Monday, 30 June 2025
THE STATES TIMES TEAM

‘ผู้บัญชาการกองเรือยุทธการ’ เดินทางไปตรวจเยี่ยมหน่วยปฏิบัติราชการทัพเรือภาคที่ 3 ระหว่างวันที่ 13 - 14 ธันวาคม 2564

พลเรือเอก สุวิน แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการกองเรือยุทธการ พร้อมผู้บังคับบัญชากองเรือยุทธการ เดินทางไปตรวจเยี่ยมบำรุงขวัญ ให้กำลังใจหน่วยกำลังทางเรือ ที่ปฏิบัติงานกับทัพเรือภาคที่ 3 ที่ฐานทัพเรือพังงา โดยได้พบปะกำลังพลที่ปฏิบัติงานในพื้นที่ และโอวาทแก่กำลังพล ณ เรือหลวงกระบุรี

หน่วยกำลังต่าง ๆ ของกองเรือยุทธการ ที่ถูกส่งมาผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนในพื้นที่ของทัพเรือภาคนั้น นับเป็นภารกิจที่มีความสำคัญในการปกป้อง รักษาอธิปไตยและรักษาผลประโยชน์ของชาติ ในพื้นที่ทางทะเล และทางบกที่รับผิดชอบ ซึ่งต้องปฏิบัติงานตลอด 24 ชั่วโมง โดยไม่มีวันหยุดและต้องห่างไกลจากครอบครัวอันเป็นที่รัก จึงต้องมีความพร้อมในการปฏิบัติภารกิจ มีความกระตือรือร้นและมีความเสียลละ พร้อมปฏิบัติทุกภารกิจที่ได้รับมอบหมายอยู่เสมอ ตลอดห้วงระยะเวลาที่ผ่านมา

กองเรือยุทธการได้ติดตามสถานการณ์และการปฏิบัติงานของหน่วยที่มาปฏิบัติราชการในพื้นที่ทัพเรือภาคที่ 3 ได้รับทราบผลงานการปฏิบัติหน้าที่มาโดยตลอด กำลังพลทุกนายมีความทุ่มเท มุ่งมั่น เสียสละและไม่ย่อท้อต่ออุปสรรคหรือความยากลำบาก ทำให้ได้รับคำชมจากหน่วยงานต่าง ๆ และเป็นที่เชื่อมั่นของประชาชนในพื้นที่เป็นอย่างมาก ปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างเต็มกำลังความสามารถ ด้วยจิตใจที่มุ่งมั่น เข้มแข็ง และอดทน และด้วยสภาวะแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไปตลอดเวลา รวมทั้งสภาวะที่มีโรคระบาดโควิด-19 ในขณะนี้

 

ตร.ประจวบฯ โชว์ฟอร์ม!! ‘จับยาบ้า - กัญชา’ มูลค่ารวม 100 ล้านบาท คาด่านห้วยยาง!!

สภ.ห้วยยาง อ.ทับสะแก จ.ประจวบคีรีขันธ์ พล.ต.ท.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ผบช.ภ 7 พล.ต.ต.วันชัย ธารณธรรม ผบก.ภ.จ.ประจวบคีรีขันธ์ พ.ต.อ.นนท์ ภักดีพันธ์ ผกก.สภ.ห้วยยาง นายอำนาจ เหล่ากอที  ผู้อำนวยการสำนักงาน ปปส.ภาค 7 นายพรหมพิริยะ กิจนุสนธิ์ รองผู้ว่าราชการ จ.ประจวบฯ ร่วมแถลงข่าวจับกุมผู้ต้องหาคดียาเสพติดรายใหญ่จำนวน 2 คดี ได้ผู้ต้องหา 4 คน พร้อมของกลางยาบ้าจำนวน 1 ล้านเม็ด กัญชาแห้งอัดแท่งหนัก 660 กิโลกรัม (กก.) คิดเป็นมูลค่ากว่า 100 ล้านบาท  

