดเลยว่าต่อไปพบกับพี่ ‘บัวผัน’ เราลงมาก็ยังเดินสวนกันแต่ก็ไม่ได้ยกมือไหว้ ซึ่งหนูก็งงว่าทำไม แต่ถามว่า แล้วจะให้หนูขึ้นร้องอีกหนูก็คงร้องไม่ได้ เพราะฟิวมันไม่ได้ หนูก็แจ้งให้ผู้ว่าจ้างทราบว่าหนูร้องต่อไม่ได้เพราะอารมณ์หนูไม่ได้ จะหักเงินหนูก็ได้ จากนั้นก็ไม่ได้คุยกันค่ะ วันนั้นจริง ๆ หนูจะไม่ลงก็ได้แต่วันนั้นหนูก็ลงให้ เหตุที่มาแจ้งในยูทูบเพราะเราก็ต้องมาเคลียร์ในตัวเราเพราะมันก็มีบางคนเข้าใจว่า เราร้องเพลงไม่ครบไงก็แค่นั้นเอง"

‘ต้นหอม’ ถึงขั้นกุมหัว บังเอิญได้ที่นั่งบนเครื่องบินติดกับแฟนเก่า เถียงกันเกือบตายเรื่องที่วางแขน ฝ่ายชายหลุด!! ดีแล้วที่ได้เลิกกัน

(14 ส.ค.66) งานนี้ถือว่าพีกหนักมาก เมื่อดีเจสาวแซ่บ ‘ต้นหอม ศกุนตลา เทียนไพโรจน์’ ได้ขึ้นเครื่องบิน ซึ่งบังเอิญได้ที่นั่งติดกับแฟนเก่าและต้องนั่งฟังแฟนเก่าคุยโทรศัพท์กับแฟนใหม่ จนเจ้าตัวทนไม่ไหว ต้องออกมาโพสต์คลิปลงบนอินสตาแกรมส่วนตัว

โดย ‘ต้นหอม’ ได้โพสต์คลิปวิดีโอดังกล่าวพร้อมกับเขียนข้อความในคลิปว่า “เมื่อเราบังเอิญได้ที่นั่งติดกับแฟนเก่า” และเขียนแคปชันว่า “ที่นั่งว่างก็ตั้งเยอะแยะตะแป๊ะเป็ด ทำไม๊…….น๊อออ!!!!”

ซึ่งในคลิปนี้ ฝ่ายชายนุ่งกางเกงขาสั้น นั่งอยู่ข้าง ๆ ดีเจต้นหอม งานนี้เมื่ออดีตคู่รักมาเจอกันก็เถียงเรื่องที่นั่งกันสนั่นเรียกว่าเถียงกันตั้งแต่เรื่องที่เท้าแขนยันขาเบียด ทำเอาฝ่ายชายบอกว่า ตูคิดถูกแล้วที่เลิกกับXรึง ทะเลาะกันยันนั่งเครื่องบิน งานนี้ดีเจต้นหอมขำแรง ก่อนจะเถียงว่ามีตั้งหลายที่ Xรึงก็เสืxกมานั่งตรงนี้ หลังจากนั้นฝ่ายชายจะบอกว่ามานั่งกับXรึงรำลึกความหลัง ก่อนที่ทั้งคู่จะแซวกันเองว่าตอนรักกันใหม่ ๆ นี่นั่งเบียดกันเลยจับมือ เดี๋ยวนี้โดนนิดโดนหน่อยทำเป็นสะดิ้ง

ต่อมาโพสต์อีกคลิปเป็น EP2 ที่ฝ่ายชายคุยกับแฟนสาว ต้นหอมได้เลียนเสียงบอกว่า "ที่รักกินข้าวยัง ที่รักถึงละนะละXรูไปไหนไม่ได้ ต้องนั่งฟังแฟนเก่าคุยโทรศัพท์กับแฟนใหม่ พร้อมโพสท่ามองบนรัว ๆ ระบุแคปชันบอกว่า "ขาขึ้นว่าพีกละ ขาลงนี่พีกกว่า.... แฟนเก่า EP.2 #ละให้Xรูหนีไปใหนได้!!"

