Friday, 17 May 2024
แพทย์

ทุกวินาทีมีค่า!! ‘ชาวโซเชียล’ แห่ชื่นชม สองคุณหมอน้ำใจงาม เข้าช่วยอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์ จากคราบน้ำมันรั่ว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเพจของโรงพยาบาลด่านช้าง อ.ด่านช้าง จ.สุพรรณบุรี ได้มีการโพสต์เรื่องราวของผู้อำนวยการโรงพยาบาล และนายแพทย์ ที่ระหว่างเดินทางกลับจากการปฏิบัติราชการได้พบอุบัติเหตุและมีผู้บาดเจ็บจึงได้รีบลงจากรถยนต์เพื่อเข้าช่วยเหลือผู้บาดเจ็บและทำความสะอาดพื้นถนนอีกด้วย โดยชาวโซเซียลต่างเข้ามาแสดงความคิดเห็นและชื่นชมคุณหมอทั้งสองท่าน

โดยทางเพจได้โพสต์ข้อความว่า "นายแพทย์เดชา พงษ์สุพรรณ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลด่านช้าง และนายแพทย์ธีรวัต รัตนพิชญชัย แพทย์ศัลยกรรมของโรงพยาบาลด่านช้างให้การช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์ลื่นล้มเนื่องจากคราบน้ำมันรั่วไหลบนพื้นถนนและโทรประสานงาน 1669 เพื่อให้มารับผู้ประสบเหตุเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลอู่ทองต่อไป"

คุณลุงเป็นคนซื่อ!! 'โซเชียล' เอ็นดู!! เมื่อหมอบอกให้คนไข้เก็บของก่อนกลับบ้าน 'เสาห้อยน้ำเกลือ-อุปกรณ์การแพทย์-โต๊ะพับ' ถูกเก็บเรียบ

อมยิ้ม!! คนไข้ มารยาทงาม ก่อนกลับบ้าน เก็บของให้ รพ. ‘เรียบร้อย’ ชาวเน็ตแซวเห็นแบบนี้ แข็งแรงแล้วแน่นอน

เป็นคลิปวงจรปิดที่ทำเอาโซเชียลเอ็นดู หลังคนไข้รายหนึ่งต้องแอดมิทในโรงพยาบาล จนอาการดีขึ้น และแพทย์วินิจฉัยให้กลับบ้านได้ ปรากฏว่าเจ้าตัวเก็บของให้อย่างดี ทั้งเสาห้อยน้ำเกลือ เครื่องอุปกรณ์การแพทย์ชิ้นโต กระทั่งโต๊ะก็พับอย่างดี แต่งานนี้ชาวเน็ตถึงกับปรามว่า บางอย่างไม่ต้องก็ได้ครับ

ทางรอดวิกฤตฝุ่น ‘แพทย์’ แนะ 6 วิธีเอาตัวรอด ท่ามกลางฝุ่น PM 2.5 เลี่ยงภัยอันตราย หวั่นกระทบสุขภาพ ปชช. ในระยะยาว

แพทย์แนะการปฏิบัติตัวของประชาชนในช่วงวิกฤติ 'ฝุ่น PM 2.5'

ราชวิทยาลัยอายุรแพทย์แห่งประเทศไทย ร่วมกับ 5 สมาคมวิชาชีพเวชกรรม อาทิ สมาคมอุรเวชช์แห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ , สมาคมโรคไตแห่งประเทศไทย , สมาคมแพทย์โรคหัวใจแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ , สมาคมประสาทวิทยาแห่งประเทศไทย และสมาคมพิษวิทยาคลินิก ได้ออกคำแนะนำการปฏิบัติตัวของประชาชนในช่วงวิกฤติ "ฝุ่น PM 2.5"

เป็นที่ทราบ และตระหนักกันดีถึงพิษภัยต่อสุขภาพจาก ฝุ่น PM 2.5 ทั้งผลเฉียบพลัน และผลเรื้อรัง ไม่เฉพาะผลต่อระบบการหายใจที่เป็นช่องทางนําพาฝุ่นเข้าสู่ร่างกายเท่านั้น ฝุ่น PM 2.5 ยังมีผลต่อการเกิดโรคระบบต่าง ๆ เช่น ระบบหลอดเลือดและหัวใจ ระบบประสาท หลอดเลือดสมอง และโรคไต