โดยกลางดึกคืนที่ผ่านมา ขณะเจ้าหน้าที่สนธิกำลังตั้งด่านตรวจสิ่งผิดกฎหมายบนถนนเพชรเกษมขาล่องใต้ ด้านหน้า สภ.ห้วยยาง พบรถกระบะยี่ห้อโตโยต้าตอนครึ่งสีบรอนซ์เงิน ทะเบียน บน 9396 ภูเก็ต สภาพเก่าวิ่งมา แต่ก่อนถึงด่านตรวจประมาณ 50 เมตร รถคันดังกล่าวเห็นมีด่านอยุ่ข้างหน้าจึงหักหลบเข้าซอยข้างทาง ตำรวจประจำด่านเห็นผิดสังเกตจึงขับตามจนทันก่อนเรียกให้จอด ทราบชื่อคนขับว่า นางอุทัย หลวงสมบัติ อายุ 46 ปี มี น.ส.จันทนา หลวงสมบัติ อายุ 26 ปี ทั้งคู่เป็นชาว จ.พังงา นั่งคู่มาด้วยท่าทางมีพิรุธ จึงขอตรวจค้นที่กระบะท้ายพบกล่องโฟมปิดผนึกอย่างดีวางรวม 5 กล่อง เมื่อเปิดออกดูถึงกลับตะลึง พบยาบ้ากล่องละ 200,000 เม็ด รวม 1,000,000 เม็ด ซุกซ่อนอยู่จึงนำตัวมาสอบสวน

เบื้องต้นนางอุทัยรับว่าได้รับการว่าจ้างจากชายคนหนึ่งเป็นเงิน 20,000 บาทแต่ยังไม่ได้รับเงิน ให้ขับรถขนกล่องโฟม 5 ใบโดยบอกว่าภายในเป็นดอกมะลิ จากบริเวณแยกวังมะนาว อ.ปากท่อ จ.ราชบุรี ให้ไปส่งที่ศาลพ่อตาหินช้าง อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร และจะมีคนมารับอีกทีหนึ่ง แต่ระหว่างทางถูกจับกุมเสียก่อน เบื้องต้นตำรวจไม่ปักใจเชื่อก่อนนำตัวผู้ต้องหาทั้ง 2 คนไปสอบสวนขยายผลดำเนินคดีตามกฎหมาย

ส่วนอีกราย ขณะเจ้าหน้าที่ตั้งด่านตรวจบนถนนเพชรเกษมขาล่องใต้ ด้านหน้า สภ.ห้วยยาง มีรถกระบะมาสด้า ตอนครึ่ง สีขาว ป้ายทะเบียน ผน 7064 อุดรธานี ขับผ่านมา มีนายเกรียงไกร บุญคำ อายุ 36 ปี ชาว จ.สกลนคร เป็นคนขับ น.ส.กรรณิกา ปาละสิทธิ์ อายุ 33 ปี นั่งคู่มาด้วย ทั้ง 2 คนท่าทางมีพิรุธเมื่อเห็นตำรวจจึงขอตรวจค้น พบกัญชาแห้งอัดแท่งจำนวน 660 แท่ง ๆ ละ 1 กก.รวม 660 กก. ซุกซ่อนอยู่ในถุงปุ๋ยโดยมีกล่องเหล้า กระสอบฟางแห้งปิดทับเพื่อตบตา จึงควบคุมตัวมาสอบสวน

 

‘ผบช.ภ.1’ ปล่อยแถวระดมกวาดล้าง ป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์!!

เมื่อวันที่ 13 ธันวาคม 2564 เวลา 16:00 น. ที่ลานจอดรถ ห้างแม็คโครคลองหลวง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี พล.ต.ท.จิรพัฒน์ ภูมิจิตร ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค1 เป็นประธานปล่อยแถวเพื่อระดมกวาดล้างป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์ 

โดยมี พล.ต.ต.พนัญชัย ชื่นใจธรรม รองผบช.ภ.1 พล.ต.ต.ชุมพล ชาญชนะโยธิน ผบก.ภ.จว.ปทุมธานีพ.ต.อ.เกียรติศักดิ์ มิตรปราสาท ผกก.สภ.คลองหลวง ว่าที่ร้อยตรี พิชญะ เพียราช ปลัดอำเภอคลองหลวง นำเจ้าหน้าที่ตำรวจ ฝ่ายปกครอง สาธารณสุขเจ้าหน้าที่สำนักงานประกันสังคม แรงงานจังหวัด อุตสาหกรรมจังหวัด ตำรวจสันติบาลจังหวัดปทุมธานี และตำรวจตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดปทุมธานี เข้าร่วมปล่อยแถว 



