Thursday, 16 May 2024
เคาท์ดาวน์ปีใหม่

‘พิพัฒน์’ ยัน เตรียมทุ่ม 200 ล้านบาท ดึง ‘ลิซ่า-แอนเดรีย’ ร่วมเคาท์ดาวน์ปีใหม่

รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา ยืนยันเตรียมดึง ‘ลิซ่า BLACKPINK’ และ ‘แอนเดรีย โบเชลลี’ นักร้องโอเปราชื่อดังของโลกชาวอิตาลี มาร่วมเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ล่าสุดมีความคืบหน้าว่าได้ติดต่อแล้ว เบื้องต้นใช้งบประมาณ 200 ล้านบาท

วันนี้ (14 ต.ค. 64) นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยในรายการ ‘เจาะลึกทั่วไทย อินไซด์ ไทยแลนด์’ ว่า ได้ติดต่อ ดึงตัว น.ส.ลลิษา มโนบาล หรือ ‘ลิซ่า แบล็กพิงก์’ ศิลปินสาวชาวไทยชื่อดังระดับโลก และ ‘แอนเดรีย โบเชลลี’ นักร้องโอเปราชื่อดังของโลกชาวอิตาลี มาร่วมกิจกรรมเคาท์ดาวน์ ในเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ 2565 แล้ว โดยงบประมาณในการจัดงานดังกล่าวตั้งไว้ที่ 500 ล้านบาท แบ่งเป็นค่าตัวศิลปิน 200 ล้านบาท และค่าจัดงานอีก 300 ล้านบาท

นายพิพัฒน์ ระบุว่า ได้มีการติดต่อ 2 ศิลปินระดับโลกแล้ว โดยผ่านบริษัทเอเจนซีในประเทศไทย เพื่อไปต่อรองราคากับ 2 ศิลปิน ให้อยู่ในงบประมาณ 200 ล้านบาท ซึ่งตอนนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการ เบื้องต้นอาจจะดึงตัว ‘แอนเดรีย’ มาร่วมงานเคาท์ดาวน์ที่จัดขึ้นในกรุงเทพฯ ซึ่งมองไว้ที่บริเวณสนามหลวงโดยมีฉากหลังเป็นวัดพระแก้ว เพื่อสะท้อนภาพความเป็นไทย

‘ลิซ่า’ คอนเฟิร์มมาเคาท์ดาวน์ภูเก็ต ขึ้นเวทีสะพานสารสิน คู่ ‘แอนเดรีย โบเซลลี’

รมว.ท่องเที่ยว เผย ‘ลิซ่า แบล็กพิงค์’ คอนเฟิร์มมาเคาท์ดาวน์ภูเก็ต พร้อมเซ็นสัญญาทางการสัปดาห์หน้า เตรียมขึ้นโชว์เวทีสะพานสารสินคู่ ‘แอนเดรีย โบเซลลี’ นักร้องโอเปร่าชื่อก้องโลก โดยค่าตัว 2 ศิลปินรวมกันกว่า 100 ล้านบาท

นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยกับสื่อมวลชนถึงความคืบหน้างานเคาท์ดาวน์ภูเก็ตว่า ทาง ‘ลิซ่า แบล็กพิงก์’ หรือ ‘ลลิษา มโนบาล’ ศิลปินสาวชาวไทยชื่อดังระดับโลก แห่งค่าย YG Entertainment ‘ยืนยัน’ ว่าจะมาร่วมงานเคาท์ดาวน์ 2022 ที่ จ.ภูเก็ต โดยสัปดาห์หน้าจะมีการเซ็นสัญญาร่วมงานอย่างเป็นทางการ

