Sunday, 19 May 2024
เสกสกล_อัตถาวงศ์

‘แรมโบ้’ อัด ‘กลุ่มไอลอว์’ อย่าออกมาให้ท้ายเข้าข้างคนฝ่าฝืนทำผิดกฎหมาย หากม็อบกล้าออกมาเคลื่อนไหวสร้างความเดือดร้อน แต่เหตุใดไม่กล้ารับผิด 

6 ตุลาคม นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกลุ่มไอลอว์ ฟ้องร้องนายกฯ และหลายหน่วยงาน พร้อมขอให้ศาลมีคำสั่งเพิกถอนประกาศข้อกำหนดในมาตรา 9 ตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินพร้อมเรียกค่าเสียหายจำนวน 4.5 ล้านบาท โดยนายเสกสกลกล่าวย้ำถึงความจำเป็นในการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินเพื่อควบคุมโรคติดต่อ ซึ่งที่ผ่านมาตนเองมองว่าสามารถทำให้สถานการณ์การระบาดคลี่คลายลงได้ ทำให้ประชาชนสูญเสียน้อยกว่าหลายๆ ประเทศในโลก

ทั้งนี้แม้ว่ากลุ่มไอลอว์ จะมองว่าการประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉินไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่อห้ามการแสดงออกทางการเมืองของประชาชน แต่ตนเองมองว่าการเคลื่อนไหวหรือแสดงออกทางการเมืองก็ถือว่าเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดเชื้อโควิด-19 เช่นเดียวกัน เพราะเป็นการรวมกลุ่มที่มีคนเป็นจำนวนมาก และไม่ใช่การชุมนุมสงบสันติตามรัฐธรรมนูญ ซ้ำร้ายกับสร้างความเดือดร้อนวุ่นวาย ใช้อาวุธระเบิด อาวุธปืน เผาทำลายทรัพย์สินราชการเสียหาย ตลอดจนใช้ปืน ระเบิดอาวุธนานาชนิดเข้าทำร้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจบาดเจ็บสาหัสจำนวนหลายนาย

‘เสกสกล’ ฟาด ‘ทักษิณ’ เผยสันดานที่แท้จริงชอบเล่นละครลิงตบตาประชาชน ซัดระวังลูกหลานจะไม่มีแผ่นดินอยู่เหมือนตัวเอง

4 พฤศจิกายน นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณี ที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่หนีคดีอยู่ต่างประเทศ ได้ออกมาโพสต์เฟซบุ๊ก ว่า  2-3 วันนี้ได้ฟังดราม่าเกี่ยวกับเรื่องมาตรา 112 จากทั้งฝ่ายเห็นด้วยและไม่เห็นด้วยในการที่จะแก้ไขหรือยกเลิก ผมขอแสดงความคิดเห็นในฐานะที่เคยเป็นนายกรัฐมนตรีมา และผ่านการปรึกษาในเรื่องมาตรา 112 มาหลายครั้ง รวมถึงตอนท้าย นายทักษิณ ยังได้บอกอีกว่า ก่อนที่จะบอกว่ายกเลิกมาตรา 112 เพราะอารมณ์โกรธ จากอารมณ์โกรธ หรือบางคนก็ต้องการจะยกเลิกโดยไม่มีเหตุผล หรือไม่ยกเลิกมาตรา 112 ไม่เอาเด็ดขาด ซึ่งแน่นอนมันมี Yes and No แต่ขณะเดียวกันนั้น การพูดคุยกันน่าจะดีกว่า และการจัดระเบียบให้เป็นระเบียบเสียจะดีกว่า วันนี้บ้านเมืองเหมือนกับอยู่ในภาวะที่ไม่มีการจัดการ ไม่มีการบริหาร คงเลือกใช้แต่ Law and Order ซึ่งมันเป็นการขัดหลักที่จะให้สังคมอยู่ร่วมกันอย่างสามัคคีไม่แตกแยก 

