Tuesday, 14 May 2024
เก็บเงิน

ขอชมเชย!! ‘คุณยายวัย 70’ เก็บเงินได้ 3 หมื่นบาท  รีบแจ้งเจ้าหน้าที่ ตามหาเจ้าของ ชี้ ติดต่อรับได้ที่ สภ.เมืองอุดรฯ

(30 เม.ย.66) ร.ต.อ วิฆเนศ ซื่อตรง รอง สวป.สภ.เมืองอุดรธานี รับแจ้งมีคุณยายเก็บกระเป๋าตังค์ได้แถวตลาดบ้านห้วย เขตเทศบาลนครอุดรธานี หลังรับแจ้งจึงเดินทางไปพร้อมด้วยสายตรวจรถจักรยานยนต์ บริเวณถนนอุดรดุษฏีฝั่งตรงข้ามตลาดบ้านห้วย พบนางประคอง บุญยืน อายุ 70  ปี อยู่บ้านเลขที่ 173/2 ถนนอุดรดุษฏี ต.หมากแข้ง อ.เมือง จ.อุดรธานี ยืนรอมอบกระเป๋าตังค์ที่เก็บได้มายื่นต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจ พบเป็นกระเป๋าสตางค์สีน้ำตาล ความยาวประมาณ 15 ซม. และเมื่อเจ้าหน้าที่ฯ เปิดกระเป๋าสตางค์ดูถึงกับตะลึงพบเงินเป็นจำนวนมาก และเมื่อนับดูพบว่าเป็นธนบัตรใบละ 1,000,500,100,20 บาท และ มีธนบัตรบัตรของสปป.ลาวอีก 1 ใบ รวมเป็นเงินสดประมาณ 32,980 บาท จึงได้นำมาเก็บไว้ที่ สภ.เมืองอุดรธานี และจะตรวจสอบกล้องวงจรปิดของเทศบาลนครอุดรธานี เพื่อหาเจ้าของต่อไป หรือใครเป็นเจ้าของกระเป๋าสตางค์ที่ทำหล่นไว้ติดต่อได้ที่ สภ.เมืองอุดร ได้ตลอดเวลา

ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ ตรวจสอบกล้องวงจรปิดพบว่า เป็นรถเก๋งโตโยต้าวีออสสีดำ อุดรธานี มาจอดตรงข้ามตลาด จากนั้นก็มีคุณยายอายุประมาณ 60 ปี เดินลงจากรถฝั่งตรงข้ามคนขับ และสังเกตเห็นกระเป๋าสตางค์หล่น แต่คุณยายที่ลงรถไม่ได้สังเกต จากนั้นก็เดินเข้าตลาด สักพักก็เดินออกมา แล้วเดินรถขึ้นแล้วมีคนขับออกไป โดยไม่ได้ทันสังเกตว่ากระเป๋าสตางค์ตัวเองหล่น

‘หนุ่มญี่ปุ่น’ ใช้ชีวิตแบบประหยัดสุดๆ มาตลอด 20 ปีเต็ม กินแต่อาหารเรียบง่าย จนมีเงินเก็บเกือบ 23 ล้านบาท!!

เมื่อวันที่ 4 ก.ค. 66 กลายเป็นข่าวร้อนฮือฮาทั้งประเทศญี่ปุ่น เมื่อชายวัย 45 ปี กินแบบประหยัดสุดๆ เป็นเวลา 20 ปี จนเก็บเงินได้เกือบ 95 ล้านเยน (23 ล้านบาท)

หลังจากจบมหาวิทยาลัยเป็นช่วงที่เศรษฐกิจไม่ดี การจ้างงานต่ำ เขาได้ทำงานในบริษัทสีเทาแห่งหนึ่ง เก็บหอมรอมริบตลอดระยะเวลากว่า 20 ปี โดยตั้งเป้าหมายจะเกษียณอายุก่อนกำหนด

เขาตั้งเป้าเก็บให้ครบ 100 ล้านเยนภายในสิ้นปีงบประมาณนี้ (มี.ค.ปีหน้า) คำถามคือ เขาทำได้อย่างไร?

