Monday, 9 June 2025
THE STATES TIMES TEAM

16 พฤศจิกายน…วันแห่งการยอมรับความต่าง

ไม่ใช่แค่เป็นวันออกผลสลากกินแบ่งรัฐบาลอย่างเดียวนะ แต่วันนี้ยังมีความสำคัญอีกอย่าง เรียกว่าเป็นวัน ‘วันสากลแห่งการยอมรับความต่าง’ หรือ International Day for Tolerance ถูกกำหนดขึ้นมาจากองค์การสหประชาชาติ หรือยูเนสโก เมื่อปี พ.ศ.2538 จุดประสงค์เพื่อสร้างความตระหนักรู้ถึงความสำคัญของการเปิดใจยอมรับในความแตกต่าง และความคิดเห็นของผู้อื่น

การกำหนดวันสำคัญนี้ ยังเกิดขึ้นในวันครบรอบ 50 ปีของการถือกำเนิดขององค์การสหประชาชาติอีกด้วย ซึ่งอย่างที่ทราบกันดี ผู้คนบนโลกนี้ล้วนมีความแตกต่าง ไม่ว่าจะเป็นเด็ก วัยรุ่น ผู้ใหญ่ หรือจะผิวสีแบบไหน แต่สิ่งสำคัญที่สุด คือการยอมรับและเปิดใจกว้าง เพื่อ ‘รับความคิดเห็น’ ของกันและกัน

เพราะเราไม่ได้อยู่คนเดียวในโลก และโลกก็ไม่ได้เป็นของเราคนเดียว การยอมรับความแตกต่างย่อมเป็นพื้นฐานเบื้องต้นที่สังคมพึงมี เหลียวกลับมามองที่สังคมไทยในเวลานี้ เราเชื่อว่า การตั้งใจฟัง ‘ความเห็น’ ของกันและกัน อย่างมีเหตุมีผล จะช่วยทำให้บรรยากาศของสังคมรื่นรมย์มากขึ้น เริ่มต้นกันตั้งแต่วันนี้ และเริ่มต้นง่าย ๆ ด้วยการ...เปิดใจ

.

อ้างอิง: https://www.un.org/en/observances/tolerance-day

รับมือกับคนชอบเม้นแรงยังไงดี?

"ชูใจ" เป็นคอนเท้นประจำที่พวกเราชาว The States Times Lite ตั้งขึ้นมา ด้วยเหตุผลง่ายๆ ว่า "ทุกคนอยากพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้น" โดยเฉพาะโลกในวันนี้ ที่หมุนไปเร็วเหลือเกิน จนบางทีเราตั้งรับไม่ทัน หรือปรับเปลี่ยนตัวเองไม่ทัน จุดนี้เราจึงอยากนำปัญหาและเรื่องราวดี ๆ มาบอกเล่า อย่างน้อยที่สุดก็เพื่อ "ชุบชูใจ" ให้หัวใจเบิกบาน ให้มองโลกอย่างสร้างสรรค์ และให้เราก้าวไปเป็นคนที่พร้อมจะพัฒนาตัวเองเสมอ

เริ่มต้นด้วยเรื่องใกล้ตัวทุกคน "โซเชี่ยลมีเดีย" เคยหงุดหงิดไหมกับคนที่เข้ามาคอมเม้นใต้สเตตัสของเราแบบ...แกจะแรงไปไหน?

อ่ะ เม้นครั้งแรกก็ยังรับได้ (เพื่อนมันคงอยากจะแซวละมั้ง) จนมีครั้งที่ 2 3 4 5 เดี๋ยว ๆๆๆๆ ฉันไปทำอะไรให้แกเกลียดป่ะวะ? ขนาดโพสต์สเตตัสขำที่สุด แกยังเม้นประชดเหน็บแนม บ้ารึป่าววว!!

เรื่องทำนองนี้ เคยเกิดกับตัวเองบ้างไหม? จากที่อ่านแล้วยิ้ม ๆ เพราะคิดว่าเพื่อนแซว แต่พออ่าน ๆ ไป ชักจะไม่ใช่ล่ะ อารมณ์เริ่มมา สติปัญญาเริ่มหาย ต้องแสดงความเกรี้ยวกราดด้วยการตอบ Reply กลับไป และร้อยทั้งร้อย อิเพื่อนก็จะตอบ Reply กลับมาว่า "ไม่มีไร๊ ล้อเล่นนน!"

