Saturday, 14 June 2025
POLITICS TEAM

‘ผู้บัญชาการทหารสูงสุด’ นำเหล่าทัพ วางพวงมาลา วันกองทัพไทย พร้อมแยกหน่วยสวนสนาม ปฏิญาณตนต่อธงชัยเฉลิมพล ท่ามกลางกระแสปฏิรูปกองทัพ-สถาบันพระมหากษัตริย์ และ โควิด-19

ที่อนุสรณ์สถานแห่งชาติ พล.อ.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.ทสส.) เป็นประธานงานกองทัพไทย ประจำปี 2564 โดยมี พล.ร.อ.ชาติชาย ศรีวรขาน ผบ.ทร. พล.อ.อ.แอร์บูล สุทธิวรรณ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจงยอดสุข ผบ.ตร. และ ผู้แทนผู้บัญชาการทหารบก

โดยมีกิจกรรมสำคัญพิธีบวงสรวงพระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ที่กองบัญชาการกองทัพไทย พิธีถวายราชสักการะพระบรมรูป รัชกาลที่5  พิธีบวงสรวงพระบรมรูปพระมหากษัตริย์ที่ทรงเป็นมหาราช 9 พระองค์ พิธีวางพวงมาลาสักการะดวงวิญญาณนักรบไทย

สำหรับการจัดงานวันนี้เพื่อรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณอันยิ่งใหญ่ของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช องค์วีรกษัตริย์ไทย และบูรพกษัตริย์ทุกพระองค์ ตลอดจนเหล่าบรรพบุรุษของไทยที่ได้สร้างวีรกรรมอันกล้าหาญสละเลือดเนื้อและชีวิตเพื่อปกป้องรักษาผืนแผ่นดินไทยไว้เป็นมรดกมาจนถึงทุกวันนี้

เวลาเดียวกันที่ กองบัญชาการกองทัพบก  พล.อ. ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบก เป็นประธานในพิธีทางศาสนา เนื่องในวันกองทัพบก ประจำปี 2564 โดยนิมนต์พระสงฆ์จากวัดโสมนัสราชวรวิหาร มาประกอบพิธี จำนวน 10 รูป

ทั้งนี้ก่อนเข้าสู่พิธีทางศาสนา ผู้บัญชาการทหารบก พร้อมด้วยคณะผู้บังคับบัญชา ได้ร่วมประกอบพิธีสักการะพระชัยมงคลภูมิ และพิธีถวายสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์ รัชกาลที่ 5 ณ บริเวณลานด้านหน้าพระบรมราชานุสาวรีย์ รัชกาลที่ 5 จากนั้นจึงกระทำพิธีสงฆ์ ณ ห้องรับรอง 221 อาคาร 2 ชั้น 2 กองบัญชาการกองทัพบก

สำหรับปีนี้เนื่องจากเกิดสถานการณ์แพร่ระบาดโควิด-19  วันกองทัพไทย และวันกองทัพบก จะไม่มีพิธีสวนสนามและปฏิญาณตนต่อธงชัยเฉลิมพลส่วนรวมเหมือนเช่นทุกปี แต่ยังมีการสวนสนามสาบานตนต่อธงชัยเฉลิมพลโดยแยกย่อยของแต่ละหน่วย

ท่ามกลางกระแสเรียกร้องให้มีการปฏิรูปกองทัพและสถาบันพระมหากษัตริย์ รวมถึงการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ และความเคลื่อนไหวให้ยกเลิกประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 

ทั้งนี้ทหารยังคง ยึดมั่นใน คำสัตย์ปฏิญาณ ที่ได้ลั่นวาจาไว้ ในพิธีสวนสนามและปฏิญาณตนต่อธงชัยเฉลิมพล ธงนำทัพของหน่วยทหาร ที่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานไว้ ที่ถือเป็นสัญลักษณ์ของสถาบันกษัตริย์ และ องค์จอมทัพไทย ที่ระบุว่า

ข้าพระพุทธเจ้าจักยอมตาย เพื่อเทิดทูน และ รักษาไว้ ซึ่งพระบรมเดชานุภาพ แห่งพระมหากษัตริย์เจ้า

ข้าพระพุทธเจ้า จักจงรักภักดี และถวายความปลอดภัย ต่อใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท ตราบชีวิตจะหาไม่

ข้าพระพุทธเจ้า จักรักษาไว้ ซึ่งการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข

กระทรวงการคลัง ออกโรงเตือน ประชาชนอย่าหลงเชื่อข่าว และดาวน์โหลด “แอปพลิเคชันลงทะเบียนเราชนะ” ยืนยันยังไม่มีแอปฯหรือเว็บไซต์เปิดให้ลงทะเบียนอย่างเป็นทางการ ระบุให้รอความชัดเจนหลังครม.เห็นชอบ 19 ม.ค.นี้

นางสาวกุลยา ตันติเตมิท ผู้ตรวจราชการกระทรวงการคลัง รักษาราชการแทนผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ตามที่ได้ปรากฏว่ามีการเผยแพร่ “แอปพลิเคชันลงทะเบียนเราชนะ” ตามสื่อต่างๆ นั้น กระทรวงการคลัง ขอเรียนว่า แอปพลิเคชันดังกล่าว ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับโครงการเราชนะของรัฐบาลและกระทรวงการคลังแต่อย่างใด ดังนั้น เพื่อมิให้เกิดความสับสน และความเข้าใจผิดเกี่ยวกับโครงการเราชนะของรัฐบาล จึงขอให้ประชาชนระมัดระวังในการอ่าน ส่ง หรือแชร์ข้อมูลต่าง ๆ ที่มิได้ถูกเผยแพร่อย่างเป็นทางการจากกระทรวงการคลัง

นอกจากนี้ กระทรวงการคลังขอเตือนผู้ที่มีพฤติกรรมแอบอ้างโดยมีเจตนาหลอกลวงหรือทำให้ประชาชนเข้าใจผิด ขอให้หยุดการกระทำดังกล่าวโดยหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องจะมีการตรวจสอบอย่างเข้มงวด และหากพบว่ามีการกระทำความผิดจะดำเนินการตามกฎหมายทันที

ทั้งนี้ คณะรัฐมนตรีจะพิจารณาโครงการเราชนะในวันอังคารที่ 19 มกราคม 2564 นี้ และจะมีการแถลงข้อมูลที่เป็นทางการอย่างชัดเจน โดยสามารถติดตามสืบค้นข้อมูลข่าวสารและความคืบหน้าที่ถูกต้องเกี่ยวกับโครงการเราชนะ ได้จากแถลงข่าวกระทรวงการคลัง ในเว็บไซต์ www.mof.go.th หรือในเฟซบุ๊ก “สถานีข่าวกระทรวงการคลัง”

สถานการณ์ COVID-19 ประเทศไทยและอาเซียน (17 มกราคม พ.ศ. 2564)

ศูนย์ข้อมูล COVID-19 รายงานสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ประจำวัน โดยประเทศไทยพบจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่ม 374 ราย ทำให้ยอดผู้ป่วยยืนยันสะสมอยู่ที่ 12,058 ราย รวมยอดผู้เสียชีวิต 70 ราย รักษาหายเพิ่ม 109 ราย รวมผู้ป่วยที่รักษาหายแล้ว 9,015 ราย ยังคงรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 2,969 ราย


ทั้งนี้ ผู้ป่วยรายใหม่ 374 ราย เป็นผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศและเข้าสถานที่กักกันที่รัฐจัดให้ จากสหรัฐอเมริกา 2 ราย ,เยอรมนี 1 ราย ,อินเดีย 2 ราย ,เดนมาร์ก 1 ราย ,กาตาร์ 1 ราย ,มาเลเซีย 3 ราย
ผู้ป่วยรายใหม่ จากระบบเฝ้าระวังและระบบบริการฯ จำนวน 43 ราย
ค้นหาผู้ติดเชื้อเชิงรุกในชุมชน 321 ราย
ขณะเดียวกันสถานการณ์ COVID-19 ของประเทศในกลุ่มอาเซียนมีการอัพเดทดังนี้
ประเทศบรูไน ดารุสซาลาม ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 174 ราย รักษาหายแล้ว 168 ราย เสียชีวิต 3 ราย
ประเทศกัมพูชา ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 439 ราย รักษาหายแล้ว 385 ราย  ไม่มียอดผู้เสียชีวิต
ประเทศอินโดนีเซีย ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 8.97 แสน ราย รักษาหายแล้ว 7.27 แสน เสียชีวิต 25,767 ราย
ประเทศลาว ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 41 ราย รักษาหายแล้ว 41 ราย ไม่มียอดผู้เสียชีวิต
ประเทศมาเลเซีย ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 1.55 แสน ราย รักษาหายแล้ว 1.17 แสน ราย เสียชีวิต 594 ราย
ประเทศพม่า ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 1.34 แสน ราย รักษาหายแล้ว 1.17 แสน ราย เสียชีวิต 2,942 ราย
ประเทศฟิลิปปินส์ ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 4.99 แสน ราย รักษาหายแล้ว 4.6 แสน ราย เสียชีวิต 9,884 ราย
ประเทศสิงคโปร์ ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 59,083 ราย รักษาหายแล้ว 58,784 ราย เสียชีวิต 29 ราย
ประเทศเวียดนาม ยอดรวมติดเชื้อ 1,537 ราย รักษาหายแล้ว 1,380 ราย เสียชีวิต 35 ราย