ในเวลาต่อมา พล.ต.ท.จิรพัฒน์ ภูมิจิตร ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค1 พร้อมส่วนเกี่ยวข้องได้เข้าตรวจสอบตลาดผลไม้ตลาดไท ต.คลองสอง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี โดยมี พ.ต.ต.สิรภพ บัวหลวง สว.สส.สภ.คลองหลวง พร้อมผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ตลาดไท ให้การต้อนรับและนำตรวจแผงค้าผลไม้และพื้นที่ตลาดไทเนื้อที่กว่า 500 ไร่  

ด้านพล.ต.ท.จิรพัฒน์ ภูมิจิตร ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค1 เปิดเผยว่า ตามนโยบายของรัฐบาลและผบ.ตร.ให้ดูแลเรื่องแรงงานต่างด้าวให้เข้มข้นตลอดระยะเวลา 2-3 เดือนที่ผ่านมามีการเข้มงวดตรวจสอบแรงงานต่างด้าวที่เข้ามาในพื้นที่ประเทศไทยเข้ามาอย่างถูกต้องหรือไม่ มีการลักลอบนำเข้าแรงงานต่างด้าวอย่างผิดกฎหมายหรือไม่การตรวจวันนี้มีการทำพร้อมกันทั้งจังหวัดปทุมธานี ทุกโรงพัก ว่าเป็นแรงงานที่ถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ เข้าเมืองอย่างถูกต้องโดยถูกกฎหมายหรือไม่ 

‘สตม.’ บุกทลาย!! 'ปาร์ตี้ผิวสี' ย่านรามคำแหง ลักลอบมั่วสุมยันหว่างร่วมครึ่งร้อย!! หวั่นแพร่เชื้อโอไมครอน

ตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เรื่องการควบคุมกำกับดูแลชาวต่างชาติที่เข้ามาพำนักอาศัย หรือเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.สุวัฒน์  แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.ดํารงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร มอบหมายให้ สตม.ดำเนินการตรวจสอบชาวต่างชาติที่มีหมายจับตำรวจสากล หรือมีพฤติกรรมไม่เหมาะสมในขณะที่พำนักอาศัยอยู่ในประเทศไทย กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน หรือเป็นลักษณะการกระทำผิดเข้าข่ายอาชญากรรมข้ามชาติ ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศ

สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง โดย พล.ต.ท.ภาคภูมิภิภัทฒ์ สัจจพันธุ์ ผบช.สตม. พร้อมด้วย พล.ต.ต.อาชยน  ไกรทอง รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.ปิติ  นิธินนทเศรษฐ์  ผบก.ตม.1, และ พ.ต.อ.ระพีพัฒน์ อุตสาหะ ผกก.สส.บก.ตม.1 พร้อมชุดปฏิบัติการสืบสวนฯ ร่วมแถลงข่าวการจับกุมคนร้าย ดังนี้ 

สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ กองกำกับการสืบสวน กองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง 1 ได้ทราบข้อมูลจากแหล่งข่าวว่าที่ร้านนครบาร์บางกอก ในย่านรามคำแหงจะมีการลักลอบจัดปาร์ตี้สังสรรค์ และจำหน่ายสุราหรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ให้กับกลุ่มลูกค้า โดยมีกลุ่มลูกค้าส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติผิวสี และมีหญิงไทยร่วมด้วย ซึ่งมักมีการนัดรวมตัวเพื่อมั่วสุมดื่มสุราหรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่ร้านดังกล่าวเป็นจำนวนมาก เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงได้มีการประชุม วางแผนในการเข้าปิดล้อมตรวจสอบร้านดังกล่าว