ประชาชนกลุ่มเสี่ยงที่จะได้รับอันตรายได้มากคือ เด็ก หญิงตั้งครรภ์ ผู้สูงอายุ และผู้ที่มีโรคเรื้อรัง (โรคปอด หัวใจ สมอง และไต) ในขณะที่ทุกภาคส่วนกําลังระดมสมองแก้ไขปัญหาทั้งในระยะสั้น และระยะยาว 

ไขมันตัวร้าย ‘แพทย์’ แนะเลิกใช้น้ำมันหมู หันใช้น้ำมันพืชแทน ชี้!! เสี่ยง ‘เส้นเลือดหัวใจตีบ-อัมพาต-กล้ามเนื้อหัวใจตาย’

คนไข้รอดหวุดหวิด หลังคุณหมอบอกให้เปลี่ยนจากใช้น้ำมันหมู มาเป็นน้ำมันพืช ค่าไขมันบ่งชัด ต่างกันขนาดนี้เลย

คนไข้รอดหวุดหวิด หลังหมอบอกให้เปลี่ยนจากใช้น้ำมันหมู มาเป็นน้ำมันพืช  เดี๋ยวนี้ผู้คนมักป่วยกันง่ายขึ้น ไม่ใช่เพราะดูแลตัวเองไม่ดี แต่เป็นเพราะสิ่งแวดล้อมที่มีมลพิษที่หนักหนาขึ้น จึงทำให้หลายคนป่วยง่าย แต่สิ่งหนึ่งที่ขาดไม่ได้คือเรื่องอาหารการกิน เพราะจุดเริ่มต้นของสุขภาพที่ดีก็คืออาหาร 

เกี่ยวกับเรื่องนี้ล่าสุด นพ.วรุตม์ พิสุทธินนทกุล หมอผ่าตัดที่โรงพยาบาลหาดใหญ่ ได้เผยภาพผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ซึ่งเป็นภาพการตรวจสุขภาพของคนไข้คนหนึ่ง ซึ่งเป็นคนไข้ที่เคยผ่าตัดบายพาสหัวใจ จากอดีตที่คนไข้มีไขมันเลวถึง 215 ซึ่งอยู่ในระดับที่สูงขนาดที่ว่าอาจเป็นเส้นเลือดหัวใจตีบอีกรอบ ลงมาเหลือแค่ 103

ทั้งนี้ คนไข้คนดังกล่าว เคยเข้ารับการผ่าตัดมาหลายปี ผลเลือดดีมาตลอด แต่คนไข้ได้รับความรู้มาผิด ๆ จากการพยายามหาความรู้ด้านการรักษาสุขภาพ โดยบอกว่า ให้เปลี่ยนจากน้ำมันพืชมาใช้น้ำมันหมู จากที่คุมค่าเลือดได้ กลายเป็นค่าไขมันทะลุ 200 คุณหมอเลยบอกว่าต้องเปลี่ยนกลับมาใช้น้ำมันพืชตามเดิม และค่าไขมันก็ลดลงมา

"ขอเหอะ หยุดใช้น้ำมันหมู มันหมูปรุงอาหาร มันทำลายสุขภาพทั้งเส้นเลือดหัวใจตีบ เส้นเลือดสมองตีบอัมพฤกษ์ อัมพาต กล้ามเนื้อหัวใจตายและอีกมากมาย สรุป น้ำมันหมูทำไขมันตัวร้ายพุ่งเพิ่มความเสี่ยงโรคหลอดเลือด ให้ใช้น้ำมันพืชตามปกติ"
 

‘แพทย์’ ยก ‘วิจัยมะกัน’ เผยเด็กที่สูด PM 2.5 ทำโครงสร้างสมองเปลี่ยน ส่งผลต่อความฉลาด

