Monday, 29 April 2024
เด็กแว้น

ตร. เตือน ‘สายซิ่ง – สายแว้น’ โทษหนัก!! เสี่ยงถูกยึดรถ ส่วนผู้ปกครอง เจ้าของรถและร้านแต่งรถ อาจโดนคดีด้วย!

วันที่ 2 พ.ย. 2564 พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ ดีพอ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า ตามที่ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. มอบหมายให้ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. เป็นผู้อำนวยการศูนย์ป้องกันและปราบปรามการแข่งรถในทางและความผิดอื่นที่เกี่ยวข้อง (ศปข.ตร.) รับผิดชอบการป้องกันและปราบปรามในความความผิดการแข่งรถในทางฯ และความผิดอื่นที่เกี่ยวข้อง โดยในช่วงระยะเวลา 2 ปี ที่ผ่านมา สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้มีการดำเนินคดีในความผิดที่เกี่ยวข้อง จำนวนกว่า 1,200,000 ราย และยึดรถที่ใช้ในการกระทำความผิดจำนวนกว่า 320,000 คัน นั้น

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จึงขอเตือนผู้ที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดดังกล่าว ให้ทราบถึงข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ซึ่งท่านอาจจะต้องถูกดำเนินคดี โดยมีฐานความผิดหลักที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดได้แก่

ส่วนของผู้ขับขี่

- ขับรถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยหรือความเดือดร้อนของผู้อื่น จำคุกไม่เกิน 3 เดือน หรือปรับตั้งแต่ 2,000 ถึง 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 43(8) ประกอบมาตรา 160

- แข่งรถในทางโดยไม่ได้รับอนุญาต จำคุกไม่เกิน 3 เดือน เดือน หรือปรับตั้งแต่ 2,000 ถึง 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ  พักใช้หรือเพิกถอนใบอนุญาต ตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 134 ประกอบมาตรา 160 ทวิ

ส่วนของผู้ปกครอง

- ส่งเสริม หรือยินยอมให้เด็กประพฤติตนไม่สมควร หรือน่าจะทำให้เด็กมีความประพฤติเสี่ยงต่อการกระทำผิด จำคุกไม่เกิน 3 เดือน หรือปรับไม่เกิน 30,000 บาท ตาม พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก พ.ศ. 2546 มาตรา 26(3) ประกอบมาตรา 78

- สนับสนุน ปล่อยปละละเลย ให้เด็กและเยาวชนรวมกลุ่มหรือมั่วสุมเพื่อแข่งรถในทาง เจ้าหน้าที่สามารถตักเตือน ทำทัณฑ์บน หรือให้วางเงินประกัน และหากเด็กและเยาวชนกระทำความผิดซ้ำอีก ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 เดือน หรือปรับไม่เกิน 30,000 บาท และให้ริบเงินประกัน ตาม คำสั่ง คสช. ที่ 22/2558 มาตรการในการป้องกันและแก้ไขปัญหาการแข่งรถยนต์และรถจักรยานยนต์ในทาง ข้อ 2

ส่วนของเจ้าของรถ

- ส่งเสริม หรือยินยอมให้เด็กประพฤติตนไม่สมควร หรือน่าจะทำให้เด็กมีความประพฤติเสี่ยงต่อการกระทำผิด จำคุกไม่เกิน 3 เดือน หรือปรับไม่เกิน 30,000 บาท ตาม พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก พ.ศ. 2546 มาตรา 26(3) ประกอบมาตรา 78

- เป็นเจ้าของรถหรือคนขับรถยินยอมให้ผู้ซึ่งไม่มีใบอนุญาตขับรถ หรือมีใบอนุญาตขับรถประเภทอื่นที่ใช้แทนกันไม่ได้ เข้าขับรถของตนหรือรถที่ตนเป็นคนขับ ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 2,000 บาท ตาม พ.ร.บ.รถยนต์ พ.ศ. 2522 มาตรา 56 ประกอบมาตรา 60

ส่วนของร้านรับแต่งรถ

- โฆษณา จำหน่าย หรือมีไว้เพื่อจำหน่าย ซึ่งผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม โดยรู้อยู่ว่าไม่เป็นไปตามมาตรฐานอุตสาหกรรม จำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 500,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตาม พ.ร.บ.มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม พ.ศ. 2511 มาตรา 36 ประกอบมาตรา 55

