Friday, 3 May 2024
อียิปต์

‘ชาวอียิปต์’ เดือด!! รัฐบาลแนะกิน ‘ตีนไก่-กีบเท้าวัว’ บรรเทาจน ขัดวัฒนธรรมผู้คนที่มองเป็นเศษอาหารเหลือทิ้งให้หมาแมวกิน

ไอเดียบรรเจิดหรือไม่...ไม่รู้? แต่ไอเดียแก้ปัญหาของรัฐบาลอียิปต์ ด้วยการออกคำแนะนำให้ประชาชนหันมาบริโภค ‘ตีนไก่-กีบเท้าวัว’ ท่ามกลางวิกฤตเศรษฐกิจในประเทศ ก็ดูจะสร้างความไม่พอใจต่อประชาชนในประเทศอย่างมากเลยทีเดียว

ปัญหาความยากจนและภาวะเงินเฟ้อพุ่งสูง เป็นสถานการณ์ที่ประชาชนในหลายประเทศต้องแบกรับ หนึ่งในนั้น ก็รวมถึงในประเทศอียิปต์ ที่เงินเฟ้อทะยานขึ้นแตะ 30% จนทำให้ราคาสินค้าหลายประเภท พุ่งขึ้น 2-3 เท่า

ในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา ค่าเงินปอนด์อียิปต์ร่วงลงกว่าครึ่งหนึ่ง เมื่อเทียบกับค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ทำให้รัฐบาลต้องประกาศลดค่าเงินหลายครั้ง ครั้งล่าสุดเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงกับการนำเข้าสินค้า

ราคาอาหารคนและอาหารสัตว์ ที่พุ่งสูงขึ้น ทำให้หลายครอบครัวไม่สามารถซื้อ แม้แต่วัตถุดิบง่าย ๆ อย่างน้ำมันพืช หรือชีสได้

ปีที่แล้ว วีแดด (Wedad) คุณแม่วัยเกษียณชาวอียิปต์ ใช้ชีวิตอย่างไม่ขัดสนแบบคนชนชั้นกลาง อาศัยเงินบำนาญประมาณ 5,500 บาท ที่ได้รับทุกเดือน แต่ปัจจุบัน เธอเผชิญชะตากรรมแบบเดียวกับทุก ๆ คน คือ ใช้เงินแบบเดือนชนเดือน

วีแดด บอกว่า เธอต้องลดการกินเนื้อ เหลือแค่เดือนละครั้ง บางเดือนก็ไม่กินเลย แต่ก็ยังซื้อไก่กินอาทิตย์ละครั้ง โดยราคาไก่ทั้งตัว ปัจจุบันอยู่ที่ กก.ละเกือบ 78 บาท จากเดิมอยู่ที่ กก.ละ 33 บาทในปี 2021 ส่วนราคาไข่ไก่ทุกวันนี้ พุ่งขึ้นไปอยู่ที่ฟองละเกือบ 6 บาทแล้ว

***จากสภาวะความยากลำบากที่เกิดขึ้นนี้ ทำให้รัฐบาลอียิปต์ผุดไอเดียออกคำแนะนำให้ประชาชนหันมาบริโภค ‘ตีนไก่’ และ ‘กีบเท้าวัว’ ที่มีราคาถูก ในช่วงที่ภาระค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น 

พลันที่รัฐบาลบอกแบบนี้ ก็เรียกเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก เพราะแม้ ‘ตีนไก่’ จะเป็นวัตถุดิบที่อุดมไปด้วยคุณค่าทางโภชนาการ หลายประเทศนิยมรับประทานโดยนำมาต้มหรือตุ๋นในน้ำซุป แต่ในบางวัฒนธรรม เช่น อียิปต์ มองว่าตีนไก่ไม่ใช่วัตถุดิบที่นำมาทำอาหารได้ เป็นแค่เศษอาหารเหลือทิ้ง ที่มักให้สุนัขหรือแมวกินเท่านั้น คนจำนวนมากจึงรู้สึกไม่พอใจกับคำแนะนำนี้ เพราะมองว่ารัฐบาลควรพยายามหาทางแก้วิกฤตนี้ให้ได้ แทนที่จะขอให้ประชาชนหันไปกินอาหารที่เป็นสัญลักษณ์ของความยากจน

