Thursday, 9 May 2024
เลิกกัน

เป็นเพื่อนกับแฟนเก่าได้!! เคลียร์ชัด!! ‘แกรนด์ เดอะสตาร์’ เปิดใจหลังเลิกแฟนหนุ่ม ‘เด่นคุณ’ ยัน สาเหตุไม่ใช่เรื่องแต่งงาน เผย แม้เลิกกันแล้วก็ยังเป็นเพื่อนกันได้

เป็นเพื่อนกับแฟนเก่าได้ แม้จะเลิกรากันไป แต่ยังเป็นเพื่อนกับแฟนเก่าได้ นักร้องสาว ‘แกรนด์ กรณ์ภัสสร’ เปิดใจครั้งแรก หลังลดสถานะพระเอกหนุ่ม ‘เด่นคุณ งามเนตร’ ฝ่ายชายดูซูบผอมลงไปมาก พร้อมเผยสาเหตุที่ต้องยุติความสัมพันธ์ รวมทั้งยังเคลียร์ชัดประเด็นที่หลายคนเชื่อมโยงเข้าใจผิดคิดว่าเป็นเพราะตนไม่อยากแต่งงาน

ล่าสุด เมื่อวันที่ 13 ก.ค. 66 มีโอกาสเจอ ‘แกรนด์ กรณ์ภัสสร’ ที่ควงคู่มากับพี่สาว ‘เกรซ กาญจน์เกล้า ด้วยเศียรเกล้า’ ในงาน ‘Disney+ Hotstar Open House’ ณ ลานพาร์ค พารากอน ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนเป็นครั้งแรก หลังเลิกรากับ ‘เด่นคุณ’ มากว่า 5 เดือนแล้ว สภาพจิตใจดีขึ้นเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์ ยังสามารถเป็นเพื่อนกับอดีตแฟนหนุ่มได้ พูดคุยถามไถ่เป็นห่วงกัน งานนี้ทำเอาพี่สาวอย่าง เกรซ ถึงกับงง แต่ก็ให้กำลังใจ ปลอบใจน้องสาวมาโดยตลอด

นานๆ คู่พี่น้องจะได้ออกงานด้วยกัน ช่วงหลังออกงานด้วยกันบ่อย?
เกรซ : “Money”
แกรนด์ : “เงินเท่านั้นที่ knock everything”
เกรซ : “ไม่ใช่ มันก็นานๆ ทีจะมีงานที่ได้แสดงออกถึงความเป็นคู่พี่น้องที่รักกัน”
แกรนด์ : “รักกันแบบกาสะลอง ซ้องปีบ”

ตอนนี้สามารถดึงน้องออกจากบ้านมาทำงานได้?
เกรซ : “ที่ผ่านมาเขาจะแอบซุ่มทำเพลง เดี๋ยวเดือนหน้าเขาจะปล่อยเพลงแล้ว เราก็รู้สึกว่าอยากให้เขาออกมาเจอพี่ๆ สื่อ ออกมาทำงานร่วมกัน ไหนๆ ก็โสดแล้ว”
แกรนด์ : “เปิดประเด็นเลยเหรอ”

ตอนนี้แกรนด์ออกมาเจอคนเยอะขึ้น?
แกรนด์ : “ใช่ค่ะ ก็ตั้งแต่ตัวคนเดียวเนอะ”
เกรซ : “อุ้ย ดึงเศร้าเลย”
แกรนด์ : “(หัวเราะ) ไม่ได้ดึงเศร้า คือตั้งแต่เราโสด ก็ได้มีโอกาสออกไปเจอเพื่อนมากขึ้น จากแต่ก่อนอาจจะไม่ค่อยได้เจอ”

ตอนนี้จิตใจโอเคขึ้นแล้วใช่ไหม?
แกรนด์ : “โอเคนะ โอเคขึ้นเยอะค่ะ ตอนนี้เกือบร้อยเปอร์เซ็นต์แล้วค่ะ ถามว่าอะไรที่ช่วยฮีลใจเรา คนรอบข้างค่ะ อย่างพี่สาว หรือเพื่อน และก็ครอบครัวค่ะ (พี่เกรซช่วยเราได้เยอะเลย?) ได้บ้างค่ะ ได้อยู่”
เกรซ : “หรืออาจจะไม่ช่วยเลย อาจจะทำให้รำคาญให้หมดๆ วันไปอะไรแบบนี้”

เรื่องความรัก เราดูแลให้คำแนะนำช่วยเหลือกันยังไงบ้าง?
เกรซ : “คือเรื่องความรัก เกรซจะปล่อยให้ความรักของเขานำทาง ใช้หัวใจนำทางไปก่อน ไม่ดี เดี๋ยวค่อยกลับมาร้องไห้กันเอง ไม่เป็นไร ก็มีการปลอบใจกัน ก็เข้าใจถึงเรื่องความเป็นจริง ทิศทางที่มันอาจจะเปลี่ยนไปไม่เหมือนเดิม”

ใครเซนซิทีฟมากกว่ากันกับเรื่องความรัก?
แกรนด์ : “น่าจะแกรนด์นะ แกรนด์เป็นคนเซนซิทีฟกับทุกเรื่องอยู่แล้วค่ะ ไม่ฟูมฟายนะ แต่ว่ามันก็ตกใจบ้าง แต่ก็โอเค ตอนนี้ผ่านมา 5 เดือนกว่าแล้ว”

ตอนตัดสินใจคุยกันว่าจะจบความสัมพันธ์ ลำบากใจไหม?
แกรนด์ : “ก็ไม่ได้ลำบากใจอะไรนะคะ เพราะว่ามันเป็นการคุยกัน ปรึกษากัน ในช่วงแรกเราก็ยังรู้สึกว่าลองห่างกันไปดูก่อน แต่ว่าหลังจากนั้นเราก็รู้สึกว่าตัดสินใจแล้ว ว่าลองเปลี่ยนสถานะไปเลย”

ปัญหาจริงๆ มันคืออะไร?
แกรนด์ : “มันคือตัวตนของแต่ละคนที่เริ่มเปลี่ยนไปค่ะ บวกด้วยไลฟ์สไตล์ด้วย จริงๆ แกรนด์กับเด่นอย่างที่บอกมีอะไรที่เหมือนกันค่อนข้างเยอะ แต่ว่าก็มีแตกต่างกันเยอะเหมือนกันในเรื่องของไลฟ์สไตล์ที่เราพยายามปรับแล้ว เรารู้สึกว่าวันหนึ่งความสุขของแต่ละคนมันหายไป แล้วตัวตนของแต่ละคนเปลี่ยนไป ความคิดเปลี่ยนไปจากตอนแรก”

‘ติช่า กันติชา’ โพสต์ซึ้ง ยุติรัก 4 ปี กับแฟนหนุ่มชาวสวิสฯ เผยความรู้สึกถึงฝ่ายชาย “ไม่ใช่แค่คู่ชีวิต แต่ยังเป็นเพื่อนที่ดีที่สุด”