ด้านรุ่นพี่อย่าง ‘ป๋อง กพล ทองพลับ’ ก็ได้เข้ามาคอมเมนต์ว่า “ไXแจ๊คหรอ...555” และเจ้าตัวก็ยอมรับ โดยบอกว่า“ช่าย”

‘น้องแพรว’ ลูกสาวคนเก่งของ ‘แม่ตุ๊ก ชนกวนันท์’ ดีกรีแชมป์ไอซ์สเก็ต แถมฉายแววนางแบบตามรอยแม่

เมื่อวันที่ 12 ส.ค. 66 เป็นประเด็นที่พูดถึงกันในวงกว้างของวงการแม่และเด็ก กับการเลี้ยงดูลูกให้เติบโตให้เข้ากับยุคสมัยที่โลกหมุนเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว วันแม่ ปี 2566 นี้ เราได้มีโอกาสพูดคุยกับคุณแม่เลี้ยงเดี่ยว ‘ตุ๊ก ชนกวนันท์ รักชีพ’ คุณแม่ลูกสองที่ตอนนี้ลูกสาว ‘น้องแพรว’ กำลังก้าวเข้าสู่ช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของการเป็นวัยรุ่น คุณแม่อย่างตุ๊ก รับมืออย่างไรหลังถูกมองว่าผลักดันลูกมากเกินไป จากการให้เรียนเสริมมากมายหลายกิจกรรม

รวมถึงการส่งลูกเรียนในโรงเรียนทางเลือก จนถึงวันที่ลูกกำลังออกมาเผชิญโลกกว้าง ลูกได้ประโยชน์ และเสียอะไรไปบ้าง

แพรวเป็นนางแบบตามรอยแม่ตุ๊กแล้ว
แม่ตุ๊ก : “นางไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าแม่เคยเป็นนางแบบ มันเริ่มจากที่นางเห็นเพื่อนไปเรียน แล้วก็อยากเรียนบ้าง พอได้ไปลองแล้วเขาชอบเลย ก็ได้เรียนไปคอร์สนึง แล้วก็ไปออดิชั่น แล้วก็ได้งานเป็นค่าจ้างมา แต่ตรงนี้ก็ยังไม่ใช่สิ่งที่นางความชอบหลักของแพรว ที่เขาชอบมากจริงๆ คือฮอกกี้ กับ ฟิกเกอร์สเก็ต

จากที่เรามองเขาในฐานะนางแบบก็โอเคนะ ถ้าไม่นับความสูงที่ยังไม่ผ่านมาตรฐาน ก็คือโอเค ไปได้ ไม่ได้ดูเขิน แต่ด้วยความเป็นนางแบบก็ยังต้องสูงกว่านี้ ควรเกิน 170 ซม. ถือว่าอยู่ในระหว่างเรียนรู้ ยังไม่ได้ประกอบอาชีพ พอโอกาสว่ามันจะมีเข้ามาไหม ตอนนี้น้องก็มีความสุขและสนุกที่ได้ทำมัน เดินแบบเสร็จเขาก็รู้สึกฟิน รู้สึกชอบ”

ส่งเสริมให้ลูกสาวแพรว เรียนในหลากหลายด้านที่สนใจ ซึ่งตุ๊กยอมรับว่าตอนนี้ตัดออกไปหลายอย่างเพราะสู้ค่าเรียนไม่ไหว
แม่ตุ๊ก : “แพรวเรียนฟิกเกอร์ไอซ์สเก็ต ไอซ์ฮ็อกกี้ ว่ายน้ำบัลเล่ต์ ร้องเพลงโอเปร่า เปียโน ไวโอลิน ฮาร์ป ศิลปะ ขี่ม้า ก็กำลังจะเบาๆ ลงแล้ว ตัดออกไปหลายตัว ด้วยค่าใช้จ่ายเป็นหลักเลย มันหนักจริงๆ เราก็ตัดจนเหลือตามกำลังของเรา ในส่วนของแม่ เราให้เขา ตามใจเขาในแบบที่เขาต้องการประมาณนึง และความไหวของเราประมาณนึง พอลองแล้ว ก้าวมาได้สักพักเหมือนได้รู้ทรง ยกตัวอย่างเช่น เรากินไวน์แพงๆ สักครั้นนีง แต่เราไม่ได้จะต้องกินไวน์แพงๆ ทุกวัน

