Tuesday, 10 June 2025
POLITICS TEAM

ม็อบนี้มีน้ำเลี้ยง!!! ‘นิด้าโพล’ เผยผลสำรวจล่าสุด ชี้ประชาชนส่วนใหญ่กว่า 65% เชื่อ ‘ม็อบสามนิ้ว’ มีแกนนำ และมีผู้อยู่เบื้องหลัง ส่วนพฤติกรรม – กิจกรรมของผู้ชุมนุม ยังมีมุมมองแตกต่าง ทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย

ศูนย์สำรวจความคิดเห็น "นิด้าโพล" สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลสำรวจของประชาชน เรื่อง "กลุ่มราษฎรหรือม็อบสามนิ้ว ณ เวลานี้" ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 8-10 กุมภาพันธ์ 2564 จากประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป กระจายทุกภูมิภาค ระดับการศึกษา และอาชีพทั่วประเทศ รวมทั้งสิ้น จำนวน 1,315 หน่วยตัวอย่าง เกี่ยวกับกลุ่มราษฎรหรือม็อบสามนิ้ว ณ เวลานี้

การสำรวจอาศัยการสุ่มตัวอย่างโดยใช้ความน่าจะเป็นจากบัญชีรายชื่อฐานข้อมูลตัวอย่างหลัก (Master Sample) ของ "นิด้าโพล" สุ่มตัวอย่างด้วยวิธีแบบง่าย (Simple Random Sampling) เก็บข้อมูลด้วยวิธีการสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์โดยกำหนดค่าความเชื่อมั่นที่ร้อยละ 97.0

จากการสำรวจเมื่อถามประชาชนถึงการมีแกนนำกลุ่มราษฎรหรือม็อบสามนิ้ว พบว่า ส่วนใหญ่ ร้อยละ 67.60 ระบุว่า มีแกนนำ ขณะที่ ร้อยละ 32.40 ระบุว่า ไม่มีแกนนำ

ส่วนการมีผู้อยู่เบื้องหลังของกลุ่มราษฎรหรือม็อบสามนิ้ว พบว่า ส่วนใหญ่ ร้อยละ 65.25 ระบุว่า มีผู้อยู่เบื้องหลัง ขณะที่ ร้อยละ 34.75 ระบุว่า ไม่มีผู้อยู่เบื้องหลัง

ด้านความคิดเห็นของประชาชนเกี่ยวกับข่าวความขัดแย้งภายในกลุ่มราษฎรหรือม็อบสามนิ้ว พบว่า ส่วนใหญ่ ร้อยละ 41.22 ระบุว่า เป็นความขัดแย้งระหว่างบุคคล รองลงมา ร้อยละ 25.48 ระบุว่า เป็นความไม่เข้าใจกันชั่วคราว ร้อยละ 16.88 ระบุว่า เป็นความขัดแย้งที่เกิดขึ้นจริง และร้อยละ 16.42 ระบุว่า เป็นกลลวงที่สร้างขึ้นมาเพื่อหลอกฝ่ายตรงข้าม

ท้ายที่สุดเมื่อถามถึงความคิดเห็นของประชาชนเกี่ยวกับพฤติกรรม/กิจกรรมของกลุ่มราษฎรหรือม็อบสามนิ้วที่ผ่านมา พบว่า

ร้อยละ 20.23 ระบุว่า เป็นการต่อสู้ด้วยวิถีทางแบบประชาธิปไตย ขณะที่ ร้อยละ 6.54 ระบุว่า ต่อสู้ด้วยวิถีทางนอกเหนือจากแบบประชาธิปไตยเพื่อให้ได้ชัยชนะ

ร้อยละ 16.20 ระบุว่า เป็นการแสดงออกถึงการเอาแต่ใจไม่เคารพในกฎหมายของบ้านเมือง ขณะที่ ร้อยละ 2.51 ระบุว่า แสดงออกถึงการเคารพในกฎหมายของบ้านเมือง

ร้อยละ 9.89 ระบุว่า เป็นการแสดงออกถึงการละเมิดสิทธิและศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของผู้อื่น ขณะที่ ร้อยละ 8.90 ระบุว่า แสดงออกถึงการเคารพในสิทธิและศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของผู้อื่น

ร้อยละ 9.13 ระบุว่า เป็นการแสดงออกถึงการไม่เคารพและไม่รับฟังความคิดเห็นต่าง ขณะที่ ร้อยละ 8.29 ระบุว่า แสดงออกถึงการเคารพและรับฟังความคิดเห็นต่าง