- ดำเนินกิจการตามประเภทที่มีข้อบัญญัติท้องถิ่นกำหนดให้เป็นกิจการที่ต้องมีการควบคุมตามมาตรา 32 ในลักษณะที่เป็นการค้า จำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 50,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตาม พ.ร.บ.การสาธารณสุข พ.ศ. 2535 มาตรา 33 ประกอบมาตรา 71

- ส่งเสริมหรือสนับสนุนให้มีการแข่งรถในทาง โดยการผลิต ครอบครอง จำหน่าย ประกอบ ดัดแปลงหรือเปลี่ยนแปลงสภาพรถยนต์หรือรถจักรยานยนต์ จำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับตั้งแต่ 2,000 ถึง 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตาม คำสั่ง คสช. ที่ 22/2558 เรื่อง มาตรการในการป้องกันและแก้ไขปัญหาการแข่งรถยนต์และรถจักรยานยนต์ในทาง ข้อ 3

 

ปูพรม! ‘กวาดล้างเด็กแว้นทั่วประเทศ’ ยึดรถกว่า 20,000 คัน ‘ผู้ปกครอง - ร้านแต่งรถ – แอดมินเพจ’ โดนด้วย!!

วันนี้ (22 พ.ย.64) เวลา 10.30 น. ที่ ตำรวจภูธรภาค1 พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามการแข่งรถในทาง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปข.ตร.), พล.ต.ท.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้ช่วย ผบ.ตร. , พล.ต.ท.จิรพัฒน์ ภูมิจิตต์ ผบช.ภ.1 ร่วมแถลงผลการระดมกวาดล้างการแข่งรถในทางและความผิดอื่นที่เกี่ยวข้องในห้วงวันที่ 11 - 20 พ.ย.64 หลังยกเลิกเคอร์ฟิว เตรียมเปิดประเทศ จับกุมผู้กระทำผิด 922 ราย ยึดรถกว่า 20,000 คัน

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ เปิดเผยว่า พล.ต.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มีความห่วงใย สั่งการให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.)โดย พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. เร่งปราบปรามการแข่งรถในทางซึ่งอาจจะกลับมารวมตัวกันสร้างความเดือดร้อนให้กับนักท่องเที่ยว และผู้ใช้รถใช้ถนน รวมถึงประชาชนผู้พักอาศัย  และอาจเป็นสาเหตุในการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ระลอกใหม่ ในช่วงหลังประกาศยกเลิกเคอร์ฟิว เตรียมเปิดประเทศรับชาวต่างชาติ

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กล่าวอีกว่า จากการประสานข้อมูลกันระหว่าง ศปข.ตร. และตำรวจพื้นที่ ทั้ง บช.น., ภูธร 1-9 ในห้วง 11-20 พ.ย.64 สามารถจับกุมผู้กระทำผิด

1.แข่งรถในทางและขับรถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยฯ และสนับสนุน ให้มีการแข่งรถหรือให้ขับรถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัย 922 ราย

2.ทำทัณฑ์บนกับบิดา มารดา ผู้ปกครอง ตามคำสั่ง หน.คสช. ที่ 22/2558 และ 46/2558 จำนวน 2,575 ราย

3.ดำเนินคดี ร้านค้า/ดัดแปลง รถหรืออุปกรณ์ 182 ราย

4.ตรวจค้น/ประชาสัมพันธ์ ร้านขาย/ดัดแปลง รถหรืออุปกรณ์ 26,670 ราย

5.ตรวจพบท่อไอเสียไม่ได้มาตรฐาน 3,382 ราย

6.ความผิดตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก และ พ.ร.บ.รถยนต์ ที่เกี่ยวข้อง 50,136 ราย

