Tuesday, 7 May 2024
เครือข่ายยาเสพติด

ตำรวจ ปส. เสริมเขี้ยวเล็บ จัดอบรมสืบสวนสอบสวนธุรกรรมทางการเงินเครือข่ายยาเสพติด

เมื่อวานนี้ (8 ก.พ.66) ที่กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด(บช.ปส.) ได้จัดอบรมการสืบสวนสอบสวนธุรกรรมทางการเงินเครือข่ายยาเสพติด ณ ห้องประชุมพรหมนอก ชั้น 2 บช.ปส. โดยมี พล.ต.ท.สรายุทธ สงวนโภคัย ผบช.ปส. เป็นประธานเปิดอบรมให้กับผู้บังคับบัญชาระดับ ผบก., รอง ผบก., ผกก. และเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติติงาน รวมจำนวน 60 นาย โดยมีวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิที่มีความรู้ความสามารถและประสบการณ์การทำงาน จากสำนักงานปราบปรามยาเสพติดสหรัฐอเมริกา หรือ DEA นำทีม โดยนายไคล์ เอ. เดนท์ หัวหน้าฝ่ายสืบสวนทางการเงิน นายวิลเลียม จอห์นสตัล เจ้าหน้าที่ผู้ประสานงานฝ่ายสืบสวน และเจ้าหน้าที่ DEA ประจำประเทศไทย เพื่อเสริมศักยภาพ พัฒนาองค์ความรู้ และเทคนิค ต่าง ๆ ในการสืบสวนเส้นทางทางการเงิน การฟอกเงิน ของกลุ่มเครือข่ายยาเสพติด ที่ในปัจจุบันมักใช้บัญชีของผู้อื่น หรือ บัญชีม้า ทำธุรกรรมแทน ทำให้ยากต่อการสืบสวนสอบสวน และนำตัวบุคคลที่เป็นเครือข่ายจริง มาดำเนินคดี 

ตำรวจ ปส.(NSB) ทลายเครือข่ายขบวนการค้ายาเสพติดทั่วประเทศ จับกุมผู้ต้องหาได้ 20 คน ของกลางยาบ้า 15.5 ล้านเม็ด , ไอซ์ 880 กก. , คีตามีน 450 กก. ยึดทรัพย์กว่า 24 ล้านบาท

วันนี้ (21 มี.ค.66) เวลา 10.00 น. พล.ต.อ.ชินภัทร สารสิน รอง ผบ.ตร.(กม)/ผอ.ศอ.ปส.ตร.,พร้อมด้วย        พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผู้ช่วย ผบ.ตร./รอง ผอ.ศอ.ปส.ตร., พล.ต.ท.สรายุทธ สงวนโภคัย ผบช.ปส.,พล.ต.ต.นพดล ศรสำราญ รอง ผบช.ปส.,พล.ต.ต.จิระวัฒน์ พยุงธรรม รอง ผบช.ปส., พล.ต.ต.พรพิทักษ์ รู้ยืนยง รอง ผบช.ปส., พล.ต.ต.บรรพต มุ่งขอบกลาง รอง ผบช.ปส., พลัฏฐ์ วิเศษสิงห์ ผบก.สกส.บช.ปส.,พล.ต.ต.เอกภพ อินทวิวัฒน์ ผบก.ขส.บช.ปส., พล.ต.ต.ปิยะวัฒน์ บุญยืนอนนต์ ผบก.ปส.1, พล.ต.ต.ธนรัชน์ สอนกล้า ผบก.ปส.2, พล.ต.ต.คมสิทธิ์ รังไสย์ ผบก.ปส.3 และ พล.ต.ต.พรศักดิ์ สุรสิทธิ์ ผบก.ปส.4 ร่วมแถลงผลการจับกุมเครือข่ายยาเสพติด

โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจปราบปรามยาเสพติด(NSB) เดินหน้าทำลายเครือข่ายยาเสพติดทั้งรายใหญ่ และรายย่อย ตามนโยบายเร่งด่วนของ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร จะพบว่าสถานการณ์ยาเสพติดขณะนี้เครือข่ายมีความพยายามอย่างหนักในการลักลอบลำเลียงยาเสพติดจำนวนมาก โดยซุกซ่อนปะปนมากับสินค้าทางการเกษตร หรือแม้แต่การดัดแปลงช่องลับของรถซุกซ่อนยาเสพติด ส่วนมากจะถูกลำเลียงมาจากพื้นที่ภาคเหนือตอนบน เพื่อเข้าสู่พื้นที่ชั้นในของประเทศ ก่อนจะกระจายไปยังเครือข่ายรายย่อย ล่าสุด ตำรวจ ปส. (NSB) สามารถทลายได้หลายเครือข่ายรวมผู้ต้องหา 20 คน ของกลางเป็น ยาบ้า 15.5 ล้านเม็ด, ไอซ์ 880 กก., คีตามีน 450 กก., รถยนต์ 9 คัน, มือถือ 11 เครื่อง และยึดทรัพย์มูลค่ากว่า 24 ล้านบาท โดยแยกเป็น 7 คดีดังนี้


คดีที่ 1 เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.สกส., บก.ขส. และ บก.ปส.3 ได้ร่วมกันจับกุมตัว 4 ผู้ต้องหา เป็นกลุ่มชาติพันธุ์ม้ง อยู่ใน อ.พบพระ จ.ตาก ใช้รถกระบะจำนวน 4 คัน เพื่อสำรวจเส้นทางและขนยาเสพติด โดยนำผักมาวางปิดบังยาเสพติดไว้เพื่ออำพราง โดยจับกุม นายเอกยุทธ ได้บริเวณด่านตรวจยานพาหนะพยุหะคีรี จากนั้นได้ติดตามไปจับกุมนายธนนันท์ นายธนธัส และจับกุมนายณัฐพล ได้ทั้งหมด พร้อมของกลาง ไอซ์ 600 กก., ยาบ้า 12 ล้านเม็ด, คีตามีน 400 กก., โทรศัพท์มือถือ 6 เครื่อง, รถกระบะ 4 คัน และตรวจยึดเงินสดรวม 5 หมื่นบาท โดยผู้ต้องหาทั้งหมด รับว่ากำลังลำเลียงยาเสพติดไปส่งมอบให้ลูกค้าในพื้นที่ภาคกลาง

 
คดีที่ 2 เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.2 บก.ปส.1 ได้สืบสวนขยายผลจากการจับกุมคดียาเสพติด ในพื้นที่ จ.ปทุมธานี โดยหาความเชื่อมโยง ติดตามตรวจสอบเส้นทางธุรกรรมทางการเงิน จนสามารถออกหมายจับผู้เกี่ยวข้องในเครือข่ายได้อีก 4 ราย และสามารถยึดอายัดทรัพย์สินเครือข่ายนี้ไว้ตรวจสอบ หลายรายการ อาทิเช่น บ้านเดี่ยว 2 ชั้น พร้อมที่ดิน 3 หลัง ราคาประมาณ 20 ล้านบาท และที่ดินเปล่า 1 แปลง รวม 23 ล้านบาท
 คดีที่ 3 เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปส.2 และบก.ขส. ได้วิเคราะห์ข้อมูลกลุ่มขบวนการลักลอบลำเลียงยาเสพติดจากพื้นที่ชายแดนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กระทั่งเช้ามืดวันที่ 16 มีนาคม ที่ผ่านมา ได้ร่วมกันตรวจยึดยาบ้า 8 กระสอบ รวม 2,000,000 เม็ด ได้ในบริเวณไร่มันในเขตพื้นที่หมู่ 5 บ้านโคกสว่าง ต.หนองแสง อ.หนองแสง จ.อุดรธานี พร้อมยึดรถกระบะ 2 คัน โดยผู้ต้องหาได้ขับรถกระบะหลบหนีเข้าไปในไร่มันสำปะหลัง แล้วทิ้งรถพร้อมยาเสพติดไว้ ขณะนี้ตำรวจ ปส.2 ได้ติดตามตัว ขยายผลเครือข่ายรายนี้ และติดตามเจ้าของรถมาเพื่อสอบสวนดำเนินคดีต่อไป
- 2 -

คดีที่ 3 เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปส.2 ได้สืบสวนขยายผลจากการจับกุมแก๊งค้ายาเสพติด จ.ปทุมธานี ทราบว่า แก๊งค้ายาเสพติดจะมีการลักลอบส่งยาเสพติดใน จ.ปทุมธานี จึงเฝ้าติดตามจับกุม และนำกำลังเข้าจับกุมนายปรีชา, นายนัฐพงษ์, นายอนุชา,น.ส.มนัดดา ได้ที่บริเวณบ้านเลขที่ 88/6 ต.บึงคำพร้อย อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี พร้อมด้วยคีตามีน 31 กก. ภายในบ้าน และติดตามจับกุมนายอรุณ และนางกรรณิการ์ ที่บริเวณโรงแรมไนซ์อินน์ ต.บางพูน อ.เมืองปทุมธานี จ.ปทุมธานี พร้อมคีตามีน ซึ่งซุกซ่อนอยู่ในรถยนต์รวม 15 กก. ซึ่งผู้ต้องหา รับว่าเป็นยาเสพติดที่จะนำไปส่งให้กับลูกค้าใน จ.ปทุมธานี   รวมคีตามีน   ของกลาง 46 กก. ซึ่งจะได้สืบสวนขยายผลต่อไป

