Friday, 13 June 2025
POLITICS TEAM

‘ราเมศ’ ซัดกลับ ‘วิโรจน์’ ปมให้ ‘ชวน’ถอนแจ้งความมือคีย์บอร์ดตัดต่อภาพ แยกสร้างสรรค์-เสียหายด้วย แนะควรมีสติปัญญาในการพูด ใช้โซเชียลให้เกิดประโยชน์ ตั้งฉายาเป็นส.ส.ทวิตเซ่อ พร้อมท้าคุยโฆษกก้าวไกล

นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงถึงกรณีที่นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล และโฆษกพรรค ได้เขียนบทความถึงนายชวน หลีกภัย เพื่อให้ไปถอนแจ้งความเรื่องที่มีการตัดต่อภาพนายชวนจนก่อให้เกิดความเสียหายว่า โฆษกพรรคก้าวไกลถือว่าทำตัวไม่สมกับความเป็น ส.ส.ที่ทำหน้าที่เป็นผู้แทนปวงชนชาวไทยควรมีความรู้ว่าการใช้ช่องทางกระบวนการทางกฎหมายเพื่อรักษาสิทธิของตนคือแนวทางที่ถูกต้องตามหลักนิติรัฐ

นายราเมศ กล่าวว่า เราเข้าใจในสถานะของความเป็นนักการเมือง นายชวนเป็นนักการเมืองมายาวนาน การตรวจสอบการกล่าวถึงในมุมมองต่าง ๆ ทำได้อย่างเต็มที่ เพราะเป็นบุคคลสาธารณะ เป็นคนของประชาชนอยู่กับประชาชนมาตลอดชีวิตเปิดกว้าง เปิดรับ ปรับตัว เข้ากับสังคมที่เปลี่ยนแปลงไปในด้านเทคโนโลยีตลอดเวลา โดยข้อเท็จจริงที่ได้มีการตามเก็บข้อมูลของฝ่ายกฎหมายมีการกระทำการผ่านสังคมโซเชียลมีเดีย ไม่ว่าจะเป็นการให้ร้าย ใส่ร้าย ทำให้เกิดความเสียหายอยู่เป็นจำนวนมาก แต่หลายกรณีมีการตักเตือนให้หยุดการกระทำก็มีอยู่มากเช่นกัน

กรณีล่าสุดที่มีการตัดต่อภาพมีการกระทำที่เกินเลยขอบเขต ภาพตัดต่อจำนวนมากทำให้เกิดความเสียหายประกอบข้อความที่ให้ร้ายกล่าวหานายชวน ว่าสั่งให้ใช้ความรุนแรง สั่งให้ตำรวจทำร้ายประชาชน ใช้ภาพตัดต่อเป็นภาพลามกอนาจาร ตัดต่อในลักษณะไม่เหมาะสมในทางเพศ ตัดต่อในลักษณะที่มุ่งหวังชี้นำให้มีการใช้ความรุนแรง และที่ไม่สามารถเปิดเผย ต่อสาธารณะได้คือการตัดต่อภาพนายชวน หลีกภัยไปในลักษณะก้าวล่วงจาบจ้วงสถาบัน

ซึ่งสิ่งนี้คือสิ่งที่ยอมไม่ได้ และมาตรา 16 ตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ คือกระบวนการในการคุ้มครองประชาชนทั้งประเทศหากมีใครนำข้อมูลที่มีการตัดต่อเติมหรือดัดแปลงแล้วนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ที่จะทำให้ประชาชนเข้าถึง เข้าไปดูได้ เมื่อเป็นภาพตัดต่อที่ทำให้บุคคลอื่นเสียหายก็ถือว่ามีความผิด การใช้กระบวนการทางกฎหมายคือช่องทางที่ดีที่สุดในระบบประชาธิปไตย

ตนมีสติปัญญาพอที่จะวินิจฉัยได้ว่าภาพตัดต่อเป็นพื้นสีเขียว ไม่ได้มีความผิดหรือภาพที่ตัดต่อแบบสร้างสรรค์สามารถทำได้ เพราะไม่เสียหาย แต่โฆษกพรรคก้าวไกลก็ควรมีสติปัญญาในการพูดเช่นกัน ข้อมูลในสำนวนมีภาพใดบ้างข้อหาอะไรบ้างก็ไม่รู้ แต่ออกมากล่าวหาว่าใจไม่กว้างไม่เข้าใจสังคมโซเชียลมีเดีย ไม่ปรับตัวให้เข้ากับการใช้สิทธิและเสรีภาพ ข้อความที่ได้ออกมาจากโฆษกพรรคก้าวไกลถือว่าเป็นการบิดเบือนเอาดีใส่ตัวเอาชั่วใส่คนอื่น โดยเฉพาะกล่าวหาว่าตนไปท้าทาย ข่มขู่ แบ่งแยกประชาชน อันที่จริงข้อความนี้เป็นหมิ่นประมาทแต่ตนใจกว้างพอไม่ติดใจที่จะดำเนินการแต่ก็ขอร้องว่าอย่ามาท้าทาย ทั้งมาดูถูกเหยียดหยามว่าถ้าเป็นโฆษกพรรคก้าวไกลแบบนี้ไม่พ้นโปร เป็นข้อความที่ถือว่าไม่ให้เกียรติกัน ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาตนไม่เคยไปพาดพิงโฆษกคนนี้ แต่อยากจะเตือนว่าการทำงานการเมืองไม่ควรทำตัวในลักษณะดูถูกคนอื่น

"ผมคงไม่ไปอยู่พรรคก้าวไกลที่สืบทอดมาจากพรรคอนาคตใหม่ สรุปก็เป็นอนาคตหมด ผมอยู่พรรคประชาธิปัตย์นี่คือความภูมิใจคือพรรคที่เป็นสถาบันยึดมั่นในการครองในระบบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข พรรคผมไม่เคยถูกยุบ พรรคผมยึดมั่น ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์" นายราเมศ กล่าว

