Saturday, 29 June 2024
แรงงานไทยในอิสราเอล

ก.แรงงาน ต้อนรับ กมธ.แรงงาน สภาผู้แทนราษฎร หารือช่วยเหลือแรงงานไทยในอิสราเอล

วันที่ 10 ตุลาคม 2566 นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน มอบหมายให้นายสิรภพ ดวงสอดศรี ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงแรงงาน เป็นประธานการประชุมร่วมกับ นายสฤษฏ์พงษ์ เกี่ยวข้อง ประธานคณะกรรมาธิการการแรงงาน สภาผู้แทนราษฎร และคณะ ในโอกาสศึกษาดูงานและรับฟังบรรยายสรุปการดำเนินงานของกระทรวงแรงงาน นโยบายของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน และแผนการดำเนินงานตามนโยบายร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยมี นายไพโรจน์ โชติกเสถียร ปลัดกระทรวงแรงงาน พร้อมด้วย ผู้บริหารระดับสูงกระทรวงแรงงาน เข้าร่วม ณ ห้องประชุม ศ.นิคม จันทรวิทุร ชั้น 5 อาคารกระทรวงแรงงาน

นายสิรภพ กล่าวว่า กระทรวงแรงงานขอขอบคุณคณะกรรมาธิการการแรงงาน สภาผู้แทนราษฎร 
ในวันนี้ที่ได้มีโอกาสมาศึกษาดูงานและรับฟังบรรยายสรุปการดำเนินงานของกระทรวงแรงงาน ตลอดจนนโยบายของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน และแผนการดำเนินงานตามนโยบายร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งการดำเนินการของคณะกรรมาธิการการแรงงาน ถือได้ว่า เป็นการปฏิบัติงานที่เคียงคู่กับกระทรวงแรงงาน มีการเชิญผู้แทนจากกระทรวงแรงงาน ไปนำเสนอข้อมูลด้านต่าง ๆ อย่างครอบคลุมทุกมิติในการดูแลและพัฒนาแรงงาน อย่างสม่ำเสมอและต่อเนื่อง ตลอดจนแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างกัน ส่งผลให้กระทรวงแรงงานประสบความสำเร็จในด้านความช่วยเหลือให้พี่น้องผู้ใช้แรงงานได้รับประโยชน์สูงสุด

ด้าน นายไพโรจน์ โชติกเสถียร ปลัดกระทรวงแรงงาน กล่าวภายหลังจากการประชุมถึงความคืบหน้าสถานการณ์ของแรงงานไทยที่ได้รับผลกระทบจากความไม่สงบในอิสราเอลว่า ขณะนี้ยังได้รับรายงานจากทูตแรงงานที่กรุงเทลอาวีฟว่ามีผู้บาดเจ็บอยู่ที่ 9 ราย และมีแรงงานที่ถูกจับเป็นตัวประกัน 11 ราย 
มีแรงงานแจ้งความประสงค์กลับไทยผ่านช่องทางของสถานทูตเพิ่มเป็น 2,990 คน จากการที่คณะกรรมาธิการการแรงงาน ได้มาศึกษาดูงานที่กระทรวงแรงงานในวันนี้ ทั้งสองฝ่ายได้พูดคุยหารือถึงแนวทางการให้ความช่วยเหลือแรงงานไทยที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ความไม่สงบในอิสราเอล ซึ่งเป็นสิ่งที่พี่น้องประชาชนให้ความสนใจในขณะนี้ ในส่วนของกระทรวงแรงงานท่านรัฐมนตรีพิพัฒน์ได้สั่งการทูตแรงงาน ณ กรุงเทลอาวีฟ เร่งให้ความคุ้มครอง ดูแล และช่วยเหลือพี่น้องแรงงานไทยที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ครั้งนี้อย่างเต็มที่และรวดเร็วที่สุด รวมทั้งให้ประสานกระทรวงการต่างประเทศในการนำแรงงานไทยกลับบ้านอย่างปลอดภัย ซึ่งแรงงานชุดแรกจำนวน 15 คน จะเดินทางถึงไทยในวันที่ 12 ตุลาคมนี้ กระทรวงแรงงานได้เตรียมเจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวกเพื่อให้แรงงานได้สิทธิประโยชน์จากกองทุนเพื่อช่วยเหลือคนหางานไปทำงานในต่างประเทศ รวมทั้งสิทธิประโยชน์อื่นๆ ที่แรงงานพึงได้รับตามกฎหมาย

ทั้งนี้ ปลัดกระทรวงแรงงาน ยังได้นำคณะกรรมาธิการการแรงงานตรวจเยี่ยมการ
ให้บริการของสายด่วนกรมการจัดหางาน 1694 ตลอด 24 ชั่วโมง และ “ศูนย์ช่วยเหลือแรงงงานและติดตามสถานการณ์สู้รบในอิสราเอล กระทรวงแรงงาน” ซึ่งตั้งอยู่บริเวณชั้น 11 และชั้นล่างอาคารกระทรวงแรงงาน เพื่อรับข้อมูลและประสานข้อมูลไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอีกด้วย