วันที่ 17 มีนาคม 2566 ผศ.นพ.สุรัตน์ ตันประเวช หัวหน้าหน่วยประสาทวิทยา ภาควิชาอายุรศาสตร์ และเลขานุการและกรรมการบริหารศูนย์โรคสมองภาคเหนือ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ โพสต์เฟซบุ๊กผ่าน “สาระสมองกับ อจ.หมอสุรัตน์” อ้างถึงผลงานวิจัยเกี่ยวกับเอฟเฟกต์จากการสูดฝุ่นละอองขนาดเล็ก หรือ PM2.5 ว่า เด็กสูด PM2.5 โครงสร้างสมองเปลี่ยนนะครับ

“โง่ลง เพราะ pm 2.5”

คนสูงวัยเจอ pm 2.5 เสี่ยงสมองเสื่อม และ stroke แล้ว เด็กเป็นอย่างไร
งานวิจัย ถึง pm 2.5 ใน อเมริกา ที่อยู่ในถิ่นที่อากาศไม่สู้ดีนัก พบว่า โครงสร้างสมองเปลี่ยนไป เลยทีเดียว การเปลี่ยนแปลง มันรวมถึงความหนาตัวของเซลล์ประสาทนึกคิด ที่มันบางลง ซึ่งเป็นตำแหน่งความฉลาดด้วย

อีกงานวิจัย ดูความจำ ความคิดเร็ว ก็พบว่าเปลี่ยนไป เช่นกัน
pm2.5 เพิ่มอัตราการทุพลภาพผู้สูงวัย
pm 2.5 ลดพัฒนาการสมองเด็ก

'ม.หอการค้า' เผย 10 อาชีพ จองใจ Gen Z ปี 2567 'วิศวกรไซเบอร์-แพทย์-ยูทูบเบอร์-หมอดู' มาแรง!!

(26 ม.ค. 67) นายวชิร คูณทวีเทพ ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายยุทธศาสตร์และผู้อำนวยการสถาบันยุทธศาสตร์การค้า มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยผลสำรวจสถานการณ์ตลาดแรงงานไทยในปีนี้ ที่ขับเคลื่อนด้วยเด็ก Gen Z โดยพบว่า ณ สิ้นไตรมาส 3 ปี 2566 ประเทศไทย มีจำนวนคนว่างงาน อยู่ที่ระดับใกล้เคียงกับช่วงก่อนการแพร่ระบาดของโควิด-19 อยู่ที่ 0.99% หรือมีผู้ว่างงาน 4.01 แสนคน ส่วนสถานการณ์ 'ผู้มีงานทำ' อยู่ที่ 40.1 ล้านคน เพิ่มขึ้น 1.3% จากปีก่อน

นอกจากนี้ ยังได้เปิดผลสำรวจ 10 อาชีพเด่นในฝันเด็กรุ่นใหม่ Gen Z ในปี 2567 อีกด้วย

สำหรับ 10 อันดับ อาชีพเด่นปี 2567 ได้แก่...

1. วิศวกรความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ หรือเจ้าหน้าที่ทางเทคนิคความปลอดภัย

2. แพทย์ (ด้านศัลยกรรม ด้านผิวหนัง) 

3. นักกายภาพบำบัดนักจิตวิทยา และ ทันตแพทย์ 

4. นักวิเคราะห์ข้อมูล หรือนักออกแบบข้อมูล

5. ยูทูบเบอร์, TikToker, อินฟลูเอนเซอร์, สตรีมเมอร์, พ่อค้า-แม่ค้าออนไลน์, ดารานักแสดง, นักร้อง 

6. นักการตลาดออนไลน์, นักพัฒนาซอฟต์แวร์ 

7. นักวิเคราะห์การเงิน,ที่ปรึกษาทางการเงิน และนักวางแผนทางการเงิน 

8. ผู้ประกอบการ (ธุรกิจส่วนตัว) 

9. ที่ปรึกษากฎหมาย ทนายความ และกฎหมาย 

10. ติวเตอร์ และ หมอดู

ทั้งนี้ได้มีการวิเคราะห์ เหตุผล ที่ทำให้บางอาชีพมีความโดดเด่นในหมู่ Gen Z โดยมีคำอธิบาย ดังนี้...