มันมีคนแบบนี้อยู่จริง คือคนที่ประเภทชอบเห็นคนอื่นโกรธ ประมาณว่า ได้ล้อ ได้แซว แล้วเห็นรีแอ็คกลับทันที มันจะสาแก่ใจ เหมือนเพื่อนที่ชอบแกล้งเพื่อนในห้องเรียนนั่นแหละ แต่ทุกวันนี้มันมีโลกมากกว่าห้องเรียนไง มันเลยมาแกล้งเราในโซเชี่ยลด้วย

.

.

ถามว่า ทำไงดีหากเจอเหตุการณ์ทำนองนี้?

จะเลิกเล่นโซเชี่ยลไปเลย? จะเข้าไปเม้นแรงๆ ในสเตตัสมันบ้าง? หรือจะเปิดศึกนอกโซเชี่ยล นัดตบนัดต่อยกันไปเลย?

คำตอบคือ "ปล่อยวาง" ฟังดูง่าย แต่รู้ว่าโคตะระยาก แต่ก็ต้องลองทำ!

สมมติว่า ต้นเหตุมาจากการที่เพื่อนอยากแกล้งเรา อยากเห็นเราเสียจริตทางโลกโซเชี่ยล แต่หากเราไม่ได้ทำแบบนั้นสมดั่งใจเพื่อน โจทย์ของเพื่อนก็จะถูกทำลายทันที เข้าตำรา ปรบมือข้างเดียวไม่มีทางดัง หรือสมมติต่อไปอีกว่า อิเพื่อนมันเกลียดเราจริง ๆ ตามเม้นทุกโพสต์เหมือนเจ้ากรรมนายเวร หากประเมินได้แบบนั้น ก็ตัดขาดความสัมพันธ์ฉันท์เพื่อนไปเถอะ คนเกลียดกันจะเป็นเพื่อนกันเพื่อ?

โอเค มันอาจจะยุ่งยากรำคาญใจสักหน่อยในช่วงแรก ๆ ที่ต้อง "ทน" กับตัวหนังสือแย่ ๆ แถมยังรู้สึกไม่ดีอีก หากคนอื่นจะต้องมาเห็นประโยคเหล่านี้ ทำบรรยากาศในเฟซบุ๊กเราพลอยด่างพร้อยไปด้วย แต่ให้คิดซะว่า "นี่เป็นการฝึกวุฒิภาวะ" ให้กับตัวเรา เชื่อเถอะ ถ้ามันเห็นเราไม่ไปต่อล้อต่อเถียงด้วยสักพัก เดี๋ยวเจ้าอารมณ์ที่เรียกว่า "ความเสร่อ" มันจะตีกลับไปที่เขาเอง เหมือนอะไรเอ่ย ไม่เข้าพวก สเตตัสนี้เขาคุยกันเรื่องดีๆ แต่แกมาแซวบ้าบอคอแตกอะไร? ทำบ่อย ๆ เข้า คิดว่าคนอื่นจะไม่เห็นเหรอ

.

โซเชี่ยลมีเดียไม่ได้แค่ให้เราได้สื่อสาร หรืออ่านข่าว หรือสนุกกับเพื่อน ๆ เท่านั้น มันยังสร้างให้เรามีวุฒิภาวะ จะด้วยทางตรง หรือทางอ้อม ก็สุดแท้ ถ้าเรามองเห็นในจุดนั้น โซเชี่ยลมีเดียจะมีประโยชน์มาก ๆ สำหรับตัวเราเอง

ของทุกอย่างจะดีหรือไม่ดี ขึ้นอยู่ที่เรา ส่วนคำพูด หรือคำวิจารณ์ของคนอื่น รับฟังได้ แต่สุดท้าย ก็ขึ้นอยู่กับเราเหมือนกัน ว่าจะเลือกเก็บเอาไว้ หรือจะเลือกโยนมันทิ้งลงถังขยะซะ!

