Monday, 30 June 2025
THE STATES TIMES TEAM

เชียงใหม่ - “หมีแพนด้าหลินฮุ่ย” ออกสวนหลังบ้านรับลมหนาว ที่สวนสัตว์เชียงใหม่

สวนสัตว์เชียงใหม่ โดยโครงการวิจัยและจัดแสดงหมีแพนด้าแห่งประเทศไทย ได้นำ หมีแพนด้า“หลินฮุ่ย”    ออกสู่ส่วนจัดแสดงกลางแจ้ง(สวนหลังบ้าน) ให้สัมผัสอากาศหนาวเย็น เพื่อเป็นการส่งเสริมพฤติกรรมที่เป็นธรรมชาติ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปถึงสิ้นเดือนมกราคม 2565 นี้เท่านั้น

นายวุฒิชัย ม่วงมัน ผู้อำนวยการสวนสัตว์เชียงใหม่ เปิดเผยว่า ในช่วงนี้สภาพอากาศของจังหวัดเชียงใหม่มีอุณภูมิลดลงจากปกติ ประกอบกับมีนักท่องเที่ยวเข้ามาเที่ยวและสัมผัสอากาศที่หนาวเย็นในจังหวัดเชียงใหม่เป็นจำนวนมาก ดังนั้นเพื่อเป็นการรองรับนักท่องเที่ยว ทางสวนสัตว์เชียงใหม่ จึงได้จัดกิจกรรมดี ๆ ขึ้น คือการนำหมีแพนด้า “หลินฮุ่ย” ออกสู่ส่วนจัดแสดงกลางแจ้ง ซึ่งเป็นกิจกรรมที่ได้

ดำเนินมาอย่างต่อเนื่อง เข้าสู่ปีที่ 17 ของการนำหมีแพนด้าออกสู่ส่วนจัดแสดงกลางแจ้ง(สวนหลังบ้าน) ในช่วงฤดูหนาวของทุกปี และในปีนี้ ฤดูหนาวได้มาเยือนภาคเหนือของเรา ตั้งแต่ต้นเดือนพฤศจิกายน และคาดว่าช่วงเวลาที่จะมีอากาศหนาวเย็นเริ่มตั้งแต่เดือนธันวาคม 2564 ถึงปลายเดือนมกราคม 2565 และเพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมให้กับหมีแพนด้า “หลินฮุ่ย” ให้สามารถปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมและอุณหภูมิที่กำลังเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นอย่างช้า ๆ

อีกทั้งเป็นการเปลี่ยนบรรยากาศให้กับหมีแพนด้า “หลินฮุ่ย” ให้ได้ออกมารับแสดงแดดในยามเช้า และได้เดินออกกำลังกาย ซี่งจะทำให้หมีแพนด้าหลินฮุ่ยมีความสุข สุขภาพสมบูรณ์แข็งแรงมากยิ่งขึ้น โดยสวนสัตว์เชียงใหม่ได้ดำเนินการปรับปรุง จัดตกแต่งสถานที่ให้สวยงาม มีการปลูกต้นไม้ ต้นไผ่ ทำลำธาร แอ่งน้ำ และสร้างของเล่นเลียนแบบธรรมชาติ ให้หมีแพนด้า “หลินฮุ่ย” สนุกสนานกับธรรมชาติอย่างเพลิดเพลินอีกด้วย

ทั้งนี้ สวนสัตว์เชียงใหม่ได้รับการสนับสนุนจากงานเก็บกู้และทำลายวัตถุระเบิด กองกำกับการตำรวจตระเวนชายแดนที่ 33 ค่ายสมเด็จพระบรมราชชนนี ในการช่วยค้นหาวัตถุหรือโลหะต่าง ๆ ภายในบริเวณส่วนจัดแสดงกลางแจ้ง ก่อนที่จะมีการนำหมีแพนด้า “หลินฮุ่ย” ออกมายังส่วนจัดแสดงในวันนี้ด้วยครับ

 

นครศรีธรรมราช - ม.อ. ร่วมกับ สมาคมศิษย์เก่าฯ และภาคีเครือข่าย เดินหน้าส่งมอบแท็บเล็ต โครงการ “กองทุนไอทีพี่ ม.อ. ช่วยน้องเรียนออนไลน์”

มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ร่วมกับ สมาคมศิษย์เก่ามหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ และภาคีเครือข่าย ส่งมอบแท็บเล็ตโครงการส่งเสริมการเรียนรู้ด้วยระบบออนไลน์ จำนวน 109 เครื่อง ให้กับ 20 โรงเรียนในภาคใต้ โดยมี ผศ. ดร.นิวัติ แก้วประดับ อธิการบดี พร้อมด้วย นายแพทย์เกียรติศักดิ์ ราชบริรักษ์ นายกสมาคมศิษย์เก่าฯ ร่วมส่งมอบแก่ผู้บริหารและผู้แทนจากโรงเรียนภายใต้โครงการฯ ในพื้นที่ภาคใต้ ณ ห้องประชุม 1 สำนักงานอธิการบดี มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตหาดใหญ่ เมื่อวันที่ 22 ธ.ค. 64

​สำหรับโรงเรียนเป้าหมายที่เข้ารับมอบแท็บเล็ต ภายใต้โครงการ “กองทุนไอทีพี่ ม.อ. ช่วยน้องเรียนออนไลน์” ในครั้งนี้ ประกอบด้วย โรงเรียนในจังหวัดสงขลา ได้แก่ โรงเรียนชุมชนวัดควนมีด, โรงเรียนบ้านสะพานหัก, โรงเรียนบ้านหาร, โรงเรียนวัดสลักป่าเก่ามูลนิธิ และ โรงเรียนมิฟตาฮุดดีน (บ้านพลีใต้) จังหวัดสตูล ได้แก่ โรงเรียนบ้านวังปริง จังหวัดนครศรีธรรมราช ได้แก่ โรงเรียนวัดสระไคร, โรงเรียนบ้านนาเส, โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 6, โรงเรียนวัดนาหมอบุญ และโรงเรียนวัดไม้เสียบ จังหวัดปัตตานี ได้แก่ โรงเรียนบ้านตันหยงลุโละ, โรงเรียนบ้านคลองช้าง, โรงเรียนบ้านระแว้ง, โรงเรียนบ้านท่าเรือ และโรงเรียนมุสลิมสันติชน จังหวัดยะลา ได้แก่ โรงเรียนบ้านปงตา และจังหวัดนราธิวาส ได้แก่ โรงเรียนวัดประชุมชลธารา, โรงเรียนบ้านริแง และโรงเรียนบ้านบาตูมิตรภาพที่ 66

​โครงการ “กองทุนไอทีพี่ ม.อ. ช่วยน้องเรียนออนไลน์” เป็นความร่วมมือของสมาคมศิษย์เก่า ม.อ. และ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ รวมทั้ง ภาคีองค์กรศิษย์เก่าทุกคณะ และชมรมศิษย์เก่าระดับจังหวัด เพื่อระดมทุนจัดหาอุปกรณ์การเรียนให้นักเรียนตั้งแต่ระดับอนุบาล - มัธยมศึกษา ในพื้นที่ 9 จังหวัดชายแดนภาคใต้

ชลบุรี - ‘สวนนงนุชพัทยา’ ร่วมกับ ‘วัดคีรีวงก์(วัดน้ำตก)’ จัดอบรม กินอาหารสมุนไพร - อย่างไรให้ปลอดภัย - ปลอดโรค

ที่ สวนนงนุชพัทยา นายกัมพล ตันสัจจา ประธานสวนนงนุชพัทยา ร่วมกับพระมหาขวัญชัย อคฺคชโย เจ้าอาวาสวัดคีรีวงก์ จัดอบรม หัวข้อ "กินอาหารสมุนไพร อย่างไรให้ปลอดภัย ปลอดโรค รุ่นที่ 4" โดยมี พนักงานสวนนงนุช ประชาชนทั่วไปที่ชื่นชมสมุนไพร และเจ้าหน้าที่แพทย์แผนไทย เข้าร่วมอบรมอย่างพร้อมเพรียง