ต่อมาในวันที่ 13 ธันวาคม 2564 เวลาประมาณ 01.45 น. สตม. โดย กก.สส.บก.ตม.1 ได้สนธิกำลังกับ กก.2 บก.ปส.1 และ สน.หัวหมาก เข้าปิดล้อมตรวจค้นร้านนครบาร์บางกอก ที่เกิดเหตุ พบสภาพภายในร้านมีลักษณะเป็นตู้คอนเทนเนอร์ ตกแต่งภายในโดยมีโต๊ะพูล รวมทั้งมีการจัดโต๊ะเก้าอี้สำหรับนั่งรับประทานอาหารและดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์  มีลูกค้าทั้งคนไทย และคนต่างชาติ กำลังใช้บริการอยู่จำนวนหลายสิบราย

จากการตรวจสอบเอกสารหนังสือเดินทางของกลุ่มลูกค้าชาวต่างชาติทั้งหมดในร้าน พบเป็นบุคคลต่างด้าวผิวสีจากประเทศในแถบแอฟริกาเช่น ไนจีเรีย คองโก แคเมอรูน เป็นต้น โดยในจำนวนบุคคลต่างด้าวทั้งหมดนี้ เจ้าหน้าที่พบว่ามีบุคคลต่างด้าวที่ไม่มีหนังสือเดินทาง หรือมีหนังสือเดินทางที่ไม่มีรอยตราประทับจากช่องทางด่านตรวจคนเข้าเมือง เป็นจำนวนถึง 15 ราย ในเบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงได้แจ้งข้อกล่าวหาต่อบุคคลต่างด้าวในจำนวนนี้ว่า “เป็นบุคคลต่างด้าวเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยผิดกฎหมาย และไม่ผ่านการตรวจของพนักงานเจ้าหน้าที่ตามกฎหมาย” นอกจากนี้ในที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ตำรวจยังพบนางสาวดา (นามสมมุติ) อายุ 41 ปี สัญชาติไทย แสดงตนเป็นเจ้าของและผู้ดูแลร้าน โดยอ้างกับเจ้าหน้าที่ว่าได้มีการเช่าช่วงจากเจ้าของร้านเดิม ซึ่งร้านดังกล่าวนี้เคยเปิดเป็นร้านจำหน่ายสุราและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่ได้รับอนุญาตอย่างถูกต้อง แต่ได้รับผลกระทบจากภาวะโรคระบาดโควิด-19 จนต้องปิดตัวไป     

โดยหลังจากทำการเช่าช่วงร้านดังกล่าว นางสาวดาได้ลักลอบใช้ร้านดังกล่าวเป็นที่นัดรวมตัวมั่วสุมของกลุ่มคนต่างชาติผิวสีเรื่อยมาเป็นเวลากว่า 1 เดือน โดยจะใช้แผ่นเมทัลชีทปิดช่องแสงโดยรอบจนทึบและปิดเสียงดนตรี เพื่อปิดบังอำพรางเจ้าหน้าที่เพื่อให้ยากต่อการตรวจสอบพบ

ซึ่งในส่วนของเจ้าของร้านที่เกิดเหตุนั้น เจ้าหน้าที่ได้จับกุมในข้อหา “จำหน่ายสุราหรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์โดยไม่ได้รับอนุญาต และ จำหน่ายอาหารหรือเครื่องดื่มโดยร้านไม่ผ่านการประเมินมาตรฐานความปลอดภัยด้านสุขอนามัยฯ โดยจัดให้มีการบริโภคสุราหรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในร้านเกินเวลา อันเป็นการฝ่าฝืนประกาศกรุงเทพมหานคร ฉบับที่ 47 ข้อ 2 ลงวันที่ 29 พ.ย.64” และควบคุมตัวทั้งนางสาวดาฯ และบุคคลต่างด้าวทั้งหมด ส่งพนักงานสอบสวน สน.หัวหมากดำเนินคดีตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องต่อไป

 

ตร. แนะนำ!! “กำหนดวงเงินบัตร” ให้พอดีกับค่าใช้จ่าย ลดความเสี่ยงถูกสูบเงิน

วันที่ 13 ธ.ค. 2564 พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ ดีพอ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า ตามที่ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ได้มีนโยบายให้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ แจ้งเตือนและประชาสัมพันธ์ให้พี่น้องประชาชนรู้เท่าทันถึงอาชญากรรมทางเทคโนโลยี และได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทำการสืบสวนจับกุมผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอดนั้น