รมว.ท่องเที่ยว ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า สำหรับความคืบหน้าของเรื่องดังกล่าว เบื้องต้นทางเอเจนซีฝั่งไทยที่ทำหน้าที่ประสานดึงตัวลิซ่า แบล็กพิงค์ ได้คอนเฟิร์มว่าศิลปินสาวจะสามารถเดินทางมาร่วมงานเคาท์ดาวน์ได้ อย่างไรก็ตามยังต้องรอการเซ็นสัญญาอย่างเป็นทางการในสัปดาห์หน้า ถึงจะยืนยันได้อย่างแน่นอนว่าลิซ่า แบล็กพิงค์ สามารถเดินทางมาร่วมงานเคาท์ดาวน์ 2020 ที่ภูเก็ตได้

ททท. รับ ‘ลิซ่า แบล็กพิงก์’ แจ้งด่วนร่วมงานเคาท์ดาวน์ในไทยไม่ได้!!

นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า ขณะนี้ ททท. สำนักงานโซล ได้รับแจ้งจากต้นสังกัดของ “ลิซ่า แบล็กพิงก์” หรือ “ลลิษา มโนบาล” ศิลปินเคป๊อบสาวชาวไทย ที่กำลังมีชื่อเสียงโด่งดังระดับโลก ซึ่งเดิมททท.ได้เจรจาเพื่อดึงเข้ามาร่วมงานเคาท์ดาวน์ ปีใหม่ 2565 ที่จังหวัดภูเก็ต ร่วมกับนักร้องโอเปร่าชื่อดังของโลกชาวอิตาเลียน คือ “แอนเดรีย โบเซลลี” ซึ่งล่าสุดทางต้นสังกัดของ “ลิซ่า แบล็กพิงก์” แจ้งว่า ลิซ่าไม่สามารถมาร่วมงานได้ (Lisa will not be able to attend the event.) ซึ่ง ททท. เคารพการตัดสินใจดังกล่าวและหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้มีโอกาสทำงานร่วมกันในอนาคตต่อไป

‘บิ๊กตู่’ ผิดหวัง - เสียใจ ‘ลิซ่า’ ไม่ว่างมาไทย สั่งเดินหน้า หานักร้องดังคนอื่นเสียบแทน

‘บิ๊กตู่’ ยอมรับเสียใจ-ผิดหวัง หลังต้นสังกัดไม่อนุญาต ‘ลิซ่า’ มาไทย สั่งปรับรูปแบบจ่อเฟ้นคนมีชื่อเสียง พร้อมแจมโชว์วัฒนธรรม 5 ภาค

เมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 28 ต.ค. ที่ตึกภักดีบดินทร์ ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม กล่าวภายหลังร่วมพิธีปิดและส่งมอบตำแหน่งประธานอาเซียน ถึงกรณีต้นสังกัดสาว ‘ลิซ่า Blackpink’ หรือ ลลิษา มโนบาล ออกเอกสารประกาศระบุว่า ลิซ่า ไม่สามารถมาร่วมกิจกรรมเคาท์ดาวน์ปีใหม่ที่ประเทศไทยได้ ว่า เขาติดภารกิจล่วงหน้า ซึ่งได้มีการประสานกันมาโดยตลอด ก็ไม่เป็นไร ซึ่งตนได้สั่งการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปแล้วทั้งในส่วน รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา ให้หารือกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ว่าอันไหนที่จัดได้ เราก็จะจัด ในส่วนของต่างประเทศ เราก็จะจัดต่อไป แต่ต้องหาคนที่มีชื่อเสียงและเป็นที่รู้จัก หรือคนที่เป็นสัญลักษณ์ เพราะต้องการให้มีนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศเข้ามา

