Monday, 9 June 2025
NEWSFEED

‘น้องณัชชา’ เจ้าของวลีฮิตในตำนาน “ดูปากณัชชานะคะ” สอบติด รร.ประจำในสหรัฐฯ ที่ขึ้นชื่อเข้ายากที่สุดในโลก

‘น้องณัชชา’ เจ้าของวลีเด็ดในตำนาน “ดูปากณัชชานะคะ” เป็น 1 ใน 15 คนจากทั่วโลก ที่สอบติดโรงเรียนที่เข้ายากที่สุดในโลก

ถือเป็นเรื่องราวน่ายินดี และเป็นความภาคภูมิใจของประเทศไทย เมื่อน้องณัชชา ที่เราได้รู้จักกันผ่านหน้าจอทีวีเจ้าวลีสุดฮิต “ดูปากณัชชานะคะ” ลูกสาวบ็อบ ณัฐธีร์ ที่ขณะอายุย่างเข้า 15 ปีแล้ว สามารถสอบติดโรงเรียนดังที่ขึ้นชื่อว่าเข้ายากมากที่สุดในโลก

ทางครอบครัวของน้องณัชชา ได้โพสต์คลิปวินาทีที่น้องเช็กผลประกาศการเข้าสมัครสอบ และได้ทราบว่าน้องณัชชาติด 1 ใน 15 คนของโลก ที่สามารถสอบเข้าโรงเรียนดังกล่าวได้ โดยระบุว่า “คงถึงเวลาแล้วจริง ๆ เมื่อนายแม่เปิดใจคุยกับลูกว่า หนูวางความห่วงคนอื่นเอาไว้ข้างๆก่อน ห่วงป่ะป๊าต้องทำงานหนัก ห่วงอนาคตน้อง ๆ คิดเผื่อทุกคนไปซะหมด ลองนึกถึงตัวเองซิว่า อยู่ที่ไหนที่หนูจะได้ใช้ศักยภาพตัวหนูเองได้อย่างเต็มที่แบบทุกมิติและน่าจะพาไปถึงเป้าหมายที่หนูวางไว้ได้ดีที่สุด หลังจากที่พี่ณัชชาทบทวนคำพูดของนายแม่ในวันนั้น จึงทำให้เราเห็นภาพนี้ในวันนี้....หนูคือที่สุดของความภูมิใจของครอบครัวค่ะ”

‘บอย ถกลเกียรติ’ แง้ม โปรเจกต์พิเศษ ‘แฟนฉัน 1.5 เดอะมิวสิคัล’  ฉลองครบรอบ 20 ปี รักครั้งแรก ‘เจี๊ยบ-น้อยหน่า’

นอกจากซีเนริโอจะมีละครเวทีโปรเจ็คต์ใหญ่ ‘พิษสวาท เดอะ มิวสิคัล’ ที่แก้ม กุลกรณ์พัชร์, ตู่ ภพธร, ชาย ชาตโยดม, ชิน ชินวุฒ, ดาว ณัฐภัสสร, ปราปต์ ปราปต์ปฎล ร่วมแสดง โดย ถกลเกียรติ วีรวรรณ กำกับแล้ว ถกลเกียรติ ยังบอกด้วยว่า ปีนี้ซีเนริโอยังจะมีละครเวทีเรื่องอื่นๆ ให้ได้ชม ทั้ง ‘WATERFALL A NEW MUSICAL’ ซึ่งเป็นโปรดักชั่นต่างประเทศ และอีกโปรเจกต์พิเศษฉลองครบรอบ 20 ปี ภาพยนตร์ขวัญใจคนไทยอย่าง ‘แฟนฉัน’ ที่ครั้งนี้จะใช้ชื่อ ‘แฟนฉัน 1.5 เดอะมิวสิคัล

‘มิลลิ’ คว้างรางวัล ‘Best Artist of the Year’ จากเวที ‘PEPSI Presents TOTY Music Awards 2022’ 

ประกาศผลไปแล้วเป็นที่เรียบร้อย สำหรับเวทีใหญ่วงการเพลง T-Pop อย่าง ‘PEPSI Presents TOTY Music Awards 2022’ ซึ่งจัดขึ้นที่โรงละครสยามพิฆเนศ สยามสแควร์ วัน