‘แรงงานไทยในอิสราเอล’ ชุดแรก 15 คน ถึงไทยแล้ว ‘กต.’ ยืนยัน!! จนท.พร้อมเร่งช่วยคนที่เหลือให้ปลอดภัย

(12 ต.ค.66) เวลาประมาณ 12.25 น. ที่สนามบินนานาชาติสุวรรณภูมิ กระทรวงการต่างประเทศ ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องคือ กระทรวงแรงงาน กระทรวงกลาโหม และกระทรวงสาธารณสุข แถลงข่าวการนำแรงงานไทยในอิสราเอล ชุดแรกจำนวน 15 คนแรก เดินทางกลับประเทศไทย 

กระทรวงการต่างประเทศนำแรงงานชุดแรก 15 คน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้บาดเจ็บจากเหตุการณ์สู้รบ เดินทางกลับประเทศไทย โดยสายการบินพาณิชย์ ‘แอล อัล อิสราเอลแอร์ไลน์’ แบ่งเป็น 2 เที่ยวบิน เที่ยวบินแรก LY081 ถึงสนามบินสุวรรณภูมิ เวลา 10.35 น. จำนวน 5 คน และเที่ยวบินที่สอง LY083 ถึงไทยเวลา 12.35 น. จำนวน 10 คน 

นายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า รัฐบาลไทยไม่ได้นิ่งนอนใจที่จะช่วยให้ประชาชนที่ยังเหลืออยู่ในประเทศอิสราเอลที่ลงทะเบียนแจ้งความประสงค์กลับประเทศให้ได้กลับมาประเทศไทยโดยเร็วที่สุด ซึ่งล่าสุดมีผู้แจ้งความประสงค์กลับประเทศจำนวน 5,990 คน 

นายปานปรีย์ กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ของไทยในอิสราเอลได้ทำงานตลอด และรัฐบาลได้ประสานงานกับหลายประเทศเพื่อที่จะให้ประชาชนได้กลับประเทศไทยเร็วที่สุดและปลอดภัยที่สุด แต่สถานการณ์การเดินทางในอิสราเอลยากลำบากมาก เพราะแรงงานไทยในอิสราเอลทำงานอยู่ในพื้นที่ที่กระจัดกระจาย อย่างไรก็ตาม ได้รับแจ้งว่ารัฐบาลอิสราเอลควบคุมสถานการณ์ภายในประเทศได้แล้ว  

ด้านนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าวว่า กระทรวงแรงงานจะเยียวยาครอบครัวผู้เสียชีวิต และสำหรับแรงงานที่กลับมาไทยแล้วอยากกลับไปทำงานที่อิสราเอลอีก กระทรวงแรงงานจะอำนวยความสะดวกและช่วยเหลือต่อไป 

‘เศรษฐา’ ยินดี!! อพยพคนไทยกลับถึงประเทศลุล่วง พร้อมสั่ง ‘ก.แรงงาน’ หางานเหมาะสมรองรับ

(6 ต.ค. 66) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ในฐานะประธานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ให้สัมภาษณ์ก่อนเป็นประธานการประชุม ก.ตร. ครั้งที่ 11/2566 หลังเครื่องบินกองทัพอากาศอพยพคนไทยในอิสราเอลจำนวน 130 คน ถึงยังท่าอากาศยานทหาร กองบิน 6 ดอนเมือง เมื่อช่วงเช้าวันนี้ ว่า ก็ดีใจที่คนไทยได้เดินทางกลับประเทศ หลังจากนี้ให้กระทรวงแรงงานช่วยหางานที่เหมาะสมให้ประกอบอาชีพ ส่วนเรื่องการอพยพคนไทยที่เหลือก็พยายามทำอย่างเต็มที่และจะดำเนินการให้เร็วที่สุด

ส่วนเที่ยวบินที่รับคนไทยเดินทางกลับยังยืนยันว่าเป็น 32 เที่ยวใช่หรือไม่ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า อย่างน้อย ต้องมี 32 เที่ยวบิน และจะต้องเพิ่มขึ้น

‘สุรพงษ์’ สานต่อรัฐฯ จัดรถไฟส่ง ‘แรงงานไทยจากอิสราเอล’ กลับบ้านฟรี พร้อมเปิด ‘สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์’ เป็นศูนย์ประสานงาน-ช่วยเหลือ

(19 ต.ค.66) นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า การรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) ได้สนับสนุนภารกิจต้อนรับแรงงานไทย 136 คน ที่เดินทางจากอิสราเอลกลับถึงไทย โดยสายการบิน Israel Airlines เที่ยวบินที่ LY 083 พร้อมจัดรถไฟรับส่งแรงงานไทยเดินทางกลับภูมิลำเนา และเปิดพื้นที่สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ ของการรถไฟฯ เป็นศูนย์ประสานงาน สำหรับหน่วยงานช่วยเหลือแรงงานไทยที่เดินทางกลับจากประเทศอิสราเอล ถือเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนภารกิจของรัฐบาล ตามนโยบายนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ที่มอบหมายให้หน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง เร่งระดมความช่วยเหลือแก่ผู้ประสบภัยสงครามจากอิสราเอลโดยเร็วที่สุด

