Sunday, 8 June 2025
Special News Team

หมูกระทะฝ่าวิกฤต | คิดเพลิน Learn & Play Talk EP.29

คุณอยู่กับ Podcast face to face รายการ “คิดเพลิน Learn & Play Talk” ฟังง่ายได้สาระ  

พูดคุยประเด็นต่างๆ แบบเพลินๆ พบกันทุกวันจันทร์ - อาทิตย์ เวลา 22.00 น. 

ติดตามชมรายการ “คิดเพลิน Learn & Play Talk” ได้ทาง YouTube และ Facebook Fanpage ของ THE STATES TIMES 

อย่าลืม! กดไลก์ กดแชร์ กด Subscribe 

.

.

.


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes 
คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

หัวร้อน ผ่อนได้ | คิดเพลิน Learn & Play Talk EP.28

คุณอยู่กับ Podcast face to face รายการ “คิดเพลิน Learn & Play Talk” ฟังง่ายได้สาระ  

พูดคุยประเด็นต่างๆ แบบเพลินๆ พบกันทุกวันจันทร์ - อาทิตย์ เวลา 22.00 น. 

ติดตามชมรายการ “คิดเพลิน Learn & Play Talk” ได้ทาง YouTube และ Facebook Fanpage ของ THE STATES TIMES 

อย่าลืม! กดไลก์ กดแชร์ กด Subscribe 
.

.

.


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes 
คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

กักตัว กักใจ กักอะไร 2 ปี? | คิดเพลิน Learn & Play Talk EP.27

คุณอยู่กับ Podcast face to face รายการ “คิดเพลิน Learn & Play Talk” ฟังง่ายได้สาระ  

พูดคุยประเด็นต่างๆ แบบเพลินๆ พบกันทุกวันจันทร์ - อาทิตย์ เวลา 22.00 น. 

ติดตามชมรายการ “คิดเพลิน Learn & Play Talk” ได้ทาง YouTube และ Facebook Fanpage ของ THE STATES TIMES 

อย่าลืม! กดไลก์ กดแชร์ กด Subscribe 
.

.

.


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes 
คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

Legal Sex Workers โลกของโสเภณี ที่มีใบอนุญาต | LOCK LENS GURU EP.27

???? GURU : ครูแพท แสงธรรม นักวิชาการอิสระ ด้าน Communication facilitator 

▶️ หัวข้อ : Legal Sex Workers โลกของโสเภณี ที่มีใบอนุญาต

อ่านคอลัมน์เพิ่มเติม : https://thestatestimes.com/post/2021052306

 ???? ดำเนินรายการโดย เจ THE STATES TIMES

.

.

ตีมือแตก!! ดราม่า ‘เทนม’ ชนวนเหตุ ‘แบน’ รายการจีน สะท้อน ‘กฎหมายแดนมังกร’ ที่ไม่ได้เขียนขึ้นมาเล่นๆ

หยุด!! พฤติกรรมสิ้นเปลืองอาหาร 

จีนถึงขั้นออกกฎหมายปรามการสิ้นเปลืองอาหารเป็นการเฉพาะ โดยเมื่อหลายปีที่ผ่านมาประเทศจีนได้รณรงค์ให้ทั่วทั้งสังคมหยุดพฤติกรรมอาหารสิ้นเปลือง จนเมื่อวันที่ 29 เมษายน 2564 ที่ผ่านมาได้ลงมติผ่าน “กฎหมายต่อต้านการสิ้นเปลืองอาหาร” และประกาศให้มีผลบังคับใช้ทันที 

บริบทของกฎหมายนี้เป็นอย่างไร?
-    การรับประทานอาหารระหว่างปฏิบัติหน้าที่ราชการ ต้องไม่เกินมาตรฐานตามที่กำหนดไว้ 
-    สามารถมอบรางวัลแก่ผู้บริโภคที่ “รับประทานอาหารเกลี้ยงจาน” ได้  
-    สามารถเก็บค่าบริหารจัดการขยะอาหาร กับผู้สั่งอาหารเยอะจนเกิดการเหลือทิ้งได้  
-    ภัตตาคารร้านค้าใด ล่อลวงลูกค้าให้สั่งอาหารเกินความพอดี จะต้องถูกลงโทษ ปรับสูงสุดไม่เกิน 10,000 หยวน หรือเป็นเงินไทยราว 5 หมื่นบาท
-    ผู้ผลิตและเผยแพร่คลิปวีดีโอ “กินทิ้งกินขว้าง” จะต้องถูกลงโทษ ปรับสูงสุดไม่เกิน 100,000 หยวน หรือราว 5 แสนบาท 

อ่านๆ ดูแล้ว บรรดาคนรุ่นใหม่ อาจจะมองว่ากฎหมายเหล่านี้ ดูไร้สาระ แต่ขอบอกคุณกำลังคิดผิด!! 

