Tuesday, 14 May 2024
เอเปค

“พลตำรวจเอกวิระชัย” เรียกประชุมผู้นำตำรวจหน่วยหลัก เตรียมความพร้อม!! รักษาความปลอดภัย การประชุมเอเปค 2565

วันอังคารที่ 21 ธันวาคม 2564 เวลา 9.30 น. ที่ห้องประชุม พล.ต.อ.เผ่า ศรียานนท์ ชั้น 2  อาคาร 8 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ  พล.ต.อ. วิระชัย ทรงเมตตา รอง ผบ.ตร.(กศ) ในฐานะผู้ได้รับมอบหมายจาก พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ให้กำกับดูแลงานด้านกิจการพิเศษเกี่ยวกับกิจการด้านการต่างประเทศ เป็นประธานจัดการประชุมการเตรียมความพร้อมด้านการรักษาความปลอดภัยและอำนวยความสะดวกด้านการจราจร ในโอกาสที่ประเทศไทยได้รับเกียรติเป็นเจ้าภาพจัดประชุมเอเปค ปี พ.ศ.2565

พล.ต.อ.วิระชัยฯ รอง ผบ.ตร. เปิดเผยว่า การเป็นเจ้าภาพในการประชุมเอเปคซึ่งเป็นการประชุมระดับประชาคมโลกซึ่งในปี 2565 ถือเป็นโอกาสที่ประเทศไทยจะได้สร้างความเชื่อมั่นจากประชาคมโลกนำไปสู่ความสำเร็จในหลายมิติของประเทศไทยหลังยุคการแพร่ระบาดของโควิด-19 สำหรับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ

ในการประชุมวันนี้ ได้เชิญผู้แทนหน่วยสำคัญ ได้แก่  บช.น., ภ.1, บช.ก.,บช.ส., ทท., สตม. , บก.จร. ทล., รน. รวมถึงหน่วยสนับสนุนด้านการเงินอย่าง สงป. เข้ามาประชุมรับนโยบายและร่วมปรึกษาหารือกัน เกี่ยวกับการรักษาความปลอดภัยสถานที่พัก สถานที่จัดประชุม การอำนวยความสะดวกด้านการจราจร  การจัดฝึกอบรมชุดเจ้าหน้าที่ EOD  การรักษาความปลอดภัยทางน้ำ เรื่องเกี่ยวกับวิทยุสื่อสาร เป็นต้น เพื่อให้แผนการเตรียมความพร้อมฯ ได้ดำเนินการไปด้วยความราบรื่น เรียบร้อย ทั้งนี้ ทาง ผบ.ตร. ท่านก็จะกำกับดูแลติดตามประเด็นจากการประชุมและคอยให้คำแนะนำด้วยอีกส่วนหนึ่ง 

พล.ต.อ.วิระชัย กล่าวต่อว่าในด้านแผนเตรียมพร้อม ฯ ในการประชุมเอเปคนี้ ตร. ให้ความสำคัญการจัดระบบเพื่อการดูแลรักษาความปลอดภัยบุคคลสำคัญที่จะมาเป็นส่วนของผู้เข้าประชุม เพราะถือว่าเป็นแขกบ้านแขกเมือง โดยตลอดช่วงปี พ.ศ. 2565 ที่จะเกิดการประชุมขึ้นในหลาย ๆ พื้นที่นั้น อาจจะมีผลกระทบต่อเส้นทางการจราจรของประชาชนทั่วไปบ้าง แต่ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ขอยืนยันว่า จะวางแผนการจัดการจราจรให้สะดวกสำหรับทุกฝ่าย และขอความร่วมมือจากภาคประชาชนเพื่อร่วมกันเป็นเจ้าภาพที่น่ารัก มีส่วนร่วมในการอำนวยความสะดวกด้านการจราจรเพื่อแสดงออกถึงการต้อนรับที่เป็นมิตร

“นายกฯ” มั่นใจ ไทยพร้อมเป็นเจ้าภาพเอเปคปี65 ชวนปชช.เป็นเจ้าภาพที่ดี ส่งเสริมเศรษฐกิจ-เพิ่มศักยภาพธุรกิจ