พระมหาขวัญชัย อคฺคชโย เจ้าอาวาสวัดคีรีวงก์กล่าวว่า สำหรับการจัดอบรมกินอาหารสมุนไพร อย่างไรให้ปลอดภัย ปลอดโรค ในครั้งนี้เพื่อให้ประชาชนได้ตระหนักในเรื่องของการรับประทานอาหารให้เกิดประโยชน์ ปลอดภัย ปลอดโรค ด้วยสมุนไพรที่มีอยู่เดิมมาต่อยอดในการนำมาประกอบอาหาร โดยจะเห็นได้จากในสมัยอดีตคนไทยไม่ค่อยเป็นโรค ซึ่งเป็นผลมาจากการทานอาหารที่มีส่วนผสมของสมุนไพรเป็นยารักษาโรค เช่น เมนูผัดกะเพราที่จะช่วยในเรื่องไขมันเกาะตับ ขับลมในลำไส้, เมนูผัดขิง ช่วยในเรื่องลดอาการไข้ ขับลม,เมนูแกงป่าช่วยในการหมุนเวียนเลือดลม,เมนูผัดผักบุ้งช่วยในเรื่องบำรุงสายตา,เมนูส้มตำช่วยในการขับถ่าย,เมนูเครื่องดื่มน้ำมะพร้าวช่วยบำรุงหัวใจ และเมนูชาขิงน้ำผึ้ง ช่วยในเรื่องเจ็บคอ ขับลม คลื่นไส้

สำหรับการอบรมในครั้งนี้ เพื่อต้องการให้ผู้เข้าร่วมได้ตระหนักรู้ในเรื่องของคุณประโยชน์ของพืชสมุนไพรไทย ที่สามารถนำมาปรุงอาหารให้มีรสชาติและคุณค่าที่ดีต่อสุขภาพโดยเน้นการทานอาหารที่มีส่วนประกอบของพืชสมุนไพรไทยแทนยา อีกทั้งเพื่อให้ผู้เข้ารับการอบรม นำความรู้และความเข้าใจที่ถูกต้อง เรื่องการนำสมุนไพรไทยไปใช้ในชีวิตประจำวันของตัวเองและครอบครัวเน้นถึงวิธีการปรุงอาหารหลากหลายเมนูให้ถูกต้องด้วยสมุนไพรไทย เพื่อให้เกิดประโยชน์และคุณค่าสูงสุด รวมถึงการเพิ่มรสชาติและประโยชน์ของอาหารไทยชนิดต่าง ๆ ด้วยการเติมสมุนไพรไทยเข้าไปให้เหมาะสม โดยกำหนดจัดอบรมระหว่างวันที่ 21-23 ธันวาคม 2564 โดยการจัดอบรมครั้งนี้ได้ดำเนินการปฏิบัติตามมาตรการความปลอดภัยด้านสุขอนามัยตามมาตรฐาน SHA+ และ Safe travels ที่ได้รับการรับรองจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย

 

ตราด - ทัพเรือภาคที่ 1 จัดกิจกรรมพัฒนาอาชีพ ประยุต์สู่ “โคกหนองนา โมเดล” เพื่อเสริมสร้างรายได้ ภายใต้เศรษฐกิจพอเพียง

ในวันที่ 21 ธ.ค.64 พลเรือตรี สุระศักดิ์ สิงขรวัฒน์ เสนาธิการทัพเรือภาคที่ 1 /หัวหน้าสำนักงานเลขานุการคณะกรรมการพัฒนาเพื่อความมั่นคงในระดับพื้นที่ในเขตทัพเรือภาคที่ 1 เป็นประธานในการจัดกิจกรรมพัฒนาอาชีพเพื่อเสริมสร้างรายได้ภายใต้เศรษฐกิจพอเพียง ณ ศูนย์เรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียง เรือนจำชั่วคราวเขาระกำ อ.เมืองตราด จว.ตราด โดยมี นายกิตติพงษ์ ละชั่ว ผู้บังคับการเรือนจำชั่วคราวเขาระกำ และคณะให้การต้อนรับ

การจัดกิจกรรมพัฒนาอาชีพเพื่อเสริมสร้างรายได้ภายใต้เศรษฐกิจพอเพียง ในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อให้ผู้เข้าร่วมกิจกรรมได้นำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ซึ่งมีจุดมุ่งหมายในการพัฒนาคนให้พออยู่พอกินและพึ่งพาตนเองได้ ยึดหลักการดำเนินงานบนทางสายกลางเป็นขั้นเป็นตอน บนพื้นฐานของความสมดุลพอดีในทุกภาคส่วน มีความสอดคล้องกับสภาพแวดล้อมตามวิถีแห่งธรรมชาติด้วยวิธีที่เรียบง่าย สามารถนำความรู้ที่ได้รับ ไปใช้ในการดำเนินชีวิตและพัฒนาคุณภาพชีวิตต่อไป