- อาชีพเด่นอันดับ 1 อย่าง วิศวกรความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ มาจากโลกเข้าสู่ยุคดิจิทัลที่ข้อมูลมีมากมายมหาศาล ทำให้ความปลอดภัยของข้อมูลองค์กรเป็นสิ่งสำคัญ เป็นอาชีพที่มีผลตอบแทนสูง ตลาดขาดแคลนจึงมีความต้องการแรงงานสูง 

- อาชีพเด่นอย่าง YouTuber, TikToker, อินฟลูเอนเซอร์ เป็นเพราะปัจจุบันอาชีพดังกล่าวเข้ามามีบทบาทสำคัญต่อธุรกิจ วัฒนธรรม การศึกษามากขึ้นทั้งในแพลตฟอร์มออนไลน์และออฟไลน์ ผู้คนให้ความสำคัญกับโซเชียลมีเดียมากขึ้น สามารถสร้างแบรนด์ของตัวเองและสื่อสารกับกลุ่มเป้าหมายได้โดยตรง สร้างรายได้และโอกาสใหม่ๆ ทำเป็นอาชีพเสริมได้มีอิสระในการทำงาน

- อาชีพเด่นอย่าง ผู้เชี่ยวชาญอี-คอมเมิร์ซ และ พ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ มาจาก เทรนด์การค้าผ่านออนไลน์ได้รับความนิยมมากขึ้น รวมถึงมีรูปแบบการตลาดใหม่ๆผู้บริโภคลดการใช้จ่ายผ่านหน้าร้าน เช่น ร้านสะดวกซื้อ ห้างสรรพสินค้า ซูเปอร์มาร์เก็ต มาเป็นการใช้จ่ายผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ E-commerce มากขึ้น รวมทั้งกระแสการซื้อก่อนจ่ายทีหลังช่วยให้ผู้บริโภคมีทางเลือกในการซื้อสินค้าได้ง่าย มีต้นทุนในการเริ่มต้นธุรกิจน้อย

ท้ายสุดกับอีกอาชีพเด่น อย่าง 'หมอดู' มาจากความต้องการดูหมอมีมากขึ้นในยุค 'มูเตลู' มีอัตราผลตอบแทนสูงสามารถต่อยอดธุรกิจด้านความเชื่อได้หลากหลาย โดยเฉพาะการจำหน่ายวัตถุมงคล เช่น กระเป๋าเงินประจำวันเกิด หรือการสร้างแอปพลิเคชัน ดูดวง/เสริมมงคล เพื่อขายผ่านสมาร์ตโฟน ฯลฯ อีกทั้งมีต้นทุนไม่มาก ไม่จำเป็นต้องมีสถานที่ดูดวงเป็นของตนเอง รวมถึงดูดวงผ่านออนไลน์ได้ 

'เครือข่ายโรงพยาบาล-รร.แพทย์' ร้อง 'ชลน่าน' ช่วยสางปม 'สปสช.' ค้างจ่าย ทำขาดสภาพคล่อง

สภาพคล่องในเครือข่ายโรงพยาบาล-โรงเรียนแพทย์ เริ่มก่อตัวชัด และภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ก็ได้เข้ายื่นหนังสือต่อ รมว.สธฯ เมื่อ 14 ก.พ. เพื่อช่วยสางปัญหา สปสช.ค้างจ่าย 'รพ.- คลินิกในกทม.' หลังเกิดปัญหาขาดสภาพคล่อง ซึ่งขณะนี้ทางด้านคลินิกใน กทม.ก็มีการใส่ชุดดำ-ขึ้นป้ายประท้วงเงียบกันแล้วด้วย

