Sunday, 5 May 2024
ไทยซัมมิท

‘ไทยซัมมิท’ ทุ่ม 5 พันล้าน พัฒนาฐานผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ รองรับ EV จีน หวังกวาดรายได้ทั้งใน-นอกประเทศ 9 หมื่นล้าน

กลุ่มไทยซัมมิทเดินหน้าลงทุนอีก 5,000 ล้าน พัฒนาฐานผลิตทั้งในและต่างประเทศ ระบุหลังโควิดยอดขายสูงกำไรลดลง เผย ได้งานค่ายบิ๊กทรีในอเมริกา ส่วนในไทยเดินหน้าปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต รับค่ายรถจีนอีกอย่างน้อย 5 แบรนด์ ลั่น ปีนี้โกยรายได้ไม่น้อยกว่า 9 หมื่นล้าน

(24 พ.ค. 66) นางสาวชนาพรรณ จึงรุ่งเรืองกิจ รองประธานอาวุโส กลุ่มบริษัทไทยซัมมิท ผู้ผลิตชิ้นส่วนรายใหญ่ เปิดเผยถึงแผนการดำเนินธุรกิจในปีนี้ว่า กลุ่มไทยซัมมิทเตรียมงบประมาณสำหรับการลงทุนไว้ 5,000 ล้านบาทเป็นอย่างน้อย โดยหลัก ๆ เน้นการลงทุนตามอุตสาหกรรม โดยแบ่งเป็นการลงทุนสำหรับธุรกิจในประเทศไทย ที่จะเน้นการลงทุนแม่พิมพ์สำหรับรองรับโมเดลใหม่ ๆ รวมทั้งการปรับปรุงเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิต และการลงทุนในต่างประเทศ ทั้งอเมริกาใต้, สหรัฐอเมริกา, อินเดีย รวมไปถึงฐานการผลิตในภูมิภาคอาเซียนทั้งเวียดนามและอินโดนีเซีย

“เรียกว่าการลงทุนของไทยซัมมิทในปีนี้ หลัก ๆ จะเป็นการลงทุนสำหรับฐานการผลิตในต่างประเทศเป็นหลัก โดยเฉพาะในอเมริกา ซึ่งลูกค้าหลักในกลุ่ม Big 3 เริ่มขยับมาลงทุนในส่วนของรถยนต์ไฟฟ้ามากขึ้น ส่วนในไทยเองเราก็กำลังเตรียมงานเพื่อรองรับลูกค้าในส่วนนี้ล่วงหน้า อย่างน้อย 3-4 ปี ล่วงหน้า ซึ่งต้องรอให้บรรดาค่ายรถยนต์ออกมาประกาศความชัดเจน แต่วันนี้ไทยซัมมิทเตรียมงานในส่วนนี้และยุ่งกับตรงนี้อยู่” นางสาวชนาพรรณ กล่าว

นอกจากนี้ นางสาวชนาพรรณยังเปิดเผยถึงโอกาสของกลุ่มไทยซัมมิท หลังจากมีรถ EV เข้ามาบุกตลาดในไทยอย่างต่อเนื่อง และเร็ว ๆ นี้จะมีค่ายรถแบรนด์จีนอีก 4-5 แบรนด์ พร้อมที่จะขึ้นไลน์ผลิตในประเทศไทย ซึ่งไทยซัมมิทได้มีโอกาสซัพพลายชิ้นส่วน ทั้งแบรนด์ที่ไฟนอลแล้วและแบรนด์ที่กำลังเตรียมเข้ามาทำตลาด ไทยซัมมิทอยู่ระหว่างการนำเสนอราคา

นอกจากนี้ อาจจะมีการลงทุนเพื่อตั้งบริษัทใหม่ขึ้นมา แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ หลังจากก่อนหน้านี้การบริหารจัดการภายในประเทศได้มีการปรับเปลี่ยน และโรงงานบางส่วนเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต

“ตอนนี้บางรายให้เราเข้าไปเสนอราคาและนำเข้าไปที่จีน พวกที่ยังไม่จบคือยังอยู่ระหว่างทำราคากันอยู่ ส่วนกลุ่มที่จบแล้วกำลังดูว่าแต่ละโมเดลเราได้อะไรมากน้อยแค่ไหน ก็คละ ๆ กันไป ผลประกอบการตอนนี้ยอดขายสูงจริง แต่กำไรกลับลดลง” สำหรับในแง่ของเป้าหมายการดำเนินธุรกิจในปีนี้ คาดว่าจะมีรายได้รวมไม่น้อยกว่า 90,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นรายได้จากการดำเนินธุรกิจทั้งในประเทศและต่างประเทศ

ส่วนนโยบายหลัก ๆ ในการขับเคลื่อนธุรกิจนั้น คือเน้นเติบโตไปในทิศทางเดียวกับอุตสาหกรรม โดยในส่วนของความสามารถในการทำกำไรหลังสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 นั้น ทำให้ภาคธุรกิจมีการปรับเปลี่ยน แม้ว่าจะมียอดขายที่เพิ่มขึ้น แต่ในส่วนของกำไรนั้นกลับลดลง ต้นทุนในการผลิตโดยรวมเพิ่มขึ้น ทำให้ผู้ประกอบการต่างต้องพยายามในการควบคุมบริหารจัดการต้นทุนการผลิตให้ได้ประสิทธิภาพ

“ปีนี้เราเองก็ยังไปไม่ถึงตัวเลขที่ตั้งใจไว้ คือแสนล้าน เพราะปัจจัยทุกอย่างเปลี่ยน แต่ถ้าธุรกิจของคนไทยสามารถก้าวขึ้นไปในระดับนั้นได้จริงจะถือเป็นความภูมิใจและไทยซัมมิทเองอยากจะไปให้ถึงตรงนั้นให้ได้” นางสาวชนาพรรณ กล่าว
.
รวมถึงการเดินหน้าพัฒนาบุคลากรอย่างต่อเนื่อง เพราะอนาคตอันใกล้ผู้ผลิตรถยนต์แบรนด์ต่าง ๆ โดยเฉพาะแบรนด์จีนที่รัฐบาลไปชักชวนมาลงทุนในประเทศไทยน่าจะเริ่มเดินเครื่องได้ อนาคตเชื่อว่าน่าจะเกิดปัญหาขาดแคลนบุคลากรและอาจจะมีการแย่งงานกัน เพราะอย่างน้อยจะมี 5 โรงงานที่จะเกิดขึ้นใหม่ ถ้าจะประเมินคราว ๆ 1 โรงงานใช้พนักงาน 1,000 คน และกลุ่มผู้ผลิตรายเดิมก็ต้องมีการปรับปรุงขยายไลน์ผลิตเพิ่มเติม

ตรงนี้คือสิ่งที่ผู้ประกอบการให้ความสำคัญ เนื่องจากทุกคนต่างต้องการพนักงานที่มีความพร้อมในการทำงานได้ทันที และยังไม่นับรวมอุตสาหกรรมที่ใกล้เคียง หรือมีความใกล้ชิดจะถูกดึงตัวไป ไทยซัมมิท มองว่าตรงนี้อาจจะกลายเป็นปัญหากระทบกันทั้งซัพพลายเชน ถ้าไม่เร่งหาทางออก

‘พี่สาวธนาธร’ เปิดใจ ‘น้องชาย’ ทิ้งไทยซัมมิท ทุ่มการเมือง สถานภาพปัจจุบันเหลือแค่ผู้ถือหุ้นและสมาชิกครอบครัว

ไม่นานมานี้ ช่อง TikTok ‘Khunkoii.Tiva’ ได้โพสต์คลิปที่ ‘นางชนาพรรณ จึงรุ่งเรืองกิจ’ พี่สาวนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ไว้ว่า…

การที่คุณธนาธรเขาตั้งพรรคการเมืองนั้น ต้องขอบอกก่อนว่าไม่มีใครในครอบครัวรู้นะคะ เรียกว่าเป็นความคิดแบบ ‘ปัจเจกบุคคล’ โดยเฉพาะ ซึ่งเรื่องนี้ไม่เคยเล่าออกสื่อมาก่อนเลยนะคะ ก็คือว่า ตอนนั้นที่ข่าวการตั้งพรรคของคุณธนาธรออกข่าวครั้งแรกทาง BBC ไทย น้องสาวเป็นคนโทรศัพท์มาบอก เพราะปกติเขาจะสนิทกัน น้องสาวเขาโทรมาบอกว่า “แจ้ เอกเขาไปทําอะไร?” เราก็เลยถามกลับไปว่า “เขาทําอะไรคืออะไร?” น้องก็บอกว่า “ที่เขาไปตั้งพรรคการเมือง” ตอนนั้นเราก็ทํางานอยู่ ยังไม่รู้เรื่อง ยังไม่ได้ดูอะไรเลย หลังจากนั้นมีคนส่งคลิปมาให้ดู