การจัดกิจกรรมในครั้งนี้เป็นการอบรมให้ความรู้โครงการพัฒนาพื้นที่ต้นแบบการพัฒนาคุณภาพชีวิต ตามหลักทฤษฎีใหม่ประยุกต์สู่ “โคก หนอง นา โมเดล” และแนวทางปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง “เกษตรกรปลอดภัย ก้าวไกลสู่เกษตรอินทรีย์” อีกทั้งยังได้มีกิจกรรมที่ส่งเสริมการมีส่วนร่วม โดยการให้ผู้เข้าร่วมกิจกรรมได้ทำการทดลองทำปุ๋ยหมักและอาหารปลา ที่ทำจากวัสดุอุปกรณ์ที่มาจากธรรมชาติ ซึ่งสามารถนำความรู้ที่ได้รับ ไปใช้ในชีวิตประจำวันและสามารถนำไปใช้ในการลดต้นทุนในการประกอบอาชีพ เพื่อให้มีเงินเหลือเก็บ และมีคุณภาพชีวิตที่ดีต่อไป

ชลบุรี - ปลื้มใจ!! สวนนงนุชพัทยา เผย “พังฟ้าใส” ลูกช้างป่าถูกบ่วง - ยิงบาดเจ็บ อาการดีขึ้นมาก

เมื่อวันที่ 22 ธ.ค.64 นายกัมพล ตันสัจจา ประธานสวนนงนุชพัทยา ได้เปิดเผยถึง ความคืบหน้าอาการ "พังฟ้าใส" ลูกช้างป่า ที่ได้รับบาดเจ็บข้อเท้าหน้าขวา ถูกบ่วงพรานป่าหนีบจนขาด และบาดแผลถูกยิงบริเวณหน้าขาซ้าย หัวกระสุนฝังใน 10 นัด จากในพื้นที่ป่าอุทยานแห่งออ ชาติเขาสิบห้าชั้น อ.แก่งหางแมว จ.จันทบุรี ส่งมอบให้อยู่ในความดูแลรักษาของ ปางช้างสวนนงนุชพัทยา ตั้งแต่ 1 ธ.ค.64 รวมระยะเวลาแล้ว 21 วัน

คืบหน้าเรื่องนี้ โดย ทีมสัตวแพทย์ ปางช้างสวนนงนุชพัทยา ร่วมกับ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ได้มีการผ่าตัดชิ้นส่วนข้อเท้า ทำการใส่เฝือก เพื่อรักษาบาดแผล และผ่าตัดเอาหัวกระสุนออกทั้งหมดแล้ว ขณะนี้ อยู่ในการรักษาบาดแผล ด้วยการใช้ยาปฏิชีวนะ และทำความสะอาดบาดแผลทุกวัน เพื่อไม่ให้เกิดการติดเชื้อ พบว่า หลังการรักษา เริ่มมีผิวหนังงอกใหม่เพิ่มขึ้น ไม่พบเศษเนื้อตาย แต่พบหนองเล็กน้อย และขอบแผลด้านในเป็นเนื้อสดสีชมพู

นอกจากนี้ ได้ทำการเลเซอร์อาการอักเสบ และเร่งการสร้างเนื้อเยื่อใหม่ อาจต้องใช้เวลา 2-3 เดือน ในการฟื้นฟูเนื้อเยื่อ และหากหายจากอาการบาดเจ็บ ก็จะทำการธาราบำบัด (ด้วยน้ำ) เพื่อให้ช้างสามารถใช้ชีวิต เดินได้อย่างเป็นปกติ เต็มกำลังความสามารถ

ส่วนด้านสภาพจิตใจ และการตอบสนองโดยรวม “พังฟ้าใส” ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ไม่ดิ้น ไม่ร้อง ไม่งอแง และยังมีอารมณ์ร่าเริง ดื่มนมเก่งวันละ 14 - 17 ลิตร อีกทั้ง ได้มีการเปลี่ยนเฝือกรองเท้าตามสีประจำวัน จนทำให้น้องช้างดูสดใส อีกด้วย