เป็นอีกหนึ่งคู่รักที่ไปต่อไม่ได้ และจบกันด้วยดี สำหรับนางแบบสาวสุดแซ่บ ‘ติช่า กันติชา ชุมมะ’ ที่ล่าสุดออกมาโพสต์รูปคู่และข้อความสุดซึ้งถึงแฟนหนุ่มชาวสวิสฯ ที่ชื่อว่า ‘นิค’ พร้อมบอกว่าทั้งคู่ได้แยกทางกันแล้วหลังคบหาดูใจกันมานาน 4 ปี

โดย ติช่า ได้โพสต์ข้อความเป็นภาษาอังกฤษ ที่มีความหมายประมาณว่า…

“ครั้งแรกและครั้งสำคัญที่สุด ฉันอยากจะบอกว่า ฉันรักคุณมากแค่ไหน ตลอด 4 ปีที่ผ่านมา คุณไม่ได้เป็นแค่คู่ชีวิตของฉัน แต่ยังเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของฉัน และเป็นคนที่รู้จักฉันดีกว่าใคร ๆ เราได้แบ่งปันความทรงจำที่น่าจดจำมากมาย

อย่างไรก็ตาม เส้นทางของเราได้พาเราไปในทิศทางที่แตกต่างกัน แม้ว่าการตัดสินใจครั้งนี้ เรายังคงอยู่ในเงื่อนไขที่ดีและได้แยกจากกันมาเป็นช่วงหนึ่งแล้ว การปล่อยใครสักคนที่เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตฉันมันไม่ง่ายเลย คุณเป็นแหล่งกำเนิดความแข็งแกร่งของฉัน และเป็นคนที่ช่วยให้ฉันเติบโตในรูปแบบที่มากกว่าที่ฉันจะนับได้

อยากให้รู้ว่าเธอคือหนึ่งในคนที่สำคัญที่สุดในชีวิตของฉัน ฉันจะอยู่ตรงนี้เพื่อสนับสนุนคุณเสมอ ขอบคุณที่ยังทนเพื่อฉัน ที่รักฉัน และเป็นคนที่น่าเหลือเชื่ออย่างที่คุณเป็น เวลาที่เราอยู่ด้วยกันมีความหมายกับฉันทุกอย่าง และฉันจะหวงแหนสิ่งนี้ตลอดไป รัก, ความเงียบ

สำหรับบางท่านที่อ่านสิ่งนี้ ฉันขอให้คุณงดส่งหรือแชร์รูปภาพหรือวิดีโอใด ๆ ของเขา เราต้องการพื้นที่ในการเยียวยาและหาเส้นทางของเราเอง”

ทั้งนี้ เมื่อย้อนกลับไปไม่นาน ติช่าได้ไปออกรายการ ‘โดนเทเซมาที่แพท’ และได้พูดถึงแฟนหนุ่มคนปัจจุบัน ‘นิค นิโคล่า’ ว่าอีกฝ่ายมีอายุมากกว่าตน 5 ปี เป็นคนที่ค่อนข้างจะมีความคิดที่เป็นผู้ใหญ่ ชอบอ่านหนังสือ และนั่งสมาธิทุกวัน

สำหรับความรักกับฝ่ายชายนั้นเจ้าตัวระบุว่าระยะแรก ๆ ก็เป็นไปได้ด้วยดี อีกฝ่ายทำให้ตนเห็นข้อเสียของตนเองเยอะมาก แต่ปัจจุบันเธอยอมรับว่าเริ่มที่จะแย่ลง มีปัญหา เนื่องจากแนวคิดที่ไม่ได้ไปในทิศทางเดียวกันแล้ว

โดยทางด้านของนางแบบคนดังเผยว่าตนเองค่อนข้างจะให้ความสำคัญกับเรื่องของการมีเซ็กส์ ต้องมีเซ็กส์สัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง และมองว่าเรื่องนี้เป็นสิ่งสำคัญมากๆ เฉพาะอย่างยิ่งกับผู้ชายที่มีฐานะเป็นคนรัก เพราะตนรู้สึกว่าถ้าไม่มีเรื่องนี้มาเกี่ยวข้องก็เป็นเพื่อนกันดีกว่ามั้ย?

อนึ่งทางด้านของนางแบบหญิงนั้นค่อนข้างจะให้ความสำคัญกับเรื่องเพศ ด้วยการเปิดช่องยูทูบชื่อ ‘I KAN TEACHA’ เพื่อพูดคุยถึงเรื่องนี้โดยเฉพาะ รวมถึงเธอเองมักจะเล่าเกี่ยวกับเรื่องเซ็กส์ของตัวเองอย่างไม่มีปิดบัง

‘โบว์ เบญจวรรณ’ เปิดใจถึงอดีตแฟนหนุ่ม ‘ก๊อต จิรายุ’ เผย กำลังพยายามมูฟออน แม้ยังรักอยู่ แต่เป็นเพื่อนกันดีกว่า

(15 ก.ค. 66) เปิดใจ ‘โบว์ เบญจวรรณ’ หลังเจอมรสุมรักพังแบบไม่ทันตั้งตัวกับพระเอกชื่อดัง ไม่รู้ว่าตอนนี้ สาวโบว์ มูฟออนได้หรือยัง? พร้อมเผยเหตุผลทำไมตัดสินใจไปฝากไข่ หรือว่ามีหนุ่มใหม่มาดามใจเรียบร้อยแล้ว ผ่านทางรายการ คุยแซ่บ Show ทางช่อง One 31 ที่มี ‘หนิง ปณิตา’ และ ‘ชมพู่ ก่อนบ่าย’ เป็นพิธีกรดำเนินรายการ

วันนี้เป็นยังไงบ้าง?
โบว์ : วันนี้โอเคนะ แฮปปี้ จริง ๆ แล้วโบว์พยายามที่จะแฮปปี้ในทุก ๆ วัน มันมีหลายอย่างที่โบว์สามารถมีความสุขกับมันได้ พยายามจะไม่ไปจมปลักกับเรื่องใดเรื่องหนึ่งนานเกินไป

เหมือนเรามีเรื่องถาโถมเข้ามาในเวลาเดียวกันเลย?
โบว์ : มีอยู่แล้ว โบว์ว่ามันมีคำถามเยอะแหละในตัวเอง เพราะว่ามันมีการตั้งคำถามกับตัวเอง มีการตั้งคำถามกับสถานการณ์ แล้วมันมีความสงสัยเกิดขึ้น สับสน มันหลากหลายอารมณ์มาก ๆ ณ ตอนนั้นที่เราเองต้องจัดการ แล้วมันมาแบบเร็ว 1 ทั้งหมด โบว์ว่ามันเป็นเรื่องปกติของทุกคนแหละ ที่เราเจอสถานการณ์อะไรที่มันช็อกหน่อย ๆ มันจะยังไม่รู้ว่ามันจะต้องทำยังไงให้ตัวเองเข้าใจ และออกจากสถานการณ์นั้น ๆ ได้ ของโบว์ อันดับแรก โบว์ต้องยอมรับว่ามันเกิดขึ้นแล้ว และโบว์ต้องมีการจัดการกับมันให้ได้และให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ มันใช้เวลาอยู่แล้ว แต่ว่าระยะเวลาของแต่ละคนมันต่างกันกับการที่เราจะจัดการกับความรู้สึก แล้ววิธีการมันก็ต่างกัน มีหลายคนเข้ามาแนะนำ โบว์เข้าใจทุกคนอยากให้โบว์ขึ้น แต่บางทีด้วยวิธีการจัดการของคนอื่นอาจจะไม่ได้ตอบโจทย์สำหรับโบว์ ณ จุดจุด นี้