ปัจจุบันเทคโนโลยีมีความเจริญก้าวหน้า ทำให้ประชาชนได้รับความสะดวกสบายมากขึ้น โดยทุกคนสามารถทำธุรกรรมต่าง ๆ ผ่านบัตรเครดิตและบัตรเดบิต ด้วยระบบอินเทอร์เน็ต ของสถาบันการเงิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการซื้อสินค้าและบริการ ที่มีการผูกบัตรเข้ากับเว็บไซต์ของร้านค้าหรือผู้ให้บริการต่าง ๆ เพื่อความสะดวกในการชำระเงิน เป็นจำนวนมาก

พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ กล่าวต่อไปอีกว่า การทำธุรกรรมผ่านบัตรเครดิตและบัตรเดบิตเป็นการเพิ่มความสะดวกสบายให้กับพี่น้องประชาชนก็จริง แต่ก็ต้องแลกมาด้วยความเสี่ยงในการถูกคนร้ายดักรับข้อมูลหมายเลขหน้าบัตร และหมายเลขรหัส CVV ซึ่งจะถูกนำไปใช้ในการทำธุรกรรมของคนร้าย ทำให้เจ้าของบัตรมีความเสี่ยงที่จะสูญเสียทรัพย์สินผ่านช่องทางบัตรดังกล่าว

เพื่อให้รู้เท่าทันมิจฉาชีพ สำนักงานตำรวจแห่งชาติมีความห่วงใยพี่น้องประชาชนเป็นอย่างมาก จึงขอแนะนำพี่น้องประชาชนถึงเทคนิคในการลดความเสี่ยง และป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นจากบัตรเครดิต และบัตรเดบิต ดังนี้

1. ควรกำหนดวงเงินบัตรเครดิต/บัตรเดบิต ให้พอดีกับค่าสินค้าและบริการ เพื่อลดความเสียหายที่จะเกิดขึ้น

2. ควรกำหนดวงเงินบัตรเครดิต/บัตรเดบิต ไว้ที่ 0 บาท หรือระงับบัตรชั่วคราวผ่านแอปพลิเคชันในโทรศัพท์มือถือ แล้วเปิดใช้งานหรือเพิ่มวงเงินเฉพาะเมื่อจำเป็นต้องใช้บัตรในการชำระเงิน (ทั้งนี้ขึ้นกับเงื่อนไขการให้บริการของแต่ละธนาคาร ซึ่งอาจมีการจำกัดจำนวนครั้งในการปรับวงเงิน หรือระงับบัตรชั่วคราว)

3. ควรยกเลิกบัตรเครดิต/บัตรเดบิต ที่ไม่ได้ใช้งาน โดยให้ถือบัตรเฉพาะเท่าที่จำเป็น เพื่อให้ง่ายต่อการตรวจสอบยอดธุรกรรมที่ผิดปกติ

4. หากต้องการผูกบัตรเครดิต/บัตรเดบิต กับร้านค้าหรือผู้ให้บริการเพื่อชำระยอดค่าบริการแบบตัดผ่านบัตรอัตโนมัติ ควรเลือกบัตรที่สามารถกำหนดวงเงิน หรือบัตรที่ต้องใช้การเติมเงินเข้าไปในบัตรก่อนจึงจะสามารถใช้ในการชำระเงินได้ เพราะจะเป็นทางเลือกที่ปลอดภัย และสามารถควบคุมค่าใช้จ่ายไม่ให้เกิดความจำเป็น

 

‘หมออำนาจ’ เสนอ ฉีดวัคซีนเข้าชั้นผิวหนัง ทางเลือกลดความกังวลคนกลัวผลข้างเคียง

‘หมออำนาจ กุสลานันท์’ เสนอ ศบค. พิจารณาใช้การฉีดวัคซีนเข้าชั้นผิวหนัง เป็นทางเลือกลดความวิตกกังวลคนที่กลัวผลข้างเคียง เชื่อเป็นทางหนึ่งช่วยทำให้จำนวนผู้ฉีดวัคซีนได้ตามเป้าหมาย