นายราเมศ กล่าวอีกว่า การที่บอกว่าเป็นคนเข้าใจสังคมโซเชียลมีเดียคือจะทำอะไรในพื้นที่นี้ได้ทำผิดกฎหมายได้ใช่หรือไม่ ตนไม่กล้าไปสอน แต่อยากบอกว่าเป็น ส.ส.ควรให้ข้อมูลต่อประชาชนว่าเมื่อวิวัฒนาการของสังคมเปลี่ยนแปลงไปเทคโนโลยีทันสมัยมากขึ้น การสื่อสารที่รับรู้ข้อมูลเร็วขึ้นในสังคมออนไลน์ควรที่จะใช้ในทางที่ก่อให้เกิดประโยชน์ไม่ใช่ใช้ในทางที่เป็นโทษ นี่คือการปรับตัวไปในทางที่ดี ยิ่งคนเป็นผู้นำควรทำตัวเป็นแบบอย่างอย่านำข้อมูลในการสื่อสารผิด ๆ ถูก ๆ ให้กับพี่น้องประชาชน บางคนทำตัวเป็น ส.ส.โซเชียล ส.ส.ทวิตเตอร์ แต่ดูจากการสื่อสารแล้วควรได้รับฉายาเป็น ส.ส.ทวิตเซ่อ มากกว่า และขอท้าโฆษกพรรคก้าวไกลว่านัดได้เลยห้องประชุมกรรมาธิการที่สภา มาคุยกันถึงเรื่องที่ตนไปแจ้งความว่าภาพที่ถูกตัดต่อให้เกิดความเสียหายนั้นมีอะไรบ้าง

‘ชัชชาติ’ โพสต์แฉ กทม.หนี้ท่วม 9 พันล้านบาท ค้างจ่ายเอกชน หลังซื้อใจให้ประชาชนนั่งรถไฟฟ้าฟรี ระบุ ยังไม่รู้เอาเงินที่ไหนจ่าย

นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ อดีต รมว.คมนาคม โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า “เมื่อวานช่วงบ่ายมีเวลาว่าง เลยถือโอกาสไปนั่งรถไฟฟ้าสายสีเขียวเล่น นั่งจากหมอชิต ไปถึงพหลโยธิน 24 ลงไปเดินเล่น คุยกับพี่วินมอเตอร์ไซค์ แล้วนั่งกลับมา แวะซื้อขนมที่เซ็นทรัลลาดพร้าว และ นั่งกลับมาที่หมอชิต เพราะตอนนี้ทาง กทม. ยังให้ขึ้นฟรีอยู่ ไม่ต้องเสียค่าโดยสารตั้งแต่สถานีห้าแยกลาดพร้าวเป็นต้นไป

ทั้งนี้ รถไฟสายสีเขียวส่วนต่อขยาย มีสองส่วน ส่วนเหนือ จากหมอชิต(หรือจตุจักร) ไปคูคต และส่วนใต้จากบางจากไป เคหะฯสมุทรปราการ รถไฟฟ้าส่วนต่อขยายนี้เดิมทาง รฟม.ของกระทรวงคมนาคมเป็นคนสร้าง แต่ครม.มีมติโอนให้ กทม.เป็นผู้ดำเนินการเมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน 2561

ทาง กทม.ทยอยเปิดการเดินรถไฟตามสถานีต่างๆ มาตั้งแต่ปลายปี 2561 และ ให้ประชาชนนั่ง “ฟรี” โดยไม่เก็บค่าโดยสาร แต่ กทม.ต้องจ่ายค่าจ้างเดินรถให้ทางเอกชนตลอดเพราะเอกชนเขามีค่าใช้จ่ายในการเดินรถ (ส่วนรายละเอียดว่าค่าจ้างเป็นอย่างไร สัญญาจ้างเป็นอย่างไร หาไม่ได้จริงๆ ครับ)

เมื่อเช้ามีข่าวว่าค่าจ้างสำหรับการเดินรถให้ประชาชนนั่ง “ฟรี” ตอนนี้มียอดหนี้ที่ กทม.ค้างชำระถึงเก้าพันล้านบาทแล้ว และ ยังไม่รู้ว่าจะเอาเงินที่ไหนมาจ่าย เห็นว่าจะไปขอจากทางรัฐบาลให้ช่วยออกให้ (แต่สุดท้ายก็เงินพวกเราทั้งนั้นแหละครับ) ซึ่งก็อาจจะไม่ง่าย เพราะจ้างไปก่อนแล้วและเท่าที่ดูมติครม.เมื่อปี 2561 มีแต่เรื่องโอนรถไฟฟ้า แต่ไม่มีระบุว่า กทม.ไม่ต้องเก็บค่าโดยสาร ซึ่งก็เป็นเรื่องที่แปลกสำหรับการบริหารว่า สามารถจ้างไปก่อนเกือบหมื่นล้านบาทโดยยังไม่รู้ว่าจะเอางบประมาณที่ไหนจ่าย

ถ้าพวกเรามีโอกาสต้องไปแถวนั้น ทั้งหมอชิต หรือ อ่อนนุช ก็ไปนั่งรถไฟฟ้าฟรี กันนะครับ เพราะเหลือเวลาอีกแค่เดือนเดียวก็จะเริ่มเก็บค่าโดยสารในส่วนต่อขยายแล้วและสุดท้ายแล้วพวกเราต้องร่วมกันจ่ายเกือบหมื่นล้านบาทอยู่ดี”