แถลงข่าว โชว์ผลการปฏิบัติการจับกุมเครือข่ายนักค้ายาเสพติดรายสำคัญ พร้อมของกลาง ยาไอซ์ ๕๐ กก. พร้อมยาบ้า ๒,๐๐๐ เม็ด ขานรับนโยบายรัฐบาลให้มีการปราบปรามยาเสพติดอย่างจริงจังในพื้นที่ภาคใต้

(1 เม.ย.66) เวลา 15.00 น. ที่ สภ.ปะลุกาสาเมาะ อ.บาเจาะ จ.นราธิวาส นายสนั่น พงษ์อักษร ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส พล.ต.ต.อนุรุธ อิ่มอาบ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนราธิวาส น.อ.ธัชธรรม์ ณ สงขลา รองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดนราธิวาส และ พ.ต.ท.อรรถพล สลับเพชร สว.สภ.ปะลุกาสาเมาะ รวมทั้งเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ได้ร่วมแถลงข่าวการจับกุมเครือข่ายนักค้ายาเสพติดรายสำคัญได้ จำนวน ๑ เครือข่าย ผู้ต้องหา จำนวน ๕ คน, ของกลาง ยาไอซ์ น้ำหนักประมาณ ๕๐ กก., ยาบ้า จำนวน ๒,๐๐๐ เม็ด ตรวจยึดทรัพย์สินที่เกี่ยวเนื่องกับ การกระทำผิดมูลค่าประมาณ 1,200,000 บาท (อยู่ระหว่างการตรวจสอบเพิ่มเติม) 

ซึ่งเป็นไปตามนโยบายรัฐบาลให้มีการปราบปรามยาเสพติด อย่างจริงจังโดยให้ถือเป็นวาระแห่งชาติ ซึ่งในพื้นที่จังหวัดภาคใต้ เป็นแหล่งแพร่ระบาด เป็นจุดพักยา และเป็นเส้นทางลำเลียงไปสู่ประเทศเพื่อนบ้าน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ระดมสรรพกำลังเพื่อขับเคลื่อนนโยบายในการ แก้ปัญหายาเสพติดอย่างจริงจังและต่อเนื่องตลอดมา ต่อมาได้มีการกำหนดแผนปฏิบัติการปิดล้อม ตรวจค้น จับกุม ทำลายโครงสร้างเครือข่าย กระบวนการผู้ค้ายาเสพติดและในห้วงตั้งแต่วันที่ ๒๐ - ๓๑ มี.ค. ๖๖ ที่ผ่านมา

โดยพล.ต.ต.อนุรุธ อิ่มอาบ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนราธิวาส ได้แถลงข่าวพอสรุปใจความว่าเมื่อวันที่ ๓๐ มี.ค.๖๖ ที่ผ่านมา ได้ร่วมกันทำการจับกุมผู้ต้องหา 5 ราย ได้แก่ 1.นายอาเฟนดี นิมะ บ้านเลขที่ ๑๒๙/๕ ม.๕ ต.ฆอเลาะ อ.แว้ง จ.นราธิวาส ๒. นายอิบรอเฮม การียา บ้านเลขที่๑๑๔/๒ ม.๑๐ ต.สากอ อ.สุไหงปาดี จ.นราธิวาส ๓. นายอะหะหมัด ดอเลาะ บ้านเลขที่ ๒๐/๔ ม.๓ ต.ปะกาฮะรัง อ.เมืองปัตตานี จังหวัดปัตตานี ๔. นายอาซฮา อูเซ็ง บ้านเลขที่๑๐๓ ม.๑ ต.โละจูด อ. แว้ง จ.นราธิวาส ๕. นางสาวซีลาวาตี กือจิ บ้านเลขที่๑๗๔ ม.๑ ต. โละจูด อ.แว้ง จ.นราธิวาส พร้อมด้วยของกลาง ดังนี้ 1.ยาเสพติด(เมทแอมเฟตามีนหรือยาไอซ์) น้ำหนัก ประมาณ ๕๐ กิโลกรัม บรรจุอยู่ในลังกระดาษ และ กระเป๋ากระสอบลายสีรุ้ง  ๒. ยาเสพติด(เมทแอมเฟตามีนหรือยาบ้า) จำนวน ๑ มัด จำนวน  (๒,๐๐๐ เม็ด) บรรจุอยู่ในห่อกระดาษ สีขาว ๓. รถยนต์ ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นแคมรี่ สีขาว หมายเลขทะเบียน ๘กผ ๘๕๔๓ กรุงเทพมหานคร ๔. รถยนต์ ยี่ห้อมิตซูบิชิ รุ่นปาเจโร่ สีขาว หมายเลข ทะเบียน ขร ๓๕๗๒ สงขลา ๕. รถยนต์ ยี่ห้อฟอร์ด รุ่นฟอร์ดเรนเจอร์ สีขาวหมายเลขทะเบียน กจ ๙๘๘๓ นราธิวาส และ โทรศัพท์มือถือ จำนวน 6 เครื่อง เหตุเกิดริมถนนทางหลวงหน้าด่านกองร้อยทหาร พรานนาวิกโยธินที่ ๑๑ ม.๑ กาสาเมาะ อ.บาเจาะ จ.นราธิวาส

ตำรวจ ปส. ลุยล้าง 5 เครือข่ายยาเสพติดก่อนลงใต้ ยึดยาบ้า 13.7 ล้านเม็ด ไอซ์ 520 กก. และคีตามีน 850 กก. เร่งตามล่าผู้ร่วมขบวนการ

เมื่อวันที่ 9 ส.ค.66 เวลาประมาณ 10.00 น. พล.ต.อ.ชินภัทร สารสิน รอง ผบ.ตร./ผอ.ศอ.ปส.ตร.,       พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผู้ช่วย ผบ.ตร./รอง ผอ.ศอ.ปส.ตร., พล.ต.ท.สรายุทธ สงวนโภคัย ผบช.ปส.,พล.ต.ต.พลัฏฐ์ วิเศษสิงห์ ผบก.สกส., พล.ต.ต.สมกิตพุ่มวารี ผบก.ขส., พล.ต.ต.พรศักดิ์  สุรสิทธิ์ ผบก.ปส.4 และ พล.ต.ต.ธนรัชน์ สอนกล้า ผบก.ปส.2 พร้อมด้วยนายปิยะศิริ วัฒนวรางกูร รองเลขาธิการ ป.ป.ส. และ กอ.รมน. ร่วมแถลงผลการจับกุมเครือข่ายยาเสพติดตามนโยบายของ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ให้กวาดล้างจับกุมเครือข่ายยาเสพติดรายใหญ่และรายย่อยให้หมดสิ้นโดยเร็ว ล่าสุดตำรวจ ปส.(NSB) ได้จับกุมขบวนการค้ายาเสพติด 5 เครือข่าย ผู้ต้องหา 8 คน พร้อมของกลาง ยาบ้า 13.7 ล้านเม็ด, ไอซ์ 520 กก. และคีตามีน 850 กก.

รายแรก ตำรวจ บก.สกส. ได้สืบสวนทราบว่า นายไพโรจน์ กับพวก มีพฤติการณ์ในการลักลอบลำเลียงยาเสพติดจากพื้นที่ทางภาคเหนือ และจะนำไปส่งมอบให้กับลูกค้าทางพื้นที่ภาคกลาง และพื้นที่ใกล้เคียง โดยมีนายทุนผู้ค้ายาเสพติดชาวเมียนมาร์ เป็นผู้ว่าจ้าง จึงได้เฝ้าติดตามพฤติการณ์ของกลุ่มเป้าหมายอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งวันที่ 27 ก.ค.66 ได้ร่วมกันกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จับกุมตัวนายไพโรจน์ พร้อมของกลางยาบ้า จำนวนประมาณ 400,000 เม็ด ซุกซ่อนอยู่ในช่องตู้ลำโพงแบบดัดแปลงด้านหลังเบาะนั่งผู้โดยสารตอนหลัง และซุกซ่อน  ในช่องตัวถังรถในส่วนช่องเก็บสัมภาระท้ายรถยนต์ทะเบียน ขอ 41XX เชียงใหม่ ในพื้นที่ อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี ตำรวจชุดจับกุมได้ตรวจยึดของกลางทั้งหมด ส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายและขยายผลดำเนินคดี และออกหมายจับบุคคลในเครือข่าย ตามประมวลกฎหมายยาเสพติด พ.ศ.2564 ต่อไป