ตอนนั้นคุณแม่กำลังเที่ยวอยู่ที่ประเทศญี่ปุ่น คุณแม่ท่านก็ร้อนใจมาก จึงรีบกลับมา แล้วก็มีการประชุมครอบครัวกันในเรื่องนี้ เพราะแกไม่ได้บอกใครก่อนเลยนะคะ จําได้ว่าประชุมตั้งแต่ 9 โมงกว่า ก็มีการทะเลาะกันกับคุณแม่ เพราะท่านไม่อยากให้ทำ

มีคําถามนึงของคุณแม่ที่ถามคุณเอกว่า “ไทยซัมมิทกับประเทศชาติ เธอจะเลือกอะไร?” คุณเอกตอบว่า “เลือกประเทศชาติ” คุณแม่ถามกลับว่า “แล้วประเทศชาติไปเกี่ยวอะไรกับเธอ? ทําไมถึงไม่เลือกธุรกิจของบ้านเรา” คุณเอกแกไม่เลือกธรุกิจของบ้าน

คุณแม่เลยยื่นคำขาดไปว่า “ถ้าเธอจะไป เธอต้องไปเลย และห้ามกลับมายุ่งกับธุรกิจที่บ้านอีก เพราะฉะนั้น เธอต้องลาออกจากการเป็นกรรมการของทุกบริษัทให้หมด จะไม่ได้หลุดเข้ามาในธุรกิจของที่บ้านอัก และถ้าเธอออกไปทําการเมืองแล้วไม่สําเร็จ เธอจะกลับเข้ามาไม่ได้ทำธุรกิจของที่บ้านอีกแล้ว”

คือก็คล้ายๆ กับลองใจ คงน่าจะเหมือนกับบีบบังคับกลายๆ เพราะท่านไม่อยากให้ลูกชายไปทำการเมืองด้วยแหละ แต่สุดท้ายคุณเอกแกก็เลือกที่จะไป คือแกก็ลาออกจากคณะกรรมการทุกอย่างเลย แกจะมีฐานะเป็นแค่ผู้ถือหุ้น ซึ่งถ้ากลับมาหาครอบครัว คุณธนาธรก็จะยังเป็น ‘สมาชิกครอบครัว’ แต่ไม่ได้ทํางานในครอบครัว เพราะฉะนั้น รายได้ เงินเดือน อะไรก็ตามทุกอย่าง คุณธนาธรก็จะไม่มีเลย”

'อดีตทูตนริศโรจน์' แฉ!! ถูก FB สั่งลบความเห็นเพราะผิดกฎ แค่พิมพ์ "ควรไปสมัครที่ไทยซัมมิทนะ อาจได้งาน"

(22 มี.ค.67) นายนริศโรจน์ เฟื่องระบิล อดีตเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงบัวโนสไอเรส ประเทศอาร์เจนตินา โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊ก 'Fuangrabil Narisroj' ว่า...

ในเพจนึงเขียนเล่าเรื่องราวเด็กรุ่นใหม่ที่มั่นใจตัวเองสูงไปสมัครงานที่บริษัทหนึ่ง 

ผมก็แค่ไปเมนต์ว่า “ควรไปสมัครที่ไทยซัมมิทนะ อาจได้งาน” 

แค่นั้นแหละ FB สวนปราดมาทันทีว่าต้องลบความเห็นผมเพราะผิดกฎ ! 

ตอนนี้เพื่อนๆ เข้าใจหรือยังว่าอะไรเป็นอะไร เขียนแตะฝ่าย 'ธรรมะ' ไม่ได้เลย ! แต่ถ้าเพจ รอยัลลิสต์ เขียนด่าสถาบัน ด้อยค่าประเทศแค่ไหน ก็ไม่เคยโดน!


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top