ทรัมพ์ยังไม่เอ่ยปาก ขอยอมแพ้

เกือบจะกลายเป็นบุรุษที่โลกลืมไปแล้ว สำหรับ "โดนัลด์ ทรัมพ์" หลังจากที่มีการสรุปผลการเลือกตั้งเรียบร้อยในหลายรัฐ และ "โจ ไบเดน" ได้คะแนนเสียงเกินกึ่งหนึ่งของคณะผู้เลือกตั้งไปแล้ว แม้จะยังเหลืออีกไม่กี่รัฐเท่านั้นที่คะแนนยังมีปัญหา แต่แทบไม่มีผลกับการเลือกตั้งแล้วในตอนนี้

แม้ว่าทรัมพ์จะกล่าวหาว่ามีการโกงเลือกตั้ง และขอต่อสู้ในชั้นศาล แต่ศาลในบางรัฐก็ยกคำร้อง ไม่รับพิจารณาคดี อีกทั้งโจ ไบเดน ก็เดินหน้าประกาศตัวเป็นว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐคนใหม่อย่างเต็มตัว ด้วยการเริ่มวางตัวคณะรัฐมนตรีของตัวเองในสมัยหน้าแล้ว

ซึ่งต่างจากทรัมพ์ ที่ยังคงเก็บตัวเงียบ แทบไม่ได้ออกสื่อ มีเพียงการเคลื่อนไหวในทวิตเตอร์ส่วนตัว และมาพร้อมกับข่าวลือความขัดแย้งภายใน ทั้งในครอบครัว และ ในพรรครีพับลิกัน ว่าจะให้ทรัมพ์ลาตำแหน่งอย่างสง่างาม หรือ จะยังคงยื้อเวลา เดินหน้าต่อสู้ในชั้นศาล

และล่าสุด เมื่อวันศุกร์ที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ.2563 ที่ผ่านมาตามเวลาสหรัฐ ทรัมพ์ก็ได้ปรากฏตัวออกสื่ออย่างเป็นทางการอีกครั้ง หลังจากห่างหายมาเนิ่นนาน ที่งานแถลงข่าวหน้าทำเนียบขาว ด้วยการประกาศความสำเร็จของวัคซีน Covid-19 ที่พัฒนาโดยบริษัทยา Pfizer ที่ได้ผลดีเกินคาดถึง 90% ในกลุ่มทดลอง 43,500 คนใน 6 ประเทศ รวมทั้งในสหรัฐอเมริกา

โดยทรัมพ์ได้เคลมความสำเร็จของการพัฒนาวัคซีนของ Pfizer ว่าเป็นส่วนหนึ่งของนโยบาย Operation Warp Speed ของเขา ที่ได้อนุมัติอัดเม็ดเงินมากกว่า 1 พันล้านเหรียญให้กับบริษัทยาชั้นนำที่ได้รับคัดเลือก ในการพัฒนาวัคซีน Covid-19 ให้ออกมาให้เร็วที่สุด

ทรัมพ์อ้างว่า ด้วยโครงการ Operation Warp Speed ทำให้โลกได้วัคซีนตัวใหม่นี้เร็วกว่าการพัฒนาแบบธรรมดาถึง 5 เท่า นับว่าเร็วที่สุดในโลก และเขาจะผลักดันให้ชาวอเมริกันได้รับวัคซีน Covid-19 ตัวใหม่นี้ ให้เร็วที่สุด อย่างน้อยภายในสิ้นปีนี้

ซึ่งการที่ทรัมพ์ออกมาเคลมความสำเร็จของวัคซีน จาก Pfizer ก็เพราะเป็นหนึ่งในเรื่องที่ทรัมพ์พยายามผลักดันอย่างหนัก ที่จะให้ชาวอเมริกันต้องได้รับข่าวดีเรื่องวัคซีนก่อนการเลือกตั้ง เพื่อเป็นผลดีกับคะแนนเสียงของเขา

เพียงแต่โชคไม่เข้าข้าง ข่าวดีที่ทรัมพ์รอคอยนั้นมาช้าไม่ทันการณ์ และที่ตลกร้ายกว่านั้นคือ Pfizer ไม่ได้อยู่ในโครงการ Operation Warp Speed

บริษัทยาที่ได้คัดเลือกเข้าร่วมโครงการ Operation Warp Speed ที่ประกาศอย่างเป็นทางการมีรายชื่อดังนี้

.

- Johnson & Johnson

- AstraZeneca–University of Oxford

- Moderna

- Merck ร่วมกับ IAVI

- Novavax

- Sanofi ร่วมกับ GlaxoSmithKline

.