รายที่ 2 ตำรวจ ปส.2 ได้สืบสวนขยายผลจับกุมนายธนพัฒน์ หรือเฟส พร้อมยาเสพติดไอซ์ น้ำหนักประมาณ 120 กก. ที่ จ.ชัยภูมิ พบความเคลื่อนไหวของ น.ส.นิติยา ซึ่งเป็นกลุ่มเครือข่ายเดียวกัน จะมีการลักลอบลำเลียงยาเสพติด จากพื้นที่แนวชายแดนภาคตะวันออกเฉียงเหนือเข้าสู่พื้นที่ตอนใน โดยใช้รถยนต์กระบะ ทะเบียน กต-2xxx เลย เป็นยานพาหนะในการลำเลียงยาเสพติด จึงได้ร่วมกันวางแผนการจับกุมตามเส้นทางที่ น.ส.นิติยา ใช้เป็นเส้นทางในการลำเลียงยาเสพติด จนกระทั่ง เวลาประมาณ 22.00 น. พบรถยนต์ทะเบียน กต-2xxx เลย ในเขตพื้นที่ อ.บุ่งคล้า จ.บึงกาฬ ขับมุ่งหน้าไป จ.สกลนคร เมื่อรถยนต์ขับมาถึงสะพานแม่น้ำยาม ต.อากาศ อ.อากาศอำนวย จ.สกลนคร ตำรวจ ปส.2 จึงได้แสดงตัวเข้าทำการตรวจสอบ พบ น.ส.นิติยา เป็นคนขับ ตรวจสอบภายในรถยนต์คันดังกล่าว พบยาบ้าจำนวน 3 กระสอบ ประมาณ 1,300,000 เม็ด ซุกซ่อนอยู่ในที่นั่งด้านหลังรถยนต์คันดังกล่าว จึงยึดไว้เป็นของกลาง จากนั้นได้จับกุมผู้ต้องหาพร้อมของกลาง ส่ง พงส.บก.ปส.2 เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

รายที่ 3 ตำรวจ ปส. โดยตำรวจ ปส.4 ได้ทำการสืบสวนขยายผลเครือข่ายยาเสพติดในพื้นที่ภาคใต้ จนทราบว่า กลุ่มผู้ค้ายาเสพติดเครือข่าย จะลำเลียงยาเสพติด จากพื้นที่ จ.ระนอง ไปส่งที่ อ.หัวไทร จ.นครศรีธรรมราช จึงได้เฝ้าติดตามพฤติการณ์ จนกระทั่งวันที่ 3 ส.ค.66 พบรถยนต์ทะเบียน 3 ฒฌ 6xxx กทม. มีนายมูสเล็ม เป็นผู้ขับขี่ และรถยนต์ ยี่ห้อมิตซูบิชิ ทะเบียนสงขลา ทำหน้าที่ขับนำทางสำรวจเส้นทาง ขับมุ่งหน้าขาออก สายเอเชีย 41 ผ่าน จ.สุราษฎร์ธานี เข้าพื้นที่ อ.หัวไทร จ.นครศรีธรรมราช ตำรวจ ปส. จึงได้สกัดจับกุม ผลการตรวจค้นพบ คีตามีน จำนวน 850 ถุง น้ำหนักประมาณ 850 กิโลกรัม ซุกซ่อนอยู่ในกระสอบท้ายรถยนต์กระบะดังกล่าว จากการสอบถามนายมูสเล็ม ผู้ขับขี่ รับว่าขนยาเสพติดมาจาก จ.ระนอง เพื่อนำไปส่งที่ อ.หัวไทร จ.นครศรีธรรมราช จึงควบคุมตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางส่ง พงส.บก.ปส.4 ดำเนินคดี เพื่อสืบสวนขยายผลจับกุมผู้ร่วมขบวนการต่อไป

รายที่ 4 ตำรวจ ปส.4 ได้สืบสวนทราบว่าจะมีกลุ่มผู้ลักลอบลำเลียงยาเสพติดจากพื้นที่ภาคใต้เดินทางขึ้นไปรับยาเสพติดในพื้นที่ภาคกลาง เพื่อนำมาส่งมอบให้กับเครือข่ายนักค้ายาเสพติดในพื้นที่จังหวัดทางภาคใต้ ตำรวจชุดจับกุมจึงได้เฝ้าติดตามพฤติการณ์ จนกระทั่งเมื่อวันที่ 4 ส.ค.66 เวลาประมาณ 13.45 น. พบรถยนต์กลุ่มเป้าหมาย รถยนต์ทะเบียน 3ฒม 3xxx กทม. เป็นรถบรรทุกขนาดเล็กมีลักษณะเป็นตู้ทึบสำหรับบรรทุกสินค้า มีนายโสมนัส เป็นผู้ขับขี่, รถยนต์ทะเบียน 3 ขผ 3xxx กทม. ทำหน้าที่คุ้มกัน/สำรวจเส้นทาง (คันที่ 1)  มีนายยงยุทธ เป็นผู้ขับขี่ และรถยนต์หมายเลขทะเบียน  กย 4xxx กาญจนบุรี  ทำหน้าที่คุ้มกัน/สำรวจเส้นทาง(คันที่2) มีนายอำนาจ เป็นผู้ขับขี่, นายอาลียัส นั่งคู่คนขับ วิ่งผ่านถนนพระราม 2 มุ่งหน้าลงใต้ เข้าเขตพื้นที่ จ.ประจวบคีรีขันธ์ ต่อมารถยนต์ทั้งสามคันทยอยเข้ามาจอด ที่หน้าร้านอาหารแห่งหนึ่ง ต.ไชยราช อ.บางสะพานน้อย จ.ประจวบคีรีขันธ์ ตำรวจจึงได้จับกุม ตรวจค้นพบของกลางยาบ้า จำนวน 12 ล้านเม็ด, ไอซ์ น้ำหนักประมาณ 320 กิโลกรัม จากการค้นตัวนายอำนาจ และนายอาลียัส พบอาวุธปืนพกสั้น แบบลูกโม่ ขนาด .38 จำนวน 2 กระบอก และกระสุนขนาด .38 จำนวน 28 นัดจึงควบคุมตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางส่ง พงส.บก.ปส.4  เพื่อสืบสวนสอบสวนขยายผลต่อไป

รายที่ 5 ตำรวจ สกส. ได้สืบสวนทราบว่าขบวนการขนยาเสพติดของ นายวีระเดช ซึ่งลักลอบขนยาเสพติดจากพื้นที่ทางภาคเหนือ จะนำไปส่งให้ลูกค้าใน จ.พระนครศรีอยุธยา จึงวางแผนจับกุม ต่อมาวันที่ 8 ส.ค.66 เวลาประมาณ 23.40 น. ได้พบรถกระบะ MITSUBISHI TRITON สีดำ หมายเลขทะเบียน ฒฐ 28XX กรุงเทพมหานคร, รถกระบะ TOYOTA HILUX REVO สีขาว หมายเลขทะเบียน บพ 39XX พะเยา และรถกระบะ TOYOTA Hilux Revo สีขาวหมายเลขทะเบียน บบ 87XX พะเยา ขับขี่ไปติดไฟแดง บริเวณ ต.สมอแข อ.เมือง จ.พิษณุโลก จึงแสดงตัวเข้าทำการตรวจค้น พบยาเสพติดไอซ์ จำนวน 10 กระสอบ น้ำหนักประมาณ 200 กิโลกรัม ซุกซ่อนอยู่ในกองผักท้ายกระบะรถ หมายเลขทะเบียน บพ 3983 พะเยา มีนายวีระเดช เป็นผู้ขับขี่ จึงยึดเป็นของกลาง  ตำรวจ ปส.จึงจับกุมตัวนายวีระเดช พร้อมของกลางนำส่ง พงส. บช.ปส.ดำเนินคดี และขยายผลถึงผู้ร่วมขบวนการต่อไป

สำหรับเดือน ก.ค.66 ตำรวจ ปส. สามารถจับกุมยาเสพติดรายสำคัญ 20 คดี  ผู้ต้องหา 36 คน ของกลาง ยาบ้า 18.5 ล้านเม็ด, ไอซ์ 310 กก. และ เฮโรอีน 14 กก.

ปส. ลุยกวาดล้าง จับกุม 13 เครือข่ายยาเสพติด จับกุมผู้ต้องหา 26 คน ยึดยาบ้า 17.27 ล้านเม็ด, ไอซ์ 1,470 กก. และคีตามีน 90 กก. รถยนต์ 20 คัน อาวุธปืนสั้น 1 กระบอก

เมื่อวันที่ 5 ก.ย.66 เวลา 10.00 น. พล.ต.อ.ชินภัทร สารสิน รอง ผบ.ตร./ผอ.ศอ.ปส.ตร.,พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผู้ช่วย ผบ.ตร./รอง ผอ.ศอ.ปส.ตร., พล.ต.ท.สรายุทธ สงวนโภคัย ผบช.ปส., พล.ต.ต.พลัฏฐ์ วิเศษสิงห์ ผบก.สกส., พล.ต.ต.สมกิต พุ่มวารี ผบก.ขส., พล.ต.ต.พรศักดิ์  สุรสิทธิ์ ผบก.ปส.4 และ พล.ต.ต.ธรรัชน์ สอนกล้า ผบก.ปส.2 พร้อมด้วย เจ้าหน้าที่ ป.ป.ส. และ กอ.รมน. ร่วมแถลงผลการจับกุมเครือข่ายยาเสพติดตามนโยบายของ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร.ให้กวาดล้างจับกุมเครือข่ายยาเสพติดรายใหญ่และรายย่อยให้หมดสิ้นโดยเร็ว ล่าสุดตำรวจ ปส.(NSB) ได้จับกุมขบวนการค้า  ยาเสพติด 13 เครือข่ายยาเสพติด จับกุมผู้ต้องหา 26 คน ยึดยาบ้า 17.27 ล้านเม็ด, ไอซ์ 1,320 กก. และคีตามีน 90 กก. รถยนต์ 20 คัน อาวุธปืนสั้น 1 กระบอก

