Sunday, 19 May 2024
อุปกิตปาจรียางกูร

‘ส.ว.อุปกิต’ ฟ้อง!! ‘โรม’ ปมอภิปรายหมิ่น เรียกร้องค่าเสียหาย 100 ล้านบาท

(17 ก.พ. 66) ที่ศาลอาญา รัชดา นายเรืองศักดิ์ สุขเสียงศรี ทนายความ ซึ่งได้รับมอบหมายจาก นายอุปกิต ปาจรียางกูร สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ยื่นฟ้อง นายรังสิมันต์ โรม สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ข้อหาหมิ่นประมาทเนื่องจากในการอภิปรายทั่วไปเพื่อซักถามข้อเท็จจริง หรือเสนอแนะปัญหาต่อคณะรัฐมนตรี ในช่วงดึกของวันที่ 15 กุมภาพันธ์ นายรังสิมันต์ ได้อภิปรายในหัวข้อ ‘เช็กบิลไทยดำ-จีนเทา’ โดยมีเนื้อหาเข้าข่ายหมิ่นประมาทนายอุปกิต

'โรม' จ่อ ยื่น 'ป.ป.ช.' ฟัน 'อุปกิต' ปมแสดงทรัพย์สินเท็จ เหน็บ 'ส.ว.' ปากบอกเป็นคนดี แต่สุดท้ายช่วยพวกเดียวกัน

(22 ก.พ. 66) ที่รัฐสภา นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคก้าวไกล (ก.ก.) ให้สัมภาษณ์ กรณีการยื่นคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เอาผิดนายอุปกิต ปาจรียางกูร ส.ว. ว่า ตนตั้งเป้าว่าภายในวันที่ 28 ก.พ.นี้ ตนจะเอานายอุปกิตเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมที่ควรจะเป็นให้ได้ ซึ่งเป็นบันไดขั้นสำคัญที่เราจะต้องทำให้กระบวนการยุติธรรมและประชาธิปไตยเรากลับคืนมา

แม้ปากของรัฐบาลบอกว่าจะจัดการเรื่องทุนสีเทา แต่ถึงเวลาก็ไม่ทำอะไร ไม่แม้แต่จะเสแสร้งว่าจะทำ หากตนเป็นนายกฯ ก็คงจะบอกว่าจะจัดการให้ จะตั้งตำรวจให้มีการสอบสวน แต่รัฐบาลไม่แม้แต่จะพูดประโยคนี้ แสดงให้เห็นว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พร้อมที่จะปล่อยเรื่องนี้ให้สังคมลืมไป ซึ่งเมื่อมีตำรวจน้ำดีทำเรื่องนี้ ก็ถูกสั่งย้าย ฉะนั้น เราจะปล่อยให้คนดีอยู่อย่างลำบากไม่ได้ ขณะเดียวกัน คนที่อาจจะเกี่ยวข้องกับการค้ายาไม่ต้องรับผิดชอบอะไรเลย และไล่ฟ้องปิดปากคนอื่นไปทั่ว ซึ่งเป็นสิ่งที่ตนรับไม่ได้ที่สุด

‘โรม’ ยื่นหนังสือ แจ้ง ป.ป.ช. สอบ ‘ส.ว.อุปกิต’ ปมแสดงบัญชีทรัพย์สินเท็จ - ฝักใฝ่พรรคการเมือง

(23 ก.พ. 66) รังสิมันต์ โรม โฆษกพรรคก้าวไกล ยื่นเอกสารหลักฐานต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพื่อขอให้ตรวจสอบ อุปกิต ปาจรียางกูร ส.ว. ยื่นบัญชีทรัพย์สินเป็นเท็จหรือไม่ กรณีการขายอัลลัวร์รีสอร์ท สืบเนื่องจากการอภิปรายทั่วไปตามรัฐธรรมนูญมาตรา 152 และขอให้สอบพฤติการณ์ที่อาจฝ่าฝืนต่อมาตรฐานทางจริยธรรมของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญและผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ รวมถึงตรวจสอบว่า อุปกิต ที่ดำรงตำแหน่ง ส.ว. อันเป็นเจ้าพนักงานของรัฐ กระทำผิดตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต 2561 มาตรา 28 (1) หรือไม่  