สมัยก่อนอาจจะใช่ แต่ ณ ตอนนี้วิธีแบบเดิม มันอาจไม่ได้ทำให้เราดีขึ้น เร็วขึ้น เพราะฉะนั้นวิธีที่โบว์คนพบกับตัวเอง แน่นอนโบว์เป็นคนทำสมาธิอยู่แล้ว เอาตรงนี้มาใช้แบบเต็มที่ แล้วแต่ละวันมีการจดบันทึกอยู่แล้วว่าอยากขอบคุณอะไร โบว์เลยเปลี่ยนไดอารี่นั้นเป็นการจดถึงอารมณ์ตัวเอง แต่ละวันที่เรารู้สึก เพราะโบว์ไม่ยากไปโทรหาเพื่อนว่าวันนี้เป็นอารมณ์ แบบนี้ ไม่รู้ว่าเองเจออะไรๆ อยู่บ้าง โบว์เล่าพัฒนาของอารมณ์ตัวเอง ช่วงแรก ๆ อึ้งกับความรู้สึกที่มันแปลกเราจะรับมือกับมันยังไง ผ่านไปก็แบบวันนี้ดีขึ้น มันไม่ใช่ทุกเช้าที่ตื่นมาแล้วเราจะนอยด์ แล้วไม่ใช่ทุกเช้าที่ตื่นมาแล้วเราจะแฮปปี้ แต่ละวันมันจะไม่เหมือนกัน ทุกชั่วโมงมันเปลี่ยนแปลงหมดเลย บางทีเราตื่นมาโอเค แต่มานอยด์ตอนเย็นแทน

อย่างเช้านี้เป็นยังไง?
โบว์ : ดีค่ะ เขียนไปเลยวันนี้เป็นวันที่ดี วันนี้ตื่นมาขอบคุณทุกสิ่ง ทุกอย่างที่โบว์มี แล้วอารมณ์วันนี้โบว์รู้สึกว่าคงที่ขึ้นเรื่อย ๆ

แสดงว่าตลอดเวลา 2 เดือนที่เป็นโสด 100%จะเขียนไดอารี่ตลอดเวลา?
โบว์ : เขียนตลอด เขียนเพิ่มขึ้น

เหมือนเป็นการที่เราอยู่กับตัวเองแล้วให้เวลาดูตัวเอง?
โบว์ : ใช่ เหมือนเป็นที่ปรึกษาให้ตัวเองไปเลย เพราะโบว์ไม่อยากไประบายกับทุกคนเรื่อย ๆ เพราะเขาก็มีปัญหาของเขา แล้วเราก็ไม่ต้องไปยัดเยียดอะไรให้ใครด้วย

ทำให้คนรอบข้างเป็นห่วง ทำไมถึงไม่พูด ถึงไม่เล่า?
โบว์ : โบว์คิดว่าโบว์น่าจะจัดการกับตัวเองได้ดีที่สุด แต่กำลังใจจากคนรอบตัวสำคัญ เพราะว่าวันที่โบว์ตัดสินใจได้ว่าโอเค พวกยูเข้ามาเลย แล้วมันทำให้เห็นเลยนะ ว่ามันก็เป็นอีกอารมณ์หนึ่งที่มีเพื่อนอยู่รอบตัว

ยังมีอะไรมาสะกิดใจเรา แล้วยังมีน้ำตาอยู่?
โบว์ : ด้วยมันเป็นระยะเวลาที่นาน สิ่งที่เล่นตลกกับเราบ่อย ๆ คือความทรงจำ ภาพต่าง ๆ ที่เราเคยมีความสุข

เวลาไปที่เดิมๆ ซ้ำๆ?
โบว์ : มีบ้างแต่มันก็ไม่ถึงกับน้ำตาซึมหรอก แต่เราแบบ เออ… ที่นี่ก็ใช่ เราเคยมากับเขาหรือสถานที่นี้ กิจกรรมนี้ด้วย ความที่เราอยู่เราอยู่ด้วยกันมานาน มันก็มีกิจกรรม มีเพื่อนคล้าย ๆ กัน

วันนี้มูฟออนได้กี่เปอร์เซ็นต์?
โบว์ : ไม่รู้วัดยังไง มันต้องใช้เวลา โบว์ไม่อยากบอกว่าโอเค จบแล้ว แล้ววันหนึ่งมีอะไรมาสะกิดแล้วมันก็ดาวน์กว่าเดิม โบว์ค่อย ๆ ตกผลึกไปดีกว่าว่าตอนนี้เป็นยังไง วันไหนดีก็บอกว่าดี

การที่เราอยู่กับตัวเองทุกวัน ที่ผ่านมาโบว์ก็หาคำตอบด้วยว่ามันเพราะอะไรถึงเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น นี่ผ่านมา 2 เดือนแล้ว โบว์ได้เจอคำตอบนั้นหรือยัง?
โบว์ : เอาตรง ๆ ตั้งแต่ตอนนั้นที่ออกมาพูดไม่ได้มีการค้นหาเพิ่มเติมแล้ว โบว์คิดว่ามันไม่ได้ส่งผลดีกับตัวโบว์เหมือนการที่โบว์วิ่งวนอยู่ในวงกลม ถามตัวเองว่าทำไม มันไม่ได้ดีกับตัวเอง โบเลยเบนเข็มไปหาอะไรที่ทำให้เราออกมาจากตรงนี้ได้ดีและเร็วขึ้นดีกว่า มีแว๊บ ๆ ไหมมันมีแหละ แต่ไม่มีประโยชน์ที่ให้ตัวเองไปอยู่ในจุดนั้นอะไรที่เป็นความสุขของเราวันนี้ก็โฟกัสไปตรงนั้น อะไรที่ไม่ใช่ก็ต้องยอมปล่อย

มันมีสัญญาณมาบอกเราไหมว่ามันจะถึงวันนี้ ?
โบว์ : ในมุมโบว์ไม่มี เพราะว่ามันมีการพูดถึงอนาคตด้วย มีการวางแพลนบ้าง เหมือน ณ ตอนนู้นเราเลือกกันแล้วแต่แค่มาวันนี้มันไม่ใช่ โบว์ก็ต้องยอมรับว่ามันเท่านี้ ความรักเป็นสิ่งสวยงาม เรามอบความรักให้คนนี้มากกว่า แต่ก่อนเราอาจมีแบ่งปันให้ แต่ตอนนี้ก็กลับมาที่ตัวเองเยอะขึ้นเท่านั้นเอง โบว์ว่ามันเป็นอะไรที่ทุกคนทำแล้วมันดี