พิจารณาได้จากเหตุการณ์สะเทือนวงการไอดอลจีน หลังเกิดคลิป แฟนคลับซื้อนมมาเททิ้งเป็นจำนวนมาก เพื่อเอารหัส QR Code ใต้ฝา ไปโหวตให้กับผู้เข้าแข่งขันจากรายการไอดอลชื่อดัง อย่าง ‘Youth With You 2021'

ซึ่งผลิตภัณฑ์นม เป็นสปอนเซอร์ของรายการ ที่ได้ไอดอลเกาหลี ลิซ่า Black Pink ที่นอกจากจะเมนเทอร์ในรายการ ‘Youth with you 3’ แล้วก็เป็น 1 ในพรีเซนเตอร์ของผลิตภัณฑ์นมแบรนด์ยักษ์ใหญ่ของจีนอีกด้วย ทำให้ประสบความสำเร็จขายดีเป็นเทน้ำเทท่าหลังสนับสนุนรายการ 

แต่แน่นอนว่า ไม่มีใครที่ซื้อสินค้าไปเพราะอยากจะบริโภค เพียงแต่อยากได้ QR Code ที่แถมกับนมทุกกล่อง เพื่อไปโหวตให้กับผู้เข้าแข่งขันที่ตนเองเชียร์ และชื่นชอบอยู่เท่านั้น 

จากเหตุการณ์ดังกล่าว ได้กลายเป็นที่วิจารณ์อย่างรุนแรงในสังคมจีน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พฤติกรรมของประชาชนส่วนใหญ่ ได้ขัดกับสิ่งที่รัฐบาลจีนพยายามจะส่งเสริม นั่น คือ ‘การกำชับไม่ให้สื่อสนับสนุนการใช้อาหารอย่างสูญเปล่า’ ส่งผลให้รายการต้องยุติการฉายในรอบตัดสิน 

โดยโครงการต่อต้านการทิ้งอาหาร รัฐบาลจีนได้ออกมาให้ความเห็น ถึงเรื่องที่เกิดขึ้นว่า…

“นี่คือพฤติกรรมการต้องการแสวงหากำไร โดยไม่สนใจว่าจะต้องทิ้งอาหารอย่างสุรุ่ยสุร่าย แล้วยังเป็นการ ลบหลู่เราแรงงาน ที่ลงมือโรงแรงไปจนได้อาหารเหล่านี้มาซึ่งถือว่าขัดต่อกฎหมายอย่างชัดเจน” การทำแบบนี้ยังจะสร้างค่านิยมที่ผิด และบิดเบือนให้กับคนรุ่นใหม่

แล้วทำไมจีนถึง ‘จริงจัง’ กับเรื่องนี้มากขนาดนั้น?

“ใครจะรู้ที่มาของข้าวสวยในถ้วย ทุกเมล็ดมาจากความขยันทำนา อันแสนเหนื่อยล้า” บทกวีโบราณหนึ่ง ภายใต้การชี้นำ ของผู้นำจีน สี จิ้นผิง น่าจะเป็นตัวสะท้อนเรื่องนี้ได้อย่างชัดเจน

เหตุเกิดจากการสิ้นเปลืองอาหารในจีน เป็นสิ่งที่ไม่ควรเกิดขึ้นในสังคมจีน แม้วันนี้จีนจะกลายเป็นประเทศที่เหลือกินเหลือใช้แค่ไหนก็ตาม โดยเขาไม่ต้องการให้ค่านิยมทิ้งขว้างเกิดขึ้นกับคนรุ่นหลังที่ไม่เคยประสบความยากลำบากเฉกเช่นผู้คนในอดีตมาก่อน 

อย่างไรก็ตาม ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา จีนก็พยายามยืนหยัด ส่งเสริมการมัธยัสถ์ อดออม ต่อต้านการสิ้นเปลือง หรือจัดแคมเปญ “ทานเกลี้ยงจาน” เพื่อหยุดยั้งการสิ้นเปลืองอาหาร ซึ่งได้รับผลสำเร็จในระดับหนึ่ง โดยเฉพาะการจัดการงบประมาณของรัฐได้ลดน้อยลง แต่อย่างไร ในบางพื้นที่ก็ยังคงแก้ไขปัญหานี้ได้ไม่ดี