รังสิมันต์ กล่าวว่า จากการตรวจสอบข้อมูลหลักฐาน พบว่าอุปกิตเป็นเจ้าของที่ดิน 1 งาน 47.7 ตารางวา  ซึ่งเป็นของบริษัท ยูไนเต็ด เพาเวอร์ออฟ เอเชีย จำกัด (มหาชน) ตั้งแต่วันที่ 4 สิงหาคม 2564 และยังพบว่า บริษัทยูไนเต็ดฯ ได้รับโอนโฉนดดังกล่าวมาจาก ภาวิณี พินัยนิติศาสตร์ ซึ่งต่อมาใช้เป็นที่ทำการของพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) โดยตามเอกสารหลักฐาน แสดงให้เห็นว่า ในขณะที่ก่อสร้างอาคารตั้งแต่วันที่ 26 มกราคม 2564 โครงการก่อสร้างดังกล่าวเป็นของบริษัทยูไนเต็ดฯ และต่อมามีการโอนที่ดินดังกล่าวให้อุปกิต จากนั้นเมื่ออาคารสร้างเสร็จ ก็เป็นที่ตั้งของพรรครวมไทยสร้างชาติตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2565 ดังนั้น อุปกิตจึงมีพฤติการณ์ที่ควรสงสัยหรือไม่ว่า ได้รับรู้อย่างต่อเนื่องถึงการสร้างอาคารสำนักงานนั้น ว่าเป็นการสร้างเพื่อเตรียมให้เป็นที่ตั้งสำนักงานใหญ่ของพรรคการเมือง เพราะจนถึงวันนี้ยังไม่พบเอกสารการเช่าอาคารดังกล่าว 

รวมถึงขอให้ ป.ป.ช. พิจารณาว่าอุปกิตดำรงตำแหน่งเป็น ส.ว. ซึ่งมีหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญที่ต้องไม่ฝักใฝ่หรือยอมตนอยู่ใต้อาณัติของพรรคการเมืองใด ประกอบกับมีมาตรฐานทางจริยธรรมของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญและผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ ที่ต้องไม่กระทำการใดให้เกิดความเสื่อมเสียต่อเกียรติศักดิ์ของการดำรงตำแหน่ง แต่อุปกิตกลับมีพฤติการณ์เป็นการจัดเตรียมให้ได้มาซึ่งที่ดินทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดเพื่อเตรียมไว้ให้พรรคการเมืองใช้ประโยชน์โดยไม่มีเหตุอันชอบด้วยกฎหมาย กรณีนี้ย่อมเข้าข่ายการแสดงออกถึงความฝักใฝ่พรรคการเมืองซึ่งเป็นพฤติการณ์ที่ไม่สอดคล้องกับการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขตามรัฐธรรมนูญ เป็นลักษณะต้องห้ามของคุณสมบัติสมาชิกวุฒิสภาในมาตรา 111 (7) อันเป็นการกระทำฝ่าฝืนมาตรา 113 หรือกระทำการอันต้องห้ามตามมาตรา 184 หรือ 185 ย่อมเป็นเหตุให้ความเป็น ส.ว. สิ้นสุดลง จึงเป็นเรื่องร้ายแรงที่แสดงให้เห็นว่ากระทบต่อมาตรฐานทางจริยธรรมของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง

ตามแต่สมัครใจ ทีมทนาย 'ส.ว.อุปกิต' จ่อตัด 'บิ๊กปั๊ด' พ้นบัญชีพยาน คดีฟ้อง 'อัจฉริยะ'