โดยรายแรก ตำรวจ ปส.3 ได้สืบสวนทราบว่า นายแสง ซึ่งเป็นคนในพื้นที่ อ.แม่สาย จ.เชียงราย ใช้แอปพลิเคชันไลน์ชื่อ “โอปอ” จะทำการลักลอบลำเลียงยาเสพติดไอซ์ และคีตามีน จำนวนมาก โดยซุกซ่อนมากับรถยนต์กระบะ ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นวีโก้ สีดำ ทะเบียน ฒธ 52xx กรุงเทพมหานคร จากพื้นที่ อ.แม่สาย จ.เชียงราย ลำเลียงเข้าสู่พื้นที่ตอนในของประเทศ จึงได้เฝ้าติดตาม จนกระทั่งเมื่อวันที่ 10 ส.ค.66 เวลาประมาณ 18.30 น. ตำรวจชุดสืบสวนเข้าทำการตรวจสอบในพื้นที่ ถนนหมายเลข 1 บ้านสันทรายปู่ยี่ หมู่ 4 ต.โป่งผา อ.แม่สาย จ.เชียงราย พบรถยนต์เป้าหมายจอดอยู่บริเวณไหล่ทาง จึงได้เข้าทำ การตรวจสอบไม่พบบุคคลแสดงตัวเป็นเจ้าของรถยนต์ ตรวจค้นเบื้องต้น พบว่าภายในรถกระบะบรรทุกมีแม็กไลน์เนอร์ ซึ่งมีลักษณะได้รับการติดตั้งใหม่ พบรอยเชื่อมของกระบะบรรทุกมีระดับความสูงของกระบะผิดปกติ จึงตรวจสอบโดยละเอียด พบไอซ์ 22 กิโลกรัม และคีตามีน 50 กิโลกรัม ซุกซ่อนอยู่ภายในช่องลับดัดแปลงสำหรับซุกซ่อนยาเสพติดใต้กระบะบรรทุกของรถยนต์คันดังกล่าว เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมทำการตรวจยึดของกลางทั้งหมด  ส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมาย เพื่อขยายผลติดตามออกหมายจับบุคคล ในเครือข่ายและยึดทรัพย์สินตามประมวลกฎหมายยาเสพติด พ.ศ.2564 ต่อไป

รายที่ 2 ตำรวจ ปส.3 ได้สืบสวนทราบว่า นายสุรพงษ์ ซึ่งมีพฤติการณ์รับจ้างลำเลียงยาเสพติดจากเครือข่าย กลุ่มชาติพันธุ์ม้ง ในพื้นที่ อ.ภูซาง และ อ.เชียงคำ จ.พะเยา โดยใช้วิธีการซุกซ่อนไปกับพืชผลทางการเกษตรและสินค้าอื่น ๆ เพื่ออำพรางการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ ส่งให้กับกลุ่มเครือข่ายในพื้นที่ จ.พระนครศรีอยุธยา และปริมณฑล โดยใช้รถบรรทุก 6 ล้อ ยี่ห้ออีซูซุ สีขาวเทาน้ำเงิน ทะเบียน 70-86xx ลำปาง ในการลำเลียงยาเสพติด ตำรวจชุดสืบสวนจึงได้เฝ้าติดตาม กระทั่งวันที่ 14 ส.ค.66 เวลาประมาณ 03.00 น. ตำรวจ ปส.3 พบรถเป้าหมาย ขับมาจากทาง อ.เชียงคำ จ.พะเยา มุ่งหน้าไปทาง อ.เมือง จ.พะเยา สังเกตมีผ้าใบคลุมส่วนท้าย และใช้ถนนเส้นทางรองเพื่อหลบเลี่ยงด่านตรวจ ต่อมาเวลาประมาณ 10.30 น. ของวันเดียวกัน พบรถยนต์เป้าหมายได้ขับไปจอดที่บริเวณร้านอาหารแห่งหนึ่ง บนถนนสายเอเชีย อ.บางระกำ จ.พิษณุโลก จึงได้แสดงตัวและขอทำการตรวจค้น พบกระดาษแข็งมัดอัดเป็นก้อนอยู่เต็มภายในกระบะบรรทุก พบช่องลับมีถุงพลาสติก สีดำบรรจุกระดาษแข็งปิดไว้ สอบถามนายสุรพงษ์ รับสารภาพว่า มียาเสพติดซุกซ่อนอยู่ จึงควบคุมตัวนายสุรพงษ์ พร้อมรถบรรทุก 6 ล้อ ไปที่ด่านตรวจ พยุหะคีรี ต.ย่านมัทรี อ.พยุหะคีรี จ.นครสวรรค์ ตรวจค้นโดยละเอียดพบยาบ้าจำนวน 30 กระสอบ ประมาณ 6,000,000 เม็ด ทำการตรวจยึดของกลางทั้งหมด ส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมาย เพื่อขยายผลติดตามออกหมายจับบุคคล ในเครือข่ายและยึดทรัพย์สินตามประมวลกฎหมายยาเสพติด พ.ศ.2564 ต่อไป

รายที่ 3 ตำรวจ บก.สกส. ร่วมกับ บก.ขส.บช.ปส. ได้สืบสวนขยายผลจากการจับกุมนายสือ กับพวก พร้อมของกลางยาบ้า 4,000,000 เม็ด เมื่อวันที่ 13 พ.ค.66 ที่ผ่านมา ในพื้นที่ อ.บางปะหัน จ.พระนครศรีอยุธยา  จากการสืบสวนขยายผลเพิ่มเติม พบว่ายังมีกลุ่มลักลอบลำเลียงยาเสพติดเป็นชาติพันธุ์ม้ง ชื่อนายสัตยา กับพวก ซึ่งมีความเชื่อมโยงกับกลุ่มผู้ต้องหาที่ถูกจับกุม มีพฤติการณ์รับจ้างกลุ่มนายทุนยาเสพติดลำเลียง ยาเสพติดจากพื้นที่ จ.เชียงราย ส่งให้กับลูกค้าของผู้ว่าจ้าง ในพื้นที่ภาคกลางเช่นเดียวกัน จนกระทั่งเมื่อวันที่ 14 ส.ค.66 เวลาประมาณ 10.30 น. สามารถจับกุมนายสัตยา เป็นผู้ขับขี่รถยนต์บรรทุกส่วนบุคคล ยี่ห้อ TOYOTA สีเทา ทะเบียน บร 74XX กำแพงเพชร ซึ่งใช้ในการลำเลียงยาเสพติด ได้ที่รีสอร์ตแห่งหนึ่ง ในพื้นที่ ต.บ้านใหม่สุขเกษม อ.กงไกรลาศ จ.สุโขทัย พร้อมของกลางยาบ้า 1,000,000 เม็ด และ ไอซ์ 200 กิโลกรัม ซุกซ่อนอยู่บริเวณท้ายกระบะและภายในห้องโดยสารด้านหลัง ต่อมา เวลา 10.40 น. สามารถจับกุมนายวิวัฒน์ และนางดี พร้อมรถยนต์บรรทุกส่วนบุคคล ยี่ห้อ ISUZU สีน้ำเงิน หมายเลขทะเบียน บฉ 74XX ตาก ซึ่งใช้ในการขับขี่นำทาง/ สำรวจเส้นทาง/คุ้มกัน ที่รีสอร์ตแห่งหนึ่ง ในพื้นที่ ต.มะตูม อ.พรหมพิราม จ.พิษณุโลก ตำรวจชุดจับกุมทำการตรวจยึดของกลางทั้งหมด ส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมาย เพื่อขยายผลติดตามออกหมายจับบุคคล ในเครือข่ายและยึดทรัพย์สินตามประมวลกฎหมายยาเสพติด พ.ศ.2564 ต่อไป

รายที่ 4 ตำรวจ บก.สกส. ได้สืบสวนทราบว่า นายจิตวัต มีพฤติการณ์ในการลักลอบลำเลียงยาเสพติดจาก จ.เชียงใหม่ มาส่งให้กับลูกค้าของผู้ว่าจ้างในเขตพื้นที่ภาคกลาง จนกระทั่งวันที่ 18 ส.ค.66  เวลาประมาณ 02.45 น. พบรถยนต์นั่งส่วนบุคคลไม่เกิน 7 คน ยี่ห้อ CHEVROLET สีเทา ทะเบียน 1ฒบ 76XX กทม. จอดรถทิ้งไว้ข้างทางบริเวณถนนในหมู่บ้าน ม.7 ต.กลางดง อ.ทุ่งเสลี่ยม จ.สุโขทัย ไม่พบผู้ขับขี่และผู้โดยสาร จากการตรวจค้น พบยาบ้า 1,900,000 เม็ด ซุกซ่อนอยู่บริเวณภายในห้องโดยสารด้านหลังผู้ขับขี่ ต่อมา เวลา 16.30 น. ของวันเดียวกัน สามารถติดตามจับกุมนายจิตวัต ได้ที่บริเวณ ริมคลอง ต.กลางดง อ.ทุ่งเสลี่ยม จ.สุโขทัย และสามารถยึดรถยนต์ ISUZU สีขาว หมายเลขทะเบียน กฉ 31XX อุทัยธานี ได้ที่บริเวณบ้านแห่งหนึ่ง ม.8 ต.บางปะมุง อ.โกรกพระ จ.นครสวรรค์ ซึ่งรถยนต์คันดังกล่าวได้หลบหนีการจับกุม ของเจ้าหน้าที่ระหว่างทำการจับกุม ตำรวจชุดจับกุมทำการตรวจยึดของกลางทั้งหมด ส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีและขยายผลติดตามออกหมายจับบุคคลในเครือข่ายและยึดทรัพย์สินตามประมวลกฎหมายยาเสพติด พ.ศ.2564 ต่อไป