นั่นก็เพราะในช่วงเวลาที่ผ่านมา ข้าราชการ และเจ้าหน้าที่รัฐ ชอบกินเลี้ยงด้วยเหตุผลต่างๆ ซึ่งงานเลี้ยงส่วนใหญ่มักจะ “กินทิ้งกินขว้าง” นั้น ถือเป็น “การบริโภคด้วยเงินหลวง” แม้สถาบันวิจัยจีนเคยประกาศว่า เฉพาะอาหารเหลือทิ้งจากโต๊ะของจีน มีปริมาณมากถึงราว 17-18 ล้านตัน จะพอเลี้ยงผู้คนได้มากถึง 30-50 ล้านคน แต่ปัญหานี้ก็ยังคงดำรงอยู่ในสังคมจีนมาเรื่อย ๆ 

จนกระทั่ง สี จิ้นผิง ได้เสนอวิธีแก้ไขปัญหานี้ว่า ต้องเพิ่มระเบียบทางกฎหมายที่เกี่ยวข้อง กวดขันการกำกับดูแล ใช้มาตรการที่มีประสิทธิผล สร้างกลไกในระยะยาว รวมทั้งต้องเพิ่มการปลูกฝังแนวคิดการประหยัด นิสัยการมัธยัสถ์อดออม ตลอดจนแนวคิด “การประหยัดเป็นเกียรติ และการสิ้นเปลืองเป็นเรื่องน่าอับอาย” ให้เกิดขึ้นในทั่วทั้งสังคมจีนอย่างแท้จริง 
.
ภายใต้ภูมิหลังเช่นนี้ “กฎหมายต่อต้านการสิ้นเปลืองอาหาร” จึงได้ถือกำเนิดขึ้น ในจีนในที่สุด…

และการเชือดครั้งใหญ่ บนรายการดังอย่าง ‘Youth With You 2021' ก็น่าจะเป็นตัวสะท้อนให้เห็นว่า

กฎหมายจีน ที่เกิดจากความตั้งใจให้สังคมวิ่งเป็นเส้นตรง ‘ไม่ได้เขียนขึ้นมาเล่นๆ’

ข้อมูลอ้างอิง
https://mgronline.com/entertainment/detail/9640000044594
https://www.jeenthainews.com/china-news/culture/15886_20210510


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes
คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

ทั้ง ‘รัก’ ทั้ง ‘เกลียด’ Idiot จริงๆ

หลาย ๆ คนอาจจะเคยเป็น ‘ติ่ง’ หรือ เป็นแฟนคลับของอะไรสักอย่างหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็น ศิลปิน ดารา หรือ การ์ตูน งานอดิเรกต่าง ๆ 

อย่างในสมัยก่อน (หรือสมัยนี้ก็ยังออนแอร์อยู่มั้งนะ อันนี้ส่วนตัวก็ไม่แน่ใจ) จะมีรายการชื่อ “แฟนพันธุ์แท้” ที่หลาย ๆ คนอาจจะไปแข่งขันในการเป็นคนที่รู้ลึก รู้จริงในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง ในสิ่งที่เราคลั่งมาก ๆ ผู้ชนะจะได้เป็นสุดยอดแฟนพันธุ์แท้ 

ตอนที่ได้ดูก็รู้สึกได้เลยว่า โอ้โห ! ผู้คนเหล่านี้เขารัก และ เทิดทูนสิ่งที่เขาชอบเป็นอย่างมากเลยนะคะ จนบางทีก็สงสัยว่า แล้วถ้าเกิดเขารักมาก ๆ ก็ต้องมีอีกคนพวกนึงที่เกลียดมาก ๆ ขึ้นมาจะเป็นยังไง ??

อย่างที่หลาย ๆ คนพูดว่า มีคนรักก็ต้องมีคนเกลียด ซึ่งมันก็เป็นสัจธรรมอยู่แล้วล่ะค่ะ 
แต่เดี๋ยวนี้ มันแปลกตรง!! ใครที่เคยคนรัก เขาก็สามารถกลับกลายมาเกลียดได้ในเวลาเดียวกันด้วย…

มันมีจริง ๆ หรอ?

มีจริง ๆ ค่ะ ! สมัยนี้ Social Media มันรุนแรงจริง ๆ เพราะด้วยกระแสต่าง ๆ ที่รุมเร้าเข้ามานั้น หากใครยิ่งดังมาก แฟนคลับเยอะมาก ชีวิตส่วนตัวของเหล่าศิลปินนั้น ๆ ก็แทบไม่เหลือ 

บางครั้งถ้าเหล่าแฟนคลับเขาได้ไปรู้ลึกรู้จริงในเรื่องที่ศิลปินไม่ได้อยากให้รู้ และไม่ได้อยากให้ยุ่ง ถ้าเป็นเรื่องดี ๆ ก็ดีไป แต่ถ้ามันเป็นเรื่องแย่นี่สิ เหล่าแฟนคลับอาจนำมาแฉจนกลายเป็นการทำร้ายศิลปินกันไปเลยทีเดียว 