ร้อยละ 4.26 ระบุว่า เป็นการแสดงออกด้วยการพูดความเท็จและบิดเบือนข้อมูล ขณะที่ ร้อยละ 3.12 ระบุว่า แสดงออกด้วยการพูดข้อเท็จจริงและเหตุผล

ร้อยละ 3.57 ระบุว่า เป็นการแสดงออกถึงการต่อสู้ที่ไม่ยึดหลักสันติวิธี ขณะที่ ร้อยละ 3.12 ระบุว่า แสดงออกถึงการต่อสู้ที่ยึดหลักสันติวิธี

ร้อยละ 3.50 ระบุว่า เป็นการแสดงออกถึงการตอบโต้ฝ่ายตรงข้ามอย่างไร้จิตสำนึกรับผิดชอบ ขณะที่ ร้อยละ 1.52 ระบุว่า แสดงออกถึงการตอบโต้ฝ่ายตรงข้ามอย่างมีจิตสำนึกรับผิดชอบ

ร้อยละ 2.97 ระบุว่า เป็นการแสดงออกถึงการเคารพในความเท่าเทียมกัน ขณะที่ ร้อยละ 0.76 ระบุว่า แสดงออกถึงการแบ่งชนชั้น และร้อยละ 19.32 ระบุว่า เฉย ๆ/ไม่ตอบ/ไม่สนใจ

สายหื่นจบที่คุก 'เนเน่' โมเดลลิ่งชื่อดังโดนรวบ อนาจารเด็ก ไร้ญาติประกัน ก้มหน้านอนเรือนจำ

ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก พนักงานสอบสวนกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ ได้ควบคุมตัว นายดนุเดช แสงแก้ว หรือนุ หรือเนเน่ อายุ 23 ปี โมเดลลิ่งชื่อดัง ผู้ต้องหาคดีกระทำอนาจารเด็ก มายื่นคำร้องฝากขังศาลครั้งแรกเป็นเวลา 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 13-24 ก.พ.นี้ เนื่องจากยังต้องสอบปากคำพยานอีกจำนวนมาก รอผลสอบประวัติอาชญากรผู้ต้องหา รอผลการตรวจพิสูจน์ของกลาง และอื่นๆ

เมื่อวันที่ 11 ก.พ. 64 เจ้าหน้าที่ ดีเอสไอ ได้เข้าจับกุมตัวผู้ต้องหาได้ที่บ้านเลขที่ 37/3561 ซอย 28/4 หมู่ 5 หมู่บ้านพฤกษา 13 ต.คลองสาม อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี ซึ่งใช้เป็นสำนักงานเนเน่โมเดลลิ่ง (Nene Modeling) พร้อมอุปกรณ์ คอมพิวเตอร์ ไฟล์ภาพลามกอนาจารเด็กกว่า 5 แสนภาพ ส่งพนักงานสอบสวนดีเอสไอ แจ้งข้อหาดำเนินคดี ฐานนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใดๆ ที่มีลักษณะอันลามก และข้อมูลคอมพิวเตอร์นั้นประชาชนทั่วไปอาจเข้าถึงได้, กระทำชำเรา และพยายามกระทำชำเราเด็กอายุยังไม่เกิน 13 ปี

ซึ่งมิใช่ภริยาหรือสามีของตน โดยเด็กนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม, กระทำอนาจารแก่เด็กอายุไม่เกิน 13 ปี โดยเด็กนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม และพาเด็กอายุยังไม่เกิน 15 ปี ไปเพื่อการอนาจาร แม้ผู้นั้นจะยินยอมก็ตาม และพรากเด็กอายุยังไม่เกิน 15 ปี ไปเสียจากบิดา มารดา ผู้ปกครอง หรือผู้ดูแล เพื่อการอนาจาร

ท้ายคำร้องพนักงานสอบสวนดีเอสไอ ขอคัดค้านการประกันตัว เนื่องจากคดีมีอัตราโทษสูง มีผู้เสียหายจำนวนมาก เกรงว่า หากผู้ต้องหาได้รับการประกันตัว จะหลบหนี หรือไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐานได้

ศาลพิจารณาคำร้องและสอบถามผู้ต้องหาแล้วไม่คัดค้านจึงอนุญาตให้ฝากขังได้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ไม่มีญาติมายื่นคำร้องขอประกันตัวนายดนุเดชหรือเนเน่ ผู้ต้องหาแต่อย่างใด เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์เตรียมนำตัวไปคุมขังไว้ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพต่อไป
 

เลือกตั้งซ่อมเมืองคอนเดือด เทพไทเตรียมฟ้องพลังประชารัฐ อ้างบิดเบือนทำประชาธิปัตย์เสียคะแนนนิยม

นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ได้ เฟซบุ๊กไลฟ์ จากสภากาแฟศูนย์เรียนรู้ประชาธิปไตย บ้านสำนักขัน อำเภอจุฬาภรณ์ กล่าวถึง การลงพื้นที่หาเสียงเลือกตั้งซ่อมเขต3 จังหวัดนครศรีธรรมราชว่า… 

เมื่อพรรคพลังประชารัฐ ส่งผู้สมัครลงเลือกตั้งซ่อมด้วย ก็ถือว่าเป็นการแข่งขันกันระหว่างพรรคร่วมรัฐบาลด้วยกัน จึงจำเป็นต้องต่อสู้แข่งขันตามวิถีทางประชาธิปไตย และเมื่อพรรคแกนนำของรัฐบาลไม่ได้คำนึงถึงมารยาททางการเมือง ก็เป็นจิตสำนึกของแต่ละพรรค ซึ่งประชาชนจะเป็นผู้พิจารณาและตัดสินได้

ขณะเดียวกันจากการแถลงข่าวของกลุ่ม ส.ส.ภาคใต้ พรรคพลังประชารัฐกลุ่มหนึ่ง เมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ ที่ห้องแถลงข่าวอาคารรัฐสภา โดยมีข้อความตอนหนึ่งระบุว่า “การเลือกตั้งครั้งนี้ เป็นการเลือกตั้งแทน ไม่ใช่การเลือกตั้งซ่อม เพราะ ส.ส.คนเดิมถูกตัดสิทธิ์ เนื่องจากทุจริตการเลือกตั้ง ดังนั้น พรรคประชาธิปัตย์ จึงไม่มีความชอบธรรมที่จะส่งผู้สมัครลงแข่งอีก ถ้าเป็นพรรคพลังประชารัฐ ก็คงไม่ส่งผู้สมัคร อีกทั้ง ในการเลือกตั้งที่ผ่านมา ผู้สมัครพรรคพลังประชารัฐได้คะแนนเป็นที่สอง จึงมีความชอบธรรมที่จะส่งผู้สมัคร เพราะถ้าไม่มีการทุจริตเกิดขึ้นในการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา เราจะได้ที่หนึ่งได้เป็น ส.ส.ไปแล้ว ถึงเวลาแล้วที่เราจะได้ ส.ส.นครศรีธรรมราช 4 ต่อ 4 คนเท่ากับพรรคประชาธิปัตย์ เหมือนโครงการคนละครึ่ง” 

และยังแถลงข่าวต่ออีกตอนหนึ่งระบุว่า “ไม่ใช่การเลือกตั้งซ่อม แต่เป็นการเลือกตั้งแทนตำแหน่งที่ว่าง เนื่องจากถูกศาลติดสินว่าทุจริตเลือกตั้ง ซึ่งเป็นความผิดร้ายแรงมากในทางการเมือง การเลือกตั้งที่ผ่านมาพรรคพลังประชารัฐได้ที่สอง เรายืนยันได้ว่า ถ้าเขาไม่ทุจริตเราก็ได้ที่หนึ่งไปแล้ว และเชื่อว่าจะไม่เป็นรอยร้าวในพรรคร่วมรัฐบาล เพราะไม่ว่าพรรคพลังประชารัฐหรือพรรคประชาธิปัตย์จะได้ คะแนนเสียงพรรคร่วมก็เท่าเดิมเพราะเป็นพรรคร่วมรัฐบาลเหมือนกัน”

ซึ่งข้อความทั้งหมดเป็นข้อความอันเป็นเท็จ บิดเบือนใส่ร้ายพรรคประชาธิปัตย์ ทำให้ประชาธิปัตย์เสียหาย และเป็นการกระทำที่อยู่ในระหว่างมีพระราชกฤษฎีกาเลือกตั้งซ่อมแล้ว มีผลกระทบต่อคะแนนเสียงผู้สมัครและพรรคประชาธิปัตย์โดยตรง เป็นการกระทำผิดตาม พรป.การเลือกตั้ง ส.ส. ตนจะเสนอให้ฝ่ายกฎหมายของพรรคประชาธิปัตย์ พิจารณาแจ้งความดำเนินคดี ต่อศาลอาญา