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการเตรียมการเป็นเจ้าภาพการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค และการประชุมอื่นที่เกี่ยวข้องตลอดปี 2565 ว่า เป็นโอกาสที่ไทยจะเวทีหารือเรื่องส่งเสริมการค้าการลงทุนระหว่างเขตเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ด้วยความร่วมมือจากผู้นำ 21 เขตเศรษฐกิจ มีการประชุมกว่า 250 การประชุม แบ่งเป็นสองระดับหลัก คือ ระดับนโยบายและระดับรัฐมนตรี รวมไปถึงการประชุมย่อย มีผู้เข้าร่วมตั้งแต่ระดับเจ้าหน้าที่ เจ้าหน้าที่ระดับสูงจากภาครัฐ นักธุรกิจจากภาคเอกชน สื่อมวลชนจากทั่วโลก มีจุดมุ่งหมายเพื่อทบทวนการดำเนินงานที่ผ่านมา เสนอความคิดเห็นผ่านการแลกเปลี่ยนหารือร่วมกันเพื่อกำหนดเป้าหมายในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจร่วมกันอย่างเป็นรูปธรรม

นายธนกร กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ยืนยันความพร้อมของไทยในการเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมเอเปคในปีนี้ ขอบคุณหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่ได้ประสานการทำงานร่วมกัน ทั้งภาครัฐ และภาคเอกชน และความร่วมมือในระดับท้องถิ่นเพื่อเตรียมความพร้อมต้อนรับผู้เข้าร่วมการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค และการประชุมอื่นที่เกี่ยวข้องตลอดปีนี้ ล่าสุดมีการประชุมเชิงปฏิบัติการในหัวข้อ “การยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับ MSMEs เพื่อภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกที่ครอบคลุมและยั่งยืน การลดขยะภาคอาหารในห่วงโซ่อุปทานโดยกระทรวงการต่างประเทศร่วมกับสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.)และสภาที่ปรึกษาทางธุรกิจเอเปคของไทย ซึ่งได้นำข้อเสนอต่าง ๆ มาจัดทำเป็นคู่มือการลดขยะภาคอาหารของ MSMEs เพื่อความครอบคลุมและยั่งยืนในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกต่อไป

นายธนกร กล่าวว่า ไทยได้จัดการประชุมครั้งนี้ภายใต้แนวคิด “เปิดกว้างสร้างสัมพันธ์ เชื่อมโยงกัน สู่สมดุล” (Open. Connect. Balance.) ซึ่งสอดคล้องกับสถานการณ์ในเวทีระหว่างประเทศ โดยนายกฯรัฐมนตรีพร้อมที่จะนำเสนอบทบาทของไทยในสามประเด็นหลัก ได้แก่ Open การเปิดกว้างสร้างสัมพันธ์ต่อทุกโอกาส สร้างโอกาสด้านการค้าการลงทุนในทุกมิติ รวมทั้ง วางแผนเศรษฐกิจในอนาคตจากบทเรียนสถานการณ์โควิด-19 Connect การฟื้นฟูความเชื่อมโยงในทุกมิติ เน้นการฟื้นฟูด้านการเดินทาง การท่องเที่ยว และความสะดวกด้านการค้า การลงทุน 

“ธนกร” ซัด "เพื่อไทย" มโน รัฐบาลอยู่ไม่ถึงจัด ”เอเปค” ยัน “นายกฯ” ไม่คิดยุบสภาฯ ชี้ ทำเสียเงินจัดลต.อื้อ เย้ย ฝ่ายค้านงัดข้อมูลตัดแปะ-ซักฟอกไร้นำ้หนัก

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวกรณีที่นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย ระบุว่าไม่น่าจะเป็นไปได้ที่รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม จะอยู่ถึงเป็นเจ้าภาพจัดประชุมกรอบความร่วมมือทางเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก (APEC 2022)ต้อนรับผู้นำนานาชาติสู่ไทยในเดือนพ.ย.นี้ เพราะเจอทั้งศึกในและศึกนอก ว่า การที่พรรคการเมือง มีหลายกลุ่ม หลายก๊วน และแยกตัวออกไปอยู่กับพรรคอื่น ถือเป็นเรื่องปกติทางการเมือง