7.ดำเนินคดีกับ Admin Page 13 ราย

8.ตรวจยึดรถยนต์ 118 คัน

9.รถจักรยานยนต์ 19,046 คัน

10.จัดทำประวัติผู้กระทำความผิดและผู้มีพฤติกรรมเสี่ยงที่จะแข่งรถในทาง 9,411 ราย

11.กรณีจับกุมผู้ต้องหาส่งฟ้องศาล และศาลมีคำสั่งให้ริบรถของกลาง 8 ราย

ผอ.ศปข.ตร. กล่าวว่า ผบ.ตร. ได้กำชับให้เร่งแก้ไขปัญหาเด็กแว๊น อย่างจริงจังและต่อเนื่อง ซึ่งจากสถิตินับตั้งแต่ตนมาเป็น ผอ.ศปข.ตร. พ.ศ.2562 พบว่าการร้องเรียนลดลงอย่างมาก มีการดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดแบบครบวงจร ทั้ง ผู้ขับขี่ แอดมินเพจ ผู้สนับสนุน ร้านแต่งรถ รวมถึงผู้ปกครองด้วย ซึ่งขณะนี้กำลังเร่งผลักดันแก้ไข พ.ร.บ.จราจรทางบก ในเรื่องนี้เพื่อให้กฎหมายมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะการเอาผิดกับ "การรวมกลุ่มมั่วสุมในทาง หรือสาธารณะสถานใกล้ทาง โดยมีพฤติการณ์ที่จะแข่งรถ" จะถือเป็นความผิด "พยายามแข่งรถ" ด้วย

 

สำนักงานตำรวจ งัด 6 มาตรการ คุมเข้ม 'เด็กแว้น' ช่วงลอยกระทง สั่งจับตาเพจชักชวนรวมกลุ่มมั่วสุม แข่งรถป่วนประชาชน

(4 พ.ย. 65) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผู้ช่วย ผบ.ตร.) เปิดเผยว่า ตามนโยบายรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ที่ตระหนักและให้ความสำคัญในปัญหาการแข่งรถในทางของเด็กและเยาวชน (เด็กแว้น) อันเป็นปัญหาที่สร้างอุบัติเหตุบนท้องถนน เกิดความไม่ปลอดภัยต่อผู้ใช้รถใช้ถนน และสร้างความเดือดร้อนรำคาญให้แก่ประชาชนในชุมชนและสังคม จึงมุ่งหวังให้ ตร. แก้ไขปัญหาดังกล่าว

วันนี้ได้รับมอบหมายให้เป็นประธานการประชุมขับเคลื่อนศูนย์ป้องกันและปราบปรามการแข่งรถในทางและความผิดอื่นที่เกี่ยวข้อง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปข.ตร.) และกำหนดแนวทางมาตรการการปฏิบัติในช่วงเทศกาลลอยกระทง ประจำปี 2565 โดยมีหน่วย บช.น., ภ.1 – 9 และ บก.ทล. พร้อมด้วยหัวหน้าสถานีตำรวจทั่วประเทศ เข้าร่วมประชุม รับฟังรายงานการบันทึกข้อมูลในระบบ CRIME และสถิติการดำเนินการ สถิติการร้องเรียนผ่านทางสายด่วน 191 และ 1599 พร้อมวิเคราะห์จัดกลุ่มความเสี่ยงของพื้นที่ สน./สภ. ความคืบหน้าและผลโครงการวิจัยศึกษาและพัฒนาระบบการจัดการแก้ไขปัญหาการแข่งรถในทางอย่างยั่งยืน เป็นต้น

พล.ต.ท.ประจวบ กล่าวว่า ได้กำหนดมาตรการการปฏิบัติและกำชับให้หน่วย บช.น., ภ.1 – 9 และ บก.ทล. นำไปขับเคลื่อนเพื่อป้องกันและปราบปรามการแข่งรถในทางและความผิดอื่นที่เกี่ยวข้อง โดยกำชับให้เพิ่มความเข้มในการปฏิบัติช่วงเทศกาลลอยกระทง ประจำปี 2565 ดังนี้...