และยื่นคำร้องต่อคณะกรรมการเลือกตั้ง (กกต.) เพื่อพิจารณาวินิจฉัยการกระทำของ ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ ที่มีว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. และกรรมการบริหารพรรค อยู่ร่วมในการแถลงข่าวด้วย แต่ไม่ได้ห้ามปราม หรือทักท้วง ถือว่าเป็นการรู้เห็นเป็นใจการกระทำดังกล่าวด้วย ซึ่งมีโทษถึงขั้นยุบพรรคได้ และระหว่างการหาเสียงเลือกตั้งซ่อมในครั้งนี้ หากมีการใส่ร้าย บิดเบือน พาดพิงทำให้ตน และผู้สมัครหรือพรรคประชาธิปัตย์ได้รับความเสียหาย ก็จะแจ้งความ ฟ้องร้องดำเนินคดีต่อไป

สาธารณสุขแนะนำ งดมีเพศสัมพันธ์วันวาเลนไทน์ ช่วยตัวเองสกัดโควิด

นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ของทุกปี เป็นวันวาเลนไทน์ หรือวันแห่งความรัก โดยมีการแสดงความรักด้วยวิธีต่างๆ ทั้งการมอบของขวัญแทนใจ เช่น ดอกกุหลาบ ช็อกโกแลต เป็นต้น

นอกจากนี้ อาจมีวัยรุ่นบางส่วนตัดสินใจมีเพศสัมพันธ์กัน ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดการมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ได้ป้องกัน ทำให้เกิดปัญหาท้องไม่พร้อม หรือโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ตามมาได้

ทั้งนี้ สถานการณ์โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ของประเทศไทยในปี 2562 พบว่า อัตราป่วยด้วยโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ 5 โรคสำคัญ มีแนวโน้มสูงขึ้น ได้แก่ หนองใน ซิฟิลิส หนองในเทียม แผลริมอ่อน และกามโรคของต่อม และท่อน้ำเหลือง ซึ่งโรคที่มีอัตราป่วยต่อประชากรแสนคนสูงสุดในทุกกลุ่มอายุ คือ โรคหนองใน 14.8 และโรคซิฟิลิส 13.2 

โดยข้อมูลจากรายงานการเฝ้าระวังโรคของกองระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค ณ วันที่ 31 มีนาคม 2563 พบว่า กลุ่มเยาวชนอายุ 15 - 24 ปี มีอัตราป่วยด้วยโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ 5 โรคสำคัญสูงถึง 124.4 ต่อประชากรแสนคน และหากแยกรายโรคพบว่า 

มีอัตราป่วยด้วยโรคหนองในสูงถึง 69.7 ต่อประชากรแสนคน รองลงมาคือ ซิฟิลิส 41.4 ต่อประชากรแสนคน นอกจากนี้ ผู้ป่วยด้วยโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ มีโอกาสติดเชื้อเอชไอวีได้ง่ายกว่าคนทั่วไป 5 - 9 เท่า และอาจเกิดการตั้งครรภ์โดยไม่ป้องกัน

นพ.โอภาส กล่าวอีกว่า ด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ในวันวาเลนไทน์ปีนี้ กรมควบคุมโรค ขอให้คู่รักเลือกใช้วิธีแสดงความรัก โดยเว้นระยะห่างระหว่างกัน และลดการออกนอกบ้าน เช่น ส่งของขวัญให้กัน บอกรักผ่านวิดีโอคอล เป็นต้น 

หากจำเป็นต้องออกนอกบ้าน ขอให้ใช้มาตรการป้องกันโรคโควิด-19 อย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะกลุ่มวัยรุ่น ขอให้ใช้มาตรการดังกล่าวควบคู่กับการป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ และการติดเชื้อเอชไอวี 

โดยตระหนักถึงการป้องกันตนเอง และคู่ให้ปลอดภัย และใช้ถุงยางอนามัยให้เป็นเรื่องปกติในการดูแลสุขภาวะทางเพศ รวมถึงการมีความรับผิดชอบต่อคู่ และสังคม ตามแนวคิด ‘New Normal New Safe SEX: ชีวิตวิถีใหม่กับเพศสัมพันธ์ที่ปลอดภัย’ ดังนี้

1.) Safe SEX is No SEX วิธีการมีเพศสัมพันธ์ที่ปลอดภัยที่สุด คือ การไม่มีเพศสัมพันธ์ หรือเลือกใช้วิธีการสำเร็จความใคร่ด้วยตนเองในที่ส่วนตัว และลดการสัมผัสระหว่างกัน เพื่อปลอดภัยจากโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ และโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019

2.) One Love รักเดียวใจเดียว และมีเพศสัมพันธ์กับคู่รักที่อยู่ร่วมกันโดยใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์กับทุกช่องทาง และหลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์กับคนที่เพิ่งรู้จัก หรือคนที่ไม่รู้สถานะการติดเชื้อ