แต่จะมีคนอีกกลุ่มมองว่าโบว์ไม่ยอมมูฟออน เลยจะมีโมเมนต์ของความแอบเศร้าอยู่บ้าง?
โบว์ : โบว์นับถือทุกคนเลยนะที่เขามูฟออนได้เร็ว ถ้าคุณทำได้ ทำได้ดี ดีใจกับคุณ มันเป็นสิ่งที่อเมซิ่งมาก แล้วโบว์ชื่นชมมากนะ แต่ว่ามันอาจไม่ใช่โพรเซสของโบว์ เพราะว่าของโบว์มัน 10 ปี ความทรงจำมันค่อนข้างเยอะ มันดีมาตลอด เพราะความที่มันดี มันแฮปปี้นี่แหละ มันเลยทำให้เรา เอ๊ะ… มันไม่ดีตรงไหน มันไม่ใช่เราไม่ทะเลาะกันนะ มันมีการทะเลาะกัน

ได้มองไหม วันนี้มันอาจจะเป็นเรื่องของสิ่งที่เหนือธรรมชาติ เรื่องของเวรกรรม หรือพันธสัญญาบางอย่างที่มันไม่ใช่?
โบว์ : โบว์ว่าเป็นไปได้หมด แค่โบว์ไม่ได้ไปแสวงหาจุดกำเนิดมันมาจากอะไร ยังไง พยายามอยู่กับปัจจุบันให้มากที่สุด แล้วจัดการกับตัวเอง เรียบเยงทุกอย่างใหม่มันก็โอเค ตอนนี้เราได้หันมาทำในสิ่งที่เราอยากทำ เราต้องการทำแล้วโฟกัสไปที่ตัวเองได้เต็มที่

เหตุการณ์ครั้งนี้โบว์ไม่ค่อยคุยกับคนรอบข้าง แต่เวลาเราเจอเพื่อน เราดีขึ้นแล้ว เราก็จะอัปเดตไปคร่าวๆ กำลังใจที่สำคัญของโบว์ที่ทำให้เราสามารถเดินหน้าไปแต่ละวันให้มันมีขึ้นอยู่ที่ ใคร?
โบว์ : ทั้งแฟมิลี่และเพื่อนเลย เพราะมันเป็นพลังงานที่โบว์รับแล้วโบว์รู้สึกเติมเต็มโบว์มาก ๆ โดยเฉพาะจากแม่ บอกตรงๆ ตั้งแต่เกิดเรื่องโบว์ห่วงเขามากที่สุด เพราะว่าคุณแม่อายุเยอะแล้ว 70 กว่าแล้ว โบว์ไม่อยากให้เขาห่วง หรือถ้าวันนึงเขาไม่อยู่แล้วลูกจะยังไง มีใครอยู่ด้วยหรือเปล่า โบว์ก็เป็นห่วงเขาตรงนั้น แต่ว่าพอเกิดเรื่องจริง ๆ ทำให้เห็นว่าเขาเข้มแข็งกว่าที่เราคิดเยอะมาก ๆ เขาไม่จี้ถามโบว์เลยว่าเกิดอะไรขึ้น ถามอย่างเดียวเลยว่าหนูเป็นยังไง กินข้าวยังวันนี้ดีขึ้นไหม

หลังจากเหตุการณ์นี้ครอบครัวรักกันมากขึ้นด้วย?
โบว์ : ใช่ เหรียญมันมี 2 ด้น บางทีเรามัวแต่มองด้านนึงที่มันเศร้า หรือแบบทุกข์ กลายเป็นว่าเราไม่ได้มองอีกด้านนึงพอเราเห็นอีกด้านนึงคุณแม่โบว์เหมือนผ่าตัด 3 ปีที่แล้ว เขากินข้าวไม่ค่อยได้ ดูแลตัวเองไม่ค่อยต่อเนื่อง ฟิลแบบเบื่อไม่อยากทำอะไรแล้ว จะมีความหงุดหงิด แล้วเขาก็มีการพาลกับบุคคลรอบตัวนิดนึง ซึ่งพี่ชายอยู่พัทยากับคุณแม่ เขาจะเป็นคนที่รับผลกระทบอยู่เรื่อย ๆ ก่อนหน้านี้ก็จะมีพี่โทรมาบ่น แม่โทรมาบ่น หลังจากเกิดเหตุการณ์กลายเป็นว่าสายที่โบว์ได้รับ ยิ้มแย้ม แม่กินข้าวแล้วนะ หนูกินยัง วันนี้พี่เขาพาไปนู้น ไปนี่นะ มันดีนี่ มันเป็นอะไรที่แบบสิ่งนี้โบว์อยากฟังมาตลอดว่าเขาแฮปปี้ เสียงเขาดี ไม่มีเสียงป่วยเลย ก่อนหน้านี้จะมีเสียงปวดนู้นนี่นั่น แต่ตอนนี้เสียงเขาสดใสมากมันทำให้โบว์รู้สึก นี่แหละคือความรักของโบว์ นี่คือกำลังใจของโบว์

ถ้าคุณแม่ดูอยู่อยากให้ความมั่นใจอะไรกับท่านบ้าง?
โบว์ : แม่ไม่ต้องเป็นห่วงหนู: หนูเข้มแข็งตามรอยแม่แน่นอน แม่เข้มแข็งยังไงหนูก็เข้มแข็งอย่างนั้น ความรักที่แม่มีให้หนู หนูรับรู้ได้สมอ แม่ไม่ต้องน้อยใจเลย แม่คือไอดอลของหนู หนูรักแม่ แล้วจะเข้มแข็งเพื่อแม่นี่แหละ

อีกฝ่ายออกมาให้สัมภาษณ์แล้ว โบว์ได้ดูไหม?
โบว์ : โบว์เห็นเป็นบทสรุป โบว์ไม่ได้ไปดูตัวคลิปเต็ม คิดว่าไม่มีประโยชน์ที่จะเข้าไปดู มันมีคนส่งมาแหละ เข้าใจดูเป็นสรุปทั่ว ๆ ไปดีกว่า

พอโบว์ไม่ฟังมันก็มีดรามา ทำไมไม่ฟังล่ะจะได้รู้เหตุผล อยากบอกอะไรกับคนพวกนั้นไหม?
โบว์ : โบว์ว่าทุกคนมีสิทธิ์ที่จะคิด โบว์ไม่สามารถไปบังคับหรือไปตีกรอบได้ว่าคุณต้องคิดเท่านี้นะ ต่อให้โบว์พูดความจริงทั้งหมด แต่คนเขามีความคิดอีกแบบ มันก็ต้องปล่อยให้เขาคิดแบบนั้น ต่อให้โบว์ทำดีที่สุด มันก็ยังมีคนที่เขาจะเห็นต่าง ก็ต้องยอมรับ มันไม่ใช่ทุกคนที่จะเห็นด้วยกับเรา

ก็จะมีประโยคนั่งไม่รู้ได้อ่านไหม ‘ก็ยังรักอยู่ แต่เป็นเพื่อนกันน่าจะดีที่สุดแล้ว’ คิดยังไงกับคำนี้บ้าง?
โบว์ : ก็ขอบคุณค่ะ โบว์ไม่รู้ว่าโบว์จะต้องรู้สึกกับคำพูดนี้ยังไง หลังจากวันนั้นมันไม่ได้มีการพูดคุยกัน มันไม่รู้ว่ามันจะเป็นเฟรนด์ชิพกันยังไง