เรื่องนี้พรรคเพื่อไทยน่าจะเข้าใจดีที่สุด เพราะสมัยพรรคไทยรักไทย พรรคพลังประชาชน หรือพรรคเพื่อไทย ก็มีหลายกลุ่มหลายก๊วน จนต้องแยกแกนนำพรรคแต่ละคนไปคุมแต่ละก๊วน เกิดปัญหามากกว่าพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.)ด้วยซ้ำ ดังนั้นไม่อยากให้นายประเสริฐ รีบมโนว่าพรรคพปชร. จะต้องเป็นเหมือนพรรคเพื่อไทย เพราะอุดมการณ์ทางการเมือง ความเด็ดขาดกับการทุจริตคอรัปชั่น ไม่เหมือนกับพรรคเพื่อไทย ที่มีอดีตรัฐมนตรีถูกตัดสินจำคุก อย่างแน่นอน

นายธนกร กล่าวว่า ยืนยันว่าพล.อ.ประยุทธ์ ยังทำหน้าที่นายกฯบริหารประเทศเพื่อแก้ปัญหาความเดือดร้อนให้ประชาชน ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องยุบสภาฯเพราะไม่เกิดประโยชน์อะไรกับประชาชน มีแต่จะเสียงบประมาณจัดการเลือกตั้งใหม่ เพื่อตอบสนองความต้องการของพรรคการเมืองบางพรรค คนบางกลุ่ม ที่แอบหวังว่าจะมีโอกาสได้เข้ามาบริหารประเทศบ้าง ขณะที่พรรคร่วมรัฐบาล ยังเหนียวแน่น มีแต่พรรคร่วมฝ่ายค้าน ที่พยายามยุยงรายวัน หวังจะให้เกิดการเปลี่ยนขั้วทางการเมืองให้ได้ ทั้วที่รู้อยู่เต็มอกว่า เป็นแค่ความฝัน แต่ก็ขอให้ได้ฝัน

‘สุริยะ’ ชูนโยบาย BCG ฟื้นเศรษฐกิจหลังโควิด ผ่านเวทีประชุมเอเปคด้านมาตรฐานอุตสาหกรรม

กระทรวงอุตฯ ชูนโยบาย BCG โชว์ศักยภาพเจ้าภาพการประชุมเอเปคด้านมาตรฐาน จับมือ 21 เขตเศรษฐกิจเอเปค พลิกฟื้นเศรษฐกิจโลกหลังโควิด-19

นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ตามที่ประเทศไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมความร่วมมือทางเศรษฐกิจในเอเชียแปซิฟิก (Asia-Pacific Economic Cooperation: APEC) หรือ เอเปค 2022 ระหว่างวันที่ 14-19 พฤศจิกายน 2565 พร้อมแสดงจุดยืนและบทบาทของไทยในเวทีการค้าโลก เพื่อส่งเสริมการเปิดเสรีทางการค้าการลงทุน รวมถึงความร่วมมือด้านต่าง ๆ ที่จะนำไปสู่การสร้างความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจในภูมิภาค ตามแนวคิด “เปิดกว้าง สร้างสัมพันธ์ เชื่อมโยงกัน สู่สมดุล” หรือ “Open. Connect. Balance.”  

สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) ในฐานะผู้แทนประเทศไทยในคณะอนุกรรมการด้านมาตรฐานและการรับรองของเอเปค (Sub-Committee on Standards and Conformance: SCSC) ได้เป็นเจ้าภาพจัดการประชุม SCSC ครั้งที่ 2/2565 และการประชุมที่เกี่ยวข้อง เมื่อวันที่ 18 - 20 สิงหาคม 2565  ที่ผ่านมา ณ โรงแรมแชงกรี-ลา จังหวัดเชียงใหม่ และผ่านระบบออนไลน์ ซึ่งในการประชุมครั้งนี้ สมอ. ได้ผลักดันภารกิจสำคัญเพื่อให้สอดรับกับนโยบายรัฐบาล 4 ด้าน ได้แก่ 1.) การพัฒนาและผลักดันกิจกรรมด้านมาตรฐานและการรับรองเกี่ยวกับ BCG Model 2.) สนับสนุนและส่งเสริมแนวทางใหม่ เพื่อให้ฟื้นตัวจากโควิด-19 และฟื้นฟูการค้าและการลงทุน 3.) ส่งเสริมด้านนวัตกรรมและดิจิทัล เพื่อขับเคลื่อนตลาดและเชื่อมโยงสู่สากล และ 4.) สนับสนุนและเสริมสร้างความเข้มแข็งทางการค้าให้ผู้ประกอบการรายย่อย (MSMEs)  โดยมีผู้แทนจาก 21 เขตเศรษฐกิจสมาชิกเอเปค ได้แก่ ออสเตรเลีย แคนาดา ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ จีน จีนฮ่องกง นิวซีแลนด์ สหรัฐอเมริกา บรูไน อินโดนีเซีย มาเลเซีย สิงคโปร์ ฟิลิปปินส์ ไทย จีนไทเป ชิลี เม็กซิโก ปาปัวนิวกินี เปรู รัสเซีย และเวียดนาม เข้าร่วมประชุมกว่า 80 คน ภายใต้หัวข้อ "Open. Connect. Balance." หรือ "เปิดกว้าง สร้างสัมพันธ์ เชื่อมโยงกันสู่สมดุล" ผ่านแนวคิด โมเดลเศรษฐกิจชีวภาพ-เศรษฐกิจหมุนเวียน-เศรษฐกิจสีเขียว (BCG Model) 

นายบรรจง สุกรีฑา เลขาธิการสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) กล่าวเพิ่มเติมว่า การประชุมในครั้งนี้มุ่งผลลัพธ์ที่สำคัญ ได้แก่ (1) การปรับมาตรฐานให้สอดคล้องกันกับมาตรฐานระหว่างประเทศโดยมุ่งเน้นมาตรฐานเกี่ยวกับเศรษฐกิจหมุนเวียน (2) การจัดกิจกรรม/การประชุมเชิงปฏิบัติการ/การสัมมนาเกี่ยวกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจภายหลังโควิด-19 และ BCG Model เช่น แนวปฏิบัติที่ดีด้านกฎระเบียบ การส่งเสริมความโปร่งใสในการออกกฎระเบียบ การออกใบรับรองดิจิทัล และเทคโนโลยีเกี่ยวกับการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เป็นต้น

รัฐบาล ปลื้ม เอเปค สธ.บรรลุ12 ข้อมติ ผสานมือสร้างความมั่นคงทางสุขภาพ

เมื่อวันที่ 30 ส.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า การประชุมระดับสูงเอเปกว่าด้วยสาธารณสุขและเศรษฐกิจ (The 12th APEC High-Level Meeting on Health and Economy : HLM12) ครั้งที่ 12 ที่กรุงเทพฯ หัวข้อ“เปิดกว้างสร้างสัมพันธ์กับภาคี เชื่อมโยงกันกับโลก สู่สมดุลระหว่างสาธารณสุขและเศรษฐกิจ”  ได้เสร็จสิ้นลงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว รวมทั้งมีผลลัพธ์ที่สำคัญจากการประชุมครั้งนี้คือ ข้อมติ 12 ข้อ โดยไทยยังได้รับเสียงชื่นชมจากนานาประเทศถึงการบริหารจัดการสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 อย่างดีเยี่ยม โดยข้อมติ 12 ข้อ ถือเป็นผลลัพธ์ที่สำคัญจากการประชุม ที่มุ่งสร้างสมดุลทางด้านสุขภาพและเศรษฐกิจ สอดคล้องกับแนวคิดหลักของการเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมเอเปกของไทยในโมเดลเศรษฐกิจ Bio-Circular-Green (BCG) 