ซึ่งมีเหล่าศิลปิน คว้ารางวัลบนเวทีจำนวนมาก โดยเพลงแห่งปี ตกเป็นของ นะหน้าทอง ของ โจอี้ ภูวศิษฐ์ ขณะที่ รางวัล Best Male Artist of the Year (Popular) ได้แก่ เพลง ชอบตัวเองตอนอยู่กับเธอ ของ Billkin 

ฟาก รางวัล Best Female Artist of the Year (Popular) ได้แก่ เพลงวาดไว้ ของ BOWKYLION ขณะที่ รางวัล Best Music of the Year (Popular) ได้แก่ โต๊ะริม โดย นนท์ ธนนท์ จำเริญ 

ด้าน 2 หนุ่ม Paper Planes ก็พาเพลง ทรงอย่างแบด คว้า รางวัล Best Band Group of the Year (Popular) มาได้

โดยเวทีดังกล่าว มิลลิ ดนุภา คณาธีรกุล แร็ปเปอร์สาวชื่อดัง คว้ารางวัล Artist of the Year (Solo) ประเภทยอดเยี่ยม มาครองได้สำเร็จ

และ มิลลิ ก็ได้ขึ้นไปกล่าวขอบคุณที่ได้รับรางวัลบนเวทีว่า ดูจากผู้เข้าชิงแล้ว เกือบไปกินข้าวแล้ว ปีที่ผ่านมา ผ่านอะไรมาเยอะ ขอบคุณทุกคนมาก ๆ มันมาอยู่ตรงนี้ไม่ได้ถ้าไม่มีทุกคน หนูอายุน้อยที่สุดใน nominee ทุกคนและวันนี้หนูก็ได้รับรางวัลนี้

‘นายกฯ อบจ.ชลบุรี’ ปลื้มหนัก!! ‘ยองแจ GOT7’ ปักหมุด ‘บางแสน’ ถ่าย MV เพลงใหม่ ‘Errr Day’

บางแสนดังไกลถึงขั้นศิลปินนักร้องชื่อดังสมาชิกวง GOT7 ต้องยกกองมาถ่ายทำ MV เพลงใหม่ Errr Day ทำ นายก อบจ.ชลบุรี สุดปลื้ม

(13 มี.ค.) นายวิทยา คุณปลื้ม นายก อบจ.ชลบุรี ได้โพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊กส่วนตัวกล่าวถึงชายหาดบางแสน จ.ชลบุรี ที่ขณะนี้มีชื่อเสียงโด่งดังไปไกลถึงขนาดที่ศิลปินนักร้องชื่อดังจากเกาหลียังต้องบินมาถ่านทำ MV

โดยระบุข้อความว่า "หาดบ้านเราดังถึงเกาหลี เมื่อ ยองแจ หนึ่งในสมาชิกวง GOT7 มาถ่ายMV เพลงใหม่ Errr Day ที่หาดบางแสน ผมนี่ปลื้มสุดๆครับ ผมดีใจที่เราพัฒนาหาดบางแสนจนปัจจุบันบางแสนสวยและมีคนนิยมมาเที่ยวทั้งคนไทยและต่างชาติ ครั้งนี้ศิลปินระดับโลกอย่างยองแจเลือกที่จะมาถ่ายทำที่บางแสน ผมเชื่อว่าต้องมีอากาเซ่(แฟนคลับ)หลายๆท่านมาตามรอยยองแจแน่ๆครับ เป็นการประชาสัมพันธ์บางแสนไปทั่วโลกและกระตุ้นการท่องเที่ยวให้กับชลบุรีอีกทางหนึ่งครับ ขอบคุณยองแจอีกครั้งครับ💚"


ที่มา : https://mgronline.com/local/detail/9660000023751
 

‘เตนล์’ เผยมุมมองส่วนตัวและเรื่องราวในชีวิตบนเส้นทางอาชีพศิลปิน K-POP ภายใต้สังกัด SM Ent.

