Thursday, 2 May 2024
แม่ทัพภาค4

รองแม่ทัพภาค 4 ระบุคาร์บอมบ์ รุนแรง  กระทบประชาชนเศรษฐกิจ ยันมีคืบหน้าคนร้าย ที่ก่อเหตุแล้ว

เวลา 10.00 น. วันที่ (23 พ.ย. 65) พลตรีปราโมทย์ พรหมอินทร์ รองแม่ทัพแม่ทัพภาคที 4 ลงตรวจพื้นที่ จุดเกิดเหตุ..คาร์บอมส์แฟลตตำรวจจังหวัดนราธิวาส เพื่อตรวจสอบความเสียหายที่เกิด ขึ้น พร้อมเปิดเผยผู้สื่อข่าวว่า..

ขณะนี้เจ้าหน้าที่ส่วนเกี่ยวข้อง ได้ตรวจสอบรถยนต์ ประกอบระเบิดคาร์บอมบ์ที่ถูกนำมาจอดไว้ที่แฟลตตำรวจ สภ.เมืองนราธิวาส ก่อนถูกจุดชนวนขึ้นเมื่อวันที่ 22 พ.ย. 65 ทำให้มีผู้เสียชีวิต 1 นาย บาดเจ็บ 36 คน โดยจากการตรวจสอบในเบื้องต้น พบว่า เป็นรถยนต์กระบะยี่ห้ออีซูซุ รุ่นดีแม็กซ์ สีดำ ป้ายทะเบียน กค 6961 ตรัง จดทะเบียนวันที่ 8 มีนาคม ปี2550 มีผู้ครอบครองรถ คือ ชายคนหนึ่ง มีภูมิลำเนาอยู่ที่ ต.เกาะสุกร อ.ปะเหลียน จ.ตรัง โดยได้นำรถยนต์มาขายให้เต็นท์รถแห่งหนึ่งใน อ.เมืองตรัง เมื่อปี 2564 ก่อนที่เต็นท์รถจะนำไปขายต่อที่ จังหวัดพัทลุง ซึ่งมีผู้พบเห็นรถคันนี้ครั้งสุดท้าย เมื่อวันที่ 6 ต.ค. 65 เวลา 16.52 นาฬิกา รถขับผ่านด่านตรวจ ต.ลำภู อ.เมืองนราธิวาส โดยมีผู้หญิงเป็นผู้ขับขี่ ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่จึงพยายามติดต่อหญิงสาวคนขับรถเข้าพื้นที่ แต่ยังไม่สามารถติดต่อได้ เป็นรถหนีไฟแนนท์ 

โดยวันนี้ (23 พ.ย.65) เจ้าหน้าที่ระดมกำลังเร่งมือในการเคลื่อนย้ายซากรถยนต์ เเละรถจักรยานยนต์หลายสิบคัน ที่ได้รับความเสียหายจากเหตุระเบิดในรถยนต์ หรือ คาร์บอมบ์ออกจากเเฟลตตำรวจ สภ.เมืองนราธิวาสเเละเก็บกวาดซากความเสียหายจากเเรงอัดของระเบิดภายในเเฟลต คืนสภาพตามปกติ อย่างไรก็ตาม อนุภาพของระเบิดคาร์บอมบ์ที่รุนเเรง ทำให้ร่องรอยความเสียหาย โดยเฉพาะบริเวณห้องพักของเจ้าหน้าที่ประมาณ 70 ครอบครัว บริเวณชั้น 1 เเละชั้น 2 ที่เสียหายเกือบทั้งหมด

พลตรี ปราโมทย์ พรหมอินทร์ รองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ได้ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวว่า อย่างไรก็ตามจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นครั้งนี้ขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวของเจ้าหน้าที่ตำรวจ และผู้ได้รับบาดเจ็บทั้งหมด พร้อมทั้งประนามผู้ก่อเหตุในครั้งนี้ ซึ่งในส่วนของนายกรัฐมนตรีนั้น ได้กำชับให้กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า เข้ามาดำเนินการในเรื่องการช่วยเหลือเยียวยา โดยเมื่อวานนี้ ศอ.บต. ได้ลงพื้นที่และดำเนินการพร้อมสำรวจในเรื่องนี้แล้ว นอกจากนี้เป็นการดำเนินการด้านกฏหมาย และยกระดับมาตรการการดูแลความปลอดภัยเพื่อให้ประชาชนในพื้นที่มีความมั่นใจในชีวิตและทรัพย์สิน 