1. เร่งรัดกวดขันตรวจสอบการกระทำความผิดทุกช่องทาง ทั้ง ONLINE เช่น คลิปการแข่งรถ, การขับรถ ที่ไม่คำนึงถึงความปลอดภัย, ร้านค้าออนไลน์ ฯลฯ และ ON GROUND เพิ่มความเข้มออกกวดขันตรวจตรา แหล่งมั่วสุม จุดนัดหมาย สถานศึกษา ร้านจำหน่ายอะไหล่ ร้านซ่อมรถ ร้านดัดแปลงสภาพรถ ร้านแต่งซิ่ง โรงงานและร้านขายท่อไอเสียที่ไม่ได้มาตรฐาน ฯลฯ ดำเนินการตามกฎหมายกับตัวการ และสอบสวนขยายผลไปยังผู้สนับสนุน เช่น ผู้ผลิต ครอบครอง จำหน่าย ประกอบ ดัดแปลง ยุยงส่งเสริม สนับสนุนการแข่งรถในทาง Admin page และกองเชียร์ กรณีสืบทราบหรือพบเห็นการรวมกลุ่มเพื่อแข่งรถในทาง ให้ สน./สภ. บูรณาการกำลังทุกฝ่ายให้ยุติกิจกรรมพร้อมติดตามจับกุมให้ได้โดยเร็ว

2. การตรวจสอบแอดมินเพจชักชวนรวมกลุ่มมั่วสุมแข่งรถในทาง, ออกทริปท่องเที่ยวหรือทำกิจกรรมในช่วงวันหยุดราชการหรือเทศกาล ซึ่งอาจสร้างความเดือดร้อนแก่ประชาชนในเส้นทาง ให้ดำเนินการตามมาตรการที่ ตร. กำหนด ตั้งแต่พื้นที่ต้นทาง พื้นที่กลางทาง จนถึงพื้นที่ปลายทาง ตั้งจุดตรวจจุดสกัด เพื่อกวดขันวินัยจราจร ให้หน่วยพื้นที่ต้นทางประชาสัมพันธ์กับแอดมินเพจให้ระงับการดำเนินการดังกล่าวเพื่อไม่ให้เกิดความเดือดร้อนรำคาญแก่ผู้ใช้รถใช้ถนนและประชาชนที่พักอยู่ริมทาง และลดการสูญเสียจากอุบัติเหตุ

3. ให้ความสำคัญการรับแจ้งเหตุและร้องเรียนในทุกช่องทาง ให้ กก.สส.บก.น./ภ.จว. ร่วมกับงานสืบสวนของ สน./สภ. ตรวจสอบและติดต่อสอบถามข้อมูลจากประชาชน เน้นการสืบสวนหลังเกิดเหตุให้ได้ตัวผู้ก่อเหตุ มาดำเนินคดีทุกราย เพื่อป้องปรามไม่ให้กลับมากระทำความผิดอีก และให้ความสำคัญกับการแสวงหาข้อมูล และเบาะแสจากเครือข่ายภาคประชาชนในพื้นที่และช่องทางอื่น ๆ ทุกช่องทาง และสืบสวนสอบสวนให้ปรากฏข้อเท็จจริงโดยละเอียดทุกกรณี

'ตร.' เปิดช่องทางรับแจ้ง 'เด็กแว้น' แข่งรถ ผู้ให้เบาะแส รับเงิน 3,000 บาทเข้าบัญชี!!

รับ 3,000 บาท!! เมื่อแจ้งเบาะแส 'เด็กแว้น' แข่งรถจนจับกุมได้ ถ่ายภาพ-คลิปเป็นหลักฐาน แจ้ง 191,1599, หรือเฟซบุ๊กศูนย์โซเชียลมีเดีย ศปก.ตร.

(22 ก.พ. 66) นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลตระหนักและให้ความสำคัญ ในการแก้ไขปัญหาการแข่งรถในทาง โดยไม่ได้รับอนุญาตของเด็กและเยาวชน อันเป็นปัญหาที่สร้างอุบัติเหตุบนท้องถนน เกิดความไม่ปลอดภัยต่อผู้ใช้รถใช้ถนน และสร้างความเดือดร้อนรำคาญให้แก่ประชาชนในชุมชนและสังคม มุ่งหวังให้ทุกภาคส่วนมีส่วนร่วมแก้ไขปัญหาดังกล่าว

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการแจ้งข้อมูล หรือเบาะแสการแข่งรถในทาง เมื่อพบเห็นเหตุการณ์ เช่น การแข่งรถในทางโดยไม่ได้รับอนุญาต ขับรถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยหรือความเดือดร้อนของผู้อื่น หรือรู้ตัวผู้จัด ผู้สนับสนุนหรือส่งเสริมให้มีการแข่งรถ ให้ประชาชนบันทึกภาพและคลิปด้วยตนเอง พร้อมข้อมูลรายละเอียดแล้วแจ้งผ่าน 3 ช่องทาง คือ ศูนย์ 191, สายด่วน 1599 หรือ เพจเฟซบุ๊กศูนย์โซเชียลมีเดีย ศปก.ตร. (ส่งข้อมูล inbox)