นายอนุชา กล่าวว่า โดยสาระสำคัญของ 12 ข้อมติ ครอบคลุมถึงการส่งเสริมความร่วมมือระดับนานาชาติ และระดับภูมิภาค และความเป็นหุ้นส่วนเพื่อพัฒนาสุขภาพและความมั่งคั่งของผู้คนในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก การเปิดพรมแดนเพื่อการเดินทางที่ปลอดภัย การแบ่งปันและถ่ายทอดเทคโนโลยีวัคซีนโควิด-19 โดยใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีด้านสุขภาพดิจิทัล การเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับบุคลากรด้านสาธารณสุข การสร้างหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า การเข้าถึงวัคซีน การส่งมอบวัคซีนป้องกันโควิด-19 และการสนับสนุนการเข้าถึงวัคซีน การรักษา และการวินิจฉัยโควิด-19 ที่ปลอดภัย มีประสิทธิภาพ มีคุณภาพ และราคาไม่แพง ความเท่าเทียมด้านสุขภาพและจัดการกับอุปสรรคด้านสุขภาพโดยเฉพาะสำหรับผู้หญิงในภาคแรงงาน ธุรกิจ และผู้ประกอบการ การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโดยรวมจากโควิด-19 โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเริ่มต้นของกิจกรรมทางสังคม การเรียน และธุรกิจในเขตเศรษฐกิจเอเปกการสร้างความมั่นคงด้านสุขภาพ เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการระบาดใหญ่ครั้งต่อไปผ่านการลงทุนเรื่องระบบสุขภาพ การร่วมมือกับภาคเอกชนให้มากยิ่งขึ้น และการสร้างเศรษฐกิจดิจิทัลที่เปิดกว้าง เป็นธรรม และครอบคลุม

พก. ร่วมส่งผู้นำระดับสูงที่เข้าร่วมประชุมเอเปคระดับสูงสำหรับผู้กำหนดนโยบายด้านสตรีและเศรษฐกิจ (High Level Policy Dialogue on Women and the Economy : HLPDWE)

วันพฤหัสบดีที่ 8 กันยายน 2565 เวลา 09.40 น. ณ ห้องรับรองพิเศษ ท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ "นางสาวสราญภัทร อนุมัติราชกิจ" อธิบดีกรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ พร้อมด้วย "นางสาวสุนีย์ ศรีสง่าตระกูลเลิศ " รองอธิบดี สค. "นางเตือนใจ คงสมบัติ" รองอธิบดี ดย. "นางพรนิภา มาสิลีรังสี" รองอธิบดี พก. และ "นายอรรคพงษ์ ศรีสมบัติ" ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านพัฒนาสังคม พร้อมด้วยผู้แทนจากสถานเอกอัครราชฑูตสาธารณรัฐสิงคโปร์ ประจำประเทศไทย ร่วมเป็นเกียรติส่งคณะผู้แทนจากสิงคโปร์

นำโดย Ms.Sun Xueling, Minister of State Ministry of Home Affairs, Ministry of Social and Family Development ซึ่งเป็นหัวหน้าคณะผู้แทนสิงคโปร์ พร้อมด้วย Ms. Adeline Chang และ Ms.Valerie Chua ผู้แทนจาก Ministry of Social and Family Development ณ ท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ ภายหลังการประชุมเอเปคระดับสูงสำหรับผู้กำหนดนโยบายด้านสตรีและเศรษฐกิจ (High Level Policy Dialogue on Women and the Economy : HLPDWE) ซึ่งเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมโดยกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ที่เสร็จสิ้นอย่างสมบูรณ์ในช่วงเย็นวานที่ผ่านมา

'ทิพานัน' แจงถก IPEF ไทยไม่เสียเปรียบการค้า วอนเพื่อไทย 'อย่าจินตนาการ-สื่อสาร' เพื่อทำลายชาติ

'ทิพานัน' แจงถกกรอบความร่วมมือเศรษฐกิจอินโด-แปซิฟิก ไทยไม่เสียเปรียบการค้า ยกประเด็นสำคัญ4 ข้อ วอนเพื่อไทยอย่าโยง-จินตนาการเกินจริง ทำลายภาพลักษณ์ประเทศ ปิดโอกาสเงินเข้ากระเป๋าคนไทย