เมื่อสัปดาห์ที่แล้วเทรนด์ทวิตเตอร์ #TENxWOODYFM มาแรงมาก ๆ นั่นเป็นเพราะหนุ่ม ‘เตนล์’ หรือ ชิตพล ลี้ชัยพรกุล สมาชิกวงบอยแบนด์จากค่ายยักษ์ใหญ่ในเกาหลีใต้ อย่าง SM Ent. ที่ได้ให้สัมภาษณ์เดี่ยวครั้งแรก ผ่านรายการ WOODY FM โดยมีพิธีกรชื่อดังอย่าง วู้ดดี้ วุฒิธร มิลินทจินดา เป็นผู้ดำเนินรายการ ซึ่งออนแอร์ทางออนไลน์ไปเมื่อวานที่ 8 มี.ค. ที่ผ่านมา

โดยในรายการเตนล์ได้เล่าเรื่องราวต่าง ๆ ของตนเอง ตั้งแต่การตัดสินใจเลือกเดินทางในวงการบันเทิงเกาหลีใต้ อาการบาดเจ็บ รวมถึงคติ แนวคิดของตัวเอง

>> อุปสรรคที่ยากที่สุดในชีวิต คือ ‘การผ่าตัดขา’ 
เตนล์: “ถ้าขาไม่หาย จะเต้นได้มั้ย แต่ก็โชคดีที่ขาหายเป็นปกติ ช่วงนั้นก็เป็นช่วงที่พลิกของเตนล์มากเหมือนกัน เพราะก่อนที่จะผ่าตัดขาซ้อมเต้นอย่างเดียว ไม่ค่อยได้ซ้อมร้องเพลง แต่หลังจากมีการผ่าตัดที่ขา อยู่ดี ๆ ผมต้องเรียนรู้ทุกอย่างเลยเตรียมตัวไว้ก่อน ถ้าเต้นไม่ได้งั้นเราต้องร้องให้ได้ เป็นช่วงที่เหนื่อยที่สุดแต่เป็นช่วงที่ได้อะไรมาเยอะที่สุด”

คำพูดดังกล่าวทำเอาแฟนคลับทั้งนอกด้อมในด้อมต่างปล่อยโฮ เพราะได้เห็นถึงความอดทน และความพยายามอย่างหนักกว่าจะมาเป็นเตนล์ที่ทุกคนรู้จัก

หากใครได้ติดตามเตนล์จะเห็นได้ถึงความโดดเด่นด้านการเต้น ที่ถือได้ว่าเป็นที่ยอมรับในหมู่แฟนคลับ แล้วก็ยังได้รับการยอมรับจากพี่ ๆ ในวงการและนักเต้นมืออาชีพอีกด้วย 

>> ชอบการเต้นตั้งแต่เมื่อไหร่ ?
เตนล์: “ประมาณอายุ 13 ครับ ตอนเด็ก ๆ จะเป็นคนที่ไม่ชอบร้อง ไม่ชอบเต้น ไม่ชอบอยู่หน้ากล้อง ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องอยู่ในโทรทัศน์ แต่อยู่ดี ๆ ก็ดูเรื่อง Step Up ดูเสร็จอาม่าก็ถามว่าอยากลองเต้นไหมก็เลยลองไปเรียนเต้น ร้องเพลงตอนนั้นก็ยังขี้อายอยู่ แต่ไป ๆ มา ๆ ก็ชอบการเต้นการร้องมากเลย”

>> จุดเริ่มต้นที่รู้สึกว่าอยากเป็นศิลปิน
เตนล์: “ความรู้สึกมันสะสมไปเรื่อยๆ ครับ สมัยเด็กๆ ทุกคนอยากจะเป็นคนที่เท่ห์อยู่ในโรงเรียนคุณอยากที่จะโดดเด่น เพราะตอนเด็ก ๆ ชอบเข้าสังคมมาก การเต้นเหมือนเป็นสิ่งหนึ่งที่ทำให้รู้จักคนมากขึ้นครับ”