ชลบุรี - ‘ผอ.เจ้าท่าพัทยา’ เผยโครงการเดินเรือเฟอร์รี่ชลบุรี-สงขลา กระแสตอบรับดี!! เสริมระบบโลจิสติกส์การขนส่งท่องเที่ยวทางทะเล

นายเอกราช คันธโร ผู้อำนวยการสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาค สาขาพัทยา เปิดเผยถึงโครงการเดินเรือเฟอร์รี่ระหว่างจ.ชลบุรี-จ.สงขลา ว่า กระทรวงคมนาคม โดยกรมเจ้าท่าได้มีการผลักดันในส่วนของการเดินเรือคอสอ่าวไทย จากท่าต้นทางท่าเรือพาณิชย์สัตหีบ (ท่าเรือจุกเสม็ด) ไป ท่าเรือเซ้าท์เธิร์น โลจิสติกส์ 2009 จ.สงขลา โดยเรือเฟอร์รี่ ซีฮอร์ส นำเข้าจากประเทศญี่ปุ่น เดิมชื่อ Blue Dolphin มีขนาด 7,003 ตันกรอสส์  ความยาว 136.6 เมตร รองรับรถบรรทุกได้ประมาณ 80 คัน รถยนต์ส่วนตัว 20 คัน ผู้โดยสารประมาณ 586 คน ด้วยความเร็ว 17 น๊อต ใช้เวลาเดินทาง 18-20 ชม. เร็วกว่าทางบกที่ระยะทาง 1,130 กม. ช่วยร่นระยะทาง 519 กม. ซึ่งการดำเนินโครงการดังกล่าวเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของระบบโลจิสติกส์ในภาพรวมการขนส่งภายในประเทศ ส่งเสริมการพัฒนาระบบการขนส่งทางน้ำ อีกทั้งเพื่อลดปัญหา ความแออัดของการจราจร ลดการเกิดอุบัติเหตุท้องถนน และฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM 2.5)

ซึ่งในส่วนพื้นที่ทางทะเลนั้นกรมเจ้าท่ามีความพร้อมในการควบคุมการจราจร ความปลอดภัยในการเดินเรือในเส้นทางดังกล่าวตั้งแต่ต้นทางไปจนถึงปลายทาง อีกทั้งทางเทียบเรือต้นทางที่สัตหีบก็มีความพร้อมในการนำเรือเข้าเทียบท่าได้อย่างปลอดภัย ซึ่งตลอดระยะเวลาที่มีการเปิดให้บริการที่ผ่านมาบริษัทที่รับผิดชอบในการบริการเรือเฟอร์รี่ ซีฮอร์ส เส้นทางชลบุรี (สัตหีบ) - สงขลา พบว่าได้รับการตอบรับจากผู้ประกอบการ ประชาชนที่มีการเดินทางมาท่องเที่ยวจากสงขลาและพัทยามีจำนวนผู้มาใช้บริการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แม้จะไม่มีผู้มาใช้บริการแบบเต็มลำเรือที่สามารถให้บริการได้ แต่แนวโน้มในภาพรวมเป็นไปในทางที่ดีขึ้นอีกทั้งยอดของจำนวนรถที่เดินทางมาจากสงขลามาพัทยาก็มีจำนวนมากขึ้นจาก 10 คัน เพิ่มาเป็น 20 คัน และเพิ่มมาถึง 30 คัน ซึ่งเป็นรถบรรทุกเทเลอร์ขนาดใหญ่

 

สระบุรี - จัดโครงการ “คลินิกเกษตรเคลื่อนที่” ในพระบรมราชานุเคราะห์ฯ ครั้งที่ 1/2565

วันนี้ (22 ธ.ค.64) นางอังคณา ชิตะติตติ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสระบุรี เป็นประธานเปิดงานโครงการคลินิกเกษตรเคลื่อนที่ในพระบรมราชานุเคราะห์ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ประจำปี 2565ครั้งที่ 1 ณ องค์การบริหารส่วนตำบลหนองหัวโพ อำเภอหนองแซง จังหวัดสระบุรี