ผู้ช่วย ผบ.ตร. ขับเคลื่อนการป้องกันและปราบปรามการแข่งรถในทาง กำชับหน่วยปฏิบัติทั่วประเทศแก้ไขปัญหาเด็กแว้น วางมาตรการเข้มช่วงเทศกาลสงกรานต์ 

วันนี้ (5 เม.ย.66) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผู้ช่วย ผบ.ตร. เปิดเผยว่า ตามนโยบายรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ที่ตระหนักและให้ความสำคัญในปัญหาการแข่งรถในทางของเด็กและเยาวชน (เด็กแว้น) อันเป็นปัญหาที่สร้างอุบัติเหตุบนท้องถนน เกิดความไม่ปลอดภัยต่อผู้ใช้รถใช้ถนน และสร้างความเดือดร้อนรำคาญให้แก่ประชาชนในชุมชนและสังคม จึงมุ่งหวังให้ ตร. แก้ไขปัญหาดังกล่าว

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ภายใต้การนำของ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ได้นำนโยบายรัฐบาลมาสู่การปฏิบัติ โดยจัดตั้งศูนย์ป้องกันและปราบปรามการแข่งรถในทางและความผิดอื่นที่เกี่ยวข้อง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปข.ตร.) โดยมอบหมายให้ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รอง ผบ.ตร. เป็น ผอ.ศปข.ตร. และมี พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผู้ช่วย ผบ.ตร. เป็น รอง ผอ.ศปข.ตร. เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว โดยได้ดำเนินการขับเคลื่อนการป้องกันและปราบปรามการแข่งรถในทาง โดยใช้นโยบายบังคับใช้กฎหมาย ใน 4 มาตรการหลัก ได้แก่ มาตรการก่อนเกิดเหตุ มาตรการขณะเกิดเหตุ มาตรการสอบสวนขยายผล และมาตรการเฝ้าระวังและปรับเปลี่ยนพฤติกรรม 

พล.ต.ท.ประจวบฯ กล่าวว่า วันนี้ได้รับมอบหมายให้เป็นประธานการประชุมขับเคลื่อน ศปข.ตร.             และกำหนดแนวทางมาตรการการปฏิบัติในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ประจำปี 2566 โดยมีหน่วย บช.น., ภ.1 - 9 และ บก.ทล. พร้อมด้วยหัวหน้าสถานีตำรวจ 1,484 สถานีทั่วประเทศ เข้าร่วมประชุมผ่านระบบการประชุมทางไกล     รับฟังรายงานการบันทึกข้อมูลในระบบ CRIME และสถิติการดำเนินการ สถิติการร้องเรียนผ่านทางสายด่วน 191 และ 1599 พร้อมวิเคราะห์จัดกลุ่มความเสี่ยงของพื้นที่ สน./สภ. และสรุปผลการป้องกันปราบปราม ติดตามความคืบหน้าตลอดจนผลการวิจัยและผลประเมินโครงการวิจัยศึกษาและพัฒนาระบบการจัดการแก้ไขปัญหาการแข่งรถในทางอย่างยั่งยืน และความคืบหน้าการจ่ายเงินรางวัลเบาะแส เป็นต้น

พล.ต.ท.ประจวบฯ กล่าวต่อว่า ได้กำหนดมาตรการการปฏิบัติและกำชับให้หน่วย บช.น., ภ.1 - 9 และ บก.ทล. นำไปขับเคลื่อนเพื่อป้องกันและปราบปรามการแข่งรถในทางและความผิดอื่นที่เกี่ยวข้อง โดยกำชับให้เพิ่มความเข้มในการปฏิบัติ ช่วงเทศกาลสงกรานต์ ประจำปี 2566 ดังนี้