แม่ทัพภาคที่ 4 ตรวจเยี่ยมและพบปะให้โอวาทแก่ กกล.ป้องกันชายแดน ในพื้นที่ จ.สตูล

พล.ท.ศานติ ศกุนตนาค มทภ.4/ผบ.ศปก.ทภ.4 และคณะในโอกาสเดินทางมาตรวจเยี่ยมและพบปะให้โอวาทแก่ กกล.ป้องกันชายแดน ในพื้นที่ อ.ควนโดน จ.สตูล เพื่อเน้นย้ำการปฏิบัติงานตามนโยบายของผู้บังคับบัญชา และมอบแนวทางการสกัดกั้นและปราบปรามการกระทำผิดกฎหมายบริเวณแนวชายแดน พร้อมทั้งได้มอบของบำรุงขวัญแก่กำลังพลเพื่อเป็นขวัญกำลังใจในการปฏิบัติงานและพบปะประชาชน และแจกขนมขบเคี้ยวให้กับเด็กๆ ที่มาให้การต้อนรับ ณ สนามกีฬากลางอำเภอควนโดน ต.ควนสะตอ อ.ควนโดน จ.สตูล

นอกจากนี้ท่านพล.ท.ศานติ  ศกุนตนาค มทภ.4/ผบ.ศปก.ทภ.4 ท่านเดินทางมาที่จังหวัดสตูล บ่อยครั้ง และท่านพร้อมคณะทหาร มักจะเข้ามากราบไหว้สักการะ กรมหลวงชุมพร ที่จัดตั้งศาลาให้ประชาชน เจ้าหน้าที่รัฐ มากราบไหว้ขอพร บางคนมาบ่นบานสานกล่าวไว้ และพบร่องรอยประทัดกองเต็มไปหมด เป็นสิ่งที่ศักดิ์ที่ทุกคนมาบูชากราบไหว้ หนึ่งในนั้นคือท่านแม่ทัพภาคที่ 4 มาจังหวัดสตูล ครั้งใดก็จะมาสักการะกราบไหว้ โดยเมื่อปีที่แล้ว ปี 65 สมัยท่านเป็นรองแม่ทัพภาคที่ 4 ท่านมากราบไหว้ ขอพร  และจุดประทัน 1,000 นัด ได้เลขเด็ด ประชาชนที่มารอรับ ในพื้นที่หมู่บ้านใกล้เคียง มายืนดู มาลุ้นและได้เลขเด็ดไป ซื้อเลขเด็ด 2 ตัวรวมทั้งพี่ๆทหาร ซื้อกัน ถูกกันเกือบยกหมู่บ้าน และในวันนี้ท่านเองได้เป็นมาทัพภาคที่ 4 ชาวบ้านบางคนต่างมองว่า ท่านคงมาแก้บ่น หรือมากราบไหว้ เป็นปกติของท่านระดับผู้ใหญ่ และได้จุดประทัน โผล่เลขเด็ด ( ท่านยังบอกว่า เลขสวย ก็ตามความเชื่อละกัน ตนเองไม่ห้าม เพื่อไปซื้อเลขเด็ด) โดยชาวบ้านถ่ายรูปผ่านมือถือส่งต่อๆกัน และรอลุ้นซื้อเลขเด็ดในวันพรุ่งนี้ วันที่ 17 มกราคม 2566

โจรใต้ลอบวางระเบิดขบวนรถ รองแม่ทัพภาค 4 ทหารเสียชีวิต 2 เจ็บ 1 ‘พ.ต.ไพศาล’ รอดหวุดหวิด

(4 มี.ค. 66) ‘คุณวาสนา นาน่วม’ ผู้สื่อข่าวสายทหาร หนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์ และโพสต์ทูเดย์ ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า…

บึ้ม! ขบวนรถ รองแม่ทัพภาค 4 ‘พลตรีไพศาล หนูสังข์’ รอดหวุดหวิด หน่วย EOD พลีชีพ 2 หลังนำทีมเข้าตรวจสอบเหตุยิงฐาน ฉก.ทพ. 4906 บ้านไออาร์แซ อำเภอศรีสาคร จังหวัดนราธิวาส คาดเป็นแผนก่อเหตุ และลวงให้เจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบวางระเบิด ดักใต้ถนนลากสายกดชนวนรถ EOD ติดเครื่อง Jammer โดนระเบิด ถือเป็นเหตุใหญ่ที่เกิดขึ้น ในขณะที่ ‘พลเอก Zulgifli’ ผู้อำนวยความสะดวก การพูดคุยสันติสุขฯ ของรัฐบาลมาเลเซีย เพิ่งเสร็จสิ้นการเดินทางลงพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ของไทย