>> ชีวิตหลังจากตัดสินใจไปเป็นเด็กฝึกที่เกาหลีใต้
เตนล์: “หลังจากตัดสินใจไปเกาหลีทุกอย่างเปลี่ยนไปเยอะ อาจจะเป็นนิสัยที่ก่อนหน้านี้เหมือนทุกอย่างสบาย ๆ อิสระ แต่หลังจากที่ไปเกาหลีไม่ใช่ว่าไม่อิสระ แต่ด้วยตารางการซ้อม ต้องตรงต่อเวลา ซึ่งทุกอย่างไม่ต้องสมบูรณ์แบบแต่ต้องมีความพยายาม”

>> ความรู้สึกช่วงเวลาในการเป็นเด็กฝึกภายใต้ค่ายใหญ่ SM Ent.
เตนล์: “จะไม่พูดว่าเหนื่อย เพราะเราเป็นคนเลือกที่จะมา และตอนนั้นก็อุทิศตนว่าเราจะต้องเดบิวต์ ถ้าตัดสินใจไปแล้ว เหนื่อยไม่เหนื่อยต้องพุ่งไปอย่างเดียว มองไปข้างหน้าอย่างเดียว เตนล์จะไม่มองย้อนกลับไป แต่คิดว่าเป็นข้อที่ไม่ดีเพราะบางครั้งเราตัดสินใจไปข้างหน้าแล้วก็ต้องย้อนกลับมามองบ้าง ครึ่ง ๆ”

>> มีความสำเร็จในทุก ๆ วัน ได้ตื่นมาและทำสิ่งเหล่านี้ มีความสุขกับมันไหม?
เตนล์: “เตนล์มีความสุขครับ ดีใจที่ได้ทำ เพราะเป็นสิ่งที่เตนล์อยากจะทำอยู่แล้ว แต่ผมจะเป็นคนที่สนุกมากในช่วงเตรียมงาน ตอนซ้อม ถ่ายมิวสิควิดีโอ อัดเสียง เป็นช่วงที่เตนล์สนุกที่สุดเหมือนเราได้ทำสิ่งใหม่ ๆ ได้ท้าทายตัวเองกับอะไรที่เราไม่รู้ว่าจะทำออกมาได้ดีหรือไม่ดี พยายามเรียนรู้ไปเรื่อย ๆ ครับ เพราะว่าชีวิตมีอะไรใหม่ ๆ เข้ามาตลอดเวลา”

โย่ว!! และนี่คือเสียงจากเด็กวัด ‘ดีเจนุ้ย’ นำทีม ‘NCT DREAM’ โชว์สเต็ปเพลง ‘ธาตุทองซาวด์’ จอยม่วนกันสุดๆ ยอดวิว TikTok ทะลุถึง 3 ล้าน!!

จบลงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว สำหรับคอนเสิร์ต "NCT DREAM TOUR 'THE DREAM SHOW 2 : In A
DREAM' in BANGKOK" ของ 7 หนุ่ม "NCT DREAM" ที่อิมแพค อารีน่า เมืองทองธานี งานนี้จุใจ
เหล่า "NCT Zen" เป็นอย่างดี เพราะมีถึง 3 รอบ ในวันที่ 10-12 มีนาคม 2566 ที่ผ่านมา

โดยบรรยากาศงานแถลงข่าวคอนเสิร์ต เมื่อวันเสาร์ที่ 11 มีนาคม 2566 คึกคักเป็นอย่างมาก เพราะหนุ่ม ๆ NCT DREAM ทั้ง มาร์ค (MARK), เหรินจวิ้น (RENJUN), แจมิน (JAEMIN), เจโน่ (JENO), แฮ
ชาน (HAECHAN), เฉินเล่อ (CHENLE) และ จีซอง (JISUNG) พูดคุยอย่างเป็นกันเองถึงการมาแสดง
คอนเสิร์ตในเมืองไทยแบบฟูลทีม 7 คนครั้งแรก จนเรียกกระแสตอบรับได้อย่างล้นหลามบัตรขายหมด
เกลี้ยงทั้ง 3 รอบ

'หม่อมปลื้ม' ยก 'เสี่ยเฮ้ง' คว้าความสำเร็จได้ในสังคมปากกัดตีนถีบ เกิดมาโดยไม่มี 'สิทธิพิเศษ' แต่ดิ้นรนจนก้าวถึง 'รัฐมนตรี'

จากรายการ The Daily Dose โลกการเมือง ดำเนินรายการโดย หม่อมหลวง ณัฏฐกรณ์ เทวกุล ได้มีการพูดถึง นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีกระทรวงแรงงาน ว่า...

'สุชาติ' เกิดมาโดยไม่มี 'สิทธิพิเศษ'
เค้าดิ้นรนเรียน ทำงาน
และวันนี้ ได้เป็น 'รัฐมนตรี'

ผมคิดว่า 'สุชาติ ชมกลิ่น' เป็นเรื่องราวที่ประสบความสำเร็จ เป็นเรื่องราวของการเติบโตขึ้นมาในสังคม ในการทำธุรกิจ ในการไต่เต้าทางการเมือง ที่น่าเป็นต้นแบบ

แสง สี เสียง จัดเต็ม ชวนคนไทยเที่ยว ‘เทศกาลดอกลำดวนบาน’ หนุนการท่องเที่ยว-ชมประเพณีสี่เผ่า ‘ไทศรีสะเกษ’

ชวนคนไทย เที่ยว เทศกาลดอกลำดวนบานฯ ศรีสะเกษ ททท. ส่งเสริมการท่องเที่ยว ชมอัตลักษณ์ วิถีชีวิต ศิลปะ วัฒนธรรม 4 เผ่าไท  

(11 มี.ค.66) น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจําสํานักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขอเชิญชวนประชาชน ร่วมงานเทศกาลดอกลำดวนบาน สืบสานประเพณีสี่เผ่าไทศรีสะเกษ ประจำปี 2566 จัดขึ้นระหว่างวันที่ 8-12 มี.ค. 2566 ณ สวนสมเด็จพระศรีนครินทร์ วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีศรีสะเกษ อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ โดยเทศกาลดอกลำดวนบานฯ เป็นการแสดงอัตลักษณ์ วิถีชีวิต ศิลปะ วัฒนธรรม ของชาว จ.ศรีสะเกษ ที่มีความหลากหลายของ 4 เผ่า ไทศรีสะเกษ ได้แก่ กูย เขมร ลาว เยอ อยู่ร่วมกันมานับแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ทั้งนี้ เพื่อคงความเป็นเอกลักษณ์ รักษามรดกทางวัฒนธรรม รวมถึงส่งเสริมการท่องเที่ยว เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งปัจจุบันเทศกาลดอกลำดวนบานฯ ได้รับการบรรจุเป็นหนึ่งกิจกรรมโดดเด่นในปฏิทินที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) แนะนำให้นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติไปเยี่ยมชมด้วย

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า เทศกาลดอกลำดวนบานฯ มีกิจกรรมทั้งภาคกลางวันและภาคกลางคืน โดยกิจกรรมช่วงกลางวัน มีการแสดงรากวัฒนธรรม อาทิ บ้านจำลองของ 4 เผ่า ไทศรีสะเกษ (กูย เขมร ลาว เยอ) การแสดงที่สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อ พิธีกรรมประเพณี และวิถีชีวิตของชุมชน ที่มีความงานและเอกลักษณ์เฉพาะตัวของแต่ละชนเผ่า พร้อมอาหารพื้นบ้านของแแต่ละชนเผ่า  มีการจัดจำหน่ายสินค้าโอทอป (OTOP) อาหาร เครื่องดื่ม สมุนไพร ผ้าทอเบญจศรี ของใช้ เครื่องประดับ เป็นต้น กิจกรรมภาคกลางคืน ชมการแสดง เเสงสี เสียง "อารยธรรมแห่งศรัทธา มนตราศรีพฤเธศวร" ตอน รอยบรรพชน ซึ่งเป็นชุดการแสดงที่มีความยิ่งใหญ่ ใช้นักแสดงร่วมกว่า 400 คน