3.) Testing Together หากมีอาการของโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อขอรับการตรวจทันที ไม่ควรซื้อยากินเอง พร้อมทั้งชวนคู่ไปตรวจ และงดการมีเพศสัมพันธ์ในระหว่างการดูแลรักษา

4.) Start Condom Safe your SEX พกอุปกรณ์ป้องกันให้พร้อมตลอดเวลา เช่น ถุงยางอนามัย 

5.) New Normal New Safe SEX ชีวิตวิถีใหม่ โดยการใช้หน้ากากอนามัย หรือหน้ากากผ้า เพื่อป้องกันการรับเชื้อโควิด-19 จากการใช้ชีวิตประจำวัน และใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์ รวมถึงการทำความสะอาดร่างกายก่อน และหลังมีกิจกรรมร่วมกัน เพื่อเข้าสู่ยุคชีวิตวิถีใหม่กับเพศสัมพันธ์ที่ปลอดภัย

นพ.โอภาสกล่าวเพิ่มเติมว่าในช่วงเทศกาลวันวาเลนไทน์นี้ กองโรคเอดส์ และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ กรมควบคุมโรค ได้จัดบริการตรวจคัดกรองโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ฟรี ตลอดเดือนกุมภาพันธ์ 2564 โดยสามารถเข้ารับการตรวจได้ที่อาคารบางรัก เขตสาทร กรุงเทพมหานคร สอบถามรายละเอียด โทร. 08 1875 9904


ที่มา: https://www.posttoday.com/social/general/645220

งบพุ่งกระฉูด 5.4 ล้านล้าน หน่วยงานรัฐชงคำของบปี 65 ไม่จำเป็นเบรกได้เบรก

นายเดชาภิวัฒน์ ณ สงขลา ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ เปิดเผยว่า ขณะนี้สำนักงบประมาณ กำลังพิจารณารายละเอียดคำของบประมาณประจำปี 65 หลังจากทุกหน่วยงานได้เสนอคำขอเข้ามายังสำนักงบประมาณตั้งแต่วันที่ 15 ม.ค.ที่ผ่านมา โดยมีวงเงินรวมกว่า 5.4 ล้านล้านบาท มากกว่ากรอบวงเงินงบประมาณที่ตั้งไว้ 3.1 ล้านล้านบาท โดยขั้นตอนจากนี้สำนักงบประมาณจะพิจารณาและตัดวงเงินให้เหลืออยู่ในกรอบ 3.1 ล้านล้านบาท เพื่อเสนอให้ที่ประชุมครม.ในวันที่ 9 มี.ค.นี้ เห็นชอบต่อไป 

สำหรับขั้นตอนการพิจารณางบประมาณปี 65 นั้น ล่าสุดยังเป็นไปตามกรอบเวลาตามปฏิทินงบประมาณ โดยหลังจากเสนอครม.วันที่ 9 มี.ค.แล้ว สำนักงบประมาณจะไปปรับปรุงรายละเอียดงบประมาณอีกครั้งตามข้อสั่งการของครม. จากนั้นจึงไปรับฟังความคิดเห็นของผู้มีส่วนได้เสีย ก่อนสรุปข้อมูลและจัดทำเป็นร่าง พ.ร.บ. งบประมาณ เสนอที่ประชุมครม.เห็นชอบ จากนั้นจึงจัดพิมพ์ร่าง พ.ร.บ. งบประมาณ และเอกสารประกอบเสนอครม.อีกครั้ง จากนั้นจึงเข้าสู่ขั้นตอนของรัฐสภาในเดือน พ.ค.64

นายเดชาภิวัฒน์ กล่าวว่า "การจัดทำงบประมาณปี 65 ครั้งนี้ ถือว่ามีความสำคัญ เพราะจากนี้ไปจะต้องไปดูในเรื่องของงบประมาณรายจ่ายประจำ ซึ่งจำเป็นต้องปรับลดลงประมาณ 1.5 แสนล้านบาท เพราะกรอบวงเงินงบประมาณปีนี้ลดลงจากปีก่อนถึง 1.8 แสนล้านบาท โดยต้องไปดูเรื่องของค่าใช้จ่ายของทุกหน่วยงานว่าจะปรับลดลงได้มากเท่าใด เช่น การขอเพิ่มอัตรา หรือเพิ่มเบี้ยประเภทต่างๆ  อาจต้องชะลอออกไป แต่ยืนยันว่า ในเรื่องของสวัสดิการที่ประชาชนเคยได้รับทั้ง เบี้ยยังชีพ คนชรา ผู้พิการ เด็กแรกเกิด หรือเบี้ยที่ต้องจ่ายประจำ ยังคงให้เท่าเดิมอยู่ ส่วนเรื่องการดูแลผลกระทบจากไวรัสโควิด-19 ก็ได้เตรียมงบกลางไว้รองรับแล้ว"
 