นายเสกสกล ระบุว่า การออกมาเขียนเฟซบุ๊ก ของนายทักษิณครั้งนี้ ยิ่งแสดงให้เห็นธาตุแท้ของนายทักษิณว่า เป็นคนสับปลับ เชื่อถือไม่ได้ เพราะ หลังจากที่นายชัยเกษม นิติสิริ ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์และทิศทางการเมืองพรรคเพื่อไทย ได้ออกแถลงการณ์ ในการที่จะนำเอาเรื่องการแก้ไข กฎหมายอาญามาตรา 112 และ มาตรา 116 เข้าสู่สภา  ตามสิ่งที่บรรดาม็อบ 3 กีบ เรียกร้องมาโดยตลอดนั้น ต้องถามกลับไปยังนายทักษิณว่า นายชัยเกษม คิดเอง ทำเองอย่างนั้นหรือ ซึ่งไม่มีทางที่นายชัยเกษม จะกล้าทำอย่างนั้น เพราะทุกคนก็รู้อยู่แล้วว่าพรรคเพื่อไทย ถูกกำกับ โดยนายทักษิณ มาโดยตลอดมิใช่หรือ?

'แรมโบ้' ชี้ นายกฯ ไม่สนใจพวกใช้น้ำลายหากิน เตือน 'โน้ส อุดม' พูดอะไรก็ระวังกม. ยุยงปลุกปั่น

(16 ต.ค. 65) นายเสกสกล อัตถาวงศ์ อดีตผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณี 'เดี่ยว 13' ของโน้ส อุดม แต้พานิช ที่ได้วิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลและพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ว่า การวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาล และนายกฯ นั้นเป็นเรื่องที่สามารถทำได้ เป็นสิทธิขั้นพื้นที่ตามรัฐธรรมนูญ แต่อย่าถึงขั้นลิดรอนสิทธิ์ส่วนบุคคลที่ทำให้เสื่อมเสีย และที่ผ่านมา นายกฯ ประยุทธ์ ก็เปิดกว้างพร้อมที่จะรับฟังข้อท้วงติง ข้อเสนอแนะ และนำมาปรับใช้ในการบริหารประเทศชาติบ้านเมืองอยู่แล้ว

นายเสกสกลกล่าวว่า ไม่เพียงแต่บุคคลทั่วไปที่ออกมาวิพากษ์วิจารณ์ รวมทั้งฝ่ายค้านที่เปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ จะเห็นว่านายกฯ ประยุทธ์ ก็พร้อมรับฟัง แต่หากข้อมูลใดเป็นเท็จ หรือคลาดเคลื่อนจากความเป็นจริงก็ชี้แจงไปตามกระบวนการในระบอบรัฐสภา 

ส่วนกรณีนายโน้ส อุดม แต้พานิช ที่เป็นกระแสสองสามวันที่ผ่านมา ก็ไม่เห็นท่านนายกฯ ประยุทธ์ออกมาตอบโต้ หรือจะฟ้องร้องเอาผิดอะไร ท่านนายกฯ เจอในสภาฯ มา ฝ่ายค้านอภิปรายหนักยิ่งกว่านี้ก็ยังอดทนได้ จะไปสนใจอะไรกันกับนักพูดคนหนึ่งไม่ต่างนักโต้เวทีสภาโจ๊กเท่านั้น ในมุมมองของตนคิดเช่นนั้น