รายที่ 5 ตำรวจ บก.สกส. ได้สืบสวนทราบว่า นายชาญชัย และนายบุญหลา ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทกัน กับพวก มีพฤติการณ์ร่วมกันลักลอบลำเลียงยาเสพติดจากพื้นที่ทางภาคเหนือ นำมาส่งให้กับลูกค้าของผู้ว่าจ้าง ในพื้นที่ภาคกลาง จนกระทั่ง วันที่ 18 ส.ค.66 เวลาประมาณ 17.00 น. สามารถจับกุมนายชาญชัย พร้อมของกลางยาบ้า 6,000,000 เม็ด ซุกซ่อนอยู่ภายในกระบะบรรทุกด้านหลังรถบรรทุก ยี่ห้อ HINO สีขาว ทะเบียน 70-73XX อุบลราชธานี ซึ่งใช้ในการซุกซ่อนและลำเลียง ยาเสพติด และสามารถขยายผลจับกุมนายบุญหลา เป็นผู้ขับขี่รถยนต์บรรทุกส่วนบุคคล ยี่ห้อ TOYOTA สีเทา ทะเบียน ผธ 81XX อุบลราชธานี ซึ่งใช้ในการคุ้มกัน/สำรวจเส้นทาง ได้ที่บริเวณด่านตรวจยาเสพติดพยุหะคีรี อ.พยุหะคีรี จ.นครสวรรค์ และขยายผลจับกุมนายโจ ขับรถยนต์ HONDA สีขาว ทะเบียน 3กพ 45XX กทม. ซึ่งใช้ในการมารับของกลางยาเสพติด มีนายธนพนธ์ นั่งมาด้วย  และน.ส.ภาณุมาศ ขับขี่รถยนต์ TOYOTA สีดำ ทะเบียน 3ขถ 61XX กรุงเทพมหานคร ซึ่งใช้ในการมารับของกลางยาเสพติด มีนายเสกสรร และนายภูมินันท์ นั่งมาด้วย ได้ที่บริเวณทางคู่ขนาน ถ.พหลโยธินขาออก ต.ลำไทร อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมทำการตรวจยึดของกลางทั้งหมด ส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมาย เพื่อขยายผลติดตามออกหมายจับบุคคล ในเครือข่ายและยึดทรัพย์สินตามประมวลกฎหมาย ยาเสพติด พ.ศ.2564 ต่อไป

รายที่ 6 ตำรวจ ปส.4 ได้ทำการสืบสวนขยายผลกลุ่มเครือข่ายนักค้ายาเสพติด กระทั่งทราบว่าวันที่ 13 ส.ค.66 จะมีการลักลอบลำเลียงยาเสพติดจากพื้นที่ภาคกลางไปยังพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยใช้รถกระบะแบบมีตู้ทึบด้านหลัง ยี่ห้ออีซูซุ ทะเบียน 2ฒห 2xxx กทม. ซุกซ่อนยาเสพติด ตำรวจชุดจับกุมจึงได้เฝ้าติดตาม จนพบว่ามีการนัดส่งมอบยาเสพติด ด้านหลังตลาดไอยรา จ.ปทุมธานี จากการเฝ้าสังเกตการณ์พบมีผู้ชาย 3 คน ช่วยกันยกกล่องลังโฟมสีขาวจากรถบรรทุก ทะเบียน 70-xxxx ลำปาง ไปใส่รถกระบะแบบตู้ทึบด้านหลัง ยี่ห้ออีซูซุ ทะเบียน 2ฒห 2xxx กทม. หลังจากนั้น ได้ขับมุ่งหน้าออกไปทางถนนคลองหลวง ต.คลองสอง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี และจอดส่งนายศิรากร ที่บริเวณปาก ซ.เทศบาล 3 ต.คลองสอง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี และมีรถยนต์เก๋ง ยี่ห้อฮอนด้า ทะเบียน 9กล xxxx กทม. ขับมารับ ต่อมารถยนต์กระบะตู้ทึบยี่ห้ออีซูซุ ทะเบียน 2ฒห 2xxx กรุงเทพมหานคร ซึ่งมีนายอนุชาติ เป็นคนขับ และนายนคเรศ นั่งโดยสารมาด้วย ได้ขับเข้าไปจอด หน้าธนาคารกรุงเทพ อ.คลองหลวง  จ.ปทุมธานี ตำรวจชุดจับกุม จึงได้แสดงตัวขอตรวจสอบสิ่งของหลังรถคันดังกล่าว ผลการตรวจค้นพบไอซ์ 500 กิโลกรัม บรรจุอยู่ในถุงชาสีเขียวภายในกระสอบสีขาวในกล่องลังโฟม สีขาว และได้ติดตามจับกุมนายศิรากร ได้ที่บริเวณร้านค้าในพื้นที่  อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมทำการตรวจยึดของกลางทั้งหมด

ตำรวจภาค 4 กัดติด รวบทีมขน 3 เครือข่ายยาเสพติด สกัดยาบ้ากว่า 6 ล้านเม็ด ก่อนทะลักเข้าพื้นที่ชั้นใน  เร่งขยายผลยึดทรัพย์ต่อที่ สภ.เชียงคาน

9 เม.ย.67 พล.ต.ท.สรายุทธ สงวนโภคัย  ผบช.ภ.4, พล.ต.ต.พงพิพัฒน์ ศิริพรวิวัฒน์ ผบก.ภ.จว.เลย, นายชัยพจน์ จรูญพงศ์ ผวจ.เลย , ผู้แทนหน่วยร่วมบูรณาการ ได้แก่ ป.ป.ส.ภาค 4, กกล.สุรศักดิ์มนตรี, ตำรวจน้ำ, กก.11 รน., ร้อย ตชด.246 ร่วมแถลงข่าวผลการจับกุมยาเสพติด ตามนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล และ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร.รรท.ผบ.ตร. ให้กวาดล้างจับกุมยาเสพติดในพื้นที่ตามแนวชายแดน เพิ่มความเข้ม  ในการกวาดล้างจับกุมยาเสพติดในพื้นที่มีปัญหา และปราบปรามผู้ค้ายาเสพติดให้หมดสิ้นไป พล.ต.ท.สรายุทธ สงวนโภคัย ผบช.ภ.4 จึงได้สั่งการให้ทุกหน่วยในสังกัด เร่งกวาดล้างจับกุมยาเสพติดอย่างเด็ดขาดตามนโยบายดังกล่าว  เพื่อให้ผู้ค้ายาเสพติด  ไม่มีพื้นที่ยืนอีกต่อไป 

คดีที่ 1 ตำรวจ สภ.เชียงคาน สืบสวนทราบว่า ขบวนการค้ายาเสพติดจะนำยาบ้าไปส่งในพื้นที่ อ.เชียงคาน จ.เลย จึงได้วางแผนจับกุม ต่อมาวันที่ 7 เม.ย. 67 เวลาประมาณ 05.30 น. ตำรวจชุดจับกุมได้พบรถตู้ลักษณะตรงตามข้อมูลที่มี จึงติดตามไปตามถนนสายปากชม–เชียงคาน ถึงบ้านบุฮม หมู่ 1 ต.บุฮม อ.เชียงคาน จ.เลย ที่เกิดเหตุ จึงแสดงตัวเพื่อขอตรวจค้น โดยมีนายพัชรพล อายุ 41 ปี ทำหน้าที่ขับรถ และนายจิตพงษ์ อายุ 41 ปี นั่งข้างคนขับ ผลการตรวจค้นภายในรถตู้ พบยาบ้าเม็ดสีส้ม และเม็ดสีฟ้า จำนวน 348 แพค บรรจุภายในกระสอบสีขาว จำนวน 9 กระสอบ รวมยาบ้าประมาณ 3,480,000 เม็ด จึงแจ้งข้อกล่าวหาให้ผู้ต้องหาทั้งสองทราบว่า ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีนหรือยาบ้า) ไว้ในครอบครองเพื่อการค้า อันเป็นการก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชน และการกระทำให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐ หรือความปลอดภัยของประชาชนทั่วไปโดยผิดกฎหมาย ตรวจยึดยาเสพติดไว้เป็นของกลาง จากนั้นจึงจับกุมผู้ต้องหาทั้งสอง ส่งพนักงานสอบสวน สภ.เชียงคาน ดำเนินคดี และขยายผลถึงผู้ร่วมขบวนการต่อไป
 