สำหรับอียิปต์เป็นประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 2 ของอาหรับ และมีศักยภาพทางเศรษฐกิจเหนือกว่าหลายประเทศในภูมิภาค

อย่างไรก็ตาม ข้อมูลจากรัฐบาลชี้ว่า ประชากรในประเทศราว 30% มีรายได้อยู่ต่ำกว่าเส้นความยากจน ขณะที่ธนาคารโลกประเมินในปี 2019 ว่า ชาวอียิปต์ประมาณ 60% มีฐานะยากจนหรืออยู่ในกลุ่มเปราะบาง

ด้านประธานาธิบดีอับดุล ฟัตตาห์ อัล-ซีซี ระบุว่า ปัญหาเศรษฐกิจของอียิปต์เริ่มขึ้นตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ชุมนุมอาหรับสปริงในปี 2011 ประกอบกับจำนวนประชากรในประเทศที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว จนแตะ 109 ล้านคน ยิ่งซ้ำเติมปัญหาด้านทรัพยากรที่มีจำกัด รวมถึงความมั่นคงทางสังคมและเศรษฐกิจ และในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ยังมีปัจจัยลบเข้ามาเพิ่มเติม ทั้งวิกฤตโรคระบาด ซึ่งทำให้นักลงทุนโยกย้ายเงินลงทุนกว่า 20,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ออกจากอียิปต์ในปี 2020 นอกจากนี้ ยังมีวิกฤตสงครามในยูเครนด้วย

แต่ละปี จะมีนักท่องเที่ยวจำนวนมากจากรัสเซียและยูเครนเดินทางมาที่อียิปต์ แต่จำนวนนักท่องเที่ยวลดลงไปมากนับตั้งแต่เกิดสงคราม จนทำให้รายได้ในภาคการท่องเที่ยว ซึ่งคิดเป็น 5% ของ GDP ติดลบอย่างหนัก

‘อียิปต์’ แฉ!! ถูก ‘สหรัฐฯ’ กดดันจัดหาอาวุธให้ยูเครนเพื่อใช้ตอบโต้กลับการโจมตีจากกองกำลังรัสเซีย

เมื่อวานนี้ (13 ส.ค. 66) มีรายงานว่า พวกเจ้าหน้าที่อียิปต์ตัดสินใจไม่เข้าร่วมในการจัดหาอาวุธป้อนแก่ยูเครน เพิกเฉยต่อแรงกดดันจากสหรัฐฯ ที่ร้องขอซ้ำๆ ให้ผลิตกระสุนปืนใหญ่และอาวุธอื่นๆ ที่จำเป็นสำหรับปฏิบัติการโจมตีตอบโต้กลับกองกำลังรัสเซียของทางยูเครน

หนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัล รายงานเมื่อวันศุกร์ (11 ส.ค.) อ้างอิงเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ซึ่งไม่ประสงค์เอ่ยนาม ระบุว่าวอชิงตันยังได้ร้องขออียิปต์ จัดหาขีปนาวุธต่อต้านรถถัง ระบบป้องกันภัยทางอากาศและอาวุธขนาดเล็กแก่ยูเครนโดยคำขอดังกล่าวเกิดขึ้นในหลายวาระ ในนั้นรวมถึงระหว่างการพบปะกันระหว่าง ลอยด์ ออสติน รัฐมนตรีกลาโหมอเมริกา และประธานาธิบดีอับเดล ฟัตตาห์ อัล-ซิซี ในกรุงไคโร เมื่อเดือนมีนาคม

“ในการสนทนากับพวกเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ อียิปต์ไม่ได้ปฏิเสธคำขออย่างสิ้นเชิง แต่พวกเจ้าหน้าที่อียิปต์บอกเป็นการส่วนตัว ว่าอียิปต์ไม่มีแผนส่งมอบอาวุธ” วอลล์สตรีท เจอร์นัล รายงาน

อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่าข้อความนี้จะไม่เข้าหูวอชิงตัน ด้วยเจ้าหน้าที่รายหนึ่งของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯมองในแง่บวกว่าอียิปต์จะยอมช่วยเหลือยูเครน โดยบอกกับวอลล์สตรีท เจอร์นัล ว่า “การพูดคุยหารือระหว่างเรากับคู่หูอียิปต์ ในแง่ผลประโยชน์ร่วมของเราในการยุติสงครามของรัสเซีย ออกดอกออกผล และกำลังเดินหน้าต่อไป”

ก่อนหน้านี้ในปีนี้ มีข่าวว่าอียิปต์ยอมอ่อนข้อต่อแรงกดดันจากสหรัฐฯ ต่อคำกล่าวอ้างที่ว่าพวกเขามีแผนขายจรวดให้รัสเซีย ทั้งนี้ อัล-ซิซี พยายามธำรงไว้ซึ่งความสัมพันธ์อันดีกับทั้งวอชิงตันและมอสโก ท่ามกลางวิกฤตยูเครน ปฏิเสธเข้าร่วมโครงการที่นำโดยสหรัฐฯ สำหรับจัดหาอาวุธแก่ยูเครนและลงโทษรัสเซีย

วอลล์สตรีท เจอร์นัล เน้นว่าความล้มเหลวในความพยายามขอแรงสนับสนุนจากอียิปต์ เกิดขึ้นในช่วงเวลาสำคัญยิ่งของความขัดแย้ง ซึ่งกองกำลังยูเครนกำลังพยายามบุกทะลวงแนวป้องกันที่น่าเกรงขามของรัสเซีย ในขณะที่สหรัฐฯพยายามรอแรงหนุนหลักทั้งด้านการทหารและการทูตสำหรับเคียฟ

นอกจากนี้ การตัดสินใจของอัล-ซิซี ยังเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่สมาชิกสภาคองเกรสบางส่วนเรียกร้องให้รัฐบาลของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ระงับเงินช่วยเหลือด้านการทหารของสหรัฐฯ ที่มอบแก่อียิปต์ ก้อนหนึ่งมูลค่า 320 ล้านดอลลาร์ จากงบช่วยเหลือรายปี 1,300 ล้านดอลลาร์ โดยอ้างอิงเกี่ยวกับประวัติด้านมนุษยชนในประเทศแห่งนี้

‘ก.ยุติธรรมสหรัฐฯ’ ฟ้อง!! แกนนำพรรคเดโมแครต  รับสินบนลับจาก ‘อียิปต์’ เพื่อปลดล็อกแบนขายอาวุธ

เมื่อวันที่ 25 ก.ย. 66 สำนักข่าวเอเจนซีส์ / รอยเตอร์ รายงานว่า แกนนำพรรคเดโมแครต ‘สว.บ็อบ เมเนนเดซ’ (Bob Menendez) และภรรยาล็อบบี้ยิสต์ชาวอาร์เมเนียเกิดในกรุงเบรุต ‘นาดีน เมเนนเดซ’ (Nadine Menendez) โดนกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ วันศุกร์ (22 ก.ย.) ฟ้องดำเนินคดีรับสินบนจากหลายแสนดอลลาร์จากรัฐบาลอียิปต์ เพื่อปลดล็อกแบนให้วอชิงตันขายอาวุธให้ไคโร เจ้าตัวปฏิเสธลาออกจาก สว. แต่ยอมลาออกจากตำแหน่งประธานคณะกรรมาธิการกิจการต่างประเทศประจำสภาสูงสหรัฐฯ ชั่วคราว นอกจากนี้ ยังได้มีการตรวจค้นบ้านพักและพบเงินสดร่วม 500,000 ดอลลาร์แอบซุกซ่อนไว้ รวมไปถึงทองคำแท่งจำนวนมากและรถหรูอีกด้วย

สำนักข่าวเอบีซีนิวส์ของออสเตรเลีย รายงานเมื่อวันเสาร์ (23 ก.ย.) ว่า FBI ค้นบ้านพักของ ‘สว.บ็อบ เมเนนเดซ’ ในรัฐนิวเจอร์ซีที่ถูกตกแต่งพร้อมกับของกลางรถสุดหรู ‘เมอร์เซเดสเบนซ์’ จอดอยู่ในโรงรถ ล้วนแล้วมาจากนักธุรกิจนิวเจอร์ซีย์ 3 คนที่เป็นตัวกลางติดต่อกับรัฐบาลอียิปต์ ได้แก่ วาเอล ฮานา (Wael Hana), โฮเซ่ อูริบ (Jose Uribe) และเฟรด เดบส์ (Fred Daibes)