บิ๊กตู่ให้กำลังใจทีมแพทย์ สาธารณสุข เชื่อมือฝ่ายความมั่นคง มั่นใจคุมโควิด-19 ได้

นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตีเผย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม รับทราบความคืบหน้าการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด19 ด้านการแพทย์ สาธารณสุข ดูแลคนไทยเดินทางกลับจากต่างประเทศ รวมถึงยับยั้งการกระทำผิดกฎหมาย และเตรียมพร้อมวัคซีนเพื่อคนไทย โดย ศบค.รายงานว่าสถานที่ควบคุมโรคแห่งรัฐ (State Quarantine) ทั้งหมด 579 แห่ง แบ่งเป็น State Quarantine (SQ) 152 แห่ง ยังคงมีห้องรับได้ 14,119 ห้อง และ Local Quarantine (LQ) จำนวน 427 แห่ง พร้อมใช้งาน 195 แห่ง เตรียมพร้อม 232 แห่ง สามารถรองรับ 10,257 คน  

โรงพยาบาลสนามจัดตั้งแล้วใน 6 จังหวัด ได้แก่ จ.ปทุมธานี จ.อ่างทอง จ.สมุทรสาคร จ.จันทบุรี จ.ชลบุรี และ จ.ระยอง ปัจจุบันเปิดให้บริการ 3,092 เตียง Factory Quarantine (FQ) ในจ.สมุทรสาคร 2,389 เตียง  และช่วยคนไทยในต่างประเทศกลับประเทศไทยแล้ว ในช่วง 4  เม.ย.2563 - 8  ก.พ. 2564 จำนวน  167,617 คน จากเที่ยวบินและจากด่านชายแดนทั้งทางบกและทางน้ำ

สำหรับการยับยั้งการแพร่ระบาดภายในประเทศ ตั้งจุดตรวจควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 โดยเหล่าทัพและตำรวจทั่วประเทศ 1,522 จุด รวมทั้งจัดชุดสายตรวจคัดกรองบุคคลเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 อย่างต่อเนื่อง ส่วนการดำเนินการป้องกันและสกัดกั้นผู้หลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย กระทรวงมหาดไทย ตั้งจุดตรวจและจุดสกัด จำนวน 127 จุด ตรวจคัดกรองบุคคล จำนวน 9,882 คน 

ด้านความคืบหน้าการพัฒนาวัคซีนป้องกันโรคโควิด–19 คณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ มีแผนการกระจายวัคซีน 63 ล้านโดส โดย 2 ล้านโดส ให้กลุ่มเป้าหมายในพื้นที่จังหวัดควบคุมสูงสุดและเข้มงวด และอีก 61 ล้านโดสจะกระจายไปยังจังหวัดที่พบผู้ป่วย และวางแผนฉีดวัคซีน 10 ล้านโดสต่อเดือน มีโรงพยาบาลรัฐและเอกชนให้บริการกว่า 1,000 แห่ง และอยู่ระหว่างการพิจารณาขยายไปให้บริการ รพ.สต ซึ่งคาดว่าจะสามารถเริ่มใช้วัคซีนได้ภายในเดือน ก.พ. 2564

“นายกรัฐมนตรี มอบกำลังใจแก่ผู้ปฎิบัติหน้าที่ทุกหน่วยงาน พร้อมย้ำว่าเมื่อทราบปัญหาแล้วต้องเร่งดำเนินการแก้ไขโดยเร็ว และพร้อมเข้าร่วมแก้ปัญหาของทุกหน่วยงาน ด้วยความมั่นใจว่าโควิด-19 สามารถควบคุมได้ เพราะคนไทยร่วมมือกันด้วยดีตามแนวทาง "รวมไทย สร้างชาติ ฝ่าวิกฤตโควิด-19" " นายอนุชา กล่าว

เพนกวินติดคุกโพสต์ไม่ได้ แอดมินเพจเพนกวินโพสต์ปั่นแทน เรือนจำแจงไม่มีอภิสิทธิเหนือใคร

'ราชทัณฑ์' ระบุ ข้อความบนเฟซบุ๊ก 'เพนกวิน' เป็นการโพสต์โดยบุคคลอื่น ‘เหตุ’ ผู้ต้องขังห้ามใช้เครื่องมือสื่อสารทุกชนิด