(13 มี.ค.66) นายเรืองศักดิ์ สุขเสียงศรี ทนายความ ซึ่งได้รับมอบหมายจาก นายอุปกิต ปาจรียางกูร สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) เปิดเผยความคืบหน้ากรณียื่นฟ้อง นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ข้อหาหมิ่นประมาท และเรียกค่าเสียหายจำนวน 50 ล้านบาท ต่อศาลอาญาเมื่อวันที่ 31 มกราคม 2566 ว่า คดีนี้ศาลนัดไต่สวนมูลฟ้องวันที่ 10 เมษายน 2566 เวลา 09.00 น. ซึ่งทีมทนายความได้มีการซักซ้อมพยานและแสวงหาหลักฐานเพิ่มเติม พบว่า รูปคดีฝ่ายโจทก์มีข้อมูลเพียงพอที่จะสามารถเอาผิดจำเลยได้ โดยสามารถตัดพยานบางปากออกไปได้เพื่อความรวดเร็วในการพิจารณาคดีของศาล

นายเรืองศักดิ์ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ในการไลฟ์สดของนายอัจฉริยะ บางครั้งมีการนำภาพของ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข (บิ๊กปั๊ด) อดีต ผบ.ตร มาประกอบการอ้างอิงต่าง ๆ นานาด้วย จึงเป็นประเด็นที่ทีมกฎหมายต้องนำสืบข้อเท็จจริงต่าง ๆ หักล้าง โดยเห็นสมควรต้องนำพยานที่ถูกพาดพิง ขึ้นเบิกความต่อศาลด้วยตัวเอง เพื่อประกอบการบรรยายพฤติการณ์การกระทำผิดต่างๆ ของนายอัจฉริยะ ตามคำฟ้อง และคิดว่า เป็นประโยชน์ต่อตัวของ พล.ต.อ.สุวัฒน์ ที่ถูกกล่าวพาดพิงด้วย 

'สว.อุปกิต' สาบานไม่เกี่ยวธุรกิจสีเทา ซัดมีทฤษฎีสมคบคิด-การเมืองอยู่เบื้องหลัง?

(17 มี.ค.66) ที่รัฐสภา นายอุปกิต ปาจรียางกูร สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) แถลงกรณีที่นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล (ก.ก.) อภิปรายกล่าวหาว่ามีส่วนเกี่ยวข้องและพัวพันกับนายทุน มิน ลัต ขบวนการค้ายาเสพติด และให้พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) เช่าอาคารเป็นที่ทำงานพรรค แถวอารีย์ซอย 5 ว่า ตนขออภัยที่แถลงข่าวช้าไปนิดหนึ่ง เพราะเกรงว่าจะเสียรูปคดี แต่เมื่อสื่อบางสื่อกับนายรังสิมันต์ ได้อภิปรายในสภาฯ ทำให้ประชาชนทั่วไปเข้าใจผิด สื่อดังกล่าวและนายรังสิมันต์ได้ตัดสินตนไปแล้วว่าตนผิด ตอนแรกตนคิดว่าเรื่องนี้เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมแล้ว ซึ่งตนมีความเชื่อมั่นและจะไม่ละเมิดหรือก้าวล่วง ดังนั้นจะไม่กล่าวถึงมากนักเนื่องจากฝ่ายศาล อัยการและตำรวจได้ออกมาชี้แจงไปแล้ว

"อย่างไรก็ดีผมขอพูดเล็กน้อยเกี่ยวกับคดีลูกเขยของตน โดยตามหมายจับลงวันที่ 9 กันยายน 2565 และบันทึกจับกุมลงวันที่ 19 กันยายน 2565 ระบุว่าลูกเขยของผมมีพฤติกรรมหลบหนีมาอยู่บ้านพักซอยสุขุมวิท 69 ซึ่งเป็นบ้านของผมและมีชื่อตนเป็นเจ้าของ ลูกเขยของผมได้พักอาศัยอยู่ที่บ้านนั้นมานานแล้ว ในขณะจับกุมตัวก็ได้เดินเล่นกับลูกเล็กอยู่ ซึ่งคือหลานของผมเอง หากผมเป็นคนที่มีอิทธิพลอย่างที่ว่า คงจะช่วยตั้งแต่วันนั้นแล้ว ไม่ต้องให้ลูกเขยผมอยู่ในเรือนจำถึงวันนี้เป็นเวลา 7 เดือนแล้ว หลานของผมร้องให้ทุกวัน และลูกสาวของผมก็โทรมาหาทุกวัน ซึ่งผมช่วยอะไรไม่ได้" โดยนายอุปกิต กล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ และเช็ดน้ำตาไปพร้อมกัน จนต้องหยุดพูดในบางช่วง