เขาบอกว่า “อาหารเย็นวันนี้เรียบๆ เหมือนเดิม แต่ไข่ก็จะแพงหน่อยนะ กว่า 20 ปีที่ใช้ชีวิตแบบนี้ แต่ก็สบายดีนะ อร่อยดี”

อาหารที่เรียบง่าย บนเสื่อทาทามิ ไม่มีอะไรมากไปกว่าข้าวที่โรยด้วยสาหร่าย ไข่เจียว และบ๊วยดองชามเล็กๆ ไม่มีเนื้อสัตว์หรือเนื้อปลาใดๆ

ร่างกายก็แข็งแรงดี ตรวจสุขภาพเป็นประจำ เขาบอกว่า “อาจเป็นเพราะอาหารธรรมดาๆ นี่แหละ แทนที่จะกินอาหารหรูหรา ผมอาจมีสุขภาพดีขึ้นด้วยอาหารง่ายๆ แบบนี้แหละ”

“สิ่งที่ผมกังวลคือ จะประหยัดเงินได้อย่างไร สิ่งที่กำลังทำอยู่คือ ลดค่าครองชีพ เรียกว่า การใช้ชีวิตแบบ 0 เยน/เดือน”

“ผมอาศัยอยู่ในอพาร์ทเมนต์เก่าๆ ค่าเช่าน้อยกว่า 30,000 เยน/เดือน แถมยังทำโอที และไปบิสเนสทริปบ่อยมาก ห้องก็เก่าๆ กับเสื่อทาทามิ ผนังโทรมๆ กำแพงเต็มไปด้วยรอยร้าว อาจพังทลายได้หากเกิดแผ่นดินไหวแรงๆ”

แม้ว่าจะมีเตาไมโครเวฟ เครื่องซักผ้า และตู้เย็น แต่ก็ยังคงใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าเกรดต่ำสุด หม้อหุงข้าวก็เพิ่งพังเมื่อวันก่อน

เด็กน้อยชั้น ป.2 เก็บเงินวันละ 60 บาท เพื่อมากินชาบู เจ้าของร้านใจดีลดราคาให้ ชาวเน็ตแห่ชม-ชวนกันอุดหนุน

เมื่อวันที่ 6 ก.ค. 66 โลกออนไลน์ในจังหวัดภูเก็ต ได้มีการเผยแพร่คลิปวิดีโอน่ารักๆ โดยในคลิปเป็นเด็กนักเรียน 2 คน มานั่งรับประทานชาบูที่ร้านชาบูแห่งหนึ่งในจังหวัดภูเก็ต ซึ่งผู้โพสต์คือ ‘Thippanat Thongrod’ ผ่านโซเชียล TikTok โดยระบุว่า…

“วันนี้ไปกินชาบูกับแฟน ไปโต๊ะแรก สักพักมีน้อง 2 คนเดินเข้ามา น้องบอกว่ามากินชาบู พี่ๆ ในร้านเห็นน้อง 2 คนตัวเล็กมาก เลยถามมีเงินคนละเท่าไร น้องบอกมีคนละ 400 บาท พี่ๆ น่าจะโทรหาเจ้าของร้าน ที่น่ารักคือ เจ้าของร้านคิดน้องแค่คนละ 200 บาท จากคนละ 289 บาท ถ้าฟังไม่ผิด แถมยังรีฟิลน้ำอัดลมอีก ซึ่งปกติราคา 289 บาท ได้แค่น้ำชามะลิ น้ำหวานแถม พี่ๆ ในร้านคือ บริการน้องดีมาก ใส่ใจดูแล คอยถามตลอด พี่ๆ ถามว่า น้องๆ เรียนอยู่ชั้นไหนแล้ว น้องบอก ป.2 เก็บเงินวันละ 60 บาท ไว้มากินชาบู #ความน่ารักของเด็กๆ #ความน่ารักของพี่ๆ #shabushabubyphuketboi น้องในคลิปและพี่ๆ พนักงานนะคะ”