น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ทีมโฆษกพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงกรณีที่ กรรมการบริหารพรรคเพื่อไทยที่ออกมาวิพากษ์วิจารณ์ ทั้งเรื่อง กรอบความร่วมมือทางเศรษฐกิจอินโด-แปซิฟิก (IPEF) ว่าไทยจะเสียเปรียบการค้า เสียเปรียบต่างๆ นาๆ และพูดถึง เรื่องความเชื่อมั่นของต่างประเทศในการจัดประชุมเอเปคของไทยว่า สะท้อนให้เห็นเป็นการแสดงความคิดเห็นแบบคนที่ขาดวุฒิภาวะและความรู้ ความเข้าใจ ตื้นเขิน ที่อาจส่งผลต่อการเข้าใจผิดของประชาชน จึงต้องสื่อสารเพื่อสร้างความเข้าใจให้อีกครั้ง 

น.ส.ทิพานัน กล่าวว่า กรอบความร่วมมือทางเศรษฐกิจอินโด-แปซิฟิก (IPEF) เมื่อวันที่ 8-9 กันยายน 2565 ณ นครลอสแอนเจลิส สหรัฐอเมริกา เพื่อหารือแนวทางการขับเคลื่อนความร่วมมือภายใต้ภายใต้ 4 เสาความร่วมมือ ได้แก่ ด้านการค้า, ด้านห่วงโซ่อุปทาน, ด้านพลังงานสะอาด, การลดการปล่อยก๊าซคาร์บอน, โครงสร้างพื้นฐาน และด้านภาษีและการต่อต้านการทุจริต เพื่อความร่วมมืออย่างเป็นรูปธรรม เพื่อการเติบโตทางเศรษฐกิจในภูมิภาคอินโดแปซิฟิก เพื่อประโยชน์ที่จับต้องได้สำหรับประชาชน รวมทั้งไทยที่เข้าร่วมก็จะกล่าวถึงวาระการเป็นเจ้าภาพเอเปคของไทยในปีนี้ด้วย 

น.ส. ทิพานัน กล่าวว่า ในการประชุมครั้งนี้เป็นการพูดคุยที่เปิดกว้าง ในการฟื้นฟูด้านต่างๆ ตามกรอบ 4 เสา ที่สำคัญการประชุมได้เปิดตัวโครงการ IPEF Upskilling Initiative ซึ่งเป็นโครงการความร่วมมือด้านการศึกษาและการฝึกอบรมทางด้านดิจิทัลสำหรับสตรีและเด็กหญิงสำหรับ 8 ประเทศหุ้นส่วน IPEF โดยเป็นโครงการความร่วมมือโดยภาคเอกชนชั้นนำในภาคดิจิทัลของสหรัฐอเมริกา จำนวนรวม 14 บริษัท ซึ่งจะครอบคลุมความร่วมมือด้านการศึกษาและการฝึกอบรมสำหรับสตรีและเด็กหญิง กว่า 7 ล้านคน ภายในระยะเวลา 10 ปี จนถึงปี 2575 ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้นของการดำเนินการภายใต้กรอบความร่วมมือ IPEF อย่างเป็นรูปธรรม ที่จะมีโครงการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ภายใต้กรอบความร่วมมือIPEF  ซึ่งกรอบความร่วมมือ IPEF จะสามารถเป็นประโยชน์เกื้อกูลกันกับความร่วมมือภายใต้กรอบเอเปคที่ไทยจะจัดนี้ด้วย  

ดังนั้นสิ่งที่พรรคเพื่อไทยกังวลโยงไปถึงข้อเสียเปรียบทางการค้า หรือข้อกังวลอื่น ๆ เป็นข้อคิดเห็นที่ไม่เป็นความจริง ไม่มีเรื่องการค้าที่จะเสียเปรียบใด ๆ ทั้งนั้น ท่านจินตนาการเกินเลยข้อเท็จจริงไปมาก และข้อเท็จจริงอีกประการคือนานาประเทศมีความเชื่อมั่นต่อรัฐบาลไทยและมีแนวโน้มความสำเร็จที่จะนำประโยชน์มาสู่ประเทศชาติและคนไทยทั้งประเทศอย่างมาก

น.ส. ทิพานัน กล่าวว่า ส่วนเรื่องการประชุมเอเปคเป็นการ 'เปิดกว้าง สร้างสัมพันธ์ เชื่อมโยงกัน สู่สมดุล: Open Connect Balance' ที่เป็นแนวคิดหลักของการประชุมเอเปคที่ไทย ซึ่งหลายการประชุมที่เกี่ยวข้องกับ APEC ในไทยที่ผ่านมา ก็ประสบผลความสำเร็จด้วยดี โดยที่ประชุมฯ มุ่งเน้นการส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจ และการฟื้นตัวของ Start-up และวิสาหกิจขนาดกลาง ขนาดย่อม และรายย่อย (MSME) ในภูมิภาคเอเชีย – แปซิฟิก เพื่อขับเคลื่อน 4 ประเด็นสำคัญ เพื่อการฟื้นตัวของ Start-up และ MSME ในภูมิภาคเอเปคดังนี้...