คณะกรรมาธิการ(กมธ.) การคมนาคม เห็นค้านกทม. ขึ้นค่าโดยสารรถไฟสายสีเขียว 104 บาท ชี้ ซ้ำเติมวิกฤติประชาชน ระบุขอให้กทม.ชี้แจงการคำนวณราคาตั้งแต่พ.ย.ปีก่อน แต่ยังไม่ได้ข้อมูล เชื่อทำราคาได้ต่ำกว่า 65 บาท จ่อเรียกชี้แจง 21 ม.ค.นี้

นายโสภณ ซารัมย์ ประธานคณะกรรมาธิการ(กมธ.)การคมนาคม สภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงกรณีที่ทางกรุงเทพมหานครออกประกาศปรับอัตราค่าโดยสารของรถไฟฟ้าสายสีเขียวตลอดสายอยู่ที่ 104 บาท ว่า เป็นการซ้ำเติมประชาชน ในช่วงวิกฤติ Covid-19 กมธ.การคมนาคม สภาผู้แทนราษฎร ไม่เห็นด้วยกับการคิดอัตราค่าโดยสาร สายสีเขียว ตลอดสาย 65 บาท พร้อมขอให้ กทม. ชี้แจงที่มาของการคำนวณราคา ตั้งแต่เดือน พฤศจิกายน ปีที่แล้ว จนบัดนี้ ยังไม่ได้รับ ข้อมูล แต่กลับข่มขู่ประชาชน ว่าจะขึ้นราคา 104 บาท ในเดือนหน้า

นายโสภณ กล่าวว่า ที่ผ่านมา กมธ.การคมนาคม ได้มีข้อเสนอแนะในเรื่องนี้ไว้อย่างชัดเจนว่า การคิดอัตราค่าโดยสาร นั้นต้องเปิดเผยที่มา การคิดราคาอย่างโปร่งใส และเชื่อว่า สามารถคิดราคาได้ถูกกว่า 65 บาทตลอดสาย และควรกำหนดอัตราค่าโดยสารที่ถูกที่สุดสำหรับประชาชนที่ใช้บริการ เพื่อส่งเสริมให้ประชาชนผู้มีรายได้น้อยมาใช้บริการ  โดยกมธ.คมนาคมมีความเห็นคือ

1. การต่อสัญญาสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียว โดยคิดราคาค่าโดยสารสูงสุด 65 บาท กทม.ควรเปิดเผยข้อมูลต่อสาธารณะ ว่ามีฐานการคิดคำนวณมาอย่างไร เนื่องจาก การสอบถามข้อมูลทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องแล้ว กระทรวงคมนาคม เห็นว่า ยังสามารถลดค่าโดยสารลงได้ต่ำกว่า 65 บาท กมธ.การคมนาคม จึงเห็นว่า ค่าโดยสารที่สามารถลดลงได้อีก เนื่องจากปริมาณการเดินทางในอนาคต จะมีมากขึ้น ต้นทุนต่อการเดินรถควรจะถูกลงอีก จะเป็นประโยชน์ต่อประชาชนทั่วไป โดยเฉพาะประชาชนผู้มีรายได้น้อยจะสามารถเข้าถึงระบบขนส่งมวลชนได้มากขึ้น

2. ประชาชน ควรจะได้รับประโยชน์ที่เป็นรูปธรรมมากกว่านี้ ในการต่อสัญญาสัมปทานครั้งนี้ เช่น การลดค่าแรกเข้าระบบ ที่ไม่ควรจะมีการคิดซ้ำซ้อน และไม่มีเงื่อนไขซึ่งจะเป็นภาระต่อผู้โดยสาร