‘พุทธิพงษ์’ เดินหน้าแจ้งความเอาผิดคนโพสต์หมิ่นสถาบันต่อเนื่อง พบเพจ ‘แนวร่วมธรรมศาสตร์ฯ-ปวิน’ โดนอีก ยื่นขอคำสั่งศาลยื่นลบ 136 ข้อความไม่เหมาะสมออก

นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม(ดีอีเอส) เปิดเผยว่า ได้กำชับกองป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดทางเทคโนโลยีและสารสนเทศ (ปท.)และกองกฎหมายฯกระทรวงดิจิทัล ให้ดำเนินการติดตามตรวจสอบ ผู้กระทำความผิดโพสต์ข้อความไม่เหมาะสมต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ทางสื่อสังคมออนไลน์และรวบรวมหลักฐานยื่นแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) อย่างต่อเนื่อง

โดยทางกองกฎหมายฯ กระทรวงดิจิทัลฯ ได้แจ้งความเอาผิดผู้กระทำความผิด ตามพ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ มาตรา 14 ในช่วงวันที่ 4–15 มกราคม 2564 รวม 11 URLs เป็นผู้กระทำความผิดทาง Facebook 9 URLs และทาง YouTube 2 URLs พบชื่อบัญชีผู้กระทำความผิด

อาทิ บัญชีเฟซบุ๊ก เพจแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม, บัญชี Pavin Chachavalpongpun (นายปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์) และยูทูปแชนแนล ชื่อ FAIYEN CHANNEL(วงไฟเย็น) ที่เข้าข่ายกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ มาตรา 14 โพสต์พาดพิงสถาบันหลักของชาติ

นายพุทธิพงษ์ กล่าวว่า ขณะเดียวกัน ปท.สรุปคำสั่งศาล ในช่วงเดียวกัน พบมีการกระทำผิด จำนวน 9 คำสั่งศาล รวม 136 URLs(รายการ) โดยมีทั้ง Facebook, YouTube, Twitter และเว็บอื่นๆ ซึ่งเจ้าหน้าที่ยังคงดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายอย่างต่อเนื่องจริงจัง

"ฝากแจ้งเตือนไปยังผู้ใช้โซเชียลมีเดีย ขอให้ใช้วิจารณญาณในการใช้งาน ไม่โพสต์หรือแชร์ส่งต่อข้อความที่ไม่เหมาะสมเพราะจะถือเป็นการกระทำความผิดตามพ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ฯด้วยเช่นกัน ซึ่งเจ้าหน้าที่สามารถติดตามตรวจสอบพิสูจน์ตัวตนได้ทั้งหมด" รัฐมนตรีดีอีเอส กล่าว

กรมธนารักษ์ เตรียมจัดที่ดิน 600 ไร่ ให้กระทรวงพัฒนาสังคมฯ สร้างคอนโด 3,000 ห้อง เป็นที่พักอาศัยสำหรับผู้สูงอายุ

นายยุทธนา หยิมการุณ อธิบดีกรมธนารักษ์ เปิดเผยว่า กรมฯ เตรียมทำสัญญามอบที่ราชพัสดุ 600 ไร่ อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี ให้กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ภายในช่วงเดือนก.พ.นี้ นำไปดำเนินโครงการที่พักอาศัยสำหรับผู้สูงอายุ

โดบเบื้องต้นอาจเป็นอาคารชุดประมาณ 3,000 ห้อง ราคาเริ่มต้นห้องละ 999,999 บาท โดยให้สิทธิผู้สูงอายุตั้งแต่ 50 ปี เข้าจองอยู่ได้ รวมปถึงการใช้สร้างเป็นโรงพยาบาล ศูนย์ฝึกอาชีพ และอาคารสำนักงานของพม. เพื่อรองรับการดูแลภาคประชาสังคม

ปัจจุบันกรมธนารักษ์มีผู้เช่าที่ราชพัสดุทั่วประเทศ 182,000 ราย แบ่งเป็นผู้เช่าที่ดินราชพัสดุ 160,000 ราย และผู้เช่าอาคารราชพัสดุ 22,000 ราย มีผลการจัดเก็บรายได้เฉลี่ยย้อนหลัง 3 ปี ประมาณ 10,000 ล้านบาท เป็นรายได้จากการบริหารจัดการด้านที่ราชพัสดุ ประมาณ 9,000 ล้านบาท

โดยการให้บริการรับชำระค่าเช่าผ่านแอปพลิเคชัน จะช่วยอำนวยความสะดวกให้กับผู้เช่าที่ราชพัสดุในยุคปัจจุบันมากขึ้นสามารถลดภาระค่าใช้จ่ายและระยะเวลาในการเดินทางไปชำระค่าเช่าได้เหมาะสมกับพฤติกรรมเข้าสู่การใช้ชีวิตวิถีใหม่ได้ด้วย

“การมอบที่ราชพัสดุครั้งนี้เพื่อนำไปสร้างที่พักอาศัยสำหรับผู้สูงอายุ น่าจะช่วยตอบโจทย์ความต้องการได้ โครงการนี้กระทรวงพัฒนาสังคมฯ จะเป็นผู้ดำเนินการ เพราะกลุ่มผู้สูงอายุที่ยังมีความต้องการที่อยู่อาศัยอีกจำนวนมาก”

นายกฯ เชิดชูครูเป็นบุคลากรสำคัญในการพัฒนาและขับเคลื่อนระบบการศึกษาของชาติ “ชี้” ต้องพร้อมปรับรูปแบบการเรียนการสอน และสร้างนวัตกรรมการเรียนรู้ให้ตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลง

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ส่งสารเนื่องในโอกาสวันครู ครั้งที่ 65 ประจำปี 2564 ว่า ครูเป็นบุคลากรสำคัญในการพัฒนาและขับเคลื่อนระบบการศึกษาของชาติและมีบทบาทในการประสิทธิ์ประสาทวิชาความรู้ ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ในปัจจุบัน ครูยุคใหม่จึงต้องเป็นผู้อำนวยการในการเรียนรู้ เพื่อให้เด็กและเยาวชนเข้าถึงศาสตร์สาขาต่าง ๆ เป็นผู้ที่มีความรู้ครบถ้วน เป็นคนดี มีคุณธรรม และจริยธรรม พร้อมที่จะเติบโตเป็นพลเมืองที่ดีของประเทศ

รัฐบาลมีนโยบายในการเสริมสร้างและพัฒนาครูและบุคลากรทางการศึกษาให้มีมาตรฐานวิชาชีพในระดับสากล ตลอดจนนำเทคโนโลยีซึ่งมีความก้าวหน้าและนวัตกรรมมาปรับใช้ในการจัดการศึกษา การพัฒนาบุคลากรและการจัดทำแผนการศึกษาเพื่อพัฒนาเยาวชนในทุกช่วงวัยให้เป็นทรัพยากรมนุษย์ที่มีคุณค่าและมีศักยภาพสูง ดังนั้น อนาคตของชาติจึงอยู่ที่การศึกษา และการศึกษาที่มีคุณภาพย่อมเกิดจากครูที่มีคุณภาพด้วย

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า วันครูปีนี้ ผมได้มอบคำขวัญว่า “ครูวิถีใหม่ ใส่ใจดิจิทัล สร้างสรรค์คุณธรรมประจำชาติ” เพื่อให้ครูและบุคลากรทางการศึกษาได้ตระหนักถึงบทบาทและหน้าที่ของครูในยุคชีวิตวิถีใหม่ที่ต้องมีการปรับรูปแบบการเรียนการสอนและสร้างนวัตกรรมการเรียนรู้ให้พร้อมตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลง ครูจึงต้องได้รับการพัฒนา เสริมสร้างทักษะ ความรู้ และความสามารถด้านดิจิทัล เพื่อให้การปฏิบัติหน้าที่ดำเนินไปอย่างมีประสิทธิภาพ เหมาะสมกับการดำเนินชีวิตวิถีใหม่

นอกจากนี้ ครูยังต้องเป็นบุคลากรตัวอย่างในการประพฤติปฏิบัติตนอย่างมีคุณธรรมและจริยธรรม เป็นที่ยกย่องของผู้คนในสังคม และเป็นต้นแบบที่ดีให้แก่ศิษย์ได้ดำเนินรอยตาม เพื่อเป็นคนเก่งคนดี มีความทันสมัย มีคุณธรรมประจำใจ และเป็นอนาคตของชาติ

“เนื่องในโอกาสวันครูครั้งที่ 65 พุทธศักราช 2564 ผมขอส่งความปรารถนาดี และกำลังใจมายังคณาจารย์ ครู บุคลากรทางการศึกษา ผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษา และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทุกคนพร้อมทั้งขออาราธนาคุณพระศรีรัตนตรัย และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย อีกทั้งเดชะพระบารมีของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ได้โปรดดลบันดาลประทานพรให้ทุกท่านประสบแต่ความสุข ความเจริญ มีกำลังกาย กำลังใจที่เข้มแข็ง และสัมฤทธิผลในสิ่งที่พึงปรารถนาทุกประการโดยทั่วกัน” นายกรัฐมนตรีกล่าว

‘แรมโบ้’ ยืนยัน เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่เคยฉวยโอกาสจับแกนนำผู้ชุมนุม หลัง ‘รังสิมันต์’ ออกโรงปกป้อง สวนกลับ สมองคิดแต่จะสนับสนุนหรือปกป้องคนจาบจ้วงสถาบัน

นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีนายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล และโฆษก กมธ.กฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน โพสต์เฟซบุ๊ก นายสิริชัย นาถึง หรือนิว แนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม พ่นสีพระบรมฉายาลักษณ์ เขียนข้อความปล่อยเพื่อนเราไม่ผิดกฎหมาย ม.112 ว่า

ตำรวจไม่ได้ฉวยโอกาสจับใคร หรือซ้ำเติมกับประชาชนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งโดยเฉพาะกับแกนนำผู้ชุมนุม แต่ตำรวจต้องทำตามกฎหมายจับกุมผู้ที่กระทำความผิดทุกคน รวมถึงได้ทำงานอย่างหนักในการปราบปรามลักลอบขนแรงงานข้ามประเทศ บ่อนการพนัน หรือยาเสพติด เพียงแต่คนอย่างนายรังสิมันต์มีแนวความคิดสนับสนุนกลุ่มคนที่คิดจาบจ้วงสถาบันเบื้องสูงไม่เคยคิดออกมาห้ามปรามคนที่ทำผิดกฎหมายมาตรา112 จึงพยายามกล่าวหาเจ้าหน้าที่และปกป้องคนที่จาบจ้วงก้าวล่วงสถาบันตลอดมา

นายสุภรณ์ กล่าวว่า นายรังสิมันต์เป็นถึงโฆษก กมธ.กฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน แต่กลับปกป้องคนที่ทำผิดกฎหมายและอ้างว่าการชุมนุมเป็นไปตามสิทธิเสรีภาพ ในการชุมนุมสาธารณะแต่การชุมนุมที่ไปละเมิดคนอื่นกลับมองไม่เห็น ยิ่งกระทำความผิดกฎหมายตามมาตรา112 ทำให้กระทบกระเทือนจิตใจของคนไทยส่วนใหญ่ที่จงรักภักดี ทำไมพรรคก้าวไกลไม่เคยคิดออกมาห้ามบ้าง หรือว่าเป็นอีแอบตัวจริงที่สนับสนุนอยู่เบื้องหลังให้คนเหล่านี้กระทำความผิดมาตรา112