พอขยายวงกว้างจากคนหนึ่งไปอีกคนหนึ่ง มันก็เลยเกิดเป็นกระแสแบนศิลปินดาราคนนั้นไปเลยก็มี 
อย่างตัวอิชั้นเอง เคยมีข้อสงสัยขึ้นมาว่า….ศิลปินที่โดนแบนขนาดนี้ หรือโดนทำร้ายจากเหล่า Social Media มากมาย โดยเฉพาะยิ่งเป็นพวกแฟนคลับที่ปากเคยบอกว่ารักนักรักหนา แต่สวนทางกับพฤติกรรมที่เขาทำ (แอบโรคจิต) เพราะยิ่งเห็นศิลปินดาราที่เรารักเจ็บมากเท่าไร พวกหล่อนยิ่งมีความสุขมากเท่านั้น…. เอ้า ! มันยังไงกันล่ะเนี่ยยย

ท่านผู้อ่านอาจจะคิดว่าเรื่องแบบนี้มันเรื่องมโน โลกใบนี้มันพัฒนาการความโหดร้ายไปถึงขั้นนี้แล้วหรือ?

เหล่าแฟนคลับทำร้ายตัวศิลปินที่เขารัก มันคงไม่มีหรอก!! 

ประสบการณ์ของอิชั้นที่เคยเห็นภาพชัดแบบ Full HD มาแล้ว เพราะได้ตามติดโปรไฟล์เชิงดิ่งทั้งทั้งไทยและเทศมาพอควร เลยอยากชวนมาเปิดหูเปิดตากันเบา ๆ

อย่างตัวอย่างแรกที่อิชั้นขอนำเสนอการแบนอย่างแรก อย่าง ‘วชิรวิชญ์ ชีวอารี’ หรือ ‘ไบร์ท’ หรือที่หลาย ๆ คนอาจจะรู้จักในนาม ‘ไบร์ท-วิน’ นักแสดงซีรีส์วาย ที่กำลังเป็นที่โด่งดังมากในช่วงนี้ แต่เชื่อไหมคะว่าหนุ่มไบร์ทเนี่ยเคยโดนกระแสโดนแบนถึงขนาดขั้นติด #boycottbright กันเลยทีเดียว 


ในช่วงตอนนั้นที่มี # นั้นเกิดขึ้น ตัวอิชั้นเองก็ได้เข้าไปด้อม ๆ มอง ๆ เหมือนกันว่าเกิดอะไรขึ้น หลาย ๆ คนที่ตั้งโพสต์ลง Social Media ออกมาแฉ ออกมาแบน เพราะรับไม่ค่อยได้กับพฤติกรรมของหนุ่มไบร์ท มีทั้งการเตะบอลอัดใส่เพื่อน ทำลายการประกวดวงดนตรีในโรงเรียน เหยียดเพศ มีการฟอลแอคเคาท์ 18+ มีภาพตอนที่หนุ่มไบร์ทสูบบุหรี่ไฟฟ้า รวมไปถึงการลอกดีไซน์งานคนอื่นในสินค้าของตนเอง ซึ่งในตอนนั้นหนุ่มไบร์ทที่กำลังแจ้งเกิดจากซีรีส์โดนหนักมากๆ เลยล่ะค่ะ ทั้งแฟนคลับไทยและแฟนคลับต่างประเทศ ต่างออกมาแฉวีรกรรมแสบ ๆ ไม่หยุดกันเลยทีเดียว ซึ่งมีข้อสังเกตว่า…ถ้าไม่ใช่แฟนคลับก็อาจจะเป็นกลุ่มที่เกลียดหนุ่มไบร์ทมาตั้งแต่เด็กเลยมั้งคะเนี่ย 

แต่สุดท้ายหนุ่มไบร์ทก็พัฒนาตัวเองให้ทุกคนเห็นว่าตอนนี้เขาเป็นคนที่ดีขึ้นกว่าแต่ก่อน จนตอนนี้หนุ่มไบร์ทก็กลับมาทำงาน สร้างฐานแฟนคลับได้เยอะขึ้นมากกว่าเดิม เหล่าพวกที่แบนก็คงเลิกอคติและหันมาติดตามผลงานของเจ้าตัวมากขึ้นกว่าเดิมอีกค่ะ

ตัวอย่างต่อมาอิชั้นขอข้ามประเทศนิดนึงนะคะ หลาย ๆ คนก็คงจะรู้จัก Girl Group ตัวแม่อย่าง Girl’s Generation หรือ SNSD ตัวแม่แห่งวงการ K-pop ที่มีอายุอานามวงมากกว่า 10 ปี แต่กว่าจะประสบความสำเร็จมาได้ขนาดนี้ ใครจะคิดล่ะคะว่าพวกนางจะโดนแฟนคลับวงอื่น ๆ แบน ปิดไฟ เชิดใส่พวกนางมาแล้ว ! 