จากนั้นได้มีการแชร์คลิปดังกล่าวกันไปเป็นจำนวนมาก พร้อมกับแสดงความคิดเห็น เช่น

“ร้านชาบูนี้อยู่ที่ไหน จะไปกิน”
“เจ้าของใจดีมาก”
“ร้านนี้ดีค่ะ แถมพนักงานน่ารักมากกกกก บริการดียิ้มแย้มแจ่มใส”
“ร้านนี้เถ้าแก่ใจดีอยู่แล้วครับ เพราะว่าผมไปกินบ่อย”
“เด็กๆ รู้จักอดออม เจ้าของร้านก็มีน้ำใจ น่าชื่นชมทั้งคู่เลยค่ะ”

จากนั้นผู้สื่อข่าวได้ไปยังร้านชาบูดังกล่าว ชื่อร้าน ‘ชาบูชาบู’ ตั้งอยู่ตรงข้ามคริสต์จักร ถนนเจ้าฟ้าตะวันออก ต.ตลาดเหนือ อ.เมือง จ.ภูเก็ต ซึ่งเป็นบุฟเฟ่ชาบู โดยเจ้าของร้านชื่อ ‘คุณนิ่ม’ เล่าให้ทีมข่าวฟังว่า ตอนนั้นกำลังไปซื้อของเข้าร้านเพิ่มเติม จากนั้น น้องๆ ที่ร้านได้โทรมาแจ้งว่า มีน้องๆนักเรียนมาทานชาบู แต่มีเงินคนละ 200 บาท โดยทั้งสองคนเก็บเงินกันวันละ 60 บาท เพื่อมาทาน ตนเองจึงลดราคาให้จาก 289 เหลือคนละ 200 บาท แถมน้ำฟรีตลอด จนกระทั่งมาเห็นคลิปที่มีลูกค้าถ่ายไว้ รู้สึกปลื้มใจที่น้องๆ อุตส่าห์เก็บออมเงินกันมาทานชาบู

‘อาร์ต พศุตม์’ ดีใจ!! มีเงินเก็บ 10 ล้านบาทตามเป้า หลังผันตัวเป็นพ่อค้าหมูกรอบ บวกกับรับงานในวงการ

(9 ธ.ค.66) ต้องยอมรับเลยว่าเป็นอีกหนึ่งนักแสดงหนุ่มที่ขยันทำมาหากินสุดๆ สำหรับ ‘อาร์ต พศุตม์’ ถ้าใครที่เป็นแฟนคลับก็จะเห็นว่าไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตนั้น ไม่ธรรมดานอกเหนือจากงานในวงการแล้วก็ยังเป็นพ่อค้าขายหมูกรอบอีกด้วยแถมในตอนนี้ก็ยังมีลูกค้าอุดหนุนมากมาย

ล่าสุด อาร์ต พศุตม์ ได้มีโอกาสออกมาเปิดใจ บอกว่า ตั้งใจจะเก็บเงินก่อนถึงสิ้นปี 10 ล้านบาท แต่ตอนนี้ก็สามารถทำได้แล้ว ซึ่งก็ไม่ได้มาจากการขายหมูกรอบเพียงอย่างเดียว เพราะยังรวมมาจากงานในวงการ งานอีเวนต์และงานโฆษณาต่างๆ อีกด้วย

และนอกจากนี้ยังบอกอีกว่า กว่าจะมาถึงจุดนี้ไม่ง่ายเพราะอยู่ในวงการ สะสมชื่อเสียงมา 17 ปีแล้ว ซึ่งตอนนี้หนี้สินก็เหลืออยู่ประมาณ 1 ล้านบาท แต่ก็อยากให้เป็นอยู่แบบนี้ เพราะถือว่าเป็นแรงผลักดันในการทำงานนั่นเอง

‘เพจท่องเที่ยวดัง’ เผย ‘คนสูงวัยชาวสวิส’ ไม่นิยมมีบ้าน แต่นิยมเก็บเงิน เพราะการวางแผนชีวิตหลังเกษียณที่ดี ช่วยให้ยามแก่อยู่ได้อย่างสุขสบาย

ในปัจจุบัน ประเทศไทยของเราได้ก้าวเข้าสู่ ‘สังคมผู้สูงอายุ’ (Aging Society) อย่างเต็มรูปแบบ โดยในปี 2566 ข้อมูลจากกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย พบว่า ไทยมีประชากรผู้สูงอายุ อายุ 60 ปีขึ้นไป คิดเป็น 1 ใน 5 ของจำนวนประชากรทั้งประเทศ หรือประมาณ 13 ล้านคน ของประชากรไทยทั้งประเทศ 66,057,967 คน