อ้างอิงจากกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ เมเนนเดซ และภรรยา นาดีน เมเนนเดซ ในวันศุกร์ (22 ก.ย.) ถูกอัยการสหรัฐฯ ประจำเขตแมนแฮตตัน สั่งฟ้องดำเนินคดีข้อหารับสินบนจำนวนหลายแสนดอลลาร์ เพื่อแลกเปลี่ยนกับอำนาจและอิทธิพลในฐานะวุฒิสมาชิกสหรัฐฯ ของเขา เพื่อปกป้องและสนับสนุนเพื่อนนักธุรกิจของตัวเองและผลประโยชน์ของรัฐบาลอียิปต์

สำนักข่าวรอยเตอร์ชี้ว่า ‘บ็อบ เมเนนเดซ’ เป็นที่รู้จักในแวดวงการเมืองสหรัฐฯ เขานั่งในตำแหน่งสำคัญประธานคณะกรรมาธิการด้านกิจการต่างประเทศสหรัฐฯ ประจำสภาสูงสหรัฐฯ ซึ่งเมเนนเดซยอมลาออกจากตำแหน่งชั่วคราวหลังเขาและภรรยาและก๊วนเพื่อนนักธุรกิจทั้งหมดโดนรัฐบาลสหรัฐฯ ดำเนินคดีทางกฎหมาย

เมเนนเดซเป็นคนใกล้ชิดของประธานาธิบดีสหรัฐฯ ‘โจ ไบเดน’ จากการที่ผู้นำสหรัฐฯ ต้องการทำให้อเมริกายังคงความเป็นเจ้าอิทธิพลในเวทีโลก และในช่วงเวลาที่ไบเดนต้องการผ่าทางตันให้แพกเกจความช่วยเหลือยูเครนผ่านสภาคองเกรสหรัฐฯ ในเวลาเดียวกันกับที่ต้องต่อต้านการผงาดขึ้นมาของ ‘จีน’

สำนักข่าวรอยเตอร์ รายงานว่า การสอบสวนล่าสุดนี้ถือเป็นครั้งที่ 3 ที่เมเนนเดซโดนรัฐบาลกลางสหรัฐฯ สอบ แต่ทว่าเขาไม่เคยถูกดำเนินคดีมาก่อน

อ้างอิงจากสำนักข่าวบีบีซีของอังกฤษ พบว่า อัยการแมนแฮตตันกล่าวหา สว.เมเนเดซ และภรรยาจำนวน 3 กระทง ได้แก่ สมคบคิดในการรับสินบน สมคบคิดต่อไม่ซื่อตรงต่อหน้าที่ (honest services fraud) และสมคบคิดในการกรรโชก

ทั้งคู่โดนกล่าวหาว่า รับเงินสินบน เพื่อช่วยเหลือรัฐบาลอียิปต์อย่างลับๆ แต่ทว่าคนทั้งคู่ปฏิเสธอย่างหนักต่อข้อหาทั้งหมด

สำนักข่าวเอบีซีนิวส์ของออสเตรเลีย รายงานว่า เจ้าหน้าที่ FBI บุกค้นบ้านพักของ สว.สหรัฐฯ ในเดือนมิถุนายนปีที่แล้ว และสามารถค้นพบเงินสดจำนวนไม่ต่ำกว่า 480,000 ดอลลาร์อยู่ในซองและซ่อนอยู่ในตู้เสื้อผ้าและภายในตู้เซฟที่บ้านพัก และเงินสดอีกก้อนจำนวน 70,000 ดอลลาร์อยู่ภายในตู้เซฟนิรภัยธนาคารของภรรยา นาดีน

โดยซองเงินสดบางส่วนพบอยู่ในเสื้อแจ็กเกตที่มีชื่อของ สว.อยู่ซึ่งถูกแขวนไว้ที่ตู้เสื้อผ้า ขณะที่ซองเงินสดอื่นๆ พบลายนิ้วมือหรือดีเอ็นเอของเพื่อนนักธุรกิจนิวเจอร์ซีย์ เฟรด เดบส์ ปรากฏ