13 ธ.ค. 64 ศ.คลินิกเกียรติคุณนพ.อำนาจ กุสลานันท์ กรรมการแพทยสภา อดีตนายกแพทยสภา โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวระบุว่า การฉีดวัคซีนเข้าชั้นผิวหนัง  (intradermal) เป็นทางหนึ่งที่จะทำให้มีจำนวนผู้ฉีดวัคซีนได้ตามเป้าหมาย ขณะนี้หลาย ๆ ประเทศต้องมีการจูงใจให้มารับวัคซีนด้วยวิธีการต่าง ๆ ล่าสุดประเทศหนึ่งในยุโรปตะวันออกให้เงินถึงคนละหมื่นกว่าบาท

ผมคิดว่าการให้เงิน ให้สิ่งของหรือจับฉลากเป็นสิ่งที่ได้ผลน้อยเพราะคนที่ไม่ยอมฉีดส่วนใหญ่กลัวภาวะไม่พึงประสงค์ที่อาจเกิดจากการได้รับวัคซีน ดังนั้นการให้ดังกล่าวจะไม่ช่วยทำให้ความวิตกกังวลลดลงได้ การให้ความรู้ว่าการฉีดวัคซีนมีความเสี่ยงต่อชีวิตน้อยกว่าการติดโควิดนั้นช่วยได้ในระดับหนึ่งแต่ก็ยังมีประชาชนอีกไม่น้อยที่ยังกลัวผลข้างเคียงจากวัคซีนมากกว่า

ผู้การตำรวจร่วม 3 ฝ่าย แถลงทลายเครือข่ายส่งยาเสพติดทางทะเล ผ่านประเทศที่ 3 เป็นครั้งแรก!!

พล.ต.ต.แวสาแม สาและ  ผบก.ภ.จว.นราธิวาส พล.ต.เฉลิมพร ขำเขียว ผบ.ฉก.นราธิวาส พ.ต.อ.นราวี บินแวอารง ผกก.สภ.ตากใบ และนายกฤษฎา สุขสบาย ปลัด อ.ตากใบ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ได้ร่วมแถลงข่าวการจับกุมตัว นายสุภัทร คะทะวะรัตน์ อายุ 37 ปี อยู่บ้านเลขที่ 123 หมู่ 2 ต.ภูเขาทอง อ.สุคิริน จ.นราธิวาส และ น.ส.ช่อผกา อภัยสวัสดิ์ อายุ 24 ปี อยู่บ้านเลขที่ 64/1 หมู่ 3 ต.น้ำรอบ อ.พุนพิน จ.สุราษฏร์ธานี

ซึ่งทั้ง 2 คน เป็นสามีภรรยา พร้อมของกลางกัญชาแห้งอัดแท่ง ห่อด้วยกระดาษฟลอยด์สีบรอนด์ทอง พันด้วยเทปใส บรรจุอยู่ในกระสอบปุ๋ยสีขาว และห่อหุ้มด้วยถุงพลาสติกทึบแสงสีดำอีกชั้นหนึ่ง จำนวน 34 กระสอบ รวม 94 แท่ง น้ำหนัก 1,680 ก.ก. ซึ่งมีมูลค่ากว่า 50 ล้านบาท ขณะลักลอบขนย้ายอำพรางมากับรถยนต์เทรลเลอร์ 18 ล้อ ยี่ห้อ HINO สีแดง หมายเลขทะเบียน 87-2674 สระบุรี โดยมีท่อนไม้ยูคาลิปตัสปิดทับไว้ จาก จ.นครพนม ซึ่งเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมได้ ที่บริเวณชายทะเลบ้านกูบู ม.6 ต.ไพรวัน อ.ตากใบ จ.นราธิวาส เมื่อช่วงค่ำของวันที่ 8 ธ.ค. 64 ที่ผ่านมา

ด้าน พล.ต.ต.แวสาแม สาและ ผบก.ภ.จว.นราธิวาส เปิดเผยว่า 2 สามีภรรยา ให้การรับสารภาพว่าได้รับจ้างขนยาเสพติดมาจาก จ.นครพนม โดยซักทอดถึงเจ้าของรถยนต์เทรลเลอร์ 18 ล้อ เป็นผู้ว่าจ้าง ให้ขับรถนำกัญชาแห้งอัดแท่งมาส่งชายทะเลบ้านกูบู ม.6 ต.ไพรวัน แล้วจะมีทีมขนถ่ายจากรถยนต์เทรลเลอร์ ไปลงเรือกอและแล้วนำไปส่งให้เรือบรรทุกที่ทอดสมออยู่ห่างจากชายฝั่งทะเลด้าน อ.ตากใบ ประมาณ 5 ไมล์ทะเล