อย่างไรก็ตามที่มีกลุ่มสนับสนุนรัฐบาลท่านนายกฯ ประยุทธ์ ออกมาเคลื่อนไหวตอบโต้นายโน้ส อุดม หรือบางคนจะฟ้องร้องดำเนินคดีเอาผิดนายโน้ส อุดม ก็เป็นเรื่องปกติตามระบอบประชาธิปไตยอยู่แล้ว ซึ่งคนที่เห็นว่า นายโน้ส อุดม ทำไม่ถูกก็เป็นสิทธิแต่ละคนที่จะไปดำเนินการเอง ซึ่งก็ไม่ได้เกี่ยวข้องว่านายกฯ เป็นคนสั่งการเลยสักนิด เพราะท่านนายกฯ อดทนกับเสียงนกเสียงกามามากต่อมาก ท่านเป็นผู้ใหญ่ของบ้านเมืองคงไม่เก็บพวกปากหอยปากปูมาเป็นสาระ อดทนตั้งใจทำงานบริหารบ้านเมืองดีกว่าเพราะขณะนี้ประชาชนกำลังได้รับความเดือดร้อน พี่น้องประชาชนที่กำลังประสบภัยพิบัติจากน้ำท่วม ได้รับความทุกข์หลายจังหวัด พี่น้องคนไทยส่วนใหญ่รวมพลังร่วมใจทำหน้าที่จิตอาสาลงไปดูแลเยียวยา หาเครื่องอุปโภคบริโภคไปช่วยเหลือพี่น้องที่ถูกน้ำท่วมกันอย่างล้นหลาม คงไม่มีเวลามานั่งฟังพวกใช้น้ำลายใช้วาทะกรรมจากปากหากิน หารายได้ พูดมากจนน้ำลายท่วมปาก เที่ยวบูลลี่ด่าทอ ล้อเลียนคนอื่นไปวันๆ อย่างนี้หรอก เอาเวลาออกไปช่วยเหลือชาวบ้านเดือดร้อนน้ำท่วมได้บุญกุศลมากกว่ากันเยอะเลย

"ใครที่ชอบออกมาวิพากษ์วิจารณ์โจมตีคนที่เขารักเขาศรัทธาและที่เขาสนับสนุน เขาก็พร้อมจะออกมาปกป้อง ถ้าหากว่าคุณพูดข้อมูลเป็นเท็จ สร้างความเข้าใจผิดจนเกิดความเสียหายหรือเสื่อมเสีย พฤติกรรม
เช่นนี้อย่ามาเที่ยวอ้างสิทธิเสรีภาพหรืออ้างประชาธิปไตยเลย คุณก็ต้องพร้อมที่จะรับผิดชอบต่อคำพูดด้วยเช่นกัน ถ้ามีใครออกมาดำเนินคดีกับคุณ ไม่ใช่อ้างแต่เสรีภาพตามรัฐธรรมนูญหรือประชาธิปไตยของตัวข้าเพียงฝ่ายเดียว ฝ่ายที่คิดไม่เหมือนกลายเป็นเผด็จการ แบบนี้เขาไม่เรียกว่าเป็นประชาธิปไตยหรอก เขาเรียกว่า พวกอคตินิยม ความคิดเห็นแก่ตัวเข้าข้างตัวเองของพวกข้าคือความถูกต้องมากกว่า นี่มันสิทธิเสรีภาพแบบไหนกัน" นายเสกสกล กล่าว

'พีระพันธุ์' ตั้งคณะที่ปรึกษารองนายกฯ 11 คน  'ดร.หิมาลัย-แรมโบ้-ศิลัมพา-สายัณห์' ตบเท้าเข้าร่วม

(10 ต.ค.66) นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พลังงาน ลงนามในคำสั่งรองนายกรัฐมนตรีที่ 8 /2566 เรื่องแต่งตั้งคณะที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรี ตามที่ได้มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง นายพีระพันธุ์ ดำรงตำแหน่งรองนายกฯ และรมว.พลังงาน เมื่อวันที่ 1 ก.ย.นั้น เพื่อให้การบริหารราชการในความรับผิดชอบของนายพีระพันธุ์ ดำเนินไปด้วยความเรียบร้อย บังเกิดผลดีแก่ทางราชการ จึงแต่งตั้งคณะที่ปรึกษารองนายกฯ

โดยมีหน้าที่ให้คำปรึกษาและพิจารณาเสนอความเห็นหรือข้อเสนอแนะ รวมทั้งสนับสนุนภารกิจของนายพีระพันธุ์ ตามที่ได้รับมอบหมาย ดังนี้...