ย้อนไปไกลกว่าปี 2007 ในปีที่ SNSD ได้ออกมาปรากฏตัว เด็กสาว 9 คนจากค่าย SM entertainment ที่มีศิลปินตัวดังอย่าง Super Junior ที่ครองใจตกแฟนคลับในเกาหลีใต้ได้อย่างมากมาย พอพวกนางปรากฏตัว เดบิวต์เป็นศิลปินเท่านั้นแหละคะ…พวกนางโดนแบนเลย ! ทั้ง ๆ ที่ยังไม่ได้มีชื่อเสียงมาก ซึ่งสาเหตุก็มาจากการที่ค่ายชอบจับ SNSD และ Super Junior ทำงานด้วยกัน ทั้ง 2 วงฝึกด้วยกันมานานก็ย่อมมีความสนิทกัน เป็นธรรมดา ทำให้มีภาพออกตามสื่อต่าง ๆ จากความน่ารักสดใส กลายเป็นความเกลียดขี้หน้า หมั่นไส้ เหล่าแฟนคลับของ Super Junior ก็โกรธสิคะ มายุ่งอะไรกับศิลปิน โอปป้าที่ฉันรักมาตั้งนาน และมีข่าวลือว่าพวกนางศัลยกรรมกันทั้งวง สวยปลอม ๆ 

จนในที่สุดก็มีเหตุการณ์ที่ร้ายแรงที่สุดคือ การแบนจากแฟนคลับทุกวง ! ในสมัยนั้นศิลปินจะมาแสดงโชว์เพลงของตัวเอง ก็มีเหล่าแฟนคลับต่างชูแท่งไฟ สีสันสวยงามของวงตัวเอง เมื่อ SNSD ขึ้นมาแสดง แฟนคลับทุกวงต่างพร้อมใจกันปิดไฟ จนเป็นเหตุการณ์ที่เรียกว่า Black Ocean ซึ่งเป็นการแบนที่รุนแรงมาก ไม่มีเสียงเชียร์ ไม่มีเสียง กรี้ดใด ๆ ทั้งสิ้น ทำให้ทั้งวงรู้สึกเสียใจ แต่สปริตพวกนางก็ยอมแสดงจนจบเพลง… ฮืออออ มันน่าเจ็บปวดใจจริง ๆ นะคะ  


ท้ายที่สุดแล้วพวกนางก็เก็บแรง ให้กำลังใจกันและกัน และฮึดสู้อีกครั้งจนพวกนางได้ปล่อยเพลง “Gee” เพลงที่พลิกโชคชะตา พลิกชีวิตพวกนางให้ดังไปทั่วโลก ผู้คนต่างมาเริ่มสนใจ ฟังเพลง และ ติดตามผลงาน มากยิ่งขึ้นจนในปัจจุบันวงก็ยังเป็นที่โด่งดัง และ ยังเป็นตัวแม่แห่งวงการ Kpop ที่ใคร ๆ ก็ไม่สามารถล้มได้

และนี้เป็นตัวอย่างของการแบนศิลปินและไอดอลทั้งไทยและต่างประเทศที่ในหลาย ๆ ครั้งการแบนก็เกิดจากเหล่าแฟนคลับที่รักและหลงในตัวศิลปินจนทำให้เกิดเหตุการณ์ที่ทำให้หลาย ๆ ครั้งศิลปินอาจจะรู้สึกเสียใจและต้องเสียความเป็นส่วนตัว หรือ เสียทั้งกำลังใจในการทำงาน เป็นแฟนคลับที่ดีต้องรู้จักแยกแยะ และ ไม่ทำให้ผู้อื่นเดือดร้อนกันนะคะ 

ข้อมูลอ้างอิง
https://women.kapook.com/view227735.html
https://channel-korea.com/snsd-black-ocean/


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes 

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

เรื่องวุ่นๆ ของมนุษย์ ‘โลกแบน’