และบริษัทยาที่ได้ทุนวิจัยบางส่วนอีก 2 แห่งคือ Vaxart และ Invio แต่ไม่มี Pfizer

แคทเธอรีน แจนเซน รองประธานบริษัท Pfizer ก็เคยออกมาให้สัมภาษณ์กับสื่อของสหรัฐเองว่า Pfizer ไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ Warp Speed เราไม่เคยได้รับเงินสนับสนุนจากรัฐบาลกลางสหรัฐ

นอกจากนี้ ด็อกเตอร์ แอนโธนี ฟาวซี หัวหน้าศูนย์บริหารสถานการณ์ Covid-19 ของสหรัฐ ก็เคยออกมาบอกว่า ถึงจะเร่งผลิตวัคซีนแค่ไหนก็ตาม ชาวอเมริกันน่าจะได้รับวัคซีนอย่างเร็วที่สุดก็เดือนมีนาคมปีหน้า

ถึงเวลานั้น สหรัฐคงยืนยันประธานาธิบดีคนที่ 46 อย่างเป็นทางการแล้ว ซึ่งจะยังคงเป็นทรัมพ์หรือเปล่า ตอนนี้ทรัมพ์เองก็ชักจะไม่แน่ใจ ได้แต่บอกว่า "เดี๋ยวถึงเวลาก็รู้เองแหล่ะ"

ถึงจะไม่พูดออกมาตรง ๆ แต่ถือเป็นครั้งแรกที่ทรัมพ์มีท่าทีอ่อนลง และเริ่มส่งสัญญาณว่าคงยอมรับความพ่ายแพ้ แต่จะให้ประกาศโต้ง ๆ ว่า "ผมแพ้" คงไม่ใช่สไตล์ของแก จึงได้แต่พูดอ้อมๆว่า

.

"Hopefully the – whatever happens in the future, who knows which administration will be. I guess time will tell. But I can tell you this administration will not go to a lockdown.”

(ผมหวังว่า ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นในอนาคต ใครจะได้เป็นรัฐบาลชุดใหม่ ถึงเวลาก็รู้เองแหล่ะครับ แต่ผมยืนยันกับพวกคุณได้อย่างหนึ่งก็คือ รัฐบาลของผมจะไม่ยอมให้มีการ Lockdown เมืองเป็นอันขาด)

แต่ว่าล่าสุด รัฐโอเรกอน และ นิว เม็กซิโก ได้ประกาศมาตรการ Lockdown บางเขตที่มีปัญหาการระบาด Covid-19 อย่างหนักไปแล้วในวันนี้

ก็สงสัยว่ารัฐบาลชุดต่อไป ไม่น่าจะเป็นทรัมพ์แล้วหล่ะมั้ง

.

ข้อมูลอ้างอิง

The Guardian

https://www.theguardian.com/us-news/2020/nov/13/trump-biden-white-house-defeat-election

The Hill

https://thehill.com/homenews/administration/525927-trump-breaks-public-silence-but-doesnt-talk-election

New York Times

https://www.nytimes.com/2020/11/10/health/was-the-pfizer-vaccine-part-of-the-governments-operation-warp-speed.html

AP News

https://apnews.com/article/virus-surge-officials-resist-restriction-f7995f3df600b3115fe7058db4b84435

Wikipedia

https://en.wikipedia.org/wiki/Operation_Warp_Speed

กระตุ้นเศรษฐกิจแบบอินเดีย

คอลัมน์ "หลังม่านส่าหรี"

วัฒนธรรมการจิบชายามบ่ายของผู้ดีอังกฤษ ถ่ายทอดมาให้ชาวอินเดียในยุคล่าอาณานิคมที่อังกฤษเข้ายึดครองดินแดนเอเชียใต้ พร้อมเอาชามาปลูก แล้วถ่ายทอดการจิบชาสู่คนพื้นเมือง

ชาหอม ๆ ใส ๆ จิบกันเช้าสายบ่ายเย็น และก่อนนอนกันทีเดียว แต่เรื่องเล่าชาวอินเดียบอกว่าการจิบชาของชาวอินเดียมีมาก่อนเจ้าอาณานิคมอังกฤษเข้ามายึดครอง แต่ไม่มีชื่อเสียง และได้รับการส่งเสริมการปลูกชาอย่างจริงจัง จนมีชื่อเสียง เช่น ชาอัสสัม ชาสิกขิม ชาอู่หลง และอื่น ๆ ในเวลาต่อมา จนสร้างเศรษฐกิจให้อินเดียจากการขายชาส่งออก

.