คดีที่ 2 ตำรวจ บก.สส.ภ.4 และ สภ.บ้านแฮด สืบสวนทราบว่า จะมีการส่งมอบยาเสพติดจำนวนมากที่ ต.กู่ทอง  อ.เชียงยืน จ.มหาสารคาม จึงวางกำลังเพื่อทำการจับกุม ต่อมาเวลาประมาณ 19.00 น. พบรถเก๋งยี่ห้อฮอนด้า สีทอง ทะเบียน กร 79xx สระบุรี จอดอยู่ที่ลานจอดร้านขนมจีนกู่ทอง ถนนขอนแก่น-เชียงยืน ต.กู่ทอง อ.เชียงยืน จ.มหาสารคาม ตรงตามข้อมูลจากการสืบสวน จึงแสดงตัวเข้าทำการตรวจค้น มีนายภูธเนศ เป็นผู้ขับขี่(ทราบชื่อภายหลัง) ผลการตรวจค้นพบยาบ้า อยู่ในกระเป๋าเดินทาง จำนวน 4 ใบ บรรจุยาบ้าเป็นมัด รวมประมาณ 990,000 เม็ด ซุกซ่อนอยู่ใต้ฝาท้ายรถยนต์คันดังกล่าว จึงแจ้งข้อกล่าวหาให้นายภูธเนศ ทราบว่า ร่วมกันกับพวกที่หลบหนี มียาเสพติดให้โทษชนิดร้ายแรงประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีนหรือยาบ้า) ไว้ในครอบครองเพื่อการค้าและก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชน และกระทำให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐหรือ ความปลอดภัยของประชาชนโดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย จากนั้นจึงจับกุมตัวผู้ต้องหา พร้อมของกลาง นำส่งพนักงานสอบสวน สภ.กู่ทอง ดำเนินคดี
 
คดีที่ 3 ตำรวจ บก.สส.ภ.4 สืบสวนทราบว่าจะมีการส่งยาเสพติดในพื้นที่ ต.หนองแวง อ.บ้านแพง จ.นครพนม จึงวางกำลังจับกุม ต่อมาเมื่อวันที่ 6 เม.ย.67 เวลาประมาณ  น. พบรถเก๋งยี่ห้อนิสสัน ทะเบียน กม 33xx สลกนคร จอดที่หน้าโรงเรียนแห่งหนึ่ง ริมถนนสาย 212 ต.หนองแวง อ.บ้านแพง จ.นครพนม โดยผู้ต้องหาทราบชื่อภายหลังว่านายณัฐวัฒน์ อายุ 43 ปี ลงมาจากรถ ไปยกกระสอบที่ซ่อนอยู่ข้างทาง จึงแสดงตัวขอตรวจค้น พบว่าเป็นยาบ้า 2 กระสอบ จำนวน 570,000 เม็ด จึงยึดเป็นของกลางและแจ้งข้อหาจับกุมตัว ส่งพนักงานสอบสวน สภ.บ้านแพง ดำเนินคดี จากการตรวจสอบประวัติพบว่า ผู้ต้องหาอยู่ระหว่างหลบหนีหมายจับศาลจังหวัดเพชรบุรี ในความผิดฐาน “ร่วมกันชิงทรัพย์ในเวลากลางคืน โดยมีอาวุธฯ” ท้องที่ สภ.เมืองเพชรบุรี 
 
ล่าสุดวันนี้(9 เม.ย.67) พล.ต.ท.สรายุทธ สงวนโภคัย ผบช.ภ.4 ได้เดินทางไปสอบปากคำนายพัชรพล นายจิตพงษ์ สองผู้ต้องหาที่ลักลอบขนยาเสพติด 3,480,000 ล้านเม็ด โดยผู้ต้องหารับว่า ร่วมกับพวกอีก 2 คนที่หลบหนี รับจ้างขนยาเสพติดโดยได้รับค่าจ้างในครั้งนี้สองแสนบาท และหนึ่งในผู้ต้องหาเป็นนักสนุกเกอร์ที่มีชื่อเสียง แต่เนื่องจากเป็นหนี้พนัน  จึงมาขนยาเสพติดเพื่อนำเงินไปใช้หนี้ พล.ต.ท.สรายุทธ ได้สั่งการให้เร่งสืบสวนขยายผลไปจับกุมและใช้มาตรการยึดทรัพย์กับผู้สั่งการ และผู้ร่วมขบวนการทั้งหมดต่อไป

'มโหฬาร' ตำรวจ ปส. แถลงผลจับกุมและปูพรมปิดล้อมตรวจค้นเครือข่ายรายสำคัญ ยึดยาบ้ากว่า 33 ล้านเม็ด

ตามนโยบายการปราบปรามยาเสพติดของ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เน้นใช้มาตรการทางกฎหมาย เพื่อทำลายเครือข่ายยาเสพติดอย่างจริงจังทั้งระบบ ประกอบกับนโยบายของ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร. รรท.ผบ.ตร. ในฐานะ ผอ.ศอ.ปส.ตร. และ พล.ต.ท.สำราญ นวลมา, พล.ต.ท.นิรันดร เหลื่อมศรี, พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผู้ช่วย ผบ.ตร. รอง ผอ.ศอ.ปส.ตร. มุ่งปราบปรามจับกุมผู้ค้ายาเสพติดในพื้นที่ และขยายผลเครือข่ายที่จับกุมได้ทุกระดับอย่างจริงจังทุกพื้นที่รวมทั้งการขยายผลเพื่อยึดอายัดทรัพย์สินที่ได้มาจากการค้ายาเสพติด ทั้งของผู้ค้า ผู้ช่วยเหลือและสนับสนุนเครือข่ายทั้งหมดมาตรวจสอบ                          

วันนี้ 3 พ.ค.67 เวลา 10.00 น. พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร./รอง ผอ.ศอ.ปส.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.ท.คีรีศักดิ์ ตันตินวะชัย ผบช.ปส., พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการ ป.ป.ส. พล.ต.ต.สมเกียรติ วัฒนพรมงคล, พล.ต.ต.สมบูรณ์ เทียนขาว, พล.ต.ต.ออมสิน ตรารุ่งเรือง ,พล.ต.ต.พลัฎฐ์ วิเศษสิงห์ รอง ผบช.ปส., พล.ต.ต.พรพิทักษ์ รู้ยืนยง รอง ผบช.ฯ, พล.ต.ต.นพสิทธิ์ มิตรภักดี ผบก.ปส.1, พล.ต.ต.ธนรัชน์ สอนกล้า ผบก.ปส.2, พล.ต.ต.อดิศ เจริญสวัสดิ์ ผบก.ปส.3, พล.ต.ต.พรศักดิ์ สุรสิทธิ์ ผบก.ปส.4, พล.ต.ต.อิทธิพล จันทร์ศรีบุตร ผบก.ขส. และพล.ต.ต.วิทัศน์ บริรักษ์ ผบก.สกส. ร่วมแถลงผลการสกัดกั้นเครือข่าย ยาเสพติดรายใหญ่ (นักบินตายแทน) ในห้วงเทศกาลสงกรานต์ได้จำนวน 8 เครือข่าย ผู้ต้องหา 22 คน ตรวจยึดยาบ้า 32,386,000 เม็ด และ ไอซ์ 4.5 กก. ตรวจยึดรถยนต์ที่ใช้ก่อเหตุได้ 15 คัน และ รถจักรยานยนต์ 2 คัน ยึดทรัพย์รวม 5,620,000 บาท โดยจะเรียงลำดับจากหน่วยที่มีการตรวจยึดปริมาณยาเสพติดจำนวนมากที่สุด ตามลำดับดังนี้

1. บก.ปส.3 
คดีแรก ตำรวจ กก.2. บก.ปส.๓ สืบสวนทราบว่าจะมีกลุ่มเครือข่ายลักลอบลำเลียงยาเสพติดจำนวนมากจากพื้นที่ อ.เชียงดาว จว.เชียงใหม่  เพื่อส่งต่อให้กับกลุ่มเครือข่ายในพื้นที่ อ.แม่แตง จว.เชียงใหม่ โดยใช้รถพิกอัพ กระทั่งกลางดึกวันที่ 19 เม.ย.67 พบรถพิกอัปเป้าหมาย 3 คัน บรรทุกสิ่งของลักษณะเป็นกระสอบจำนวนมาก บริเวณกระบะท้ายรถพิกอัป 2 คัน และขับติดตามกันเป็นขบวนมุ่งหน้า ต.แม่นะ อ.เชียงดาว จว.เชียงใหม่ โดยมีรถจักรยานยนต์หลายคันขับนำทาง ในทิศทางหลบเลี่ยงด่านตรวจยาเสพติดแก่งปันเต๊า ต.แม่นะ อ.เชียงดาว กระทั่งเวลา 01.40 น. ของวันที่ 20 เม.ย.67 สามารถจับกุม นายวิจิตร ได้ที่ริมถนนโยธาธิการเชียงใหม่ ต.อินทขิล อ.แม่แตง จว.เชียงใหม่ ตรวจค้นรถพิกอัปพบยาบ้ารวมจำนวน 14,648,000 เม็ด ส่วนผู้ต้องหา 1 คน ที่อาศัยความมืดหลบหนีไปได้ สามารถรถติดตามจับกุมที่บริเวณภายในเทศบาลตำบลอินทขิล ต.อินทขิล อ.แม่แตง จว.เชียงใหม่ คือ นายโกเอ๋อ