3. หากยังไม่มีการต่อสัญญาสัมปทาน ซึ่งกำลังจะหมดลงในปี 2572 หรือในอีก 9 ปี ข้างหน้า และสินทรัพย์ทั้งหมด   จะตกกลับมาเป็นของรัฐ คือ กทม. จะเป็นประโยชน์ต่อประชาชน

มากกว่า เนื่องจากรถไฟฟ้าสายสีเขียวมีกำไร หลังจากหักค่าจ้างเดินรถแล้ว จะมีกำไรไม่น้อยกว่าปีละ 5,000 ล้านบาทต่อปี และเพิ่มขึ้นอีกในอนาคต กำไรดังกล่าวสามารถนำมาบริหารจัดการช่วยลดอุดหนุนเส้นทางรถไฟฟ้า อื่น ๆ ที่อยู่นอกเมือง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นประชาชนผู้มีรายได้น้อยกว่า ได้ใช้รถไฟฟ้าในอัตราที่ถูกกว่า คนในใจกลางเมือง การที่อ้างว่า กทม.ไม่มีความสามารถทางการเงินในการชำระหนี้ และบริหารจัดการไม่เป็นความจริง เนี่องจากโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวทั้งเส้นทาง มีศักยภาพทางธุรกิจที่ชัดเจน สามารถระดมเงินเพื่อบริหารจัดการ ได้จากแหล่งเงินต่าง ๆ เช่น ธนาคาร แหล่งทุน เนื่องจากมีรายได้มหาศาลที่ชัดเจน

4. การดำเนินการของคณะกรรมการฯ ตามคำสั่ง หัวหน้า คสช. ที่ 3/2562 ควรเปิดเผยรายงานการประชุม ต่อสาธารณะ เพื่อให้เกิดความโปร่งใส และสร้างความเข้าใจให้กับประชาชน โดยทั่วไปได้ และ  5.การต่อสัญญาสัมปทานดังกล่าว ยังดำเนินการไม่ครบถ้วน เช่น พ.ร.บ. วินัยการเงินการคลัง 2562 และการตรวจสอบจากองค์กรอิสระต่าง ๆ ยังไม่แล้วเสร็จ

นายโสภณ กล่าวอีกว่า หาก กทม.ยังคงยืนยันการดำเนินการเรื่องรถไฟสายสีเขียวในยามวิกฤติความเดือดร้อนของประชาชนถือว่าเป็นการซำ้เติมสถานการณ์ของบ้านเมือง และยังไม่ฟังเสียงประชาชนและข้อทักท้วงจากส่วนราชการ และข้อแนะนำจากภาคประชาชน

"กมธ.การคมนาคมจะเชิญผู้เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ในวันพฤหัสบดี (21 มค.) ที่จะถึงนี้เพื่อคัดค้านการขึ้นราคาอย่างไม่เป็นธรรมและแจ้งเรื่องการคัดค้านดังกล่าวไปยังรัฐบาล เพื่อสั่งให้ยุติวิกฤติความเดือดร้อนของประชาชนโดยเร็วที่สุด" นายโสภณ กล่าว

พรรคเพื่อไทย ย้ำเงินเยียวยาต้องได้ทั้งประเทศ ไม่จำกัดแค่ 28 จังหวัดพื้นที่สีแดง จี้ 3 เหล่าทัพตัดงบปี 65 ช่วยประชาชนก่อน เหน็บกองทัพอากาศ ทุ่มงบฯ สร้างสถานีอวกาศ เพื่อ? ขนาดเครื่องบินยังไม่ค่อยมีคนขึ้น ส่วนกองทัพเรือควรหยุดซื้อเรือดำน้ำ

นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม พร้อมด้วยนายจิรพงษ์ ทรงวัชราภรณ์ ส.ส.นนทบุรี และนายครูมานิตย์ สังข์พุ่ม ส.ส.สุรินทร์ รวมกันแถลง โดยนายยุทธพงศ์ กล่าวว่า การระบาดของเชื้อไวรัสโควิด 19 รอบนี้ถือว่าหนักกว่าปีที่แล้ว ประชาชนเดือดร้อนทั้งประเทศ ซึ่งรัฐบาลตัดงบลงทุนออกแบบนี้ไม่มีใครเขาทำกัน เพราะเป็นงบฯกระต้นเศรษฐกิจ ขณะที่ประชาชนจ่ายเงินเยียวยาเพียง เดือนละ 3,500 บาท 2 เดือนเท่านั้นเมื่อเทียบกับการแก้ปัญหาปีที่แล้วท่านให้น้อยลง ทั้งที่การแพร่ระบาดครั้งนี้หนักกว่าเดิม ทั้งยังบอกว่าจะให้แค่ 28 จังหวัด เพราะไม่มีเงินแล้ว

