Sunday, 19 May 2024
อุปกิต

‘โรม’ งัดหลักฐาน สู้กลับ ‘ส.ว.อุปกิต’ ชี้!! แสดงทรัพย์สินเท็จ - จ่อยืน ป.ป.ช. เอาผิด

‘โรม’ เปิดหลักฐานเพิ่ม สู้กลับ ‘อุปกิต’ ชี้แสดงบัญชีทรัพย์สินเท็จ ปมขายโรงแรมอัลลัวร์รีสอร์ท จ่อยื่น ป.ป.ช. สัปดาห์นี้ วินิจฉัยฟันพ้น ส.ว. - เพิกถอนรับสมัครเลือกตั้งตลอดชีวิต ตั้งคำถามตำรวจ กล้ายึดอาคารพรรครวมไทยสร้างชาติหรือไม่ จี้ ‘ประยุทธ์’ อย่าหนีความรับผิดชอบ ตอบสังคม ทำไมตำรวจรับผิดชอบคดี ‘ทุนมินลัต’ โดนย้าย

(20 ก.พ.66) ที่รัฐสภา รังสิมันต์ โรม โฆษกพรรคก้าวไกล แถลงข่าวเปิดหลักฐานเพิ่มเติมสืบเนื่องจากการอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติตามรัฐธรรมนูญมาตรา 152 เปิดโปงกรณี ‘ไทยดำ-จีนเทา’ ซึ่งพาดพิง อุปกิต ปาจรียางกูร ส.ว. จนรังสิมันต์ถูกอุปกิตฟ้องข้อหาหมิ่นประมาท เรียกร้องค่าเสียหาย 100 ล้านบาท

รังสิมันต์กล่าวว่า จากการอภิปรายของตน ระบุว่า อุปกิต เคยเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่และกรรมการของบริษัท อัลลัวร์ กรุ๊ป จำกัด (Allure Group) ซึ่งถูกเชื่อมโยงว่าเป็นบริษัทเพื่อฟอกเงินที่ได้มาโดยผิดกฎหมายของ ‘ทุนมินลัต’ (Tun Min Latt) นักธุรกิจชาวเมียนมา แต่ต่อมาเมื่อมีการจับกุมทุนมินลัต อุปกิตก็รีบออกมาชี้แจงว่าได้ขายหุ้นและลาออกจากตำแหน่งกรรมการของ Allure Group และ Myanmar Allure แล้วในปี 2562 ก่อนรับตำแหน่ง ส.ว. รวมถึงโรงแรม Allure Resort ก็ขายไปแล้ว และยื่นแสดงบัญชีทรัพย์สินกับคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เรียบร้อย แต่ครั้งนี้ ตนจะมาพูดถึงการขายหุ้นขายโรงแรมที่อุปกิตอ้างว่าทำไปแล้วก่อนมาเป็น ส.ว. ว่าจริงเท็จอย่างไร 

เนื่องจากหนึ่งในเอกสารที่อุปกิตยื่นประกอบบัญชีทรัพย์สินต่อ ป.ป.ช. คือเอกสารสัญญาซื้อขายอาคารและกิจการโรงแรม ลงวันที่ 9 พฤษภาคม 2562 เนื้อหาสัญญาระบุว่า อุปกิต ซึ่งเป็นผู้ขาย ทำสัญญากับ ชาคริส กาจกำจรเดช ผู้ซื้อ ว่าตกลงซื้อขายอาคารตึกคอนกรีตเสริมเหล็ก 3 ชั้น จำนวน 1 หลัง ห้องพักจำนวน 78 ห้อง และกิจการโรงแรม Allure Resort และสิทธิการใช้ประโยชน์บนที่ดินอันเป็นที่ตั้งของอาคารดังกล่าว ในราคา 8,150,000 ดอลลาร์สหรัฐ ชำระเงินในเดือนสิงหาคม 2562 และตกลงกันว่าจะส่งมอบและรับมอบการครอบครองอาคารดังกล่าวในวันเดียวกันกับวันที่ทำสัญญา นอกจากนี้ อุปกิตยังแนบสำเนาหนังสือรับรองจากธนาคาร B.I.C. (CAMBODIA) BANK PLC. ลงวันที่ 6 สิงหาคม 2562 รับรองบัญชีธนาคารดังกล่าว ว่ามีเงินฝากจำนวน 8,150,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ

ข้อสังเกตต่อเอกสารสัญญาฉบับนี้ คือสิทธิและหน้าที่เกี่ยวกับโรงแรม Allure Resort ตามสัญญา BOT ที่ทำกับกรมการโรงแรมฯ เมียนมานั้น ต้องเป็นของบริษัท Allure Group หรือ Myanmar Allure ดังนั้นถ้าจะมีการขายโรงแรม Allure Resort ให้ผู้อื่นจริงๆ ก็ควรเป็นการที่อุปกิตขายหุ้นของตัวเองใน Allure Group หรือ Myanmar Allure ที่ถือสิทธิและหน้าที่ในโรงแรม ให้กับชาคริส หรือไม่ถ้าเป็นกรณีที่ Allure Group หรือ Myanmar Allure จะขายสิทธิและหน้าที่ในโรงแรมที่บริษัทถืออยู่ให้กับชาคริส ก็ควรต้องเป็นสัญญาที่ทำขึ้นในนามของบริษัทนั้น ๆ อย่างไรก็ตาม ตนไม่แน่ใจว่ากรณีนี้ทำได้หรือไม่ เพราะสัญญา BOT กำหนดว่ากรมการโรงแรมฯ ต้องยินยอมด้วย 