1. นายสามารถ มะลูลีม 
2. นายโกวิทย์ ธารณา 
3. นายเจือ ราชสีห์ 
4. นายสมบูรณ์ อุทัยเวียนกุล 
5. นายหิมาลัย ผิวพรรณ 
6. นายประสิทธิ์ มะหะหมัด 
7. นายเสกสกล อัตถาวงศ์ 
8. นายชนะศักดิ์ อัตถาวงศ์ 
9. นายสายัณห์ ยุติธรรม 
10. น.ส.ศิลัมพา เลิศนุวัฒน์ 
และ 11. นางกุสุมาวดี ศิริโกมุท 

ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป สั่ง ณ วันที่ 28 ก.ย.

'แรมโบ้' กระเด็น!! 'แม่เลี้ยงติ๊ก' ผงาด สส. ประกาศิตจากบุรุษนิรนาม พิกัดชั้น 14

เมื่อวันที่ 24 ต.ค.ที่ผ่านมา มีการเผยแพร่หนังสือลาออกจากสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ของ ดร.เสกสกล อัตถาวงศ์ หรือ 'แรมโบ้อีสาน' น่าสังเกตว่าหนังสือลาออกที่ยื่นต่อ กกต.ดังกล่าว ลงวันที่ 3 ต.ค. แต่เพิ่งนำมาเผยแพร่ ที่น่าสนใจไปกว่านั้นพลันที่ข่าวแรมโบ้กระจายในช่วงสาย ๆ เย็นวันเดียวกัน นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาวน์ สส.บัญชีรายชื่อลำดับ 2 ของพรรค รทสช. ก็โชว์หนังสือลาออกจาก สส.

อันว่า 'แรมโบ้' นั้นเป็นผู้สมัคร สส.บัญชีรายชื่อลำดับที่ 15 ของพรรครทสช. ในการเลือกตั้ง 14 พ.ค. 66 พรรครทสช.ได้สส.บัญชีรายชื่อหรือปาร์ตี้ลิสต์ 13 คน ต่อมานายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรคลาออกจากปาร์ตี้ลิสต์ลำดับ 1 ทำให้ลำดับ 14 คือ นายอนุชา บูรพชัยศร ได้ขยับเป็น สส. แทน 

ดังนั้นคิวต่อไป...หากนายสุพัฒนพงษ์ หรือ สส.ปาร์ตี้ลิสต์คนใดคนหนึ่งลาออกก็จะถึงคิวของ 'แรมโบ้'

แต่รอแล้วรอเล่า ก็ไม่มีการลาออก...

ถามว่าทำไมจึงไม่ลาออกเพื่อเปิดทางให้แรมโบ้?

สืบค้นเบื้องหลังเบื้องลึกแล้วพบว่า...มีประกาศิตจากบุรุษนิรนามที่สถิตย์อยู่ ณ ชั้น 14 ของโรงพยาบาลแห่งหนึ่งว่า...คนชื่อ 'เสกสกล' หรือ 'แรมโบ้' ต้องไม่ได้เข้าสภาฯ ในสมัยนี้...ไม่มีใครอธิบายเหตุผลได้ชัด ๆ ว่าทำไม...

ทว่าสืบสาวแล้วได้คำตอบประมาณว่า อาจเป็นเพราะแรมโบ้เคยปฏิบัติการปะฉะดะกับระบอบทักษิณ และบดขยี้คนแดนไกลในช่วงก่อนและระหว่างศึกเลือกตั้งอย่างเข้มข้น...นั่นเอง

กระแสข่าวยังเล่าลือว่า นอกเหนือจากคนชื่อ 'แรมโบ้' แล้ว บัญชีรายชื่อลำดับที่ 18 อย่าง 'อ้น ทิพานัน ศิริชนะ' ก็เป็นอีกหนึ่งคน ที่คนแดนไกลดังกล่าวขีดเส้นใต้ชื่อเอาไว้เช่นเดียวกัน...