ในสถานการณ์ปัจจุบันมีการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา covid-19 ทำให้วิถีการทำเกษตรเปลี่ยนไปการรวมกลุ่มการทำกิจกรรมทางการเกษตรไม่สามารถดำเนินการได้ตามปกติเกษตรกรไม่สามารถจำหน่ายสินค้าได้เท่าที่ควร เนื่องจากช่องทางจำหน่ายลดลงทำให้เกษตรกรมีรายได้ลดลงต้นทุนผลิตสินค้าเกษตรมีราคาสูง ขาดอำนาจการต่อรอง ถูกเอาเปรียบจากพ่อค้าคนกลาง และยังประสบปัญหาด้านการเกษตรด้านโรค แมลง ศัตรูพืชระบาด จะเห็นว่าปัญหาด้านการเกษตรมีความหลากหลาย จึงจำเป็นต้องบูรณาการ ออกหน่วยให้บริการถ่ายทอดเทคโนโลยีเพื่อให้เกษตรกรเตรียมความพร้อมในการประกอบอาชีพการเกษตรและแก้ไขปัญหาให้เหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบัน

โดยสำนักงานเกษตรจังหวัดสระบุรี ได้จัดงานคลินิกเกษตรเคลื่อนที่ในพระบรมราชานุเคราะห์สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ประจำปี 2565 ครั้งที่ 1 เพื่อให้บริการเกษตรกรในการแก้ไขปัญหาการผลิตด้านการเกษตรอย่างรวดเร็ว อย่างทั่วถึง และสอดคล้องกับความต้องการของเกษตรกร บูรณาการความร่วมมือกันระหว่างหน่วยงานส่งเสริม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่าง ๆ ในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในการให้บริการและแก้ไขปัญหาทางการเกษตรร่วมกัน ให้สามารถผลิตพืชผลทางการเกษตรได้อย่างมีประสิทธิภาพ และยั่งยืน

‘ศาลปกครองแห่งราชอาณาจักรไทย’ ร่วมพิธีเปิดรับพิจารณาคดีปกครองของคณะศาลปกครอง ในศาลประชาชนสูงสุดแห่งสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว อย่างเป็นทางการ

เมื่อวันที่ 22 ธันวาคม 2564 นายชาญชัย แสวงศักดิ์ ประธานศาลปกครองสูงสุด พร้อมด้วย รองประธานศาลปกครองสูงสุด ได้แก่ นายวรพจน์ วิศรุตพิชญ์ , นายสุเมธ รอยกุลเจริญ , นายประสิทธิ์ศักดิ์ มีลาภ และนายสุชาติ มงคลเลิศลพ (ประธานอนุกรรมการบริหารศาลปกครองดำเนินการภายใต้บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือทางวิชาการระหว่างสำนักงานศาลปกครองและศาลประชาชนสูงสุดแห่ง สปป.ลาว) ได้เข้าร่วมเป็นเกียรติในพิธีแถลงข่าวการเปิดรับพิจารณาคดีปกครองของคณะศาลปกครองในศาลประชาชนสูงสุดแห่ง สปป.ลาว อย่างเป็นทางการ ผ่านระบบการประชุมทางไกล โดยมีการถ่ายทอดสัญญาณภาพ และเสียงจากนครหลวงเวียงจันทน์ มายังห้องสัมมนา 1 ชั้น 11 อาคารศาลปกครอง ถนนแจ้งวัฒนะ

​โอกาสนี้ นายนพดล เฮงเจริญ อดีตรองประธานศาลปกครองสูงสุด และอดีตประธานคณะกรรมการกำกับและดำเนินงานภายใต้บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือทางวิชาการฯ นายสมชาย เอมโอช ประธานแผนกคดีบริหารราชการแผ่นดินในศาลปกครองสูงสุด , นายประสาท พงษ์สุวรรณ์ ตุลาการหัวหน้าคณะศาลปกครองสูงสุด , นายอนุชา ฮุนสวัสดิกุล รองอธิบดีศาลปกครองเชียงใหม่ และผู้บริหารสำนักงานศาลปกครอง เข้าร่วมในพิธีดังกล่าวด้วย

​ภายหลังเสร็จสิ้นพิธีแถลงข่าวแล้ว นายชาญชัย แสวงศักดิ์ ประธานศาลปกครองสูงสุด ได้ให้สัมภาษณ์  ต่อสื่อมวลชน โดยได้กล่าวชื่นชมและแสดงความยินดีกับศาลประชาชนสูงสุดแห่ง สปป.ลาว ที่ได้จัดตั้งคณะศาลปกครองในศาลประชาชนสูงสุดแห่ง สปป.ลาว เป็นผลสำเร็จ