แพรวก็ลองเรียนมา 3 ปีแล้ว พอทุกๆ อย่างมันขึ้นอินเตอร์มีเดียหมด บางอย่างมันก็ต้องการเพิ่มรายละเอียด สังเกตไหมว่าเด็กคนไหนทำอะไร เขาก็มักจะทำกันอย่างเดียวเพื่อให้ได้เป็นตัวจริงของสิ่งนั้นๆ แต่ขนาดลดลงแล้ว ของแพรวยังดูเยอะอยู่เลย พอเยอะๆ เขามันก็ดึงเวลากัน ทุกอย่างต้องอาศัยการฝึกซ้อม ไม่ใช่สักแต่เรียน”

สอนลูก ทุกอย่างไม่ได้ขึ้นอยู่กับพรสวรรค์ แต่ขึ้นอยู่กับการมีเวลาฝึกซ้อม หลังลูกสาว ฝันอยากเป็นนักกีฬาว่ายน้ำ
แม่ตุ๊ก : “เขามาบอกตุ๊กว่าแม่จ๋าหนูอยากเป็นนักกีฬาว่าน้ำ ตุ๊กก็บอกแพรวเธอเป็นไม่ได้ เพราะนักกีฬาว่ายน้ำก็ต้องซ้อม 5 วันเหมือนกัน แต่ยูไปทัวร์จุ่มได้อาทิตย์ละวัน มันไม่เพียงพอเป็นนักกีฬาว่ายน้ำ แต่เรารู้ว่านี่คือสิ่งที่ลูกเราถนัด ซึ่งเราเรียนรู้มาว่าทุกอย่างไม่ได้ขึ้นอยู่กับพรสวรรค์ แต่ขึ้นอยู่กับการมีเวลาฝึกซ้อม ทุกอย่างมันต้องมีเวลาฝึกซ้อม”

ที่เรียนทั้งหมดคือสิ่งที่แพรวอยากทำ ลูกกระหายการเรียนรู้ ไม่ได้ยัดเยียดลูก
แม่ตุ๊ก : “ใช่ คำถามนี้ตุ๊กไม่ได้อยากตอบ แต่ตุ๊กเจอคนมาถามคำถามนี้เยอะว่าที่เรียนทั้งหมดน้องเลือกหมดเลยเหรอ คือถ้าน้องเขาไม่ชอบแล้วมันจะเริ่มตรงไหนได้ ไม่มีอยู่แล้ว เริ่มต้นเราเรียนโรงเรียนแนววอลดอร์ฟที่ไม่ได้สนับสนุนให้เด็กทำกิจกรรม แพรวเพิ่งจะได้ลองเรียนหลังจากที่ออกมาแล้ว น้องก็จะช้าในทุกอย่าง กล้ามเนื้อเขาแข็งแรงไม่ทันกับคนอื่นๆ ที่เรียนมาตั้งแต่ 3 ขวบแต่แพรวเพิ่งมาเรียนตอน 11 ขวบ ทำให้เขาขาดโอกาส หรือแม้แต่การเข้าสู่ทีมชาติ

มันมีเรื่องค่าใช้จ่ายที่มันก็ไม่ใช่น้อยๆ ตัวแม่เองก็ไม่ได้จัดเต็มให้เขาหรอก แต่เราก็พยายามจะให้ทุกอย่างเท่าที่เราจะให้เขาได้ ด้วยธรรมชาติของแพรวเขาเป็นคนกระหายการเรียนรู้ แต่ในเมื่อเราไม่ไหว เราก็บอกลูกไปตรงๆ ช่วงนี้เราก็ให้เขาลองทุกอย่าง พอขึ้นมัธยมปลายอาจจะเข้าสู่โหมดวิชาการแล้ว ก็อาจจะหยุดทุกอย่างเลยก็เป็นได้”