สื่อออสเตรเลียเปิดเผยว่า มีการค้นพบทองคำแท่งจำนวนมากที่มีมูลค่ามากกว่า 100,000 ดอลลาร์ อยู่ภายในบ้านของเมเนนเดซ

สำนักข่าวบิสซิเนสอินไซเดอร์ ชี้ว่า เป็นที่ฮือฮาที่เมเนนเดซ ซึ่งเป็นแกนนำคนสำคัญพรรคเดโมแครต ใช้กูเกิลเพื่อค้นหาว่าทองคำหนัก 1 กิโลกรัมนั้นมีมูลค่ามากเพียงใด

ตามคำฟ้องระบุว่า อดีตประธานคณะกรรมาธิการต่างประเทศสหรัฐฯ เมื่อวันที่ 21 ต.ค.ปี 2021 ได้ทำการค้นหามูลค่าของทองคำหนัก 1 กิโลกรัม

และหลังจากคำฟ้องเปิดเผยในวันศุกร์ (22 ก.ย.) พบว่าการเสิร์ชค้นหา ‘ทองคำหนัก 1 กิโลกรัม’ กลายเป็นกระแสฮิตในสหรัฐฯ ในทันที ทั้งนี้ พบว่า เขาเริ่มต้นค้นหาเกี่ยวกับมูลค่าของทองคำหลังจากนาดีน ภรรยาเดินทางกลับจากอียิปต์

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ในหลายโอกาสระหว่างปี 2018-2022 เมเนนเดซได้ยืนยันไปยังเจ้าหน้าที่อียิปต์ว่า เขาซึ่งดำรงตำแหน่งในฐานะประธานคณะกรรมาธิการกิจการต่างประเทศประจำวุฒิสมาชิกสหรัฐฯ จะอนุมัติยกเลิกการห้ามขายอาวุธยุทโธปกรณ์ให้อียิปต์ และนาดีน ภรรยาของ สว.ได้รับคำสัญญาที่จะได้รับเงินเป็นค่าตอบแทน

นาดีนที่เป็นศูนย์กลางคดีคอร์รัปชันนี้ เธอมีบทบาทในการล็อบบี้ช่วยอียิปต์นั้นมีความน่าสนใจมาก

อ้างอิงจากสื่อนิวเจอร์ซีย์ nj.com ระบุว่า นาดีน เบนเนเดซ หรือ ‘นาดีน อาร์สลาเนียน’ (Nadine Arslanian) เป็นชาวอาร์มาเนีย เกิดในเบรุต เลบานอน ครอบครัวหนีภัยสงครามกลางเมืองเบรุตไปที่กรีซ และต่อมาย้ายไปที่กรุงลอนดอน อังกฤษ ก่อนเดินทางเข้ามาสหรัฐฯ ในที่สุด

สื่อ nj.com รายงานต่อว่า นาดีนนั้นสำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยนิวยอร์กระดับปริญญาตรี และเรียกตัวว่าเป็น ‘นักธุรกิจหญิง’ เธอได้พบกับเมเนนเดซที่ร้านอาหาร IHOP เมื่อธันวาคม ปี 2018 และคนทั้งคู่สมรสระหว่างโควิด-19 เกิดระบาดในวันที่ 3 ต.ค. 2020 ทั้งสองฝ่ายต่างเคยผ่านการสมรสมาแล้วก่อนหน้า

เอบีซีนิวส์รายงานว่า นาดีน และวุฒิสมาชิกสหรัฐฯ เริ่มต้นคบหาเมื่อปี 2018 โดยนักธุรกิจนิวเจอร์ซีย์ ‘วาเอล ฮานา’ ที่เป็นตัวกลางติดต่อเจ้าหน้าที่กองทัพอียิปต์นั้นเป็นเพื่อนของนาดีน

ตามคำฟ้องระบุว่า ในการพูดคุยนั้นรวมไปถึงประเด็นเงินช่วยเหลือกิจการต่างประเทศทางการทหารให้อียิปต์