ตนอยากเรียกร้องว่า ผลกระทบจากโควิด ไม่ได้มีแค่ 28 จังหวัด หากท่านจะพิจารณาให้เงินช่วยเหลือก็ควรช่วยชาวบ้านทั้งประเทศ เพราะเดือดร้อนกันหมด ดังนั้นในการจัดทำงบประมาณปี 65 โดยเฉพาะงบของทั้ง 3 เหล่าทัพ โดยงบประมาณของกองทัพเรือ ที่มีการจัดซื้อเรือดำน้ำจีน 2 ลำ จำนวน 2.5 หมื่นล้านบาท ทั้งที่ในการจัดทำงบปี 64 ก็ชะลอการจัดซื้อออกไปเพราะการระบาดของโควิด19 ซึ่งการระบาดรอบ2 ถือว่าหนักกว่า ก็ควรที่จะชะลอการจัดซื้อออกไปแล้วนำเงินมาช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากโควิดก่อน

จึงขอถามว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทรโอชา นายกฯและรมว.กลาโหม ไม่ตัดสินใจยกเลิกการจัดซื้อเรือดำน้ำ เพราะสถานการณ์ประเทศขณะนี้เรือดำน้ำยังไม่จำเป็น ท่านควรทำเงินตรงนี้มาช่วยเหลือประชาชนก่อนดีหรือไม่

นายยุทธพงศ์ กล่าวอีกว่า ขณะนี้งบปี 65 ของกองทัพบก มีรายการที่ต้องใช้งบประมาณใหญ่ คือ 1.โครงการจัดหาเฮลิคอปเตอร์โจมตี วงเงินกว่า 4,200 ล้านบาท 2. โครงการจัดหาระยานเกาะจำนวนกว่า 1 พันล้านบาท และ 3. โครงการจัดหายานเกาะล้อยางเพื่อเสริมสร้างการรบรูปแบบใหม่ จำนวน 900 ล้านบาท ซึ่งขณะนี้ทั้งหมดยังไม่จัดซื้อ

เหตุใด พล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะรมว.กลาโหมจึงไม่สั่งให้เลื่อนหรือชะลอการซื้อสิ่งเหล่านี้ ส่วนงบฯกองทัพอากาศ มีรายการใหม่ที่ยังไม่ได้จัดซื้อ คือโครงการจัดหาเครืองบินโจมตีเบา 4,500 ล้านบาท โครงการสร้างคลังอาวุธและจัดหาอาวุธ กระสุน วัตถุระเบิดวิกฤต จำนวน 900 ล้านบาท และโครงการพัฒนาปฏิบัติการในห่วงอวกาศ จำนวน 1,470 ล้านบาท

“ผมขอถามว่า ท่านจะไปทำอะไรในห้วงอาวกาศในช่วงนี้ เพราะแค่ลำพังเครื่องบินของสายการบินในประเทศช่วงนี้ยังไม่มีคนนั่งเลย ดังนั้น สิ่งเหล่านี้สามารถชะลอได้ อย่างไรก็ตาม เมื่อผมนำงบประมาณที่สามารถชะลอได้ของทั้ง 3 เหล่าทัพมาคำนวณแล้วจะอยู่ที่ประมาณ 3.8 หมื่นล้านบาท หากเอาไปช่วยเหลือประชาชนคนละ 3,500 บาท คนละ 2 เดือน จะช่วยประชาชนได้อีก 5.43 ล้านคน และเมื่อท่านบอกว่างบประมาณในปีนี้ไม่เพียงพอท่านก็ต้องรู้จักประหยัด ขณะนี้ที่ท่านสั่งให้หน่วยงานอื่นหั่นงบประมาณแหลกลาน ตัดงบฯลงทุนที่จะสร้างงานในต่างจังหวัดให้กับประชาชน แต่ท่านกลับไม่แตะงบฯกองทัพเลย” นายยุทธพงศ์ กล่าว

เทคนิครับมือ​ ของ​ 'คน​สายชง'​ประจำปี 'ฉลู' โดย สมศักดิ์ ชาคริตฐากูร (พี่อ๋า) | Contributor EP.3-2

เทคนิครับมือ​ ของ​ 'คน​สายชง'​ประจำปี 'ฉลู' โดย สมศักดิ์ ชาคริตฐากูร (พี่อ๋า) นักออกแบบฮวงจุ้ยธุรกิจ ด้วยศาสตร์จีนโบราณแบบดั้งเดิม แห่งรายการ ‘ฮวงจุ้ยดี มีเฮ’

.