1. เร่งรัดการประยุกต์ใช้ BCG Model ซึ่งสามารถสร้างโอกาสทางธุรกิจและสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าและบริการของธุรกิจขนาดเล็ก และยังสนับสนุนความพยายามของโลกที่จะรับมือกับภาวะโลกร้อน

2. การเปลี่ยนแปลงสู่ดิจิทัลอย่างครอบคลุม ซึ่งจะช่วยให้ธุรกิจขนาดเล็กพัฒนาได้เร็วยิ่งขึ้น และ MSME ที่มีทักษะในด้านดิจิทัลจะเข้าถึงลูกค้าได้มากกว่าและยืนหยัดต่อการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว

3. การจัดหาเงินทุนและการปรับโครงสร้างหนี้ เพื่อช่วยให้ธุรกิจขนาดเล็กสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุน

ครม.อนุมัติจัดทำเหรียญที่ระลึกเอเปค ชนิดราคา 20 บาท จำนวน 1 ล้านเหรียญ

ครม. อนุมัติ จัดทำเหรียญกษาปณ์ ที่ระลึกการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปก เพื่อน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของในหลวง ร.10 ชนิดราคา 20 บาท จำนวนไม่เกิน 1 ล้านเหรียญ

เมื่อวันที่ 11 ต.ค. 65 น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 11 ต.ค. 65 ได้เห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดลักษณะของเหรียญกษาปณ์ที่ระลึกการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปก ครั้งที่ 29 พ.ศ.... โดยการจัดทำเหรียญกษาปณ์ดังกล่าวนี้มีขึ้นเพื่อน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และเผยแพร่พระเกียรติคุณของพระองค์ท่าน ให้แผ่ไพศาลไปทั้งภายในประเทศและนานาประเทศ และเพื่อเป็นที่ระลึกเนื่องในโอกาสสำคัญที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพการจัดประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปก ครั้งที่ 29 พ.ศ. 2565 พร้อมกับเผยแพร่ชื่อเสียงของประเทศไทยให้เป็นที่รู้จักแก่ชาวต่างชาติ ทั้งในส่วนของผู้เข้าร่วมประชุมและนักท่องเที่ยวทั่วไป

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า การจัดทำเหรียญกษาปณ์ที่ระลึกครั้งนี้ เป็นไปตามมติของคณะกรรมการระดับชาติเพื่อเตรียมการจัดการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปกและการประชุมที่เกี่ยวข้อง ในช่วงที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพการประชุมเอเปกปี พ.ศ. 2565 ซึ่งมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เป็นประธาน และสำนักนายกรัฐมนตรีได้ดำเนินการตามขั้นตอน โดยขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตจัดทำเหรียญกษาปณ์ที่ระลึกในโอกาสดังกล่าว ด้วยรูปแบบที่ได้นำความกราบบังคมทูลพระกรุณาทรงทราบฝ่าละอองธุลีพระบาท ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระบรมราชานุญาตแล้ว

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า ลักษณะของเหรียญกษาปณ์ที่ระลึกฯ กรมธนารักษ์ กระทรวงการคลัง ได้จัดทำเป็นเหรียญกษาปณ์โลหะสีขาว (ทองแดงผสมนิกเกิล) ชนิดราคา 20 บาท ประเภทธรรมดา จำนวนไม่เกิน 1 ล้านเหรียญ โดยเหรียญมีลักษณะกลม วงขอบนอกมีเฟืองจักร  แต่ละเหรียญจะมีส่วนผสมของนิกเกิลร้อยละ 25 ทองแดงร้อยละ 75 น้ำหนักเหรียญ 15 กรัม ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 32 มิลลิเมตร