กับมุมมองว่าเด็กในยุคนี้เรียนเยอะเกินไปไหม เมื่อเทียบกับสมัยก่อน เด็กๆ เลิกเรียนก็กลับบ้านมาทำงานบ้าน วิ่งเล่นกับเพื่อนตุ๊ก ชนกวนันท์ มองโลกในปัจจุบันกับโลกเมื่อก่อนมันคนละแบบกันเลย
แม่ตุ๊ก : “แต่คำว่าเรียนเยอะคืออะไร ลูกไม่ได้เรียนวิชาการ แต่เป็นการทำกิจกรรมเสริมที่เขาชอบ สมัยก่อนอยากจะเรียนก็ไม่มีให้เรียนไหม โลกมันคงจะแบบกับแต่ก่อนแล้ว ไม่รู้เหมือนกันนะ สิ่งที่เป็นอยู่ตอนนี้สมัยก่อนมันก็ไม่มีให้ทำ สำหรับตุ๊ก ลูกเดินมาบอกว่าเขาอยาก เราซัพพอร์ตได้ก็ซัพพอร์ต วันไหนไม่ไหวก็บอกเขา ตุ๊กมองแค่ช่วงเวลานั้นๆ เราไม่ได้หวังให้เขาเล่นเพื่อเป็นทีมชาติ แค่อยากรู้อะไรก็ไปเรียน ในเมื่อสิ่งที่ลูกอยากรู้เราเป็นแม่สอนเองไม่ได้ ก็ส่งให้เขาได้ลองไปเรียนรู้เอง”

ร้องไห้ เล่าครั้งหนึ่งเคยเจอคนสนิท พูดใส่ ไม่ต้องดันลูกหรอก เดี๋ยวโตไปก็ได้ดีเอง
แม่ตุ๊ก : “เหมือนเป็นมายด์เซ็ตของคนสมัยนี้แล้วกับคำว่าเรียนเยอะไปไหม เราไม่ได้จะเรียนไปทำอะไร เพราะลูกไปเรียนแล้วลูกมีความสุข เอาจริงๆ ตุ๊กเองเหนื่อยกับคำถามนี้มากนะ ครั้งนึงมีเพื่อนที่สนิทกันมาพูดกับเราว่า ไม่ต้องดันหรอก เดี๋ยวโตไปก็ได้ดีเอง เราก็รีบหันหลังให้แล้วน้ำตาไหลอย่างห้ามตัวเองไม่ได้ ดันหรือไม่ดันไม่รู้นะ แต่ในความรู้สึกเราคือ โห… หาเงินจะไม่ทันอยู่แล้วมาใช้คำว่าดัน (ร้องไห้) หูยยยย มันคือแบบ เสียใจมาก มันดูไม่ออกเลยเหรอว่านี่เด็กโดนบังคับหรือเด็กอยากเรียนเอง ทุกวันนี้คนที่พูดเขาก็ไม่รู้หรอกว่าเราร้องไห้นะ เรารู้ว่าเขาไม่ได้ตั้งใจ เขาไม่ได้มองเราเลวร้าย แต่เขาไม่เข้าใจ”

ย้อยเล่าตัวเอง เป็นเด็กมุ่งมั่นกับการเรียน ไม่สนใจทำกิจกรรมอะไรเลย
แม่ตุ๊ก : “เราเป็นเด็กเรียนเกรด 4.00 แบบเรียนอย่างเดียว ไม่ทำกิจกรรมใดๆ เหมือนก่อนเรามีความคิดที่เข้าใจผิด เราเข้าใจว่าเด็กเก่งกีฬา คือคนไม่เก่ง เราอยากเก่ง เราเรียนอย่างเดียว ไม่เอากิจกรรมเลย แต่จริงๆ แล้วควรจะใช้สมองทั้งสองด้านร่วมกัน ตุ๊กมองว่าสิ่งที่เรามอบให้ลูกในตอนนี้สักวันนึงมันก็จะผ่านไปเป็นงานอดิเรกของเขา ทุกอย่างที่เราเข้าวงการทุกวันนี้ เราเห็นทุกอย่างแข่งขันไปหมด ผู้ปกครองขิงกันสุดๆ มันไม่ใช่ธุรกิจพันล้านที่ต้องมาฆ่ากันขนาดนี้ นั่งมองแล้วก็เศร้า หรือว่าเราประหลาด ทำไมต้องตีกันขนาดนี้ วันนึงมันก็จะผ่านไป วันนี้ลูกมองเราอยู่ว่าเราทำอะไร แล้ววันนึงลูกก็จะเป็นคนแบบเรานี่แหละ”