มีรายงานว่า เมื่อช่วง บ่าย 15.10 น. วันที่ 3 มีนาคม 2566 ที่ผ่านมา เกิดเหตุวางระเบิดในพื้นที่ อ.ศรีสาคร จ.นราธิวาส ขบวนรถของพลตรีไพศาล หนูสังข์ รองแม่ทัพภาค 4 ที่เดินทางออกจากการตรวจสอบที่เกิดเหตุหลังยิงฐานปฎิบัติการ ฉก.ทพ. 4906 บ้านไออาร์แซ ต.ศรีสาคร อ.ศรีสาคร จ.นราธิวาส ที่เกิดเหตถ ตั้งแต่เช้า 2 มีนาคม 2566

จากแรงระเบิดทำให้รถนำขบวนที่เป็นชุด EOD ฉก.อโณทัย ได้รับความเสียหาย ทหารหน่วย EOD บาดเจ็บ 3 นาย และพบว่า 2 นาย เสียชีวิตในเวลาต่อมา

‘บิ๊กตู่’ แสดงความเสียใจเหตุลอบวางระเบิดชุด EOD สั่งเยียวยา-ช่วยเหลือผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตให้ดีที่สุด

(4 มี.ค. 66) พล.อ.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้กล่าวแสดงความเสียใจ กับครอบครัวของกำลังพลชุด EOD จำนวน 2 นาย และกำลังพลที่ได้รับบาดเจ็บ 3 นาย จากการถูกกลุ่มก่อความไม่สงบในพื้นที่ จชต.ลักลอบวางระเบิด ขณะเดินทางปฏิบัติงานในพื้นที่ บ้านไออาร์แซ ตำบลศรีสาคร อำเภอศรีสาคร จังหวัดนราธิวาส ในช่วงเย็นวานนี้ (3 มี.ค.66)

โดยทางนายกระฐมนตรี และรมว.กลาโหม ได้สั่งการให้ กองทัพบก และ กอ.รมน.ภาค 4 นำผู้เสียชีวิต ร่วมประกอบพิธีทางศาสนาอย่างสมเกียรติ และช่วยเหลือดูแลผู้ได้รับบาดเจ็บอย่างดีที่สุด รวมทั้งให้เยียวยาและดูแลสิทธิกำลังพลและครอบครัว ผู้ได้รับบาดเจ็บและสูญเสียอย่างต่อเนื่อง

นราธิวาส-แม่ทัพภาค 4 ร่วมประชุมคณะประสานงานระดับพื้นที่ (สล.3) พร้อมยืนยันว่า กระบวนการพูดคุยเพื่อสันติสุขจะเดินหน้าต่อไปอย่างแน่นอน ให้สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลในอนาคต

ห้องประชุม น้ำพราว 1 โรงแรม ซี.เอส.ปัตตานี อำเภอเมือง จังหวัดปัตตานี พลโท ศานติ  ศกุนตนาค แม่ทัพภาคที่ 4 / ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ในฐานะหัวหน้าคณะประสานงานระดับพื้นที่ พร้อมด้วย พลโท อุทิศ  อนันตนานนท์ แม่ทัพน้อยที่ 4, พลตรี ปราโมทย์  พรหมอินทร์ รองแม่ทัพภาคที่ 4 / รองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า พลตรี วรเดช  เดชรักษา ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 5 และคณะ

ร่วมประชุมกับคณะประสานงานระดับพื้นที่ ครั้งที่ 4 ประจำปี 2566 เพื่อรับทราบผลการดำเนินงาน ความคืบหน้าการพูดคุยเพื่อสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้ รับทราบความคิดเห็นของทุกฝ่าย ซึ่งเป็นตัวแทนของประชาชน กลุ่มองค์กรภาคประชาสังคมทั้งหมด 8 กลุ่ม ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้  และ 4 อำเภอของสงขลา เข้าร่วมการประชุมในครั้งนี้

ในที่ประชุม มีหัวหน้าคณะประสานงานระดับพื้นที่จังหวัดสงขลา จังหวัดปัตตานี จังหวัดยะลา และจังหวัดนราธิวาส รายงานผลการดำเนินงานของคณะพูดคุยระดับพื้นที่ในการเปิดเวทีสาธารณะรับฟังความคิดเห็นของประชาชน โดยภาพรวมทุกพื้นที่มีการนำเสนอความต้องการภายใต้กรอบ JCPP ทั้งด้านการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งในพื้นที่, ด้านสิทธิมนุษยชนและกฏหมายที่เกี่ยวข้อง, ด้านเศรษฐกิจและการพัฒนา, ด้านการศึกษา, การแสวงหาทางออกทางการเมือง, การจัดเวทีการแสดงความคิดเห็นอย่างต่อเนื่องเพื่อลดความหวาดระแวง และการสร้างความเข้าใจตรงกันถึงความคืบหน้าของคณะพูดคุยเพื่อสันติสุข นอกจากนี้ยังมีการแสดงความคิดเห็นจากผู้นำศาสนาในเรื่องการดูแลความปลอดภัยในการประกอบศาสนกิจของพระสงฆ์ในพื้นที่