สภาพ ‘สยาม’ ภายใต้การนำของ ‘จอมพล ป.’ คนรวยอยู่เหนือกฎหมาย คนจนกลายเป็นโจร

ใครที่ได้ดู ‘ขุนพันธ์’ ภาคแรก จะเห็นว่า ‘หลวงโอฬาร’ คนไทยใจทาส ผู้ยอมทรยศชาติอำนวยทางให้ทหารญี่ปุ่นยกพลขึ้นบกอย่างสะดวกโยธิน แต่พอมาภาคสอง เราก็ได้รู้จัก ‘ไทยถีบ’ ผ่านตัวละคร ‘เสือใบ’ ผู้กล้าปล้นญี่ปุ่น ขณะที่นักการเมืองและข้าราชการไทยยอมอำนวยความสะดวกด้วยเม็ดเงินที่ได้รับ และเมื่อมาถึงภาคสาม ก็ได้สะท้อนของยุคการเมืองที่รุนแรงและสังคมอันเหลื่อมล้ำ สมัยหลังสงครามมหาเอเชียบูรพา คนรวยอยู่เหนือกฎหมาย คนจนถูกกล่าวหาว่าเป็นโจร และข้าราชการทหารภายใต้ผู้นำเผด็จการพร้อมพิพากษาทุกคน 

ขอออกตัวก่อนว่าวันนี้ผมไม่ได้มาชวนท่านผู้อ่านไปชมภาพยนตร์เรื่อง ‘ขุนพันธ์’ นะครับ แต่ผมอยากมาชวนให้นึกถึงยุคสมัยนั้น ยุคที่เราต้องอาศัย ‘ศรัทธา’ มาก ๆ ถึงจะอยู่ได้อย่างปกติสุข 

หากจะเท้าความ ความวุ่นวายที่เกิดขึ้นก็ต้องนับเนื่องมาจากหลังการแก่งแย่งชิงดีของคณะราษฎร 2475 จนสะเด็ดน้ำ ได้ผู้นำในแบบ Supreme Leader ไม่เกรงใจหน้าอินทร์หน้าพรหมพร้อมยกตนขึ้นเทียมเจ้าอย่าง ‘จอมพล ป. พิบูลสงคราม’ ที่บรรดาเยาวรุ่นและอาจารย์คลั่งปฏิวัติยกเป็น Idol 

ข้อดีอย่างหนึ่งในช่วงนั้นคือการสร้างความรักชาติอย่างยิ่งยวด การสร้างรัฐชาติให้คนไทยได้เป็นทหารถ้วนทั่วกัน บรรยากาศก่อนมีสงครามโลกครั้งที่ 2 ประเทศไทยราวกับถูกตรึงไว้ด้วยความเชื่อของผู้นำ ที่พยายามจะสร้างให้สยามเป็นมหาอำนาจ จากการได้ศึกษาจากเมืองนอกและไปดูตัวอย่างมาจากญี่ปุ่นผสมกับความเป็นฟาสซิสต์ สร้างให้เกิดรัฐนิยมที่แตกต่างไปจากทุกยุค ซึ่งในช่วงก่อน 8 ธันวาคม 2484 ประเทศเรามีความเข้มแข็งด้วยความเชื่อและรักชาติเป็นอย่างยิ่ง 

ทำไม ? ต้องก่อน 8 ธันวาคม 2484 ...ก็เพราะก่อนหน้านั้นเราเป็นมิตรกับญี่ปุ่น เราเชื่อว่าผู้นำทหารของเราจะไม่นำประเทศให้กลายเป็นกึ่งเมืองขึ้นของญี่ปุ่น เรามีความเตรียมพร้อมในการรักษาชาติ ผู้นำประเทศปลุกเร้าความรักชาติ จนเข้าขั้นคลั่งอยู่ทุกวัน เรามีนายร้อยชาย เรามีนายร้อยหญิง เรามียุวชนทหารผู้หาญกล้า แห่งปากน้ำชุมพร ผู้ต่อต้านการยกพลขึ้นบกของญี่ปุ่นอย่างสุดกำลังเพื่อพิทักษ์แผ่นดินไทย 