คดีที่ 2 ตำรวจ กก.2 บก.ปส.3 สืบสวนทราบว่า นายหน่อคำ พร้อมพวก จะลำเลียงยาเสพติดจากพื้นที่ อ.แม่แตง จว.เชียงใหม่ ไปส่งต่อให้กับกลุ่มลูกค้าในพื้นที่ภาคกลาง โดยการอำพรางด้วยพืชผลทางการเกษตร ตำรวจจึงจัดชุดเฝ้าติดตาม กระทั่งวันที่ 7 เม.ย.67 เวลา 22.50 น. พบ บริเวณกระบะท้ายของรถยนต์ที่เฝ้าระวังมีการบรรทุกกล้วยน้ำว้าดิบมาเต็มคันรถ ขับมุ่งหน้าไปทาง จว.ลำพูน ต่อมาวันที่ 8 เมษายน 2567 เวลาประมาณ 00.15 น. ก่อนถึงด่านตรวจแม่ทา ต.ทาสบเส้า อ.แม่ทา จว.ลำพูน ประมาณ 300 เมตร เจ้าหน้าที่พบรถต้องสงสัยชะลอความเร็วและจอดชิดข้างถนน จากนั้นนายหน่อคำ ได้ลงมาจากรถและมีรถยนต์ขับมารับตัวแล้วขับออกไปอย่างรวดเร็ว กระทั่งเวลา 01.30 ของวันเดียวกัน ตำรวจสกัดจับรถเก๋งได้ที่ด่านตรวจแม่ทา ถนนซุปเปอร์ไฮเวย์ เชียงใหม่ - ลำปาง ต.ทาสบเส้า อ.แม่ทา ตรวจค้นรถพิกอัป พบยาบ้ารวม 5,800,000 เม็ด  

คดีที่ 3 ตำรวจ กก.2 บก.ปส.๓ สืบสวนจนทราบว่า นายสมศักดิ์ พร้อมพวก จะลำเลียงยาเสพติดจำนวนมากจากพื้นที่ชายแดน จว.เชียงใหม่ ไปส่งต่อให้กับกลุ่มเครือข่ายในพื้นที่ตอนในของประเทศ โดยใช้รถยนต์ ตำรวจจึงเฝ้าระวังความเคลื่อนไหว กระทั่งช่วงบ่ายของวันที่ 19 เม.ย.67 พบรถยนต์ที่เฝ้าระวัง 2 คัน ขับนำกันไปตามถนนหมายเลข 11 (ซุปเปอร์ไฮเวย์ เชียงใหม่ – ลำปาง) มุ่งหน้า จว.ลำพูน และตำรวจสกัดจับรถยนต์ 1 คัน ได้บริเวณด่านตรวจแม่ทา ต.ทาสบเส้า อ.แม่ทา จว.ลำพูน ภายในรถพบ นายสมศักดิ์ เป็นผู้ขับขี่ รับสารภาพว่าในรถมียาเสพติดจริง จึงนำตำรวจไปตรวจค้นพบยาบ้าซุกซ่อนอยู่ในช่องลับภายในรถจำนวน 95 แพค รวม 558,000 เม็ด และเวลาประมาณ 17.30 น. ของวันเดียวกัน ตำรวจติดตามรถยนต์อีก 1 คัน และได้จับกุมนายสมรักษ์ ซึ่งเป็นผู้ขับขี่ จากตำรวจได้ขยายผลไปตรวจยึดยาเสพติด คือยาบ้า 2,442,000 เม็ด และไอซ์ น้ำหนัก 4.5 กิโลกรัม ได้ที่บ้านเลขที่ 7/2 หมู่ 7 ต.ขี้เหล็ก อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ ต่อมาวันที่ 21 เม.ย.67  เวลา 14.00 น. ขยายผลจับกุม นายเอื้อน และ น.ส.ณชนก ซึ่งเป็นบุคคลในกลุ่มเครือข่ายได้อีก 2 คน บริเวณถนนกระดานป้าย - ดงจังหัน หมู่ 2 ต.เนินขี้เหล็ก อ.ลาดยาว จว.นครสวรรค์ รวมยาบ้า 3,000,000 เม็ด ไอซ์ 4.5 กิโลกรัม

คดีที่ 4 ตำรวจ กก.2 บก.ปส.3 สืบสวนจนพบว่าได้มีเครือข่ายลักลอบลำเลียงยาเสพติด นำของมาพักคอยในพื้นที่ อ.ฝาง จว.เชียงใหม่ เพื่อส่งต่อให้กับกลุ่มเครือข่ายในพื้นที่ตอนของประเทศ ตำรวจจึงเฝ้าดู กระทั่ง วันที่ 29 มี.ค.67 ทราบว่าจะส่งมอบยาเสพติดช่วงดึกของวันเดียวกัน จนพบนายเหยา ขับรถยนต์ต้องสงสัยออกมาจากบ้านหนองเต่า ต.ม่อนปิ่น อ.ฝาง จว.เชียงใหม่ ลักษณะบรรทุกสิ่งของมีน้ำหนัก โดยมีนายจะหา ขับขี่รถจักรยานยนต์ ตามหลังออกมาด้วย ก่อนไปจอดบริเวณแยกตลาดน้ำใจ ถนนเลี่ยงเมืองฝาง หมู่ 7 ต.เวียง อ.ฝาง จว.เชียงใหม่ ตำรวจจึงแสดงตัวขอตรวจค้นทันที ขณะนั้น นายเหยา ได้เปิดประตูรถวิ่งหลบหนีไปได้ ขณะเดียวกันตำรวจอีกส่วนหนึ่งได้เข้าสกัดรถจักรยานยนต์ ของนายจะหา และนำตัวมาตรวจค้นรถยนต์พบยาเสพติด 20 กระสอบ เป็นยาบ้ารวม 2,000,000 เม็ด   

คดีที่ 5 ตำรวจ กก.3 บก.ปส.๓ พบความเคลื่อนไหมของ นายณรงค์ศักดิ์ และพวก จะลำเลียงยาเสพติดจำนวนมากจากพื้นที่ จว.เชียงใหม่ ไปส่งในพื้นที่ อ.บ้านตาก จว.ตาก โดยใช้รถตู้ กระทั่งวันที่ 31 มี.ค.67 พบรถต้องสงสัยขับอยู่บนถนนพหลโยธินบริเวณหน้าโรงพยาบาลบ้านตาก เลี้ยวขับไปตามเส้น อ.บ้านตาก - อ.แม่ระมาด  ไปจอดอยู่ภายในบริเวณวัด พระบรมธาตุตาก วัดหลวงพ่อทันใจ) จากการเฝ้าดูของตำรวจ พบนายณรงค์ศักดิ์ ลงมาจากรถฝั่งคนขับเดินมาเปิดประตูด้านข้างห้องผู้โดยสาร จากนั้นรื้อผนังรถตู้ภายในห้องโดยสาร แล้วหยิบสิ่งของออกจากจุดที่รื้อลักษณะเป็นก้อนห่อหุ้มด้วย ฟรอยสีเงิน ส่งให้ น.ส.นิตยา ใส่ลงลังกระดาษสี่เหลี่ยมภายในห้องโดยสารรถตู้ ตำรวจจึงแสดงตัวเข้าตรวจสอบ พบยาบ้ารวม 698,000 เม็ด  

คดีที่ 6 จากการเฝ้าระวังบุคคลเป้าหมายของ ตำรวจ กก.2 บก.ปส.3 คือ นายจักรพันธ์ กับพวกพบว่าจะใช้รถกระบะตู้ทึบลำเลียงยาเสพติดจาก จ.เชียงราย ลงไปพื้นที่ภาคกลาง จนวันที่ 25 เม.ย.67 พบความเคลื่อนไหวของ นายจักรพันธ์ ขับรถยนต์เข้าพักที่รีสอร์ท ในพื้นที่ อ.แม่จัน จ.เชียงราย และพบรถกระบะตู้ทึบ 3 คัน เข้าพักที่เดียวกัน จากนั้นวันที่ 27 เม.ย.67 ผู้ต้องสงสัยทั้งหมดได้มาเข้าพักในพื้นที่ อ.เมืองเชียงราย กระทั่งออกเดินทาง ในเช้าวันที่ 28 เม.ย.2567       ชุดจับกุม จึงประสานกำลังตำรวจประจำด่านตรวจปูแกง สภ.พาน ทำการหยุดรถเพื่อตรวจสอบและจับกุมผู้ต้องหาได้ 5 คน ตรวจค้นรถ พบยาบ้า 300,000 เม็ด ที่ ระหว่างนั้นได้ประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวง อ.งาว เข้าจับกุม นายจันทวาส ซึ่งทำหน้าที่ขับรถยนต์สำรวจเส้นทางล่วงหน้า ได้บริเวณปั๊มน้ำมัน ปตท.งาว  

