Friday, 10 May 2024
แจกเงิน

‘โซเชียล’ ท้วง!! หลัง กกต. ชี้!! แจกเงินดิจิทัลไม่ผิด หวั่น!! สร้างบรรทัดฐานใหม่ ใช้เงินแผ่นดินหาเสียง

(12 เม.ย.66) จากเฟซบุ๊ก ‘Sompob Pordi' ของ นายสมภพ พอดี นิสิตเก่าจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้โพสต์ข้อความถึงนายแสวง บุญมี เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง ความว่า…

ตามที่มีรายงานข่าวว่า ท่านได้กล่าวถึงนโยบายพรรคการเมืองหนึ่งที่สัญญาว่า หากได้เป็นรัฐบาลแล้ว จะแจกเงินดิจิทัลจำนวน ๑๐,๐๐๐ บาทให้ประชาชนทุกคนที่อายุ ๑๖ ปีขึ้นไปนั้นว่า…

…เป็นนโยบายที่ใช้งบประมาณแผ่นดินอยู่แล้ว หากได้ไปเป็นรัฐบาล นโยบายลักษณะนี้จะไม่ผิดกฎหมายสัญญาว่าจะให้ ซึ่งนโยบายที่จะเข้าข่ายสัญญาว่าจะให้ คือการใช้เงินที่ไม่ใช่เงินของแผ่นดิน...
ผมใคร่ขอให้ท่านพิจารณาข้อความตามพรบ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการ เลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร มาตรา ๗๓ วรรค ๑ ซึ่งมีข้อความว่า…

ผู้สมัครหรือผู้ใด จัดทำให้ เสนอให้ สัญญาว่าจะให้ หรือจัดเตรียมว่าจะให้ทรัพย์สิน หรือผลประโยชน์อื่นใด…มีความผิดตามกฎหมาย โดยมีบทลงโทษจำคุกตั้งแต่ ๑ ถึง ๑๐ หรือปรับตั้งแต่ ๒๐,๐๐๐ ถึง ๒๐๐,๐๐๐ บาท หรือทั้งจำทั้งปรับนั้น

ว่า มีถ้อยคำใดในกฏหมายดังกล่าวที่ระบุว่าการสัญญาว่าจะให้ จะต้องเป็นเงินของผู้สัญญาเอง หากเป็นเงินของแผ่นดิน ให้ถือว่าไม่เป็นความผิด หรือไม่? 

‘เศรษฐีปราจีนฯ’ แจกข้าวสาร 1,500 ถุง เงินสดกว่า 50,000 บาท ให้ชาวบ้าน เพื่อทำบุญให้บรรพบุรุษ เผย ยังคงจะแจกต่อไป จนกว่าไม่มีกำลัง

(22 เม.ย.66) เนื่องในโอกาสเทศกาลเซงเม้ง คนไทยเชื้อสายจีนมีการทำบุญให้แก่บรรพบุรุษ ที่ฮวงซุ้ย หมู่ที่ 1 ต.ท่าตูม อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี นายพรชัย หวังศุภกิจโกศล อายุ 45 ปี พร้อมญาติ ได้เดินทางไปกราบไหว้บรรพบุรุษแล้วได้ทำบุญโดยการนำข้าวสารไปแจกจ่ายให้กับชาวบ้านหมู่ที่ 1 ในพื้นที่ตำบลท่าตูม มีชาวบ้านในพื้นที่ทราบข่าวแห่เดินทางไปเข้าคิวรอรับการแจกข้าวสารเป็นจำนวนมาก

โดยการแจกข้าวสารครั้งนี้ นายพรชัย หวังศุภกิจโกศล ได้เตรียมข้าวสารไปแจกจำนวน 1,500 ถุง ปรากฏว่า ไม่เพียงพอกับชาวบ้านที่แห่เดินทางไปรอรับข้าวสาร ทางผู้แจกต้องนำเงินสดมอบให้แทนรายละ 200 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้นกว่า 50,000 บาท ซึ่งปีนี้เป็นปีที่ 3 แล้วที่นายพรชัย หวังศุภกิจโกศล อายุ 45 ปี พร้อมญาติ นำข้าวสารมาแจกให้กับประชาชนในพื้นที่

นายพรชัย หวังศุภกิจโกศล กล่าวว่า ทางเราได้แจกข้าวสารให้กับประชาชน เพราะทางอากง อาม่า และบรรพบุรุษของเรากำชับตลอดว่าถ้าเรามีเงินทองแล้วเราต้องตอบแทนชาวบ้าน วันนี้เราเลยมาแจกข่าวสาร ซึ่งเราทำกันมาทุกปี ซึ่งปีนี้แจกทั้งหมด 1,500 ถุง และก็ยังจะแจกต่อไปเรื่อยๆ จนกว่าเราจะไม่มีกำลังที่จะทำได้