แม่ทัพภาคที่ 4 ในฐานะหัวหน้าคณะประสานงานระดับพื้นที่ กล่าวว่า การขับเคลื่อนในคณะสล. 3 ยังคงเดินหน้าขับเคลื่อนต่อไป ให้สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลใหม่ คาดว่าไม่แตกต่างจากนโยบายเดิมที่เป็นยุทธศาสตร์เดิมที่ทำอยู่ นั่นคือการดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ซึ่งเรามีจุดยืนการปฏิบัติงานที่ชัดเจน ไม่ว่ารัฐบาลไหน ช่วงการเปลี่ยนผ่านของรัฐบาลในขณะนี้ เราก็พร้อมที่จะให้คำแนะนำ ให้ข้อมูลกับทุกฝ่าย ประชาชนเองก็พร้อมที่จะให้การสนับสนุนเพื่อเกิดความสันติสุขในพื้นที่ ส่วนประเด็นการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ และอาจจะมีผลกระทบต่อการปรับโครงสร้างการปฏิบัติงาน ไม่ได้มีความกังวลแต่อย่างใด

เพราะเราพร้อมที่จะตอบคำถามกับทุกภาคส่วนว่า ทำไมจังหวัดชายแดนภาคใต้ยังต้องการการดูแลรักษาความปลอดภัยจากเจ้าหน้าที่ทหารอยู่ และในวันนี้ก็จะได้นำคำแนะนำ ข้อเสนอแนะจากทุกภาคส่วนไปแก้ไข ปรับปรุงการทำงานดูแลกลุ่มเปราะบาง ผู้นำศาสนา หรือการเพิ่มประสิทธิภาพการป้องกันเหตุความรุนแรงในพื้นที่ และที่สำคัญคือการอยากให้ประชาชนทุกคนในพื้นที่ ได้รับทราบข้อมูล ทุกข้อสรุปของการประชุมหารือ ให้พร้อมเดินหน้า นำไปสู่การหาทางออกของปัญหาที่เกิดขึ้นในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ตลอดจนเป็นการขับเคลื่อนงาน การสร้างสภาวะแวดล้อมที่เอื้อต่อการพูดคุยสันติสุขต่อไป

ด้าน พลตรี ปราโมทย์  พรหมอินทร์ รองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ในฐานะ หนึ่งในคณะพูดคุยเพื่อสันติสุข ยืนยันว่า ไม่ว่าทิศทางทางการเมือง หรือรัฐบาลจะมีการเปลี่ยนแปลงในรูปแบบใด คณะประสานงานระดับพื้นที่ (สล.3) ยังคงเดินหน้าหารือความคิดเห็นต่าง ๆ ปรับการดำเนินงานให้สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลในอนาคต และต้องตรงกับความต้องการของพี่น้องประชาชนในพื้นที่ ซึ่งการเปิดเวทีการพูดคณะของคณะ สล. 3 มีความคืบหน้าไปมากแล้ว นับเป็นกลไกที่มีความแข็งแกร่ง พร้อมยืนยันว่ากระบวนการพูดคุยเพื่อสันติสุขสามารถเดินหน้าต่อไปอย่างแน่นอน ส่วนข้อจำกัดในประเด็นที่ว่ารัฐบาลไทยไม่มีความจริงใจ ในกระบวนการพูดคุยเพื่อสันติสุข พลตรี ปราโมทย์ ยืนยันว่า ที่ผ่านมารัฐบาลไทยมีความพยายามที่จะสร้างบรรยากาศให้เอื้อต่อการพูดคุยเพื่อสันติสุข

และมีการสื่อสารสร้างความเข้าใจกับพี่น้องประชาชนในทุกกลุ่มเวทีการพูดคุยมาตลอด ไม่มีการปิดกั้นการแสดงความคิดเห็นแต่อย่างใด เพราะเชื่อว่าสิ่งหนึ่งที่สำคัญในการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งอย่างสันติวิธีได้ คือกลไกที่ฝ่ายจะได้เข้ามามีส่วนร่วมในทุกกระบวนการและต้องคำนึงถึงประโยชน์ของทุกฝ่ายอย่างเท่าเทียม

ข่าว.แวดาโอ๊ะ​/อัสมา​ หะไร​ จ.นราธิวาส


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top