นายอายุตม์ สินธพพันธุ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ชี้แจง กรณีการโพสต์ข้อความผ่านเพจเฟซบุ๊กของนายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือเพนกวิน แกนนำคณะราษฎร ซึ่งถูกคุมขังที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร จนเกิดข้อสงสัยว่าเหตุใดจึงสามารถโพสต์ข้อความผ่านสื่อโซเชียลได้แม้กระทั่งถูกคุมขังอยู่ และเป็นการได้รับสิทธิพิเศษเหนือนักโทษคนอื่นหรือไม่นั้น

กรมราชทัณฑ์ ขอเรียนว่า ภาพกระดาษพร้อมลายมือของนายพริษฐ์ฯ ที่กำลังเป็นที่สนใจอยู่ในขณะนี้นั้น เป็นข้อความที่นายพริษฐ์ ได้เขียนขึ้น ณ ห้องเวรชี้สองสถานของศาลอาญา และส่งต่อให้แก่ทนายความของตนเอง ภายหลังจากที่ศาลอาญามีคำสั่งยกคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราว เมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2564 เวลาประมาณ 17.55 น. ก่อนที่จะถูกนำตัวกลับมาคุมขังที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร 

ดังนั้น การที่ภาพดังกล่าวไปปรากฏอยู่บนเพจเฟซบุ๊กของนายพริษฐ์ เมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2564 เวลา 00.05 น. เป็นการดำเนินการโดยผู้ดูแลหรือแอดมินแฟนเพจ ซึ่งมีได้หลายคน ไม่ใช่การโพสต์โดยตัวนายพริษฐ์ฯ เอง เนื่องจากโทรศัพท์หรือเครื่องมือสื่อสารอื่นๆ เป็นสิ่งของต้องห้าม ตามมาตรา 72 แห่งพระราชบัญญัติราชทัณฑ์ พ.ศ. 2560 จึงเป็นไปไม่ได้ที่นายพริษฐ์ จะมีโทรศัพท์มือถืออยู่ในความครอบครอง ขณะถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำ

นายอายุตม์ฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า ขอให้สังคมและประชาชนทุกฝ่ายเชื่อมั่นต่อการปฏิบัติงานของกรมราชทัณฑ์ในการปฏิบัติต่อผู้ต้องขังทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน และเป็นมาตรฐานตามหลักสิทธิมนุษยชน โดยเฉพาะข้อกำหนดแมนเดลา (Mandela Rules) ซึ่งเป็นข้อกำหนดขั้นต่ำขององค์การสหประชาชาติในการปฏิบัติต่อผู้ต้องขัง และพระราชบัญญัติราชทัณฑ์ พ.ศ.2560 รวมถึงกฎ ระเบียบ และวินัยต่างๆ ที่ข้าราชการกรมราชทัณฑ์ทุกคนพึงปฏิบัติและได้ยึดถือปฏิบัติอย่างเคร่งครัดมาโดยตลอด 


ที่มา: https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/922368

ชาวลาวเดือด ! ม็อบสามนิ้วพ่นสเปรย์เหยียดเชื้อชาติใส่รถตำรวจ

บนโลกโซเชียลมีเดีย ประชาชนชาวลาวไม่พอใจอย่างมากกับกลุ่มม็อบที่เรียกตัวเองว่า คณะราษฎร 2563 ในไทย หลังไปพ่นสีสเปรย์เหยียดเชื้อชาติใส่รถตำรวจ สน.ปทุมวัน

จากกรณีที่ผู้ชุมนุมกลุ่มที่เรียกตัวเองว่า คณะราษฎร 2563 นำโดย น.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล หรือ 'รุ้ง'​ นำผู้ชุมนุมกดดันให้เจ้าหน้าที่ตำรวจปล่อยเพื่อนของตัวเองที่ถูกจับกุม เพราะทำผิดกฎหมาย แต่มีผู้ชุมนุมพ่นข้อความใส่รถตำรวจ สน.ปทุมวัน เสียหาย 8 คัน เมื่อวันที่ 10 ก.พ. 