บนโลกใบนี้ต่างมีความเชื่อมากมายซึ่งหนึ่งในความเชื่อที่เรียกได้ว่า ถกเถียงกันมาแล้วไม่รู้กี่ยุคกี่สมัย อย่างเรื่อง ‘โลกกลม’ หรือ ‘โลกแบน’ ก็ยังเป็นข้อถกเถียงสุดคลาสสิค เพราะแม้ว่าจะมีองค์กรที่น่าเชื่อถือต่างๆ ออกมายืนยันมากมายว่า เฮ้ย! โลกเรามันกลมนะเว้ย!! แต่ก็ยังมีคนอีกไม่น้อยที่ไม่เชื่อและยืนยันว่าโลกเรานั้น ‘แบน’ 

ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว เผื่อใครที่ยังไม่เคยทราบข้อมูลเกี่ยวกับ ‘โลกแบน’ ที่ถูกพูดถึงในเชิงของทฤษฎีสมคบคิด เราจึงขอพาผู้อ่านไปส่องสำรวจ ‘โลกแบน’ ของคู่สามี-ภรรยาชาวอิตาเลี่ยน ไปออกไปล่องเรือพิสูจน์ขอบโลกแล้วนำพามาสู่ทฤษฎีนี้กันสักหน่อย

เรื่องราวของ 2 สามีภรรยานี้ เคยถูกตีพิมพ์ลงในหนังสือพิมพ์สัญชาติอิตาเลียน อย่าง La Stampa โดยคู่สามี-ภรรยาชาวอิตาลีมีความเชื่อในทฤษฎีโลกแบน ที่เชื่อว่าโลกใบนี้มีรูปทรงแบนอย่างกับแพนเค้ก ซึ่งก็แน่นอนว่าเมื่อมีความเชื่อ เช่นนี้แล้วก็ต้องพิสูจน์ให้โลกเห็นกันสักหน่อย 

ทั้งคู่ได้เดินหน้าพิสูจน์ ด้วยการลงทุนขายรถยนต์ของพวกเขา เพื่อนำมาซื้อเรือที่จะใช้เป็นยานพาหนะพาพวกเขาไปพิสูจน์ขอบโลก โดยทั้งคู่มีความเชื่อว่าขอบโลกนั้น ตั้งอยู่บริเวณแคว้นซิซิเลีย ทางตอนใต้ของอิตาลีและแอฟริกาเหนือ เมื่อพวกเขาทั้งคู่มีจุดหมายปลายทางที่จะไปท้าพิสูจน์กันแล้วก็เดินหน้าออกเดินทางจากเมืองเวเนโต เพื่อจะมุ่งหน้าไปยังบริเวณที่พวกเขาคิดว่าจะมีขอบโลกให้พวกเขาได้เห็น

ความเจ๋งของการเดินเรือจากคู่รักคู่นี้ อยู่ที่พวกเขาเดินเรือแบบไม่พึ่งเข็มทิศกันเลยจ้า เหตุก็เพราะว่าเจ้าเข็มทิศที่เราทั้งหลายรู้จักกันเนี่ย ถูกสร้างขึ้นมาในกรณีที่ ‘โลกกลม’ ยังไงล่ะ พวกเขาจึงจัดการปิดการทำงานเข็มทิศ เพราะมันขัดต่อทฤษฎีโลกแบนของพวกเขา

แน่นอนว่าพอปิดเข็มทิศปุ๊ปการเดินเรือของพวกเขาก็ไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด เพราะสุดท้าย หลังจากออกเดินทางไปได้ไม่นาน พวกเขาก็ต้องไปลอยเคว้งอยู่กลางทะเลเพราะ ‘หลงทาง’ จนเจ้าหน้าที่ไปพบพวกเขาไปล่องลอยอยู่ใกล้ๆ กับเกาะอุสติกา ซึ่งในเวลานั้นที่ คู่สามี-ภรรยา ออกไปท้าพิสูจน์ขอบโลก ก็ดันอยู่ในช่วงสถานการณ์โควิด-19 พอดี เมื่อเจ้าหน้าที่ได้ทำการช่วยเหลือแล้ว ก็ทำให้เขาทั้งคู่ต้องถูกกักตัวเพื่อรอดูอาการตามมาตรการของทางรัฐ 

แต่คิดหรอว่าการกักตัวจะหยุดความพยายามพิสูจน์ขอบโลกของพวกเขาได้!! ตอบเลยว่า ไม่!! พวกเขายังไม่ลดความพยายาม โดยทั้งคู่ได้หนีจากการกักตัว เพื่อมุ่งหน้าสู่ขอบโลกอีกครั้ง แต่ก็เช่นเคย ออกไปได้เพียง 3 ชั่วโมง พวกเขาทั้งคู่ก็โดนตำรวจหิ้วกลับเข้าฝั่ง เหตุเพราะการพิสูจน์ขอบโลกของคู่สามี-ภรรยา ไปจบยังจุดเก่าๆ ที่การนั่งคอตกบนเรือเฟอร์รี่ของพวกเขา ที่ลอยเท้งเต้งอยู่ในโลกกลมๆ เหมือนเช่นเคย