ดังนั้น การเตรียมตัวเพื่อเข้าสู่วัยสูงอายุ จึงถือเป็นอีก 1 สิ่งสำคัญที่เราสามารถเริ่มได้เนิ่นๆ การวางแผนชีวิต วางแผนการเงิน วางแผนครอบครัว ปรับแนวคิดการอยู่ร่วมกันอย่างเป็นสุข รวมถึงวางแผนการดูแลสุขภาพ หลังเกษียณจากการทํางาน

วันนี้ทางเพจจึงอยากขอยกตัวอย่างการวางแผนชีวิตยามเกษียณ จากคลิปวิดีโอที่ทางเพจ ‘แขพาเที่ยวสวิตเซอร์แลนด์ Khaekhaitravel Switzerland’ ได้ทำการโพสต์เมื่อช่วงปีก่อน ว่าด้วยเรื่องของ ‘คนแก่ที่สวิตเซอร์แลนด์ไม่มีบ้าน เขาอยู่กันยังไง รายได้มาจากไหน?’ โดยเนื้อหาในคลิปดังกว่าระบุว่า…

“ถ้าคนสวิตเซอร์แลนด์ส่วนมาก ไม่มีบ้าน ต้องเช่าอพาร์ตเมนต์ แล้วพอแก่ตัวมา ถ้าเขาไม่มีเงิน เขาจะทํายังไง? เอารายได้มาจากไหน? เพราะค่าครองชีพที่สวิตเซอร์แลนด์สูงมาก…

นี่เป็นคําถามที่คนสงสัยกันเยอะมาก ด้วยความที่ประเทศไทยบ้านเรา ต่อให้ไม่มีเงิน แต่ส่วนมากเราก็จะมีบ้านให้กลับไปอยู่ ตามจังหวัดก็ยังพออยู่ได้ แต่ที่สวิตเซอร์แลนด์ค่อนข้างแตกต่าง เพราะถึงแม้คนสูงวัยที่สวิตเซอร์แลนด์จะไม่มีบ้าน แต่เขามีเงิน เพราะคนสวิสจะได้เงินเกษียณจากการทํางานที่โดนหักจากรายได้ ซึ่งพอเกษียณเขาก็จะได้รับเงินประมาณเดือนละ 2,000 ฟรังก์สวิสขึ้นไป หากตีเป็นเงินไทยก็ประมาณ 75,000 บาท”

โดยคุณแข เจ้าของเพจได้อธิบายเพิ่มเติมว่า “หากใครอยู่ที่สวิตเซอร์แลนด์แล้วมีรายได้แค่ 2,000 ฟรังก์สวิส อาจจะอยู่ลําบาก แต่ก็ได้ยินว่า ถ้าใครไม่มีบ้าน ไม่มีเงิน รัฐบาลสวิสก็จะช่วยเหลือ เดือนละ 800 ฟรังก์สวิส หรือประมาณ 30,000 บาท ซึ่งถ้ามีเงินเพียงเท่านี้แล้วใช้ชีวิตอยู่ในสวิตเซอร์แลนด์ ก็จะต้องประหยัดมาก เพราะต่อให้แก่ตัวไปแล้วแต่รายจ่ายก็ยังมีเหมือนเดิม ซึ่งคนส่วนหนึ่งที่ไม่มีเงินก็จะเลือกย้ายไปอยู่ประเทศที่ค่าครองชีพถูกกว่า อย่างที่ไทยของเรานั้นก็ถือเป็นประเทศที่ถูกจัดอันดับให้เป็นประเทศที่น่าอยู่หลังเกษียณ ซึ่งคนสวิสก็ย้ายมาอยู่ที่ไทยเยอะเช่นกัน บางคนก็หาแฟนเป็นคนไทยไปเลย เพราะจะได้มีคนคอยดูแล