 

สตูล - ผู้ว่าฯ ตรวจเยี่ยมให้กำลังใจกรรมการและผู้เข้าสอบแข่งขัน บรรจุเป็นข้าราชการส่วนท้องถิ่น

วันนี้ 13 ธ.ค 2564 เมื่อวันที่ 12 ธ.ค 2564 ที่ผ่านมานายเอกรัฐ หลีเส็น ผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล ได้เดินทางไปตรวจเยี่ยมให้กำลังใจกรรมการ เจ้าหน้าที่และผู้เข้าสอบแข่งขันเพื่อบรรจุบุคคลเป็นข้าราชการหรือพนักงานส่วนท้องถิ่น พ.ศ.2564 ภาคความรู้ความสามารถทั่วไป (ภาค ก) และภาคความรู้ความสามารถเฉพาะตำแหน่ง (ภาค ข) ตำแหน่งนักวิเคราะห์นโยบายและแผนปฏิบัติการ ที่โรงเรียนสตูลวิทยา อ.เมืองสตูล จ.สตูล โอกาสนี้นายเอกรัฐ หลีเส็น ผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล ได้เยี่ยมให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ กรรมการคุมสอบ และผู้เข้าสอบแข่งขัน ตามห้องสอบต่าง ๆ รวมทั้งให้กำลังใจผ่านเสียงตามสายของโรงเรียนด้วย  

สำหรับโรงเรียนสตูลวิทยา มีผู้เข้าสอบแข่งขันจำนวน 1,080 คน 36 ห้องและเป็นหนึ่งในสนามสอบของจังหวัดสตูล จากจำนวนทั้งหมด 12 แห่ง มีผู้สอบแข่งขันรวม 6,922 คน โดยผู้เข้าสอบต้องปฏิบัติตามคำสั่งจังหวัดสตูล ตามมาตรการเฝ้าระวัง ป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดโควิด-19 เช่น มีใบแสดงผลการได้รับวัคซีนโควิด-19 ครบโดส ตามมาตรฐานของกระทรวงสาธารณสุขกำหนดไว้ หากไม่ครบโดสก็ให้แสดงผลตรวจ ATK หรือRT-PCR ไม่เกิน 12 ชั่วโมง

 

‘ประชาธิปัตย์’ เคาะแล้ว!! ส่ง “ดร.เอ้ สุชัชวีร์” ชิงเก้าอี้ผู้ว่าฯ กทม.

พรรคประชาธิปัตย์ แถลงผลการประชุมคณะกรรมการบริหารวันนี้

>> เห็นชอบ “ดร.เอ้ สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์”ป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ในนามพรรคประชาธิปัตย์ และให้ความเห็นชอบผู้ที่จะลงสมัครสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (สก.) ทั้ง 50 เขต 50 คน

>> เห็นชอบ “นายอิสรพงษ์ มากอำไพ” เป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งซ่อมเขต 1 จังหวัดชุมพร และนางสาวสุภาพร กำเนิดผล เป็นผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. สงขลา เขต 6

>> เห็นชอบให้จัดตั้งสาขาพรรคเพิ่มเติม 2 สาขา คือ จังหวัดนครนายก เขต 1 และสาขาพรรคจังหวัดสงขลา เขต 2

13 ธันวาคม 2564 นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน เลขาธิการพรรคและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และนายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคภาคกทม.ได้แถลงผลการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ ว่า การประชุมในวันนี้มีวาระสำคัญ 2 วาระ ประกอบด้วย วาระที่ 1 การพิจารณาให้ความเห็นชอบผู้ที่จะลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครในนามพรรค และพิจารณาผู้สมัครสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (สก.) 50 เขต 50 คน วาระที่ 2 การพิจารณาให้ความเห็นชอบผู้ลงสมัครรับเลือกตั้งซ่อมที่จังหวัดชุมพร เขต 1 และจังหวัดสงขลา เขต 6