เรื่องราวที่นำมาเล่าให้คุณผู้อ่านได้อ่านกันในวันนี้ ก็เป็นเหตุการณ์หนึ่งของกลุ่มผู้มีความเชื่อในทฤษฎีโลกแบน ซึ่งที่นำมาเล่าก็ไม่ใช่การตัดสินว่าทฤษฎีของพวกเขานั้นถูกหรือผิด แต่ที่แน่ๆ การเดินเรือพิสูจน์ขอบโลกของสามี-ภรรยา คู่นี้ ผิดเต็มประตู เพราะฝ่าฝืนมาตรการของทางรัฐด้วยการไม่กักตัวอยู่บ้าน แถมยังหลบหนีการกักตัว แล้วออกไปท้าพิสูจน์ขอบโลกแบบไม่แคร์โควิดกันนี่แหละ 

ข้อมูลอ้างอิง : 
https://www.iflscience.com/editors-blog/flat-earthers-attempt-to-get-to-the-edge-of-the-world-ends-in-massive-disappointment/


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes
คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

กระเป๋าแบน ‘แฟนไกด์’ ใครเจ็บเท่าฉัน ในยุคโควิด

ท่ามกลางสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่ส่งผลกระทบเป็นวงกว้างต่อทุกภาคส่วนในประเทศและผู้คนหลากอาชีพนั้น 

อาชีพที่เคยสาดแสงของคุณสวามีสุดเฉิดฉายอย่าง ‘มัคคุเทศก์’ หรือ ไกด์นำเที่ยว ก็ปฏิเสธไม่ได้ที่จะต้องเอาหัวแม่ทีนเกยก่ายหน้าผาก นับรอวันเปิดโลกแห่งการท่องเที่ยวมาราว 2 ปี

ยิ่งนักท่องเที่ยวกลุ่มใหญ่อย่าง ชาวจีน ที่หายไปพร้อมกับโควิดด้วยแล้ว ต้องบอกเลยว่านี่ คือ ความโหดร้ายของอุตสาหกรรมนี้ (ท่องเที่ยว) และผู้ซึ่งเป็นสามีที่อยู่ในห่วงโซ่อย่างเลี่ยงได้ยาก 

นั่นก็เพราะตั้งแต่ปี 2553 เป็นต้นมา การหลั่งไหลของนักท่องเที่ยวจีนมาไทย ได้สร้างรายได้การท่องเที่ยวทะลุ 1 แสนล้านบาทเป็นครั้งแรก ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนถึง 10% ของรายได้จากการท่องเที่ยวทั้งหมดจากต่างประเทศ 

ต่อมานักท่องเที่ยวชาวจีนกลายเป็นแหล่งรายได้หลักของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของไทย จน 10 ผ่านไป จำนวนนักท่องเที่ยวจากจีนมาจบที่ประเทศไทยแถว ๆ 10.9 ล้านคน สร้างรายได้การท่องเที่ยวกว่า 5.43 แสนล้านบาท คิดเป็นเกือบ 1 ใน 3 ของรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งหมด (ตามข้อมูลของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา)


แค่เห็นภาพนี้ก็คงจะพอนึกภาพออกกันแล้วว่า ภายใต้วิกฤติโควิด-19 ระบาด แล้วนักท่องเที่ยวที่เคยเฟื่องฟูมาบ้านเรา แทบจะเป็นศูนย์ จนตลอด 2 ปีมานี้ ไกด์นำเที่ยว ผู้ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญและคอยอธิบายความรู้ที่น่าสนใจ รวมถึงข้อมูลที่ถูกต้องแก่นักท่องเที่ยวต่างแดน แทบจะไม่ได้มีโอกาสขุดทักษะของตนเองออกมาเท่าไร  

อย่างเคยอ่านเจอหนึ่งในผู้ที่เคยทำงานเป็นไกด์สายภาษาจีนอย่าง สายชล ชื่นชู ซึ่งทำอาชีพไกด์มาร่วม 25 ปี ที่มีรายได้ต่อเดือนสูงถึง 5 หมื่นบาท แต่พอมีโควิด รายได้ทั้งหมดเป็นศูนย์ ต้องหันมาขายน้ำผึ้ง ได้เงินวันละ 200 บาท แม้จะไม่พอต่อรายจ่ายในครอบครัวแต่ก็ดีกว่าไม่มีรายได้เข้ามาเลย 