แต่ปรากฏว่าสัญญาฉบับนี้กลับมีลักษณะเป็นสัญญาในนามบุคคลธรรมดา 2 คน ไม่ใช่นิติบุคคล และไม่ได้เป็นสัญญาเพื่อซื้อขายหุ้นของบริษัทใด ๆ แต่เป็นการซื้อตึกโรงแรม กิจการโรงแรม และสิทธิใช้ประโยชน์บนที่ดินโรงแรม หมายความว่า ตามสัญญานี้สิทธิในโรงแรม Allure Resort จะต้องตกเป็นของบุคคลธรรมดาที่ชื่อชาคริสคนเดียว ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่น่าเป็นไปได้ 

ยิ่งกว่านั้น เมื่อไปดูเนื้อหาหนังสือรับรองของ B.I.C. (CAMBODIA) BANK PLC. แม้จะระบุว่าบัญชีธนาคารที่อุปกิตอ้างมีเงินฝาก 8,150,000 ดอลลาร์ฯ จริง แต่ก็ไม่มีตรงไหนระบุว่าเป็นการจ่ายมาจากชาคริสจริงหรือไม่ นี่คือข้อสังเกตถึงความไม่ชอบมาพากลของการขายโรงแรม ที่อุปกิตอ้างต่อ ป.ป.ช.

ที่สำคัญ หลังจากนั้นเมื่อมีการสืบสวนสอบสวนคดียาเสพติดและการฟอกเงินที่เกี่ยวข้องไปถึงพนักงานของ Allure Group มีการเรียกชาคริสไปให้การเมื่อเดือนเมษายน 2565 ตามบันทึกคำให้การช่วงหนึ่ง ชาคริสให้การว่าตนถือหุ้น 15% ของโรงแรมอัลลัวร์ฯ มาตั้งแต่ปี 2558 จนกระทั่งประมาณปลายปี 2562 ตนเคยทำการตกลงซื้อกิจการโรงแรม Allure Resort จากอุปกิตในราคา 8,150,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ คิดเป็นเงินไทยประมาณ 251,572,000 บาท แต่ไม่ได้มีการทำสัญญาซื้อขายกันจริงแต่อย่างใด เนื่องจากตนไม่มีเงินซื้อกิจการดังกล่าว ไม่รู้จะไปหามาจากไหนตั้ง 250 กว่าล้าน และยังให้การอีกว่าต่อมาอีก 1 ปีให้หลัง ประมาณเดือนกรกฎาคม 2563 อุปกิตได้ตกลงขายกิจการให้กับบุคคลอื่นในราคาประมาณ 300 ล้านบาท หักค่าใช้จ่ายแล้วคงเหลือ 265 ล้านบาท ตนได้รับส่วนแบ่งตามจำนวนที่ถือหุ้น 15% เป็นเงินจำนวน 39,750,000 บาท

‘โรม’ ฝากสื่อกระตุก ‘ประยุทธ์’ ก่อนเข้าที่ทำการพรรค รทสช. อย่าตีมึน ควรตอบสังคมปมที่ดิน ‘ส.ว.อุปกิต’ ให้ชัด!!

(27 ก.พ. 66) รังสิมันต์ โรม โฆษกพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ขอให้สื่อมวลชนร่วมติดตามกรณีอื้อฉาวของ อุปกิต ปาจรียางกูร สมาชิกวุฒิสภา ซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินที่ทำการพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ที่ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี หลังจากการอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติตามมาตรา 152 ที่ผ่านมา ได้เห็นความสัมพันธ์ระหว่าง ส.ว. รายดังกล่าว กับ นักธุรกิจชาวเมียนมา ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการค้ายาเสพติด ไปจนถึงขบวนการค้าอาวุธสงคราม แต่จนถึงวันนี้กลับยังไม่มีความชัดเจนจาก พล.อ. ประยุทธ์

ล่าสุด พล.อ. ประยุทธ์ จะเดินทางไปเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. ณ ที่ทำการพรรครวมไทยสร้างชาติ จึงขอฝากคำถามผ่านผู้สื่อข่าว ไปยัง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในฐานะประธานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาสูงสุดของตำรวจ ต้องตอบให้ได้ว่าในเมื่ออุปกิต มีข้อครหาเกี่ยวข้องกับการค้ายาเสพติดและการฟอกเงิน พล.อ.ประยุทธ์ จะดำเนินการเรื่องดังกล่าวอย่างไร

เพราะที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ ไม่เคยมีคำตอบใดให้สังคม และใช้ความเงียบเพื่อเลี่ยงตอบปัญหา จนน่าสงสัยว่าเป็นความตั้งใจทำให้สังคมลืม เพื่อปกป้องอุปกิต ซึ่งเป็นเป็นเจ้าของที่ดินและสิ่งปลูกสร้างบนที่ทำการปัจจุบันของพรรครวมไทยสร้างชาติหรือไม่ เพราะผลประโยชน์ทับซ้อน ทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างที่ควรจะเป็นหรือไม่


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top