นายอุปกิต กล่าวว่า ส่วนเรื่องหมายจับจากคำฟ้องซึ่งไม่ใช่เหตุผลเดียวกัน และคดีที่พูดถึงคือนายทุนมินลัตและพวก ที่ถูกสั่งฟ้องไปแล้วในกลุ่มแรก เนื่องจากทั้งหมดเป็นผู้ถือหุ้นและกรรมการบริษัท Myanmar Allure Group ส่วนตนไม่ใช่ผู้ถือหุ้นและกรรมการแต่อย่างใด จึงไม่ได้อยู่ในสำนวนแรก ส่วนสำนวนของตนเป็นคดีนอกราชอาณาจักร จึงถือเป็นอีกคดีหนึ่งดังที่กล่าวกันมา ไหนๆ ก็พูดถึงเรื่องตำรวจแล้วก็ขอพูดถึงเรื่องข่าวต่างๆ ว่าตำรวจที่ทำคดีนี้โดนย้ายไปทั้งหมดแล้ว ยืนยันว่าตนไม่มีอำนาจจะสั่งย้ายใคร หรือกดดันให้ย้ายใครได้ เรียนให้ทราบว่า พ.ต.ท.มานะพงษ์ วงศ์พิวัฒน์ ในฐานะสารวัตรที่ทำคดีทุน มิน ลัต และพวกโดนย้ายเนื่องจากเป็นการย้ายไปตามรอบ และไม่มีผลงานใน 3-4 เดือน เพราะมีแค่คดีทุน มิน ลัต การย้ายในครั้งนี้ไม่ได้ย้ายเพื่อลงโทษแต่ย้ายไปในตำแหน่งใกล้เคียงกัน ถ้าตนมีอิทธิพลจริง ก็คงจะย้ายเขาออกไปไกล อีกทั้งตำรวจชุดนี้ ไม่ได้รับคดีไว้ตั้งแต่ก่อนถูกย้ายแล้ว แล้วจะหาว่าตนทำอย่างนั้นทำอย่างนี้ได้

นายอุปกิต กล่าวต่อว่า ส่วนนายรังสิมันต์ ที่อภิปรายถึงตนในสภาฯ ทำให้ตนไม่มีโอกาสชี้แจงและตอบโต้ แต่ต้องขอบคุณที่ทำให้ตนไปดูเอกสารการออกหมายจับ ซึ่งต่อมาได้มีการยกเลิกในวันเดียวกันตามที่เป็นข่าวไปแล้ว ในเหตุผลที่ขอออกหมายจับตนพบว่ามีการตกแต่งคำพูดในแชท เอานู้นมาผสมกับนี้แปลผิดโดยตั้งใจหรือไม่ตั้งใจเพื่อเอามาปั้นเป็นหลักฐานทำให้ตนมีความผิด การที่นายรังสิมันต์กล่าวว่า บุคคลย่อมเสมอภาคกันภายใต้กฎหมาย หากนายรังสิมันต์โดนออกหมายจับก็อยู่ภายใต้กฎระเบียบเดียวกับตน ทั้งนี้ ตนทำธุรกิจซื้อขายไฟฟ้ามา 10 กว่าปี ตั้งแต่ต้น หลังจากที่ก่อสร้างโรงแรม Allure เมียนมา ทางการเมียนมายังไม่มีไฟที่ใช้อย่างสม่ำเสมอ โรงแรมต้องใช้เครื่องปั่นไฟโดยเติมน้ำมันดีเซล เปิดปิดเครื่องทุก 6 ชั่วโมง ทำให้ไม่มีไฟใช้อย่างเสถียร และต้นทุนสูงมาก ทางรัฐบาลเมียนมาจึงให้ตนนำไฟไทยมาใช้ในเบื้องต้น ต่อมาประชาชนที่ท่าขี้เหล็กมีความต้องการใช้ไฟฟ้าเช่นเดียวกัน บริษัทฯ จึงได้เป็นตัวกลางในการขายไฟ และการชำระค่าไฟไม่ก็เคยมีปัญหามาก่อน แต่เริ่มมีปัญหาเมื่อด่านไทยเมียนที่ท่าขี้เหล็กปิดในปี 2563 เนื่องจาก โควิด-19 นายทุน มินลัต ซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบในการโอนเงินได้ฝากเงินผ่านผู้รับบริการโอนเงินฝั่งเมียนมา แต่ในความเป็นจริงไม่ใช่ เพราะเมียนมาไม่มีระบบการเงินการธนาคารที่รองรับการโอนเงินได้ จึงใช้ระแบบแมชชิ่ง