2. บก.ปส.2 

คดีที่ 7 ตำรวจ กก.1 บก.ปส.2 ได้ขยายผลเครือข่าย Vuitton และพบว่ายังมีรถในเครือข่ายที่ใช้ลำเลียงยาเสพติด ตำรวจจึงเฝ้าติดตามเครือข่ายดังกล่าว จนวันที่ 28 มี.ค.67 พบรถกระบะ หมายเลขทะเบียน ฒษ-35xx กทม. ซึ่งจะเดินทางจากพื้นที่กรุงเทพมหานคร ขึ้นไปยังพื้นที่ภาคอีสาน ด้าน จว.บึงกาฬ จึงสะกดรอยติดตาม ต่อมา วันที่ 29 มี.ค.67 พบรถเป้าหมายวิ่งบน ถ.ชยางกูร ในพื้นที่ ต.ชัยพร อ.เมืองบึงกาฬ  จว.บึงกาฬ แล้วใช้เส้นทางมุ่งหน้ากลับเข้าพื้นที่ตอนในโดยใช้เส้นทางรองผ่าน จว.บึงกาฬ - จว.สกลนคร - จว.อุดรธานี - จว.กาฬสินธุ์ - จว.มหาสารคาม โดยระหว่างการติดตามพบว่ารถคันดังกล่าวมีการใช้ถนนเส้นทางรองเพื่อเป็นการหลีกเลี่ยงการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ตำรวจ กระทั่งเวลา 01.20 น. ของวันที่ 30 มี.ค.67 ขณะที่ติดตามรถเป้าหมายจนถึงบริเวณสี่แยกสัญญาณไฟจราจร บ้านวังยาว ถ. ถีนานนท์ ต.เกิ้ง อ.เมืองมหาสารคาม จว.มหาสารคาม ตำรวจจึงแสดงตัวเพื่อจับกุมพบ นายหัสดี คนขับ และ นายพอเจตน์ นั่งข้างคนขับ ตรวจค้นด้านหลังกระบะ พบยาบ้า 5,250,000 เม็ด วางอยู่ท้ายรถ สอบถามผู้ต้องหา สารภาพว่าถูกว่าจ้างให้ขับรถยนต์ไปลำเลียงยาเสพติดจากพื้นที่ จว.บึงกาฬ ไปส่งยังพื้นที่ภาคกลาง จว.สมุทรปราการ 

3. บก.สกส.
คดีที่ 8 ตำรวจ บก.สกส. ร่วมกับ ตำรวจ บก.ขส. สืบทราบว่า นายปานวิไชย ซึ่งมีประวัติเกี่ยวกับยาเสพติด และนายอำพล จะร่วมกันลำเลียงยาเสพติดจากพื้นที่ชายแดนไทย-ลาว ด้าน จว.หนองคาย นำมาส่งให้ลูกค้าในพื้นที่ภาคกลางและปริมณฑล กระทั่งช่วงดึกของวันที่ 26 เม.ย.67 ตำรวจได้จับกุม นายปานวิไชย ได้ที่บริเวณริมถนนสายเอเชียฝั่งขาเข้า  

“บิ๊กราญ” รอง ผอ.ศอ.ปส.ตร. สั่งระดมทุกหน่วยปิดล้อมตรวจค้นเครือข่ายยาเสพติดทั่วประเทศ ห้วงเมษามหาสงกรานต์ จับผู้ต้องหา 321 คน ยึดทรัพย์กว่า 369 ล้านบาท

วันนี้ 3 พ.ค. 67 พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร. ในฐานะ รอง ผอ.ศอ.ปส.ตร. เป็นประธานแถลงผลการปิดล้อมตรวจค้นเครือข่ายยาเสพติดรายสำคัญ 300 เครือข่าย ทั่วประเทศ ในห้วงระหว่างวันที่ ๑๐ - ๓๐ เม.ย.๖๗ พร้อมระบุว่า การปราบปรามยาเสพติดในทุกพื้นที่เป็นวาระเร่งด่วนของรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ที่เน้นการใช้มาตรการทางกฎหมายอย่างเด็ดขาด เพื่อตัดวงจรและท่อน้ำเลี้ยง รวมทั้งทำลายเครือข่ายยาเสพติดทุกระดับทั้งระบบ ประกอบกับนโยบายของ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร. รรท.ผบ.ตร. ในฐานะ ผอ.ศอ.ปส.ตร. ให้ทุกหน่วยทำงานเชิงรุกปราบปรามจับกุมผู้ค้ายาเสพติดในทุกพื้นที่และสืบสวนขยายผล ทุกคดี เพื่อยึดอายัดทรัพย์สินที่ได้มาจากการค้ายาเสพติด ทั้งของผู้ค้ายาเสพติดเอง รวมทั้งผู้ช่วยเหลือและสนับสนุนเครือข่ายทั้งหมดมาตรวจสอบ พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร. ในฐานะ รอง ผอ.ศอ.ปส.ตร. จึงได้สั่งการให้ทุกหน่วยเปิดปฏิบัติการปิดล้อมตรวจค้นเครือข่ายยาเสพติดรายสำคัญ 300 เครือข่ายทั่วประเทศ ในห้วงระหว่างวันที่ ๑๐ - ๓๐ เม.ย.๖๗ ซึ่งหน่วยที่ปฏิบัติการประกอบด้วย ตำรวจภูธรภาค 1 – 9 , กองบัญชาการตำรวจนครบาล, กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด และเจ้าหน้าที่จาก ป.ป.ส. ร่วมปฏิบัติในทุกพื้นที่ โดยมีเป้าหมายเข้าตรวจค้น 703 เป้าหมาย และเป้าหมายจับ 209 หมายจับ ผลการปิดล้อมสามารถจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับ 142 คดี 143 คน จับกุมคดียาเสพติดรวม 421 คดี ผู้ต้องหา 465 คน ตรวจยึดยาเสพติดคือยาบ้า 11,833,925 เม็ด, ไอซ์ 936 กก. ,คีตามีน 0.591 กก, เฮโรอีน 22 กก., ยาอี 2 เม็ด และ อิริมินไฟท์ 80 เม็ด ตรวจยึดอายัดทรัพย์สิน ได้แก่ เงินสด 5,652,429 บาท, อาวุธปืน 47 กระบอก มูลค่า 1,751,501 บาท, เครื่องกระสุนปืน 418 รายการ มูลค่า 15,404 บาท,สิ่งปลูกสร้างพร้อมที่ดิน/ที่ดิน 76 รายการ มูลค่า 157,690,380 บาท, ทองรูปพรรณ 74 รายการ มูลค่า 4,981,358 บาท, รถยนต์ 191 รายการ  มูลค่า 13,898,000 บาท, รถจักรยานยนต์ 199 รายการ มูลค่า 13,902,890 บาท โทรศัพท์ 199 รายการ มูลค่า 2,413,239 บาท สมุดธนาคาร 96 รายการ และ อื่นๆ อาทิ เงินสดในบัญชีธนาคาร, เรือประมง, เรือหางโหง, คอมพิวเตอร์, Notebook, พระเครื่อง, นาฬิกา และ วิทยุสื่อสาร รวมทรัพย์สินที่ตรวจยึดได้ 172 รายการ มูลค่า69,460,752 บาท ตรวจยึดทรัพย์สินทั้งสิ้น 1,520 รายการ รวมมูลค่า 369,765,953 ล้านบาท

ซึ่ง พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร. กล่าวว่า จากผลการปฏิบัติในห้วง 20 วัน ของการปิดล้อมตรวจค้นเครือข่ายยาเสพติดรายสำคัญ 300 เครือข่าย จะเห็นว่าตำรวจทั่วประเทศได้รุกอย่างหนักเป็นรูปธรรม ทำจริง จับจริง และยึดจริง จนทำให้เครือข่ายยาเสพติดรายสำคัญที่กระจายอยู่หลายพื้นที่สั่นสะเทือน โดยในขณะนี้ สำนักตำรวจแห่งชาติ มีนโยบายเน้นการปราบปรามผู้ค้ารายย่อยซึ่งมีผลกระทบโดยตรงกับประชาชนในชุมชนอย่างจริงจังและต่อเนื่อง จะเห็นได้ว่าผลการดำเนินการด้านการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ในห้วง 7 เดือน ที่ผ่านมา (ต.ค. 66 – เม.ย.67) สามารถจับกุมผู้ค้ายาเสพติดได้ถึง 61,196 ราย เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว จำนวน 15,976 ราย หรือเพิ่มขึ้น 35.33 % ขณะเดียวกันได้เน้นการสกัดกั้นการลำเลียงยาเสพติด ทำให้สามารถสกัดกั้นจับกุมยาบ้าปริมาณ 100,000 – 500,000 เม็ด จับกุมได้ 149 คดี เพิ่มขึ้น 21 คดี คิดเป็น 16.41 %, ยาบ้าตั้งแต่ 500,000 เม็ด จับกุมได้ 137 คดี เพิ่มขึ้น 52 คดี คิดเป็น 61.18 % ทั้งนี้ สามารถตรวจยึดยาบ้ารวม 522,555,662 เม็ด เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 166 ล้านเม็ด คิดเป็น 47.56 %, ยาอี 115,665 เม็ด เพิ่มขึ้น 15,514 เม็ด คิดเป็น 15.49 %, ยึดไอซ์ 8,407 กก. เพิ่มขึ้น 390 กก. คิดเป็น 4.84 %, ยึดคีตามีน 3,807 กก. เพิ่มขึ้น 879 กก. คิดเป็น 30.02 %, ยึดเฮโรอีน 649.27 กก. เพิ่มขึ้น 223 กก. คิดเป็น 52.33 % และ ยึดโคเคน 20 กก. เพิ่มขึ้น 10 กก. คิดเป็น 95.32 % รวมทั้งเน้นการยึดทรัพย์สินซึ่งสามารถตรวจยึดทรัพย์สิน รวมมูลค่า 4,862,700,7475 บาท


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top