1.ให้ทุกหน่วยระดมกวาดล้างจับกุมและเพิ่มความเข้มในมาตรการป้องกันปราบปรามการแข่งรถในทาง ขับรถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยของผู้อื่น การรวมกลุ่มหรือมั่วสุมในลักษณะหรือโดยพฤติการณ์ที่น่าจะเป็นการนำไปสู่การแข่งรถในทาง ทั้งในช่วงก่อนควบคุมเข้มข้น (4–10 เม.ย.66) ช่วง 7 วัน ควบคุมเข้มข้น (11–17 เม.ย.66) และช่วงหลังควบคุมเข้มข้น (18–24 เม.ย.66) ตามแนวทางมาตรการที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติกำหนดอย่างเคร่งครัด

2.เร่งรัดกวดขันตรวจสอบการกระทำความผิดทุกช่องทาง และเพิ่มความเข้มในการระดมกวาดล้างจับกุม ทั้ง ONLINE เช่น คลิปการแข่งรถ, การขับรถที่ไม่คำนึงถึงความปลอดภัย, ร้านค้าออนไลน์ ฯลฯ และ ON GROUND เพิ่มความเข้มออกกวดขันตรวจตราแหล่งมั่วสุม จุดนัดหมาย สถานศึกษา ร้านจำหน่ายอะไหล่ ร้านซ่อมรถ ร้านดัดแปลงสภาพรถ ร้านแต่งซิ่ง โรงงานและร้านขายท่อไอเสียที่ไม่ได้มาตรฐาน ตลอดจนเส้นทาง ถนนที่มีความเสี่ยงในพื้นที่ ฯลฯ ดำเนินการตามกฎหมายกับตัวการ และสอบสวนขยายผลไปยังผู้สนับสนุน เช่น ผู้ผลิต ครอบครอง จำหน่าย ประกอบ ดัดแปลง ยุยงส่งเสริม สนับสนุนการแข่งรถในทาง Admin page และกองเชียร์ กรณีสืบทราบหรือพบเห็นการรวมกลุ่มเพื่อแข่งรถในทาง ให้ สน./สภ. บูรณาการกำลังทุกฝ่ายให้ยุติกิจกรรมพร้อมติดตามจับกุมให้ได้โดยเร็ว

3.กรณีมีการชักชวนรวมกลุ่มมั่วสุมแข่งรถในทาง หรือออกทริปท่องเที่ยวในช่วงเทศกาลสงกรานต์        ให้ดำเนินการตามมาตรการที่ ตร. กำหนด ตั้งแต่พื้นที่ต้นทาง พื้นที่กลางทาง จนถึงพื้นที่ปลายทาง ตั้งจุดตรวจ จุดสกัด เพื่อกวดขันวินัยจราจร ตรวจสอบและป้องปรามให้ครอบคลุม และให้หน่วยพื้นที่ต้นทางประชาสัมพันธ์กับ Admin Page  ให้ระงับการดำเนินการดังกล่าว เพื่อไม่ให้เกิดความเดือดร้อนรำคาญแก่ผู้ใช้รถใช้ถนนและประชาชนที่พักอยู่ริมทาง และลดการสูญเสียจากอุบัติเหตุ หากมีการรวมกลุ่มออกทริปท่องเที่ยวเกิดขึ้นแล้ว ให้ สน./สภ. ยุติกิจกรรมหรือติดตามจับกุมให้ได้โดยเร็ว หากเกี่ยวข้องในหลายพื้นที่ ให้บูรณาการข้อมูลและการปฏิบัติระหว่างพื้นที่อย่างต่อเนื่อง 

‘สืบนครบาล’ ขอเกาะกระแส ดึกๆ เห็นน้องกี้ไปแว้นกับผู้ใหม่ที่ไหน โปรดแจ้งเบาะแส รับค่าตอบแทนรายละ 3,000 บาท

(10 เม.ย.66) ดังไม่หยุด ฉุดไม่อยู่ กับเพลงดังล่าสุด ที่คาดการณ์ว่าจะครอบครองพื้นที่งานสงกรานต์ทั่วไปทั้งประเทศไทย สำหรับ ‘ธาตุทองซาวด์’ ของ ยังโอม หรือ โอม-รัธพงศ์ ภูรีสิทธิ์ ที่ปล่อยอัลบั้มเต็มชื่อ ธาตุทองซาวด์ ที่รวบเพลงไว้ถึง 19 เพลง