หนึ่งในผู้ประกอบการที่พอรู้จักด้านทัวร์และตัวเองก็ผันเป็นไกด์ด้วย (ไม่ระบุนาม) เคยมีรายได้ร่วม 6 หลักต่อเดือน ในช่วงที่ทัวร์จีนมาลงไทยหนักๆ แต่บัดนี้ รายได้ของเขา คือ รายได้เก่าเมื่อ 10 ปีก่อน ที่นำมาปันจ่ายในแต่ละวัน บนความเจ็บช้ำที่ต้องปล่อยน้องๆ ทีมงานไป เพราะหากแบกไว้ กระเป๋าของเขาจะแบนจนเหมือนกระดาษ


ตลอดเวลาที่ผ่านมา ภาคการท่องเที่ยวเป็นจุดหลักในการช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ ขณะที่ มัคคุเทศก์ หรือ ไกด์นำเที่ยว ก็เป็นด่านแรกของการต้อนรับขับสู้นักท่องเที่ยว และเป็นผู้สร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้แก่ประเทศไทย 

แต่ปัจจุบันคนสายอาชีพต้องกลายเป็นคนตกงาน ไม่มีความมั่นคงในชีวิต แม้จะมีใครค่อนแคะว่าแต่ก่อนทำไมไม่รู้จักเก็บเงิน แต่เชื่อเหอะ เราไม่ได้ใช้ชีวิตบนการมองอนาคตได้ไกลขนาดนั้นร้อก!!

แต่ที่ปวดร้าว คือ ในระหว่างที่หลากหลายมาตรการ ซึ่งพร้อมอุดหนุนให้นักท่องเที่ยวไทยออกมาเที่ยวในประเทศกันเองมากขึ้นนั้น ก็เหมือนจะไม่ได้มีนัยยะใดช่วยประคองกลุ่มอาชีพไกด์ได้มากเท่าไร เพราะคนไทยเที่ยวได้แบบไม่ต้องมีไกด์ การกระตุ้นในรูปแบบนี้จึงแทบไม่ส่งผลใดๆ ต่อความเป็นอยู่ หรือช่วยพัฒนาอาชีพให้คนกลุ่มนี้ได้เลย


เราคงไม่ต้องพูดถึงว่าคนกลุ่มอาชีพนี้จะเครียดแค่ไหน? และไม่ต้องถามว่าวันนี้กระเป๋าเงินของพวกเขาจะแบนลงเพียงใด?

2 ปีที่ผ่านมา และอาจจะมีอีก 2 ปีที่ผ่านไป ไม่ได้อยากเรียกร้องใคร เพราะพูดไปก็จะได้ยินแค่คำว่า ‘ต้องปรับตัว’ แต่แค่อยากจะบอกว่านาทีนี้ รูรั่วของสังคมมีหลายจุด อย่าลืมเรา ‘เหล่าผู้ช่วยสร้างภาพลักษณ์ให้ประเทศ’ ไปนานนักเลย!!

ปล.จากคนที่คุณแฟนกระเป๋าเริ่มแบน แต่ก็ไม่ทิ้งกันนะ!!!

ข้อมูลอ้างอิง
https://www.admissionpremium.com/hotel/news/3144
https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/899712
https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/886749
https://www.pptvhd36.com/news/สังคม/140620
https://www.bbc.com/thai/thailand-51500412


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes
คลิก ????  https://lin.ee/vfTXud9

เทคนิครับมือ ของ 'คนสายชง' ประจำปี 'ฉลู' | LOCK LENS GURU EP.26

???? GURU : คุณอ๋า สมศักดิ์ ชาคริตฐากูร

นักออกแบบฮวงจุ้ยธุรกิจ ด้วยศาสตร์จีนโบราณแบบดั้งเดิม FengshuiBizDesigner

▶️ หัวข้อ : เทคนิครับมือ ของ 'คนสายชง'ประจำปี 'ฉลู'.

อ่านคอลัมน์เพิ่มเติม : https://thestatestimes.com/post/2021011701

???? ดำเนินรายการโดย เจ THE STATES TIMES

.

.

เพจเจอร์ น้องเคยเจอไหม? | คิดเพลิน Learn & Play Talk EP.26

คุณอยู่กับ Podcast face to face รายการ “คิดเพลิน Learn & Play Talk” ฟังง่ายได้สาระ  

พูดคุยประเด็นต่างๆ แบบเพลินๆ พบกันทุกวันจันทร์ - อาทิตย์ เวลา 22.00 น. 

ติดตามชมรายการ “คิดเพลิน Learn & Play Talk” ได้ทาง YouTube และ Facebook Fanpage ของ THE STATES TIMES 

อย่าลืม! กดไลก์ กดแชร์ กด Subscribe 

.

.

.


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top