ชาอินเดียจริง ๆ ที่มีชื่อเสียงมากคือ "ชามาซาร่า" ที่วางขายข้างทางริมถนนทั่วไปราคาแก้วละ 10 รูปี หรือ 5 บาทไทย รสชาติหวานหอมผสมเครื่องเทศ กลิ่นเตะจมูก จะออกแนวรักสุขภาพ

ร้านชาที่มีชื่อเสียงมาในอินเดียและสาขาค่อนข้างเยอะคือ"ร้าน Chaayos" เป็นร้านชาในดวงใจเลยทีเดียว มีเมนูให้เลือกมากมาย รวมทั้งเมนูของว่างด้วย

.

จุดที่น่าสนใจคือเศรษฐกิจจาก "ถ้วยชาดินเผา" นี่แหละ

เนื่องจากคนอินเดีย มีคนจนมากมาย การสร้างงาน การกระตุ้นเศรษฐกิจรากหญ้าเลยต้องมีคนขายชาเลยนิยามว่า "ชาถ้วยเก่ารสชาติจะไม่อร่อยเท่ากับชาถ้วยใหม่ กินแล้วอย่าใช้ซ้ำให้ทิ้งไปเลย" และคนขายจะให้ถ้วยดินเผาแก่ลูกค้าโดยไม่ขี้เหนียวเลย

"นี่น่าจะเป็นวิธิกระตุ้นเศรษฐกิจรากหญ้าที่แหลมคมมาก"

.

“จิญา”

พยาบาลสาวไทยจากนครปฐม ผู้พบรักกับหนุ่มฮินดูชาวอินเดีย ตอนนี้มีพยานรักตัวน้อย 1คนใช้ชีวิตในดินแดนฮินดู เมืองคุรุคาม (Gurugram) รัฐหรยาณา ทางใต้นครหลวงเมืองนิวเดลี ราว ๆ 30 กิโลเมตร สรรหาเรื่องเล่า ที่พบเจอระหว่างอยู่ที่นั่นมาเล่าให้ฟัง เรื่องแปลก คนแปลก และวิถีชีวิตที่คนไทย ไม่คุ้นเคย

กัน ‘ ม็อบ ’ ไว้ดีกว่าแก้

วันที่ 16 พฤษจิกายน พ.ศ. 2563 นายชวน หลีกภัย ประธานสภา ได้กล่าวถึงมาตรการในการรักษาความปลอดภัยของรัฐสภา หลังจากมีประกาศจากผู้ชุมนุมทั้งฝ่ายกลุ่มราษฎรและกลุ่มไทยภักดี ได้มีประกาศชุมนุมใหญ่หน้ารัฐสภาในวันที่ 17 พฤษจิกายน พ.ศ. 2563 นี้ เพื่อติดตามการพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ

โดยนายชวน ได้กล่าวว่า "ตนได้กำชับให้ดูแลในส่วนภายในอาคารสภาฯเป็นหลัก ในส่วนบริเวณภายนอกให้รัฐบาลเป็นผู้รับผิดชอบ ดูแล โดยขอย้ำว่าต้องไม่ประมาทแต่ไม่ใช่กลัวจนกระทั่งมีปัญหา เพราะสุดท้ายแล้วการชุมนุมสามารถทำได้ตามกฎหมาย หากอยู่ในความสงบไร้อาวุธและไม่คุกคามใคร"

คลังชง ‘คนละครึ่ง’ เฟส 3 ต้องได้ไปต่อ!!

ในระหว่างที่การท่องเที่ยวยังกระตุ้นได้ 100% โครงการ ‘คนละครึ่ง’ ที่ได้รับการตอบรับดี จึงเตรียมถูกเข็นต่อในเฟส 3

ทั้งนี้ อาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้ชี้แจงต่อที่ประชุมวุฒิสภา ตอนหนึ่งถึงโครงการคนละครึ่ง ว่า โครงการคนละครึ่งได้รับการตอบสนองด้วยดี ซึ่งตนได้แจ้งไปยังพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ถึงการต่ออายุมาตรการ ในระยะสอง และ ‘จะมีในระยะสาม’ เพื่อให้เม็ดเงินกระจายสู่เศรษฐกิจฐานราก หลังดัชนีชี้วัดเศรษฐกิจของประเทศดีขึ้น จากโครงการดังกล่าว

ทัวร์นอกบุกไทย...เท่าไรละ?