เมื่อนายทุนมินลัต ไปให้เงินในฝั่งเมียนมา ก็จะใช้บัญชีของลูกค้าฝั่งไทย โอนเงินไปตามที่เราต้องการ โดยเป็นการโอนเงินเข้าการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ซึ่งทางตำรวจพบว่าบางบัญชีที่โอนเข้าเกี่ยวข้องกับยาเสพติด ถ้าดูมูลค่าของธุรกิจไฟฟ้า ที่มีมูลค่าปีหนึ่งเป็นร้อยๆ ล้านบาท แต่ถ้าเทียบกับยอดเงินไม่ดีที่เข้ากฟภ. คิดเป็นเปอร์เซนต์แล้วถือว่าน้อยมาก ต่อมานายทุนมินลัต ได้จัดตั้งบริษัท ALLURE GROUP (P&E) CO.,LTD. ในไทย เปิดบัญชีกับธนาคารและให้ผู้รับโอนเงินโอนเข้าบัญชี ซึ่งก็คือเป็นวิธีแมชชิ่งเช่นเดิม คือเอาบัญชีในไทยโอนเข้าบัญชีบริษัทฯ​ เพื่อที่จะรวบรวมเงินชำระค่าไฟฟ้า และลงบัญชีการเงินเพื่อชำระภาษีอย่างถูกต้อง และสามารถใช้อินเตอร์เน็ตแบงค์กิ้งได้จากย่างกุ้ง หรือที่ที่เขาอยู่ โอนเข้าไปที่กฟภ. เพราะด่านชายแดนปิด นายทุนมินลัต ไม่สามารถเข้าออกประเทศไทยได้ แต่ยังไม่ทำเรื่องภาษีก็ถูกจับกุมเสียก่อน ข่าวกลุ่มบริษัท ALLURE ฯ เป็นเรื่องเกี่ยวกับการซื้อขายไฟฟ้าเท่านั้นไม่เกี่ยวกับธุรกิจอื่น แต่ตำรวจนครบาลกล่าวหาว่าบริษัท ALLURE หัวแปรค่ายาเสพติดเป็นกระแสไฟฟ้า แล้วจ่ายค่ายาเสพติดที่เมียนมา การซื้อขายไฟฟ้าจาก กฟภ. ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจ และส่งไปยังคณะกรรมการไฟฟ้า ซึ่งเป็นรัฐวิสากิจเมียนมามีสัญญาซื้อขายไฟอย่างชัดเจน และถูกต้องตามกฎหมาย เป็นการจ่ายเงินค่าไฟฟ้าตามใบแจ้งหนี้ของ กฟภ. และรับเงินค่าไฟฟ้าจากคณะกรรมการไฟฟ้าเมียนมา ก็รับตามใบแจ้งหนี้ตามที่กำหนดไว้ในสัญญา ทุกอย่างจึงถูกต้องตามกฎหมาย ดังนั้นท่านคิดว่ามีความสมเหตุสมผลในการฟอกเงินหรือไม่ ถ้ายืนยันนั้นตนจะอธิบายไม่ได้