ตนเข้าใจว่านายรังสิมันต์เคยเป็นนักเคลื่อนไหวเช่นเดียวกัน ก็ต้องปกป้องกันแต่ขณะนี้นายรังสิมันต์มีสถานะที่เป็นถึง ส.ส.ซึ่งเป็นผู้แทนของประชาชนเข้ามาทำหน้าที่ในสภาฯและยังได้เป็นโฆษก กมธ.กฎหมายฯเวลาที่จะทำอะไร หรือจะปกป้องใครขอให้ใช้สมองคิดตริตรองให้ดีเสียก่อนว่าเป็นเรื่องที่ถูกต้องหรือไม่ และก็ควรให้เกียรติกับตำแหน่ง ส.ส.ที่ตนเองเป็นอยู่ด้วย

“หากนายรังสิมันต์ไม่อยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมแกนนำผู้ชุมนุมที่ทำผิดกฎหมาย นายรังสิมันต์ในฐานะโฆษก กมธ.กฎหมาย ก็ควรไปขอให้แกนนำยุติการชุมนุม และขอให้แกนนำอย่าทำผิดกฎหมาย อย่าให้ร้าย ก้าวล่วงสถาบันในทุกรูปแบบ ทำแบบนี้ถึงจะเป็นเรื่องที่ถูกต้อง ตนยืนยันมาตรา112 ไม่เคยไปใช้รังแกใคร มีแต่คนที่ไม่หวังดีต่อสถาบัน คิดร้ายต่อสถาบันไปท้าทายฝ่าฝืนกฎหมายมาตรา112 เสียเอง ดังนั้นบ้านเมืองมีขื่อมีแปร กฎหมายต้องเป็นกฎหมายเจ้าหน้าที่ต้องบังคับใช้อย่างเข้มงวดและเด็ดขาด"นายสุภรณ์กล่าว

‘เทพไท’ เตรียมชง ประชาธิปัตย์ ส่งผู้ว่าฯ กทม. ในนามพรรค แย้ม 4 รายชื่อเหมาะลงสมัคร "องอาจ-สามารถ-พนิต-ปริญญ์" พร้อมยืนยันไม่มีการฮั้วทางการเมืองกับพรรคหรือกลุ่มการเมืองใด ๆ

นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึง การเปิดตัวผู้สมัครผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร(กทม.)ในขณะนี้ว่า หลังจากคณะกรรมการเลือกตั้ง(กกต.) กำหนดให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นและผู้บริหารท้องถิ่นขึ้นตามลำดับ ส่วน กทม.ซึ่งเป็นการปกครองรูปแบบพิเศษ ก็จะมีการเลือกตั้งด้วย จึงทำให้มีการเปิดตัวว่าที่ผู้สมัครผู้ว่าฯกทม.กันอย่างคึกคักจำนวนหลายคน

ในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งเป็นพรรคการเมืองเก่าแก่ และเคยเป็นผู้บริหาร กทม.มาหลายสมัย แต่ก็ยังไม่มีความเคลื่อนไหวใด ๆ ออกมา อาจจะทำให้สมาชิกพรรค แฟนพันธุ์แท้ หรือกลุ่มผู้สนับสนุนพรรค เกิดคำถามได้ว่าทางพรรคประชาธิปัตย์จะส่งผู้สมัครผู้ว่าฯกทม.ในนามพรรคหรือไม่

ซึ่งเรื่องนี้โดยหลักการแล้ว พรรคประชาธิปัตย์จะต้องส่งผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.อย่างแน่นอน เพราะเป็นพรรคการเมืองที่เคยครองพื้นที่ กทม.อย่างต่อเนื่องมาเป็นเวลายาวนาน มีฐานเสียงในเขตพื้นที่ กทม.หนาแน่นและเป็นอุดมการณ์ของพรรคที่สนับสนุนหลักการกระจายอำนาจอย่างชัดเจน ซึ่งมั่นใจว่าคณะกรรมการบริหารพรรคชุดนี้ จะมีมติส่งผู้สมัครผู้ว่าฯกทม.ในนามพรรคอย่างแน่นอน ยืนยันได้ว่าจะไม่มีการฮั้วทางการเมืองกับพรรคการเมืองหรือกลุ่มการเมืองใดๆ จนทำให้สมาชิกพรรคและผู้สนับสนุนพรรค ต้องผิดหวังอย่างเด็ดขาด

ส่วนตัวจะนำเสนอเรื่องนี้ต่อคณะกรรมการบริหารพรรคให้มีการประชุมพิจารณา และมีมติโดยเร็วที่สุด เพื่อให้สมาชิกพรรคและผู้สนับสนุนได้เตรียมตัวรณรงค์หาเสียง ให้กับผู้สมัครในนามพรรคประชาธิปัตย์ตั้งแต่เนิ่น ๆ ซึ่งในขณะนี้ทางพรรคมีสมาชิกพรรคที่มีคุณสมบัติเหมาะสม เป็นผู้มีความรู้ความสามารถ มีประสบการณ์ทางด้านการเมือง การบริหารงาน กทม.หลายคน ที่สามารถลงสมัครเป็นผู้ว่าฯกทม.ได้

เช่น 1.) นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรค เป็น ส.ส.กทม.มาหลายสมัย เป็นอดีตรัฐมนตรี เป็นส.ส.ที่รู้ปัญหาพื้นที่ กทม.มากที่สุดคนหนึ่ง