ตั้งแต่เลิกกันมีการติดต่อกันบ้างไหม?
โบว์ : ไม่เลย ไม่ได้คุย ไม่ได้มีการทักหา

โบว์สามารถเป็นเพื่อนกับเขาได้ไหม?
โบว์ : เป็นได้นะ เพราะโบว์ไม่มีความคิดร้ายกับเขานะ ไม่มีความโกรธหรือเกลียดเขาเลย โบว์ไม่รู้ว่าโบว์จะพูดถึงเขาในแง่ร้ายทำไม ในเมื่อในมุมมองโบว์เบาก็คือคนดีคนนึง

ไม่โกรธ ไม่เกลียด แล้วน้อยใจบ้างไหม?
โบว์ : มี บางอย่างที่เคยพูดไว้ มันมีวกกลับไปแหละ: ตอนนั้นเคย แต่ก็กลับมาเหมือนเดิม มันไม่มีประโยชน์ที่โบว์จะไปหาคำตอบ

แล้วถ้าวันนึงมาร่วมงานกันล่ะ?
โบว์ : ดีใจที่ได้เจอ เพราะว่าเราไม่ได้เจอกันเลย คงไม่ใช่แบบไม่เอา ไม่เจอ มันไม่ใช่ฟิลนั้น

เพื่อนมีมาอัปเดตเรื่องเขาบ้างไหม?
โบว์ : ไม่มีเลย

ลึก ๆ จริง ๆ อยากรู้ไหม?
โบว์ : อยากรู้แหละ อยากรู้ว่าสบายดีไหม เป็นไงบ้างชีวิตช่วงนี้ คืออยากรู้แน่ พอมันไม่มีการเคลื่อนไหวก็เป็นไปตามนั้น ให้มันเป็นไปตามธรรมชาติ โบว์ไม่รู้ว่าอีกนานแค่ไหน หรืออาจจะไม่ได้มีการเจอกันเลย ก็ต้องยอมรับ

ตัดสินใจไปฝากไข่?
โบว์ : เป็นเวลาที่แปลก ๆ เหมือนกัน โบว์ 36 แล้วช่วงนี้เพื่อนโบว์ฝากไข่กันเยอะมาก โบว์ได้มีโอกาสไปช่วยเขาแบบปักยาให้ ทำรีเสิชดูว่ายังไง โบว์ไม่ได้มีแพลนว่าจะมี เพราะว่าพอมันสายนั่งสมาธิ เรารู้สึกว่าเราขอจัดการกับตรงนี้ก่อน แต่พอเห็นเพื่อน ๆ เริ่มทำก็ลองศึกษาดู จริง ๆ โบว์เป็นคนที่เหมือนฮอร์โมนผิดปกติตั้งแต่เด็ก ๆ ต้องทานยา ช่วงก่อนประจำเดือนมา มีมู้ดต่าง ๆ ปวดแบบค่อนข้างเยอะมาก จนโบว์รู้สึกว่าทำยังไงให้มันหายได้ ไปปรึกษาคุณหมอเรื่องนี้ คุณหมอก็บอกว่าต้องมีน้อง มันถึงจะกลับไปปกติ แต่โบว์บอกว่าโบว์ไม่ได้พร้อมที่จะมี หรืออยากมี เพราะฉะนั้นมันมีทางไหนได้บ้าง เขาก็เลยนี่แหละ มันอาจไปกระตุ้นให้รังไข่กลับมาทำงานปกติก็เลยลองดู

เห็นว่าตอนแรกทำได้อาทิตย์เดียวถอดใจเลย?
โบว์ : ถอดใจค่ะ สำหรับโบว์ตอนแรก โบว์ได้มา 1 เข็ม ปักไปประมาณ 5 วัน แล้วก็พอไปตรวจอีกทีขนาดไข่มันไม่ได้โตเท่าเกณฑ์ที่ควรจะโตก็เลยเป็น 2 เข็ม เข้าอาทิตย์ที่สอง พอไข่มันเริ่มโตขึ้น พื้นที่ในท้องเรามันเริ่มแน่นขึ้นแล้วอาการแบบท้องอืด แน่นทั้งหมด ไม่สบายตัว รอบเอวขึ้นมา 3 นิ้ว

พอเริ่มเข้ากระบวนการฝากไข่ ทำให้เรารักคุณแม่มากขึ้น?
โบว์ : มาก โบว์ชื่นชมคุณแม่ทั้งหมดมาก ๆ ของโบว์ทำไป 2 อาทิตย์ มีคุยกับผู้จัดการ โบว์ว่าโบว์มีไม่ได้แน่ ๆ เลยแค่ 2 อาทิตย์ยังไม่ไหวเลย แล้วคนที่ขาต้องอุ้ม 9เดือน เก่งจังเลย แล้วนึกถึงคุณแม่ แม่เราอดทนมากเลยเนอะกว่าจะเลี้ยงเราโตมาได้ มันกระบวนการหลายอย่าง เพราะคนที่ตั้งครรภ์จริง ๆ อากรแพ้ท้องมันไม่ได้อยู่แค่ 2-3 วัน บางคนอยู่เป็นเดือน อยู่ทนกันได้ยังไง เก่งมาก

สรุปกระบวนการฝากไข่ของเราสำเร็จไหม?
โบว์ : ได้เยอะด้วย เก็บเรียบร้อยแล้วค่ะ นี่ผ่านมา 2 อาทิตย์ได้แล้วค่ะ

ลึก ๆ อยากมีน้องไหม?
โบว์ : ไม่ได้อยากมี ความคิดโบว์อยากรับเลี้ยง แต่ว่าด้วยงาน ด้วยอะไร มันอาจจะยังไม่ได้ แล้วยังไม่ได้มีคนช่วยดูแล

แล้วตอนนี้ความรู้สึกมันเปลี่ยนไหม พอเราได้ฝากไข่?
โบว์ : ยังไม่เร็ว ๆ นี้

ความรักที่ผ่านมาทำให้เราเข็ดกับความรักไหม?
โบว์ : ไม่ค่ะ เพราะว่าแต่ละคนมันต่างกัน โบว์ไม่สามารถเอาประสบการณ์นี้ไปส่งให้อีกคน แล้วกลายเป็นระแวงทุกอย่าง โบว์ไม่ทำแบบนั้น ที่ผ่านมาโบว์ก็ไม่ทำแบบนั้น ไม่ได้จบดีมาเสมอ ถ้าโบว์มัวแต่ระแวง เหมือนสร้างกำแพงขึ้นมาตลอด แล้วคิดว่าคุณต้องเป็นอย่างนั้นแน่นอน โบว์ว่าโบว์อยู่คนเดียวไปดีกว่า ถ้าโบว์มีความคิดแบบนั้นที่จะกลัวไปทั้งหมด อยู่คนเดียวอาจจะตอบโจทย์กว่า แต่ไม่ได้มีความคิดแบบนั้น