‘ส.ว.อุปกิต’ โต้ไม่ได้มอบตัว เพียงชี้แจงข้อเท็จจริง ยันไม่มีการหลบหนี ขอสู้จนได้ความยุติธรรมคืน

‘ส.ว.อุปกิต’ โต้ไม่ได้มอบตัว เพียงแสดงความบริสุทธิ์ใจ ยืนยันไม่หลบหนี 

(28 มี.ค.66) นายอุปกิต ปาจรียางกูร สมาชิกวุฒิสภา กล่าวถึงการเข้าพบพนักงานสอบสวนกรณีถูกกล่าวหาดำเนินคดีและสื่อมวลชนหลายสำนักนำเสนอข่าว เป็นการชิงมอบตัว โดยยืนยันว่า ไม่ใช่การไปมอบตัว เพราะในข้อเท็จจริงเป็นที่รับทราบกันโดยทั่วไปว่า ทั้งนายรังสิมันต์ โรม และนายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ กล่าวหาตนและเข้าไปให้ข้อมูลกับพนักงานสอบสวน รวมถึงพยายามสร้างกระแสเพื่อเร่งรัดกระบวนการยุติธรรม จึงเป็นสิทธิโดยชอบของตนที่จะเดินทางไปชี้แจงข้อเท็จจริง และแสดงความบริสุทธิ์ใจ พร้อมจะให้ความร่วมมือกับกระบวนการยุติธรรม เพื่อปกป้องเกียรติยศ ศักดิ์ศรี ของตนเองและวงศ์ตระกูล

‘สว.อุปกิต’ ฟ้อง ‘รังสิมันต์ – อัจฉริยะ’  ข้อหาหมิ่นประมาท ศาลนัดไต่สวน 11 ก.ย. นี้

วันนี้ (19 มิ.ย. 2566) นายอุปกิต ปาจรียางกูร สมาชิกวุฒิสภา เปิดเผยว่า  เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาได้มอบหมายให้นายเรืองศักดิ์ สุขเสียงศรี และนายอัครวัฒน์ อมรวสุธันย์ ทนายความส่วนตัวยื่นฟ้องนายรังสิมันต์ โรม และนายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ต่อศาลอาญา รัชดาฯ ข้อหาหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา หลังจากพบว่าทั้งสองคนได้มีการกระทำที่เป็นการหมิ่นประมาทโดยการโฆษณาอีกครั้ง แม้จะถูกฟ้องคดีไปก่อนหน้านี้แล้ว ซึ่งการยื่นฟ้องครั้งนี้กรณีของนายรังสิมันต์ ได้เรียกค่าเสียหายอีก 20 ล้านบาท ส่วนนายอัจฉริยะ เรียกค่าเสียหายอีก 10 ล้านบาท  โดยศาลนัดไต่สวนมูลฟ้องคดีของนายอัจฉริยะวันที่ 4 กันยายน 2566 เวลา 9.00 น.ส่วนคดีของนายรังสิมันต์ โรม ศาลนัดไต่สวนมูลฟ้องในวันที่ 11 กันยายน 2566 เวลา 9.00 น.

นายอุปกิต กล่าวว่า ยืนยันการฟ้องทั้ง 2 คดีดังกล่าว เป็นการใช้สิทธิตามกฏหมายเพื่อปกป้องชื่อเสียง ไม่ได้เป็นการฟ้องเพื่อปิดปาก

ทั้งนี้ก่อนหน้าเมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2566 นายอุปกิต ได้ฟ้องร้องนายรังสิตมันต์ โรม คดีหมิ่นประมาท โดยเรียกค่าเสียหาย 100 ล้านบาท และวันที่ 31 มกราคม 2566 ฟ้องร้องนายอัจฉริยะ คดีหมิ่นประมาทเช่นเดียวกันโดยเรียกค่าเสียหาย 50 ล้านบาท ซึ่งคดีทั้งหมดอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาล


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top