เกี่ยวกับเรื่องนี้สืบเนื่องมาจากเมื่อวันที่ 7 ก.พ.67 นพ.พินัย ล้วนเลิศ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านการแพทย์ และสาธารณสุข กองทุนหลักประกันสุขภาพ กทม. กล่าวว่า ขณะนี้ปัญหาการขาดสภาพคล่องจากการบริการของ สปสช. ในพื้นที่ กทม.เริ่มชัดเจน หลังมีการเปลี่ยนแปลงจากการจ่ายเงินแบบรายหัว เป็นรายการการให้บริการ ในปี 2564 ซึ่งในปีงบประมาณ 2566 มีการตั้งวงเงิน 2,685 ล้านบาท จากเงินประชากรบัตรทอง 2.52 ล้านคน จ่ายให้หน่วยปฐมภูมิ 365 แห่ง

แต่กลับพบว่ามียอดเรียกเก็บจากการบริการรับต่อ OP refer ถึง 1,900 ล้านบาท และยังต้องจ่ายให้หน่วยปฐมภูมิ 1,345 ล้านบาท ทำให้ขาดเงินและงบประมาณไม่เพียงพอถึง 560 ล้านบาท ที่ผ่านมา ทาง สปสช.มีจ่ายเงินให้กับคลินิก ในการให้บริการผู้ป่วยนอก 70% เท่านั้น

ด้าน นางศรินทร สนธิศิริกฤตย์ เจ้าของคลินิกเวชกรรมอารีรักษ์ คลองเตย กล่าวว่า เคยเข้าร่วมทำ รพ.สนามคลองเตยเมื่อช่วงสถานการณ์โควิด-19 ต่อมาจึงมีแนวคิดเปิดคลินิก เมื่อ 1 ก.พ.2566 เพื่อให้ความช่วยเหลือประชาชนในพื้นแออัดในพื้นที่คลองเตย เพื่อให้บริการผู้ที่ขาดโอกาสทางสุขภาพอย่างเท่าเทียม โดยผู้ใช้บริการส่วนใหญ่เป็นคนในสิทธิหลักประกันสุขภาพ และสิทธิ์บริการอื่นเพียง 5%

โดยเม็ดเงินที่หมุนเวียนในคลินิกมาจาก สปสช.เป็นหลัก แต่เมื่อเริ่มเปิดคลินิกพบว่า มีปัญหาคือ ไม่สามารถเรียกเก็บค่าใช้จ่ายจาก สปสช. ได้เต็มจำนวน มีการจ่ายเพียง 70% ของยอดเรียกเก็บ และ สปสช.แจ้งว่าจะพิจารณาจัดสรรเงินให้กับคลินิกแบบเต็มจำนวน หลังเดือน ก.ย.2566

นางศรินทร กล่าวว่า ที่ผ่านมา คลินิกต้องแบกภาระขาดทุนเดือนละ 200,000 บาท โดยค่าใช้จ่ายจริงที่คลินิกอยู่ที่เดือนละ 500,000-700,000 บาท เป็นค่าตอบแทนแพทย์ - พยาบาล - นักวิชาการสาธารณสุข 450,000 บาท ที่เหลือเป็นค่ายา และเวชภัณฑ์ รวมทั้งปัญหาการส่งต่อคนไข้ไปโรงพยาบาลขนาดใหญ่ด้วย 

นอกจากนี้ยังมีปัญหาการให้ผู้ป่วยนอกไปรับยาที่จุดบริหารไหนก็ได้ หรือ OPD ANYWHERE ทำให้ตั้งแต่เปิดคลินิกมาขาดทุนไปแล้ว 10 ล้านบาท จึงอยากให้ สปสช.มาพูดคุยและแก้ปัญหาอย่างจริงจัง

"คลินิกใน กทม.หารือร่วมกันว่า จะตัดสินใจขึ้นป้ายดำ ใส่ชุดดำเพื่อแสดงการร้องทุกข์และสะท้อนให้เห็นปัญหาของคลินิก ที่ผ่านมา สปสช. นิ่งเฉยกับปัญหาที่เกิดขึ้น ทำได้เพียงแค่โปรยยาหอมให้ใจเย็น และให้เป็นกรรมการแก้ไขปัญหา และเสนอไปยังบอร์ด แต่ทุกอย่างก็ถูกตัดทิ้ง ไม่ได้รับตอบสนอง"