วันที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2484 ตั้งแต่เวลา 02.00 น. ญี่ปุ่นส่งกำลังพลเข้ารุกรานไทยในหลายพื้นที่ชายทะเลของไทยได้กลายเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ไทยจำเป็นต้องเข้าร่วมสงครามโลกครั้งที่ 2 ในเวลาถัดมา ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านั้น ญี่ปุ่นที่เคยช่วยให้ไทยได้ดินแดนฝั่งซ้ายแม่น้ำโขงคืนมาจากฝรั่งเศส โดยมีคำกล่าวอ้างว่าในคืนวันที่ 7 ธันวาคม ประมาณ 23.00 น. ญี่ปุ่นได้ส่งเอกอัครราชทูตเข้าพบนายกรัฐมนตรีที่ทำเนียบรัฐบาล เพื่อขออาศัยดินแดนไทยเป็นทางผ่านในการเคลื่อนทัพ แต่ จอมพล ป. พิบูลสงคราม อยู่ระหว่างเดินทางไปราชการที่ต่างจังหวัด เพราะคิดว่าญี่ปุ่นคงจะยังไม่ลงมือรบ ทำให้ขาดผู้มีอำนาจในการสั่งการ ส่วนฝั่งญี่ปุ่นก็ไม่คิดจะรอคำอนุญาตใด ๆ บุกขึ้นฝั่งโจมตีอย่างไม่ให้คนไทยได้รู้ตัว จึงได้เกิดการปะทะกับคนไทยผู้รักชาติตลอดการยกพล ก่อนที่จะมีประกาศให้หยุดยิงในช่วงเช้าประมาณ 07.30 น. ตามประกาศดังนี้....

“...ประกาศของรัฐบาล ได้รับโทรเลขจากจังหวัดต่าง ๆ ตั้งแต่เวลา 02.00 น. ว่าเรือรบญี่ปุ่นได้ยกทหารขึ้นบกที่จังหวัดสงขลา ปัตตานี ประจวบคีรีขันธ์ นครศรีธรรมราช สุราษฎร์ธานี ชุมพร และบางปู ทางบกได้เข้าทางจังหวัดพิบูลสงคราม ทุกแห่งดังกล่าวแล้วได้มีการปะทะสู้รบกันอย่างรุนแรงสมเกียรติของทหารและตำรวจไทย 07.30 น. วันนี้ รัฐบาลไทยได้สั่งให้ทหารและตำรวจทุกหน่วยหยุดยิงชั่วคราวเพื่อรอคำสั่ง ซึ่งขณะนี้รัฐบาลกำลังเจรจากันอยู่ ผลเสียหายทั้งสองฝ่ายยังไม่ปรากฏ...กรมโฆษณาการ 8 ธันวาคม 2484”

ต่อมาในวันที่ 9 ธันวาคม 2484 ได้มีการเรียกประชุมสภาผู้แทนราษฎรเป็นการด่วนเพื่อที่รัฐบาลจะได้แจ้งให้ที่ประชุมทราบว่า ทางรัฐบาลได้ยินยอมให้ญี่ปุ่นผ่านประเทศไทย เพื่อไปมาเลเซีย สิงคโปร์ และพม่า ‘เพราะไม่มีทางจะต่อสู้ต้านทานกำลังกองทัพญี่ปุ่นได้จึงยอมตามคำขอ’ ว่ากันว่าการประชุมครั้งนั้นเป็นการประชุมที่สลดใจเป็นที่สุด ตามบันทึกของประเสริฐ ปัทมะสุคนธ์ อดีตเลขาธิการรัฐสภา ว่า.... 

“มวลสมาชิกสภาได้รับทราบดังนั้นแล้ว เพราะเหตุที่ได้กล่าวแล้วว่า คนไทยทุกคนได้รับการปลุกใจให้รักชาติ ให้ทำการต่อสู้ศัตรู ตามกฎหมายกำหนดหน้าที่ของคนไทยในการรบเมื่อทราบว่ารัฐบาลยินยอมให้กองทัพญี่ปุ่นผ่านไป โดยไม่ได้มีการต่อสู้ตามที่เคยประกาศชักชวนปลุกใจไว้ อันตรงกันข้ามกับจิตใจคนไทยในขณะนั้น จึงทำให้การประชุมในครั้งนั้น เป็นการประชุมที่แสนเศร้าที่สุด ทั้งสมาชิกสภา รัฐมนตรี ได้อภิปรายซักถามโต้ตอบกันด้วยน้ำตานองหน้า ความรู้สึกของทุกคนในขณะนั้น คล้ายกับว่าเด็กถูกผู้ใหญ่ที่มีกำลังมหาศาลรังแก จะสู้ก็สู้ไม่ได้ ทั้งมีความวิตกว่า ประเทศไทยได้สูญเสียเอกราชอธิปไตยไปแล้ว”