โดยในวาระแรก ที่ประชุม กก.บห.พรรค มีมติเห็นชอบให้ ดร.เอ้ สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ เป็นผู้ลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ในนามพรรคประชาธิปัตย์ และให้ความเห็นชอบผู้ที่จะลงสมัครสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (สก.) ทั้ง 50 เขต 50 คน ซึ่งในจำนวนนี้เป็นอดีต สก. 13 คน และเป็นคนรุ่นใหม่ เลือดใหม่ ที่ก้าวเข้ามาร่วมงานกับพรรค 37 คน รวม 50 คน

สำหรับ ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์นั้น จบปริญญาเอกด้านวิศวกรรมโยธาและสิ่งแวดล้อม จากสถาบัน MIT สหรัฐอเมริกา เป็นอดีตอธิการบดีสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) เป็นนายกสภาวิศวกรสมัยที่ 7 เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านระบบรถไฟฟ้าในคณะกรรมการดำเนินการโครงการรถไฟฟ้าระดับประเทศ เป็นประธานที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทยในอดีต เป็นประธานกรรมการการเคหะแห่งชาติ เคยได้รับรางวัลเกียรติคุณระดับนานาชาติ ซึ่งเป็นเจ้าของรางวัล President Eisenhower Fellowships 2012 เป็นประธานการประชุมงานอุโมงค์โลก 2012 (World Tunnel Congress 2012) นอกจากนั้นเป็นวิศวกรดีเด่นแห่งอาเซียน ปี 2012

“พรรคประชาธิปัตย์ภูมิใจที่ได้ต้อนรับเลือดใหม่คุณภาพ อย่าง ดร.เอ้ สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ เป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครในนามพรรค นับจากนี้ถือว่าพรรคประชาธิปัตย์ได้เสนอทางเลือกที่ดีที่สุดให้กับชาวกรุงเทพ และเราหวังว่า ดร.เอ้ จะนำชัยชนะมาสู่พรรค นำชัยชนะมาสู่พี่น้องชาวกรุงเทพมหานครทุกคน ถ้าได้รับเลือกตั้งหรือได้รับโอกาสผมมั่นใจว่า ดร.สุชัชวีร์ และทีมงานพรรคประชาธิปัตย์ สามารถเปลี่ยนกรุงเทพเราทำได้อย่างแน่นอน” หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าว

พร้อมกับให้กล่าวถึงผลการพิจารณาให้ความเห็นชอบผู้ลงสมัครรับเลือกตั้งซ่อม จังหวัดชุมพร เขต 1 และจังหวัดสงขลา เขต 6 ว่า ที่ประชุมได้มีมติเป็นเอกฉันท์ให้ความเห็นชอบ นายอิสรพงษ์ มากอำไพ เป็นผู้ลงสมัครรับเลือกตั้งซ่อม ในนามพรรคประชาธิปัตย์ เขต 1 จังหวัดชุมพร ซึ่งนายอิสรพงษ์ จบปริญญาตรี จากมหาวิทยาลัยกรุงเทพ ปริญญาโท Coventry university ลอนดอน ประเทศอังกฤษ มีประสบการณ์ทางการเมือง เคยเป็นเลขานายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดชุมพร และเป็นผู้ช่วย ส.ส. นายจุมพล จุลใส จังหวัดชุมพร 

 

ศาลาไทย World Expo ความสำเร็จที่ตบปากนักวิจารณ์ ด้วยยอดผู้เข้าชมกว่า 5 แสนคน | NEWS GEN TIMES ชวนคิด กับ กิตติธัช EP.32

ศาลาไทย World Expo 
ความสำเร็จที่ตบปากนักวิจารณ์ 
ด้วยยอดผู้เข้าชมกว่า 5 แสนคน 

NEWS GEN TIMES ชวนคิด กับ กิตติธัช

โดย อ.ต้อม - กิตติธัช ชัยประสิทธิ์ นักวิชาการอิสระและอาจารย์ประจำคณะสถาปัตยกรรม ศิลปะและการออกแบบ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top