ทั้งนี้ ในส่วนกระทรวงคมนาคม และการรถไฟฯ ได้ร่วมกันสนับสนุนภารกิจรัฐบาล โดยจัดรถไฟให้กับ แรงงานไทยและครอบครัวที่กลับจากอิสราเอลสามารถเดินทางกลับภูมิลำเนาได้อย่างสะดวก ปลอดภัยโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย รวมทั้งได้เปิดพื้นที่ สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ บริเวณประตู 2 จัดตั้งเป็นศูนย์ประสานงานสำหรับหน่วยงานช่วยเหลือแรงงานไทยที่กลับจากประเทศอิสราเอล เพื่อให้ผู้ใช้แรงงานและเครือญาติ ใช้สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ เป็นศูนย์กลางในการติดต่อ พบปะระหว่างกันได้อย่างสะดวก ตลอดจนใช้เป็นจุดเชื่อมต่อการเดินทางกับทุกระบบขนส่งสาธารณะ ให้สามารถเดินทางกลับภูมิลำเนาได้อย่างสวัสดิภาพ

นอกจากนี้ กระทรวงคมนาคม และการรถไฟแห่งประเทศไทย ยังร่วมส่งมอบความห่วงใย โดยให้มีการ จัดซุ้มอาหารว่าง และน้ำดื่ม ดูแลแรงงานไทยและครอบครัวที่มารอรับ และเตรียมความพร้อมสิ่งอำนวย ความสะดวกต่างๆ ตลอดจนจัดเจ้าหน้าที่ ช่วยกันดูแลอำนวยความสะดวกร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในการให้บริการได้อย่างเพียงพอ โดยไม่กระทบต่อการให้บริการเดินทางแก่ผู้โดยสารประชาชนทั่วไป พร้อมทั้งกำชับ

นายสุรพงษ์ฯ กล่าวว่า ที่ผ่านมากระทรวงคมนาคม และการรถไฟฯ ได้ร่วมสนับสนุนภารกิจรัฐบาลในการเปิดพื้นที่สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ และจัดสรรขบวนรถ เพื่อดูแลคนไทยก้าวผ่านวิกฤตต่างๆ มาอย่างต่อเนื่อง อาทิ การจัดตั้งศูนย์ฉีดวัคซีนกลางบางซื่อ สำหรับเป็นศูนย์ฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 เป็นเวลา 477 วัน การเปิดขบวนรถไฟโดยสารรับ-ส่งผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 กลับสู่ภูมิลำเนาโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย ตลอดจนการจัดตั้งศูนย์พักคอย ซึ่งหลังจากนี้ กระทรวงคมนาคม และการรถไฟฯ พร้อมเป็นส่วนหนึ่งในการสรรค์สร้างประโยชน์ต่อส่วนรวม นอกเหนือจากภารกิจหลักในการอำนวยความสะดวกการขนส่งเดินทาง เพื่อยกระดับความเป็นอยู่พี่น้องคนไทยทุกคนให้ดียิ่งขึ้นต่อไป

‘นายกฯ’ ซัด!! นายจ้างอิสราเอลหัวหมอ ใช้เงินล่อให้อยู่ต่อ วอน!! คนไทยรีบกลับ พร้อมโทรเคลียร์ทูตอิสราเอลให้

(24 ต.ค. 66) สื่อต่างประเทศรายงานว่ากองทัพ อิสราเอลเดินหน้าโจมตีฉนวนกาซา อย่างหนัก ทำให้ชาวปาเลสไตน์เสียชีวิตจำนวนมาก โดยอิสราเอลยกระดับการโจมตีในช่วงสองคืนที่ผ่านมา ซึ่งทางกลุ่มฮามาส ระบุว่ามีบ้านเรือนพังทลายไปกว่า 30 หลัง และมีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 80 คน จากการโจมตีพื้นที่ตอนกลางของฉนวนกาซา ที่ห้องเก็บศพ ของโรงพยาบาลเต็มไปด้วยร่างของผู้เสียชีวิต ซึ่งมีเด็กรวมอยู่ด้วยเป็นจำนวนมาก เวลานี้ห้องเย็นเก็บศพ ของโรงพยาบาลมีพื้นที่ไม่เพียงพอที่จะเก็บศพ เพื่อรอการพิสูจน์อัตลักษณ์ได้ ทำให้มีศพจำนวนมากที่ถูกนำไปฝัง โดยที่ยังไม่มีการตรวจพิสูจน์

ขณะที่สำนักงานของสหประชาชาติเพื่อผู้ลี้ภัยชาวปาเลสไตน์ก็เปิดเผยว่า การโจมตีของอิสราเองช่วง 2 วันที่ผ่านมา ทำให้มีเจ้าหน้าที่สำนักงานเสียชีวิตไปถึง 29 คน