ขณะที่เมนเนเดซ ปัจจุบันวัย 69 ปี ดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมาธิการกิจการต่างประเทศประจำสภาสูงสหรัฐฯ และเขาถูกเลือกให้ดำรงตำแหน่งเป็นสมัยที่ 3 ในสภาสูงสหรัฐฯ เมื่อปี 2018 ซึ่งเป็นปีที่เขาเริ่มต้นคบหานาดีนภรรยา

และพบว่า ช่วงที่ระหว่างกำลังคบหาภรรยานักล็อบบี้ยิสต์ พบว่า สว.เมเนนเดซได้เคยสอบถามไปยังกระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ สำหรับข้อมูลที่ไม่ใช่เป็นข้อมูลลับ แต่ถือเป็นข้อมูลอ่อนไหวสูงเนื่องมาจากเหตุผลด้านความมั่นคง

สื่อออสเตรเลียกล่าวว่า เมเนนเดซต้องการทราบถึงจำนวนและสัญชาติของเจ้าหน้าที่ ที่ประจำอยู่ในสถานทูตสหรัฐฯ ประจำกรุงไคโร

และในเดือนเดียวกันนั้นหลังจากอาหารค่ำมื้อหรูที่ภัตตาคารชื่อดังระดับบนที่เมเนนเดซร่วมกับเพื่อนนักธุรกิจนิวเจอร์ซีย์ ฮานา พบว่านักธุรกิจได้แอบลอบส่งข้อความไปยังเจ้าหน้าที่อียิปต์อีกคนเป็น ‘ความลับที่ไม่เปิดเผยต่อสาธารณะ’

ซึ่งในครั้งนี้เอบีซีนิวส์กล่าวว่า มันเป็นข้อความเกี่ยวข้องกับการยกเลิกการแบนห้ามส่งอาวุธเบาและกระสุนไปให้อียิปต์

“นี่หมายความว่าการขายสามารถเริ่มต้นได้ ที่จะรวมถึงปืนไรเฟิลรวมไปถึงสิ่งอื่นๆ” หนึ่งในข้อความที่ถูกส่งไป

‘จีน’ ช่วย ‘อียิปต์’ ส่งดาวเทียมสำรวจดวงใหม่ สู่วงโคจรสำเร็จ พัฒนาความร่วมมือเทคโนโลยีการบิน-อวกาศระหว่างประเทศ

เมื่อวันที่ 4 ธ.ค. 66 สำนักข่าวซินหัว, จิ่วเฉวียน รายงานข่าว ‘จีน’ ช่วย ‘อียิปต์’ ส่งดาวเทียมสำรวจระยะไกลขึ้นสู่วงโคจร จากศูนย์ปล่อยดาวเทียมจิ่วเฉวียนทางตะวันตกเฉียงเหนือของจีน

รายงานระบุว่า ‘ดาวเทียมมิสร์แซท-2’ (MISRSAT-2) ถูกขนส่งด้วยจรวด ‘ลองมาร์ช-2ซี’ (Long March-2C) เมื่อวันที่ 4 ธ.ค. ที่ผ่านมา เวลา 12.10 น. ตามเวลาปักกิ่ง และจะถูกใช้เพื่อประโยชน์ด้านที่ดินและทรัพยากร การอนุรักษ์น้ำ การเกษตร และอื่นๆ ของอียิปต์

องค์การบริหารอวกาศแห่งชาติจีน เผยว่า ดาวเทียมดวงนี้ เป็นโครงการสำคัญของความร่วมมือเชิงลึกระหว่างจีนและอียิปต์ ในด้านเทคโนโลยีการบินและอวกาศขั้นสูง และถือเป็นหมุดหมายสำคัญของความร่วมมือด้านการบินและอวกาศระหว่างสองประเทศ

อนึ่ง การส่งดาวเทียมครั้งนี้นับเป็นภารกิจการบินที่ 499 ของจรวดขนส่งตระกูลลองมาร์ช โดยมีดาวเทียมสำรวจระยะไกล ‘สตาร์พูล 02-เอ’ (Starpool 02-A) และ ‘สตาร์พูล 02-บี’ (Starpool 02-B) ถูกส่งขึ้นสู่อวกาศในช่วงเวลาเดียวกัน


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top