อันที่จริงเรื่องนี้รับทราบกันมานานแล้ว บางคนยังเถียงคอเป็นเอ็นว่าเป็นไปไม่ได้...แต่ทุกอย่างก็แจ่มแจ้งแดงแจ๋ดังกล่าวแล้ว เมื่อ 'แรมโบ้' ลาออก หมดโอกาสเป็น สส.ปุ๊บ นายสุพัฒนพงษ์ก็ลาออกทันทีปั๊บ และเปิดทางโล่งให้ นางศิริวรรณ ปราศจากศัตรู หรือ 'แม่เลี้ยงติ๊ก' ผู้สมัครลำดับที่ 16 ขยับเป็น สส. แทนแรมโบ้ และได้ไปรายงานตัวกล่าวปฏิญาณตนทำหน้าที่ สส. เรียบร้อยแล้วเมื่อวันที่ 25 ต.ค.66

ทั้งหลายทั้งปวง...ก็ต้องยอมรับว่า 'รังสีอำมหิต' ของบุรุษชั้น 14 ที่ว่า...ยังแผ่ซ่านมีอิทธิฤทธ์ในแวดงวงการเมืองมากกว่าที่นึก...พิลึกกว่าที่คิด...งานนี้เอาเข้าจริง พรรครทสช. ก็คงกระอักเลือดอยู่เหมือนกันที่ยอมจำนน...เฮ่ออ..!!

พูดถึงพรรครทสช. ก็ต้องพูดต่ออีกหน่อย...ไม่เพียงแรมโบ้ที่ลาออกไป บุญยอด สุขถิ่นไทย ที่เดินตามหลัง จุติ ไกรฤกษ์ เข้ามาเป็นสมาชิกพรรคก็ตัดสินใจลาออกแล้วเช่นกัน แต่ก็เป็นการลาออกด้วยท่าทีที่สร้างสรรค์ เป็นมิตร

แต่ในวันเดียวกับที่มีข่าวแรมโบ้ลาออก ข่าวเชิงบวกของ รทสช. ก็เกิดขึ้นเช่นเดียวกัน นั่นคือการย่างสามขุมมาสมัครเป็นสมาชิกพรรคของ 'บิ๊กเนม' อย่างถาวร เสนเนียม อดีตประธานไทยภักดี ในช่วงเลือกเดือน พ.ค.2566

การเข้ามาร่วมสังฆกรรม พรรครทสช.ของถาวร เสนเนียม น่าจะเป็นการส่งสัญญาณชัดเจนว่า พรรครทสช.จะเดินหน้าต่อไป อย่างน้อยศึกเลือกตั้งสมัยหน้า...ซึ่งยังพอมีช่องว่างให้พรรคระดับกลางอย่างรทสช., พปชร.และ ปชป.แย่งชิงเก้าอี้สส.กันได้จำนวนหนึ่ง...ในขณะที่พรรคภูมิใจไทย ของครูใหญ่ 'เนวิน' ที่มี 71 เสียงในวันนี้ สมัยหน้าไม่น่าที่จะเบ่งกล้ามขยายพื้นที่ได้อีก...

ส่วนพรรคเพื่อไทย...วันที่ 27 ต.ค.นี้จะได้หัวหน้าพรรคคนใหม่ 'อุ๊งอิ๊ง-แพทองธาร ชินวัตร' เป็นหัวหน้าพรรคคนใหม่ และ 'บอย' สรวงศ์ เทียนทอง เป็นเลขาธิการพรรคคนใหม่ อาจจะเป็นโมเมนต์ที่ดีอยู่บ้าง แต่ต้องยอมรับว่าวันนี้เพื่อไทยยังอยู่ในขาลง...เดิมพันจะเป็นขาขึ้นได้หรือไม่อยู่ที่ผลงานรัฐบาลเป็นหลัก...แค่ลอกคราบพรรคยังไม่พอ...

ส่วนพรรคก้าวไกล...'เล็ก เลียบด่วน' ขอรอดูการจัดการปัญหาการคุกคามทางเพศของ สส.ในพรรคก่อน แล้วค่อยมาวิพากษ์วิจารณ์นะครับ 555


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top