สถานการณ์ท่องเที่ยวไทยเริ่มฟื้นตัวกลับมาบ้างแล้ว หลังจากรัฐบาลออกมาตรการผ่อนคลายให้ชาวต่างชาติเดินทางเข้าไทยได้มากขึ้น  

แล้วตอนนี้จำนวนคนที่เข้ามามีมากน้อยแค่ไหน?

 

ส่องซีรีส์...ที่ดวงจันทร์

เคยแอบคิดแบบเพ้อ ๆ ว่า…

ถ้าวันหนึ่งอยากจะเปลี่ยน Feel ไปส่องซีรีส์เกาหลีที่มี ‘หลัว’ แห่งชาตินั่งส่งตาหวานให้ จนอิชั้นอดยิ้มหวานให้เหงือกเปิดไม่ได้

มันจะมีที่ไหนที่ทำให้ฉีกหนีไปแอบฟินได้แบบไม่ต้องอาย เวลาปะป๊า หม่าม้า หรือน้องชายตัวแสบแว่บมาแซวจนหุบเหงือกไม่ทัน

เอาให้สุด!! ก็อยากหนีไปนอกโลกเลยมะ (555+) เอาแบบมีวิวเป็นโลก แล้วมีดวงจันทร์เป็นที่เอนกาย นี่อาจจะเป็นไอเดียเพ้อ ๆ แต่เด๋วก่อน!! ถ้าเกิดมีใครกำลังคิดจะช่วยให้พฤติกรรมแบบนี้เกิดขึ้นได้จริงล่ะ!!

ในระหว่างที่ อิลอน มัสก์ วางแผนยึดดาวอังคาร เพื่อเป็นฐานที่มั่นใหม่ของมนุษยชาติทาง NASA ก็ได้ตั้งโครงการ Lunex เพื่อวางแผนให้มนุษยชาติไปตั้งรกรากนอกโลก โดยเลือกปักหมุดไว้ที่ ‘ดวงจันทร์’

ในปี 2024 NASA ได้วางแผนจะส่งมนุษย์ไปเยือนดวงจันทร์อีกครั้งหลังปล่อยโปรเจ็กต์เว้นว่างมาหลายปี NASA ต้องการที่จะทำให้คนเริ่มอยู่อาศัยบนดวงจันทร์ได้ภายในปี 2028 โดยมีการทุ่มเงินกว่า 370 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 1.2 หมื่นล้านบาท)

เงินก้อนนี้ถูกจ้างให้บริษัทไอทีชั้นนำ เพื่อไปคิดระบบที่จะทำให้คนอยู่ใช้ชีวิตอยู่ได้จริง ไม่ว่าจะเป็นเครื่องสร้างพลังงานระยะไกล และกลไกสำหรับการลงจอดอย่างปลอดภัย (ของกระสวยอวกาศ) แต่สิ่งหนึ่งที่ดูมีความเป็นไปได้มากที่สุด คือ การนำระบบเครือข่ายสัญญาณ 4G นำร่องไปก่อน เพื่อใช้เป็นตัวช่วยสื่อสารจากดวงจันทร์กลับมาที่โลก

อันที่จริงแล้ว มาตรฐานที่ยอมรับในการสื่อสารสำหรับนักบินอวกาศ คือ คลื่นวิทยุ (Radio) แต่การนำเทคโนโลยี 4G มาแทนที่จะช่วยให้นักบินอวกาศสามารถสื่อสารได้อย่างราบรื่นกว่าและไกลกว่าเมื่อเทียบกับคลื่นวิทยุ

ที่สำคัญในทางทฤษฎีเครือข่าย 4G บนดวงจันทร์น่าจะมีความเสถียรและดีกว่าเครือข่ายบนโลกมนุษย์ เพราะไม่มีต้นไม้ สถานที่ และระบบรบกวนคลื่น เช่น คลื่นสัญญาณทีวีและวิทยุ

แล้วใครรับหน้าที่พัฒนาเครือข่าย 4G บนดวงจันทร์?