เราอยู่กับคนคนนึงมา 10 ปี อยู่ดี ๆ อยู่คนเดียว เราไม่ได้ปิดใจตัวเอง ไม่ได้กลัวว่าใครเข้ามาแล้วจะทำให้เสียเวลา ?
โบว์ : ไม่ได้กลัวนะคะ ไม่ได้กลัวการผิดหวัง เพราะโบว์คิดว่าเราพรีเซ็นต์ตัวเองไปอย่างนี้ เราให้ไปอย่างนี้ อยู่ที่ว่าอีกคนจะตอบกลับมาแบบไหนมากกว่า คือมันต้องมีการพูดคุยกัน มันไม่ใช่อยู่ดี ๆ เจอปุ๊บแล้วให้ไปหมดเลย

แสดงว่าความรักของโบว์ในอนาคตก็น่าจะเป็นสิ่งที่สวยงามอยู่?
โบว์ : เสมอค่ะ ความรักไม่ได้ผิดอะไร มันอยู่ที่ตัวเราเองหรือตัวบุคคลนั้นที่มันมีแรงกระแทกใส่กัน หรือว่ามันจูนกันไม่ติด มันเป็นเรื่องของความเข้าใจมากกว่า มันไม่ได้เกี่ยวกับความรัก ความรักดีของมันอยู่แล้ว

มีคนเข้ามาหรือยัง?
โบว์ : ไม่ได้มีใครมาดามใจค่ะ อาจจะมีแบบพูดคุย แต่ไม่ได้เชิงรุกขนาดนั้น เพราะว่าโบว์ชัดเจนในมุมของโบว์ โบว์ต้องการจัดการตัวเองให้เต็มที่ก่อน เพราะโบว์ต้องการที่จะแฟร์กับตัวเอง แฟกับคนที่โบว์คุยด้วย ไม่อยากเพราะเหงา เพราะอยู่คนเดียว รู้สึกเศร้า อยากมี มันไม่ใช่แบบนั้น เพราะโบว์รู้สึกว่ามันเอาเปรียบเขาเกินไป ถ้าโบว์ทำแบบนั้น ขอเคลียร์ตัวเอง

มีคนเข้ามาจีบบ้างแหละ เรียกแบบนี้ได้ไหม ?
โบว์ : ได้มั้ง ผ่านเพื่อนบ้าง ผ่านคนรู้จัก

วางสเปคไว้ยังไง?
โบว์ : จริงใจแล้วก็ปากตรงกับใจ ใจเย็นกับโบว์ เป็นคนสนุก เป็นคนหลายมิติได้ เป็นคนดูแลตัวเอง เพราะโบว์เป็นคนที่ดูแลตัวเอง เพราะฉะนั้นไลฟ์สไตล์มันต้องมีความใกล้เคียงกัน

แล้วข้อห้ามล่ะ ถ้ามีแบบนี้เราไม่เอาเลย ?
โบว์ : เมาขาดสติ อันนี้โบว์เคยเจอเหตุการณ์โบว์คุยไม่รู้เรื่อง เรื่องอายุไม่สำคัญ เพราะบางคนมันดูที่ใจมากกว่า

‘ฟลุค เกริกพล’ ยืนยันสถานะ ‘อชิ-มิย่า’ เหลือแค่เพื่อน ย้ำ!! ไม่ได้ทะเลาะกับครอบครัว ‘พีท ทองเจือ’

(26 ก.ค. 66) หลายคนต่างสงสัยความสัมพันธ์ของ ‘มิย่า-พิชชา ทองเจือ’ ลูกสาว ‘พีท ทองเจือ’ และ ‘อชิ-อชิรวัตติ์ มัสยวาณิช’ ลูกชายของ ‘ฟลุค เกริกพล’ ที่จับผิดกันว่าทั้งคู่เลิกกันแล้วหรอ เกิดอะไรขึ้น ล่าสุดพ่อฟลุคได้เปิดใจผ่านรายการแฉ (25 ก.ค.)

โดยหนุ่มฟลุคบอกว่า "ก็ข่าวมันก็เป็นข่าว จริง ๆ แล้วเขาลดความสัมพันธ์ จากเป็นแฟนกันเป็นเพื่อนกัน ซึ่งผมมองว่าดีแล้ว ประมาณนี้กำลังดีแล้ว กำลังสวย ปัญหาระหว่างสองครอบครัวตามข่าว เท่าที่รู้ไม่ได้ทะเลาะกันแน่ ๆ เท่าที่รู้คุณพีทกับคุณโบว์คุยกัน ไม่ได้ทะเลาะกัน ผมไม่ได้คุยด้วยซ้ำ ไม่ได้ทะเลาะกันแน่ ๆ ข่าวจะเวอร์ไป ข่าวกับน้องแอลลี่ซึ่งมันไม่จริง"

นาตาลีเสริมต่อว่า "น้องอชิไม่มีความเจ้าชู้เลย" มดดำถามต่อว่า "ห้ะ จริงหรอ? ศูนย์ จริงๆ"

ฟลุคบอกต่อว่า "เสียใจมาก ก็วันนั้นที่เห็นภาพที่เราจัดให้ เป็นงานที่อชิขอให้พ่อปิดโอมากาเสะให้ อชิก็กินไปร้องไห้ไป ทุกชั่วโมงก็มีจังหวะร้องไห้"

นาตาลีบอกต่อว่า "คือเขาทุ่มมาก อินมาก ตั้งใจทุกอย่างทำนู่นทำนี่ให้ อินให้แฟน พอวันนึงก็เสียใจ"

‘อุ้ม ลักขณา’ เคลียร์ชัด!! เซ็นใบหย่า ‘บอล กฤษณะ’ แล้ว เตรียมย้ายกลับกรุงเทพฯ ต่อจากนี้ขอทุกอย่างทำเพื่อลูก

ไม่เคยคิดว่าจะมีวันนี้!! ‘อุ้ม ลักขณา’ รับเซ็นใบหย่า ‘บอล กฤษณะ’ ปิดฉากชีวิตคู่ พร้อมเปิดใจครั้งแรก เรื่องนี้เกิดขึ้นเพราะหมอดู?

(19 ส.ค. 66) เปิดใจเคลียร์ให้ฟังกันแบบชัด ๆ เป็นครั้งแรกในรายการแฉ สำหรับ ‘อุ้ม ลักขณา’ ถึงปมการเลิกรากับสามีหนุ่ม ‘บอล กฤษณะ’ ว่า ได้เซ็นใบหย่าและเตรียมย้ายที่จะกลับมาอยู่กรุงเทพฯ เรียบร้อยแล้ว หลังจากนี้ขอทุกอย่างทำเพื่อลูก ‘น้องดีสนีย์’

“ตอนนี้เป็นซิงเกิลมัมทั้งพี่ทั้งน้องค่ะ ไม่เคยคิดอยู่ในหัวเลย ว่าจะมีวันนี้ ไม่มีแม้แต่วินาทีเดียวว่าอุ้มจะไม่มีผู้ชายคนนี้อยู่ในชีวิต อุ้มคิดว่าเขาคือความสุข คือครอบครัว คือพ่อของลูก คือสามีที่ดี ก็เลยไม่เคยระแวงหรือคิดว่าตัวเองจะมาถึงจุดนี้