“ในส่วนที่เหลือผมได้ให้นโยบายว่าให้มีการแสดง 5 ภาคเข้าไปด้วยที่เป็นวัฒนธรรม วันนี้เรามีศักยภาพในเรื่องของวัฒนธรรม ซึ่งเป็นอำนาจด้านหนึ่งเช่นกันนอกจากเรื่องความมั่นคงและเศรษฐกิจ เราก็ยังมีด้านวัฒนธรรม จึงต้องนำพาประเทศไปในด้านนี้ ทั้งวัฒนธรรม พหุวัฒนธรรม และศิลปวัฒนธรรมของเราที่มีมากมาย ซึ่งคนเขาก็ยอมรับเราอยู่แล้ว อย่างไรก็ตามขณะนี้อยู่ระหว่างการประชุมหารือกันอยู่ ซึ่งผมได้สั่งการไปแล้ว ทั้งเรื่องการแสดง 5 ภาค ซึ่งต้องปรับเมื่อมีปัญหา ทั้งนี้ยอมรับว่าเสียใจและผิดหวังเหมือนกัน แต่ก็เห็นใจเพราะเป็นเรื่องธุรกิจ คนเตรียมจองมาดูเยอะ เพราะกำลังฮิต ถ้าไม่ฮิตคนเขาก็คงไม่จอง” นายกฯ กล่าว

ควันหลงเคาท์ดาวน์ปีใหม่! เพจ “มนุษย์ควัน” ชี้ โลกออนไลน์แห่ถกประเด็น “บุหรี่ไฟฟ้า” หนัก จี้ต้องควบคุมด่วน!

เพจ “มนุษย์ควัน” ยกกระแสข้อพิพาทบนโลกออนไลน์เกี่ยวกับประเด็น “บุหรี่ไฟฟ้า” ที่เพิ่งกลับมาเป็นที่ถกเถียงอีกครั้งในวงกว้างหลังเทศกาลเฉลิมฉลองปีใหม่่ โดยมีผู้ร่วมแสดงความคิดเห็นเกือบ 1 พันราย ตั้งแต่ประเด็นการใช้บุหรี่ไฟฟ้าของคนดัง รัฐมนตรี นักการเมือง ส.ส. การใช้บุหรี่ไฟฟ้าในเด็กวัยรุ่น รวมถึงการตั้งคำถามว่าเหตุใดผลิตภัณฑ์ที่ถูก “แบน” จึงถูกใช้งานอย่างแพร่หลาย พร้อมจี้ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำบุหรี่ไฟฟ้ามาควบคุมให้ถูกกฎหมายรับปี 2024

นายสาริษฏ์ สิทธิเสรีชน แอดมินเพจเฟซบุ๊กและ X (ทวิตเตอร์) “มนุษย์ควัน” ซึ่งมีผู้ติดตามกว่า 26,000 ราย ระบุในโพสต์อ้างอิงจากกรณีที่มีบัญชีผู้ใช้รายหนึ่ง กล่าวถึงประเด็นการใช้บุหรี่ไฟฟ้าว่า ‘เรื่องดูดพอตนี่มีคนพูดยัง’ ไปเมื่อวันที่ 1 มกราคม 2567 ซึ่งข้อความดังกล่าวมีการเข้าชมกว่า 7.8 ล้านครั้ง และได้รับการแชร์ต่อกว่า 5,000 ครั้ง นอกจากนี้ยังมีผู้เข้ามาร่วมแสดงความคิดเห็นนับ 800 ราย โดยประเด็นที่เป็นที่กล่าวถึงมีตั้งแต่ประเด็นมารยาททางสังคม การใช้บุหรี่ไฟฟ้าในที่สาธารณะ การใช้บุหรี่ไฟฟ้าในเด็กวัยรุ่น รวมถึงมีผู้ใช้จำนวนมากตั้งคำถามไปในทำนองเดียวกันว่า การที่บุหรี่ไฟฟ้าผิดกฎหมายในประเทศไทย แต่กลับมีผู้ใช้บุหรี่ไฟฟ้าอย่างแพร่หลาย สรุปแล้วบุหรี่ไฟฟ้าผิดกฎหมายจริงหรือไม่