ด้าน นายโยอาฟ กัลแลนต์ รัฐมนตรีกลาโหมอิสราเอล เตือนว่า สงครามบดขยี้กลุ่มฮามาส จะต้องใช้เวลานานหลายเดือน ซึ่งอิสราเอลจะโจมตีไปจนกว่ากลุ่มฮามาส จะไม่เหลือซาก ท่ามกลางความกังวลของหลายฝ่ายที่เกรงว่าการสู้รบจะขยายวงกว้างออกไป และเมื่อวานนี้การโจมตีของอิสราเอลเกิดความผิดพลาด ทำให้กองกำลังป้องกันชายแดของอียิปต์หลายนายได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย ซึ่งอิสราเอลกล่าวยอมรับ และได้ขอโทษทางการอียิปต์แล้ว

>> โรงพยาบาลขาดเชื้อเพลิง

ส่วนการจัดส่งสิ่งของบรรเทาทุกข์เข้าไปในฉนวนกาซา เมื่อวานนี้ มีการจัดส่งเพิ่มอีก 17 คันรถ หลังจากเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมามีการจัดส่งลอตแรกจำนวน 20 คันรถ ทางการอียิปต์เปิดเผยว่าในวันนี้จะมีการจัดส่งเพิ่มอีก 40 คันรถ ขณะที่สหประชาชาติระบุว่าจะต้องจัดส่งถึงวันละ 100 คันรถ จึงจะเพียงพอต่อความต้องการของชาวปาเลสไตน์ 2.4 ล้านคนในฉนวนกาซา และจนถึงขณะนี้ ยังไม่มีการจัดส่งเชื้อเพลิงเข้าไปเลย ขณะที่โรงพยาบาลในกาซา จะมีเชื้อเพลิงใช้ในการปั่นไฟได้อีกเพียง 3 วันเท่านั้น

>> บุกช่วยตัวประกัน

พลเรือตรีแดเนียล ฮาการี โฆษกกองทัพอิสราเอล แถลงยืนยันมีทหารอิสราเอลสิ้นชีพหนึ่งศพ และบาดเจ็บอีก 3 นาย ขณะพยายามบุกช่วยตัวประกันที่ถูกกลุ่มฮามาสควบคุมตัวไว้ที่เมืองข่านยูนิส ในดินแดนฉนวนกาซา และสาเหตุมาจากถูกกลุ่มฮามาสโจมตีด้วยจรวดต่อต้านรถถัง

ก่อนหน้านี้ กลุ่มฮามาสเปิดเผยว่า ได้มีการปะทะกับกองกำลังทหารอิสราเอลใกล้เมืองข่านยูนิส ทางตอนใต้ของฉนวนกาซา และกลุ่มฮามาสสามารถทำลายรถถังของกองทัพอิสราเอลไปได้ 1 คัน และรถแทรกเตอร์เกลี่ยดินอีก 2 คันในการสู้รบกัน

สำหรับความพยายามบุกช่วยตัวประกันในครั้งนี้ของทหารอิสราเอล เป็นส่วนหนึ่งของภารกิจบุกช่วยตัวประกันที่ถูกกลุ่มฮามาสบุกลักพาตัวไปกว่า 200 คน ตั้งแต่ 7 ตุลาคม ที่ผ่านมา ขณะกลุ่มฮามาสระดมยิงจรวดหลายพันลูกมาโจมตีอิสราเอลอย่างไม่ทันตั้งตัว ทำให้มีผู้เสียชีวิตในอิสราเอลกว่า 1,300 ศพ ในขณะที่สงครามระหว่างอิสราเอลกับกลุ่มฮามาสที่ดำเนินมาอย่างดุเดือด ทำให้มีผู้เสียชีวิตรวมกว่า 6,000 ศพแล้ว

>> แฉนายกจ้างยิวยื้อจ่ายค่าจ้าง

เวลา 15.07 น. นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯและคลัง เป็นประธานการประชุมศูนย์ประสานงานสถานการณ์ฉุกเฉินความไม่สงบในอิสราเอล-กาซา เพื่อติดตามความคืบหน้าในการช่วยเหลือแรงงานไทยที่ประสงค์เดินทางกลับประเทศ โดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องประชุมอย่างพร้อมเพียงกัน โดยใช้เวลาในการประชุมเพียง 20 นาที

ต่อมา นายเศรษฐา ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมว่า วันนี้เป็นการประชุมติดตามความคืบหน้าของสงครามฮามาสกับอิสราเอล ข้อมูลปัจจุบันมีผู้แสดงความประสงค์จะกลับไทย 8,500 คน และถึงวันนี้มาได้ประมาณ 3 พันกว่าคน ขีดความสามารถในการนำคนไทยกลับมาได้ประมาณ 800 คนต่อวัน และสามารถเพิ่มได้อีก แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นคือ การที่มีคนเปลี่ยนใจไม่กลับมาเยอะพอสมควรเหมือนกัน เหตุผลหลักคือ ทางนายจ้างอิสราเอลดึงเรื่องการจ่ายเงินไปเป็นวันที่ 10 พ.ย. และมีการอัพค่าจ้างออกไปเพื่อเป็นแรงจูงใจให้แรงงานไทยอยู่ แต่ทางเราได้ประชุมกันแล้ว ทุกฝ่ายไม่ว่าจะเป็นฝ่ายความมั่นคง ฝ่ายการทหาร ฝ่ายการต่างประเทศ เรายืนยันว่าแม้ว่าข่าวเรื่องการถล่มจะเบาบางลงไป แต่จริงๆ แล้วความเข้มของสงครามไม่ได้ลดลงไปเลย มีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้น และอาจจะขยายวงอีกบางประเทศที่ใกล้เคียงด้วย