วันนี้แพรวเข้าสู่วัยรุ่น รักสวยรักงาม ไม่ห้าม มองเป็นศิลปะ
แม่ตุ๊ก : “เรารู้อยู่แล้วว่าเป็นความชอบของนางมาตั้งแต่เด็กๆ แพรว 2 ขวบ ทาเล็บให้อาม่า แบบเรียบมากๆ เรารู้ว่านี่คือสิ่งที่เขาชอบจริงๆ เพราะเรื่องอื่นลูกเราก็ไม่เรียบร้อย แล้วชอบการแต่งหน้ามาตั้งแต่ 2-3 ขวบ แบบไม่ใช่เด็กเล่น แข่งไอซ์สเก็ตจะจ้างช่างแต่งหน้ามาแต่งให้ เขาก็ขอร้องว่าเขาจะแต่งหน้าเอง เขาชอบที่จะทำเอง ทุกวันนี้ที่โรงเรียนเขาไม่ได้ห้ามแต่งหน้า แต่งตัว แพรวก็หน้าแน่นไปโรงเรียนทุกเช้าเลยจ้า ทุกวันนี้ตุ๊กแต่งหน้าไปงานแพรวก็จะมาช่วยแต่งหน้าให้

แล้วเรื่องนี้ตุ๊กจะไม่ยุ่ง ไม่ห้าม ในทัศนคติของตุ๊กเรารู้สึกว่าลูกไม่ได้มีอะไรเกินเลย ถึงเกินเลยก็ไม่ยุ่งอยู่ดี แม่ไม่มีความรู้สึกอะไรที่จะไปก้าวก่ายตรงนี้ มองว่าเขาทำงานศิลปะมากกว่า”

พ่อแม่หลายคนเป็นห่วงเรื่องของสังคมเด็กยุคนี้ ส่วนตัวตุ๊ก ชนกวนันท์ บอกสิ่งสำคัญที่สุดคือทัศนคติของพ่อแม่ ที่จะบ่มเพาะให้ลูกอยู่ในสังคมรูปแบบไหนก็ได้
แม่ตุ๊ก : “ลูกเราก็เป็นส่วนของสังคมในตอนนี้ ตุ๊กก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าคนอื่นที่เขาเป็นห่วง แสดงว่าเขามองว่าของเราดี เขาเลยเป็นห่วง แต่ทุกคนเป็นห่วงกันหมดเลย แล้วตกลงใครเป็นห่วงใคร เลยคิดว่ามุมมอง ทัศนคติของเรามันสำคัญที่สุด ที่จะทำให้เราอยู่ในสังคมแบบไหนก็ได้ แต่ก็ไม่ได้ปฎิเสธว่าเราไม่เป็นห่วงเลยนะ มันก็มีเป็นห่วง ได้คุยกับหมอ ก็รู้ว่าตอนนี้มันมีโรคซึมเศร้าเยอะจริงๆ หรือดรามา หรือเมื่อก่อนก็มีแต่ไม่ถูกพูดถึง ทำไมเอะอะบอกว่าเด็กซึมเศร้าตั้งแต่อายุน้อยๆ หมอบอกสังคมทุกวันนี้อยู่ยากจริงๆ โลกในโซเชียลมันดูดีมาก แต่มันไม่ได้ 100% บางทีเราเจอเพื่อน เขาปวดหัวไมเกรนมาก ทำไมเราไม่รู้เลยเพราะเห็นจากไอจีก็ดูดี หรือบางทีแม่ๆ ทุกคนลงใบเกรดลูก แต่เราเป็นคนที่ไม่ได้ลงอะไรแบบนี้ แต่ทุกคนลงหมดไง โลกมันเลยอยู่ยาก ลูกเราก็ได้เห็นแล้วรู้สึกทำไมพวกเขาเรียนดีกันจัง แล้วทำไมเราเรียนไม่ได้ ก็เข้าใจนะ บางทีเราเองเห็นยังรู้สึกเลยว่าทำไมทำได้กัน เก่งจังเลย ทำไมเราทำไม่ได้”