7 ปีชีวิตครอบครัวถามว่าแฮปปี้ไหม มันก็มีบ้าง จะไม่มีเลยก็เป็นไปไม่ได้ สองคนมาจากคนละครอบครัว มาจากคนละพื้นฐานการเลี้ยงดูกัน ก็ต้องมีเรื่องที่ปรับกันเยอะมากๆ ก่อนจะถึงจุดที่ลงตัว มันใช้เวลาหลายๆ ช่วง แต่ว่าเราทั้งสองคนก็พยายามทำให้ดีที่สุดเพื่อลูก ซึ่งมันก็ผ่านมาได้ แต่มันก็มาเกิดเรื่องนี้ที่ทำให้ไม่สามารถไปต่อได้” อุ้ม ลักขณา กล่าว

เมื่อถูกถามถึงประเด็นที่ว่า หาก ไม่ไปดูหมอดูคงไม่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น อุ้มตอบว่า “ไม่จริง” ไม่ได้ดูดวงเพื่อเช็กว่าสามีนอกใจหรือไม่ แค่ไปดูดวงตามปกติ

“ไม่ได้สาระแนไปดูอะไรเลยค่ะ ไม่ได้ดูดวงเพื่อเช็ก ไม่ได้ดูเรื่องนี้เลย ไปเพราะเห็นเขาดูกันก็ตามเขาไป ปกติชอบดูดวง แต่วันนั้นไม่ได้ตั้งใจไปดูดวงอะไรทั้งสิ้นเลย เพราะทุกอย่างแฮปปี้ดีหมด ต่อให้เขาพูดอะไรมาไม่ได้รู้สึกว่าเราต้องหวั่นไหว หรือต้องไปจับผิดอะไร ไม่มีอยู่ในสมองของอุ้มเลยค่ะ

ในตอนแรกที่หมอดูทำนาย อุ้มไม่เชื่อด้วยซ้ำว่าทำนายแม่น เพราะมองว่าชีวิตครอบครัวของตนเองนั้นดีอยู่แล้ว แต่พอเกิดเรื่องขึ้นเลยรู้สึกทันทีว่าหมอดูทักแม่น และเรื่องก็เกิดหลังจากโดนทักไม่ถึงหนึ่งสัปดาห์

เปิดไพ่ยิปซีค่ะ ตอนดูเราก็ยังไม่เชื่อเลย คิดว่าหมอดูคนนี้เราไม่รู้จักเขา เขาคงมั่วๆ พูดไปเรื่อย เพราะชีวิตครอบครัวเราดีอยู่ แต่พอเกิดเรื่องแล้วถึงได้ อ้าว แม่น” อุ้ม ลักขณา กล่าว

หากถามถึงสภาพจิตใจ อุ้ม เผยว่า ตนเองไปต่อไม่เป็น ต้องกลับบ้านที่กรุงเทพฯ มาหาเซฟโซน เพราะตอนไปอยู่เชียงใหม่ ตนเหมือนเริ่มต้นไม่ ไม่รู้จักใคร ไม่มีสังคม มีเขาแค่คนเดียว คอยเป็นสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจ

“กลับบ้านที่กรุงเทพฯ ค่ะ เราต้องกลับมาหาเซฟโซนของเราค่ะ อยู่ที่เชียงใหม่ 7 ปี อุ้มไม่มีเพื่อน อุ้มไปอยู่คนเดียว ตัวคนเดียว ไม่มีใครเลยค่ะ ไม่มีเพื่อน ไม่มีสังคม มีแค่เขาคนเดียว ที่เป็นสิ่งที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ แล้วก็มีลูก ชีวิตก็จะอยู่แต่อย่างนั้นค่ะ แล้วตอนหลังก็เอาน้องชายมาอยู่ด้วย เพราะน้องชายอยากมาดูแลพี่สาว ให้เขาเริ่มมาทำงานกับเรา น้องชายเพิ่งเข้ามาอยู่ได้ปีนึงค่ะ”

ส่วนช่วงเวลาที่เกิดเรื่อง อุ้ม รับว่าเรื่องเกิดตั้งแต่ช่วงที่เพจดังปล่อยข่าวว่าผัวเมียสายแซ่บอันฟอลโลว์ไอจีกัน ถ้าถามว่า หากย้อนเวลากลับไปได้จะยังเลือกผู้ชายคนนี้ไหม อุ้มก็จะยังเลือกเขา เพราะเขาได้ให้ของขวัญที่ดีที่สุดก็คือ ‘น้องดีสนีย์’

“เกิดขึ้นแล้วค่ะ ไม่ใช่ตัดสินใจว่าจะจบกัน แต่เป็นวันที่เรากลับบ้าน กลับมากรุงเทพฯ มาพักใจ ใน 7 ปีที่ผ่านมานั้น ชีวิตมีความสุขค่ะ เพราะสิ่งที่ดีที่สุดในชีวิตคือน้องดีสนีย์และน้องการ์ตูน แม้น้องการ์ตูนไม่ใช่ลูกแท้ๆ เป็นลูกพี่บอล แต่อุ้มก็รักเขาเหมือนลูกแท้ๆ จริงๆ เราแคร์เขามากๆ ส่วนน้องดีสนีย์เขาคือของขวัญที่ดีที่สุด

ก่อนหน้านี้ อุ้มพยายามเคลียร์และปรับกันแล้วทำทุกอย่างให้ดีที่สุดด้วยสติ และตกลงกันทั้งสองฝ่ายว่าเราไม่อยากให้ลูกได้รับผลกระทบที่พ่อแม่มาทะเลาะกันให้ลูกเห็น ฉะนั้น ในเมื่อถึงทางตันแล้ว ต่างคนต่างมีทางของแต่ละคนไม่เหมือนกัน แต่ทางที่เหมือนกันคือจะเป็นพ่อแม่ที่ดีที่สุดให้กับลูกทั้งสองคน” อุ้ม ลักขณา กล่าว

สำหรับกระแสข่าว ‘เลิกกันเพราะสามีไปติดผู้จัดการ’ และ ‘ไม่ยอมให้สามีทำการบ้านเลย 3 ปี’ อุ้มเคลียร์ชัดว่า “ไม่จริง”

“ข่าวที่ว่าพี่บอลเลิกอุ้มเพราะผู้จัดการอุ้ม ผู้จัดการอุ้มเขาเป็นสาว (หัวเราะ) ส่วนเรื่องไม่ยอมให้สามีทำการบ้านเลย 3 ปีก็ไม่จริงค่ะ ขอแก้ข่าวนิดนึง ไม่มีสองปีแรก เพราะปีหนึ่งท้อง 9 เดือน อีกปีอุ้มเลี้ยงลูกคนเดียว 24 ชม. พี่ด้าต้องเข้าใจความแม่ เรามีลูกคนแรก และไม่ได้อยู่ข้างๆ แม่ตัวเอง ไม่ได้อยู่ข้างๆ น้องสาวที่เคยมีประสบการณ์การเลี้ยงลูกมาก่อน อุ้มไม่มีคนเป็นที่ปรึกษาเลย ก็งูๆ ปลาๆ กับการเลี้ยงลูกคนนึงให้ดีที่สุด

เราต้องปั๊มนม ให้ลูกเข้าเต้า เลี้ยงลูก พอลูกขวบนึงก็กลับมามีอะไรกันเหมือนเดิม ก็มีการนัดกัน แต่ต้องนัดตามเวลา เพราะอุ้มเลี้ยงลูกเองเป็นหลัก อุ้มไม่มีพี่เลี้ยง”