ส่วนย่านที่คนสวิสชอบย้ายมาอยู่ก็จะมีแถวหัวหิน แถวทะเล เพราะคนสวิสชอบอยู่กับธรรมชาติ และเงินเกษียณ 75,00 บาทต่อเดือนนั้นก็อยู่ที่บ้านเราได้สบายมาก นี่จึงถือเป็นข้อดีของการไม่มีบ้าน ไม่มีภาระของที่สวิตเซอร์แลนด์ พอเกษียณปุ๊บก็มาใช้ชีวิตใช้เงินในประเทศที่ค่าครองชีพถูกกว่า

แต่ต้องบอกว่าส่วนมากคนสวิสจะไม่ได้มีเงินกันเพียงแค่นี้ เพราะตอนที่ทํางาน เงินเกษียณของคนสวิสจะถูกหักไว้เป็น 2 ส่วน ส่วนแรกหักให้กับรัฐบาลเพื่อเป็นกองทุนยามเกษียณ รัฐบาลเป็นคนดูแลและเอาเงินไปลงทุน ไปบริหารในจุดที่ไม่เสี่ยงมาก และเงินส่วนที่ 2 คือ เงินที่นายจ้างจะจ่ายสมทบให้ ใครเงินเดือนเยอะก็ถูกหักเยอะ แก่ตัวมาก็ได้เงินคืนเยอะตามไปด้วย อารมณ์ก็คล้ายๆ กับ ‘กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ’ (Provident Fund) ของบ้านเรา แต่ได้เยอะกว่านั่นเอง”

ข้อดีของการอยู่ที่สวิตเซอร์แลนด์ คือ เขาได้เงินเดือนเยอะ เขาก็เลยหักเงินเดือนได้เยอะ ทําให้มีเงินเก็บตอนเกษียณเยอะตามไปด้วย แต่บางคนก็อาจไม่ได้มองว่าเป็นข้อดี เพราะหักเยอะแต่กว่าจะได้ใช้ก็ตอนแก่

จริงๆ คนสวิสบางส่วนจะมีเก็บเงินยามเกษียณอีกกองนึง ซึ่งส่วนนี้ทางรัฐฯ ไม่ได้บังคับ ใครจะเก็บก็เก็บ ซึ่งถ้าใครเลือกเก็บเงินในส่วนนี้ ก็จะสามารถใช้ลดหย่อนภาษีได้อีกด้วย คล้ายกับการทําประกัน Retirement Mutual Fund หรือ ‘RMF’ ที่เบิกได้ตอนเกษียณ

“ด้วยโครงสร้างรายได้และรายจ่ายต่างๆ จึงกลายเป็นสาเหตุที่คนสวิตเซอร์แลนด์ส่วนมากต้องรู้จักวางแผนทางการเงิน เพราะถ้าไม่ทํางานก็อยู่ไม่ได้ เพราะที่สวิตเซอร์แลนด์นั้นไม่มีสวัสดิการฟรีเหมือนประเทศอื่นๆ ค่าประกันสุขภาพก็ต้องจ่ายตั้งแต่เกิดยันเสียชีวิต เพราะฉะนั้น คนที่นี่ต้องทํางานจ่ายภาษี ไม่เช่นนั้นตอนแก่จะลําบากมาก ต้องย้ายไปใช้ชีวิตอยู่ที่ประเทศอื่น แต่ส่วนมากคนสูงวัยที่สวิตเซอร์แลนด์มีเงินกัน ตามร้านอาหาร ตามสถานที่ท่องเที่ยวก็มีกลุ่มคนสูงวัยนี่แหละ ที่เป็นกลุ่มคนส่วนใหญ่ที่มาใช้บริการ เพราะเขามีทั้งเงินและเวลา แถมสุขภาพก็ยังแข็งแรงกันด้วย เพราะฉะนั้น ไม่ต้องกังวลเรื่องคนสวิสไม่มีบ้านอยู่กัน เพราะเขามีทางเลือกชีวิตเยอะมาก