NASA ได้ประกาศให้ Bell Labs เป็นผู้ผลิตที่จะเข้ามาสร้างและวางระบบ 4G บนดวงจันทร์ ซึ่ง Bell Labs เป็นบริษัทวิจัยและพัฒนาเครือข่ายสัญญาณอินเตอร์เน็ตของ ‘Nokia’ ที่ได้รับเงินทุนไปพัฒนากว่า 14.1 ล้านเหรียญ

โดยตัวส่งสัญญาณ 4G ได้รับการออกแบบมาเป็นพิเศษเพื่อให้ความทนทานเหนือล้ำกว่าอุปกรณ์บนโลกมากมายหลายเท่า

ข้อดีมาก ๆ คือ ตัวส่งสัญญาณของทาง Bell Lab จะมีขนาดเล็กว่าเสาส่งสัญญาณบนโลก สามารถขนส่งไปกับยานอวกาศได้และสามารถอัพเกรดเป็น 5G ได้ด้วย

แต่ข้อเสียก็คือไม่สามารถส่งสัญญาณได้ไกลเหมือนตัวส่งสัญญาณทั่วๆ ไป แต่ก็เพียงพอต่อความต้องการของการตั้งรกรากบนดวงจันทร์แล้วแหละ

เห็นความเอาจริงเอาจังของการคิดใหญ่ไปตั้งถิ่นฐานนอกโลกชัดขึ้นเรื่อยๆ ก็ทำให้อดคิดไม่ได้ว่าฝันเพ้อๆ อาจะกลายเป็นเรื่องจริงได้แบบไม่ทันตั้งตัวกันเลยทีเดียว...

.

ที่มา: Unbox your thinking

อ้างอิง: https://www.nokia.com/about-us/news/releases/2020/10/19/nokia-selected-by-nasa-to-build-first-ever-cellular-network-on-the-moon/

ที่มาภาพ: https://see.news/nasas-surprising-4g-network-development-on-moon-with-nok/

วันเสาร์...เราไปคลองโอ่งอ่าง ว่าแต่มันอยู่ตรงไหน?

หลายคนอาจะเคยผ่านหูผ่านตาข่าวการปรับภูมิทัศน์ ‘คลองโอ่งอ่าง’ ที่ทำน้ำในคลองให้ใสขึ้น และปรับให้ทางเดินสองข้างทางดูสะอาดสะอ้าน รวมไปถึงพาศิลปินรุ่นใหม่มาเพ้นท์ภาพสวย ๆ แนวสตรีทอาร์ตตามกำแพงเก่า

ล่าสุดตอนนี้ ‘คลองโอ่งอ่าง’ ฮิตมากนะเธอว์จ๋า โดยก่อนหน้านี้ ทางกทม. นำโดยท่านผู้ว่ากทม. พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง เป็นโต้โผให้มีการจัดงานในช่วงเทศกาลลอยกระทงที่ผ่านมา ช่วงค่ำ ๆ มีการประดับประดาไฟสวยงามเชียวแหละ

และผลตอบรับก็ดีเกินคาด จนทำให้ตอนนี้ทุกวันศุกร์ - เสาร์ - อาทิตย์ จะมีกิจกรรมถนนคนเดิน มีการแสดงดนตรี มีร้านค้าขายของ และมีการแต่งคอสเพลย์สร้างสีสัน วันหยุดเสาร์ -อาทิตย์นี้ใครไม่มีแผนไปเที่ยวไหน ตกเย็นลองมาเดินชิลๆ กันได้นะ

ว่าแต่ ‘คลองโอ่งอ่าง’ อยู่ตรงไหน? ก็ตั้งอยู่ย่านสะพานหัน สำเพ็ง กินพื้นที่ยาวไปถึงตีนสะพานพระราม 7 (ปากคลองตลาด) ถามต่อว่า แล้วไปยังไง? ง่ายมาก ขึ้นรถไฟฟ้าใต้ดิน MRT ลงสถานีสามยอด เดินไม่ไกลก็มาถึงแล้ว ช่วงนี้อากาศเย็นด้วย ใครมาเดินที่คลองโอ่งอ่างแล้ว

เผลอไผลคิดว่าเป็นคลองชองเกซอนที่เกาหลีใต้ อันนี้ก็อย่าลืมหันไปพูดกับคนข้างๆ ที่มาด้วยกันว่า ‘พี่ชาย ฉันหนาววววววว’


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top