โดยหนึ่งในนั้นพ่นข้อความว่า “พ่อมึงลาว” ทำให้ นายประวิตร โรจนพฤกษ์ ผู้สื่อข่าวอาวุโสเว็บไซต์ข่าวสดอิงลิช แสดงความไม่เห็นด้วย เพราะเป็นการเหยียดหรือดูถูกทางชาติพันธุ์ ตามที่นำเสนอข่าวไปแล้วนั้น

ผู้ใช้เฟซบุ๊กชาวลาวรายหนึ่งได้โพสต์ภาพรถตำรวจ สน.ปทุมวัน ถูกพ่นสี พร้อมวงคำว่า “พ่อมึงลาว” และข้อความบรรยายแปลเป็นภาษาไทย ระบุว่า “พ่อมึงลาว เป็นคำศัพท์ที่ผู้ประท้วงในไทยใช้ด่าตำรวจ แต่อีกมุมหนึ่งคือการเหยียดเชื้อชาติ เป็นคำศัพท์ดูถูก” 

ทำเอาประชาชนชาวลาวแสดงความไม่พอใจจำนวนมาก ทำนองว่า ประท้วงกลุ่มคนที่กล่าวหาว่าไม่ดี แต่คำพูดและการกระทำมีแต่ท่าทีแข็งกระด้างและรุนแรง บางคนกล่าวว่าแม้แต่คนลาว (ไทยอีสาน) ก็ยังเหยียด


ที่มา: https://mgronline.com/onlinesection/detail/9640000014245
 

นักศึกษา วิทยาลัยการอาชีพ บางสะพาน ไอเดียบรรเจิด ประดิษฐ์อุปกรณ์ทุ่นแรงเจาะมะพร้าวอ่อน ใช้งานง่ายไม่เกิน 3 วินาที ได้ดื่ม

นายจิตวัฒนา บุญเลิศ หัวหน้าแผนกวิชาช่างกลโรงงาน วิทยาลัยการอาชีพบางสะพาน อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ เปิดเผยว่า หลังจากมีกระแสในโซเชียลมีเดียกรณีการดื่มน้ำมะพร้าวอ่อนโดยมีความเชื่อว่าจะช่วยบำรุงร่างกาย ทำให้มีแนวคิดในการผลิตอุปกรณ์เจาะผลมะพร้าวอ่อนเพิ่ม

ซึ่งที่ผ่านมาครูและนักศึกษาในแผนกร่วมกันผลิตเพื่อส่งเข้าประกวดเพียง 5 ชิ้น หลังทดสอบพบว่าเจาะน้ำมะพร้าวใช้เวลาไม่เกิน 3 วินาที เพื่อใส่หลอดพลาสติคดูดน้ำมะพร้าวได้ทั้งผล สำหรับผลงานดังกล่าวเป็นสิ่งประดิษฐ์ด้านพัฒนาคุณภาพชีวิต ขณะนี้ ได้วิทยาลัยฯได้จดอนุสิทธิบัตรกับกรมทรัพย์สินทางปัญญาไว้แล้ว

"อุปกรณ์ต้นแบบที่นักศึกษาผลิตเป็นงานแฮนด์เมด แต่สามารถนำไปผลิตในภาคอุตสาหกรรมได้ เนื่องจากเจาะมะพร้าวอ่อนได้รวดเร็ว 3 วิธี โดยใช้คู่กับสว่านไฟฟ้าแบบมือถือ ใช้มือหมุนกด หรือใช้มือกระแทก เมื่อเจาะแล้วสามารถเก็บเศษชิ้นส่วนจากเปลือกมะพร้าวไว้ได้ การใช้งานมีความรวดเร็ว สะดวก ปลอดภัย พกพาสะดวก ช่วยในการผ่อนแรง ลดค่าใช้จ่ายจากการผ่ามะพร้าวแบบเดิม สามารถนำไปประกอบอาชีพได้อย่างมีประสิทธิภาพ" นายจิตวัฒนา กล่าว

นายจิตวัฒนา กล่าวอีกว่า "เดิมวิธีการดื่มน้ำมะพร้าวอ่อนที่ใช้ในปัจจุบัน ต้องอาศัยมีดในการผ่าส่วนบนของผลมะพร้าว ผู้ผ่าต้องมีความชำนาญในการใช้มีดขนาดใหญ่ บุคคลทั่วไปที่ไม่มีประสบการณ์หรือทักษะไม่สามารถใช้มีดในการผ่าได้เพียงลำพัง หรือทำได้แต่มีความลำบากและไม่ปลอดภัย สำหรับพ่อค้าที่จำหน่ายมะพร้าวอ่อนสำหรับบริโภคน้ำ ต้องผ่ามะพร้าวจำนวนมากทำให้มีความเมื่อยล้าและ ความล่าช้าเป็นปัญหาในการประกอบอาชีพประกอบกับวิธีการผ่ามะพร้าวอ่อนด้วยวิธีที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน อาจก่อให้เกิดอันตรายจากคมมีด รวมทั้งขยะจากเปลือกมะพร้าว"


ภาพ /ข่าว : นิพล ทองเก่า


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top