รศ.นพ.นเรนทร์ โชติรสนิรมิต ผอ.โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ กล่าวว่า ขณะนี้ รพ.ยังคงให้บริการประชาชนตามปกติ อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่า เมื่อกลางเดือน ม.ค.ที่ผ่านมา โรงพยาบาลกำลังเผชิญปัญหาขาดสภาพคล่อง ซึ่งเป็นผลมาจากปัญหาการเบิกจ่ายของ สปสช. 90 ล้านบาท คาดว่า ยอดสะสมปัจจุบันน่าจะถึง 100 ล้านบาท และหากไม่รีบแก้ไขเกรงว่า โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยต่าง ๆ จะไม่สามารถดำเนินการต่อไปได้อย่างสะดวก

ที่ผ่านมาทางตัวแทน เครือข่ายโรงพยาบาล กลุ่มสถาบันแพทยศาสตร์ ประเทศไทย (UHOSNET) ได้ทำหนังสือถึง รมว. สธ. ในฐานะประธานบอร์ด สปสช. และในวันที่ 14 ก.พ.นี้ ทางตัวแทนจะไปยื่นจดหมายเปิดผนึกถึงรัฐมนตรี และแถลงข่าวที่กระทรวงสาธารณสุข

"หากไม่เร่งแก้ไข มีผลในระยะยาวแน่นอน และโรงพยาบาลคงไม่สามารถยืนต่อไปได้ ต้องขอความช่วยเหลือจากรัฐบาล คนเป็นหมอ พูดเรื่องเงินทองก็ลำบากใจ ให้พูดกับคนไข้ก็ลำบาก ต้องให้รัฐมนตรีสาธารณสุข ช่วยแก้ไข"

‘รัฐบาลเกาหลีใต้’ ประกาศมาตรการเล็งพึ่ง ‘หมอต่างชาติ’ หลังแพทย์ฝึกหัดลาออก-หยุดงานประท้วง ต้านแผนปฏิรูป

(10 พ.ค. 67) การลาออกและผละงานประท้วงของเหล่าแพทย์ฝึกหัดจำนวนมากในประเทศเกาหลีใต้ เนื่องจากไม่พอใจแผนการปฏิรูปของรัฐบาล โดยเฉพาะการเพิ่มโควต้ารับนักศึกษาแพทย์ในแต่ละปีเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นปัญหายืดเยื้อมานานหลายเดือนและยังไม่ได้ข้อยุติ ซึ่งกระทบต่อการให้บริการทางการแพทย์แก่ประชาชนนั้น

ล่าสุด นายฮัน ด็อก-ซู นายกรัฐมนตรีของเกาหลีใต้ ประกาศในวันศุกร์ที่ 10 พ.ค.ว่า เกาหลีใต้จะเปิดรับแพทย์ต่างชาติที่มีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพแพทย์เข้ามาทำงานในโรงพยาบาลต่าง ๆ ของเกาหลีใต้ได้ ทั้งนี้ เพื่อบรรเทาปัญหาติดขัดในการให้บริการทางการแพทย์ในสถานพยาบาล

นายกรัฐมนตรีฮัน ด็อก-ซู กล่าวอีกว่า รัฐบาลจะตรวจสอบให้แน่ใจว่า “มีระบบความปลอดภัยที่สมบูรณ์ถี่ถ้วนเพื่อป้องกันไม่ให้แพทย์ที่ไม่มีคุณสมบัติเหมาะ (ที่มีใบอนุญาตจากต่างประเทศ) มารักษาคนไข้ของเรา”

หลังรัฐบาลเกาหลีใต้ประกาศมาตรการพึ่งหมอต่างชาติ นายลิม ฮยอน-แท็ก หัวหน้าสมาคมแพทย์เกาหลี (KMA) ก็ได้แชร์รูปประกอบรายงานข่าวเรื่องแพทย์จบใหม่ชาวโซมาเลีย พร้อมข้อความว่า “เร็ว ๆ นี้”