'บิ๊กป้อม' เข้ม!! 'ความปลอดภัย-การจราจร' ช่วงประชุมเอเปค ต้องยึดหลักสากล ทำงานร่วมกับทุกเครือข่ายภาคประชาชน

(28 ต.ค. 65) พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รอง นรม. ได้เรียกประชุม คณะอนุกรรมการด้านการรักษาความปลอดภัยและการจราจร เพื่อเตรียมความพร้อมจัดประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปคและการประชุมที่เกี่ยวข้อง ในช่วงที่ไทยดำรงตำแหน่งประธาน ปี 65 ผ่านสื่ออิเล็คทรอนิกส์ ณ มูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อฯ

โดยที่ประชุม ได้รับทราบสถานการณ์ด้านการข่าวที่เกี่ยวข้อง และร่วมพิจารณาให้ความเห็นชอบ  แผนการดำเนินงานด้านการรักษาความปลอดภัยในการจราจร การส่งกลับสายแพทย์และการปฏิบัติด้านสาธารณสุข แผนเผชิญเหตุต่อต้านการก่อการร้าย การกำหนดแนวทางป้องกันภัยคุกคามและการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ รวมทั้งแนวทางการปิดพื้นที่และเส้นทางการจราจร การขนส่งในพื้นที่ระหว่างจัดการประชุม

พล.อ.ประวิตร กำชับ ขอให้จัดตั้ง 'ศูนย์อำนวยการร่วมรักษาความปลอดภัยและการจราจร' ประสานการทำงานร่วมกับทุกหน่วยงานอย่างใกล้ชิด โดยย้ำเฝ้าระวังไม่ประมาท และการปฏิบัติการทุกขั้นตอน ขอให้เป็นไปตามหลักสากล ตั้งแต่เตรียมการต่อเนื่องไปจนจบการประชุมและเดินทางกลับ และให้ความสำคัญกับการปฏิบัติงานด้านการข่าว และการมีส่วนร่วมกับภาคประชาชนให้มากขึ้น

'อลังการอาหารไทย' บนโต๊ะกาลาดินเนอร์ เอเปค 2022

ส่อง ‘อาหารไทย’ ในคอนเซปต์ ‘ความยั่งยืน’ Sustainable Thai Gastronomy เตรียมขึ้นโต๊ะเสิร์ฟ ในงานกาลาดินเนอร์ ‘APEC 2022’ ที่หอประชุมกองทัพเรือ ช่วงค่ำวันที่ 17 พ.ย.นี้

เชฟชุมพล แจ้งไพร ซึ่งรับหน้าที่เชฟดูแล อาหารไทยราว 21 รายการ ที่จะเสิร์ฟสำหรับผู้นำประเทศราว 50 ท่าน ในงานประชุม 21 เขตเศรษฐกิจภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก หรือ APEC 2022  ในคอนเซปต์ Sustainable Thai Gastronomy หรือ 'ความยั่งยืน' เพื่อแสดงถึงศักยภาพของอาหารไทย และประเทศไทยที่เป็นแหล่งผลิตวัตถุดิบอาหารสำคัญของโลก สะท้อนภาพเมืองไทยไม่เคยขาดแคลนเรื่องอาหาร 

เชฟชุมพล  ระบุว่า เวทีระดับผู้นำประเทศครั้งนี้ เรานำเสนออาหารไทยไฟน์ไดนิ่ง 4 คอร์ส รวมไวน์แพร์ริ่งจากกรานมอนเต้ เขาใหญ่ และวิลเลจฟาร์ม วังน้ำเขียว ทุกอย่างเป็นผลผลิตในประเทศไทยทั้งหมด

การนำเสนอเรื่อง ความยั่งยืน ซึ่งเป็นมากกว่า soft power ด้านอาหารแล้ว เพราะหมายถึง คนปลูกยั่งยืน คนทำยั่งยืน คนกินยั่งยืน ประเทศยั่งยืน โลกยั่งยืน สอดคล้องกับแนวคิดหลักที่ไทยเป็นเจ้าภาพ APEC 2022


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top