เรียกได้ว่าเพลงนี้เป็นกระแสที่ใครๆ ต้องขอเกาะตามเทรน์สักหน่อย โดยเฉพาะท่อน “อีกี้นี้มันเป็นสก้อย ไปกับผู้บ่อย ผู้พาไป skrt” ที่สุดปัง ทำเอาสาวๆ โคฟเป็น “อีกี้” กันทั้งบ้านทั้งเมือง

ดำเนินคดีถึงพ่อแม่ผู้ปกครอง ปรับรายละ 10,000 บาท หากปล่อยลูกออกมาแว้น

วันนี้ (22 ก.พ.67) ที่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ  พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร. เปิดเผย กรณีมีการปิดถนนแข่งรถพื้นที่ สภ.พระสมุทรเจดีย์ จ.สมุทรปราการ ที่ผ่านมานั้น พนักงานสอบสวนได้ส่งฟ้องผู้ต้องหาไปแล้ว 22 ราย ศาลฯ พิพากษาปรับคนละ 10,000 บาท จำคุก 3 เดือน โทษจำคุกรอลงอาญา นอกจากนี้ ยังได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาที่เป็นเด็กและเยาวชนไว้ได้อีกจำนวน 10 ราย  เจ้าหน้าทื่ตำรวจในส่วนของพนักงานสอบสวนได้ดำเนินการส่งตัวเด็กและเยาวชนที่กระทำผิด ต่อศาลเยาวชนและครอบครัวเพื่อให้ศาลดำเนินการตรวจสอบการจับกุม และเข้าสู่กระบวนการบังคับตามมาตรการพิเศษแทนการดำเนินคดีอาญา เนื่องจากเป็นเด็กและเยาวขน และความผิดมีอัตราโทษไม่เกิน 5 ปี  โดยศาลจะกำหนดแผนแก้ไขบำบัดฟื้นฟู ให้เด็กและเยาวชนที่กระทำผิดร่วมกับพ่อแม่ผู้ปกครองของเด็กและเยาวชนที่กระทำผิด ต้องปฏิบัติตามแผนแก้ไขบำบัดฟื้นฟูนั้น เพื่อให้โอกาสเด็กในการที่จะกลับมาเป็นคนดีของสังคม ไม่กลับไปกระทำผิดซ้ำอีก แต่หากเด็กเยาวชนและบิดามารดาไม่ปฏิบัติตามแผนแก้ไขบำบัดฟื้นฟูที่กำหนด เด็กก็จะถูกดำเนินคดีตามปกติ จะมีประวัติการกระทำผิดติดตัวไป ซึ่งต้องใช้เวลาในการปฏิบัติตามแผนพอสมควร 

แต่อย่างไรก็ตาม สำหรับพ่อแม่ผู้ปกครองของเด็กนั้น นอกจากจะต้องปฏิบัติตามแผนแก้ไขบำบัดฟื้นฟูที่ศาลกำหนดแล้ว ยังจะต้องถูกดำเนินคดี ตาม พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก ฯ พนักงานสอบสวนสามารถแจ้งข้อกล่าวหาแก่บิดา มารดา หรือผู้ปกครองของเด็กและเยาวชนที่กระทำผิด ส่งฟ้องศาลได้เลยทันที เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้เรียกพ่อแม่ผู้ปกครองของเด็กเยาวชนทั้ง 10 ราย มาแจ้งข้อกล่าวหา “ส่งเสริม หรือ ยินยอม ให้เด็กประพฤติตนไม่สมควรหรือน่าจะทำให้เด็กมีความประพฤติเสี่ยงต่อการกระทำความผิด” ตาม พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก พ.ศ.2546 มาตรา 26 (2) ซึ่งศาลได้มีคำพิพากษาลงโทษพ่อแม่ผู้ปกครองของเด็กทั้ง 10 ราย พิพากษาปรับคนละ 10,000 บาท จำเลยรับสารภาพ ลดกึ่งหนึ่งเหลือปรับรายละ 5,000 บาท ซึ่งนี่เป็นกรณีตัวอย่างสำหรับพ่อแม่ผู้ปกครองทุกท่านที่ปล่อยปละละเลยไม่ดูแลบุตรหลาน ปล่อยให้ออกมารวมตัวแข่งรถในทางในเวลายามวิกาล สร้างความเดือดร้อนให้กับพี่น้องประชาชน เจ้าหน้าที่ตำรวจจะดำเนินคดีอย่างถึงที่สุด ครบวงจร ในทุกคดี