>> ห่วงคนไทยยังไม่ยอมกลับ

“ตรงนี้เป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วงจริงๆ เป็นอะไรที่เรามั่นใจว่าคงจะเลวร้ายลงไป นี่ขนาดเรียกว่ายังไม่มีเรื่องของการปฏิบัติการภาคพื้นดินเลย ซึ่งมีข่าวว่าจะมีการปฏิบัติการภาคพื้นดินในอีก 2-3 วันนี้ ตรงนี้อยากขอเตือนพี่น้องว่ากลับมาเถอะครับ หากญาติพี่น้องอยู่ที่นี่ ขอให้บอกไปที่ญาติพี่น้องที่ทำงานที่นั่นให้กลับมา ต้องขอให้กลับมา เพราะช่วงนี้เป็นช่วงที่ยังกลับได้อยู่ ถ้าเกิดมีการปฏิบัติการภาคพื้นดินเกิดขึ้น การกลับเข้ามาก็จะลำบาก เรื่องการเดินทางเข้าสู่ศูนย์อพยพเพื่อที่จะไปสนามบินก็จะลำบาก อันนี้รัฐบาลเห็นตรงกัน เป็นเรื่องที่เราจำเป็นต้องพูดและสื่อสารให้พี่น้องทุกคนได้ทราบ”นายเศรษฐา กล่าว

>> เร่งนำตัวกลับบ้านเกิด

นายเศรษฐา กล่าวว่า ในที่ประชุมตนได้มอบหมายให้ รมว.แรงงาน ซึ่งรับปากจะไปดูแลแรงงานที่กลับเข้ามา โดยเพิ่มแรงจูงใจให้รีบกลับเข้ามา เพราะคนที่กลับเข้ามาได้วันละประมาณ 15,000 บาท ก็จะมีการเพิ่มค่าแรงให้อีก เพื่อให้กลับเข้ามาได้อีกเป็นจำนวนที่มากขึ้น ขณะที่ รมว.เกษตรและสหกรณ์ ก็เป็นห่วงและช่วยคิดวิธีการที่เวลาแรงงานไทยกลับเข้ามาแล้วจะให้ทำงานอะไร ซึ่งแรงงานไทยที่ไปทำงานอิสเราเอลส่วนมากเป็นแรงงานภาคเกษตร ใช้เทคโนโลยีชั้นสูง ฉะนั้น การกลับเข้ามา ทางกระทรวงเกษตรฯ อาจจะมีความต้องการที่จะใช้แรงงานตรงนี้ จึงพยายามประกาศออกไปให้ทราบว่าถ้ากลับมาก็มีงานให้ทำอยู่ จะได้รีบๆ กลับมา

>> ประสานช่วยเหลือทุกทาง

นายกฯ กล่าวว่า อย่างไรก็ตาม เรื่องการประสานความช่วยเหลือแรงงานไทยในอิสราเอล เราประสานทุกช่องทาง แต่ที่ไม่พูดเพราะเป็นเรื่องของความมั่นคง เราใช้ทุกวิถีทาง ทั้งผ่านนายกฯมาเลเซีย รวมถึงการที่ตนไปร่วมประชุมเข้าร่วมการประชุม ASEAN - GCC Summit ที่ซาอุดีอาระเบีย ตนก็ได้พูดคุยกับกษัตริย์โอมานและบาห์เรน รวมถึงมกุฎราชกุมาร และนายกรัฐมนตรีซาอุดีอาระเบีย ซึ่งทุกท่านตระหนักดี และทราบถึงสถานภาพของคนไทย ซึ่งเราไม่ได้เป็นคู่กรณีหรือคู่ขัดแย้งเลย และเรามีการสูญเสียที่สูงมาก มีตัวประกัน 19 คน ซึ่งต้องยืนยันว่าเวลานี้ยังไม่รู้ชะตากรรม แต่ทุกเส้นทางเราพยายามทำงานกันอยู่ มีเจ้าหน้าที่ชั้นสูงของเราบินออกไป แต่ไม่ขอเปิดเผยว่าบินไปไหน และพบกับใคร แต่ยืนยันว่าเราทำทุกวิถีทางที่สามารถทำได้ พยายามทำอยู่