ส่วนตัวไม่ได้บ่มเพาะลูกให้ต้องเป็นที่ 1 แต่ปลูกฝังให้เคารพและให้เกียรติผู้อื่น
แม่ตุ๊ก : “แพรวไม่หวั่นไหวเลย ไม่เลยจริงๆ เราไม่ได้เลี้ยงเขามาแบบปลูกฝังว่าต้องได้ที่ 1 เขาสนุกกับสิ่งที่เขาทำ เขาอยู่กับปัจจุบันมากกว่า อยู่กับสิ่งที่เขาทำอยู่ ว่าปีนี้เขาจะทำอะไรบ้าง นี่เป็นข้อดีของเขาที่เขาได้จากโรงเรียนวอลดอร์ฟ จะต่างจากยุคเรา ที่เราจะไม่ทำอะไรเลย นอกจากจะเอนฯ ให้ติดให้ได้เป็นหมอ ไม่สนอะไรเลย มัธยมปลายของเราคือไม่สนอะไรเลย นอกจากจะเป็นหมอให้ได้ วิธีที่ตุ๊กใช้คือแทนที่จะบอกกินสิลูก มันเสียดายของ หามากว่าจะได้มันยาก คือกินสิลูก กินแล้วมีแรงจะได้ไปช่วยคนอื่น มันคือทัศนคติที่เราให้กับลูก เราไม่ได้ให้ว่าเขาจะต้องเป็นหนึ่ง เป็นเลิศ แต่สิ่งที่เราซีเรียสเลยคือ เรื่องของการเคารพครู จะต้องตั้งใจเรียน ให้เกียรติครู ให้เกียรติคน เคารพ นึกถึงคนอื่น ทุกวันนี้เราก็ยังนั่งเสียใจนะ เวลาต่อว่าลูก เราต่อว่าแรงไป เขาทำผิดอะไรนิดหน่อย ก็เพราะเธอไม่นึกถึงคนอื่นไง ในชีวิตเธอมีแต่ตัวเอง ไม่มีความเอื้ออาทร เรารู้สึกว่าอะไรพวกนี้สมัยนี้มันน้อยแล้ว เราก็เติมๆ ต่อว่าเขาไปเถอะ”

รับสังคมโซเชียลมีผลให้ลูกที่ตั้งใจปลูกฝังเลี้ยงมาเปลี่ยนไปอยู่เหมือนกัน
แม่ตุ๊ก : “ตอนแรกกังวลนะ เขาเปลี่ยนไปจากก่อนที่ยังไม่ได้เล่นโซเชียลไหม ก็เยอะ ทะเลาะกันไหมก็เยอะ ในเรื่องของเวลา บางเรื่องเขาก็ยังไม่รู้เลย เด็กรุ่นเขาตอนนี้คืออินการเมืองไปแล้ว แต่เขายังไม่รู้เลย มันก็ไม่ดีนะ กลายเป็นเขาไม่มีความรู้รอบตัว แต่มันเป็นสิ่งที่เขาไม่ได้สนใจ เขาสนใจคลิปสเก็ต คลิปแต่งหน้า ในขณะที่เพื่อนๆ เขาอินการเมือง บางทีเขาก็จะมาถามว่าอันนี้มันหมายความว่ายังไง ส้ม แดง เหลือง ฟ้า ก็คือเป็นเรื่องจริตของเด็กจริงๆ”


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top