“มาฟังเสียงชาว X (หรือทวิตเตอร์) ถกกันเรื่องบุหรี่ไฟฟ้ารับปีมังกรกันครับ คาดว่าน่าจะฟิวส์ขาดหลังงานปีใหม่ เพราะเท่าที่ผมเจอมา ไม่ว่าจะงานเคาท์ดาวน์ไหนๆก็เจอคนสูบบุหรี่ไฟฟ้ากันเกลื่อนแบบไม่เลือกเวลาและสถานที่ ไม่แปลกที่จะโดนสาป (เพราะงั้นถึงได้บอกให้ควบคุมให้ชัดเจนสักที จะได้พูดได้เต็มปากว่าตรงไหนห้ามสูบ ตรงไหนสูบได้ ไม่งั้นก็ตีมึนกันไปเรื่อยแบบนี้นั่นแหละ)”
พร้อมกันนี้ นายสาริษฏ์ยังได้แนบข้อความของผู้ใช้ทวิตเตอร์รายอื่น ที่ออกมาแสดงความคิดเห็นต่อประเด็นดังกล่าวในเรื่องการใช้งานบุหรี่ไฟฟ้าที่แพร่หลายในไทยว่า “มันผิดกฎหมาย แต่คนไทยถ้ามี 60 ล้านคนก็คือดูดไปละ 50 ล้านคน ไม่แบ่งแยกอะไรดูดหมดทุกอาชีพ ทุกวัย ทุกเพศ ไม่เลือกดารา นักร้อง คนธรรมดา สรุปแล้วมันผิดกฎหมายจริงมั้ย งง”

นอกจากนี้ผู้ใช้ที่แสดงความเห็นเกี่ยวกับประสิทธิภาพของกฎหมายการแบนบุหรี่ไฟฟ้าระบุว่า “เป็นเรื่องปกติช่วง?? คนไทยมองเรื่องแบบนี้ปกติกันละหรอ เพราะกฎหมายมันไม่แข็งแรงรึเปล่า ละเลยกันจนคิดว่าไม่ผิดทั้งที่มันผิดละมั้ง จะบอกว่านี่โทษกฎหมายก็ได้นะ ก็กฎหมายมันง่อยจริง เคสตัวอย่างก็มีให้เห็นเรื่อยๆ แล้วก็ไม่ต้องภูมิใจหรือทำเป็นเรื่องปกตินะถ้าคนรอบข้างสูบอะ มันอุ” โดยข้อความนี้มีการเข้าชมกว่า 266,000 ครั้ง และได้ถูกแชร์ต่อไปกว่า 8,300 ครั้ง

ทั้งนี้ นายสาริษฏ์ให้ความเห็นเพิ่มเติมว่า การใช้บุหรี่ไฟฟ้ากลายเป็นความปกติใหม่ของสังคมไทย ที่แม้ทุกคนทราบดีแก่ใจว่ายังผิดกฎหมายอยู่ และไม่ควรมีการใช้อย่างแพร่หลายเช่นนี้ แต่ก็ต้องยอมรับว่าการใช้บุหรี่ไฟฟ้าเป็นพฤติกรรมผู้บริโภคใหม่ที่กลายเป็นเรื่องปกติของสังคมแล้ว และการไม่มีกฎหมายควบคุมอย่างในปัจจุบัน ทำให้เกิดแต่ปัญหา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในแง่ของมารยาทการใช้งานในที่สาธารณะ จนทำให้เกิดการตั้งคำถามและวิพากวิจารณ์ถึงกฎหมายที่เกี่ยวข้องกันอย่างแพร่หลาย จึงควรเป็นการบ้านสำหรับคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ บุหรี่ไฟฟ้า ในสภาผู้แทนราษฎร ที่ ส.ส. ทั้งฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาลจะต้องหาทางแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นกับคนทั่วไปอย่างเร่งด่วน โดยทางเพจ จะยื่นหนังสือเพื่อขอเข้าไปร่วมให้ข้อมูลต่อคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ ภายในสัปดาห์นี้


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top