ผู้สื่อข่าวถามว่า ช่องทางที่จะนำคนไทยกลับ สะดวกมากยิ่งขึ้นใช่หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ไม่มีปัญหา รมช.ต่างประเทศยืนยันว่าเราพาคนกลับได้วันหนึ่ง 800-1,000 คนสบายๆ เพียงแต่ว่าบางคนเปลี่ยนใจ แต่เมื่อมีการเปลี่ยนใจเรื่องการบริหารจัดการเครื่องบินก็มีปัญหา หากจะกลับถึง 1,000 คน เราก็สามารถจัดการได้ และอยากให้แจ้งมา และขอว่าอย่าเปลี่ยนใจเลย วงเงินแค่ไหนก็ไม่คุ้มกับชีวิตหรอก

เมื่อถามย้ำว่า เรื่องการปฏิบัติการภาคพื้นดิน จุดนี้คือสิ่งที่นายกฯห่วงมากใช่หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ถูกต้อง หากมีการปฏิบัติภาคพื้นดินเกิดขึ้น การลำเลียงคนออกมาจากโซนต่างๆ มายังศูนย์พักพิงจะยากยิ่งขึ้น ทีนี้จะทำให้เกิดปัญหา

เมื่อถามถึงกรณีมีแรงงานบางคนเดินทางไปทำงานอย่างไม่ถูกต้อง และไม่กล้ากลับ เพราะกลัวถูกดำเนินคดีนั้น นายกฯ กล่าวว่า เรื่องนี้เรามาพูดกันทีหลังได้ ไม่มีปัญหา จัดการได้หมด ขอให้กลับมา อย่างแรกคือความปลอดภัยของแรงงานไทย ทุกคนต้องกลับมาอย่างปลอดภัย เรื่องอื่นเป็นเรื่องรองหมด อย่าเป็นห่วงในเรื่องนั้น ขอให้เป็นห่วงชีวิตความเป็นอยู่ที่ต้องกลับมาโดยเร็ว และขอยืนยันว่าถ้ามารายงานตัวกลับเจ้าหน้าที่ไทยกลับได้แน่นอน ไม่มีปัญหา

เมื่อถามว่า มีข้อสังเกตถึงรูปแบบการเสียชีวิตของคนไทยที่ดูเหมือนถูกกระทำอย่างโหดเหี้ยม นายกฯ กล่าวว่า ขอสรุปอย่างนี้ดีกว่า ต้องให้เกียรติญาติพี่น้องและครอบครัว การที่จะพูดเรื่องพวกนี้ บางทีจะเป็นการกระทบกระเทือนจิตใจ การสูญเสียครั้งนี้ถือเป็นการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ของครอบครัวอยู่แล้ว วิธีการที่เสียชีวิตเกิดขึ้นจากสงครามแล้วกัน ตนคิดว่าสรุปตรงนั้นดีกว่า อย่าไปลงรายละเอียดกันเลยว่าเป็นอะไร ต้องเห็นใจครอบครัวผู้เสียชีวิตด้วย อันนี้ต้องขอร้องเลย ข้อมูลเรามี แต่ไม่อยากเปิดเผย และอย่าเปิดเผยเลยดีกว่าตรงนี้ ตอนนี้ยืนยันว่าอยากให้คนไทยกลับประเทศ โดยฝ่ายความมั่นคงและหน่วยงานของรัฐทุกคนยืนยัน ขอให้กลับมา หากญาติพี่น้องที่ฟังการแถลงข่าวอยู่ อยากให้ไปโน้มน้าวจิตใจญาติของตัวเองให้กลับมา เงินเท่าไหร่ก็ไม่คุ้ม ทางเราก็จะพยายามดูแลให้ดีที่สุดก่อนที่สถานการณ์จะเลวร้ายลงไปจนไม่สามารถพากลับมาได้

อย่างไรก็ตาม ภายหลังสัมภาษณ์รอบแรกเสร็จ นายเศรษฐาได้กลับมาให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมอีกครั้งว่า ขอตั้งข้อสังเกตถึงกรณีที่จะมีการจ่ายค่าแรงในวันที่ 10 พ.ย. ทั้งที่การจ่ายเงินควรจะต้องเป็นวันที่ 31 ต.ค. ทำให้ชวนคิดได้ว่าทำไมต้องไปจ่ายวันที่ 10 พ.ย. แสดงว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นก่อนหน้านั้นหรือไม่ เป็นเรื่องที่น่าคิดและเราไม่ทราบเหตุผลว่าทำไม แต่คิดไปก็เป็นแต่เรื่องไม่ดีทั้งนั้น ในฐานะที่เป็นนายกฯหยิบประเด็นนี้มาพูดก็คิดว่าน่าจะเป็นประเด็น แต่ก็ต้องพูด เพราะจะจ่ายเงินวันที่ 10 พ.ย. แล้วถ้าก่อนหน้านั้นมีอะไรเกิดขึ้น จะได้กลับประเทศหรือไม่ ตนจึงขอให้แรงงานไทยคิดดีๆ ว่าจะอยู่หรือกลับ และตนจะโทรศัพท์หาเอกอัครราชทูตอิสราเอลประจำประเทศไทยเพื่อพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องนี้ เพราะเป็นเรื่องที่สำคัญ ละเอียดอ่อน และอย่าเอาเรื่องเงินมาแลกกับชีวิตของคนไทย ต้องขอร้อง และเรื่องนี้ควรจะดูแลเราให้ดีกว่านี้ ถ้าเราอยากจะกลับวันไหนก็ควรจะต้องจ่ายค่าแรง ไม่ใช่เอาเงินมาล่อให้เราอยู่ ถ้ามีการสูญเสียเกิดขึ้นก็เป็นเรื่องใหญ่