รัฐบาล ยืนยัน ห่วงใยพระสงฆ์ช่วงโควิด-19 ระบาดระลอกใหม่ ย้ำขอให้ยึดหลักปฏิบัติตามมติมหาเถรสมาคม ปรับศาสนกิจสู่วิถีใหม่ งดรับกิจนิมนต์พื้นที่เสี่ยง งดกิจกรรมบรรพชา-อุปสมบทหมู่ และงดจัดงานบุญที่มีคนร่วมงานจำนวนมาก

นายชาญกฤช เดชวิทักษ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงมาตรการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 สำหรับพระภิกษุ-สามเณรว่า นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แสดงความห่วงใยต่อการปฏิบัติศาสนกิจของพระภิกษุ-สามเณร หลังปรากฏข่าวพระภิกษุสงฆ์ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 โดยให้ถือเป็นอีกกลุ่มหนึ่งที่จะต้องปรับวิถีปฏิบัติศาสนกิจในลักษณะ New Normal

โดยยึดหลักปฏิบัติตามมติของมหาเถรสมาคม (มส.) อาทิ การงดรับกิจนิมนต์ในจังหวัดที่มีการระบาดของไวรัสโควิด-19 งดการจัดกิจกรรมงานบรรพชาสามเณร และงานอุปสมบท ประจำปี 2564 รวมทั้งให้งดจัดกิจกรรมทางพระศาสนาที่มีประชาชนมาร่วมงานเป็นจำนวนมาก เช่น การจัดงานวัด งานบุญประจำปี และงานบุญประเพณีต่างๆ ส่วนการออกบิณฑบาตหรือกิจกรรมภายในวัด การทำวัตรเช้า-เย็น การรับถวายภัตราหารหรือสิ่งของ ยังทำได้ตามปกติ เพียงแต่พระภิกษุ-สามเณร และพุทธศาสนิกชน จะต้องสวมหน้ากากอนามัย เว้นระยะห่างระหว่างกัน และงดให้ศีลให้พร

ขณะที่งานศพซึ่งเป็นงานที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ให้ดำเนินการตามมาตรการสาธารณสุข แต่หากเป็นศพของผู้ป่วยด้วยโรคโควิด-19 ไม่ให้มีการเปิดศพ และให้สวดอภิธรรมจากรูปถ่ายแทน

นายชาญกฤช เปิดเผยถึงการแจกจ่ายอุปกรณ์ป้องกันโควิด-19 แก่พระภิกษุสงฆ์ว่า ที่ผ่านมาภาคเอกชนและประชาชนได้บริจาคแอลกอฮอล์ หน้ากากอนามัยเข้ามาเป็นจำนวนมาก ซึ่งได้กระจายแจกจ่ายไปยังวัดต่างๆ โดยให้เน้นวัดที่มีความเสี่ยงก่อน ทั้งนี้ หากพบพระภิกษุ-สามเณรมีอาการผิดปกติ ไข้ขึ้นสูง ให้รีบไปพบแพทย์หรือโทรแจ้งสายด่วนกรมควบคุมโรค โทร.1422 เพื่อขอรับข้อมูลและความช่วยเหลือ

รัฐบาล ย้ำขณะนี้ยังอยู่ภายใต้ พ.ร.ก. ฉุกเฉิน และพ.ร.บ. โรคติดต่อ ขอความร่วมมือประชาชน หลีกเลี่ยงการรวมตัวกัน หวั่นการชุมนุมทางการเมือง เป็นเหตุแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 เพิ่มมากขึ้น

นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า เนื่องด้วยขณะนี้ยังมีความจำเป็นในการใช้ พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน และพ.ร.บ.โรคติดต่อ เพื่อควบคุมโรคระบาดอยู่ ดังนั้นรัฐบาลจึงขอความร่วมมือให้ประชาชนได้หลีกเลี่ยงการรวมตัวกันโดยเฉพาะการชุมนุมทางการเมืองในช่วงเวลานี้ ซึ่งรัฐบาลขอขอบคุณประชาชนส่วนใหญ่ที่ได้ให้ความสำคัญเรื่องการร่วมมือกันป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 อย่างดียิ่ง