เรามาห่วงตัวเราเองดีกว่า ว่าจะอยู่อย่างไร ถ้าไม่วางแผนเกษียณแบบคนสวิส เพราะปัจจุบันเงินเฟ้อขนาดนี้ อีก 30 ปี ไม่อยากจะคิดว่าเราต้องใช้เงินเยอะแค่ไหนในตอนเกษียณ ดังนั้น แม้บ้านเราจะไม่มีโครงสร้างการเกษียณจากรัฐบาลแบบคนสวิส แต่เราสามารถเลือกเก็บเงินแบบที่คนสวิสทำได้ รัฐบาลไม่บังคับ แต่เราบังคับตัวเองได้”

‘พิธีกรดัง’ ยกเคส ขรก.สาว ใช้ชีวิตด้วยเงินเดือน 15,000 บ. มีเงินเก็บ-ให้แม่ 5,000/ด. เพราะ ‘วางแผนดี-ไม่มีหนี้สิน’

(7 ก.พ. 67) จากเฟซบุ๊ก 'KUL' โดย กุลวิชญ์ สำแดงเดช ผู้ดำเนินรายการ Ringside การเมือง ได้โพสต์ข้อความ ระบุว่า…

จึ้ง! ‘นักวิชาการศึกษา’ เงินเดือน 15,000 บาท อยู่ได้ แถมแบ่งให้พ่อแม่ 

ผู้ใช้ TikTok ‘@apple_apple1995’ คนนี้ เมื่อเธอออกมาโพสต์คลิป ‘คนยโสธรมาบรรจุสระบุรี #นักวิชาการศึกษา’ รีวิวชีวิตตัวเองในวัย 27 ปี

หลังจากที่เธอสามารถสอบบรรจุ ตำแหน่งนักวิชาการศึกษาได้สำเร็จ พร้อมเงินเดือน 15,060 บาท จนกลายเป็นเรื่องราวที่ได้รับความสนใจอย่างมากในโลกออนไลน์

โดยเขียนเล่าชีวิตไว้ว่า เธอเป็นคน จ.ยโสธร แต่สถานที่ทำงาน คือ จ.สระบุรี ทำให้ต้องย้ายงานไกลบ้านถึง 477 กิโลเมตร

ส่วนในเรื่องรายจ่าย ก็ให้เงินแม่สำหรับดูแลตัวเอง เดือนละ 5,000 บาท เมื่อหักลบแล้ว เธอเหลือเงินเพียง 10,000 บาทเท่านั้น

ทั้งนี้ยังมีค่าใช้จ่าย ค่าเช่าห้องของตัวเอง 2,500 บาทต่อเดือน ไม่รวมค่าน้ำ ค่าไฟ และค่าเดินทาง ซึ่งเธอชี้แจงไว้ว่า เธอได้ขี่มอเตอร์ไซค์ไปทำงาน มีเพียงค่าน้ำมันเดือนละ 100 บาท

สิ่งที่ทำให้เงินเดือนยังเหลือใช้ นั่นคือการไม่มีหนี้ ทำให้นักวิชาการศึกษารายนี้ มีเงินเหลือเฉลี่ยต่อเดือนน่าจะราว ๆ 7,000 บาท โดยเงินที่เหลือ ยังไม่หักลบค่ากินค่าใช้อื่น ๆ ที่จะเป็นเงินเก็บ

อย่างไรก็ดี อาชีพข้าราชการ นับว่าเป็นอีกหนึ่งอาชีพที่หลายคนใฝ่ฝัน และอยากที่จะรู้ว่า การทำงานในเส้นทางอาชีพนี้ จะสามารถสร้างรายได้ให้ตัวเองได้หรือไม่ และได้มากน้อยแค่ไหนในแต่ละเดือน

เมื่อเผยแพร่คลิปดังกล่าวออกไป งานนี้ก็กลายเป็นไวรัลทันที มีผู้ชมกว่า 1 ล้านครั้ง และมีผู้แสดงความคิดเห็นจำนวนมาก หลายคนชื่นชม และยอมรับกับเธอว่าเมื่อถึงสิ้นเดือนทีไร คิดไม่ตกว่าจะใช้ชีวิตอย่างไร เพราะต้นเดือนมีเงินกินอยู่สบาย พอมาสิ้นเดือนกลับดิ้นรนชีวิตทุกครั้ง ทำให้รายรับกับรายจ่ายไม่สมดุลกัน


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top