 

‘นายกตู่’ ให้กำลังใจ "อภัยภูเบศร" สร้างประโยชน์ให้ประเทศชาติ - ประชาชน พร้อมดัน!! "บัวบกพันธุ์ศาลายา" เป็นพืชเศรษฐกิจ

วันที่ 22 ธันวาคม 2564 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานเปิดงานมหกรรมสมุนไพรแห่งชาติ ครั้งที่  18 จากนั้นได้เดินชมงาน บูทจากหน่วยงานต่าง ๆ ทั้งภาครัฐเอกชน และภาคประชาชน ที่มาร่วมจัดนิทรรศการกันอย่างคึกคัก โดยเฉพาะโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร ที่ยกกิจกรรมให้ความรู้ สมุนไพรป้องกันโควิด-19 และกัญชา กระท่อม ผลิตภัณฑ์กัญชา ที่นำมาพัฒนาใช้กับการให้บริการสปา

โดยระหว่างการเยี่ยมชมบูท อภัยภูเบศร ภญ.ดร.สุภาภรณ์ ปิติพร เลขาธิการมูลนิธิ รพ.เจ้าพระยาอภัยภูเบศร ได้นำชมและอธิบายถึงความคืบหน้าในสิ่งที่อภัยภูเบศรได้ดำเนินการพัฒนาสมุนไพรชนิดต่าง ๆ รวมถึง การปลดล็อก กระท่อม กัญชา มาสู่การพัฒนายาและผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ ซึ่งล่าสุดมูลนิธิโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศรได้มีความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยมหิดลในการพัฒนาบัวบกศาลายา 1 ที่มีน้ำหนักและสารสำคัญสูงกว่าสายพันธุ์ปกติถึง 5 เท่า และผ่านการจดทะเบียนรับรองสายพันธุ์เป็นที่เรียบร้อยแล้วแต่ขณะนี้อยู่ระหว่างการขอคุ้มครองพันธุ์พืชใหม่ ซึ่งต้องใช้เวลากว่า 2 ปี ทำให้ทางมูลนิธิไม่สามารถนำสายพันธุ์ดังกล่าวมาแจกจ่ายให้เกษตรกรปลูกได้

ชัยภูมิ - ชวนเที่ยวเทศกาล “มหัศจรรย์ประเพณีตีคลีไฟ” พร้อมโต้ลมหนาวชมธรรมชาติที่มอหินขาว จ.ชัยภูมิ

เมื่อเร็ว ๆ นี้ นายอนุชา เจริญรักษ์ นายอำเภอเมืองชัยภูมิ เผยว่า จังหวัดชัยภูมิได้ร่วมกันจัดงานเทศกาล “มหัศจรรย์ประเพณีตีคลีไฟ” ปี2564 และเทศกาลท่องเที่ยว “มอหินขาว โต้ลมหนาวที่ชัยภูมิ” ปี 2564-2565 จังหวัดชัยภูมิ ได้ประสบภัยธรรมชาติจากอุทกภัยครั้งใหญ่ และสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ทำให้ประชาชนได้รับความเดือนร้อนทางสภาพกายและจิตใจ เพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ 2565 จังหวัดชัยภูมิ จึงได้อนุมัติให้จัดงานส่งเสริมการท่องเที่ยว ทั้งนี้ยังคงมีมาตรการเข้มการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19