สรุปคือปลุกใจอย่างบ้าคลั่ง สวนทางกับการกระทำจริง ๆ ซึ่งนี่ก็เป็นส่วนหนึ่งแห่งความเสื่อมศรัทธาต่อผู้นำ เมื่อญี่ปุ่นเข้ามาประเทศก็เกินเงินเฟ้อเต็มระบบ เกิดความเหลื่อมล้ำตามที่กล่าวไว้ข้างต้น นักการเมือง ข้าราชการก็ใส่เกียร์ว่าง ใครกอบโกยได้ก็กอบโกย บ้างก็กลายไปเป็นโจรในเครื่องแบบ จนกระทั่งคนธรรมดากลายเป็นคนจน คนจนก็กลายไปเป็น ‘โจร’

ไขกระจ่าง ‘ดร.ศุภชัย’ ตอบข้อสงสัย มนุษย์ต่างดาวมีจริงไหม ชี้!! มีโอกาสพบสิ่งมีชีวิตทรงภูมิปัญญา จากนอกโลก

นักวิจัยสดร.ไขปริศนาสิ่งมีชีวิตนอกโลก-มนุษย์ต่างดาว มีจริงไหม

(9 มี.ค.66) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ดร. ศุภชัย อาวิพันธุ์ นักวิจัยของกลุ่มวิจัยดาวเคราะห์นอกระบบสุริยะ และชีวดาราศาสตร์ แห่งสถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ(สดร.) หรือ NARIT เปิดเผยในรายการของช่องยูทูบง ‘KornKT’ที่นำเสนอเนื้อหาเกี่ยวกับอวกาศเมื่อเร็วๆ กรณีข้อสงสัยที่ว่าสิ่งมีชีวิตนอกโลกมีจริงหรือไม่ว่า สิ่งมีชีวิตนอกโลกมีจริงไหม สิ่งเกิดขึ้นต้องบอกก่อนว่าคำนิยามของสิ่งมีชีวิตที่เราต้องการศึกษาคืออะไร ถ้าเราบอกว่าสิ่งมีชีวิตเพียงแค่เซลล์เดียว นอกโลกถามว่ามีไหมยังไงก็ต้องมี เพราะเราเจอกรดอะมิโน อะไรต่างๆ ที่เกิดเป็นโปรตีน หรือสิ่งมีชีวิตเซลล์เดียวได้

เราน่าจะเจอได้อย่างง่ายๆ เพราะประกอบด้วยธาตุที่เจอในอวกาศเป็นปกติอยู่แล้ว คำถามคือสิ่งมีชีวิตที่พัฒนาขึ้นมาเป็นสิ่งมีชีวิตที่ทรงภูมิปัญญา หรือที่เราเรียกว่าเอเลี่ยน มันมีจริงไหม แล้วก็ถามต่อว่าการที่สิ่งมีชีวิตเซลล์เดียวกลายเป็นสิ่งมีชีวิตที่ทรงภูมิปัญญาขึ้นมา ต้องมีปัจจัยอะไรต่าง ๆ ตรงนี้ก็มีนักวิทยาศาสตร์ได้ศึกษาอยู่ เพราะฉะนั้นแล้วเราก็ยังตอบไม่ได้ว่าอะไรที่เป็นปัจจัยสำคัญทำให้เกิดสิ่งมีชีวิตทรงภูมิปัญญาเกิดขึ้น

แต่จะถามว่าจะเป็นเรื่องที่แปลกมากเลยว่า ทั้งจักรวาลเรามีดาวฤกษ์จำนวนมากเป็นพันล้านดวง แค่กาแลกซี่ของเรา และเรามีหลายพันล้านกาแลกซี่ในจักรวาลของเรา ถ้าเราเป็นดาวเคราะห์เพียงดวงเดียวที่มีสิ่งมีชีวิตทรงภูมิปัญญา จะเป็นเรื่องที่แปลกมาก


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top