นอกจากนี้ รัฐบาลก็กำลังเร่งพิจารณามาตรการเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดระลอกใหม่นี้ รวมถึงการเร่งเตรียมการในเรื่องการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในขั้นต่อไป ดังนั้น รัฐบาลจึงไม่อยากเห็นตัวเลขผู้ติดเชื้อเพิ่มมากขึ้นจากเหตุของการรวมตัวกันเพื่อชุมนุมทางการเมืองในช่วงนี้

จึงขอความร่วมมือประชาชนปฏิบัติตามมาตรการการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 อย่างต่อเนื่อง และขอความร่วมมือสื่อมวลชนได้ช่วยประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนได้รับทราบถึงความจำเป็นในการหลีกเลี่ยงการรวมตัวกันด้วยอีกทางหนึ่ง

‘ศรีสุวรรณ จรรยา’ จ่อบุกสำนักงานตรวจเงินแผ่นดินอีกรอบ จี้สอบ กอ.รมน. กรณีโซลาร์เชลล์แม่ฮ่องสอน มูลค่ากว่า 45 ล้านบาท ถูกทิ้งร้าง ชี้เข้าข่ายมีพฤติการณ์อันเป็นการทุจริตต่อหน้าที่

นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เปิดเผยว่า จากกรณีที่มีเพจชื่อดังรายงานว่า โครงการติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ของ กอ.รมน. มีสภาพทิ้งร้างในจังหวัดแม่ฮ่องสอน ซึ่งเพจดังกล่าวได้รายงานว่าเป็นโครงการส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทน โดยติดตั้งเป็นระบบสูบน้ำพลังงานแสงอาทิตย์แก้ปัญหาภัยแล้ง พร้อมระบบกรองน้ำในพื้นที่ กอ.รมน.ภาค 3 จำนวน 20 ระบบ 20 หมู่บ้าน จุดละประมาณ 2 ล้านกว่าบาท รวม 45,590,000 บาท ในพื้นที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน 12 จุด และจังหวัดตาก 8 จุด เมื่อปี 2561 ซึ่งผ่านมากว่า 2 ปี มีพลเมืองดีไปตรวจสอบพบว่า ทุกจุดอยู่ในสภาพไม่ได้ใช้งาน บางแห่งอยู่ในสภาพทิ้งร้างนั้น

กรณีดังกล่าวอาจมีลักษณะใกล้เคียงกับโครงการติดตั้งโชลาร์เชลล์ซึ่ง กอ.รมน.ดำเนินการที่ อ.อมก๋อย จ.เชียงใหม่ และถูกสังคมวิพากษ์วิจารณ์ถึงมูลค่าและค่าใช้จ่ายที่แพงเกินไปหรือไม่ เมื่อเปรียบเทียบราคากับกรณีของพิมรี่พาย ที่ไปดำเนินการที่หมู่บ้านแม่เกิบ อ.อมก๋อย จ.เชียงใหม่ ซึ่งสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ได้นำความไปร้องเรียนต่อสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ให้ตรวจสอบไปแล้วเมื่อ 13 ม.ค.34 ที่ผ่านมา

นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า โครงการที่ กอ.รมน.ดำเนินการที่ จ.แม่ฮ่องสอนและ จ.ตาก ดังกล่าวเกินระยะเวลามากว่า 2 ปีแล้วจึงน่าจะเกินเวลาของการประกันผลงานตามที่กฎหมายกำหนดแล้ว ก็เชื่อว่าอาจจะเป็นการดำเนินโครงการที่ไม่มีความคุ้มค่า ไม่มีผลสัมฤทธิ์ หรือไม่มีประสิทธิภาพตามที่กฎหมายกำหนด และอาจขัดต่อ พรบ.การจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ 2560 และ พรบ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ 2542 หรืออาจมีการกระทำการอันเข้าข่ายความผิดตามกฎหมายว่าด้วยการตรวจเงินแผ่นดิน และกฎหมายว่าด้วยวินัยการเงินการคลังของรัฐ หรือการใช้จ่ายเงินแผ่นดินของ กอ.รมน. ที่อาจมีพฤติการณ์อันเป็นการทุจริตต่อหน้าที่ จงใจปฏิบัติหน้าที่หรือใช้อํานาจขัดต่อบทบัญญัติแห่งกฎหมายหรือไม่ด้วย