ที่มา : https://www.naewna.com/local/726025

'บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์' นำทัพนักแสดง ยืนโบกแท็กซี่ แจกเงินคันละ 500 บาท ถวายเป็นพระราชกุศลแด่ ‘ในหลวง’ เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา

ไม่นานมานี้ เฟซบุ๊กของ ‘บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์’ นำดารานักแสดง มายืนโบกรถแท็กซี่ จุดริมถนน อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ พร้อมแจกเงินให้ คันละ 500 บาท เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา ครบรอบ 71 พรรษา 

โดย บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ ตั้งเป้าการแจกเงินในวันนี้จำนวน 56 คัน เพื่อหวังช่วยแบ่งเบาภาระ ค่าเช่ารถ ค่าแก๊ส ให้แท็กซี่ที่ผ่านมาจุดบริเวณดังกล่าว

'สิงคโปร์' เตรียมแจกเงินช่วยเหลือค่าครองชีพแบบถ้วนหน้า สูงสุด 2 หมื่นบาท บรรเทาทุกข์ประชาชนได้อย่างถูกต้อง - เท่าเทียม เท่าที่จะเป็นไปได้

รัฐบาลสิงคโปร์อัดฉีดงบประมาณเพิ่มอีก 1.1 พันล้านเหรียญสิงคโปร์ เตรียมแจกเงินให้ชาวสิงคโปร์ที่มีอายุตั้งแต่ 21 ปีขึ้นไป ตั้งแต่ 200-800 เหรียญสิงคโปร์ (ประมาณ 5,200 - 21,000 บาท) ภายในเดือนธันวาคมปีนี้ เพื่อช่วยแบ่งเบาปัญหาเงินเฟ้อ และค่าครองชีพที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างมากในสิงคโปร์

การแจกเงินช่วยเหลือค่าครองชีพพิเศษนี้ เป็นส่วนหนึ่งของกองทุน Assurance Package (AP) ซึ่งรัฐบาลสิงคโปร์ได้ประกาศไว้ตั้งแต่ปี 2020 ว่าจะแจกเงินให้แก่ชาวสิงคโปร์ทุกคนที่มีอายุตั้งแต่ 21 ปีขึ้น เป็นจำนวนเงิน ตั้งแต่ 700 - 2,200 เหรียญ โดยประเมินจากรายได้ต่อปี และการถือครองอสังหาริมทรัพย์เป็นรายบุคคล 

ซึ่งจะแบ่งออกเป็น 4 กลุ่มคือ...
- กลุ่มผู้มีรายได้ต่อปีไม่เกิน $34,000 
- กลุ่มผู้มีรายได้ต่อปีเกิน $34,000 แต่ไม่ถึง $100,000 
- กลุ่มผู้มีรายได้ต่อปีเกิน $100,000 
- กลุ่มที่ถือครองอสังหาริมทรัพย์มากกว่า 1 แปลงขึ้นไป 

กลุ่มที่มีรายได้น้อย ก็จะได้รับเงินช่วยเหลือมากกว่ากลุ่มรายได้สูง หรือถือครองทรัพย์สินจำนวนมาก ซึ่งเป้าหมายของการแจกเงิน ก็เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของชาวสิงคโปร์ในภาวะเงินเฟ้อ ส่งผลให้ค่าครองชีพสูงขึ้น รัฐบาลสิงคโปร์จึงอนุมัติกองทุนช่วยเหลือนี้ให้ชาวสิงคโปร์นำไปใช้ซื้อสินค้า อุปโภค บริโภค และบริการที่จำเป็น โดยจะแบ่งจ่ายเป็นรายปี เป็นระยะเวลา 5 ปี ตั้งแต่ปี 2022 - 2026 

แต่ปีนี้จะมีเงินช่วยเหลือพิเศษเพิ่มให้อีก ที่เรียกว่า AP Cash Special Payment ให้สำหรับกลุ่มคนที่มีรายได้น้อย ถึงปานกลาง สำหรับเป็นค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันอีก 200 เหรียญ 

นาย ลอเรนซ์ หว่อง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีคลังสิงคโปร์ ได้ประกาศไว้ในช่วงเดือนกันยายนที่ผ่านมาว่า รัฐบาลตัดสินใจเพิ่มงบประมาณในกองทุน Assurance Package อีก 1.1 พันล้านเหรียญ สำหรับจ่ายเป็นเงินช่วยเหลือพิเศษเพิ่มในปีนี้โดยเฉพาะ ที่จะทำให้มีเงินในกองทุนนี้สูงถึงกว่า 1 หมื่นล้านเหรียญ 

ดังนั้น ภายในสิ้นปีนี้ ชาวสิงคโปร์ที่อายุตั้งแต่ 21 ปีขึ้นไป กว่า 2.9 ล้านคน จะได้รับเงินช่วยเหลือจากรัฐบาล ทั้งจากโครงการ AP เดิม รวมกับ AP Cash Special ตั้งแต่ 200 - 800 เหรียญเลยทีเดียว