ก่อนที่ภาพดังกล่าวจะถูกลบทิ้งไปหลังจากถูกกระแสตีกลับในโลกออนไลน์ที่เสียงวิพากษ์วิจารณ์การโพสต์ดังกล่าวอย่างหนัก ซึ่งนายคิม แจ-ฮยอน เลขาธิการขององค์กรพัฒนาเอกชนแห่งหนึ่งที่สนับสนุนการรักษาพยาบาลฟรี กล่าวว่า เป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสมและเป็นการเหยียดเชื้อชาติอย่างชัดเจน

“โพสต์นั้นแสวงหาประโยชน์จากโรคกลัวอิสลามและทัศนคติแบบเหมารวมต่อประเทศกำลังพัฒนา” คิม แจ-ฮยอนกล่าว

ทั้งนี้ แพทย์ฝึกหัดในเกาหลีใต้จำนวนเกือบหมื่นคนได้ลาออกหรือหยุดงานประท้วงมาตั้งแต่วันที่ 20 กุมภาพันธ์ เพื่อประท้วงแผนปฏิรูปของรัฐบาลที่มุ่งเพิ่มโควต้ารับนักศึกษาแพทย์เพิ่มขึ้นอีกปีละ 2,000 คน โดยกลุ่มผู้ประท้วงโต้แย้งว่าแผนปฏิรูปดังกล่าวจะกัดกร่อนคุณภาพการให้บริการทางการแพทย์แก่คนไข้

ก่อนหน้านี้รัฐบาลเกาหลีใต้ได้พยายามหาทางไกล่เกลี่ยมาแล้วแต่ไม่เป็นผล เนื่องจากกลุ่มแพทย์ที่ประท้วงต้องการให้ยกเลิกแผนปฏิรูปดังกล่าวไปทั้งหมด โดยขณะนี้การต่อสู้ในเรื่องนี้ยังอยู่ในชั้นศาล คาดว่าศาลสูงโซลจะมีคำตัดสินออกมาในสัปดาห์หน้า

‘รพ.พรเจริญ’ บึงกาฬ วิกฤต!! สิ้น พ.ค. มีแพทย์ประจำเหลือแค่ 1 คน เร่งประสานยืมแพทย์จาก รพ.ใกล้เคียง เพื่อให้เพียงพอในการดูแลผู้ป่วย

(15 พ.ค. 67) เพจเฟซบุ๊ก ‘โรงพยาบาลพรเจริญ’ ตั้งอยู่ใน อ.พรเจริญ จ.บึงกาฬ โพสต์ข้อความระบุว่า…

“ประกาศประชาสัมพันธ์จากโรงพยาบาลพรเจริญ

ตั้งแต่วันที่ 27 - 31 พฤษภาคม 2567 โรงพยาบาลพรเจริญ จะมีแพทย์ประจำเหลือ 1 คน และแพทย์ประจำต้องดูแลผู้ป่วยฉุกเฉิน โรงพยาบาลพรเจริญจึงได้กำหนดให้มีแนวทางแก้ปัญหาการให้บริการดังนี้

1. ประสานยืมแพทย์ช่วยตรวจจากโรงพยาบาลข้างเคียง

2. ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง (เบาหวาน, ความดันโลหิตสูง, สุขภาพจิต, ไทรอยด์) ที่มีนัดในช่วงดังกล่าวผู้ป่วยสามารถมารับบริการได้ตามปกติ โดยหากผลตรวจปกติ หรืออาการป่วยคงที่พยาบาลวิชาชีพจะสั่งยาเดิมให้ (ไม่ต้องพบแพทย์) และจะปรึกษาแพทย์ในรายที่มีผลเลือดผิดปกติ หรืออาการผิดปกติเท่านั้น 

3. ผู้ป่วยคลอดและอุบัติเหตุฉุกเฉินให้บริการ 24 ชั่วโมง

โรงพยาบาลพรเจริญจึงขอแจ้งให้ผู้รับบริการทราบ และต้องขออภัยมา ณ โอกาสนี้หากการบริการเป็นไปอย่างล่าช้ากว่าปกติ โรงพยาบาลจะให้บริการได้ตามปกติตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2567 เป็นต้นไป

ประกาศ ณ วันที่ 14 พฤษภาคม 2567

โทร.042 487 099 ต่อ 155 (ฝ่ายงานบริหารทั่วไป)”


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top