ซึ่งในวันที่ 24 ธันวาคม 2564 ตั้งแต่เวลา 15.30 น. จะมีการจัดงานเทศกาล “มหัศจรรย์ประเพณีตีคลีไฟ” ปี2564 ณ วัดแจ้งสว่าง บ้านหนองเขื่อง ตำบลกุดตุ้ม อำเภอเมืองชัยภูมิ จังหวัดชัยภูมิ เพื่อเป็นการสืบสานประเพณีที่มีการละเล่นสืบต่อกันมาเป็นระยะเวลาอันยาวนานของชาวบ้านตำบลกุดตุ้ม เมื่อประมาณปี พ.ศ. 2489  “ตีคลีไฟ”  เป็นการละเล่นโดยใช้เหง้าไม้ใผ่ และท่อนไม้งิ้วเป็นอุปกรณ์ละเล่น แบ่งผู้เล่นออกเป็น 6 ทีม ทีมละ 4-12 คน ใช้กฎกติกาคล้ายกับการเล่นกีฬาฮอกกี้ เล่นในช่วงหัวค่ำเพราะลูกคลีไฟเป็นไม้งิ้วทำเป็นลูกกลม ๆ มาเผาไฟและมีน้ำหนักเบา เมื่อนำมาตีจะทำให้มองเห็นลูกคลีไฟพุ่งเป็นดวงอย่างสวยงามไม่ต่างจากไฟประทัด หรือไฟพะเนียง จังหวัดชัยภูมิได้เล็งเห็นความดีงามของประเพณีที่ประชาชนได้ร่วมกันสืบทอดมายาวนาน และมีความมุ่งหวังจะสืบทอดประเพณีให้คงอยู่และเป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลายทั้งประชาชนทั่วไปในระดับตำบล อำเภอ จังหวัด รวมถึงขยาย ผลถึงชาวต่างประเทศให้เป็นที่รู้จักงานเทศกาล "มหัศจรรย์ประเพณีตีคลีไฟที่ชัยภูมิ" หนึ่งเดียวในโลก จึงได้ส่งเสริมและอนุรักษ์ขนบธรรมเนียมประเพณีที่ดีงามมาตั้งแต่เดิมให้อยู่คู่เมืองชัยภูมิตลอดไป

และอีกเทศกาลเด่น ที่ชาวไทยและชาวต่างประเทศรู้จักกันดี ก็คือ เทศกาลท่องเที่ยว “มอหินขาว โต้ลมหนาวที่ชัยภูมิ” อำเภอเมืองชัยภูมิร่วมกับส่วนราชการ อุทยานแห่งชาติภูแลนคา องค์การบริหารส่วนตำบลท่าหินโงม กำนัน ผู้ใหญ่บ้านและพี่น้องประชาชนตำบลท่าหินโงม ได้จัดงานเทศกาลท่องเที่ยวมอหินขาว

โต้ลมหนาวที่ชัยภูมิ ประจำปี 2564-2565 โดยกำหนดเปิดงานในวันที่ 25 ธันวาคม 2564 ณ บริเวณลานหินห้าแท่ง มอหินขาว อุทยานแห่งชาติภูแลนคา ตำบลท่าหินโงม อำเภอเมืองชัยภูมิ โดยแหล่งท่องเที่ยวมอหินขาว ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติภูแลนคา เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติที่มีความสวยงามแห่งหนึ่งของประเทศไทย โดยเฉพาะกลุ่มหินในบริเวณนี้เป็นหินทรายสีขาวเกิดจากกระบวนการเปลี่ยนแปลงของโลก การผุพังและกัดเซาะของทางน้ำ ลม และแสงแดด มาเป็นเวลานานนับล้านปี จนปรากฎเป็นหินรูปทรงต่าง ๆ แปลกตา ซึ่งเป็นลักษณะเด่นทางธรณีวิทยาที่หาได้ยากมาก แหล่งท่องเที่ยว มอหินขาวได้ถูกบรรจุให้เป็นหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวในโครงการ 12 เดือน 7 ดาว 9 ตะวัน ของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย เป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวในช่วงเทศกาลส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ ปี 2565

นายอนุชา เจริญรักษ์ กล่าวอีกว่า เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ยังคงน่าเป็นห่วงและต้องมีมาตรการการป้องกันไม่ให้มีการแพร่ระบาด จึงอนุญาตให้นักท่องเที่ยวเข้าไปเที่ยวชมได้ในช่วงเวลาเช้า-ค่ำไม่เกินเวลา 19.00 น. เป็นผู้ที่ฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 หรือมีการตรวจคัดกรองแบบ ATK (Antigen Test) ผลเป็นลบ ไม่เกิน 72 ชั่วโมง โดยไม่อนุญาตให้มีการกางเต้นท์พักแรมในบริเวณของมอหินขาว หากต้องการพักค้างแรมหรือกลางเต้นท์นักท่องเที่ยวสามารถเข้าไปพักได้ที่บริเวณผาหัวนาค ซึ่งเดินทางขึ้นไปอีกประมาณ 1 กิโลเมตร

 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top