2.) นายสามารถ ราชพลสิทธิ์ รองหัวหน้าพรรค เป็นอดีต ส.ส. และเป็นอดีตรองผู้ว่าฯกทม. ที่มีความเชียวชาญด้านการขนส่งและการจราจรมากที่สุดคนหนึ่ง มีความเหมาะสมที่จะบริหาร กทม.เพื่อแก้ปัญหารถติด และรถไฟฟ้าทุกระบบ ซึ่งเป็นปัญหาหลักของ กทม.ในปัจจุบัน

3.) นายพนิต วิกิตเศรษฐ์ ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ เคยเป็นรองผู้ว่าฯกทม.สมัยนายอภิรักษ์ โกษะโยธิน เป็นผู้ว่าฯ เป็นมีประสบการณ์การบริหารทั้งภาครัฐและเอกชน มีความรู้ทางด้านการเงินการคลังเป็นพิเศษ สามารถเข้ามาบริหารงบประมาณของ กทม.ปีละ1แสนล้านได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด

4.) นายปริญญ์ พานิชภักดิ์ รองหัวหน้าพรรค เป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจทันสมัย เป็นคนหนุ่มรุ่นใหม่ ไฟแรง เหมาะสมกับยุคสมัยปัจจุบัน มีประสบการณ์ด้านการบริหารระดับสูงภาคเอกชนมาก่อน มีความพร้อมทั้งด้านคุณวุฒิ วัยวุฒิ และชาติวุฒิ

นายเทพไท กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ทางพรรคยังมีบุคคลภายนอก ที่มีชื่อเสียงและประวัติการทำงานที่โดดเด่น มีความสนใจได้เสนอตัวเป็นผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.ในนามพรรคประชาธิปัตย์อีกหลายคน แต่เบื้องต้นตนจะขอเสนอให้คณะกรรมการบริหารพรรค พิจารณาผู้เหมาะสมจากบุคคลภายในพรรคก่อน ก่อนที่จะพิจารณาผู้เหมาะสมจากบุคคลภายนอกต่อไป

'นอร์เวย์' พบผู้เสียชีวิต 23 รายหลังฉีดวัคซีน Pfizer-BioNTech เบื้องต้นเป็นผู้สูงอายุ 13 ราย เหตุเพราะแพ้

สถาบันสาธารณสุขแห่งนอร์เวย์นอร์เวย์กล่าวว่า วัคซีน Covid-19 อาจเป็นความเสี่ยงเกินไปสำหรับผู้ที่อายุมากและป่วยระยะสุดท้าย ซึ่งเป็นคำแถลงที่ระมัดระวังที่สุดจากหน่วยงานด้านสุขภาพของยุโรป เนื่องจากประเทศต่างๆ ประเมินผลข้างเคียงของการฉีดวัคซีนครั้งแรกเพื่อให้ได้รับการอนุมัติ

เจ้าหน้าที่นอร์เวย์กล่าวว่ามีผู้เสียชีวิต 23 คนในประเทศแล้วๆ หลังจากได้รับวัคซีนเข็มแรก ในบรรดาผู้เสียชีวิตเหล่านี้ได้รับการชันสูตรพลิกศพ 13 ราย โดยผลการวิจัยชี้ให้เห็นว่าผลข้างเคียงที่พบบ่อยอาจส่งผลให้เกิดปฏิกิริยารุนแรงในผู้สูงอายุที่อ่อนแอ

“สำหรับผู้ที่มีความอ่อนแอแม้ผลข้างเคียงจากวัคซีนที่ไม่รุนแรงก็อาจส่งผลร้ายแรงได้ และสำหรับผู้สูงอายุมากๆ อาจได้รับประโยชน์จากวัคซีนเพียงอาจเล็กน้อยหรืออาจจะไม่เลย”

แต่ไม่ได้หมายความว่าผู้ที่มีอายุน้อยและมีสุขภาพดีจะควรหลีกเลี่ยงการฉีดวัคซีน แต่เป็นการบ่งชี้สิ่งที่ต้องเฝ้าระวังในระยะแรก เนื่องจากประเทศต่างๆ เริ่มออกรายงานการติดตามความปลอดภัยเกี่ยวกับวัคซีน

Emer Cooke จาก European Medicines Agency กล่าวว่า การติดตามความปลอดภัยของวัคซีนโควิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากการพัฒนาโดยใช้เทคโนโลยีใหม่ เช่น Messenger RNA จะเป็นหนึ่งในความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเมื่อมีการนำไปฉีดให้กับผู้คนในวงกว้าง

Pfizer และ BioNTech กำลังทำงานร่วมกับหน่วยงานกำกับดูแลของนอร์เวย์ เพื่อตรวจสอบการเสียชีวิตในนอร์เวย์ โดย Pfizer กล่าวในแถลงการณ์ทางอีเมลว่า “จำนวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจนถึงขณะนี้ยังไม่น่าตกใจและสอดคล้องกับความคาดหวัง”

จนถึงตอนนี้อาการแพ้เป็นเรื่องปกติ ในสหรัฐอเมริกาเจ้าหน้าที่ได้รายงานจำนวนผู้ป่วย 21 ราย ที่มีอาการแพ้อย่างรุนแรงตั้งแต่วันที่ 14 - 23 ธันวาคม หลังจากได้รับวัคซีนล็อตแรกประมาณ 1.9 ล้านโดส ที่พัฒนาโดย Pfizer Inc. และ BioNTech SE คิดเป็นสัดส่วน 11.1 รายต่อ 1 ล้านราย ตามข้อมูลของศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคสหรัฐ

แม้ว่าวัคซีน Covid-19 ทั้งสองชนิดที่ได้รับการรับรองแล้วในยุโรป และได้รับการทดสอบในผู้คนหลายหมื่นคนรวมทั้งอาสาสมัครที่เกิดในช่วงปลายยุค 80 และ 90 ผู้เข้าร่วมการทดลองโดยเฉลี่ยอยู่ในช่วงอายุราว 50 ต้น ๆ คนกลุ่มแรกที่ได้รับการฉีดวัคซีนในหลายพื้นที่มีอายุมากกว่านั้น เนื่องจากประเทศต่างๆ เร่งฉีดวัคซีนให้กับผู้อยู่อาศัยในบ้านพักคนชราที่มีความเสี่ยงสูงจากไวรัส

นอร์เวย์ได้ให้ฉีดวัคซีนอย่างน้อย 1 ครั้งแก่ผู้คนประมาณ 33,000 คนโดยมุ่งเน้นไปที่ผู้ที่มีความเสี่ยงมากที่สุด หากพวกเขาติดเชื้อไวรัสรวมถึงผู้สูงอายุ โดยวัคซีนจาก Pfizer-BioNTech ที่ได้รับการอนุมัติเมื่อปลายปีที่แล้ว และมีการใช้กันอย่างแพร่หลายมากที่สุด ส่วนวัคซีนจาก Moderna Inc. พึ่งได้รับการอนุมัติเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา

จาก 29 กรณีของผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นที่ทางการนอร์เวย์ตรวจสอบพบว่า เกือบ 3 ใน 4 อยู่ในผู้ที่มีอายุ 80 ปีขึ้นไปหน่วยงานกำกับดูแลกล่าวในรายงานเมื่อวันที่ 14 มกราคม

ส่วนในฝรั่งเศสผู้ป่วยที่อ่อนแอรายหนึ่งเสียชีวิตในสถานดูแล 2 ชั่วโมงหลังจากได้รับวัคซีน แต่เจ้าหน้าที่กล่าวว่าเนื่องจากประวัติทางการแพทย์ของผู้ป่วยก่อนหน้านี้ไม่มีข้อบ่งชี้การเสียชีวิตที่เชื่อมโยงกับวัคซีน ซึ่งหน่วยงานด้านความปลอดภัยด้านเภสัชกรรมของฝรั่งเศสเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมารายงานว่ามีผู้ป่วย 4 รายที่มีอาการแพ้อย่างรุนแรงและมีอาการหัวใจเต้นผิดปกติ 2 ครั้งหลังการฉีดวัคซีน

รายงานความปลอดภัยฉบับแรกทั่วยุโรปเกี่ยวกับวัคซีน Pfizer-BioNTech อาจได้รับการเผยแพร่ในปลายเดือนมกราคม

ขณะที่ในสหราชอาณาจักรซึ่งดำเนินการฉีดวัคซีนต่อหัวมากกว่าที่อื่นๆ ในยุโรปเจ้าหน้าที่จะประเมินข้อมูลด้านความปลอดภัยและวางแผนที่จะเผยแพร่รายละเอียดของปฏิกิริยาที่น่าสงสัย “เป็นประจำ” ต่อหน่วยงานกำกับดูแลยาและผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ


ที่มา:

https://www.bloomberg.com/news/articles/2021-01-15/norway-warns-of-vaccination-risks-for-sick-patients-over-80

‘ศรีสุวรรณ’ ออกแถลงการจี้ รมว.คมนาคม ต้องรับผิดชอบค่าโดยสารรถไฟฟ้าสายสีเขียวแพง หลังปรับอัตราค่าโดยสารสูงสุดตลอดสายอยู่ที่ 104 บาท ‘ชี้’ อาจเพราะเป็นคนบุรีรัมย์เลยไม่ทุกข์ร้อน

นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย แถลงการณ์เรื่อง รมว.คมนาคมต้องรับผิดชอบค่าโดยสารรถไฟฟ้าสายสีเขียวแพง ว่า ตามที่มีข่าวเผยแพร่ออกมาว่ากรุงเทพมหานคร จะได้กำหนดอัตราค่าโดยสารของรถไฟฟ้าสายสีเขียวสูงสุดตลอดสายจะอยู่ที่ 158 บาท ตั้งแต่วันที่ 16 ก.พ.2564 เป็นต้นไปแต่เพื่อบรรเทาผลกระทบที่เกิดขึ้นกับประชาชนภายใต้สถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 กทม.จึงออกประกาศเมื่อวันที่ 15 ม.ค.64 ที่ผ่านมาโดยปรับอัตราค่าโดยสารสูงสุดตลอดสายมาอยู่ที่ 104 บาทนั้น

ทางสมาคมเห็นว่าการปรับราคาดังกล่าวลงมาเหลือ 104 บาทตลอดสายยังถือว่าแพงเกินไปสำหรับประชาชนที่หาเช้ากินค่ำ โดยเฉพาะในสถานการณ์การเผชิญกับปัญหาโควิด-19 ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านี้ กทม.กับเอกชนผู้รับสัญญาสัมปทานเคยตกลงกันได้แล้วโดยความเห็นชอบของ รมว.มหาดไทย ว่าจะกำหนดอัตราค่าโดยสารสูงสุดอยู่ตลอดสายอยู่ที่ 65 บาท โดย กทม. ได้นำเสนอข้อตกลงการแก้ไขสัญญาสัมปทานต่อคณะรัฐมนตรี เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบ

ซึ่งหากมีการเห็นชอบแล้ว การแก้ไขสัญญาสัมปทานนี้จะช่วยลดอัตราค่าโดยสารสูงสุดจาก 104 บาท เป็น 65 บาท ลดลง 39 บาท และช่วยแก้ไขภาระหนี้สินกว่า 120,000 ล้านบาทของ กทม. ได้ นอกจากนี้ เอกชนยังจะสามารถแบ่งส่วนแบ่งรายได้ค่าโดยสารหลังปี 2572 ให้ กทม. อีกกว่า 200,000 ล้านบาท และมีส่วนแบ่งเพิ่มเติมในกรณีที่ผลประกอบการจริงดีกว่าที่คาดการณ์ตอนเจรจา

นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า แต่กระทรวงคมนาคม กลับมีหนังสือถึงคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 17 พ.ย.2563 ไม่เห็นด้วยกับการขยายสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียวของเอกชนใน 4 ประเด็น อาทิ 1.ความครบถ้วนตามหลักการของพ.ร.บ.การร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน 2562 2.การคิดอัตราค่าโดยสารที่เหมาะสม เป็นธรรมแก่ประชาชนผู้ใช้บริการ 3.การใช้สินทรัพย์ของรัฐที่ได้รับโอนจากเอกชนให้เกิดประโยชน์สูงสุดและ 4.ข้อพิพาททางกฎหมาย

ทั้ง ๆ ที่โครงการดังกล่าวเป็นเรื่องของ กทม. และกระทรวงมหาดไทย ซึ่งได้ตกลงเจรจากันเรียบร้อยแล้วเป็นที่พอใจทั้งสองฝ่าย แต่การที่กระทรวงคมนาคมสอดเข้ามาท้วงติงเช่นนี้ จึงเท่ากับว่าเป็นการผลักภาระค่าโดยสารที่ กทม.เพิ่งประกาศไปเมื่อวานเป็นภาระของประชาชนคนกรุงเทพฯโดยมิอาจเลี่ยงได้

“รมว.คมนาคมเป็นคนบุรีรัมย์ ไม่ได้ทุกข์ร้อนกับปัญหาค่าใช้จ่ายในการเดินทางของคนกรุงเทพฯจึงไม่รู้ร้อนรู้หนาวกับปัญหาที่เกิดขึ้น ดังนั้นการที่ กทม.ประกาศกำหนดอัตราค่าโดยสารรถไฟฟ้าสายสีเขียวใหม่ดังกล่าว 104 บาท ทั้ง ๆ ที่ควรจะเป็น 65 บาท จึงเป็นความรับผิดชอบของ รมว.กระทรวงคมนาคม และพรรคภูมิใจไทย ที่ต้องตอบคำถามกับคนกรุงเทพฯว่าท่านจะรับผิดชอบกับกรณีนี้อย่างไร เลือกตั้งครั้งหน้าคนกรุงเทพฯควรจะเลือกคนของพรรคภูมิใจไทยเข้ามาเป็นผู้แทนไหม ? และตลอดเวลาที่ร่วมรัฐบาลพลเอกประยุทธ์มา พรรคภูมิใจไทยเคยทำอะไรที่ประสบผลสำเร็จตามที่ได้เคยหาเสียงไว้แล้วหรือไม่ ขอคำตอบให้คนกรุงเทพฯและปริมณฑลด้วย” นายศรีสุวรรณ กล่าว

‘บิ๊กตู่’ ขอบคุณทุกภาคส่วน ‘รวมไทย สร้างชาติ ต้านภัยโควิด-19’ เดินหน้าจัดตั้งรพ.สนาม ในหลายพื้นที่เสี่ยง สำหรับการสังเกตอาการผู้ติดเชื้อที่มีอาการเล็กน้อย หรือไม่มีอาการ

นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่าพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้รับรายงานการดำเนินการตามข้อสั่งการนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 ที่ให้ฝ่ายความมั่นคง ทหาร ร่วมกับฝ่ายปกครองและสาธารณสุข บูรณาการงานสนับสนุนการจัดตั้งโรงพยาบาลสนาม

โดยเฉพาะจังหวัดเสี่ยง ซึ่งขณะนี้ได้มีการตั้งโรงพยาบาลสนามแล้วหลายพื้นที่ โดยข้อมูลจาก ศปก.ศบค. รายงานว่าได้มีการ ประสานจัดตั้งโรงพยาบาลสนามในพื้นที่ของกองทัพแล้ว จำนวน 10 แห่ง 2,106 เตียง โดยแบ่งเป็นพื้นที่กองทัพบก 6 พื้นที่ จำนวน 1,260 เตียง กองทัพอากาศ 1 พื้นที่ จำนวน 120 เตียง และกองทัพเรือ 3 พื้นที่ จำนวน 726 เตียง ทั้งนี้ ขอให้ประชาชนได้เข้าใจว่า โรงพยาบาลสนาม เป็นการจัดตั้งที่พัก สำหรับการสังเกตอาการผู้ติดเชื้อที่มีอาการเล็กน้อย หรือไม่มีอาการ ในพื้นที่ที่มีการควบคุมเท่านั้น

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีได้กำชับให้สาธารณสุขจังหวัดและหน่วยงานความมั่นคง ดูแลผู้ป่วยและประชาชนที่เข้ามาใช้โรงพยาบาลสนาม ปฏิบัติตามขั้นตอนระบบการรักษาและเฝ้าระวังโรคเช่นเดียวกับในโรงพยาบาล

ทั้งนี้ การจัดตั้งโรงพยาบาลสนามในพื้นที่ยังเป็นภารกิจเร่งด่วนเฉพาะหน้าที่ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดโรคโควิด-19 ให้การดูแลผู้ติดเชื้อโควิด-19 ทั้งชาวไทยและแรงงานจากประเทศเพื่อนบ้าน

ซึ่งนายกรัฐมนตรียังฝากชื่นชมภาคเอกชนในหลายพื้นที่ที่ได้อนุญาตให้ใช้ที่ดินในการจัดตั้งโรงพยาบาลสนาม สะท้อนความร่วมมือร่วมใจระหว่างภาคประชาชนและรัฐบาลตามแนวทาง “รวมไทย สร้างชาติ ต้านภัยโควิด-19” ให้เป็นวัคซีนประเทศนำไทยชนะภัยโควิด-19 ด้วย


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top