ส่วนเรื่องที่ว่าเอาหน้าอกออกแล้วทำให้สามีเปลี่ยนใจ อุ้ม ยืนยันว่า “ไม่เกี่ยว” มีการพูดคุยกับสามีแล้ว สามีโอเค

“อุ้มไม่รู้ว่าคนอื่นหรือใครจะคิดยังไง แต่ก่อนเอาหน้าอกออก เรามีการพูดคุยกัน มีการปรึกษากัน ซึ่งเขาก็บอกว่าอะไรที่อุ้มมีความสุข อุ้มทำเลย เพราะอุ้มมีปัญหาปวดหลังหนักมาก เราใส่เต้ามานาน พอเราให้นมลูก แล้วพอมันหมด มันยาน มันใหญ่ มันหนัก

แล้วอุ้มคิดว่าชีวิตนี้เรามีผู้ชายคนนี้เป็นผัว เราไม่คิดจะมีผัวคนไหนอีกแล้ว ต่อให้กูน่าเกลียด ผัวก็ต้องรักกูสิ ต่อให้นมแบน แต่กูไม่ได้ไปรักคนอื่น ไม่ได้คิดจะไปเปิดนมให้คนอื่นดูอีกแล้ว ถ้าเราอยากมีนมใหญ่ให้คนอื่นดู แต่เราคิดว่าเราไม่ได้อยากให้คนอื่นดูแล้วไง เราหยุดอยู่ที่เขาคนเดียว ชีวิตนี้เรามีเขาแค่คนเดียวแล้ว เราก็เอาออก ให้มันเป็นธรรมชาติ อุ้มมาออกกำลังกาย สายสปอร์ตแล้วไงคะ” อุ้ม ลักขณา กล่าว

ในตอนนี้ อุ้มและสามี ได้เซ็นใบหย่ากันเรียบร้อยแล้ว ยุติความสัมพันธ์การเป็นสามีภรรยากัน เป็นเพียงแค่พ่อกับแม่ที่ดีที่สุดให้ลูกทั้งสองคน ลูกคือความสุขที่สุดของอุ้ม ทุกครั้งที่มีปัญหา อุ้มมีครอบครัว มีนิวเคลียร์ มีพ่อแม่ มีน้องชาย

“อุ้มกับเขาก็เซ็นใบหย่ากันเรียบร้อยแล้วค่ะ ทางกฎหมาย และตัวอุ้มเองกับเขาก็อย่างที่ตกลงกัน เราจะยุติความสัมพันธ์การเป็นสามีภรรยากัน เป็นเพียงแค่พ่อกับแม่ที่ดีที่สุดให้ลูกทั้งสองคน โดยพี่บอลรับผิดชอบเรื่องลูกไป อุ้มก็ต้องคัมแบ็กกลับมาทำงาน จากนี้จะรับงานในวงการ ห่างหายไปนาน ขอโอกาสนะคะ ต้องไปทำนมใหม่ไหมคะ (หัวเราะ)”

สำหรับคำถามที่ว่าได้พูดคุยกับลูกแล้วหรือยัง อุ้ม เปิดใจว่า อยากให้ลูกค่อย ๆ ปรับตัว บอกว่าลูกจะต้องย้ายมาอยู่กรุงเทพฯนะ แต่ลูกไม่จำเป็นต้องมารับรู้ปัญหาของพ่อปม่ เพราะอุ้มไม่อยากให้ลูกรู้สึกไม่ดี ไม่อยากพูดถึงปัญหาว่าคืออะไรอีกแล้ว เพราะมันจบแล้ว

“เขาก็คงงงๆ ค่ะ ตอนนี้ถึงไม่ได้ย้ายออกมาจากเชียงใหม่ เราอยากให้เขามีโมเมนต์ค่อยๆ ปรับกับพี่สาวเขา พ่อเขา ก่อนที่เขาจะต้องแยกออกมาจริงๆ

ตอนนี้เขาพูดเสมอว่าเขาเกิดเชียงใหม่ เขาเป็นเด็กเชียงใหม่ แต่ตอนนี้เราก็พูดว่าตอนนี้บ้านเรากำลังจะพังนะ เราต้องซ่อมบ้านนะลูก เราต้องย้ายมาอยู่กรุงเทพฯ มาเรียนกรุงเทพฯ นะ เขาก็เริ่มเก็ต เริ่มเข้าใจ แต่เขาไม่จำเป็นต้องมารับรู้ว่าปัญหาของพ่อแม่คืออะไร ท้ายที่สุดแล้วอุ้มไม่ได้อยากให้ลูกรู้สึกไม่ดี หรือรู้สึกว่าพ่อแม่มีปัญหากัน หรือไม่ภูมิใจในตัวพ่อเขาหรือตัวอุ้ม ฉะนั้นเลือกได้อุ้มไม่อยากพูดถึงปัญหาว่าคืออะไรอีกแล้ว เพราะมันจบแล้วค่ะ” อุ้ม ลักขณา กล่าวทิ้งท้าย

‘เบลล์ นันทิตา’ นักร้องสาวเวทีดัง แยกทางสามีชาวญี่ปุ่น-อเมริกัน เผย ไปต่อกันไม่ได้ เตรียมกลับไทย คนบันเทิงแห่ส่งกำลังใจรัวๆ

เมื่อวันที่ 26 ส.ค.66 นักร้องสาวเสียงดี ‘เบลล์ นันทิตา’ ที่โด่งดังจากเวที ‘Thailand’s got Talent’ ซีซัน 1 และมีผลงานเพลงโด่งดัง ‘เสียงที่เปลี่ยน’ หลังวิวาห์กับแฟนหนุ่ม ‘สตีเว่น ฮิโรชิ อิมานูระ’ นักธุรกิจชาวญี่ปุ่น สัญชาติอเมริกัน โดยจดทะเบียนสมรสใช้ชีวิตครอบครัวที่อเมริกากว่า 5 ปี ล่าสุดโพสต์กลางอินสตาแกรมส่วนตัว ประกาศแยกทางสามีแล้วว่า…

“ลดสถานะจากสามีภรรยามาเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน มันก็ดีไปอีกแบบ เมื่อคนเราไปต่อกันไม่ได้เราก็ต้องไปตามของใครของมัน และทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุด ขอบคุณทุกๆ ประสบการณ์ที่เกิดขึ้นในชีวิตค่ะ แล้วเจอกันไทยแลนด์” พร้อมแคปชันอิโมจิชูสองนิ้วสู้ๆ

โดยมีคนบันเทิงเข้ามาให้กำลังอย่างอบอุ่น อาทิ บุ๋ม ปนัดดา คอมเมนต์ส่งกำลังใจว่า “กอดๆๆ คนเก่งของแม่ อะไรก็ตามที่หนูมีความสุขคือดีที่สุดลูก”, นุ่น รมิดา ก็ส่งกำลังใจว่า “มาค่ะ ไม่มีอะไรสายที่จะเริ่มใหม่ แต่มากอดกันก่อน” เป็นต้น


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top