ผู้สื่อข่าวถามว่า ไม่กลัวว่าจะเกิดเป็นประเด็นดรามาตีกลับในเรื่องนี้หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า “ตีกลับก็ตีกลับ ผมก็ต้องรับ หน้าที่ผมคือดูแลชีวิตความเป็นอยู่ของพี่น้องคนไทยทุกคน ซึ่งพร้อมน้อมรับ” เมื่อถามว่า จะต้องมีการคุยกับทางการอิสราเอลเพื่อพูดคุยกับนายจ้างด้วยหรือไม่ นายกฯ ย้ำว่า ตนจะโทรไปคุยกับทูตอิสราเอลว่ากรณีนี้ไม่ค่อยถูกต้องเท่าไหร่ ส่วนจำนวนแรงงานที่ถูกยื้อเอาไว้นั้น ยังไม่ทราบว่ามีจำนวนเท่าไหร่ และขอย้ำว่าให้แรงงานไทยตัดสินใจให้แนวแน่ว่าจะเดินทางกลับหรือไม่กลับ เพราะถ้ามีปฏิบัติการภาคพื้นดินเมื่อไหร่ เส้นทางถนนถูกตัดขาด ไม่สามารถจะออกมาได้ เงินเท่าไหร่ก็ไม่คุ้ม

นายจักรพงษ์ แสงมณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าแรงงานไทยที่เสียชีวิต ว่า ตอนนี้เราต้องประสานงานหลายๆ ทาง ซึ่งยังไม่มีความแน่ชัดว่าเป็นใคร คงต้องเริ่มเก็บดีเอ็นเอเพื่อตรวจสอบ ส่วนความยากในการพิสูจน์อัตลักษณ์นั้น เราต้องดึงเทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการยืนยันตัวตนของแรงงาน ตนได้คุยกับกับสถาบันนิติเวชที่ไทยแล้ว ซึ่งยอมรับแนวทางการดำเนินการของอิสราเอล

เมื่อถามถึงความท้าทายในการพูดคุยกับเอกอัครราชทูตในเรื่องแรงงานไทย นายจักรพงษ์กล่าวว่า ต้องพยายามคุยกับเขา ว่าแรงงานเราเป็นคนตัดสินใจคนสุดท้าย หากทุดคนที่ประเทศไทยเป็นห่วง ทำให้เขารู้สึกว่าเขาต้องรีบกลับมา ก็น่าจะกลับมาได้

เมื่อถามว่า กลุ่มที่ออกมาสนับสนุนฮามาสในประเทศต่างๆ จะมีผลกระทบต่อประเทศไทยด้วยหรือไม่ นายจักรพงษ์กล่าวว่า ต้องมองหลายส่วน คงต้องสงวนท่าทีไว้

เมื่อถามว่า อีกไม่กี่วันจะมีการปฏิบัติการภาคพื้นดิน ได้เตรียมมาตรการเพื่อโน้มน้าวคนไทยให้เดินทางกลับหรือไม่ เพราะอาจจะส่งผลให้การประสานงานรับกลับยากยิ่งขึ้น นายจักรพงษ์กล่าวว่า ตามที่นายกรัฐมนตรีได้ชี้แจงไป ในเรื่องของรายได้ที่แรงงานยังไม่ได้ ซึ่งได้พูดคุยกับกระทรวงแรงงานแล้ว ว่าต้องพูดคุยกับนายจ้างอีก 10 กว่าบริษัทที่อิสราเอล เพื่อจะได้ไม่นำเรื่องนี้มาเป็นข้ออ้างเพื่อให้แรงงานอยู่ต่อ

‘เพจดัง’ แฉ!! ‘สส.ก้าวไกล’ อ้างชื่อ กมธ.แรงงาน หาผลประโยชน์ สร้างซีนหล่อให้ ‘พิธา’ ประสานช่วยเหลือแรงงานไทยในอิสราเอล

เมื่อวันที่ 2 ธ.ค. 66 เพจเฟซบุ๊ก ‘วันนี้ก้าวไกลโกหกอะไร’ โพสต์ภาพหนังสือคณะกรรมาธิการการแรงงาน สภาผู้แทนราษฎร ลงวันที่ 30 พฤศจิกายน 2566 เรื่องร้องเรียนพฤติกรรมแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบของนายสุเทพ อู่อ้น กรณีแรงงานไทยในอิสราเอล โดยมีเนื้อหาสรุปว่า ได้สอบข้อเท็จจริงแล้ว ปรากฏว่า นายสุเทพ อู่อ้น ดำรงตำแหน่งรองประธาน กมธ.แรงงาน คนที่ 2 แต่การกระทำดังกล่าวของนายสุเทพ เป็นการกระทำส่วนบุคคล มิได้เกี่ยวข้องกับหน้าที่และอำนาจของคณะกรรมาธิการ หรือเป็นไปตามที่ที่ประชุมมอบหมายแต่อย่างใด