นอกจากนี้ ผู้ช่วย ผบ.ตร. กล่าวว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. ได้มอบหมายให้คณะทำงานป้องกันและปราบปรามการขับขี่รถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยหรือความเดือดร้อนของผู้อื่น แข่งรถในทางและความผิดอื่นที่เกี่ยวข้อง โดย พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร รอง ผบ.ตร. ขับเคลื่อนงานแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการขับขี่รถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัย ทั้งการโพสต์ชักชวน เชิญชวน บนสื่อโซเชียลมีเดียต่างๆ ก็ดี ทั้งการรวมตัวบนท้องถนนก็ดี โดยประชาชนสามารถแจ้งเหตุร้ายที่สายด่วน 191 หรือ 1599 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ย้ำหากขัดขืนคำสั่ง ต่อสู้หรือขัดขวางเจ้าพนักงานในการปฏิบัติตามหน้าที่ หรือไม่ให้ความร่วมมือ ตำรวจจะบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจังเด็ดขาด ล่าสุดศาลสั่งจำคุก 6 เดือน ปรับหนัก คุมประพฤติ 1 ปี

วันนี้ (28 มี.ค.67) พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะหัวหน้าคณะทำงานป้องกันและปราบปรามการขับขี่รถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยหรือความเดือดร้อนของผู้อื่น แข่งรถในทางและความผิดอื่นที่เกี่ยวข้อง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า กรณีวัยรุ่นทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ตำรวจขณะเข้าตรวจค้น ศาลสั่งจำคุก 6 เดือน ปรับ 6,000 บาท โทษจำคุกรอลงอาญา 2 ปี คุมประพฤติ 1 ปี นั้น ได้รับรายงานว่า เมื่อวันที่ 26 มี.ค. 2567 เวลาประมาณ  11.00 น. ขณะที่ ด.ต.ชวินณทรรศ ผดุงธรมมะสันติ ผบ.หมู่(จร.) สภ.ท่าพล จว.เพชรบูรณ์ กำลังปฎิบัติหน้าที่อำนวยความสะดวกการจราจร ได้มีนายอมร ฯ ขับขี่รถจักรยานยนต์โดยไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน มีลักษณะพิรุธน่าสงสัย จึงได้แสดงตนและเรียกให้หยุด  แต่นายอมรฯ ไม่ยอมหยุดรถและพยายามขับรถจักรยานยนต์หลบหนี  เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ขับติดตามไป เมื่อพบตัวนายอมรฯ ยังไม่ยอมให้เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบ พร้อมทั้งขัดขืนและชกต่อย ทำร้ายร่างกาย เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงร่วมกันจับกุมตัว พร้อมตรวจยึดรถจักรยานยนต์ นำส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมาย ในข้อหา “ต่อสู้หรือขัดขวางเจ้าพนักงานหรือผู้ซึ่งต้องช่วยเจ้าพนักงานตามกฎหมายในการปฏิบัติตามหน้าที่โดยใช้กำลังประทุษร้ายหรือขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย” ต่อมา ศาลจังหวัดเพชรบูรณ์ ได้พิพากษา นายอมรฯ จำคุก 6 เดือน ปรับ 6,000 บาท โทษจำคุกรอ 2 ปี คุมความประพฤติ 1 ปี

นอกจากนี้ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า หากมีการขัดขืนคำสั่ง ต่อสู้หรือขัดขวางเจ้าพนักงานในการปฏิบัติตามหน้าที่ หรือไม่ให้ความร่วมมือ เจ้าหน้าที่ตำรวจจะบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจังเด็ดขาด และขอประชาสัมพันธ์พี่น้องประชาชนหากพบเห็นการกระทำผิดเกี่ยวกับการแข่งรถในทางหรือความผิดอื่นที่เกี่ยวข้อง หรือที่ได้รับผลกระทบจากการขับขี่รถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัย รวมถึงการโพสต์ชักชวน เชิญชวน บนสื่อโซเชียลมีเดียต่างๆ และการรวมกลุ่มบนท้องถนน สร้างความเดือดร้อนรำคาญให้แก่พี่น้องประชาชน สามารถแจ้งเบาะแสเหตุได้ที่สายด่วน 191 หรือ 1599 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top