“ด้วยเหตุดังกล่าว สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย จึงจะนำความพร้อมหลักฐานไปร้องเรียนต่อสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน(สตง.) ให้ตรวจสอบโครงการโชลาร์เชลล์ทั้ง 2 จังหวัดดังกล่าวว่าเหตุใดจึงปล่อยทิ้งร้างและเสียหายและดำเนินการเป็นไปตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องหรือไม่ อย่างไร หากพบว่ามีพฤติการณ์ที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย จะได้นำตัวผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดมาลงโทษตามครรลองของกฎหมายต่อไป และจะนำหลักฐานกรณีโครงการติดตั้งโชลาร์เชลล์ซึ่ง กอ.รมน.ดำเนินการที่ อ.อมก๋อย จ.เชียงใหม่ ไปมอบเพิ่มเติมให้ สตง.ตรวจสอบเพิ่มเติมอีกด้วย โดยสมาคมฯจะเดินทางไปยื่นคำร้องในวันจันทร์ที่ 18 ม.ค.64 เวลา 10.00 น. ณ สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ซ.อารีย์ พญาไท กทม. “ นายศรีสุวรรณ กล่าว

"รองโฆษกพรรคกล้า" ดักคอพวกสีเทาค้านคาสิโนถูกกฎหมาย กลัวกระทบผลประโยชน์ ฝากถึง "สิระ" สาปแช่งคนเห็นต่างไม่ใช่การเมืองสร้างสรรค์ ย้อนเกล็ดเป็น ส.ส.มาปีกว่า แต่กลับมีบ่อนผุดในเขตหลักสี่ เพิ่งจับได้หลังโควิดระบาดระลอกสอง

นายแสนยากรณ์ สิงห์วีรธรรม รองโฆษกพรรคกล้า กล่าวถึงกรณี ส.ส.บางคน ออกมาคัดค้านข้อเสนอของพรรคกล้าให้มีการพนันถูกกฎหมายว่า ต้องรับฟังความเห็นรอบด้าน ฝ่ายที่แสดงความเห็นต่างโดยสุจริตนั้นน่ารับฟัง แต่ก็จะมีพวกที่ค้านเพราะมีเจตนาแอบแฝงหรือไม่ เช่น นักการเมือง คนในเครื่องแบบ ที่มีผลประโยชน์อยู่กับบ่อนเถื่อนในเมืองใหญ่ หรือมีหุ้นกับคาสิโนในประเทศเพื่อนบ้าน

ส่วนกรณีนายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กรุงเทพมหานคร พรรคพลังประชารัฐ ออกมาคัดค้านด้วยการสาปแช่งและท้าให้ข้ามศพไปก่อน รองโฆษกพรรคกล้า มองว่า เป็นการใช้วาทกรรมการเมืองที่รุนแรง ไม่สร้างสรรค์ ผลักคนเห็นต่าง ไม่ได้นำสังคมไปสู่การหาข้อสรุปร่วมกัน จึงรู้สึกเห็นใจพรรคพลังประชารัฐที่มีลูกพรรคแบบนี้ และขอให้ยอมรับความจริงว่า บ่อนเถื่อนคือปัญหาผลประโยชน์คนมีสี เกิดการมั่วสุมแพร่โรคระบาด หากนายสิระเกลียดบ่อนจริง ทำไมเป็น ส.ส.มาปีกว่า แต่บ่อนแจ้งวัฒนะ 14 เขตหลักสี่ เพิ่งโดนจับหลังโควิดระบาดระลอกสอง เมื่อเดือนที่แล้ว

นายแสนยากรณ์ กล่าวย้ำว่า พรรคกล้ามีเจตนาให้การพนันเป็นพิษภัยกับสังคมให้น้อยที่สุด ด้วยการนำเข้ามาอยู่ในการควบคุมของรัฐ ซึ่งนอกจากการจัดการปัญหามั่วสุมแพร่ระบาดโรคติดต่อได้แล้ว ยังป้องกันเงินไหลออกนอกประเทศ เนื่องจากพบว่านักพนันส่วนใหญ่ในบ่อนประเทศเพื่อนบ้านกว่าร้อยละ 90 เป็นคนไทย เงินไหลออกนอกประเทศปีละไม่น้อยกว่า 40,000 ล้านบาทเป็นอย่างต่ำ จึงเชื่อว่าหากอยู่ในการควบคุมของรัฐ จะก่อให้เกิดทั้งการสร้างรายได้ ตัดตอนผู้แสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบ เปลี่ยนส่วยเป็นภาษีพัฒนาประเทศ


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top