โดยระบุว่า ทุกคนคะ กรณีคุณพิธาได้โพสต์ลงโซเชียล มอบหมายให้ สส.สุเทพ อู่อ้น อดีต กมธ.แรงงาน เป็นผู้ประสานงาน ‘กรณีช่วยเหลือแรงงานไทยในอิสราเอล’

คุณสุเทพได้ติดต่อกับผู้ประสานงานคนไทย และสัญญาว่าจะให้ตำแหน่งอนุกรรมาธิการหรือให้รางวัล เพื่อต้องการได้ข้อมูลจากผู้ประสานงานไปให้คุณพิธา

ทีมงานเพจได้สอบถามไปทาง กมธ.แรงงาน พบว่า เรื่องที่คุณพิธาและคุณสุเทพดำเนินการต่างๆ ‘เป็นการกระทำส่วนบุคคล ไม่ได้มีส่วนและอำนาจหน้าที่ของ กมธ. แต่อย่างใด’

หนูขอประกาศว่า หากท่านใดถูกแอบอ้างหรือสัญญาว่าจะให้จากบุคคลทั้ง 2 แจ้งร้องทุกข์มาที่เพจได้ค่ะ ทางเรายินดีช่วยเหลือ

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน 2566 ที่อาคารรัฐสภา นายสฤษฏ์พงษ์ เกี่ยวข้อง ประธานคณะ กมธ.การแรงงาน และคณะ รับยื่นหนังสือจาก นายแทนคุณ จิตต์อิสระ ตัวแทนชมรมสันติประชาธรรม และคณะ เรื่อง ร้องเรียนพฤติกรรมแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบของอดีตประธานคณะ กมธ.การแรงงาน ชุดที่ 25 กรณีแรงงานไทยในอิสราเอล

เนื่องจากอดีตประธานคณะ กมธ.การแรงงาน ซึ่งเป็น สส.พรรคก้าวไกล และขณะนี้ดำรงตำแหน่งรองประธานคณะ กมธ.การแรงงาน คนที่ 2 ได้ติดต่อไปยังผู้ประสานงานแรงงานไทยในอิสราเอล และขอข้อมูลทั้งรายชื่อและเบอร์โทรศัพท์ โดยอ้างว่าจะนำไปหาทางช่วยเหลือ ซึ่งทราบว่าได้มีการส่งมอบให้กับกระทรวงแรงงาน

ทั้งนี้ ผู้ประสานงานได้ขอร้องให้อดีตประธานคณะ กมธ.การแรงงานทราบว่า อย่าโทรศัพท์หาแรงงานโดยตรง ให้ประสานผ่านผู้ประสานงาน เพื่อป้องกันการติดตามสัญญาณมือถือจากผู้ก่อการร้าย ที่อาจรู้พิกัดของแรงงานไทยได้ แต่ไม่ได้ปฏิบัติตามและได้มีการติดต่อไป จึงเป็นการเพิ่มความเสี่ยงต่อชีวิตของแรงงานไทย อีกทั้งผู้ประสานงานยังพบว่าอดีตประธานคณะ กมธ.การแรงงาน ได้นำข้อมูลของแรงงานไทยไปมอบให้อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล (ซึ่งดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรคก้าวไกลในขณะนั้น) เพื่อให้นำไปแจ้งต่อสื่อมวลชนว่าอดีตหัวหน้าพรรคเป็นผู้ประสานงานแรงงานไทย ทั้งที่แรงงานไทยไม่ได้รับการประสานงาน และให้ความช่วยเหลือแต่อย่างใด

นอกจากนี้ อดีตประธานคณะ กมธ.การแรงงาน ได้มีการเชิญชวนบุคคลภายนอก โดยอ้างว่าสามารถแต่งตั้งให้ผู้ประสานงานดำรงตำแหน่งอนุ กมธ.การแรงงานได้ ดังนั้น จึงขอให้นายสฤษฏ์พงษ์ เกี่ยวข้อง ประธานคณะ กมธ.การแรงงาน ตรวจสอบพฤติกรรมบุคคลดังกล่าว เพื่อดำเนินการตามกลไกรัฐสภาต่อไป

นายสฤษฏ์พงษ์ เกี่ยวข้อง กล่าวภายหลังรับหนังสือว่า การกระทำของอดีตประธานคณะ กมธ.การแรงงาน เป็นการกระทำในนามส่วนตัว อย่างไรก็ตาม คณะ กมธ.การแรงงานได้ประสานกับกระทรวงแรงงานเกี่ยวกับแรงงานไทยในอิสราเอลตั้งแต่เบื้องต้นแล้ว ส่วนการเชิญชวนบุคคลภายนอกเข้ามาเป็นคณะอนุ กมธ.นั้น คณะ กมธ.จะนำไปพิจารณาเพื่อรับฟังข้อเท็จจริงต่อไป


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top