ซึ่งผู้มีสิทธิ์จะได้รับเงินผ่านระบบ PayNow ซึ่งคล้ายกับระบบ 'พร้อมเพย์' ของไทย หรือแจ้งรายละเอียดบัญชีธนาคารในเว็บไซต์ของ Assurance Package หรือ ใช้ระบบ GovCash เบิกถอนจากตู้ ATM ของธนาคาร OCBC ได้ทุกแห่งทั่วสิงคโปร์โดยไม่จำเป็นต้องเปิดบัญชีธนาคาร 

ยังไม่หมดเพียงเท่านี้ ตั้งแต่มกราคม 2024 ชาวสิงคโปร์ทุกครัวเรือนก็จะได้รับบัตรกำนัลดิจิทัล มูลค่า 500 เหรียญ ภายใต้โครงการ CDC Vouchers สำหรับจับจ่ายซื้อของใช้ในร้านค้าท้องถิ่นที่เข้าร่วมโครงการของรัฐบาล และ เงินช่วยเหลือค่าน้ำ ค่าไฟ จากโครงการ U-Save อีกราว ๆ 130-210 เหรียญต่อครัวเรือน 

ส่วนกลุ่มผู้สูงอายุ ก็จะได้รับเงินช่วยเหลือจากโครงการ AP Senior Bonus สำหรับกลุ่มผู้มีรายได้น้อย ที่มีอายุตั้งแต่ 55 ปีขึ้นไปอีก 200-300 เหรียญ และยังมี CPF MediSave กองทุนลดหย่อนค่ารักษาพยาบาล ให้อีก 150 เหรียญ 

เรียกได้ว่า ลด แลก แจก แถม ถ้วนหน้า แล้วจริง ๆ สำหรับรัฐบาลสิงคโปร์ ถึงจะเป็นประเทศที่มั่งคั่งที่สุดติดอันดับโลก แต่ก็ได้รับผลกระทบจากปัญหาค่าครองชีพสูงขึ้นเช่นเดียวกับประเทศอื่น ๆ ในย่านอาเซียน ซึ่งกลุ่มเปราะบาง รายได้น้อย หรือวัยเกษียณ มักได้รับผลกระทบมากที่สุด จึงต้องเป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่ต้องบริหารงบประมาณแผ่นดินให้ถี่ถ้วน เพื่อนำมาบรรเทาทุกข์ให้กับประชาชนได้อย่างถูกต้อง ถ้วนหน้า และ เท่าเทียม ที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ 

‘บ.เกาหลี’ ใจป้ำ!! แจกเงิน พนง. 100 ล้านวอน ต่อลูก 1 คน อุดหนุนค่าคลอดบุตร จูงใจให้คนมีลูก แก้ปัญหาเด็กเกิดน้อย

(6 ก.พ.67) บริษัท Booyoung Group เปิดตัวโครงการริเริ่มเพื่อแก้ไขปัญหาด้านอัตราการเกิดที่ลดลง ด้วยการมอบเงินสนับสนุน 100 ล้านวอนต่อลูก 1 คน ให้กับพนักงาน โดย Booyoung Group เป็นบริษัทเกาหลีใต้แห่งแรกที่ดำเนินการเช่นนี้

ประธานกรรมการของ Booyoung Group นายอี จุง-กึน ได้มอบเงินสนับสนุนด้านการคลอดบุตรเป็นจำนวนรวม 7 พันล้านวอน ให้แก่พนักงาน โดยเป็นเงินจำนวน 100 ล้านวอนต่อลูก 70 คน ที่เกิดตั้งแต่ปี 2021 ในงานพิธีขึ้นปีใหม่ที่สำนักงานใหญ่ของบริษัทฯ

นอกจากนี้ทางบริษัทยังเสนอที่จะจัดหาที่อยู่อาศัยประเภทเช่าถาวรระดับโครงการบ้านจัดสรรให้กับพนักงานที่มีลูกคนที่สาม โดยขึ้นอยู่กับเงื่อนไขว่ารัฐบาลอนุญาตให้ภาคเอกชนเข้าร่วมในตลาดที่อยู่อาศัยเช่าถาวรได้หรือไม่

อย่างไรก็ดี นายอี จุง-กึน ได้เสนอนโยบายให้มีการยกเว้นภาษีสำหรับการบริจาคเพื่อสนับสนุนการคลอดบุตร เพื่อแก้ไขปัญหาด้านอัตราการเกิดที่ต่ำ โดยอนุญาตให้ผู้บริจาคสามารถหักลดหย่อนภาษีได้ เขาเสนอให้บุคคลหรือบริษัทบริจาคได้สูงสุด 100 ล้านวอนต่อเด็กที่เกิดหลังปี 2021 และทั้งจำนวนเงินบริจาคจากบุคคลและบริษัทฯ สามารถนำไปหักลดหย่อนภาษีได้ที่สิ้นปี


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top